Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๗. ภิกฺขุสงฺฆปริหรณปโญฺห
7. Bhikkhusaṅghapariharaṇapañho
๗. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา ‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, น เอวํ โหติ ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’’ติ วา, ‘‘มมุเทฺทสิโก ภิกฺขุสโงฺฆ’’ติ วา’ติฯ ปุน จ เมเตฺตยฺยสฺส ภควโต สภาวคุณํ ปริทีปยมาเนน ภควตา เอวํ ภณิตํ ‘‘โส อเนกสหสฺสํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสติ, เสยฺยถาปิ อหํ เอตรหิ อเนกสตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหรามี’’ติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, น เอวํ โหติ ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ วา, ‘‘มมุเทฺทสิโก ภิกฺขุสโงฺฆ’’ติ วา’ติ, เตน หิ อเนกสตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหรามีติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘โส อเนกสหสฺสํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสติ, เสยฺยถาปิ อหํ เอตรหิ อเนกสตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหรามี’ติ, เตน หิ ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, น เอวํ โหติ ‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’ติ วา, ‘มมุเทฺทสิโก ภิกฺขุสโงฺฆ’ติ วาติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา, อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
7. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā ‘tathāgatassa kho, ānanda, na evaṃ hoti ‘‘ahaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmī’’’ti vā, ‘‘mamuddesiko bhikkhusaṅgho’’ti vā’ti. Puna ca metteyyassa bhagavato sabhāvaguṇaṃ paridīpayamānena bhagavatā evaṃ bhaṇitaṃ ‘‘so anekasahassaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissati, seyyathāpi ahaṃ etarahi anekasataṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharāmī’’ti. Yadi, bhante nāgasena, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘tathāgatassa kho, ānanda, na evaṃ hoti ‘‘ahaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmī’’ti vā, ‘‘mamuddesiko bhikkhusaṅgho’’ti vā’ti, tena hi anekasataṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharāmīti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi tathāgatena bhaṇitaṃ ‘so anekasahassaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissati, seyyathāpi ahaṃ etarahi anekasataṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharāmī’ti, tena hi tathāgatassa kho, ānanda, na evaṃ hoti ‘ahaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmī’ti vā, ‘mamuddesiko bhikkhusaṅgho’ti vāti tampi vacanaṃ micchā, ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, น เอวํ โหติ ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ วา, ‘‘มมุเทฺทสิโก ภิกฺขุสโงฺฆ’’ติ วา’ติฯ ปุน จ เมเตฺตยฺยสฺสาปิ ภควโต สภาวคุณํ ปริทีปยมาเนน ภควตา ภณิตํ ‘โส อเนกสหสฺสํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสติ, เสยฺยถาปิ อหํ เอตรหิ อเนกสตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหรามี’ติฯ เอตสฺมิญฺจ, มหาราช, ปเญฺห เอโก อโตฺถ สาวเสโส, เอโก อโตฺถ นิรวเสโสฯ น, มหาราช, ตถาคโต ปริสาย อนุคามิโก, ปริสา ปน ตถาคตสฺส อนุคามิกา ฯ สมฺมุติ, มหาราช, เอสา ‘อห’นฺติ ‘มมา’ติ, น ปรมโตฺถ เอโส, วิคตํ, มหาราช, ตถาคตสฺส เปมํ, วิคโต สิเนโห, ‘มยฺห’นฺติปิ ตถาคตสฺส คหณํ นตฺถิ, อุปาทาย ปน อวสฺสโย โหติฯ
‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā ‘tathāgatassa kho, ānanda, na evaṃ hoti ‘‘ahaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissāmī’’ti vā, ‘‘mamuddesiko bhikkhusaṅgho’’ti vā’ti. Puna ca metteyyassāpi bhagavato sabhāvaguṇaṃ paridīpayamānena bhagavatā bhaṇitaṃ ‘so anekasahassaṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharissati, seyyathāpi ahaṃ etarahi anekasataṃ bhikkhusaṅghaṃ pariharāmī’ti. Etasmiñca, mahārāja, pañhe eko attho sāvaseso, eko attho niravaseso. Na, mahārāja, tathāgato parisāya anugāmiko, parisā pana tathāgatassa anugāmikā . Sammuti, mahārāja, esā ‘aha’nti ‘mamā’ti, na paramattho eso, vigataṃ, mahārāja, tathāgatassa pemaṃ, vigato sineho, ‘mayha’ntipi tathāgatassa gahaṇaṃ natthi, upādāya pana avassayo hoti.
‘‘ยถา, มหาราช, ปถวี ภูมฎฺฐานํ สตฺตานํ ปติฎฺฐา โหติ อุปสฺสยํ, ปถวิฎฺฐา เจเต สตฺตา, น จ มหาปถวิยา ‘มเยฺหเต’ติ อเปกฺขา โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สพฺพสตฺตานํ ปติฎฺฐา โหติ อุปสฺสยํ, ตถาคตฎฺฐา 1 เจเต สตฺตา, น จ ตถาคตสฺส ‘มเยฺหเต’ติ อเปกฺขา โหติฯ ยถา วา ปน, มหาราช, มหติมหาเมโฆ อภิวสฺสโนฺต ติณรุกฺขปสุมนุสฺสานํ วุฑฺฒิํ เทติ สนฺตติํ อนุปาเลติฯ วุฎฺฐูปชีวิโน เจเต สตฺตา สเพฺพ, น จ มหาเมฆสฺส ‘มเยฺหเต’ติ อเปกฺขา โหติฯ เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สพฺพสตฺตานํ กุสลธเมฺม ชเนติ อนุปาเลติ, สตฺถูปชีวิโน เจเต สตฺตา สเพฺพ, น จ ตถาคตสฺส ‘มเยฺหเต’ติ อเปกฺขา โหติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺตานุทิฎฺฐิยา ปหีนตฺตา’’ติฯ
‘‘Yathā, mahārāja, pathavī bhūmaṭṭhānaṃ sattānaṃ patiṭṭhā hoti upassayaṃ, pathaviṭṭhā cete sattā, na ca mahāpathaviyā ‘mayhete’ti apekkhā hoti, evameva kho, mahārāja, tathāgato sabbasattānaṃ patiṭṭhā hoti upassayaṃ, tathāgataṭṭhā 2 cete sattā, na ca tathāgatassa ‘mayhete’ti apekkhā hoti. Yathā vā pana, mahārāja, mahatimahāmegho abhivassanto tiṇarukkhapasumanussānaṃ vuḍḍhiṃ deti santatiṃ anupāleti. Vuṭṭhūpajīvino cete sattā sabbe, na ca mahāmeghassa ‘mayhete’ti apekkhā hoti. Evameva kho, mahārāja, tathāgato sabbasattānaṃ kusaladhamme janeti anupāleti, satthūpajīvino cete sattā sabbe, na ca tathāgatassa ‘mayhete’ti apekkhā hoti. Taṃ kissa hetu? Attānudiṭṭhiyā pahīnattā’’ti.
‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, สุนิเพฺพฐิโต ปโญฺห พหุวิเธหิ การเณหิ, คมฺภีโร อุตฺตานีกโต, คณฺฐิ ภิโนฺน, คหนํ อคหนํ กตํ, อนฺธกาโร อาโลโก กโต, ภคฺคา ปรวาทา, ชินปุตฺตานํ จกฺขุํ อุปฺปาทิต’’นฺติฯ
‘‘Sādhu, bhante nāgasena, sunibbeṭhito pañho bahuvidhehi kāraṇehi, gambhīro uttānīkato, gaṇṭhi bhinno, gahanaṃ agahanaṃ kataṃ, andhakāro āloko kato, bhaggā paravādā, jinaputtānaṃ cakkhuṃ uppādita’’nti.
ภิกฺขุสงฺฆปริหรณปโญฺห สตฺตโมฯ
Bhikkhusaṅghapariharaṇapañho sattamo.
Footnotes: