Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๓] ๓. โภชาชานียชาตกวณฺณนา

    [23] 3. Bhojājānīyajātakavaṇṇanā

    อปิ ปเสฺสน เสมาโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ โอสฺสฎฺฐวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺมิญฺหิ สมเย สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ อามเนฺตตฺวา ‘‘ภิกฺขุ, ปุเพฺพ ปณฺฑิตา อนายตเนปิ วีริยํ อกํสุ, ปหารํ ลทฺธาปิ เนว โอสฺสชิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Apipassena semānoti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ ossaṭṭhavīriyaṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. Tasmiñhi samaye satthā taṃ bhikkhuṃ āmantetvā ‘‘bhikkhu, pubbe paṇḍitā anāyatanepi vīriyaṃ akaṃsu, pahāraṃ laddhāpi neva ossajiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต โภชาชานียสินฺธวกุเล นิพฺพโตฺต สพฺพาลงฺการสมฺปโนฺน พาราณสิรโญฺญ มงฺคลโสฺส อโหสิฯ โส สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยํเยว นานคฺครสสมฺปนฺนํ ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนํ ภุญฺชติ, จาตุชฺชาติกคนฺธูปลิตฺตายเมว ภูมิยํ ติฎฺฐติ, ตํ ฐานํ รตฺตกมฺพลสาณิปริกฺขิตฺตํ อุปริ สุวณฺณตารกขจิตเจลวิตานํ สโมสริตคนฺธทามมาลาทามํ อวิชหิตคนฺธเตลปทีปํ โหติฯ พาราณสิรชฺชํ ปน อปเตฺถนฺตา ราชาโน นาม นตฺถิฯ เอกํ สมยํ สตฺต ราชาโน พาราณสิํ ปริกฺขิปิตฺวา ‘‘อมฺหากํ รชฺชํ วา เทตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ พาราณสิรโญฺญ ปณฺณํ เปเสสุํฯ ราชา อมเจฺจ สนฺนิปาเตตฺวา ตํ ปวตฺติํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิทานิ กิํ กโรม, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘เทว, ตุเมฺหหิ ตาว อาทิโตว ยุทฺธาย น คนฺตพฺพํ, อสุกํ นาม อสฺสาโรหํ เปเสตฺวา ยุทฺธํ กาเรถ, ตสฺมิํ อสโกฺกเนฺต ปจฺฉา ชานิสฺสามา’’ติฯ ราชา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ, ตาต, สตฺตหิ ราชูหิ สทฺธิํ ยุทฺธํ กาตุ’’นฺติ อาหฯ ‘‘เทว, สเจ โภชาชานียสินฺธวํ ลภามิ, ติฎฺฐนฺตุ สตฺต ราชาโน, สกลชมฺพุทีเป ราชูหิปิ สทฺธิํ ยุชฺฌิตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติฯ ‘‘ตาต, โภชาชานียสินฺธโว วา โหตุ อโญฺญ วา, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คเหตฺวา ยุทฺธํ กโรหี’’ติฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto bhojājānīyasindhavakule nibbatto sabbālaṅkārasampanno bārāṇasirañño maṅgalasso ahosi. So satasahassagghanikāya suvaṇṇapātiyaṃyeva nānaggarasasampannaṃ tivassikagandhasālibhojanaṃ bhuñjati, cātujjātikagandhūpalittāyameva bhūmiyaṃ tiṭṭhati, taṃ ṭhānaṃ rattakambalasāṇiparikkhittaṃ upari suvaṇṇatārakakhacitacelavitānaṃ samosaritagandhadāmamālādāmaṃ avijahitagandhatelapadīpaṃ hoti. Bārāṇasirajjaṃ pana apatthentā rājāno nāma natthi. Ekaṃ samayaṃ satta rājāno bārāṇasiṃ parikkhipitvā ‘‘amhākaṃ rajjaṃ vā detu, yuddhaṃ vā’’ti bārāṇasirañño paṇṇaṃ pesesuṃ. Rājā amacce sannipātetvā taṃ pavattiṃ ācikkhitvā ‘‘idāni kiṃ karoma, tātā’’ti pucchi. ‘‘Deva, tumhehi tāva āditova yuddhāya na gantabbaṃ, asukaṃ nāma assārohaṃ pesetvā yuddhaṃ kāretha, tasmiṃ asakkonte pacchā jānissāmā’’ti. Rājā taṃ pakkosāpetvā ‘‘sakkhissasi, tāta, sattahi rājūhi saddhiṃ yuddhaṃ kātu’’nti āha. ‘‘Deva, sace bhojājānīyasindhavaṃ labhāmi, tiṭṭhantu satta rājāno, sakalajambudīpe rājūhipi saddhiṃ yujjhituṃ sakkhissāmī’’ti. ‘‘Tāta, bhojājānīyasindhavo vā hotu añño vā, yaṃ icchasi, taṃ gahetvā yuddhaṃ karohī’’ti.

    โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ราชานํ วนฺทิตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห โภชาชานียสินฺธวํ อาหราเปตฺวา สุวมฺมิตํ กตฺวา อตฺตนาปิ สพฺพสนฺนาหสนฺนโทฺธ ขคฺคํ พนฺธิตฺวา สินฺธวปิฎฺฐิวรคโต นครา นิกฺขมฺม วิชฺชุลตา วิย จรมาโน ปฐมํ พลโกฎฺฐกํ ภินฺทิตฺวา เอกํ ราชานํ ชีวคฺคาหเมว คเหตฺวา อาคนฺตฺวา นคเร พลสฺส นิยฺยาเทตฺวา ปุน คนฺตฺวา ทุติยํ พลโกฎฺฐกํ ภินฺทิตฺวา ตถา ตติยนฺติ เอวํ ปญฺจ ราชาโน ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา ฉฎฺฐํ พลโกฎฺฐกํ ภินฺทิตฺวา ฉฎฺฐสฺส รโญฺญ คหิตกาเล โภชาชานีโย ปหารํ ลภติ, โลหิตํ ปคฺฆรติ, เวทนา พลวติโย วตฺตนฺติฯ อสฺสาโรโห ตสฺส ปหฎภาวํ ญตฺวา โภชาชานียสินฺธวํ ราชทฺวาเร นิปชฺชาเปตฺวา สนฺนาหํ สิถิลํ กตฺวา อญฺญํ อสฺสํ สนฺนยฺหิตุํ อารโทฺธฯ โพธิสโตฺต มหาผาสุกปเสฺสน นิปโนฺนว อกฺขีนิ อุมฺมิเลตฺวา อสฺสาโรหํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อญฺญํ อสฺสํ สนฺนยฺหติ, อยญฺจ อโสฺส สตฺตมํ พลโกฎฺฐกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ คณฺหิตุํ น สกฺขิสฺสติ, มยา กตกมฺมญฺจ นสฺสิสฺสติ, อปฺปฎิสโม อสฺสาโรโหปิ นสฺสิสฺสติ, ราชาปิ ปรหตฺถํ คมิสฺสติ, ฐเปตฺวา มํ อโญฺญ อโสฺส สตฺตมํ พลโกฎฺฐกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ คเหตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถี’’ติ นิปนฺนโกว อสฺสาโรหํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สมฺม อสฺสาโรห, สตฺตมํ พลโกฎฺฐกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ คเหตุํ สมโตฺถ ฐเปตฺวา มํ อโญฺญ อโสฺส นาม นตฺถิ, นาหํ มยา กตกมฺมํ นาเสสฺสามิ, มมเญฺญว อุฎฺฐาเปตฺวา สนฺนยฺหาหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

    So ‘‘sādhu, devā’’ti rājānaṃ vanditvā pāsādā oruyha bhojājānīyasindhavaṃ āharāpetvā suvammitaṃ katvā attanāpi sabbasannāhasannaddho khaggaṃ bandhitvā sindhavapiṭṭhivaragato nagarā nikkhamma vijjulatā viya caramāno paṭhamaṃ balakoṭṭhakaṃ bhinditvā ekaṃ rājānaṃ jīvaggāhameva gahetvā āgantvā nagare balassa niyyādetvā puna gantvā dutiyaṃ balakoṭṭhakaṃ bhinditvā tathā tatiyanti evaṃ pañca rājāno jīvaggāhaṃ gahetvā chaṭṭhaṃ balakoṭṭhakaṃ bhinditvā chaṭṭhassa rañño gahitakāle bhojājānīyo pahāraṃ labhati, lohitaṃ paggharati, vedanā balavatiyo vattanti. Assāroho tassa pahaṭabhāvaṃ ñatvā bhojājānīyasindhavaṃ rājadvāre nipajjāpetvā sannāhaṃ sithilaṃ katvā aññaṃ assaṃ sannayhituṃ āraddho. Bodhisatto mahāphāsukapassena nipannova akkhīni ummiletvā assārohaṃ disvā ‘‘ayaṃ aññaṃ assaṃ sannayhati, ayañca asso sattamaṃ balakoṭṭhakaṃ bhinditvā sattamaṃ rājānaṃ gaṇhituṃ na sakkhissati, mayā katakammañca nassissati, appaṭisamo assārohopi nassissati, rājāpi parahatthaṃ gamissati, ṭhapetvā maṃ añño asso sattamaṃ balakoṭṭhakaṃ bhinditvā sattamaṃ rājānaṃ gahetuṃ samattho nāma natthī’’ti nipannakova assārohaṃ pakkosāpetvā ‘‘samma assāroha, sattamaṃ balakoṭṭhakaṃ bhinditvā sattamaṃ rājānaṃ gahetuṃ samattho ṭhapetvā maṃ añño asso nāma natthi, nāhaṃ mayā katakammaṃ nāsessāmi, mamaññeva uṭṭhāpetvā sannayhāhī’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –

    ๒๓.

    23.

    ‘‘อปิ ปเสฺสน เสมาโน, สเลฺลภิ สลฺลลีกโต;

    ‘‘Api passena semāno, sallebhi sallalīkato;

    เสโยฺยว วฬวา โภโชฺฌ, ยุญฺช มเญฺญว สารถี’’ติฯ

    Seyyova vaḷavā bhojjho, yuñja maññeva sārathī’’ti.

    ตตฺถ อปิ ปเสฺสน เสมาโนติ เอเกน ปเสฺสน สยมานโกปิฯ สเลฺลภิ สลฺลลีกโตติ สเลฺลหิ วิโทฺธปิ สมาโนฯ เสโยฺยว วฬวา โภโชฺฌติ วฬวาติ สินฺธวกุเลสุ อชาโต ขลุงฺกโสฺสฯ โภโชฺฌติ โภชาชานียสินฺธโวฯ อิติ เอตสฺมา วฬวา สเลฺลหิ วิโทฺธปิ โภชาชานียสินฺธโวว เสโยฺย วโร อุตฺตโมฯ ยุญฺช มเญฺญว สารถีติ ยสฺมา เอว คโตปิ อหเมว เสโยฺย, ตสฺมา มมเญฺญว โยเชหิ, มํ วเมฺมหีติ วทติฯ

    Tattha api passena semānoti ekena passena sayamānakopi. Sallebhi sallalīkatoti sallehi viddhopi samāno. Seyyova vaḷavā bhojjhoti vaḷavāti sindhavakulesu ajāto khaluṅkasso. Bhojjhoti bhojājānīyasindhavo. Iti etasmā vaḷavā sallehi viddhopi bhojājānīyasindhavova seyyo varo uttamo. Yuñja maññeva sārathīti yasmā eva gatopi ahameva seyyo, tasmā mamaññeva yojehi, maṃ vammehīti vadati.

    อสฺสาโรโห โพธิสตฺตํ อุฎฺฐาเปตฺวา วณํ พนฺธิตฺวา สุสนฺนทฺธํ สนฺนยฺหิตฺวา ตสฺส ปิฎฺฐิยํ นิสีทิตฺวา สตฺตมํ พลโกฎฺฐกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา ราชพลสฺส นิยฺยาเทสิ, โพธิสตฺตมฺปิ ราชทฺวารํ อานยิํสุฯ ราชา ตสฺส ทสฺสนตฺถาย นิกฺขมิฯ มหาสโตฺต ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, สตฺต ราชาโน มา ฆาตยิตฺถ, สปถํ กาเรตฺวา วิสฺสเชฺชถ, มยฺหญฺจ อสฺสาโรหสฺส จ ทาตพฺพํ ยสํ อสฺสาโรหเสฺสว เทถ , สตฺต ราชาโน คเหตฺวา ทินฺนโยธํ นาม นาเสตุํ น วฎฺฎติฯ ตุเมฺหปิ ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, ธเมฺมน สเมน รชฺชํ กาเรถา’’ติฯ เอวํ โพธิสเตฺตน รโญฺญ โอวาเท ทิเนฺน โพธิสตฺตสฺส สนฺนาหํ โมจยิํสุ, โส สนฺนาเห มุตฺตมเตฺตเยว นิรุชฺฌิฯ ราชา ตสฺส สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา อสฺสาโรหสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา สตฺต ราชาโน ปุน อตฺตโนฺน อทุพฺภาย สปถํ กาเรตฺวา สกสกฎฺฐานานิ เปเสตฺวา ธเมฺมน สเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโตฯ

    Assāroho bodhisattaṃ uṭṭhāpetvā vaṇaṃ bandhitvā susannaddhaṃ sannayhitvā tassa piṭṭhiyaṃ nisīditvā sattamaṃ balakoṭṭhakaṃ bhinditvā sattamaṃ rājānaṃ jīvaggāhaṃ gahetvā rājabalassa niyyādesi, bodhisattampi rājadvāraṃ ānayiṃsu. Rājā tassa dassanatthāya nikkhami. Mahāsatto rājānaṃ āha – ‘‘mahārāja, satta rājāno mā ghātayittha, sapathaṃ kāretvā vissajjetha, mayhañca assārohassa ca dātabbaṃ yasaṃ assārohasseva detha , satta rājāno gahetvā dinnayodhaṃ nāma nāsetuṃ na vaṭṭati. Tumhepi dānaṃ detha, sīlaṃ rakkhatha, dhammena samena rajjaṃ kārethā’’ti. Evaṃ bodhisattena rañño ovāde dinne bodhisattassa sannāhaṃ mocayiṃsu, so sannāhe muttamatteyeva nirujjhi. Rājā tassa sarīrakiccaṃ kāretvā assārohassa mahantaṃ yasaṃ datvā satta rājāno puna attanno adubbhāya sapathaṃ kāretvā sakasakaṭṭhānāni pesetvā dhammena samena rajjaṃ kāretvā jīvitapariyosāne yathākammaṃ gato.

    สตฺถา ‘‘เอวํ ภิกฺขุ ปุเพฺพ ปณฺฑิตา อนายตเนปิ วีริยํ อกํสุ, เอวรูปํ ปหารํ ลทฺธาปิ น โอสฺสชิํสุ, ตฺวํ ปน เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา กสฺมา วีริยํ โอสฺสชสี’’ติ วตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฎฺฐวีริโย ภิกฺขุ อรหตฺตผเล ปติฎฺฐาสิฯ

    Satthā ‘‘evaṃ bhikkhu pubbe paṇḍitā anāyatanepi vīriyaṃ akaṃsu, evarūpaṃ pahāraṃ laddhāpi na ossajiṃsu, tvaṃ pana evarūpe niyyānikasāsane pabbajitvā kasmā vīriyaṃ ossajasī’’ti vatvā cattāri saccāni pakāsesi, saccapariyosāne ossaṭṭhavīriyo bhikkhu arahattaphale patiṭṭhāsi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, อสฺสาโรโห สาริปุโตฺต, โภชาชานียสินฺธโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, assāroho sāriputto, bhojājānīyasindhavo pana ahameva ahosi’’nti.

    โภชาชานียชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Bhojājānīyajātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๓. โคชานียชาตกํ • 23. Gojānīyajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact