Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ภูมฎฺฐกถาทิวณฺณนา

    Bhūmaṭṭhakathādivaṇṇanā

    ๙๔. มหาอฎฺฐกถายํ ปน สเจฺจปิ อลิเกปิ ทุกฺกฎเมว วุตฺตํ, ตํ ปมาทลิขิตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ ยเถตรหิ ยุตฺติยา คเหตพฺพาฯ ตตฺถ ‘‘จตุวเคฺคน ฐเปตฺวา อุปสมฺปทปวารณอพฺภานาทิสพฺพํ สงฺฆกมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติ’’เจฺจว วตฺตเพฺพ ‘‘อุปสมฺปทปวารณกถินพฺภานาทีนี’’ติ ลิขนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ ตํ อาจริยา ‘‘ปมาทเลขา’’เตฺวว วณฺณยนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ปมาทลิขิต’’นฺติฯ ยํ ยํ วจนํ มุสา, ตตฺถ ตตฺถ ปาจิตฺติยนฺติ วุตฺตํฯ ทุกฺกฎสฺส วจเน ปโยชนาภาวา ‘‘อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยเค’’ติ วุตฺตํฯ อเญฺญสมฺปิ ปุพฺพปโยเค ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ปาจิตฺติยเมวฯ ปมาทลิขิตนฺติ เอตฺถ อิธ อธิเปฺปตเมว คเหตฺวา อฎฺฐกถายํ วุตฺตนฺติ คหิเต สเมติ วิยฯ อาจริยา ปน ‘‘ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ปาจิตฺติย’’นฺติ วตฺวา ทุกฺกเฎ วิสุํ วตฺตเพฺพ ‘‘สจฺจาลิเก’’ติ สามญฺญโต วุตฺตตฺตา ‘‘ปมาทเลขา’’ติ วทนฺตีติ เวทิตพฺพาติฯ ‘‘กุสลจิเตฺตน คมเน อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ทานญฺจ ทสฺสามี’’ติ วจเนน อนาปตฺติ วิยฯ

    94.Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana saccepi alikepi dukkaṭameva vuttaṃ, taṃ pamādalikhitanti veditabbanti yathetarahi yuttiyā gahetabbā. Tattha ‘‘catuvaggena ṭhapetvā upasampadapavāraṇaabbhānādisabbaṃ saṅghakammaṃ kātuṃ vaṭṭati’’cceva vattabbe ‘‘upasampadapavāraṇakathinabbhānādīnī’’ti likhantīti veditabbaṃ. Taṃ ācariyā ‘‘pamādalekhā’’tveva vaṇṇayanti, tena vuttaṃ ‘‘pamādalikhita’’nti. Yaṃ yaṃ vacanaṃ musā, tattha tattha pācittiyanti vuttaṃ. Dukkaṭassa vacane payojanābhāvā ‘‘adinnādānassa pubbapayoge’’ti vuttaṃ. Aññesampi pubbapayoge pācittiyaṭṭhāne pācittiyameva. Pamādalikhitanti ettha idha adhippetameva gahetvā aṭṭhakathāyaṃ vuttanti gahite sameti viya. Ācariyā pana ‘‘pācittiyaṭṭhāne pācittiya’’nti vatvā dukkaṭe visuṃ vattabbe ‘‘saccālike’’ti sāmaññato vuttattā ‘‘pamādalekhā’’ti vadantīti veditabbāti. ‘‘Kusalacittena gamane anāpattī’’ti vuttattā ‘‘dānañca dassāmī’’ti vacanena anāpatti viya.

    ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ทุกฺกฎา น มุจฺจตีติ ปาจิตฺติเยน สทฺธิํ ทุกฺกฎมาปชฺชติฯ พหุกาปิ อาปตฺติโย โหนฺตูติ ขณนพฺยูหนุทฺธรเณสุ ทส ทส กตฺวา อาปตฺติโย อาปโนฺน, เตสุ อุทฺธรเณ ทส ปาจิตฺติโย เทเสตฺวา มุจฺจติ, ชาติวเสน ‘‘เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตี’’ติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํ, ตสฺมา ปุริเมน สเมติฯ ‘‘สโมธาเนตฺวา ทสฺสิตปโยเค ‘‘ทุกฺกฎ’’นฺติ วุตฺตตฺตา สมานปโยคา พหุทุกฺกฎตฺตํ ญาเปติฯ ขณเน พหุกานีติ สมานปโยคตฺตา น ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ อฎฺฐกถาจริยปฺปมาเณนาติ ยถา ปเนตฺถ, เอวํ อเญฺญสุปิ เอวรูปานิ อฎฺฐกถาย อาคตวจนานิ สงฺคีติโต ปฎฺฐาย อาคตตฺตา คเหตพฺพานีติ อโตฺถฯ ‘‘อิธ ทุติยปาราชิเก คเหตพฺพา, น อเญฺญสู’’ติ ธมฺมสิริเตฺถโร กิราหฯ คณฺฐิปเท ปน ‘‘ปุริมขณนํ ปจฺฉิมํ ปตฺวา ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, เตเนว เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘วิสภาคกิริยํ วา ปตฺวา ปุริมํ ปฎิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ จ วุตฺตํฯ

    Pācittiyaṭṭhāne dukkaṭā na muccatīti pācittiyena saddhiṃ dukkaṭamāpajjati. Bahukāpi āpattiyo hontūti khaṇanabyūhanuddharaṇesu dasa dasa katvā āpattiyo āpanno, tesu uddharaṇe dasa pācittiyo desetvā muccati, jātivasena ‘‘ekameva desetvā muccatī’’ti kurundiyaṃ vuttaṃ, tasmā purimena sameti. ‘‘Samodhānetvā dassitapayoge ‘‘dukkaṭa’’nti vuttattā samānapayogā bahudukkaṭattaṃ ñāpeti. Khaṇane bahukānīti samānapayogattā na paṭippassambhati. Aṭṭhakathācariyappamāṇenāti yathā panettha, evaṃ aññesupi evarūpāni aṭṭhakathāya āgatavacanāni saṅgītito paṭṭhāya āgatattā gahetabbānīti attho. ‘‘Idha dutiyapārājike gahetabbā, na aññesū’’ti dhammasiritthero kirāha. Gaṇṭhipade pana ‘‘purimakhaṇanaṃ pacchimaṃ patvā paṭippassambhati, teneva ekameva desetvā muccatī’’ti vuttaṃ, ‘‘visabhāgakiriyaṃ vā patvā purimaṃ paṭippassambhatī’’ti ca vuttaṃ.

    เอวํ เอกฎฺฐาเน ฐิตาย กุมฺภิยา ฐานาจาวนเญฺจตฺถ ฉหากาเรหิ เวทิตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ กุมฺภิยาติ ภุมฺมวจนํฯ อุทฺธํ อุกฺขิปโนฺต เกสคฺคมตฺตมฺปิ ภูมิโต โมเจติ, ปาราชิกนฺติ เอตฺถ มุขวฎฺฎิยา ผุโฎฺฐกาสํ พุเนฺทน โมจิเต ‘‘ฐานาจาวนเญฺจตฺถ ฉหากาเรหิ เวทิตพฺพ’’นฺติ อิมินา สเมติ, ตถา อวตฺวา ‘‘ภูมิโต มุเตฺต เกสคฺคมตฺตมฺปิ อติกฺกเนฺต ภูมิโต โมจิตํ นาม โหตี’’ติ ทฬฺหํ กตฺวา วทนฺติ, อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํฯ เอตฺถ เอกเจฺจ เอวํ อตฺถํ วทนฺติ ‘‘ปุเพฺพ ขณเนฺตน อวเสสฎฺฐานานิ วิโยชิตานิ, ตสฺมิํ วิมุเตฺต ปาราชิก’’นฺติฯ สเงฺขปมหาปจฺจริยาทีสุ วุตฺตวจนสฺส ปมาทเลขภาโว ‘‘อตฺตโน ภาชนคตํ วา กโรติ, มุฎฺฐิํ วา ฉินฺทตี’’ติ วจเนน ทีปิโตฯ

    Evaṃ ekaṭṭhāne ṭhitāya kumbhiyā ṭhānācāvanañcettha chahākārehi veditabbanti sambandho. Kumbhiyāti bhummavacanaṃ. Uddhaṃ ukkhipanto kesaggamattampi bhūmito moceti, pārājikanti ettha mukhavaṭṭiyā phuṭṭhokāsaṃ bundena mocite ‘‘ṭhānācāvanañcettha chahākārehi veditabba’’nti iminā sameti, tathā avatvā ‘‘bhūmito mutte kesaggamattampi atikkante bhūmito mocitaṃ nāma hotī’’ti daḷhaṃ katvā vadanti, upaparikkhitvā gahetabbaṃ. Ettha ekacce evaṃ atthaṃ vadanti ‘‘pubbe khaṇantena avasesaṭṭhānāni viyojitāni, tasmiṃ vimutte pārājika’’nti. Saṅkhepamahāpaccariyādīsu vuttavacanassa pamādalekhabhāvo ‘‘attano bhājanagataṃ vā karoti, muṭṭhiṃ vā chindatī’’ti vacanena dīpito.

    ยํ ปน ‘‘ปีตมเตฺต ปาราชิก’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ยเถตรหิ ‘‘ปญฺจวิญฺญาณา อุปฺปนฺนวตฺถุกา อุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติ ปทสฺส ‘‘อุปฺปนฺนวตฺถุกาหิ อนาคตปฎิเกฺขโป’’ติ อฎฺฐกถาวจนํ ‘‘อสมฺภินฺนวตฺถุกา อสมฺภินฺนารมฺมณา ปุเรชาตวตฺถุกา ปุเรชาตารมฺมณา’’ติ วจนมเปกฺขิตฺวา อตีตานาคตปฎิเกฺขโปติ ปริวเตฺตติ, ตถา ตาทิเสหิ ปริวตฺต’นฺติ เวทิตพฺพํฯ น หิ อฎฺฐกถาจริยา ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ วทนฺติฯ ยํ ปน อาจริยา ‘‘อิทํ ปมาทลิขิต’’นฺติ อปเนตฺวา ปฎิกฺขิปิตฺวา วจนกาเล วาเจนฺติ, อุทฺทิสนฺติ, ตเมว จ อิมินาปิ อาจริเยน ‘‘ปมาทลิขิต’’นฺติ ปฎิกฺขิตฺตํฯ ยญฺจ สุตฺตํ ทเสฺสตฺวา เต ปฎิกฺขิปนฺติ, ตเมว จ ทเสฺสเนฺตน อิมินา ปฎิกฺขิตฺตํ, เตน วุตฺตํ ‘‘ตํ ปน ตเตฺถวา’’ติอาทิฯ

    Yaṃ pana ‘‘pītamatte pārājika’’nti vuttaṃ, taṃ yathetarahi ‘‘pañcaviññāṇā uppannavatthukā uppannārammaṇā’’ti padassa ‘‘uppannavatthukāhi anāgatapaṭikkhepo’’ti aṭṭhakathāvacanaṃ ‘‘asambhinnavatthukā asambhinnārammaṇā purejātavatthukā purejātārammaṇā’’ti vacanamapekkhitvā atītānāgatapaṭikkhepoti parivatteti, tathā tādisehi parivatta’nti veditabbaṃ. Na hi aṭṭhakathācariyā pubbāparaviruddhaṃ vadanti. Yaṃ pana ācariyā ‘‘idaṃ pamādalikhita’’nti apanetvā paṭikkhipitvā vacanakāle vācenti, uddisanti, tameva ca imināpi ācariyena ‘‘pamādalikhita’’nti paṭikkhittaṃ. Yañca suttaṃ dassetvā te paṭikkhipanti, tameva ca dassentena iminā paṭikkhittaṃ, tena vuttaṃ ‘‘taṃ pana tatthevā’’tiādi.

    อนาปตฺติมตฺตเมว วุตฺตนฺติ เนว อวหาโร น คีวา อนาปตฺตีติ พฺยญฺชนโตว เภโท, น อตฺถโตติ ทสฺสนตฺถํฯ ตํ ปมาทลิขิตํ กตเรหีติ เจ? ปุเพฺพ วุตฺตปฺปกาเรหิ, เลขเกหิ วา, เอส นโย สพฺพตฺถฯ ‘‘น หิ ตเทว พหูสุ ฐาเนสุ ยุตฺตโต ปาราชิกมหุตฺวา กตฺถจิ โหตี’’ติ สพฺพํ อนุคณฺฐิปเท วุตฺตํฯ ทุฎฺฐปิตํ วา ฐเปตีติ เอตฺถ ตโต ปคฺฆริสฺสตีติ ฐานาจาวนํ สนฺธาย กตตฺตา ปาราชิกํ ตํ ปน คณฺหตุ วา มา วา ตเตฺถว ‘‘ภินฺทตี’’ติอาทิวจนโต เวทิตพฺพํฯ ‘‘ตเตฺถวาติ ฐานาจาวนํ อกโรโนฺตว ฐานา อจาเวตุกาโมว เกวลํ ‘ภินฺทตี’ติ อฎฺฐกถาวจนโต จ ญาเปตพฺพ’’นฺติ อญฺญตรสฺมิํ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ ตถา ‘‘ปคฺฆริเตหิ ตินฺตปํสุํ คเหตฺวา อุทเก ปกฺขิปิตฺวา ปจิตฺวา คเหตุํ สกฺกา, ตสฺมา คหณเมว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อปเรฯ ‘‘ริตฺตกุมฺภิยา อุปริ กโรติ, ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อาณตฺติยา วิรุชฺฌติ, ‘‘ยทา สโกฺกสิ, ตทา ตํ ภณฺฑํ อวหรา’’ติ อตฺถสาธโก อาณตฺติกาเล เอว ปาราชิกํฯ อปิจ อาวาฎกาทีนิ ถาวรปโยคานิ จ เอตฺถ สาธกานิฯ นตฺถิ กาลกตปโยคานิ ปาราชิกวตฺถูนีติ ตสฺมา อุปปริกฺขิตพฺพนฺติ เอเกฯ ยตฺถ ยตฺถ ‘‘อปเร’’ติ วา ‘‘เอเก’’ติ วา วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ สุฎฺฐุ อุปปริกฺขิตฺวา ยุตฺตํ คเหตพฺพํ, อิตรํ ฉเฑฺฑตพฺพํฯ วทนฺตีติ อาจริยา วทนฺติฯ น, อญฺญถา คเหตพฺพตฺถโตติ ปาฬิปริหรณตฺถํ วุตฺตํฯ เอวเมเก วทนฺตีติ ตํ น คเหตพฺพํฯ กสฺมา? ‘‘ปสฺสาวํ วา ฉเฑฺฑตี’’ติ จ ‘‘อปริโภคํ วา กโรตี’’ติ จ อตฺถโต เอกตฺตา, อฎฺฐกถาย ‘‘มุคฺคเรน โปเถตฺวา ภินฺทตี’’ติ วุตฺตตฺตาปิฯ

    Anāpattimattameva vuttanti neva avahāro na gīvā anāpattīti byañjanatova bhedo, na atthatoti dassanatthaṃ. Taṃ pamādalikhitaṃ katarehīti ce? Pubbe vuttappakārehi, lekhakehi vā, esa nayo sabbattha. ‘‘Na hi tadeva bahūsu ṭhānesu yuttato pārājikamahutvā katthaci hotī’’ti sabbaṃ anugaṇṭhipade vuttaṃ. Duṭṭhapitaṃ vā ṭhapetīti ettha tato paggharissatīti ṭhānācāvanaṃ sandhāya katattā pārājikaṃ taṃ pana gaṇhatu vā mā vā tattheva ‘‘bhindatī’’tiādivacanato veditabbaṃ. ‘‘Tatthevāti ṭhānācāvanaṃ akarontova ṭhānā acāvetukāmova kevalaṃ ‘bhindatī’ti aṭṭhakathāvacanato ca ñāpetabba’’nti aññatarasmiṃ gaṇṭhipade vuttaṃ. Tathā ‘‘paggharitehi tintapaṃsuṃ gahetvā udake pakkhipitvā pacitvā gahetuṃ sakkā, tasmā gahaṇameva sandhāya vutta’’nti apare. ‘‘Rittakumbhiyā upari karoti, bhaṇḍadeyya’’nti vuttaṃ, taṃ āṇattiyā virujjhati, ‘‘yadā sakkosi, tadā taṃ bhaṇḍaṃ avaharā’’ti atthasādhako āṇattikāle eva pārājikaṃ. Apica āvāṭakādīni thāvarapayogāni ca ettha sādhakāni. Natthi kālakatapayogāni pārājikavatthūnīti tasmā upaparikkhitabbanti eke. Yattha yattha ‘‘apare’’ti vā ‘‘eke’’ti vā vuccati, tattha tattha suṭṭhu upaparikkhitvā yuttaṃ gahetabbaṃ, itaraṃ chaḍḍetabbaṃ. Vadantīti ācariyā vadanti. Na, aññathā gahetabbatthatoti pāḷipariharaṇatthaṃ vuttaṃ. Evameke vadantīti taṃ na gahetabbaṃ. Kasmā? ‘‘Passāvaṃ vā chaḍḍetī’’ti ca ‘‘aparibhogaṃ vā karotī’’ti ca atthato ekattā, aṭṭhakathāya ‘‘muggarena pothetvā bhindatī’’ti vuttattāpi.

    อยํ ปเนตฺถ สาโรติอาทิกถาย ‘‘อมฺหากํ อาจริยสฺส วจน’’นฺติ ธมฺมสิริเตฺถโร อาหฯ สงฺคหาจริยานํ วาโทติ เอเกฯ ปุเพฺพ วุตฺตาปิ เต เอว, ตสฺมา โวหารวเสนาติ อฉเฑฺฑตุกามมฺปิ ตถา กโรนฺตํ ‘‘ฉเฑฺฑตี’’ติ โวหรนฺติฯ เอวเมเตสํ ปทานํ อโตฺถ คเหตโพฺพติ เอวํ สเนฺต ‘‘ฐานาจาวนสฺส นตฺถิตาย ทุกฺกฎ’’นฺติ อฎฺฐกถาวจเนน อติวิย สเมติ, ตตฺถ ฐานาจาวนจิตฺตสฺส นตฺถิตาย ฐานา จุตมฺปิ น ‘‘ฐานา จุต’’นฺติ วุจฺจตีติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ อิตรถาปีติ เถยฺยจิตฺตาภาวา ฐานา จาเวตุกามสฺสปิ ทุกฺกฎํ ยุชฺชติฯ

    Ayaṃpanettha sārotiādikathāya ‘‘amhākaṃ ācariyassa vacana’’nti dhammasiritthero āha. Saṅgahācariyānaṃ vādoti eke. Pubbe vuttāpi te eva, tasmā vohāravasenāti achaḍḍetukāmampi tathā karontaṃ ‘‘chaḍḍetī’’ti voharanti. Evametesaṃ padānaṃ attho gahetabboti evaṃ sante ‘‘ṭhānācāvanassa natthitāya dukkaṭa’’nti aṭṭhakathāvacanena ativiya sameti, tattha ṭhānācāvanacittassa natthitāya ṭhānā cutampi na ‘‘ṭhānā cuta’’nti vuccatīti attho gahetabbo. Itarathāpīti theyyacittābhāvā ṭhānā cāvetukāmassapi dukkaṭaṃ yujjati.

    ๙๖. สยเมว ปติตโมรเสฺสว อิโต จิโต จ กโรโต ถุลฺลจฺจยํฯ อากาสฎฺฐวินิจฺฉเย ตปฺปสเงฺคน ตสฺมิํ เวหาสาทิคเตปิ อสโมฺมหตฺถํ เอวํ คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํฯ ‘‘เอวมญฺญตฺราปิ สามิเส’’ติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ ‘‘ฐานาจาวนํ อกโรโนฺต จาเลตี’’ติ วจนโต ฐานาจาวเน ถุลฺลจฺจยํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติฯ เกจิ อผนฺทาเปตฺวา ฐานาจาวนาจาวเนหิปิ ทุกฺกฎถุลฺลจฺจเย วทนฺติฯ ‘‘เต ฐานาจาวนํ อกโรโนฺตติ อิมํ อฎฺฐกถาวจนํ ทเสฺสตฺวา ปฎิเสเธตพฺพา’’ติ เกจิ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํฯ

    96. Sayameva patitamorasseva ito cito ca karoto thullaccayaṃ. Ākāsaṭṭhavinicchaye tappasaṅgena tasmiṃ vehāsādigatepi asammohatthaṃ evaṃ gahetabbanti vuttaṃ. ‘‘Evamaññatrāpi sāmise’’ti gaṇṭhipade vuttaṃ. ‘‘Ṭhānācāvanaṃ akaronto cāletī’’ti vacanato ṭhānācāvane thullaccayaṃ natthīti vuttaṃ hoti. Keci aphandāpetvā ṭhānācāvanācāvanehipi dukkaṭathullaccaye vadanti. ‘‘Te ṭhānācāvanaṃ akarontoti imaṃ aṭṭhakathāvacanaṃ dassetvā paṭisedhetabbā’’ti keci vadanti, vīmaṃsitabbaṃ.

    ๙๗. เฉทนโมจนาทิ อุปริภาคํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อวสฺสํ ฐานโต อากาสคตํ กโรติฯ เอตฺถ ‘‘เอกโกฎิํ นีหริตฺวา ฐปิเต วํเส ฐิตสฺส อากาสกรณํ สนฺธายา’’ติ เกจิ วทนฺติฯ เต ปน อถ ‘‘มูลํ อเจฺฉตฺวา วลยํ อิโต จิโต จ สาเรติ, รกฺขติฯ สเจ ปน มูลโต อนีหริตฺวาปิ หเตฺถน คเหตฺวา อากาสคตํ กโรติ, ปาราชิก’’นฺติ อฎฺฐกถาวจนํ ทเสฺสตฺวา ปฎิเสเธตพฺพาฯ ภิตฺตินิสฺสิตนฺติ ภิตฺติยา อุปตฺถมฺภิตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เอเกฯ ภิตฺติํ นิสฺสาย ฐปิตนฺติ นาคทนฺตาทีสุ ฐิตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ฉินฺนมเตฺตติ อุปริ อุคฺคนฺตฺวา ฐิตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ

    97. Chedanamocanādi uparibhāgaṃ sandhāya vuttaṃ. Avassaṃ ṭhānato ākāsagataṃ karoti. Ettha ‘‘ekakoṭiṃ nīharitvā ṭhapite vaṃse ṭhitassa ākāsakaraṇaṃ sandhāyā’’ti keci vadanti. Te pana atha ‘‘mūlaṃ acchetvā valayaṃ ito cito ca sāreti, rakkhati. Sace pana mūlato anīharitvāpi hatthena gahetvā ākāsagataṃ karoti, pārājika’’nti aṭṭhakathāvacanaṃ dassetvā paṭisedhetabbā. Bhittinissitanti bhittiyā upatthambhitaṃ sandhāya vuttanti eke. Bhittiṃ nissāya ṭhapitanti nāgadantādīsu ṭhitaṃ sandhāya vuttaṃ. Chinnamatteti upari uggantvā ṭhitaṃ sandhāya vuttaṃ.

    ๙๘. อุปริ ฐิตสฺส ปิฎฺฐิยาติ เอตฺถ อโธ โอสารณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เหฎฺฐา โอสาเรนฺตสฺส อุปริมสฺส ปิฎฺฐิยา เหฎฺฐิเมน ฐิโตกาสํ อติกฺกนฺตมเตฺต ปาราชิกํ, อุทฺธํ อุกฺขิปนฺตสฺส อุทกโต มุตฺตมเตฺตฯ ‘‘เอวํ คหิเต ภูมเฎฺฐ วุเตฺตน สเมตี’’ติ วทนฺติฯ มตมจฺฉานํ ฐิตฎฺฐานเมว ฐานํ กิรฯ เถยฺยจิเตฺตน มาเรตฺวา คณฺหโต อูนปาทคฺฆนเก ทุกฺกฎํ, สหปโยคตฺตา ปาจิตฺติยํ นตฺถีติ เอเกฯ มทนผลวสาทีนีติ เอตฺถ สีหฬภาสา กิร วส อิติ วิสนฺติ อโตฺถ, ครุฬากาเรน กตุเปฺปยิตํ วาฯ

    98.Upari ṭhitassa piṭṭhiyāti ettha adho osāraṇaṃ sandhāya vuttaṃ. Heṭṭhā osārentassa uparimassa piṭṭhiyā heṭṭhimena ṭhitokāsaṃ atikkantamatte pārājikaṃ, uddhaṃ ukkhipantassa udakato muttamatte. ‘‘Evaṃ gahite bhūmaṭṭhe vuttena sametī’’ti vadanti. Matamacchānaṃ ṭhitaṭṭhānameva ṭhānaṃ kira. Theyyacittena māretvā gaṇhato ūnapādagghanake dukkaṭaṃ, sahapayogattā pācittiyaṃ natthīti eke. Madanaphalavasādīnīti ettha sīhaḷabhāsā kira vasa iti visanti attho, garuḷākārena katuppeyitaṃ vā.

    ๙๙. ปุเพฺพ ปาเส พทฺธสูกรอุปมาย วุตฺตา เอวฯ ‘‘ถเล ฐปิตาย นาวาย น ผุโฎฺฐกาสมตฺตเมวา’’ติ ปาโฐฯ ‘‘วาโต อาคมฺมาติ วจนโต วาตสฺส นตฺถิกาเล ปโยคสฺส กตตฺตา อวหาโร นตฺถิ, อตฺถิกาเล เจ กโต, อวหาโรวา’’ติ วทนฺติฯ ‘‘ภณฺฑเทยฺยํ ปน เกสนฺติ เจ? เยสํ หเตฺถ กหาปณานิ คหิตานิ, เตสํ วา, นาวาสามินา นาวาย อคฺคหิตาย นาวาสามิกสฺส วา’’ติ อนุคณฺฐิปเท วุตฺตํฯ

    99.Pubbe pāse baddhasūkaraupamāya vuttā eva. ‘‘Thale ṭhapitāya nāvāya na phuṭṭhokāsamattamevā’’ti pāṭho. ‘‘Vāto āgammāti vacanato vātassa natthikāle payogassa katattā avahāro natthi, atthikāle ce kato, avahārovā’’ti vadanti. ‘‘Bhaṇḍadeyyaṃ pana kesanti ce? Yesaṃ hatthe kahāpaṇāni gahitāni, tesaṃ vā, nāvāsāminā nāvāya aggahitāya nāvāsāmikassa vā’’ti anugaṇṭhipade vuttaṃ.

    ๑๐๔. นิรมฺพิตฺวา อุปริฯ อกตํ วา ปน ปติฎฺฐเปตีติ อปุพฺพํ วา ปฎฺฐเปตีติ อโตฺถฯ

    104.Nirambitvā upari. Akataṃ vā pana patiṭṭhapetīti apubbaṃ vā paṭṭhapetīti attho.

    ๑๐๖. คามเฎฺฐ วา ‘‘คาโม นามา’’ติ น วุตฺตํ ปฐมํ คามลกฺขณสฺส สพฺพโส วุตฺตตฺตาฯ

    106. Gāmaṭṭhe vā ‘‘gāmo nāmā’’ti na vuttaṃ paṭhamaṃ gāmalakkhaṇassa sabbaso vuttattā.

    ๑๐๗. อรญฺญเฎฺฐ อรญฺญํ นามาติ ปุน น เกวลํ ปุเพฺพ วุตฺตลกฺขณเญฺญว อรญฺญนฺติ อิธาธิเปฺปตํ, กินฺตุ ปรปริคฺคหิตเมว เจตํ โหติ, ตํ อิธาธิเปฺปตนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เตเนว อเตฺถปิ อรญฺญคฺคหณํ กตํฯ อเคฺคปิ มูเลปิ ฉินฺนาติ เอตฺถ ‘‘น เวเฐตฺวา ฐิตา, ฉินฺนมเตฺต ปตนกํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ ตเจฺฉตฺวา ฐปิโตติ อรญฺญสามิเกหิ ปเรหิ ลเทฺธหิ ตเจฺฉตฺวา ฐปิโตฯ อทฺธคโตปีติ จิรกาลิโกปิฯ ‘‘น คเหตโพฺพติ อรญฺญสามิเกหิ อนุญฺญาเตนปี’’ติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ ฉลฺลิยา ปริโยนทฺธํ โหตีติ อิมินา สามิกานํ นิรเปกฺขตํ ทีเปติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘คเหตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ ยทิ สามิกานํ สาเปกฺขตา อตฺถิ, น วฎฺฎติฯ

    107. Araññaṭṭhe araññaṃ nāmāti puna na kevalaṃ pubbe vuttalakkhaṇaññeva araññanti idhādhippetaṃ, kintu parapariggahitameva cetaṃ hoti, taṃ idhādhippetanti dassanatthaṃ vuttaṃ. Teneva atthepi araññaggahaṇaṃ kataṃ. Aggepi mūlepi chinnāti ettha ‘‘na veṭhetvā ṭhitā, chinnamatte patanakaṃ sandhāya vutta’’nti vadanti. Tacchetvā ṭhapitoti araññasāmikehi parehi laddhehi tacchetvā ṭhapito. Addhagatopīti cirakālikopi. ‘‘Na gahetabboti araññasāmikehi anuññātenapī’’ti gaṇṭhipade vuttaṃ. Challiyā pariyonaddhaṃ hotīti iminā sāmikānaṃ nirapekkhataṃ dīpeti. Tena vuttaṃ ‘‘gahetuṃ vaṭṭatī’’ti. Yadi sāmikānaṃ sāpekkhatā atthi, na vaṭṭati.

    ๑๐๘. ตตฺถ ‘‘ภาชเนสุ โปกฺขรณีตฬาเกสุ จ คาโว ปโกฺกสตีติ อิโต ปฎฺฐาย ตโย ทส วารา อาทิเมว ทเสฺสตฺวา สํขิตฺตา’’ติ อนุคณฺฐิปเท วุตฺตํฯ นิพฺพหนอุทกํ นาม ตฬากรกฺขณตฺถาย อธิโกทกนิกฺขมนทฺวาเรน นิกฺขมนอุทกํฯ ‘‘คเหตุํ น ลภตีติ สามีจิกมฺมํ น โหตี’’ติ อนุคณฺฐิปเท วุตฺตํฯ อิโต ปฎฺฐาย ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุเตฺต อนุคณฺฐิปเทติ คเหตพฺพํฯ อนิกฺขเนฺต อุทเกติ ปาฐเสโส, สุกฺขมาติกาปโยคตฺตา ภณฺฑเทยฺยมฺปิ น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ ตฬากํ นิสฺสาย เขตฺตสฺส กตตฺตาติ ‘‘สพฺพสาธารณํ ตฬากํ โหตี’’ติ ปฐมํ วุตฺตตฺตา ตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘ยสฺมา ตฬากคตํ อุทกํ สพฺพสาธารณมฺปิ มาติกาย สติ ตํ อติกฺกมิตฺวา คเหตุํ น วฎฺฎติ, ตสฺมา ตํ สนฺธาย กุรุนฺทิยาทีสุ อวหาโรติ วุตฺต’’นฺติ อปเร อาหูติฯ อิมินา ลกฺขเณน น สเมตีติ ยสฺมา สพฺพสาธารณเทโส นาม ตญฺจ ตฬากํ สพฺพสาธารณํ, กติกาภาวา จ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตเมว ยุตฺตนฺติ อาหาจริโยฯ

    108. Tattha ‘‘bhājanesu pokkharaṇītaḷākesu ca gāvo pakkosatīti ito paṭṭhāya tayo dasa vārā ādimeva dassetvā saṃkhittā’’ti anugaṇṭhipade vuttaṃ. Nibbahanaudakaṃ nāma taḷākarakkhaṇatthāya adhikodakanikkhamanadvārena nikkhamanaudakaṃ. ‘‘Gahetuṃ na labhatīti sāmīcikammaṃ na hotī’’ti anugaṇṭhipade vuttaṃ. Ito paṭṭhāya ‘‘vutta’’nti vutte anugaṇṭhipadeti gahetabbaṃ. Anikkhante udaketi pāṭhaseso, sukkhamātikāpayogattā bhaṇḍadeyyampi na hotīti adhippāyo. Taḷākaṃ nissāya khettassa katattāti ‘‘sabbasādhāraṇaṃ taḷākaṃ hotī’’ti paṭhamaṃ vuttattā taṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Yasmā taḷākagataṃ udakaṃ sabbasādhāraṇampi mātikāya sati taṃ atikkamitvā gahetuṃ na vaṭṭati, tasmā taṃ sandhāya kurundiyādīsu avahāroti vutta’’nti apare āhūti. Iminā lakkhaṇena na sametīti yasmā sabbasādhāraṇadeso nāma tañca taḷākaṃ sabbasādhāraṇaṃ, katikābhāvā ca mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttameva yuttanti āhācariyo.

    ๑๐๙. ‘‘ตโต ปฎฺฐาย อวหาโร นตฺถีติ เถยฺยายปิ คณฺหโต, ตสฺมา ยถามุณฺฑมหาเชตพฺพตฺตา, อรกฺขิตพฺพตฺตา, สพฺพสาธารณตฺตา จ อญฺญมฺปิ สงฺฆสนฺตกํ อิทํ น โหตี’’ติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ

    109.‘‘Tatopaṭṭhāya avahāro natthīti theyyāyapi gaṇhato, tasmā yathāmuṇḍamahājetabbattā, arakkhitabbattā, sabbasādhāraṇattā ca aññampi saṅghasantakaṃ idaṃ na hotī’’ti gaṇṭhipade vuttaṃ.

    ๑๑๐. อุชุกเมว ติฎฺฐตีติ เอตฺถ ‘‘สมีเป รุกฺขสาขาทีหิ สนฺธาริตตฺตา อีสกํ ขลิตฺวา อุชุกเมว ติฎฺฐติ เจ, อวหาโรฯ ฉินฺนเวณุ วิย ติฎฺฐติ เจ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สุวุตฺตํ, ตสฺส วินิจฺฉเย ‘‘สเจ ตานิ รกฺขนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตาฯ โน อญฺญถาติ สมฺปเตฺต เจ วาเต วาตมุขโสธนํ กโรติ, ปาราชิกนฺติ อโตฺถฯ

    110.Ujukameva tiṭṭhatīti ettha ‘‘samīpe rukkhasākhādīhi sandhāritattā īsakaṃ khalitvā ujukameva tiṭṭhati ce, avahāro. Chinnaveṇu viya tiṭṭhati ce, anāpattī’’ti vuttaṃ, taṃ suvuttaṃ, tassa vinicchaye ‘‘sace tāni rakkhantī’’ti vuttattā. No aññathāti sampatte ce vāte vātamukhasodhanaṃ karoti, pārājikanti attho.

    ๑๑๑. อเญฺญสุ ปน วิจารณา เอว นตฺถีติ เตสุ อปฺปฎิกฺขิปิตตฺตา อยเมว วินิจฺฉโยติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘เอเตน ธุรนิเกฺขปํ กตฺวาปิ โจเรหิ อาหฎํ โจเทตฺวา คณฺหโต อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหตี’’ติ วุตฺตํฯ

    111.Aññesu pana vicāraṇā eva natthīti tesu appaṭikkhipitattā ayameva vinicchayoti vuttaṃ hoti. ‘‘Etena dhuranikkhepaṃ katvāpi corehi āhaṭaṃ codetvā gaṇhato anāpattīti dīpitaṃ hotī’’ti vuttaṃ.

    ๑๑๒. เอเสว นโยติ อุทฺธาเรเยว ปาราชิกํ, กสฺมา? อเญฺญหิ ปเตฺตหิ สาธารณสฺส สญฺญาณสฺส วุตฺตตฺตาฯ ปทวาเรนาติ โจเรน นีหริตฺวา ทินฺนํ คเหตฺวา คจฺฉโตฯ คามทฺวารนฺติ โวหารมตฺตเมว, คามนฺติ อโตฺถ อาณตฺติยา ทฎฺฐพฺพตฺตา, ทฺวินฺนมฺปิ อุทฺธาเร เอว ปาราชิกํฯ อสุกํ นาม คามํ คนฺตฺวาติ วจเนน ยาว ตสฺส คามสฺส ปรโต อุปจาโร, สพฺพเมตํ อาณตฺตเมว โหติฯ ‘‘ฐตฺวา วา นิสีทิตฺวา วา วิสฺสมิตฺวา ปุริมเถยฺยจิตฺตํ วูปสมิตฺวา คมนตฺถเญฺจ ภณฺฑํ น นิกฺขิตฺตํ, ยถาคหิตเมว, ปทวาเรน กาเรตโพฺพติ, นิกฺขิตฺตเญฺจ, อุทฺธาเรนา’’ติ จ ลิขิตํฯ เกวลํ ‘‘ลิขิต’’นฺติ วุเตฺต คณฺฐิปเท คเหตพฺพํฯ เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโนฺตติ ฐานาจาวนํ อกตฺวา นิวตฺถปารุตนีหาเรน ‘‘ปุเพฺพเวทํ มยา คหิต’’นฺติ เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโนฺตฯ ‘‘นเฎฺฐ ภณฺฑเทยฺยํ กิรา’’ติ ลิขิตํฯ ‘‘อโญฺญ วา’’ติ วจเนน เยน ฐปิตํ, เตน ทิเนฺน อนาปตฺตีติ ทีปิตํ โหติ โคปกสฺส ทาเน วิย, ‘‘เกวลํ อิธ ภณฺฑเทยฺยนฺติ อปเร’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อโญฺญ วา’’ติ วจนโต เยน ฐปิตํฯ โส วาติปิ ลพฺภตีติ วิจาเรตฺวา คเหตโพฺพฯ วา-สเทฺทน ยสฺส หเตฺถ ฐปิตํ, โส วา เทติ ราชคเห คณโก วิย ธนิยสฺส, ตสฺมา ปาราชิกํ ยุตฺตํ วิยฯ

    112.Eseva nayoti uddhāreyeva pārājikaṃ, kasmā? Aññehi pattehi sādhāraṇassa saññāṇassa vuttattā. Padavārenāti corena nīharitvā dinnaṃ gahetvā gacchato. Gāmadvāranti vohāramattameva, gāmanti attho āṇattiyā daṭṭhabbattā, dvinnampi uddhāre eva pārājikaṃ. Asukaṃnāma gāmaṃ gantvāti vacanena yāva tassa gāmassa parato upacāro, sabbametaṃ āṇattameva hoti. ‘‘Ṭhatvā vā nisīditvā vā vissamitvā purimatheyyacittaṃ vūpasamitvā gamanatthañce bhaṇḍaṃ na nikkhittaṃ, yathāgahitameva, padavārena kāretabboti, nikkhittañce, uddhārenā’’ti ca likhitaṃ. Kevalaṃ ‘‘likhita’’nti vutte gaṇṭhipade gahetabbaṃ. Theyyacittena paribhuñjantoti ṭhānācāvanaṃ akatvā nivatthapārutanīhārena ‘‘pubbevedaṃ mayā gahita’’nti theyyacittena paribhuñjanto. ‘‘Naṭṭhe bhaṇḍadeyyaṃ kirā’’ti likhitaṃ. ‘‘Añño vā’’ti vacanena yena ṭhapitaṃ, tena dinne anāpattīti dīpitaṃ hoti gopakassa dāne viya, ‘‘kevalaṃ idha bhaṇḍadeyyanti apare’’ti vuttaṃ. ‘‘Añño vā’’ti vacanato yena ṭhapitaṃ. So vātipi labbhatīti vicāretvā gahetabbo. Vā-saddena yassa hatthe ṭhapitaṃ, so vā deti rājagahe gaṇako viya dhaniyassa, tasmā pārājikaṃ yuttaṃ viya.

    ตว ถูลสาฎโก ลโทฺธติ วุตฺตกฺขเณ มุสาวาเท ทุกฺกฎํฯ ตสฺส นามํ ลิขิตฺวาติ เอตฺถ ‘‘เตน ‘คเหตฺวา ฐเปยฺยาสี’ติ อาณตฺตตฺตา นามเลขนกาเล อนาปตฺติ กุสสงฺกมนสทิสํ น โหตี’’ติ วุตฺตํฯ น ชานนฺตีติ น สุณนฺตีติ อโตฺถฯ สเจ ชานิตฺวาปิ จิเตฺตน น สมฺปฎิจฺฉนฺติ เอเสว นโยฯ ชานเนฺตน ปน รกฺขิตุํ อนิจฺฉเนฺต ปฎิกฺขิปิตพฺพเมว เอตนฺติ วตฺตํ ชานิตพฺพํฯ อุมฺมเคฺคนาติ ปุราปาณํ ขณิตฺวา กตมเคฺคนาติ อโตฺถฯ

    Tava thūlasāṭako laddhoti vuttakkhaṇe musāvāde dukkaṭaṃ. Tassa nāmaṃ likhitvāti ettha ‘‘tena ‘gahetvā ṭhapeyyāsī’ti āṇattattā nāmalekhanakāle anāpatti kusasaṅkamanasadisaṃ na hotī’’ti vuttaṃ. Na jānantīti na suṇantīti attho. Sace jānitvāpi cittena na sampaṭicchanti eseva nayo. Jānantena pana rakkhituṃ anicchante paṭikkhipitabbameva etanti vattaṃ jānitabbaṃ. Ummaggenāti purāpāṇaṃ khaṇitvā katamaggenāti attho.

    นิสฺสิตวาริกสฺส ปน สภาคา ภตฺตํ เทนฺติ, ตสฺมา ยถา วิหาเร ปนฺติ, ตเถว กาตพฺพนฺติ สมฺปตฺตวารํ อคฺคเหตุํ น ลภนฺติ, ‘‘ตสฺส วา สภาคา อทาตุํ น ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ อตฺตทุติยสฺสาติ น หิ เอเกนานีตํ ทฺวินฺนํ ปโหติ, สเจ ปโหติ ปาเปตโพฺพติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺส วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ปริปุจฺฉํ เทตีติ ปุจฺฉิตปญฺหสฺส วิสฺสชฺชนํ กโรตี’’ติ ลิขิตํฯ สงฺฆสฺส ภารํ นาม ‘‘สทฺธมฺมวาจนา เอวา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘นวกมฺมิโกปิ วุจฺจตี’’ติ จ, ‘‘อิโต ภณฺฑโต วฎฺฎนฺตํ ปุน อโนฺต ปวิสตีติ มหาอฎฺฐกถาปทสฺส กุรุนฺทีสเงฺขปฎฺฐกถาหิ อธิปฺปาโย วิวริโต’’ติ ลิขิตํฯ

    Nissitavārikassa pana sabhāgā bhattaṃ denti, tasmā yathā vihāre panti, tatheva kātabbanti sampattavāraṃ aggahetuṃ na labhanti, ‘‘tassa vā sabhāgā adātuṃ na labhantī’’ti vuttaṃ. Attadutiyassāti na hi ekenānītaṃ dvinnaṃ pahoti, sace pahoti pāpetabboti dassetuṃ ‘‘yassa vā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Paripucchaṃ detīti pucchitapañhassa vissajjanaṃ karotī’’ti likhitaṃ. Saṅghassa bhāraṃ nāma ‘‘saddhammavācanā evā’’ti vuttaṃ, ‘‘navakammikopi vuccatī’’ti ca, ‘‘ito bhaṇḍato vaṭṭantaṃ puna anto pavisatīti mahāaṭṭhakathāpadassa kurundīsaṅkhepaṭṭhakathāhi adhippāyo vivarito’’ti likhitaṃ.

    ๑๑๓. คจฺฉเนฺต ยาเน วาติ เอตฺถ ‘‘สุงฺกฎฺฐานสฺส พหิ ฐิตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อุปติสฺสเตฺถโร วทติ กิรฯ ‘‘คจฺฉเนฺต ยาเน วาติอาทิ สุงฺกฎฺฐานพฺภนฺตเร คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ พหิ ฐิตสฺส วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ‘‘อโนฺต ฐตฺวา’’ติ อธิกาเร วุตฺตตฺตา เจติ ยุตฺตํ – ยานาทีสุ ฐปิเต ตสฺส ปโยคํ วินาเยว คเตสุ ปาราชิโก น โหติฯ กสฺมา น ภณฺฑเทยฺยนฺติ เจ? สุงฺกฎฺฐานสฺส พหิ ฐิตตฺตาฯ อรญฺญเฎฺฐ ‘‘อสฺสติยา อติกฺกมนฺตสฺสปิ ภณฺฑเทยฺยเมวา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๗) วุตฺตํ เตสํ สปริคฺคหิตตฺตาฯ อิธ ปน ‘‘อตฺร ปวิฎฺฐสฺสา’’ติ วจนโต น พหิ ฐิตสฺส, ตํ กิร สุงฺกสเงฺกตํฯ อญฺญํ หราเปตีติ ตตฺถ ‘‘สหตฺถา’’ติ วจนโต อนาปตฺติฯ นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺตีติ อฎฺฐกถาโต ปาจิตฺติยํ, อุปจารํ โอกฺกมิตฺวา ปริหรเณ สาทีนวตฺตา ทุกฺกฎํฯ

    113.Gacchante yāne vāti ettha ‘‘suṅkaṭṭhānassa bahi ṭhitaṃ sandhāya vutta’’nti upatissatthero vadati kira. ‘‘Gacchante yāne vātiādi suṅkaṭṭhānabbhantare gahetabba’’nti vuttaṃ. Bahi ṭhitassa vattabbameva natthi, ‘‘anto ṭhatvā’’ti adhikāre vuttattā ceti yuttaṃ – yānādīsu ṭhapite tassa payogaṃ vināyeva gatesu pārājiko na hoti. Kasmā na bhaṇḍadeyyanti ce? Suṅkaṭṭhānassa bahi ṭhitattā. Araññaṭṭhe ‘‘assatiyā atikkamantassapi bhaṇḍadeyyamevā’’ti (pārā. aṭṭha. 1.107) vuttaṃ tesaṃ sapariggahitattā. Idha pana ‘‘atra paviṭṭhassā’’ti vacanato na bahi ṭhitassa, taṃ kira suṅkasaṅketaṃ. Aññaṃ harāpetīti tattha ‘‘sahatthā’’ti vacanato anāpatti. Nissaggiyāni hontīti aṭṭhakathāto pācittiyaṃ, upacāraṃ okkamitvā pariharaṇe sādīnavattā dukkaṭaṃ.

    สุงฺกฎฺฐาเน สุงฺกํ ทตฺวาว คนฺตุํ วฎฺฎตีติ อิทํ ทานิ วตฺตพฺพานํ มาติกาติ ธมฺมสิริเตฺถโรฯ ‘‘อนุราธปุรสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ สุงฺกํ คณฺหนฺติ, เตสุ ทกฺขิณทฺวารสฺส ปุรโต มโคฺค ถูปารามโต อานนฺทเจติยํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เชตวนวิหารสฺสนฺตรปาการสฺสาสเนฺน นิวิโฎฺฐ, โย น คามํ ปวิสโนฺต อุปจารํ โอกฺกโนฺต โหติฯ ถูปารามโต จ มหาเจติยํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ราชวิหารํ คจฺฉโนฺต น โอกฺกมตี’’ติ กิร มหาอฎฺฐกถายํ อาคตํฯ เอตฺถ จาติ สุงฺกฆาเต ‘‘ทฺวีหิ เลฑฺฑุปาเตหีติ อาจริยปรมฺปราภตา’’ติ ลิขิตํฯ ทฺวีหิ เลฑฺฑุปาเตหีติ สุงฺกฆาตสฺส ปริเจฺฉเท อฎฺฐปิเต ยุชฺชติ, ฐปิเต ปน อติเรกโยชนมฺปิ สุงฺกฆาตํ โหตีติ ตโต ปรํ เทฺว เลฑฺฑุปาตา อุปจาโรติ คเหตโพฺพฯ โส ปเนตฺถาปิ ทุวิโธ พาหิรพฺภนฺตรเภทโตฯ ตตฺถ ทุติยเลฑฺฑุปาตสงฺขาตํ พาหิโรปจารํ สนฺธาย ปาฬิยํ, มหาอฎฺฐกถายญฺจ ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ อพฺภนฺตรํ สนฺธาย กุรุนฺทิยนฺติ โน ขนฺติฯ ‘‘อตฺร ปวิฎฺฐสฺส สุงฺกํ คณฺหนฺตูติ หิ นิยมิตฎฺฐานํ เอกนฺตโต ปาราชิกเขตฺตํ โหติ, ตญฺจ ปริกฺขิตฺตํ, เอโก เลฑฺฑุปาโต ทุกฺกฎเขตฺตํ, อปริกฺขิตฺตเญฺจ, ทุติโย เลฑฺฑุปาโตติ โน อธิปฺปาโย’’ติ อาจริโย วทติฯ

    Suṅkaṭṭhāne suṅkaṃ datvāva gantuṃ vaṭṭatīti idaṃ dāni vattabbānaṃ mātikāti dhammasiritthero. ‘‘Anurādhapurassa catūsu dvāresu suṅkaṃ gaṇhanti, tesu dakkhiṇadvārassa purato maggo thūpārāmato ānandacetiyaṃ padakkhiṇaṃ katvā jetavanavihārassantarapākārassāsanne niviṭṭho, yo na gāmaṃ pavisanto upacāraṃ okkanto hoti. Thūpārāmato ca mahācetiyaṃ padakkhiṇaṃ katvā rājavihāraṃ gacchanto na okkamatī’’ti kira mahāaṭṭhakathāyaṃ āgataṃ. Ettha cāti suṅkaghāte ‘‘dvīhi leḍḍupātehīti ācariyaparamparābhatā’’ti likhitaṃ. Dvīhi leḍḍupātehīti suṅkaghātassa paricchede aṭṭhapite yujjati, ṭhapite pana atirekayojanampi suṅkaghātaṃ hotīti tato paraṃ dve leḍḍupātā upacāroti gahetabbo. So panetthāpi duvidho bāhirabbhantarabhedato. Tattha dutiyaleḍḍupātasaṅkhātaṃ bāhiropacāraṃ sandhāya pāḷiyaṃ, mahāaṭṭhakathāyañca dukkaṭaṃ vuttaṃ. Abbhantaraṃ sandhāya kurundiyanti no khanti. ‘‘Atra paviṭṭhassa suṅkaṃ gaṇhantūti hi niyamitaṭṭhānaṃ ekantato pārājikakhettaṃ hoti, tañca parikkhittaṃ, eko leḍḍupāto dukkaṭakhettaṃ, aparikkhittañce, dutiyo leḍḍupātoti no adhippāyo’’ti ācariyo vadati.

    ๑๑๔. ธนํ ปน คตฎฺฐาเน วฑฺฒตีติ เอตฺถ ‘‘วฑฺฒิยา สห อวหารกสฺส ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ ลิขิตํฯ ‘‘ตํ วฑฺฒิํ ทสฺสามี’’ติ อคฺคเหสิ, ตตฺถ กมฺมํ อกโรนฺตสฺส วฑฺฒตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ เกวลํ อาฐปิตเขตฺตสฺส น วฑฺฒติฯ ‘‘ยํ ธนํ วฑฺฒิ, ตํ เทนฺตสฺส อวหารกสฺส วฑฺฒิยา อทาเน ปาราชิกํ โหตี’’ติ วทนฺติฯ

    114.Dhanaṃ pana gataṭṭhāne vaḍḍhatīti ettha ‘‘vaḍḍhiyā saha avahārakassa bhaṇḍadeyya’’nti likhitaṃ. ‘‘Taṃ vaḍḍhiṃ dassāmī’’ti aggahesi, tattha kammaṃ akarontassa vaḍḍhatīti katvā vuttaṃ. Kevalaṃ āṭhapitakhettassa na vaḍḍhati. ‘‘Yaṃ dhanaṃ vaḍḍhi, taṃ dentassa avahārakassa vaḍḍhiyā adāne pārājikaṃ hotī’’ti vadanti.

    นาเมนาติ สปฺปนาเมน วา สามิเกน กเตน วาฯ

    Nāmenāti sappanāmena vā sāmikena katena vā.

    ๑๑๖. ราชฆรสฺส อโนฺตวตฺถุมฺหิ, ปริกฺขิตฺตราชงฺคณํ วา อโนฺตวตฺถุฯ อปริกฺขิเตฺต ราชงฺคเณ ฐิตสฺส สกลนครํ ฐานํฯ โคณสฺส ‘‘อปริกฺขิเตฺต ฐิตสฺส อกฺกนฺตฎฺฐานเมว ฐาน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ขณฺฑทฺวารนฺติ อตฺตนา ขณฺฑิตจฺฉิทฺทํฯ ตเตฺถว ฆาเตตีติ ‘‘ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณตฺตา วธกจิตฺตสฺส ปาจิตฺติยํ โหตีติ? น โหติฯ กสฺมา? อทินฺนาทานปโยคตฺตาฯ ตมฺปิ เถยฺยจิตฺตํ สงฺขารารมฺมณํว โหติฯ อิธ ตทุภยํ ลภติ สทฺธิํ ปุพฺพภาคาปรภาเคหี’’ติ วุตฺตํฯ

    116. Rājagharassa antovatthumhi, parikkhittarājaṅgaṇaṃ vā antovatthu. Aparikkhitte rājaṅgaṇe ṭhitassa sakalanagaraṃ ṭhānaṃ. Goṇassa ‘‘aparikkhitte ṭhitassa akkantaṭṭhānameva ṭhāna’’nti vuttattā khaṇḍadvāranti attanā khaṇḍitacchiddaṃ. Tattheva ghātetīti ‘‘jīvitindriyārammaṇattā vadhakacittassa pācittiyaṃ hotīti? Na hoti. Kasmā? Adinnādānapayogattā. Tampi theyyacittaṃ saṅkhārārammaṇaṃva hoti. Idha tadubhayaṃ labhati saddhiṃ pubbabhāgāparabhāgehī’’ti vuttaṃ.

    ๑๑๘. ตสฺสุทฺธาเร สเพฺพสํ ปาราชิกนฺติ ยทิ โย อาณโตฺต อวสฺสํ ตํ ภณฺฑํ หรติ, อาณตฺติกฺขเณ เอว ปาราชิกํฯ ‘‘อิธ ติณฺณํ กสฺมา ปาราชิกํ, นนุ ‘ตุเมฺห, ภเนฺต, ตโย หรถา’ติ วุตฺตตฺตา ถุลฺลจฺจยํ, อิตเรสญฺจ ปฎิปาฎิยา เอเกกสฺสาณตฺตตฺตา เอเกเกน จ ทุกฺกเฎน ภวิตพฺพํฯ กถํ, เอโก กิร มาสคฺฆนกํ ปริสฺสาวนํ เถเนตฺวา เทเสตฺวา นิรุสฺสาโห เอว วา หุตฺวา ปุน มาสคฺฆนกํ สูจิํ ตเถว กตฺวา ปุน มาสคฺฆนกนฺติ เอวํ สิยาติ? น เอวํ, ตํ ยถา อุปฺปลเถนโก เยน วตฺถุ ปูรติ ตาว สอุสฺสาหตฺตา ปาราชิโก อาสิ, เอวมิเม สอุสฺสาหาว น เทสยิํสุ วา’’ติ ลิขิตํ, ปาฬิยํ, อฎฺฐกถายญฺจ สํวิทหิตฺวา คเตสุ เอกสฺสุทฺธาเร สเพฺพสํ ปาราชิกํ วินา วิย อาณตฺติยา กิญฺจาปิ วุตฺตํ, อถ โข ‘‘ตสฺสายํ อโตฺถ’’ติ วตฺวา ปจฺฉา วุตฺตวินิจฺฉเยสุ จ เอกภณฺฑเอกฎฺฐานาทีสุ จ สมฺพหุลา เอกํ อาณาเปนฺตีติ อาณตฺติเมว นิยเมตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา อาณตฺติ อิจฺฉิตพฺพา วิย, วีมํสิตพฺพํฯ ‘‘‘เอกภณฺฑํ เอกฎฺฐาน’นฺติ จ ปาโฐ ‘เอกกุลสฺส ภณฺฑ’นฺติ วจนโต’’ติ วทนฺติฯ

    118.Tassuddhāre sabbesaṃ pārājikanti yadi yo āṇatto avassaṃ taṃ bhaṇḍaṃ harati, āṇattikkhaṇe eva pārājikaṃ. ‘‘Idha tiṇṇaṃ kasmā pārājikaṃ, nanu ‘tumhe, bhante, tayo harathā’ti vuttattā thullaccayaṃ, itaresañca paṭipāṭiyā ekekassāṇattattā ekekena ca dukkaṭena bhavitabbaṃ. Kathaṃ, eko kira māsagghanakaṃ parissāvanaṃ thenetvā desetvā nirussāho eva vā hutvā puna māsagghanakaṃ sūciṃ tatheva katvā puna māsagghanakanti evaṃ siyāti? Na evaṃ, taṃ yathā uppalathenako yena vatthu pūrati tāva saussāhattā pārājiko āsi, evamime saussāhāva na desayiṃsu vā’’ti likhitaṃ, pāḷiyaṃ, aṭṭhakathāyañca saṃvidahitvā gatesu ekassuddhāre sabbesaṃ pārājikaṃ vinā viya āṇattiyā kiñcāpi vuttaṃ, atha kho ‘‘tassāyaṃ attho’’ti vatvā pacchā vuttavinicchayesu ca ekabhaṇḍaekaṭṭhānādīsu ca sambahulā ekaṃ āṇāpentīti āṇattimeva niyametvā vuttaṃ, tasmā āṇatti icchitabbā viya, vīmaṃsitabbaṃ. ‘‘‘Ekabhaṇḍaṃ ekaṭṭhāna’nti ca pāṭho ‘ekakulassa bhaṇḍa’nti vacanato’’ti vadanti.

    ๑๑๙-๑๒๐. โอจรเก วุตฺตนเยเนวาติ อวสฺสํหาริเย ภเณฺฑฯ ตํ สเงฺกตนฺติ ตสฺส สเงฺกตสฺสฯ อถ วา ตํ สเงฺกตํ อติกฺกมิตฺวา ปจฺฉา วาฯ อปตฺวา ปุเร วาฯ เอส นโย ตํ นิมิตฺตนฺติ เอตฺถาปิฯ อกฺขินิขณนาทิกมฺมํ ลหุกํ อิตฺตรกาลํ, ตงฺขเณ เอว ภณฺฑํ อวหริตุํ น สกฺกา, กิญฺจิ ภณฺฑํ ทูรํ โหติ, กิญฺจิ ภาริยํ, ตํ คเหตุํ ยาว คจฺฉติ ยาว อุกฺขิปติ, ตาว นิมิตฺตสฺส ปจฺฉา โหติฯ สเจ ตํ ภณฺฑํ อธิคตํ วิย อาสนฺนํ, ลหุกญฺจ, สกฺกา นิมิตฺตกฺขเณ อวหริตุํ, ตเมว สนฺธาย วุตฺตํ กินฺติ? น, ปุเพฺพ วุตฺตมฺปิ ‘‘ตโต ปฎฺฐาย เตเนว นิมิเตฺตน อวหรตี’’ติ วุจฺจติ อารทฺธตฺตาฯ ยทิ เอวํ ‘‘ปุเรภตฺตปโยโค เอโส’’ติ วาโร ปมาณํ โหติ, น จ ตํ ปมาณํ มหาปทุมเตฺถรวาทสฺส ปจฺฉา วุตฺตตฺตา, น สเงฺกตกมฺมํ วิย นิมิตฺตกมฺมํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตตฺถ หิ กาลปริเจฺฉโท อตฺถิ, อิธ นตฺถิ, อิทเมว เตสํ นานตฺตํฯ

    119-120.Ocarakevuttanayenevāti avassaṃhāriye bhaṇḍe. Taṃ saṅketanti tassa saṅketassa. Atha vā taṃ saṅketaṃ atikkamitvā pacchā vā. Apatvā pure vā. Esa nayo taṃ nimittanti etthāpi. Akkhinikhaṇanādikammaṃ lahukaṃ ittarakālaṃ, taṅkhaṇe eva bhaṇḍaṃ avaharituṃ na sakkā, kiñci bhaṇḍaṃ dūraṃ hoti, kiñci bhāriyaṃ, taṃ gahetuṃ yāva gacchati yāva ukkhipati, tāva nimittassa pacchā hoti. Sace taṃ bhaṇḍaṃ adhigataṃ viya āsannaṃ, lahukañca, sakkā nimittakkhaṇe avaharituṃ, tameva sandhāya vuttaṃ kinti? Na, pubbe vuttampi ‘‘tato paṭṭhāya teneva nimittena avaharatī’’ti vuccati āraddhattā. Yadi evaṃ ‘‘purebhattapayogo eso’’ti vāro pamāṇaṃ hoti, na ca taṃ pamāṇaṃ mahāpadumattheravādassa pacchā vuttattā, na saṅketakammaṃ viya nimittakammaṃ daṭṭhabbaṃ. Tattha hi kālaparicchedo atthi, idha natthi, idameva tesaṃ nānattaṃ.

    ๑๒๑. ตญฺจ อสโมฺมหตฺถนฺติ เอโก ‘‘ปุเรภตฺตาทีสุ วา, อกฺขินิขณนาทีนิ วา ทิสฺวา คณฺหา’’ติ, เอโก คเหตพฺพํ ภณฺฑนิสฺสิตํ กตฺวา ‘‘ปุเรภตฺตํ เอวํ วณฺณสณฺฐานํ ภณฺฑํ คณฺหา’’ติ วทติ, เอวํวิเธสุ อสโมฺมหตฺถํ เอวํวิธํ สเงฺกตํ นิมิตฺตญฺจ ทเสฺสตุนฺติ จ, ยถาธิปฺปายนฺติ ทุติโย ตติยสฺส ตติโย จตุตฺถสฺสาติ เอวํ ปฎิปาฎิยา เจ วทนฺตีติ อโตฺถฯ สเจ ทุติโย จตุตฺถสฺส วเทติ, น ยถาธิปฺปาโยติ จฯ ‘‘ปฎิคฺคหิตมเตฺตติ อวสฺสํ เจ ปฎิคฺคณฺหาติ, ปุเพฺพว ถุลฺลจฺจย’’นฺติ จ ลิขิตํฯ ปฎิคฺคณฺหกานํ ทุกฺกฎํ สพฺพโตฺถกาสาภาวโต น วุตฺตํฯ ปาราชิกาปชฺชเนเนตํ ทุกฺกฎํ อาปชฺชิตฺวา อาปชฺชนฺติ กิรฯ อตฺถสาธกาณตฺติเจตนาขเณ เอว ปาราชิโก โหตีติ อธิปฺปาโยฯ ตตฺถ มคฺคฎฺฐานิยํ กตรํ, กตรํ ผลฎฺฐานิยนฺติ ‘‘อตฺถสาธกเจตนา นาม มคฺคานนฺตรผลสทิสา’’ติ วุตฺตตฺตา ผลฎฺฐานิยา เจตนาติ สิทฺธํฯ อาณตฺติ เจ มคฺคฎฺฐานิยา สิยา, เจตนาสหชตฺตา น สมฺภวติ, ตถา ภณฺฑสฺส อวสฺสํหาริตา จ น สมฺภวติฯ อาณตฺติกฺขเณ เอว หิ ตํ อวสฺสํหาริตํ ชาตนฺติ อวหารกสฺส ปฎิคฺคณฺหเญฺจ, ตมฺปิ น สมฺภวติ อนาคตตฺตาฯ เจตนา เจ มคฺคฎฺฐานิยา โหติ, อาณตฺติอาทีสุ อญฺญตรํ, ภณฺฑสฺส อวสฺสํหาริตา เอว วา ผลฎฺฐานิยา เจ, อโตฺถ น สมฺภวติฯ ปาราชิกาปตฺติ เอว หิ ผลฎฺฐานิยา ภวิตุมรหติ, น อญฺญนฺติ เอวํ ตาว อิธ โอปมฺมสํสนฺทนํ สมฺภวติ เจตนา มคฺคฎฺฐานิยา, ตสฺสา ปาราชิกาปตฺติภาโว ผลฎฺฐานิโยฯ ยถา กิํ? ยถา ปฎิสมฺภิทามเคฺค ‘‘สทฺธาย ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทาฯ สทฺธาย สทฺทเตฺถ ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทา’’ติ เอตฺถ อโญฺญ สโทฺธ, อโญฺญ สทฺธาย สทฺทโตฺถติ สิทฺธํ, ยถา จ ‘‘เอโก อโมหสงฺขาโต ธโมฺม สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย อธิปติสหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยอินฺทฺริยมคฺคสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺถ อโมโห ธโมฺม อโญฺญ, อเญฺญ ตสฺส เหตุปจฺจยตาทโยติ สิทฺธํฯ ยถา จ วินยปิฎเก ยานิ ฉ อาปตฺติสมุฎฺฐานานิ, เอวํ ยถาสมฺภวํ ‘‘สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ อญฺญา อาปตฺติสมุฎฺฐานตา, อโญฺญ อาปตฺติกฺขนฺธภาโวติ สิทฺธํฯ อิมินา อาปตฺติกฺขนฺธนเยน อาปตฺตาธิกรณสฺส กติ ฐานานีติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา ฐานานีติฯ กติ วตฺถูนีติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา วตฺถูนีติฯ กติ ภูมิโยติ? สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา ภูมิโยติ เอวมาทโยปิ ทเสฺสตพฺพาฯ ตถา หิ ตสฺสา เอวํ มคฺคฎฺฐานิยาย อตฺถสาธิกาย เจตนาย ยสฺมา อญฺญา ปาราชิกาปตฺติตา อนตฺถนฺตรภูตา อาการวิเสสสงฺขาตา ผลฎฺฐานิยา อตฺถิ, ตสฺมา ‘‘อตฺถสาธกเจตนา นาม มคฺคานนฺตรผลสทิสา’’ติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํฯ อถ วา เกวลํ ธมฺมนิยามตฺตํเยว อุปมเตฺตน อาจริเยน เอวํ วุตฺตนฺติปิ สมฺภวตีติ น ตตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ ปริเยสิตพฺพํ, ‘‘อิทํ สพฺพํ เกวลํ ตกฺกวเสน วุตฺตตฺตา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ อาจริโยฯ

    121.Tañca asammohatthanti eko ‘‘purebhattādīsu vā, akkhinikhaṇanādīni vā disvā gaṇhā’’ti, eko gahetabbaṃ bhaṇḍanissitaṃ katvā ‘‘purebhattaṃ evaṃ vaṇṇasaṇṭhānaṃ bhaṇḍaṃ gaṇhā’’ti vadati, evaṃvidhesu asammohatthaṃ evaṃvidhaṃ saṅketaṃ nimittañca dassetunti ca, yathādhippāyanti dutiyo tatiyassa tatiyo catutthassāti evaṃ paṭipāṭiyā ce vadantīti attho. Sace dutiyo catutthassa vadeti, na yathādhippāyoti ca. ‘‘Paṭiggahitamatteti avassaṃ ce paṭiggaṇhāti, pubbeva thullaccaya’’nti ca likhitaṃ. Paṭiggaṇhakānaṃ dukkaṭaṃ sabbatthokāsābhāvato na vuttaṃ. Pārājikāpajjanenetaṃ dukkaṭaṃ āpajjitvā āpajjanti kira. Atthasādhakāṇatticetanākhaṇe eva pārājiko hotīti adhippāyo. Tattha maggaṭṭhāniyaṃ kataraṃ, kataraṃ phalaṭṭhāniyanti ‘‘atthasādhakacetanā nāma maggānantaraphalasadisā’’ti vuttattā phalaṭṭhāniyā cetanāti siddhaṃ. Āṇatti ce maggaṭṭhāniyā siyā, cetanāsahajattā na sambhavati, tathā bhaṇḍassa avassaṃhāritā ca na sambhavati. Āṇattikkhaṇe eva hi taṃ avassaṃhāritaṃ jātanti avahārakassa paṭiggaṇhañce, tampi na sambhavati anāgatattā. Cetanā ce maggaṭṭhāniyā hoti, āṇattiādīsu aññataraṃ, bhaṇḍassa avassaṃhāritā eva vā phalaṭṭhāniyā ce, attho na sambhavati. Pārājikāpatti eva hi phalaṭṭhāniyā bhavitumarahati, na aññanti evaṃ tāva idha opammasaṃsandanaṃ sambhavati cetanā maggaṭṭhāniyā, tassā pārājikāpattibhāvo phalaṭṭhāniyo. Yathā kiṃ? Yathā paṭisambhidāmagge ‘‘saddhāya ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā. Saddhāya saddatthe ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā’’ti ettha añño saddho, añño saddhāya saddatthoti siddhaṃ, yathā ca ‘‘eko amohasaṅkhāto dhammo sampayuttakānaṃ dhammānaṃ hetupaccayena paccayo adhipatisahajātaaññamaññanissayaindriyamaggasampayuttaatthiavigatapaccayena paccayo’’ti ettha amoho dhammo añño, aññe tassa hetupaccayatādayoti siddhaṃ. Yathā ca vinayapiṭake yāni cha āpattisamuṭṭhānāni, evaṃ yathāsambhavaṃ ‘‘satta āpattikkhandhā’’ti vuccanti, tesaṃ aññā āpattisamuṭṭhānatā, añño āpattikkhandhabhāvoti siddhaṃ. Iminā āpattikkhandhanayena āpattādhikaraṇassa kati ṭhānānīti? Satta āpattikkhandhā ṭhānānīti. Kati vatthūnīti? Satta āpattikkhandhā vatthūnīti. Kati bhūmiyoti? Satta āpattikkhandhā bhūmiyoti evamādayopi dassetabbā. Tathā hi tassā evaṃ maggaṭṭhāniyāya atthasādhikāya cetanāya yasmā aññā pārājikāpattitā anatthantarabhūtā ākāravisesasaṅkhātā phalaṭṭhāniyā atthi, tasmā ‘‘atthasādhakacetanā nāma maggānantaraphalasadisā’’ti vuttāti veditabbaṃ. Atha vā kevalaṃ dhammaniyāmattaṃyeva upamattena ācariyena evaṃ vuttantipi sambhavatīti na tattha opammasaṃsandanaṃ pariyesitabbaṃ, ‘‘idaṃ sabbaṃ kevalaṃ takkavasena vuttattā vicāretvā gahetabba’’nti ācariyo.

    ภูมฎฺฐกถาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Bhūmaṭṭhakathādivaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
    ภูมฎฺฐกถาวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathāvaṇṇanā
    อากาสฎฺฐกถาวณฺณนา • Ākāsaṭṭhakathāvaṇṇanā
    เวหาสฎฺฐกถาวณฺณนา • Vehāsaṭṭhakathāvaṇṇanā
    อุทกฎฺฐกถาวณฺณนา • Udakaṭṭhakathāvaṇṇanā
    นาวฎฺฐกถาวณฺณนา • Nāvaṭṭhakathāvaṇṇanā
    เขตฺตฎฺฐกถาวณฺณนา • Khettaṭṭhakathāvaṇṇanā
    คามฎฺฐกถาวณฺณนา • Gāmaṭṭhakathāvaṇṇanā
    อรญฺญฎฺฐกถาวณฺณนา • Araññaṭṭhakathāvaṇṇanā
    อุทกกถาวณฺณนา • Udakakathāvaṇṇanā
    ทนฺตโปนกถาวณฺณนา • Dantaponakathāvaṇṇanā
    วนปฺปติกถาวณฺณนา • Vanappatikathāvaṇṇanā
    หรณกกถาวณฺณนา • Haraṇakakathāvaṇṇanā
    อุปนิธิกถาวณฺณนา • Upanidhikathāvaṇṇanā
    สุงฺกฆาตกถาวณฺณนา • Suṅkaghātakathāvaṇṇanā
    ปาณกถาวณฺณนา • Pāṇakathāvaṇṇanā
    จตุปฺปทกถาวณฺณนา • Catuppadakathāvaṇṇanā
    สเงฺกตกมฺมกถาวณฺณนา • Saṅketakammakathāvaṇṇanā
    นิมิตฺตกมฺมกถาวณฺณนา • Nimittakammakathāvaṇṇanā
    อาณตฺติกถาวณฺณนา • Āṇattikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā
    ภูมฎฺฐกถาวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathāvaṇṇanā
    อากาสฎฺฐกถาวณฺณนา • Ākāsaṭṭhakathāvaṇṇanā
    เวหาสฎฺฐกถาวณฺณนา • Vehāsaṭṭhakathāvaṇṇanā
    อุทกฎฺฐกถาวณฺณนา • Udakaṭṭhakathāvaṇṇanā
    นาวฎฺฐกถาวณฺณนา • Nāvaṭṭhakathāvaṇṇanā
    เขตฺตฎฺฐกถาวณฺณนา • Khettaṭṭhakathāvaṇṇanā
    วตฺถุฎฺฐกถาวณฺณนา • Vatthuṭṭhakathāvaṇṇanā
    อรญฺญฎฺฐกถาวณฺณนา • Araññaṭṭhakathāvaṇṇanā
    อุทกกถาวณฺณนา • Udakakathāvaṇṇanā
    ทนฺตโปนกถาวณฺณนา • Dantaponakathāvaṇṇanā
    วนปฺปติกถาวณฺณนา • Vanappatikathāvaṇṇanā
    หรณกกถาวณฺณนา • Haraṇakakathāvaṇṇanā
    อุปนิธิกถาวณฺณนา • Upanidhikathāvaṇṇanā
    สุงฺกฆาตกถาวณฺณนา • Suṅkaghātakathāvaṇṇanā
    ปาณกถาวณฺณนา • Pāṇakathāvaṇṇanā
    โอจรกกถาวณฺณนา • Ocarakakathāvaṇṇanā
    สเงฺกตกมฺมกถาวณฺณนา • Saṅketakammakathāvaṇṇanā
    นิมิตฺตกมฺมกถาวณฺณนา • Nimittakammakathāvaṇṇanā
    อาณตฺติกถาวณฺณนา • Āṇattikathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact