Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi

    ๔. โภชนวโคฺค

    4. Bhojanavaggo

    ๑. อาวสถสิกฺขาปทวณฺณนา

    1. Āvasathasikkhāpadavaṇṇanā

    โภชนวคฺคสฺส ปฐเม อคิลาเนนาติ อทฺธโยชนมฺปิ คนฺตุํ สมเตฺถนฯ เอโกติ เอกทิวสิโกฯ อาวสถปิโณฺฑติ ‘‘อิเมสํ วา เอตฺตกานํ วา’’ติ เอกํ ปาสณฺฑํ วา, ‘‘เอตฺตกเมวา’’ติ เอวํ ภตฺตํ วา อโนทิสฺส สาลาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ปุญฺญกาเมหิ ปญฺญตฺตํ โภชนํฯ ภุญฺชิตโพฺพติ เอกกุเลน วา นานากุเลหิ วา เอกโต หุตฺวา เอกสฺมิํ วา ฐาเน, นานาฐาเนสุ วา ‘‘อชฺช เอกสฺมิํ, เสฺว เอกสฺมิ’’นฺติ เอวํ อนิยตฎฺฐาเน วา ปญฺญโตฺต เอกสฺมิํ ฐาเน เอกทิวสเมว ภุญฺชิตโพฺพฯ ตโต เจ อุตฺตรีติ ทุติยทิวสโต ปฎฺฐาย ตสฺมิํ วา ฐาเน อญฺญสฺมิํ วา ฐาเน เตสํ สนฺตกสฺส ปฎิคฺคหเณ ทุกฺกฎํ, อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร ปาจิตฺติยํฯ

    Bhojanavaggassa paṭhame agilānenāti addhayojanampi gantuṃ samatthena. Ekoti ekadivasiko. Āvasathapiṇḍoti ‘‘imesaṃ vā ettakānaṃ vā’’ti ekaṃ pāsaṇḍaṃ vā, ‘‘ettakamevā’’ti evaṃ bhattaṃ vā anodissa sālādīsu yattha katthaci puññakāmehi paññattaṃ bhojanaṃ. Bhuñjitabboti ekakulena vā nānākulehi vā ekato hutvā ekasmiṃ vā ṭhāne, nānāṭhānesu vā ‘‘ajja ekasmiṃ, sve ekasmi’’nti evaṃ aniyataṭṭhāne vā paññatto ekasmiṃ ṭhāne ekadivasameva bhuñjitabbo. Tato ce uttarīti dutiyadivasato paṭṭhāya tasmiṃ vā ṭhāne aññasmiṃ vā ṭhāne tesaṃ santakassa paṭiggahaṇe dukkaṭaṃ, ajjhohāre ajjhohāre pācittiyaṃ.

    สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ อนุวสิตฺวา อาวสถปิณฺฑภุญฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อคิลาเนนา’’ติ อยเมตฺถ อนุปญฺญตฺติ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, คิลานสฺส อคิลานสญฺญิโน เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ คิลานสฺส คิลานสญฺญิโน, โย จ สกิํ ภุญฺชติ, คจฺฉโนฺต วา อนฺตรามเคฺค เอกทิวสํ , คตฎฺฐาเน เอกทิวสํ, ปจฺจาคโนฺตปิ อนฺตรามเคฺค เอกทิวสํ, อาคตฎฺฐาเน เอกทิวสํ, คมิสฺสามี’ติ จ ภุญฺชิตฺวา นิกฺขโนฺต เกนจิ อุปทฺทเวน นิวตฺติตฺวา เขมภาวํ ญตฺวา คจฺฉโนฺต ปุน เอกทิวสํ ภุญฺชติ, ยสฺส วา สามิกา นิมเนฺตตฺวา เทนฺติ, โย วา ภิกฺขูนํเยว อุทฺทิสฺส ปญฺญตฺตํ, น ยาวทตฺถํ ปญฺญตฺตํ, ฐเปตฺวา วา ปญฺจ โภชนานิ อญฺญํ ภุญฺชติ, ตสฺส จ, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อาวสถปิณฺฑตา, อคิลานตา, อนุวสิตฺวา ปริโภชนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ เอฬกโลมสิกฺขาปทสทิสานีติฯ

    Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha anuvasitvā āvasathapiṇḍabhuñjanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘agilānenā’’ti ayamettha anupaññatti, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, gilānassa agilānasaññino vematikassa vā dukkaṭaṃ. Gilānassa gilānasaññino, yo ca sakiṃ bhuñjati, gacchanto vā antarāmagge ekadivasaṃ , gataṭṭhāne ekadivasaṃ, paccāgantopi antarāmagge ekadivasaṃ, āgataṭṭhāne ekadivasaṃ, gamissāmī’ti ca bhuñjitvā nikkhanto kenaci upaddavena nivattitvā khemabhāvaṃ ñatvā gacchanto puna ekadivasaṃ bhuñjati, yassa vā sāmikā nimantetvā denti, yo vā bhikkhūnaṃyeva uddissa paññattaṃ, na yāvadatthaṃ paññattaṃ, ṭhapetvā vā pañca bhojanāni aññaṃ bhuñjati, tassa ca, ummattakādīnañca anāpatti. Āvasathapiṇḍatā, agilānatā, anuvasitvā paribhojananti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni eḷakalomasikkhāpadasadisānīti.

    อาวสถสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Āvasathasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา

    2. Gaṇabhojanasikkhāpadavaṇṇanā

    ทุติเย คณโภชเนติ คณสฺส โภชเนฯ อิธ จ คโณติ จตฺตาโร วา ตตุตฺตริ วา ภิกฺขู , เตสํ นิมนฺตนโต วา วิญฺญตฺติโต วา ลเทฺธ โอทนาทีนํ ปญฺจนฺนํ โภชนานํ อญฺญตรโภชเนติ อโตฺถฯ ตตฺถายํ วินิจฺฉโย – สเจ หิ โกจิ จตฺตาโร ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา เยน เกนจิ เววจเนน วา ภาสนฺตเรน วา ปญฺจนฺนํ โภชนานํ นามํ คเหตฺวา ‘‘โอทเนน นิมเนฺตมิ, โอทนํ เม คณฺหถา’’ติอาทินา นเยน นิมเนฺตติ, เต เจ เอวํ เอกโต วา นานาโต วา นิมนฺติตา เอกโต วา นานาโต วา คนฺตฺวา เอกโต คณฺหนฺติ, ปจฺฉา เอกโต วา นานาโต วา ภุญฺชนฺติ, คณโภชนํ โหติฯ ปฎิคฺคหณเมว เหตฺถ ปมาณํฯ สเจ โอทนาทีนํ นามํ คเหตฺวา เอกโต วา นานาโต วา วิญฺญาเปตฺวา จ คนฺตฺวา จ เอกโต คณฺหนฺติ, เอวมฺปิ คณโภชนเมวฯ ตสฺส ทุวิธสฺสาปิ เอวํ ปฎิคฺคหเณ ทุกฺกฎํ, อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร ปาจิตฺติยํฯ คิลานสมยาทีสุ ยทา ปาทานมฺปิ ผลิตตฺตา น สกฺกา ปิณฺฑาย จริตุํ, อยํ คิลานสมโยฯ อตฺถตกถินานํ ปญฺจ มาสา, อิตเรสํ กตฺติกมาโสติ อยํ จีวรทานสมโยฯ ยทา โย จีวเร กริยมาเน กิญฺจิเทว จีวเร กตฺตพฺพํ กมฺมํ กโรติ, อยํ จีวรการสมโยฯ ยทา อทฺธโยชนมฺปิ คนฺตุกาโม วา โหติ คจฺฉติ วา คโต วา, อยํ อทฺธานคมนสมโยฯ นาวาภิรุหนสมเยปิ เอเสว นโยฯ ยทา โคจรคาเม จตฺตาโร ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา น ยาเปนฺติ, อยํ มหาสมโยฯ ยทา โยโกจิ ปพฺพชิโต ภเตฺตน นิมเนฺตติ, อยํ สมณภตฺตสมโย, เอเตสุ สมเยสุ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ

    Dutiye gaṇabhojaneti gaṇassa bhojane. Idha ca gaṇoti cattāro vā tatuttari vā bhikkhū , tesaṃ nimantanato vā viññattito vā laddhe odanādīnaṃ pañcannaṃ bhojanānaṃ aññatarabhojaneti attho. Tatthāyaṃ vinicchayo – sace hi koci cattāro bhikkhū upasaṅkamitvā yena kenaci vevacanena vā bhāsantarena vā pañcannaṃ bhojanānaṃ nāmaṃ gahetvā ‘‘odanena nimantemi, odanaṃ me gaṇhathā’’tiādinā nayena nimanteti, te ce evaṃ ekato vā nānāto vā nimantitā ekato vā nānāto vā gantvā ekato gaṇhanti, pacchā ekato vā nānāto vā bhuñjanti, gaṇabhojanaṃ hoti. Paṭiggahaṇameva hettha pamāṇaṃ. Sace odanādīnaṃ nāmaṃ gahetvā ekato vā nānāto vā viññāpetvā ca gantvā ca ekato gaṇhanti, evampi gaṇabhojanameva. Tassa duvidhassāpi evaṃ paṭiggahaṇe dukkaṭaṃ, ajjhohāre ajjhohāre pācittiyaṃ. Gilānasamayādīsu yadā pādānampi phalitattā na sakkā piṇḍāya carituṃ, ayaṃ gilānasamayo. Atthatakathinānaṃ pañca māsā, itaresaṃ kattikamāsoti ayaṃ cīvaradānasamayo. Yadā yo cīvare kariyamāne kiñcideva cīvare kattabbaṃ kammaṃ karoti, ayaṃ cīvarakārasamayo. Yadā addhayojanampi gantukāmo vā hoti gacchati vā gato vā, ayaṃ addhānagamanasamayo. Nāvābhiruhanasamayepi eseva nayo. Yadā gocaragāme cattāro bhikkhū piṇḍāya caritvā na yāpenti, ayaṃ mahāsamayo. Yadā yokoci pabbajito bhattena nimanteti, ayaṃ samaṇabhattasamayo, etesu samayesu bhuñjituṃ vaṭṭati.

    ราชคเห เทวทตฺตํ อารพฺภ วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อญฺญตฺร สมยา’’ติ อยเมตฺถ สตฺตวิธา อนุปญฺญตฺติ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, นคณโภชเน คณโภชนสญฺญิสฺส เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ นคณโภชนสญฺญิสฺส ปน, เย จ เทฺว ตโย เอกโต คณฺหนฺติ, พหูนํ ปิณฺฑาย จริตฺวา เอกโต ภุญฺชนฺตานํ, นิจฺจภตฺติกาทีสุ, ปญฺจ โภชนานิ ฐเปตฺวา สพฺพตฺถ, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ คณโภชนตา, สมยาภาโว, อโชฺฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ เอฬกโลมสทิสาเนวาติฯ

    Rājagahe devadattaṃ ārabbha viññāpetvā bhuñjanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘aññatra samayā’’ti ayamettha sattavidhā anupaññatti, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, nagaṇabhojane gaṇabhojanasaññissa vematikassa vā dukkaṭaṃ. Nagaṇabhojanasaññissa pana, ye ca dve tayo ekato gaṇhanti, bahūnaṃ piṇḍāya caritvā ekato bhuñjantānaṃ, niccabhattikādīsu, pañca bhojanāni ṭhapetvā sabbattha, ummattakādīnañca anāpatti. Gaṇabhojanatā, samayābhāvo, ajjhoharaṇanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni eḷakalomasadisānevāti.

    คณโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Gaṇabhojanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา

    3. Paramparabhojanasikkhāpadavaṇṇanā

    ตติเย ปรมฺปรโภชเนติ คณโภชเน วุตฺตนเยเนว ปญฺจหิ โภชเนหิ นิมนฺติตสฺส เยน เยน ปฐมํ นิมนฺติโต, ตสฺส ตสฺส โภชนโต อุปฺปฎิปาฎิยา วา อวิกเปฺปตฺวา วา ปรสฺส ปรสฺส โภชเนฯ ตสฺมา โย ภิกฺขุ ปญฺจสุ สหธมฺมิเกสุ อญฺญตรสฺส ‘‘มยฺหํ ภตฺตปจฺจาสํ ตุยฺหํ ทมฺมี’’ติ วา ‘‘วิกเปฺปมี’’ติ วา เอวํ สมฺมุขา วา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส ทมฺมี’’ติ (ปาจิ. ๒๒๖) วา ‘‘วิกเปฺปมี’’ติ วา เอวํ ปรมฺมุขาวา ปฐมนิมนฺตนํ อวิกเปฺปตฺวา ปจฺฉา นิมนฺติตกุเล ลทฺธภิกฺขโต เอกสิตฺถมฺปิ อโชฺฌหรติ, ปาจิตฺติยํฯ สมยา วุตฺตนยา เอวฯ

    Tatiye paramparabhojaneti gaṇabhojane vuttanayeneva pañcahi bhojanehi nimantitassa yena yena paṭhamaṃ nimantito, tassa tassa bhojanato uppaṭipāṭiyā vā avikappetvā vā parassa parassa bhojane. Tasmā yo bhikkhu pañcasu sahadhammikesu aññatarassa ‘‘mayhaṃ bhattapaccāsaṃ tuyhaṃ dammī’’ti vā ‘‘vikappemī’’ti vā evaṃ sammukhā vā ‘‘itthannāmassa dammī’’ti (pāci. 226) vā ‘‘vikappemī’’ti vā evaṃ parammukhāvā paṭhamanimantanaṃ avikappetvā pacchā nimantitakule laddhabhikkhato ekasitthampi ajjhoharati, pācittiyaṃ. Samayā vuttanayā eva.

    เวสาลิยํ สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ อญฺญตฺร นิมนฺติตโภชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อญฺญตฺร สมยา’’ติ อยเมตฺถ ติวิธา อนุปญฺญตฺติ, ปริวาเร ปน วิกปฺปนมฺปิ คเหตฺวา ‘‘จตโสฺส อนุปญฺญตฺติโย’’ติ (ปริ. ๘๖) วุตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, นปรมฺปรโภชเน ปรมฺปรโภชนสญฺญิโน เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ นปรมฺปรโภชนสญฺญิสฺส ปน, โย จ สมเย วา วิกเปฺปตฺวา วา เอกสํสฎฺฐานิ วา เทฺว ตีณิ นิมนฺตนานิ เอกโต วา กตฺวา ภุญฺชติ, นิมนฺตนปฺปฎิปาฎิยา ภุญฺชติ, สกเลน คาเมน วา ปูเคน วา นิมนฺติโต เตสุ ยตฺถกตฺถจิ ภุญฺชติ, นิมนฺติยมาโน วา ‘‘ภิกฺขํ คเหสฺสามี’’ติ วทติ, ตสฺส, นิจฺจภตฺติกาทีสุ, ปญฺจ โภชนานิ ฐเปตฺวา สพฺพตฺถ, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ปรมฺปรโภชนตา, สมยาภาโว, อโชฺฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมกถินสทิสาเนว, อิทํ ปน กิริยากิริยนฺติฯ

    Vesāliyaṃ sambahule bhikkhū ārabbha aññatra nimantitabhojanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘aññatra samayā’’ti ayamettha tividhā anupaññatti, parivāre pana vikappanampi gahetvā ‘‘catasso anupaññattiyo’’ti (pari. 86) vuttaṃ, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, naparamparabhojane paramparabhojanasaññino vematikassa vā dukkaṭaṃ. Naparamparabhojanasaññissa pana, yo ca samaye vā vikappetvā vā ekasaṃsaṭṭhāni vā dve tīṇi nimantanāni ekato vā katvā bhuñjati, nimantanappaṭipāṭiyā bhuñjati, sakalena gāmena vā pūgena vā nimantito tesu yatthakatthaci bhuñjati, nimantiyamāno vā ‘‘bhikkhaṃ gahessāmī’’ti vadati, tassa, niccabhattikādīsu, pañca bhojanāni ṭhapetvā sabbattha, ummattakādīnañca anāpatti. Paramparabhojanatā, samayābhāvo, ajjhoharaṇanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamakathinasadisāneva, idaṃ pana kiriyākiriyanti.

    ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paramparabhojanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๔. กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา

    4. Kāṇamātāsikkhāpadavaṇṇanā

    จตุเตฺถ ปูเวหีติ ปเหณกตฺถาย ปฎิยเตฺตหิ อติรสกโมทกสกฺขลิกาทีหิ เยหิ เกหิจิ ขชฺชเกหิฯ มเนฺถหีติ ปาเถยฺยตฺถาย ปฎิยเตฺตหิ เยหิ เกหิจิ สตฺตุติลตณฺฑุลาทีหิฯ ทฺวตฺติปตฺตปูราติ มุขวฎฺฎิยา เหฎฺฐิมเลขํ อนติกฺกนฺตา เทฺว วา ตโย วา ปตฺตปูราฯ ตโต เจ อุตฺตรีติ สเจปิ ตติยํ ปตฺตํ ถูปีกตํ คณฺหาติ, มุขวฎฺฎิยา เหฎฺฐิมเลขโต อุปริฎฺฐิตปูวคณนาย ปาจิตฺติยํฯ ทฺวตฺติปตฺตปูเร ปฎิคฺคเหตฺวาติ เอตฺถ เยน เทฺว คหิตา โหนฺติ, เตน พหิ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘เอตฺถ มยา เทฺว ปตฺตปูรา คหิตา, ตฺวํ เอกํ คเณฺหยฺยาสี’’ติ วตฺตพฺพํ, เตนาปิ อญฺญํ ปสฺสิตฺวา ‘‘ปฐมํ อาคเตน เทฺว ปตฺตปูรา คหิตา, มยา เอโก คหิโต, ตฺวํ มา คณฺหี’’ติ วตฺตพฺพํฯ เยน ปฐมํ เอโก คหิโต , ตสฺสาปิ ปรมฺปราโรจเน เอเสว นโยฯ เยน ปน สยเมว ตโย คหิตา, เตน อญฺญํ ทิสฺวา ‘‘มา โข ตฺวํ เอตฺถ ปฎิคฺคณฺหีติ วตฺตพฺพํ, อวทนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, ตํ สุตฺวา คณฺหนฺตสฺสาปิ ทุกฺกฎเมวฯ ตโต นีหริตฺวา ภิกฺขูหิ สทฺธิํ สํวิภชิตพฺพนฺติ ลทฺธฎฺฐานโต สพฺพาสนฺนํ อาสนสาลํ วา วิหารํ วา ยตฺถ วา ปน นิพทฺธํ ปฎิกฺกมติ, ตตฺถ คนฺตฺวา เอกํ ปตฺตปูรํ อตฺตโน ฐเปตฺวา เสสํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทาตพฺพํฯ ยถามิตฺตํ ปน ทาตุํ น ลพฺภติฯ เยน เอโก คหิโต, น เตน กิญฺจิ อกามา ทาตพฺพํ, ยถารุจิ กาตพฺพํฯ

    Catutthe pūvehīti paheṇakatthāya paṭiyattehi atirasakamodakasakkhalikādīhi yehi kehici khajjakehi. Manthehīti pātheyyatthāya paṭiyattehi yehi kehici sattutilataṇḍulādīhi. Dvattipattapūrāti mukhavaṭṭiyā heṭṭhimalekhaṃ anatikkantā dve vā tayo vā pattapūrā. Tato ce uttarīti sacepi tatiyaṃ pattaṃ thūpīkataṃ gaṇhāti, mukhavaṭṭiyā heṭṭhimalekhato upariṭṭhitapūvagaṇanāya pācittiyaṃ. Dvattipattapūre paṭiggahetvāti ettha yena dve gahitā honti, tena bahi bhikkhuṃ disvā ‘‘ettha mayā dve pattapūrā gahitā, tvaṃ ekaṃ gaṇheyyāsī’’ti vattabbaṃ, tenāpi aññaṃ passitvā ‘‘paṭhamaṃ āgatena dve pattapūrā gahitā, mayā eko gahito, tvaṃ mā gaṇhī’’ti vattabbaṃ. Yena paṭhamaṃ eko gahito , tassāpi paramparārocane eseva nayo. Yena pana sayameva tayo gahitā, tena aññaṃ disvā ‘‘mā kho tvaṃ ettha paṭiggaṇhīti vattabbaṃ, avadantassa dukkaṭaṃ, taṃ sutvā gaṇhantassāpi dukkaṭameva. Tato nīharitvā bhikkhūhi saddhiṃ saṃvibhajitabbanti laddhaṭṭhānato sabbāsannaṃ āsanasālaṃ vā vihāraṃ vā yattha vā pana nibaddhaṃ paṭikkamati, tattha gantvā ekaṃ pattapūraṃ attano ṭhapetvā sesaṃ bhikkhusaṅghassa dātabbaṃ. Yathāmittaṃ pana dātuṃ na labbhati. Yena eko gahito, na tena kiñci akāmā dātabbaṃ, yathāruci kātabbaṃ.

    สาวตฺถิยํ สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ น มตฺตํ ชานิตฺวา ปฎิคฺคหณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, อูนกทฺวตฺติปตฺตปูเร อติเรกสญฺญิสฺส เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ อูนกสญฺญิสฺส ปน, น ปเหณกตฺถาย น ปาเถยฺยตฺถาย วา ปฎิยตฺตํ, ตทตฺถาย ปฎิยตฺตเสสกํ วา, คมเน วา ปฎิปฺปสฺสเทฺธ, ญาตกปฺปวาริตานํ วา เทนฺตานํ, อตฺตโน ธเนน คณฺหนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ วุตฺตลกฺขณปูวมนฺถตา, อเสสกตา, อปฺปฎิปฺปสฺสทฺธคมนตา, อนญฺญาตกาทิตา, อติเรกปฺปฎิคฺคหณนฺติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิ, สมุฎฺฐานาทีนิ สญฺจริตฺตสทิสาเนวาติฯ

    Sāvatthiyaṃ sambahule bhikkhū ārabbha na mattaṃ jānitvā paṭiggahaṇavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, ūnakadvattipattapūre atirekasaññissa vematikassa vā dukkaṭaṃ. Ūnakasaññissa pana, na paheṇakatthāya na pātheyyatthāya vā paṭiyattaṃ, tadatthāya paṭiyattasesakaṃ vā, gamane vā paṭippassaddhe, ñātakappavāritānaṃ vā dentānaṃ, attano dhanena gaṇhantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Vuttalakkhaṇapūvamanthatā, asesakatā, appaṭippassaddhagamanatā, anaññātakāditā, atirekappaṭiggahaṇanti imānettha pañca aṅgāni, samuṭṭhānādīni sañcarittasadisānevāti.

    กาณมาตาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kāṇamātāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๕. ปฐมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา

    5. Paṭhamapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā

    ปญฺจเม ภุตฺตาวีติ ภุตฺตวา, เยน ปญฺจนฺนํ โภชนานํ สาสปมตฺตมฺปิ อโชฺฌหริตํ, โส เอวํ วุจฺจติฯ ปวาริโตติ ‘‘อสนํ ปญฺญายติ, โภชนํ ปญฺญายติ, หตฺถปาเส ฐิโต อภิหรติ, ปฎิเกฺขโป ปญฺญายตี’’ติ (ปาจิ. ๒๓๙) เอวํ ปาฬิยํ วุตฺตปญฺจงฺควเสน กตปฺปวารโณ, กตปฺปฎิเกฺขโปติ อโตฺถฯ ตตฺถ ยสฺมา ‘‘อสนํ ปญฺญายตี’’ติ อิมินา วิปฺปกตโภชโน ‘ปวาริโต’ติ วุโตฺตฯ โย จ วิปฺปกตโภชโน, เตน กิญฺจิ ภุตฺตํ, กิญฺจิ อภุตฺตํ, ยญฺจ ภุตฺตํ, ตํ สนฺธาย ‘ภุตฺตาวี’ติปิ สงฺขํ คจฺฉติฯ ตสฺมา ‘ภุตฺตาวี’ติวจเนน วิสุํ กิญฺจิ อตฺถสิทฺธิํ น ปสฺสาม, ‘‘ทิรตฺตติรตฺต’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๕๒) ปน ทิรตฺตาทิวจนํ วิย ปวาริตปทสฺส ปริวารภาเวน พฺยญฺชนสิลิฎฺฐตาย เจตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Pañcame bhuttāvīti bhuttavā, yena pañcannaṃ bhojanānaṃ sāsapamattampi ajjhoharitaṃ, so evaṃ vuccati. Pavāritoti ‘‘asanaṃ paññāyati, bhojanaṃ paññāyati, hatthapāse ṭhito abhiharati, paṭikkhepo paññāyatī’’ti (pāci. 239) evaṃ pāḷiyaṃ vuttapañcaṅgavasena katappavāraṇo, katappaṭikkhepoti attho. Tattha yasmā ‘‘asanaṃ paññāyatī’’ti iminā vippakatabhojano ‘pavārito’ti vutto. Yo ca vippakatabhojano, tena kiñci bhuttaṃ, kiñci abhuttaṃ, yañca bhuttaṃ, taṃ sandhāya ‘bhuttāvī’tipi saṅkhaṃ gacchati. Tasmā ‘bhuttāvī’tivacanena visuṃ kiñci atthasiddhiṃ na passāma, ‘‘dirattatiratta’’ntiādīsu (pāci. 52) pana dirattādivacanaṃ viya pavāritapadassa parivārabhāvena byañjanasiliṭṭhatāya cetaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    ปวารณเงฺคสุ ปน อสนํ ปญฺญายตีติ วิปฺปกตโภชนํ ทิสฺสติ, ตํ ภุญฺชมาโน เจส ปุคฺคโล โหตีติ อโตฺถฯ โภชนํ ปญฺญายตีติ ปวารณปฺปโหนกํ โภชนํ ทิสฺสติ, โอทนาทีนํ เจ อญฺญตรํ ปฎิกฺขิปิตพฺพํ โภชนํ โหตีติ อโตฺถฯ หตฺถปาเส ฐิโตติ ปวารณปฺปโหนกํ เจ โภชนํ คณฺหิตฺวา ทายโก อฑฺฒเตยฺยหตฺถปฺปมาเณ โอกาเส ฐิโต โหตีติ อโตฺถ ฯ อภิหรตีติ โส เจ ทายโก ตสฺส ตํ โภชนํ กาเยน อภิสํหรตีติ อโตฺถฯ ปฎิเกฺขโป ปญฺญายตีติ ปฎิเกฺขโป ทิสฺสติ, ตํ เจ อภิหฎํ โส ภิกฺขุ กาเยน วา วาจาย วา ปฎิกฺขิปตีติ อโตฺถฯ เอวํ ปญฺจนฺนํ องฺคานํ วเสน ปวาริโต โหติฯ

    Pavāraṇaṅgesu pana asanaṃ paññāyatīti vippakatabhojanaṃ dissati, taṃ bhuñjamāno cesa puggalo hotīti attho. Bhojanaṃ paññāyatīti pavāraṇappahonakaṃ bhojanaṃ dissati, odanādīnaṃ ce aññataraṃ paṭikkhipitabbaṃ bhojanaṃ hotīti attho. Hatthapāse ṭhitoti pavāraṇappahonakaṃ ce bhojanaṃ gaṇhitvā dāyako aḍḍhateyyahatthappamāṇe okāse ṭhito hotīti attho . Abhiharatīti so ce dāyako tassa taṃ bhojanaṃ kāyena abhisaṃharatīti attho. Paṭikkhepo paññāyatīti paṭikkhepo dissati, taṃ ce abhihaṭaṃ so bhikkhu kāyena vā vācāya vā paṭikkhipatīti attho. Evaṃ pañcannaṃ aṅgānaṃ vasena pavārito hoti.

    ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ‘อสน’นฺติอาทีสุ ตาว ยญฺจ อสฺนาติ, ยญฺจ โภชนํ หตฺถปาเส ฐิเตน อภิหฎํ ปฎิกฺขิปติ, ตํ โอทโน กุมฺมาโส สตฺตุ มโจฺฉ มํสนฺติ อิเมสํ อญฺญตรเมว เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ โอทโน นาม สาลิ วีหิ ยโว โคธุโม กงฺคุ วรโก กุทฺรูสโกติ อิเมสํ สตฺตนฺนํ ธญฺญานํ ตณฺฑุเล คเหตฺวา ‘‘ภตฺตํ ปจามา’’ติ วา ‘‘ยาคุํ ปจามา’’ติ วา ยํกิญฺจิ สนฺธาย ปจนฺตุ, สเจ อุณฺหํ วา สีตลํ วา ภุญฺชนฺตานํ โภชนกาเล คหิตคหิตฎฺฐาเน โอธิ ปญฺญายติ, โอทโน โหติ, ปวารณํ ชเนติฯ โย ปน ปายาโส วา อมฺพิลยาคุ วา อุทฺธนโต โอตาริตมตฺตา อพฺภุณฺหา สกฺกา โหติ อาวิชฺฌิตฺวา ปิวิตุํ, สา ยสฺส หเตฺถน คหิโตกาเสปิ โอธิ น ปญฺญายติ, ปวารณํ น ชเนติฯ สเจ ปน อุสุมาย วิคตาย ฆนภาวํ คจฺฉติ, โอธิํ ทเสฺสติ, ปุน ปวารณํ ชเนติ, ปุเพฺพ ตนุกภาโว น รกฺขติฯ สเจปิ พหู ปณฺณผลกฬีเร ปกฺขิปิตฺวา มุฎฺฐิมตฺตาปิ ตณฺฑุลา ปกฺขิตฺตา โหนฺติ, โภชนกาเล เจ โอธิ ปญฺญายติ, ปวารณํ ชเนติฯ อยาคุเก นิมนฺตเน ‘‘ยาคุํ ทสฺสามา’’ติ ภเตฺต อุทกกญฺชิกขีราทีนิ อากิริตฺวา ‘‘ยาคุํ คณฺหถา’’ติ เทนฺติ, กิญฺจาปิ ตนุกา โหติ, ปวารณํ ชเนติเยวฯ สเจ ปน ปกฺกุถิเตสุ อุทกาทีสุ ปกฺขิปิตฺวา ปจิตฺวา เทนฺติ, ยาคุสงฺคหเมว คจฺฉติฯ สเจ ยาคุยาปิ สาสปมตฺตมฺปิ มจฺฉมํสกฺขณฺฑํ วา นฺหารุ วา ปกฺขิตฺตํ โหติ, ปวารณํ ชเนติฯ ฐเปตฺวา สานุโลมานํ วุตฺตธญฺญานํ ตณฺฑุเล อเญฺญหิ เวฬุตณฺฑุลาทีหิ วา กนฺทมูลผเลหิ วา เยหิ เกหิจิ กตภตฺตํ ปวารณํ น ชเนติฯ กุมฺมาโส นาม ยเวหิ กโตฯ อเญฺญหิ ปน มุคฺคาทีหิ กตกุมฺมาโส ปวารณํ น ชเนติฯ สตฺตุ นาม สตฺต ธญฺญานิ ภชฺชิตฺวา กโตฯ อนฺตมโส ขรปากภชฺชิตานํ วีหีนํ ตณฺฑุเล โกเฎฺฎตฺวา กตจุณฺณมฺปิ กุณฺฑกมฺปิ สตฺตุสงฺคหเมว คจฺฉติฯ สมปากภชฺชิตานํ ปน อาตปสุกฺขานํ กุณฺฑกํ วา, เย เกจิ ตณฺฑุลา วา ลาชา วา, ลาเชหิ กตภตฺตสตฺตุอาทีนิ วา น ปวาเรนฺติฯ มจฺฉมํเสสุ สเจ ยาคุํ ปิวนฺตสฺส ยาคุสิตฺถมตฺตาเนว เทฺว มจฺฉกฺขณฺฑานิ วา มํสกฺขณฺฑานิ วา เอกภาชเน วา นานาภาชเน วา เทนฺติ, ตานิ เจ อขาทโนฺต อญฺญํ ปวารณปฺปโหนกํ ยํกิญฺจิ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ ตโต เอกํ ขาทิตํ, เอกํ หเตฺถ วา ปเตฺต วา โหติ, สเจ อญฺญํ ปฎิกฺขิปติ ปวาเรติฯ เทฺวปิ ขาทิตานิ โหนฺติ, มุเข สาสปมตฺตมฺปิ อวสิฎฺฐํ นตฺถิ, สเจปิ อญฺญํ ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ โย ปน อกปฺปิยมํสํ กุลทูสนเวชฺชกมฺมอุตฺตริมนุสฺสธมฺมาโรจนสาทิตรูปิยาทีหิ นิพฺพตฺตํ อกปฺปิยโภชนญฺจ อญฺญํ กปฺปิยํ วา อกปฺปิยํ วา ขาทโนฺต ปฎิกฺขิปติ, น ปวาเรติฯ

    Tatrāyaṃ vinicchayo – ‘asana’ntiādīsu tāva yañca asnāti, yañca bhojanaṃ hatthapāse ṭhitena abhihaṭaṃ paṭikkhipati, taṃ odano kummāso sattu maccho maṃsanti imesaṃ aññatarameva veditabbaṃ. Tattha odano nāma sāli vīhi yavo godhumo kaṅgu varako kudrūsakoti imesaṃ sattannaṃ dhaññānaṃ taṇḍule gahetvā ‘‘bhattaṃ pacāmā’’ti vā ‘‘yāguṃ pacāmā’’ti vā yaṃkiñci sandhāya pacantu, sace uṇhaṃ vā sītalaṃ vā bhuñjantānaṃ bhojanakāle gahitagahitaṭṭhāne odhi paññāyati, odano hoti, pavāraṇaṃ janeti. Yo pana pāyāso vā ambilayāgu vā uddhanato otāritamattā abbhuṇhā sakkā hoti āvijjhitvā pivituṃ, sā yassa hatthena gahitokāsepi odhi na paññāyati, pavāraṇaṃ na janeti. Sace pana usumāya vigatāya ghanabhāvaṃ gacchati, odhiṃ dasseti, puna pavāraṇaṃ janeti, pubbe tanukabhāvo na rakkhati. Sacepi bahū paṇṇaphalakaḷīre pakkhipitvā muṭṭhimattāpi taṇḍulā pakkhittā honti, bhojanakāle ce odhi paññāyati, pavāraṇaṃ janeti. Ayāguke nimantane ‘‘yāguṃ dassāmā’’ti bhatte udakakañjikakhīrādīni ākiritvā ‘‘yāguṃ gaṇhathā’’ti denti, kiñcāpi tanukā hoti, pavāraṇaṃ janetiyeva. Sace pana pakkuthitesu udakādīsu pakkhipitvā pacitvā denti, yāgusaṅgahameva gacchati. Sace yāguyāpi sāsapamattampi macchamaṃsakkhaṇḍaṃ vā nhāru vā pakkhittaṃ hoti, pavāraṇaṃ janeti. Ṭhapetvā sānulomānaṃ vuttadhaññānaṃ taṇḍule aññehi veḷutaṇḍulādīhi vā kandamūlaphalehi vā yehi kehici katabhattaṃ pavāraṇaṃ na janeti. Kummāso nāma yavehi kato. Aññehi pana muggādīhi katakummāso pavāraṇaṃ na janeti. Sattu nāma satta dhaññāni bhajjitvā kato. Antamaso kharapākabhajjitānaṃ vīhīnaṃ taṇḍule koṭṭetvā katacuṇṇampi kuṇḍakampi sattusaṅgahameva gacchati. Samapākabhajjitānaṃ pana ātapasukkhānaṃ kuṇḍakaṃ vā, ye keci taṇḍulā vā lājā vā, lājehi katabhattasattuādīni vā na pavārenti. Macchamaṃsesu sace yāguṃ pivantassa yāgusitthamattāneva dve macchakkhaṇḍāni vā maṃsakkhaṇḍāni vā ekabhājane vā nānābhājane vā denti, tāni ce akhādanto aññaṃ pavāraṇappahonakaṃ yaṃkiñci paṭikkhipati, na pavāreti. Tato ekaṃ khāditaṃ, ekaṃ hatthe vā patte vā hoti, sace aññaṃ paṭikkhipati pavāreti. Dvepi khāditāni honti, mukhe sāsapamattampi avasiṭṭhaṃ natthi, sacepi aññaṃ paṭikkhipati, na pavāreti. Yo pana akappiyamaṃsaṃ kuladūsanavejjakammauttarimanussadhammārocanasāditarūpiyādīhi nibbattaṃ akappiyabhojanañca aññaṃ kappiyaṃ vā akappiyaṃ vā khādanto paṭikkhipati, na pavāreti.

    เอวํ ยญฺจ อสฺนาติ, ยญฺจ โภชนํ หตฺถปาเส ฐิเตน อภิหฎํ ปฎิกฺขิปโนฺต ปวารณํ ชเนติ, ตํ ญตฺวา อิทานิ ยถา อาปชฺชติ, ตสฺส ชานนตฺถํ อยํ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพ – ‘‘อสนํ โภชน’’นฺติ เอตฺถ ตาว เยน เอกสิตฺถมฺปิ อโชฺฌหฎํ โหติ, โส สเจ ปตฺตมุขหเตฺถสุ ยตฺถกตฺถจิ โภชเน สติ สาเปโกฺขว อญฺญํ วุตฺตลกฺขณํ โภชนํ ปฎิกฺขิปติ, ปวาเรติฯ สเจ ปน นิรเปโกฺข โหติ, ยํ ปตฺตาทีสุ อวสิฎฺฐํ, ตํ น จ อโชฺฌหริตุกาโม, อญฺญสฺส วา ทาตุกาโม, อญฺญตฺร วา คนฺตฺวา ภุญฺชิตุกาโม, โส ปฎิกฺขิปโนฺตปิ น ปวาเรติฯ ‘‘หตฺถปาเส ฐิโต’’ติ เอตฺถ ปน สเจ ภิกฺขุ นิสิโนฺน โหติ, อานิสทสฺส ปจฺฉิมนฺตโต ปฎฺฐาย, สเจ ฐิโต, ปณฺหีนํ อนฺตโต ปฎฺฐาย, สเจ นิปโนฺน, เยน ปเสฺสน นิปโนฺน, ตสฺส ปาริมนฺตโต ปฎฺฐาย ทายกสฺส นิสินฺนสฺส วา ฐิตสฺส วา นิปนฺนสฺส วา ฐเปตฺวา ปสาริตหตฺถํ ยํ อาสนฺนตรํ องฺคํ, ตสฺส โอริมเนฺตน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อฑฺฒเตยฺยหโตฺถ ‘หตฺถปาโส’ติ เวทิตโพฺพฯ ตสฺมิํ ฐตฺวา อภิหฎํ ปฎิกฺขิปนฺตเสฺสว ปวารณา โหติ, น ตโต ปรํฯ ‘อภิหรตี’ติ หตฺถปาสพฺภนฺตเร ฐิโต คหณตฺถํ อุปนาเมติฯ สเจ ปน อนนฺตรนิสิโนฺนปิ ภิกฺขุ หเตฺถ วา อาธารเก วา ฐิตํ ปตฺตํ อนภิหริตฺวาว ‘‘ภตฺตํ คณฺหถา’’ติ วทติ, ตํ ปฎิกฺขิปโต ปวารณา นตฺถิฯ ภตฺตปจฺฉิํ อาเนตฺวา ปุรโต ภูมิยํ ฐเปตฺวา เอวํ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ อีสกํ ปน อุทฺธริตฺวา วา อปนาเมตฺวา วา ‘คณฺหถา’ติ วุเตฺต ตํ ปฎิกฺขิปโต ปวารณา โหติฯ ภตฺตปจฺฉิํ คเหตฺวา ปริวิสนฺตสฺส อโญฺญ ‘‘อหํ ธาเรสฺสามี’’ติ คหิตมตฺตเมว กโรติ, ปริเวสโกเยว ปน ตํ ธาเรติ, ตสฺมา สา อภิหฎาว โหติ, ตโต ทาตุกามตาย คณฺหนฺตํ ปฎิกฺขิปนฺตสฺส ปวารณา โหติฯ สเจ ปน ปริเวสเกน ผุฎฺฐมตฺตาว โหติ, อิตโรว นํ ธาเรติ, ตโต ทาตุกามตาย คณฺหนฺตํ ปฎิกฺขิปนฺตสฺส ปวารณา น โหติฯ กฎจฺฉุนา อุทฺธเฎ ปน โหติ, ทฺวินฺนํ สมภาเรปิ ปฎิกฺขิปโนฺต ปวาเรติเยวฯ อนนฺตรสฺส ทิยฺยมาเน อิตโร ปตฺตํ ปิทหติ, อญฺญสฺส อภิหฎํ นาม ปฎิกฺขิตฺตํ โหติ, ตสฺมา ปวารณา นตฺถิฯ ‘ปฎิเกฺขโป’ติ เอตฺถ วาจาย อภิหเฎ ปฎิเกฺขโป น รุหติ, กาเยน อภิหฎํ ปน องฺคุลิจลนาทินา กายวิกาเรน วา ‘‘อลํ, มา เทหี’’ติอาทินา วจีวิกาเรน วา ปฎิกฺขิปโต ปวารณา โหติฯ

    Evaṃ yañca asnāti, yañca bhojanaṃ hatthapāse ṭhitena abhihaṭaṃ paṭikkhipanto pavāraṇaṃ janeti, taṃ ñatvā idāni yathā āpajjati, tassa jānanatthaṃ ayaṃ vinicchayo veditabbo – ‘‘asanaṃ bhojana’’nti ettha tāva yena ekasitthampi ajjhohaṭaṃ hoti, so sace pattamukhahatthesu yatthakatthaci bhojane sati sāpekkhova aññaṃ vuttalakkhaṇaṃ bhojanaṃ paṭikkhipati, pavāreti. Sace pana nirapekkho hoti, yaṃ pattādīsu avasiṭṭhaṃ, taṃ na ca ajjhoharitukāmo, aññassa vā dātukāmo, aññatra vā gantvā bhuñjitukāmo, so paṭikkhipantopi na pavāreti. ‘‘Hatthapāse ṭhito’’ti ettha pana sace bhikkhu nisinno hoti, ānisadassa pacchimantato paṭṭhāya, sace ṭhito, paṇhīnaṃ antato paṭṭhāya, sace nipanno, yena passena nipanno, tassa pārimantato paṭṭhāya dāyakassa nisinnassa vā ṭhitassa vā nipannassa vā ṭhapetvā pasāritahatthaṃ yaṃ āsannataraṃ aṅgaṃ, tassa orimantena paricchinditvā aḍḍhateyyahattho ‘hatthapāso’ti veditabbo. Tasmiṃ ṭhatvā abhihaṭaṃ paṭikkhipantasseva pavāraṇā hoti, na tato paraṃ. ‘Abhiharatī’ti hatthapāsabbhantare ṭhito gahaṇatthaṃ upanāmeti. Sace pana anantaranisinnopi bhikkhu hatthe vā ādhārake vā ṭhitaṃ pattaṃ anabhiharitvāva ‘‘bhattaṃ gaṇhathā’’ti vadati, taṃ paṭikkhipato pavāraṇā natthi. Bhattapacchiṃ ānetvā purato bhūmiyaṃ ṭhapetvā evaṃ vuttepi eseva nayo. Īsakaṃ pana uddharitvā vā apanāmetvā vā ‘gaṇhathā’ti vutte taṃ paṭikkhipato pavāraṇā hoti. Bhattapacchiṃ gahetvā parivisantassa añño ‘‘ahaṃ dhāressāmī’’ti gahitamattameva karoti, parivesakoyeva pana taṃ dhāreti, tasmā sā abhihaṭāva hoti, tato dātukāmatāya gaṇhantaṃ paṭikkhipantassa pavāraṇā hoti. Sace pana parivesakena phuṭṭhamattāva hoti, itarova naṃ dhāreti, tato dātukāmatāya gaṇhantaṃ paṭikkhipantassa pavāraṇā na hoti. Kaṭacchunā uddhaṭe pana hoti, dvinnaṃ samabhārepi paṭikkhipanto pavāretiyeva. Anantarassa diyyamāne itaro pattaṃ pidahati, aññassa abhihaṭaṃ nāma paṭikkhittaṃ hoti, tasmā pavāraṇā natthi. ‘Paṭikkhepo’ti ettha vācāya abhihaṭe paṭikkhepo na ruhati, kāyena abhihaṭaṃ pana aṅgulicalanādinā kāyavikārena vā ‘‘alaṃ, mā dehī’’tiādinā vacīvikārena vā paṭikkhipato pavāraṇā hoti.

    เอโก สมํสกํ รสํ อภิหรติ, ‘‘รสํ ปฎิคฺคณฺหถา’’ติ วทติ, ตํ สุตฺวา ปฎิกฺขิปโต ปวารณา นตฺถิฯ ‘มํสรส’นฺติ วุเตฺต ปน ปฎิกฺขิปโต ปวารณา โหติฯ ‘‘อิมํ คณฺหถา’’ติ วุเตฺตปิ โหติเยวฯ มํสํ วิสุํ กตฺวา ‘มํสรส’นฺติ วุเตฺตปิ สเจ สาสปมตฺตมฺปิ ขณฺฑํ อตฺถิ, ปฎิกฺขิปโต ปวารณา โหติฯ สเจ นตฺถิ, วฎฺฎติฯ กฬีรปนสาทีหิ มิเสฺสตฺวา มจฺฉมํสํ ปจนฺติ, ตํ คเหตฺวา ‘‘กฬีรสูปํ คณฺหถ, ปนสพฺยญฺชนํ คณฺหถา’’ติ วทติ, เอวมฺปิ น ปวาเรติฯ กสฺมา? อปวารณารหสฺส นาเมน วุตฺตตฺตาฯ ‘‘มจฺฉมํสํ พฺยญฺชน’’นฺติ วา ‘‘อิมํ คณฺหถา’’ติ วา วุเตฺต ปน ปวาเรติ, อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ วุโตฺตฯ คมนาทีสุ ปน ยสฺมิํ อิริยาปเถ ปวาเรติ, ตํ อวิโกเปเนฺตเนว ภุญฺชิตพฺพํฯ

    Eko samaṃsakaṃ rasaṃ abhiharati, ‘‘rasaṃ paṭiggaṇhathā’’ti vadati, taṃ sutvā paṭikkhipato pavāraṇā natthi. ‘Maṃsarasa’nti vutte pana paṭikkhipato pavāraṇā hoti. ‘‘Imaṃ gaṇhathā’’ti vuttepi hotiyeva. Maṃsaṃ visuṃ katvā ‘maṃsarasa’nti vuttepi sace sāsapamattampi khaṇḍaṃ atthi, paṭikkhipato pavāraṇā hoti. Sace natthi, vaṭṭati. Kaḷīrapanasādīhi missetvā macchamaṃsaṃ pacanti, taṃ gahetvā ‘‘kaḷīrasūpaṃ gaṇhatha, panasabyañjanaṃ gaṇhathā’’ti vadati, evampi na pavāreti. Kasmā? Apavāraṇārahassa nāmena vuttattā. ‘‘Macchamaṃsaṃ byañjana’’nti vā ‘‘imaṃ gaṇhathā’’ti vā vutte pana pavāreti, ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana samantapāsādikāyaṃ vutto. Gamanādīsu pana yasmiṃ iriyāpathe pavāreti, taṃ avikopenteneva bhuñjitabbaṃ.

    อนติริตฺตนฺติ น อติริตฺตํ, น อธิกนฺติ อโตฺถฯ ตํ ปน กปฺปิยกตาทีหิ สตฺตหิ วินยกมฺมากาเรหิ อกตํ วา คิลานสฺส อนธิกํ วา โหติฯ ตสฺมา ปทภาชเน (ปาจิ. ๒๓๙) ‘อกปฺปิยกต’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตตฺถ ยํ ผลํ วา กนฺทมูลาทิ วา ปญฺจหิ สมณกปฺปิเยหิ กปฺปิยํ อกตํ, ยญฺจ อกปฺปิยมํสํ วา อกปฺปิยโภชนํ วา, เอตํ อกปฺปิยํ นาม, ตํ อกปฺปิยํ ‘‘อลเมตํ สพฺพ’’นฺติ เอวํ อติริตฺตํ กตํ อกปฺปิยกตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อปฺปฎิคฺคหิตกตนฺติ ภิกฺขุนา อปฺปฎิคฺคหิตํเยว ปุริมนเยน อติริตฺตํ กตํฯ อนุจฺจาริตกตนฺติ กปฺปิยํ กาเรตุํ อาคเตน ภิกฺขุนา อีสกมฺปิ อนุกฺขิตฺตํ วา อนปนามิตํ วา กตํฯ อหตฺถปาเส กตนฺติ กปฺปิยํ กาเรตุํ อาคตสฺส หตฺถปาสโต พหิ ฐิเตน กตํฯ อภุตฺตาวินา กตนฺติ โย อติริตฺตํ กโรติ, เตน ปวารณปฺปโหนกํ โภชนํ อภุเตฺตน กตํฯ ภุตฺตาวินา ปวาริเตน อาสนา วุฎฺฐิเตน กตนฺติ อิทํ อุตฺตานเมวฯ ‘‘อลเมตํ สพฺพ’’นฺติ อวุตฺตนฺติ วจีเภทํ กตฺวา เอวํ อวุตฺตํ โหติฯ อิติ อิเมหิ สตฺตหิ วินยกมฺมากาเรหิ ยํ อติริตฺตํ กปฺปิยํ อกตํ, ยญฺจ ปน น คิลานาติริตฺตํ, ตทุภยมฺปิ อนติริตฺตํฯ อติริตฺตํ ปน ตเสฺสว ปฎิปกฺขนเยน เวทิตพฺพํฯ

    Anatirittanti na atirittaṃ, na adhikanti attho. Taṃ pana kappiyakatādīhi sattahi vinayakammākārehi akataṃ vā gilānassa anadhikaṃ vā hoti. Tasmā padabhājane (pāci. 239) ‘akappiyakata’ntiādi vuttaṃ, tattha yaṃ phalaṃ vā kandamūlādi vā pañcahi samaṇakappiyehi kappiyaṃ akataṃ, yañca akappiyamaṃsaṃ vā akappiyabhojanaṃ vā, etaṃ akappiyaṃ nāma, taṃ akappiyaṃ ‘‘alametaṃ sabba’’nti evaṃ atirittaṃ kataṃ akappiyakatanti veditabbaṃ. Appaṭiggahitakatanti bhikkhunā appaṭiggahitaṃyeva purimanayena atirittaṃ kataṃ. Anuccāritakatanti kappiyaṃ kāretuṃ āgatena bhikkhunā īsakampi anukkhittaṃ vā anapanāmitaṃ vā kataṃ. Ahatthapāse katanti kappiyaṃ kāretuṃ āgatassa hatthapāsato bahi ṭhitena kataṃ. Abhuttāvinā katanti yo atirittaṃ karoti, tena pavāraṇappahonakaṃ bhojanaṃ abhuttena kataṃ. Bhuttāvinā pavāritena āsanā vuṭṭhitena katanti idaṃ uttānameva. ‘‘Alametaṃ sabba’’nti avuttanti vacībhedaṃ katvā evaṃ avuttaṃ hoti. Iti imehi sattahi vinayakammākārehi yaṃ atirittaṃ kappiyaṃ akataṃ, yañca pana na gilānātirittaṃ, tadubhayampi anatirittaṃ. Atirittaṃ pana tasseva paṭipakkhanayena veditabbaṃ.

    อปิเจตฺถ ภุตฺตาวินา กตํ โหตีติ (ปาจิ. ๒๓๙) อนฺตมโส อนนฺตรนิสินฺนสฺส ปตฺตโต เอกมฺปิ สิตฺถํ วา มํสหีรํ วา ขาทิตฺวา กตมฺปิ ภุตฺตาวินา กตํ โหติ, โย ปาโตว เอวํ ภุตฺตาวี ปวาริโต นิสีทติเยว, โส อุปกเฎฺฐปิ กาเล อภิหฎํ ปิณฺฑํ ภิกฺขุนา อุปนีตํ กปฺปิยํ กาตุํ ลภติฯ สเจ ปน ตสฺมิํ กปฺปิเย กเต ภุญฺชนฺตสฺส อญฺญํ อามิสํ อากิรนฺติ, ตํ โส ปุน กาตุํ น ลภติฯ ยญฺหิ อกตํ, ตํ กาตพฺพํฯ เยน จ อกตํ, เตน จ กาตพฺพนฺติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๓๘-๙) วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺมิํ ภาชเน กริยมาเน ปฐมกเตน สทฺธิํ กตํ โหตีติ ตํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ อญฺญสฺมิํ ปน ภาชเน เตน วา อเญฺญน วา กาตุํ วฎฺฎติฯ เอวํ กตํ ปฐมกเตน มิเสฺสตฺวาปิ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, น เกวลญฺจ ตสฺส เยน ปน กตํ, ตํ ฐเปตฺวา อเญฺญสํ ปวาริตานมฺปิ ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ ยถา ปน อกเตน มิสฺสํ น โหติ, เอวํ มุขญฺจ หตฺถญฺจ สุทฺธํ กตฺวา ภุญฺชิตพฺพํฯ คิลานาติริตฺตํ ปน น เกวลํ คิลานสฺส ภุตฺตาวเสสเมว, อถ โข ยํกิญฺจิ คิลานํ อุทฺทิสฺส ‘‘อชฺช วา เสฺว วา ยทา วา อิจฺฉติ, ตทา ขาทิสฺสตี’’ติ อาหฎํ, ตํ สพฺพํ ‘คิลานาติริตฺต’นฺติ เวทิตพฺพํฯ ขาทนียํ วา โภชนียํ วาติ ยํกิญฺจิ ยาวกาลิกํฯ ขาเทยฺย วา ภุเญฺชยฺย วา ปาจิตฺติยนฺติ เอตฺถ วุตฺตนเยน ปวาริตสฺส อนติริตฺตํ ยํกิญฺจิ อามิสํ อโชฺฌหรณตฺถาย ปฎิคฺคณฺหโต คหเณ ทุกฺกฎํ, อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร ปาจิตฺติยํฯ

    Apicettha bhuttāvinā kataṃ hotīti (pāci. 239) antamaso anantaranisinnassa pattato ekampi sitthaṃ vā maṃsahīraṃ vā khāditvā katampi bhuttāvinā kataṃ hoti, yo pātova evaṃ bhuttāvī pavārito nisīdatiyeva, so upakaṭṭhepi kāle abhihaṭaṃ piṇḍaṃ bhikkhunā upanītaṃ kappiyaṃ kātuṃ labhati. Sace pana tasmiṃ kappiye kate bhuñjantassa aññaṃ āmisaṃ ākiranti, taṃ so puna kātuṃ na labhati. Yañhi akataṃ, taṃ kātabbaṃ. Yena ca akataṃ, tena ca kātabbanti (pāci. aṭṭha. 238-9) vuttaṃ, tasmā tasmiṃ bhājane kariyamāne paṭhamakatena saddhiṃ kataṃ hotīti taṃ kātuṃ na vaṭṭati. Aññasmiṃ pana bhājane tena vā aññena vā kātuṃ vaṭṭati. Evaṃ kataṃ paṭhamakatena missetvāpi bhuñjituṃ vaṭṭati, na kevalañca tassa yena pana kataṃ, taṃ ṭhapetvā aññesaṃ pavāritānampi bhuñjituṃ vaṭṭati. Yathā pana akatena missaṃ na hoti, evaṃ mukhañca hatthañca suddhaṃ katvā bhuñjitabbaṃ. Gilānātirittaṃ pana na kevalaṃ gilānassa bhuttāvasesameva, atha kho yaṃkiñci gilānaṃ uddissa ‘‘ajja vā sve vā yadā vā icchati, tadā khādissatī’’ti āhaṭaṃ, taṃ sabbaṃ ‘gilānātiritta’nti veditabbaṃ. Khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vāti yaṃkiñci yāvakālikaṃ. Khādeyya vā bhuñjeyya vā pācittiyanti ettha vuttanayena pavāritassa anatirittaṃ yaṃkiñci āmisaṃ ajjhoharaṇatthāya paṭiggaṇhato gahaṇe dukkaṭaṃ, ajjhohāre ajjhohāre pācittiyaṃ.

    สาวตฺถิยํ สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ อญฺญตฺร ภุญฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อนติริตฺต’’นฺติ อยเมตฺถ อนุปญฺญตฺติ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, ยามกาลิกาทีนิ อาหารตฺถาย คณฺหโต, นิรามิสานิ อโชฺฌหรโต จ ทุกฺกฎํ, ตถา อติริเตฺต อนติริตฺตสญฺญิโน เจว เวมติกสฺส จฯ อติริตฺตสญฺญิโน ปน, ‘‘อติริตฺตํ การาเปตฺวา ภุญฺชิสฺสามี’’ติ คณฺหนฺตสฺส, อญฺญสฺสตฺถาย คณฺหนฺตสฺส, ยามกาลิกาทีนิ เตสํ อนุญฺญาตปริโภควเสน นิรามิสานิ ปริภุญฺชนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ปวาริตภาโว, อามิสสฺส อนติริตฺตตา, กาเลน อโชฺฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมกถินสทิสาเนว, อิทํ ปน กิริยากิริยนฺติฯ

    Sāvatthiyaṃ sambahule bhikkhū ārabbha aññatra bhuñjanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘anatiritta’’nti ayamettha anupaññatti, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, yāmakālikādīni āhāratthāya gaṇhato, nirāmisāni ajjhoharato ca dukkaṭaṃ, tathā atiritte anatirittasaññino ceva vematikassa ca. Atirittasaññino pana, ‘‘atirittaṃ kārāpetvā bhuñjissāmī’’ti gaṇhantassa, aññassatthāya gaṇhantassa, yāmakālikādīni tesaṃ anuññātaparibhogavasena nirāmisāni paribhuñjantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Pavāritabhāvo, āmisassa anatirittatā, kālena ajjhoharaṇanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamakathinasadisāneva, idaṃ pana kiriyākiriyanti.

    ปฐมปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๖. ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา

    6. Dutiyapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā

    ฉเฎฺฐ อภิหฎฺฐุํ ปวาเรยฺยาติ อภิหริตฺวา ‘‘หนฺท, ภิกฺขุ ขาท วา ภุญฺช วา’’ติ เอวํ ปวาเรยฺยฯ ชานนฺติ สุตฺวา วา ทิสฺวา วา ตสฺส ปวาริตภาวํ ชานโนฺตฯ อาสาทนาเปโกฺขติ อาสาทนํ โจทนํ มงฺกุกรณภาวํ อเปกฺขมาโนฯ ภุตฺตสฺมิํ ปาจิตฺติยนฺติ เอตฺถ อภิหาเร ตาว ทุกฺกฎํ, สเจ โส ตํ คณฺหาติ, ปุน อภิหารกสฺส ทุกฺกฎํ, ตสฺมิํ ปน ภุญฺชเนฺต อภิหารกสฺส ตสฺส อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร ทุกฺกฎํ, โภชนปริโยสาเน ปาจิตฺติยํฯ

    Chaṭṭhe abhihaṭṭhuṃ pavāreyyāti abhiharitvā ‘‘handa, bhikkhu khāda vā bhuñja vā’’ti evaṃ pavāreyya. Jānanti sutvā vā disvā vā tassa pavāritabhāvaṃ jānanto. Āsādanāpekkhoti āsādanaṃ codanaṃ maṅkukaraṇabhāvaṃ apekkhamāno. Bhuttasmiṃ pācittiyanti ettha abhihāre tāva dukkaṭaṃ, sace so taṃ gaṇhāti, puna abhihārakassa dukkaṭaṃ, tasmiṃ pana bhuñjante abhihārakassa tassa ajjhohāre ajjhohāre dukkaṭaṃ, bhojanapariyosāne pācittiyaṃ.

    สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ อนติริเตฺตน โภชเนน อภิหฎฺฐุํ ปวารณาวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ปวาริเต ปวาริตสญฺญิโน ปาจิตฺติยํฯ เวมติกสฺส, ยามกาลิกาทีนิ อาหารตฺถาย อภิหรนฺตสฺส, เตสญฺจ ปฎิคฺคหณอโชฺฌหาเรสุ, อปฺปวาริเต จ ปวาริตสญฺญิโน, เวมติกสฺส จ ทุกฺกฎํฯ อปฺปวาริตสญฺญิสฺส ปน, โย จ อติริตฺตํ การาเปตฺวา เทติ, ‘‘การาเปตฺวา วา ภุญฺชาหี’’ติ เทติ, โย วา ‘‘อญฺญสฺสตฺถาย หรโนฺต คจฺฉาหี’’ติ เทติ, โย จ ยามกาลิกาทีนิ ‘‘สติ ปจฺจเย ปริภุญฺชาหี’’ติ เทติ, ตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ปวาริตตา, ปวาริตสญฺญิตา, อาสาทนาเปกฺขตา, อนติริเตฺตน อภิหฎฺฐุํ ปวารณตา, โภชนปริโยสานนฺติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทนนฺติฯ

    Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha anatirittena bhojanena abhihaṭṭhuṃ pavāraṇāvatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, pavārite pavāritasaññino pācittiyaṃ. Vematikassa, yāmakālikādīni āhāratthāya abhiharantassa, tesañca paṭiggahaṇaajjhohāresu, appavārite ca pavāritasaññino, vematikassa ca dukkaṭaṃ. Appavāritasaññissa pana, yo ca atirittaṃ kārāpetvā deti, ‘‘kārāpetvā vā bhuñjāhī’’ti deti, yo vā ‘‘aññassatthāya haranto gacchāhī’’ti deti, yo ca yāmakālikādīni ‘‘sati paccaye paribhuñjāhī’’ti deti, tassa, ummattakādīnañca anāpatti. Pavāritatā, pavāritasaññitā, āsādanāpekkhatā, anatirittena abhihaṭṭhuṃ pavāraṇatā, bhojanapariyosānanti imānettha pañca aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana dukkhavedananti.

    ทุติยปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyapavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา

    7. Vikālabhojanasikkhāpadavaṇṇanā

    สตฺตเม วิกาเลติ วิคเต กาเล, มชฺฌนฺหิกาติกฺกมนโต ยาว อรุณุคฺคมนาติ อธิปฺปาโยฯ ตสฺมา โย ภิกฺขุ เอตสฺมิํ อนฺตเร ยํกิญฺจิ วนมูลผลํ อุปาทาย อามํ วา ปกฺกํ วา อามิสสเงฺขปคตํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา อโชฺฌหรณตฺถาย ปฎิคฺคณฺหาติ, ตสฺส ปฎิคฺคหเณ ทุกฺกฎํ, อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร ปาจิตฺติยํฯ

    Sattame vikāleti vigate kāle, majjhanhikātikkamanato yāva aruṇuggamanāti adhippāyo. Tasmā yo bhikkhu etasmiṃ antare yaṃkiñci vanamūlaphalaṃ upādāya āmaṃ vā pakkaṃ vā āmisasaṅkhepagataṃ khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā ajjhoharaṇatthāya paṭiggaṇhāti, tassa paṭiggahaṇe dukkaṭaṃ, ajjhohāre ajjhohāre pācittiyaṃ.

    ราชคเห สตฺตรสวคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ วิกาเล โภชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, ยามกาลิกาทีนิ อาหารตฺถาย ปฎิคฺคหณอโชฺฌหาเรสุ, กาเล วิกาลสญฺญิสฺส, เวมติกสฺส จ ทุกฺกฎํ, กาเล กาลสญฺญิสฺส ยามกาลิกาทีนิ สติ ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺตสฺส อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โรมฎฺฐกสฺส โรมฎฺฐํ, น จ ภิกฺขเว พหิมุขทฺวารา นีหริตฺวา อโชฺฌหริตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๓) อนุญฺญาตนเยน โรมฎฺฐกสฺสาปิ อนาปตฺติฯ วิกาลตา, ยาวกาลิกตา, อโชฺฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ เอฬกโลมสทิสานีติฯ

    Rājagahe sattarasavaggiye bhikkhū ārabbha vikāle bhojanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, yāmakālikādīni āhāratthāya paṭiggahaṇaajjhohāresu, kāle vikālasaññissa, vematikassa ca dukkaṭaṃ, kāle kālasaññissa yāmakālikādīni sati paccaye paribhuñjantassa ummattakādīnañca anāpatti. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, romaṭṭhakassa romaṭṭhaṃ, na ca bhikkhave bahimukhadvārā nīharitvā ajjhoharitabba’’nti (cūḷava. 273) anuññātanayena romaṭṭhakassāpi anāpatti. Vikālatā, yāvakālikatā, ajjhoharaṇanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni eḷakalomasadisānīti.

    วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vikālabhojanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๘. สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา

    8. Sannidhikārakasikkhāpadavaṇṇanā

    อฎฺฐเม สนฺนิธิการกนฺติ กาโร กรณํ กิริยาติ อตฺถโต เอกํ, สนฺนิธิ กาโร อสฺสาติ สนฺนิธิการํ , สนฺนิธิการเมว สนฺนิธิการกํ, ปฎิคฺคเหตฺวา เอกรตฺติํ วีตินามิตเสฺสตํ นามํฯ ตสฺมา เอวํ สนฺนิธิกตํ ยํกิญฺจิ ยาวกาลิกํ วา ยามกาลิกํ วา ‘อโชฺฌหริสฺสามี’ติ คณฺหนฺตสฺส ปฎิคฺคหเณ ทุกฺกฎํ, อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร ปาจิตฺติยํฯ สเจปิ ปโตฺต ทุโทฺธโต โหติ, ยํ องฺคุลิยา ฆํสนฺตสฺส เลขา ปญฺญายติ, คณฺฐิกปตฺตสฺส วา คณฺฐิกนฺตเร เสฺนโห ปวิโฎฺฐ โหติ, โย อุเณฺห โอตาเปนฺตสฺส ปคฺฆรติ, อุณฺหยาคุยา วา คหิตาย สนฺทิสฺสติ, ตาทิเส ปเตฺตปิ ปุนทิวเส ภุญฺชนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ ยํ ปน ภิกฺขุ นิรเปโกฺข สามเณรานํ ปริจฺจชิตฺวา เตหิ นิหิตํ ลภิตฺวา ภุญฺชติ, ตํ วฎฺฎติ ฯ สยํ ปฎิคฺคเหตฺวา อปริจฺจตฺตเมว หิ ทุติยทิวเส กปฺปิยโภชนํ ภุญฺชนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ อกปฺปิเยสุ ปน มนุสฺสมํเส ถุลฺลจฺจเยน สทฺธิํ ปาจิตฺติยํ, เสเสสุ ปน ทุกฺกเฎน สทฺธิํฯ ยามกาลิกํ สติ ปจฺจเย อโชฺฌหรโต ปาจิตฺติยํ, อาหารตฺถาย อโชฺฌหรโต ทุกฺกเฎน สทฺธิํฯ โย ปน ปวาริโต หุตฺวา อนติริตฺตกตํ อโชฺฌหรติ, ตสฺส สพฺพวิกเปฺปสุ อปรมฺปิ ปาจิตฺติยํ วฑฺฒติฯ สเจ วิกาเล อโชฺฌหรติ, อนติริตฺตปจฺจยา สพฺพวิกเปฺปสุ อนาปตฺติ, สติ ปจฺจเย วิกาลปจฺจยา ยามกาลิกาทีสุ จ อนาปตฺติฯ อวเสเสสุ วิกาลปจฺจยา ปาจิตฺติยํ วฑฺฒติเยวฯ ภิกฺขุสฺส ปน สนฺนิธิ ภิกฺขุนิยา วฎฺฎติ, ภิกฺขุนิยา จ สนฺนิธิ ภิกฺขุสฺส วฎฺฎติ, ภิกฺขุนิกฺขนฺธเก (จูฬว. ๔๒๑-๔๒๒) อนุญฺญาตตฺตา วฎฺฎตีติฯ

    Aṭṭhame sannidhikārakanti kāro karaṇaṃ kiriyāti atthato ekaṃ, sannidhi kāro assāti sannidhikāraṃ , sannidhikārameva sannidhikārakaṃ, paṭiggahetvā ekarattiṃ vītināmitassetaṃ nāmaṃ. Tasmā evaṃ sannidhikataṃ yaṃkiñci yāvakālikaṃ vā yāmakālikaṃ vā ‘ajjhoharissāmī’ti gaṇhantassa paṭiggahaṇe dukkaṭaṃ, ajjhohāre ajjhohāre pācittiyaṃ. Sacepi patto duddhoto hoti, yaṃ aṅguliyā ghaṃsantassa lekhā paññāyati, gaṇṭhikapattassa vā gaṇṭhikantare sneho paviṭṭho hoti, yo uṇhe otāpentassa paggharati, uṇhayāguyā vā gahitāya sandissati, tādise pattepi punadivase bhuñjantassa pācittiyaṃ. Yaṃ pana bhikkhu nirapekkho sāmaṇerānaṃ pariccajitvā tehi nihitaṃ labhitvā bhuñjati, taṃ vaṭṭati . Sayaṃ paṭiggahetvā apariccattameva hi dutiyadivase kappiyabhojanaṃ bhuñjantassa pācittiyaṃ. Akappiyesu pana manussamaṃse thullaccayena saddhiṃ pācittiyaṃ, sesesu pana dukkaṭena saddhiṃ. Yāmakālikaṃ sati paccaye ajjhoharato pācittiyaṃ, āhāratthāya ajjhoharato dukkaṭena saddhiṃ. Yo pana pavārito hutvā anatirittakataṃ ajjhoharati, tassa sabbavikappesu aparampi pācittiyaṃ vaḍḍhati. Sace vikāle ajjhoharati, anatirittapaccayā sabbavikappesu anāpatti, sati paccaye vikālapaccayā yāmakālikādīsu ca anāpatti. Avasesesu vikālapaccayā pācittiyaṃ vaḍḍhatiyeva. Bhikkhussa pana sannidhi bhikkhuniyā vaṭṭati, bhikkhuniyā ca sannidhi bhikkhussa vaṭṭati, bhikkhunikkhandhake (cūḷava. 421-422) anuññātattā vaṭṭatīti.

    สาวตฺถิยํ อายสฺมนฺตํ เพลฎฺฐสีสํ อารพฺภ สนฺนิธิการกโภชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ , สตฺตาหกาลิก ยาวชีวิกานํ ปน อาหารตฺถาย ปฎิคฺคหเณ อโชฺฌหาเร จ ทุกฺกฎํฯ ยถา เจตานิ อาหารตฺถาย น กปฺปนฺติ, เอวํ ยาวกาลิกาทีหิ สํสฎฺฐานิปิ, วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ยาวกาลิเกน, ภิกฺขเว, ยามกาลิกํ ตทหุปฎิคฺคหิตํ กาเล กปฺปติ, วิกาเล น กปฺปตี’’ติอาทิ (มหาว. ๓๐๕)ฯ ตสฺมา สเจปิ ตํ ตํ เตน เตน สทฺธิํ สํสฎฺฐํ ลภติ, สเจ อสมฺภินฺนรสํ วา โหติ สุโธตํ วา, ยถา อิตเรน สํสโคฺค น ปญฺญายติ, อตฺตโน กาลานุรูเปน ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ

    Sāvatthiyaṃ āyasmantaṃ belaṭṭhasīsaṃ ārabbha sannidhikārakabhojanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ , sattāhakālika yāvajīvikānaṃ pana āhāratthāya paṭiggahaṇe ajjhohāre ca dukkaṭaṃ. Yathā cetāni āhāratthāya na kappanti, evaṃ yāvakālikādīhi saṃsaṭṭhānipi, vuttañhetaṃ ‘‘yāvakālikena, bhikkhave, yāmakālikaṃ tadahupaṭiggahitaṃ kāle kappati, vikāle na kappatī’’tiādi (mahāva. 305). Tasmā sacepi taṃ taṃ tena tena saddhiṃ saṃsaṭṭhaṃ labhati, sace asambhinnarasaṃ vā hoti sudhotaṃ vā, yathā itarena saṃsaggo na paññāyati, attano kālānurūpena paribhuñjituṃ vaṭṭati.

    สเจ ปน สมฺภินฺนรสํ วา โหติ ทุโทฺธตํ วา, น วฎฺฎติฯ ยาวกาลิกญฺหิ อตฺตนา สทฺธิํ สมฺภินฺนรสานิ ตีณิปิ ยามกาลิกาทีนิ อตฺตโน สภาวํ อุปเนติ, ยามกาลิกํ เทฺวปิ สตฺตาหกาลิกาทีนิ อตฺตโน สภาวํ อุปเนติ, สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกเมว อตฺตโน สภาวํ อุปเนติฯ ตสฺมา เตน ตทหุปฎิคฺคหิเตน สทฺธิํ ตทหุปฎิคฺคหิตํ วา ปุเร ปฎิคฺคหิตํ วา ยาวชีวิกํ สตฺตาหํ กปฺปติ, ทฺวีหปฺปฎิคฺคหิเตน ฉาหํ, ตีหปฺปฎิคฺคหิเตน ปญฺจาหํ…เป.… สตฺตาหปฺปฎิคฺคหิเตน ตทเหว กปฺปตีติ เวทิตพฺพํฯ ตสฺมาเยว หิ ‘‘สตฺตาหกาลิเกน, ภิกฺขเว , ยาวชีวิกํ ตทหุปฎิคฺคหิต’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ปฎิคฺคหิตํ สตฺตาหํ กปฺปตี’’ติ วุตฺตํฯ กาลยามสตฺตาหาติกฺกเมสุ เจตฺถ วิกาลโภชน สนฺนิธิเภสชฺชสิกฺขาปทานํ วเสน อาปตฺติโย เวทิตพฺพา, อิเมสุ ปน จตูสุ กาลิเกสุ ยาวกาลิกํ ยามกาลิกนฺติ อิมเมว ทฺวยํ อโนฺตวุฎฺฐเญฺจว สนฺนิธิการกญฺจ, สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกญฺจ อกปฺปิยกุฎิยํ นิกฺขิปิตุมฺปิ วฎฺฎติ, สนฺนิธิมฺปิ น ชเนติฯ อกปฺปิยกุฎิยํ อโนฺตวุเฎฺฐน ปน เตน สทฺธิํ อิตรทฺวยํ ตทหุปฎิคฺคหิตมฺปิ น วฎฺฎติ, มุขสนฺนิธิ นาม โหติ, มหาปจฺจริยํ ปน อโนฺตวุฎฺฐํ โหตีติ วุตฺตํฯ ตตฺถ นามมตฺตเมว นานากรณํ, อาปตฺติ ปน ทุกฺกฎเมวฯ ตตฺถ อกปฺปิยกุฎิ นาม สงฺฆสฺส วา อุปสมฺปนฺนปุคฺคลสฺส วา สนฺตกํ วสนตฺถาย กตเคหํ, ตตฺถ สหเสยฺยปฺปโหนเก ปเทเส วุฎฺฐํ ยาวกาลิกญฺจ ยามกาลิกญฺจ สงฺฆิกํ วา อุปสมฺปนฺนปุคฺคลสฺส วา สนฺตกํ อโนฺตวุฎฺฐํ นาม โหติ, ตตฺถ ปกฺกํ อโนฺตปกฺกํ นาม, ยตฺถ กตฺถจิ ปน สยํ ปกฺกํ สามํ ปกฺกํ นาม, ตํ สพฺพํ อนโชฺฌหรณียํฯ เตน เตน สทฺธิํ สํสฎฺฐมฺปิ ตํคติกเมว, สพฺพํ อโชฺฌหรนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ตสฺมา อโนฺตวุฎฺฐอโนฺตปกฺกโมจนตฺถํ ภควตา จตโสฺส กปฺปิยภูมิโย (มหาว. ๒๙๕) อนุญฺญาตา, ตาสํ วินิจฺฉโย สมนฺตปาสาทิกายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๙๕) วุโตฺตฯ ยตฺถ ปเนตา น สนฺติ, ตตฺถ อนุปสมฺปนฺนสฺส สนฺตกํ กตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ สามํ ปากมฺปิ ปุนปากํ วฎฺฎติ, อสนฺนิธิการเก สนฺนิธิการกสญฺญิโน, เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ อสนฺนิธิการกสญฺญิโน, ยาวกาลิกาทีนิ ตีณิ นิทหิตฺวา สกํ สกํ กาลํ อนติกฺกมิตฺวา, ยาวชีวิกํ สทาปิ สติ ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อามิสํ, สนฺนิธิภาโว, ตสฺส อโชฺฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ เอฬกโลมสทิสาเนวาติฯ

    Sace pana sambhinnarasaṃ vā hoti duddhotaṃ vā, na vaṭṭati. Yāvakālikañhi attanā saddhiṃ sambhinnarasāni tīṇipi yāmakālikādīni attano sabhāvaṃ upaneti, yāmakālikaṃ dvepi sattāhakālikādīni attano sabhāvaṃ upaneti, sattāhakālikaṃ yāvajīvikameva attano sabhāvaṃ upaneti. Tasmā tena tadahupaṭiggahitena saddhiṃ tadahupaṭiggahitaṃ vā pure paṭiggahitaṃ vā yāvajīvikaṃ sattāhaṃ kappati, dvīhappaṭiggahitena chāhaṃ, tīhappaṭiggahitena pañcāhaṃ…pe… sattāhappaṭiggahitena tadaheva kappatīti veditabbaṃ. Tasmāyeva hi ‘‘sattāhakālikena, bhikkhave , yāvajīvikaṃ tadahupaṭiggahita’’nti avatvā ‘‘paṭiggahitaṃ sattāhaṃ kappatī’’ti vuttaṃ. Kālayāmasattāhātikkamesu cettha vikālabhojana sannidhibhesajjasikkhāpadānaṃ vasena āpattiyo veditabbā, imesu pana catūsu kālikesu yāvakālikaṃ yāmakālikanti imameva dvayaṃ antovuṭṭhañceva sannidhikārakañca, sattāhakālikaṃ yāvajīvikañca akappiyakuṭiyaṃ nikkhipitumpi vaṭṭati, sannidhimpi na janeti. Akappiyakuṭiyaṃ antovuṭṭhena pana tena saddhiṃ itaradvayaṃ tadahupaṭiggahitampi na vaṭṭati, mukhasannidhi nāma hoti, mahāpaccariyaṃ pana antovuṭṭhaṃ hotīti vuttaṃ. Tattha nāmamattameva nānākaraṇaṃ, āpatti pana dukkaṭameva. Tattha akappiyakuṭi nāma saṅghassa vā upasampannapuggalassa vā santakaṃ vasanatthāya katagehaṃ, tattha sahaseyyappahonake padese vuṭṭhaṃ yāvakālikañca yāmakālikañca saṅghikaṃ vā upasampannapuggalassa vā santakaṃ antovuṭṭhaṃ nāma hoti, tattha pakkaṃ antopakkaṃ nāma, yattha katthaci pana sayaṃ pakkaṃ sāmaṃ pakkaṃ nāma, taṃ sabbaṃ anajjhoharaṇīyaṃ. Tena tena saddhiṃ saṃsaṭṭhampi taṃgatikameva, sabbaṃ ajjhoharantassa dukkaṭaṃ. Tasmā antovuṭṭhaantopakkamocanatthaṃ bhagavatā catasso kappiyabhūmiyo (mahāva. 295) anuññātā, tāsaṃ vinicchayo samantapāsādikāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 295) vutto. Yattha panetā na santi, tattha anupasampannassa santakaṃ katvā paribhuñjituṃ vaṭṭati. Sāmaṃ pākampi punapākaṃ vaṭṭati, asannidhikārake sannidhikārakasaññino, vematikassa vā dukkaṭaṃ. Asannidhikārakasaññino, yāvakālikādīni tīṇi nidahitvā sakaṃ sakaṃ kālaṃ anatikkamitvā, yāvajīvikaṃ sadāpi sati paccaye paribhuñjantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Āmisaṃ, sannidhibhāvo, tassa ajjhoharaṇanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni eḷakalomasadisānevāti.

    สนฺนิธิการกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sannidhikārakasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๙. ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา

    9. Paṇītabhojanasikkhāpadavaṇṇanā

    นวเม ปณีตโภชนานีติ ปณีตสํสฎฺฐานิ สตฺตธญฺญนิพฺพตฺตานิ โภชนานิฯ ยถา หิ อาชญฺญยุโตฺต รโถ ‘อาชญฺญรโถ’ติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ปณีตสํสฎฺฐานิ โภชนานิ ปณีตโภชนานีติฯ เยหิ ปน ปณีเตหิ สํสฎฺฐานิ, ตานิ ‘ปณีตโภชนานี’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ ปเภททสฺสนตฺถํ เสยฺยถิทํ สปฺปิ นวนีตนฺติอาทิมาห, ตตฺถ สปฺปิอาทีนิ เภสชฺชสิกฺขาปเท (กงฺขา. อฎฺฐ. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) วุตฺตลกฺขเณเนว เวทิตพฺพานิฯ มจฺฉาทีสุ ปน สโพฺพปิ ‘โอทโก’ติ (ปาจิ. ๒๖๐) วุตฺตลกฺขโณ มโจฺฉ มโจฺฉเยวฯ เยสํ ปน มํสํ กปฺปติ, เตสํ มํสญฺจ ขีรทธีนิ จ อิธาธิเปฺปตานิฯ เอวรูปานิ ปณีตโภชนานีติ ยานิ เอเตหิ สปฺปิอาทีหิ สํสฎฺฐตฺตา ‘ปณีตโภชนานี’ติ วุจฺจนฺติ, ตถารูปานิ ปณีตโภชนานิฯ อคิลาโนติ ยสฺส เตหิ วินาปิ ผาสุ โหติฯ อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวาติ เอตฺถ ปน โย อคิลาโน สุทฺธานิ สปฺปิอาทีนิ เภสชฺชตฺถาย วิญฺญาเปติ, โส มหานามสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๓๐๓) กาเรตโพฺพ, มจฺฉาทีนิ จตฺตาริ วิญฺญาเปโนฺต สูโปทนวิญฺญตฺติยา (ปาจิ. ๖๑๒-๖๑๓) กาเรตโพฺพ, สปฺปิอาทีหิ สํสฎฺฐโภชนานิ วิญฺญาเปโนฺต อิมินา กาเรตโพฺพฯ ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ‘‘สปฺปินา ภตฺตํ เทหิ, สปฺปิํ อากิริตฺวา เทหิ, สปฺปิมิสฺสกํ กตฺวา เทหิ, สห สปฺปินา เทหิ, สปฺปิญฺจ ภตฺตญฺจ เทหี’’ติ เอวํ วิญฺญาเปนฺตสฺส ตาว วิญฺญตฺติยา ทุกฺกฎํ, ปฎิคฺคหเณ ทุกฺกฎํ, อโชฺฌหรเณ อโชฺฌหรเณ ปาจิตฺติยํฯ ‘‘สปฺปิภตฺตํ เทหี’’ติ วุเตฺต ปน ยสฺมา สาลิภตฺตํ วิย สปฺปิภตฺตํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา สูโปทนวิญฺญตฺติยา ทุกฺกฎเมว โหติฯ สเจ ปน ‘‘สปฺปินา ภตฺตํ เทหี’’ติ วุเตฺต ภตฺตํ ทตฺวา ‘‘สปฺปิํ กตฺวา ภุญฺชาหี’’ติ นวนีตขีราทีนิ วา กปฺปิยภณฺฑํ วา เทติ ‘‘อิมินา สปฺปิํ คเหตฺวา ภุญฺชาหี’’ติ, ยถาวตฺถุกเมวฯ ‘‘โคสปฺปินา ภตฺตํ เทหี’’ติ วุเตฺต ปน โคสปฺปิํ วา เทตุ, ตสฺมิํ อสติ ปุริมนเยน นวนีตาทีนิ วา, คาวิํเยว วา เทตุ ‘‘อิโต สปฺปินา ภุญฺชาหี’’ติ, ยถาวตฺถุกเมวฯ สเจ ปน ‘‘โคสปฺปินา เทหี’’ติ ยาจิโต อชิกาสปฺปิอาทีหิ เทติ, วิสเงฺกตํฯ เอวญฺหิ สติ อญฺญํ ยาจิเตน อญฺญํ ทินฺนํ นาม โหติ, ตสฺมา อนาปตฺติ, เอส นโย ‘‘อชิกาสปฺปินา เทหี’’ติอาทีสุปิฯ ‘‘กปฺปิยสปฺปินา เทหี’’ติ วุเตฺต อกปฺปิยสปฺปินา เทติ, วิสเงฺกตเมวฯ ‘‘อกปฺปิยสปฺปินา เทหี’’ติ วุเตฺต อกปฺปิยสปฺปินาว เทติ, ปฎิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ ทุกฺกฎเมวฯ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ สเจ ปน สเพฺพหิปิ สปฺปิอาทีหิ เอกฎฺฐาเน วา นานาฎฺฐาเน วา วิญฺญาเปตฺวา ปฎิลทฺธํ เอกโต สมฺภินฺนรสํ กตฺวา ตโต กุสเคฺคน เอกพินฺทุมฺปิ อโชฺฌหรติ, นว ปาจิตฺติยานิฯ

    Navame paṇītabhojanānīti paṇītasaṃsaṭṭhāni sattadhaññanibbattāni bhojanāni. Yathā hi ājaññayutto ratho ‘ājaññaratho’ti vuccati, evamidhāpi paṇītasaṃsaṭṭhāni bhojanāni paṇītabhojanānīti. Yehi pana paṇītehi saṃsaṭṭhāni, tāni ‘paṇītabhojanānī’ti vuccanti, tesaṃ pabhedadassanatthaṃ seyyathidaṃ sappi navanītantiādimāha, tattha sappiādīni bhesajjasikkhāpade (kaṅkhā. aṭṭha. bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā) vuttalakkhaṇeneva veditabbāni. Macchādīsu pana sabbopi ‘odako’ti (pāci. 260) vuttalakkhaṇo maccho macchoyeva. Yesaṃ pana maṃsaṃ kappati, tesaṃ maṃsañca khīradadhīni ca idhādhippetāni. Evarūpāni paṇītabhojanānīti yāni etehi sappiādīhi saṃsaṭṭhattā ‘paṇītabhojanānī’ti vuccanti, tathārūpāni paṇītabhojanāni. Agilānoti yassa tehi vināpi phāsu hoti. Attano atthāya viññāpetvāti ettha pana yo agilāno suddhāni sappiādīni bhesajjatthāya viññāpeti, so mahānāmasikkhāpadena (pāci. 303) kāretabbo, macchādīni cattāri viññāpento sūpodanaviññattiyā (pāci. 612-613) kāretabbo, sappiādīhi saṃsaṭṭhabhojanāni viññāpento iminā kāretabbo. Tatrāyaṃ vinicchayo – ‘‘sappinā bhattaṃ dehi, sappiṃ ākiritvā dehi, sappimissakaṃ katvā dehi, saha sappinā dehi, sappiñca bhattañca dehī’’ti evaṃ viññāpentassa tāva viññattiyā dukkaṭaṃ, paṭiggahaṇe dukkaṭaṃ, ajjhoharaṇe ajjhoharaṇe pācittiyaṃ. ‘‘Sappibhattaṃ dehī’’ti vutte pana yasmā sālibhattaṃ viya sappibhattaṃ nāma natthi, tasmā sūpodanaviññattiyā dukkaṭameva hoti. Sace pana ‘‘sappinā bhattaṃ dehī’’ti vutte bhattaṃ datvā ‘‘sappiṃ katvā bhuñjāhī’’ti navanītakhīrādīni vā kappiyabhaṇḍaṃ vā deti ‘‘iminā sappiṃ gahetvā bhuñjāhī’’ti, yathāvatthukameva. ‘‘Gosappinā bhattaṃ dehī’’ti vutte pana gosappiṃ vā detu, tasmiṃ asati purimanayena navanītādīni vā, gāviṃyeva vā detu ‘‘ito sappinā bhuñjāhī’’ti, yathāvatthukameva. Sace pana ‘‘gosappinā dehī’’ti yācito ajikāsappiādīhi deti, visaṅketaṃ. Evañhi sati aññaṃ yācitena aññaṃ dinnaṃ nāma hoti, tasmā anāpatti, esa nayo ‘‘ajikāsappinā dehī’’tiādīsupi. ‘‘Kappiyasappinā dehī’’ti vutte akappiyasappinā deti, visaṅketameva. ‘‘Akappiyasappinā dehī’’ti vutte akappiyasappināva deti, paṭiggahaṇepi paribhogepi dukkaṭameva. Iminā nayena sabbapadesu vinicchayo veditabbo. Sace pana sabbehipi sappiādīhi ekaṭṭhāne vā nānāṭṭhāne vā viññāpetvā paṭiladdhaṃ ekato sambhinnarasaṃ katvā tato kusaggena ekabindumpi ajjhoharati, nava pācittiyāni.

    สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ ปณีตโภชนวิญฺญตฺติวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อคิลาโน’’ติ อยเมตฺถ อนุปญฺญตฺติ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, คิลานสฺส อคิลานสญฺญิโน, เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ คิลานสญฺญิสฺส, คิลานกาเล วิญฺญาเปตฺวา อคิลานสฺส ภุญฺชโต, คิลานสฺส เสสเก, ญาตกปฺปวาริตฎฺฐานโต, อญฺญสฺสตฺถาย วิญฺญเตฺต, อตฺตโน ธเนน คหิเต, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ปณีตโภชนตา, อคิลานตา, กตวิญฺญตฺติยา ปฎิลาโภ, อโชฺฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ อทฺธานสมุฎฺฐานํ, กิริยํ , โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha paṇītabhojanaviññattivatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘agilāno’’ti ayamettha anupaññatti, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, gilānassa agilānasaññino, vematikassa vā dukkaṭaṃ. Gilānasaññissa, gilānakāle viññāpetvā agilānassa bhuñjato, gilānassa sesake, ñātakappavāritaṭṭhānato, aññassatthāya viññatte, attano dhanena gahite, ummattakādīnañca anāpatti. Paṇītabhojanatā, agilānatā, kataviññattiyā paṭilābho, ajjhoharaṇanti imānettha cattāri aṅgāni. Addhānasamuṭṭhānaṃ, kiriyaṃ , nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.

    ปณีตโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṇītabhojanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๐. ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา

    10. Dantaponasikkhāpadavaṇṇanā

    ทสเม อทินฺนนฺติ กาเยน วา กายปฺปฎิพเทฺธน วา คณฺหนฺตสฺส หตฺถปาเส ฐตฺวา กายกายปฺปฎิพทฺธนิสฺสคฺคิยานํ อญฺญตเรน น ทินฺนํ, อปฺปฎิคฺคหิตกเสฺสตํ นามํฯ อปฺปฎิคฺคหิตกญฺหิ ภิกฺขุโน อตฺตโน สนฺตกมฺปิ อโชฺฌหริตุํ น วฎฺฎติฯ ปฎิคฺคหิตํ อนฺตมโส วิสฺสาสิกสนฺตกมฺปิ วฎฺฎติ, ตสฺส ลกฺขณํ วุตฺตวิปลฺลาเสน เวทิตพฺพํฯ สเจ หิ โย โกจิ อนุปสมฺปโนฺน อนฺตมโส ติรจฺฉาโนปิ ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา หตฺถปาเส ฐิโต กายาทีนํ อญฺญตเรน เทติ, ตเญฺจ ภิกฺขุนา เยน เกนจิ สรีราวยเวน วา, ตปฺปฎิพเทฺธน วา, สํหาริเมน จ อนฺตมโส มเญฺจนาปิ, ธาเรตุํ สมเตฺถน จ อนฺตมโส อตตฺถชาตกรุกฺขปเณฺณนาปิ, สูจิยา ปรามฎฺฐมเตฺตนาปิ ปฎิคฺคหิตํ, ปฎิคฺคหิตเมว โหติฯ ปฎิพทฺธปฺปฎิพทฺธํ นาม อิธ นตฺถิ, ยมฺปิ นตฺถุกรณิยา ทิยฺยมานํ นาสิกาย, อกลฺลโก วา มุเขน ปฎิคฺคณฺหาติ, สพฺพํ วฎฺฎติ, อาโภคมตฺตเมว เหตฺถ ปมาณํฯ ปุพฺพาโภเค จ สติ ปจฺฉา นิทฺทายนฺตสฺส ปเตฺต ทินฺนมฺปิ หตฺถปาเส สติ ปฎิคฺคหิตเมว โหติฯ ยมฺปิ ‘‘ปเตฺตน ปฎิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ นิสินฺนเสฺสว หเตฺถ ปตติ, ตํ วฎฺฎติเยวฯ อภิหฎภาชนโต ปติตรชมฺปิ วฎฺฎติ, ตตฺถ ฐิตนิสินฺนนิปนฺนานํ ปวารณาสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว หตฺถปาโส เวทิตโพฺพฯ

    Dasame adinnanti kāyena vā kāyappaṭibaddhena vā gaṇhantassa hatthapāse ṭhatvā kāyakāyappaṭibaddhanissaggiyānaṃ aññatarena na dinnaṃ, appaṭiggahitakassetaṃ nāmaṃ. Appaṭiggahitakañhi bhikkhuno attano santakampi ajjhoharituṃ na vaṭṭati. Paṭiggahitaṃ antamaso vissāsikasantakampi vaṭṭati, tassa lakkhaṇaṃ vuttavipallāsena veditabbaṃ. Sace hi yo koci anupasampanno antamaso tiracchānopi bhikkhussa vā bhikkhuniyā vā hatthapāse ṭhito kāyādīnaṃ aññatarena deti, tañce bhikkhunā yena kenaci sarīrāvayavena vā, tappaṭibaddhena vā, saṃhārimena ca antamaso mañcenāpi, dhāretuṃ samatthena ca antamaso atatthajātakarukkhapaṇṇenāpi, sūciyā parāmaṭṭhamattenāpi paṭiggahitaṃ, paṭiggahitameva hoti. Paṭibaddhappaṭibaddhaṃ nāma idha natthi, yampi natthukaraṇiyā diyyamānaṃ nāsikāya, akallako vā mukhena paṭiggaṇhāti, sabbaṃ vaṭṭati, ābhogamattameva hettha pamāṇaṃ. Pubbābhoge ca sati pacchā niddāyantassa patte dinnampi hatthapāse sati paṭiggahitameva hoti. Yampi ‘‘pattena paṭiggaṇhissāmī’’ti nisinnasseva hatthe patati, taṃ vaṭṭatiyeva. Abhihaṭabhājanato patitarajampi vaṭṭati, tattha ṭhitanisinnanipannānaṃ pavāraṇāsikkhāpade vuttanayeneva hatthapāso veditabbo.

    สเจ ปน ทายกปฺปฎิคฺคาหเกสุ เอโก อากาเส โหติ, เอโก ภูมิยํ, ภูมฎฺฐสฺส สีเสน อากาสฎฺฐสฺส จ ฐเปตฺวา ทาตุํ วา คเหตุํ วา ปสาริตหตฺถํ ยํ อาสนฺนตรํ องฺคํ, ตสฺส โอริมเนฺตน หตฺถปาสปฺปมาณํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพํฯ สเจปิ เอโก กูเป โหติ, เอโก กูปตเฎ, เอโก วา รุเกฺข, เอโก ปถวิยํ, วุตฺตนเยเนว หตฺถปาสปฺปมาณํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพํฯ ตสฺมิํ ฐตฺวา สเจปิ เทฺว ตโย วา สามเณรา ยํ มชฺฌิโม ปุริโส อุกฺขิปิตุํ สโกฺกติ, เอวรูปํ ภารํ ปวเฎฺฎนฺตา ภิกฺขุโน ภูมิยํ ฐปิตหตฺถํ อาโรเปนฺติ, อุกฺขิปิตฺวา วา ภิกฺขุโน ปสาริตหเตฺถ เอกเทเสนาปิ ฐเปนฺติ, ตํ ปฎิคฺคหิตเมว โหติฯ ยํ ปน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส ปเตฺต รชํ ปตติ, ตํ อปฺปฎิคฺคหิตเมว โหติ, ตสฺมา ปฎิคฺคเหตฺวาว ภิกฺขา คณฺหิตพฺพาฯ อปฺปฎิคฺคเหตฺวา คณฺหนฺตสฺส วินยทุกฺกฎํ, ตํ ปน ปุน ปฎิคฺคเหตฺวา ภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺติฯ สเจ ‘‘ปฎิคฺคเหตฺวา เทถา’’ติ วุเตฺต วจนํ อสฺสุตฺวา วา อนาทิยิตฺวา วา ภิกฺขํ เทนฺติเยว, วินยทุกฺกฎา มุจฺจติ, ปุน ปฎิคฺคเหตฺวา อญฺญา ภิกฺขา ปฎิคฺคเหตพฺพาฯ สเจ มหาวาโต ตโต ตโต รชํ ปาเตติ, น สกฺกา โหติ ภิกฺขํ คเหตุํ, ‘‘อนุปสมฺปนฺนสฺส ทสฺสามี’’ติ สุทฺธจิเตฺตน อาโภคํ กตฺวา คณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ ตํ อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ปุน เตน ทินฺนํ วา ตสฺส วิสฺสาเสน วา ปฎิคฺคเหตฺวา ภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ อสฺสุเขฬสิงฺฆาณิกาทีสุ ยํ ฐานโต จวิตฺวา หเตฺถ วา ปเตฺต วา ปตติ, ตํ ปฎิคฺคเหตพฺพํ, องฺคลคฺคํ ปฎิคฺคหิตเมวฯ ปตนฺตมฺปิ โวจฺฉินฺนเญฺจ อนฺตรา น คเหตพฺพํ, อุคฺคหิตกํ นาม โหติ, ตํ ปจฺฉา ปฎิคฺคหิตมฺปิ น วฎฺฎติฯ ยํ ปน เภสชฺชํ วา มูลผลํ วา มาตาทีนํ อตฺถาย คเหตฺวา ฉายตฺถาย วา ผลินิสาขํ อุกฺขิปิตฺวา คจฺฉติ, ตโต ยํ อิจฺฉติ, ตํ ปุน ปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ โย ปน ตตฺถ ชาตกผลินิสาขาย วา วลฺลิยา วา คเหตฺวา จาเลติฯ ตสฺส ตโต ลทฺธํ ผลํ น วฎฺฎติ, ทุรุปจิณฺณทุกฺกฎญฺจ อาปชฺชติ, อญฺญสฺส ตํ วฎฺฎติ, ผลิรุกฺขํ ปน อปสฺสยิตุํ วา อาลมฺพิตุํ วา วฎฺฎติ, ปฎิคฺคเหตฺวา ฐปิเต ยํ อญฺญํ องฺกุราทิ อุปฺปชฺชติ, ปฎิคฺคหิตเมว ตํฯ ยาว หิ หตฺถโต มุเตฺต นิรเปโกฺข น โหติ, นิรเปกฺขตาย วา หตฺถโต น มุจฺจติ, ตาว น ปฎิคฺคหณํ วิชหติ, อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ วุโตฺตฯ

    Sace pana dāyakappaṭiggāhakesu eko ākāse hoti, eko bhūmiyaṃ, bhūmaṭṭhassa sīsena ākāsaṭṭhassa ca ṭhapetvā dātuṃ vā gahetuṃ vā pasāritahatthaṃ yaṃ āsannataraṃ aṅgaṃ, tassa orimantena hatthapāsappamāṇaṃ paricchinditabbaṃ. Sacepi eko kūpe hoti, eko kūpataṭe, eko vā rukkhe, eko pathaviyaṃ, vuttanayeneva hatthapāsappamāṇaṃ paricchinditabbaṃ. Tasmiṃ ṭhatvā sacepi dve tayo vā sāmaṇerā yaṃ majjhimo puriso ukkhipituṃ sakkoti, evarūpaṃ bhāraṃ pavaṭṭentā bhikkhuno bhūmiyaṃ ṭhapitahatthaṃ āropenti, ukkhipitvā vā bhikkhuno pasāritahatthe ekadesenāpi ṭhapenti, taṃ paṭiggahitameva hoti. Yaṃ pana piṇḍāya carantassa patte rajaṃ patati, taṃ appaṭiggahitameva hoti, tasmā paṭiggahetvāva bhikkhā gaṇhitabbā. Appaṭiggahetvā gaṇhantassa vinayadukkaṭaṃ, taṃ pana puna paṭiggahetvā bhuñjantassa anāpatti. Sace ‘‘paṭiggahetvā dethā’’ti vutte vacanaṃ assutvā vā anādiyitvā vā bhikkhaṃ dentiyeva, vinayadukkaṭā muccati, puna paṭiggahetvā aññā bhikkhā paṭiggahetabbā. Sace mahāvāto tato tato rajaṃ pāteti, na sakkā hoti bhikkhaṃ gahetuṃ, ‘‘anupasampannassa dassāmī’’ti suddhacittena ābhogaṃ katvā gaṇhituṃ vaṭṭati. Taṃ anupasampannassa datvā puna tena dinnaṃ vā tassa vissāsena vā paṭiggahetvā bhuñjituṃ vaṭṭati. Assukheḷasiṅghāṇikādīsu yaṃ ṭhānato cavitvā hatthe vā patte vā patati, taṃ paṭiggahetabbaṃ, aṅgalaggaṃ paṭiggahitameva. Patantampi vocchinnañce antarā na gahetabbaṃ, uggahitakaṃ nāma hoti, taṃ pacchā paṭiggahitampi na vaṭṭati. Yaṃ pana bhesajjaṃ vā mūlaphalaṃ vā mātādīnaṃ atthāya gahetvā chāyatthāya vā phalinisākhaṃ ukkhipitvā gacchati, tato yaṃ icchati, taṃ puna paṭiggahetvā paribhuñjituṃ vaṭṭati. Yo pana tattha jātakaphalinisākhāya vā valliyā vā gahetvā cāleti. Tassa tato laddhaṃ phalaṃ na vaṭṭati, durupaciṇṇadukkaṭañca āpajjati, aññassa taṃ vaṭṭati, phalirukkhaṃ pana apassayituṃ vā ālambituṃ vā vaṭṭati, paṭiggahetvā ṭhapite yaṃ aññaṃ aṅkurādi uppajjati, paṭiggahitameva taṃ. Yāva hi hatthato mutte nirapekkho na hoti, nirapekkhatāya vā hatthato na muccati, tāva na paṭiggahaṇaṃ vijahati, ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana samantapāsādikāyaṃ vutto.

    มุขทฺวารนฺติ คลนาฬิกํฯ มุเขน วา หิ ปวิฎฺฐํ โหตุ, นาสิกาย วา, คเลน อโชฺฌหรณียตาย สพฺพมฺปิ ตํ มุขทฺวารํ ปเวสิตเมว โหติฯ อาหารนฺติ ยํกิญฺจิ ยาวกาลิกํ วา ยามกาลิกํ วา สตฺตาหกาลิกํ วา ยาวชีวิกํ วาฯ สพฺพเญฺหตํ อโชฺฌหรณียตฺตา ‘อาหาโร’ติ วุจฺจติ, ตตฺถ สพฺพมฺปิ ธญฺญํ วา ธญฺญานุโลมํ วา ตาลนาฬิเกรปนสลพุชอลาพุกุมฺภณฺฑปุสฺสผลติปุสผลเอฬาลุกสงฺขาตํ นววิธํ มหาผลเญฺจว อปรณฺณญฺจ, ยญฺจญฺญํ วนมูลปตฺตปุปฺผผลาทิ อาหารตฺถํ ผรติ, ตํ สพฺพํ ยาว มชฺฌนฺหิกกาโล, ตาว ปริภุญฺชิตพฺพโต ยาวกาลิกํ นามฯ อมฺพปานํ ชมฺพุปานํ โจจปานํ โมจปานํ มธุกปานํ มุทฺทิกปานํ สาลูกปานํ ผารุสกปานนฺติ อิมานิ อฎฺฐ ปานานิ, ยานิ จ เตสํ อนุโลมานิ เวตฺตตินฺติณิกมาตุลุงฺคกปิฎฺฐโกสมฺพกรมนฺทาทิขุทฺทกผลปานานิ, เอตานิ สพฺพานิ อนุปสมฺปเนฺนหิ สีโตทเกน มทฺทิตฺวา กตานิ อาทิจฺจปากานิ วา ยาว รตฺติยา ปจฺฉิมยามํ นิทหิตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพโต ยามกาลิกานิ นามฯ อวเสเสสุ อนุญฺญาตผลปตฺตปุปฺผรเสสุปิ เอเสว นโยฯ สปฺปิอาทีนิ ปญฺจ เภสชฺชานิ สตฺตาหํ นิทหิตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพโต สตฺตาหกาลิกานิ นามฯ อิทํ ปน ยาวกาลิกาทิตฺตยํ กาลวิมุตฺตญฺจ อุทกํ ฐเปตฺวา อวเสสมูลผลาผลาทิ ยํ เนว ขาทนียตฺถํ น โภชนียตฺถํ ผรติ , ตํ ยาวชีวํ นิทหิตฺวา สติ ปจฺจเย ปริภุญฺชิตพฺพโต ยาวชีวิกํ นามฯ อาหเรยฺยาติ ปเวเสยฺยฯ อญฺญตฺร อุทกทนฺตโปนาติ อิทํ อนาหาเรปิ อุทเก อาหารสญฺญาย, ทนฺตโปเน จ ‘‘มุขทฺวารํ อาหฎํ อิท’’นฺติ สญฺญาย กุกฺกุจฺจายนฺตานํ กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถํ วุตฺตํฯ อุทกญฺหิ ยถาสุขํ ปาตุํ, ทนฺตกฎฺฐญฺจ ทนฺตโปนปริโภเคน ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ ฐเปตฺวา ปน อิทํ ทฺวยํ อวเสสํ อโชฺฌหรณตฺถาย คณฺหโต คหเณ ทุกฺกฎํ, อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร ปาจิตฺติยํ, สเจปิ ทนฺตกฎฺฐรโส อชานนฺตสฺส อโนฺต ปวิสติ, ปาจิตฺติยเมวฯ

    Mukhadvāranti galanāḷikaṃ. Mukhena vā hi paviṭṭhaṃ hotu, nāsikāya vā, galena ajjhoharaṇīyatāya sabbampi taṃ mukhadvāraṃ pavesitameva hoti. Āhāranti yaṃkiñci yāvakālikaṃ vā yāmakālikaṃ vā sattāhakālikaṃ vā yāvajīvikaṃ vā. Sabbañhetaṃ ajjhoharaṇīyattā ‘āhāro’ti vuccati, tattha sabbampi dhaññaṃ vā dhaññānulomaṃ vā tālanāḷikerapanasalabujaalābukumbhaṇḍapussaphalatipusaphalaeḷālukasaṅkhātaṃ navavidhaṃ mahāphalañceva aparaṇṇañca, yañcaññaṃ vanamūlapattapupphaphalādi āhāratthaṃ pharati, taṃ sabbaṃ yāva majjhanhikakālo, tāva paribhuñjitabbato yāvakālikaṃ nāma. Ambapānaṃ jambupānaṃ cocapānaṃ mocapānaṃ madhukapānaṃ muddikapānaṃ sālūkapānaṃ phārusakapānanti imāni aṭṭha pānāni, yāni ca tesaṃ anulomāni vettatintiṇikamātuluṅgakapiṭṭhakosambakaramandādikhuddakaphalapānāni, etāni sabbāni anupasampannehi sītodakena madditvā katāni ādiccapākāni vā yāva rattiyā pacchimayāmaṃ nidahitvā paribhuñjitabbato yāmakālikāni nāma. Avasesesu anuññātaphalapattapuppharasesupi eseva nayo. Sappiādīni pañca bhesajjāni sattāhaṃ nidahitvā paribhuñjitabbato sattāhakālikāni nāma. Idaṃ pana yāvakālikādittayaṃ kālavimuttañca udakaṃ ṭhapetvā avasesamūlaphalāphalādi yaṃ neva khādanīyatthaṃ na bhojanīyatthaṃ pharati , taṃ yāvajīvaṃ nidahitvā sati paccaye paribhuñjitabbato yāvajīvikaṃ nāma. Āhareyyāti paveseyya. Aññatra udakadantaponāti idaṃ anāhārepi udake āhārasaññāya, dantapone ca ‘‘mukhadvāraṃ āhaṭaṃ ida’’nti saññāya kukkuccāyantānaṃ kukkuccavinodanatthaṃ vuttaṃ. Udakañhi yathāsukhaṃ pātuṃ, dantakaṭṭhañca dantaponaparibhogena paribhuñjituṃ vaṭṭati. Ṭhapetvā pana idaṃ dvayaṃ avasesaṃ ajjhoharaṇatthāya gaṇhato gahaṇe dukkaṭaṃ, ajjhohāre ajjhohāre pācittiyaṃ, sacepi dantakaṭṭharaso ajānantassa anto pavisati, pācittiyameva.

    เวสาลิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ อทินฺนํ อาหารํ อาหรณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อญฺญตฺร อุทกทนฺตโปนา’’ติ อยเมตฺถ อนุปญฺญตฺติ, สาธารณปญฺญตฺติ , อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, ปฎิคฺคหิตเก อปฺปฎิคฺคหิตสญฺญิโน, เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ ปฎิคฺคหิตสญฺญิสฺส, อุทกทนฺตโปเน, จตฺตาริ มหาวิกฎานิ สติ ปจฺจเย อสติ กปฺปิยการเก สามํ คเหตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ เอตฺถ ทุพฺพโจปิ อสมโตฺถปิ กปฺปิยการโก อสนฺตปเกฺขเยว ติฎฺฐติ, ฉาริกาย อสติ สุกฺขทารุํ ฌาเปตฺวา, ตสฺมิญฺจ อสติ อลฺลทารุํ รุกฺขโต ฉินฺทิตฺวาปิ กาตุํ, มตฺติกตฺถาย จ ปถวิํ ขณิตุมฺปิ วฎฺฎติ, อิทํ ปน จตุพฺพิธมฺปิ มหาวิกฎํ กาโลทิสฺสํ นาม สปฺปทฎฺฐกฺขเณเยว สามํ คเหตุํ วฎฺฎติ, อญฺญทา ปฎิคฺคาหาเปตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ อปฺปฎิคฺคหิตกตา, อนนุญฺญาตตา, ธูมาทิอโพฺพหาริกาภาโว, อโชฺฌหรณนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ เอฬกโลมสทิสานีติฯ

    Vesāliyaṃ aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha adinnaṃ āhāraṃ āharaṇavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘aññatra udakadantaponā’’ti ayamettha anupaññatti, sādhāraṇapaññatti , anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, paṭiggahitake appaṭiggahitasaññino, vematikassa vā dukkaṭaṃ. Paṭiggahitasaññissa, udakadantapone, cattāri mahāvikaṭāni sati paccaye asati kappiyakārake sāmaṃ gahetvā paribhuñjantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Ettha dubbacopi asamatthopi kappiyakārako asantapakkheyeva tiṭṭhati, chārikāya asati sukkhadāruṃ jhāpetvā, tasmiñca asati alladāruṃ rukkhato chinditvāpi kātuṃ, mattikatthāya ca pathaviṃ khaṇitumpi vaṭṭati, idaṃ pana catubbidhampi mahāvikaṭaṃ kālodissaṃ nāma sappadaṭṭhakkhaṇeyeva sāmaṃ gahetuṃ vaṭṭati, aññadā paṭiggāhāpetvā paribhuñjitabbaṃ. Appaṭiggahitakatā, ananuññātatā, dhūmādiabbohārikābhāvo, ajjhoharaṇanti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni eḷakalomasadisānīti.

    ทนฺตโปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dantaponasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    โภชนวโคฺค จตุโตฺถฯ

    Bhojanavaggo catuttho.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact