Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
ภูมฎฺฐกถาวณฺณนา
Bhūmaṭṭhakathāvaṇṇanā
๙๔. ผนฺทาเปติ, สพฺพตฺถ ทุกฺกฎเมวาติ เอตฺถ ‘‘อุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ ผนฺทาเปตฺวา ปุน อนุฎฺฐหิตฺวา ตเตฺถว สยนฺตสฺสปิ องฺคปจฺจงฺคํ อผนฺทาเปตฺวา เอกปโยเคน อุฎฺฐหนฺตสฺสปิ ทุกฺกฎเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อญฺญสฺมิํ วา คมนสฺส อนุปกาเรติ ยถา ทฺวารปิทหเน กุมฺภิฎฺฐานคมนสฺส อนุปการตฺตา อนาปตฺติ, เอวํ อญฺญสฺมิํ วา คมนสฺส อนุปกาเร กายวจีกเมฺม อนาปตฺติฯ วาจาย วาจายาติ เอเกกตฺถทีปิกาย วาจาย วาจายฯ อุปลโทฺธติ ญาโตฯ ปุญฺญานิ จ กริสฺสามาติ เอตฺถ ‘‘มุสาวาทํ กตฺวา ปุญฺญานิ กริสฺสามาติ วทนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวา’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํ, ตํ อิมสฺมิํเยว ปเทเส อฎฺฐกถาวจเนน วิรุชฺฌติฯ ตถา หิ ‘‘ยํ ยํ วจนํ มุสา, ตตฺถ ตตฺถ ปาจิตฺติย’’นฺติ จ ‘‘น หิ อทินฺนาทานสฺส ปุพฺพปโยเค ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ทุกฺกฎํ นาม อตฺถี’’ติ จ วกฺขติฯ เอวํ ปน วุเตฺต น วิรุชฺฌติ ‘‘มุสาวาทํ กตฺวา ปุญฺญานิ จ กริสฺสามาติ วทนฺตสฺส ปาจิตฺติเยน สทฺธิํ ทุกฺกฎ’’นฺติฯ ตถา หิ ‘‘อกปฺปิยปถวิํ ขณนฺตานํ ทุกฺกเฎหิ สทฺธิํ ปาจิตฺติยานีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺต’’นฺติ จ ‘‘ยถา จ อิธ, เอวํ สพฺพตฺถ ปาจิตฺติยฎฺฐาเน ทุกฺกฎา น มุจฺจตี’’ติ จ วกฺขติฯ สเจ ปน กุสลจิโตฺต ‘‘ปุญฺญานิ กริสฺสามา’’ติ วทติ, อนาปตฺติ ‘‘พุทฺธปูชํ วา ธมฺมปูชํ วา สงฺฆภตฺตํ วา กริสฺสามาติ กุสลํ อุปฺปาเทติ, กุสลจิเตฺตน คมเน อนาปตฺตี’’ติ จ ‘‘ยถา จ อิธ, เอวํ สพฺพตฺถ อเถยฺยจิตฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ จ วกฺขมานตฺตาฯ
94.Phandāpeti, sabbattha dukkaṭamevāti ettha ‘‘uṭṭhahissāmī’’ti phandāpetvā puna anuṭṭhahitvā tattheva sayantassapi aṅgapaccaṅgaṃ aphandāpetvā ekapayogena uṭṭhahantassapi dukkaṭamevāti daṭṭhabbaṃ. Aññasmiṃ vā gamanassaanupakāreti yathā dvārapidahane kumbhiṭṭhānagamanassa anupakārattā anāpatti, evaṃ aññasmiṃ vā gamanassa anupakāre kāyavacīkamme anāpatti. Vācāya vācāyāti ekekatthadīpikāya vācāya vācāya. Upaladdhoti ñāto. Puññāni ca karissāmāti ettha ‘‘musāvādaṃ katvā puññāni karissāmāti vadantassa dukkaṭamevā’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ, taṃ imasmiṃyeva padese aṭṭhakathāvacanena virujjhati. Tathā hi ‘‘yaṃ yaṃ vacanaṃ musā, tattha tattha pācittiya’’nti ca ‘‘na hi adinnādānassa pubbapayoge pācittiyaṭṭhāne dukkaṭaṃ nāma atthī’’ti ca vakkhati. Evaṃ pana vutte na virujjhati ‘‘musāvādaṃ katvā puññāni ca karissāmāti vadantassa pācittiyena saddhiṃ dukkaṭa’’nti. Tathā hi ‘‘akappiyapathaviṃ khaṇantānaṃ dukkaṭehi saddhiṃ pācittiyānīti mahāpaccariyaṃ vutta’’nti ca ‘‘yathā ca idha, evaṃ sabbattha pācittiyaṭṭhāne dukkaṭā na muccatī’’ti ca vakkhati. Sace pana kusalacitto ‘‘puññāni karissāmā’’ti vadati, anāpatti ‘‘buddhapūjaṃ vā dhammapūjaṃ vā saṅghabhattaṃ vā karissāmāti kusalaṃ uppādeti, kusalacittena gamane anāpattī’’ti ca ‘‘yathā ca idha, evaṃ sabbattha atheyyacittassa anāpattī’’ti ca vakkhamānattā.
ปมาทลิขิตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ อปรภาเค โปตฺถการุฬฺหกาเล ปมชฺชิตฺวา ลิขิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปาฬิยํ เสสอฎฺฐกถาสุ จ ‘‘กุทาลํ วา ปิฎกํ วา’’ติ อิทเมว ทฺวยํ วตฺวา วาสิผรสูนํ อวุตฺตตฺตา เตสมฺปิ สเงฺขปฎฺฐกถาทีสุ อาคตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘สเงฺขปฎฺฐกถายํ ปน มหาปจฺจริยญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เถยฺยจิเตฺตน กตตฺตา ‘‘ทุกฺกเฎหิ สทฺธิํ ปาจิตฺติยานี’’ติ วุตฺตํฯ ตโต ปรํ สพฺพกิริยาสูติ พีชคฺคหณโต ปรํ กตฺตพฺพกิริยาสุฯ สพฺพํ ปุริมนเยเนวาติ ยาว ปิฎกปริโยสานา หตฺถวารปทวาเรสุ ทุกฺกฎํฯ
Pamādalikhitanti veditabbanti aparabhāge potthakāruḷhakāle pamajjitvā likhitanti veditabbaṃ. Pāḷiyaṃ sesaaṭṭhakathāsu ca ‘‘kudālaṃ vā piṭakaṃ vā’’ti idameva dvayaṃ vatvā vāsipharasūnaṃ avuttattā tesampi saṅkhepaṭṭhakathādīsu āgatabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘saṅkhepaṭṭhakathāyaṃ pana mahāpaccariyañcā’’tiādi vuttaṃ. Theyyacittena katattā ‘‘dukkaṭehi saddhiṃ pācittiyānī’’ti vuttaṃ. Tato paraṃ sabbakiriyāsūti bījaggahaṇato paraṃ kattabbakiriyāsu. Sabbaṃ purimanayenevāti yāva piṭakapariyosānā hatthavārapadavāresu dukkaṭaṃ.
เถเรหิ ทสฺสิตนฺติ ปุพฺพปโยคสหปโยคทุกฺกเฎสุ อสโมฺมหตฺถํ สโมธาเนตฺวา ธมฺมสงฺคาหกเตฺถเรหิ ทสฺสิตํฯ ‘‘สเพฺพสมฺปิ ทุกฺกฎานํ อิเมสุเยว อฎฺฐสุ สงฺคเหตพฺพภาวโต อิตเรหิ สตฺตหิ ทุกฺกเฎหิ วินิมุตฺตํ วินยทุกฺกเฎเยว สงฺคเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺติฯ ทสวิธํ รตนนฺติ ‘‘มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สโงฺข สิลา ปวาฬํ รชตํ ชาตรูปํ โลหิตโงฺค มสารคลฺล’’นฺติ เอวมาคตํ ทสวิธํ รตนํฯ
Therehi dassitanti pubbapayogasahapayogadukkaṭesu asammohatthaṃ samodhānetvā dhammasaṅgāhakattherehi dassitaṃ. ‘‘Sabbesampi dukkaṭānaṃ imesuyeva aṭṭhasu saṅgahetabbabhāvato itarehi sattahi dukkaṭehi vinimuttaṃ vinayadukkaṭeyeva saṅgahetabba’’nti vadanti. Dasavidhaṃ ratananti ‘‘muttā maṇi veḷuriyo saṅkho silā pavāḷaṃ rajataṃ jātarūpaṃ lohitaṅgo masāragalla’’nti evamāgataṃ dasavidhaṃ ratanaṃ.
‘‘มณิ มุตฺตา เวฬุริโย จ สโงฺข,
‘‘Maṇi muttā veḷuriyo ca saṅkho,
สิลา ปวาฬํ รชตญฺจ เหมํ;
Silā pavāḷaṃ rajatañca hemaṃ;
สโลหิตงฺคญฺจ มสารคลฺลํ,
Salohitaṅgañca masāragallaṃ,
ทเสติ ธีโร รตนานิ ชญฺญา’’ติฯ –
Daseti dhīro ratanāni jaññā’’ti. –
หิ วุตฺตํฯ
Hi vuttaṃ.
สตฺตวิธํ ธญฺญนฺติ สาลิ วีหิ ยโว กงฺคุ กุทฺรูโส วรโก โคธุโมติ อิทํ สตฺตวิธํ ธญฺญํฯ อาวุธภณฺฑาทินฺติ อาทิ-สเทฺทน ตูริยภณฺฑอิตฺถิรูปาทิํ สงฺคณฺหาติฯ อนามสิตเพฺพ วตฺถุมฺหิ ทุกฺกฎํ อนามาสทุกฺกฎํฯ ทุรุปจิณฺณทุกฺกฎนฺติ ‘‘น กตฺตพฺพ’’นฺติ วาริตสฺส กตตฺตา ทุฎฺฐุ อาจิณฺณํ จริตนฺติ ทุรุปจิณฺณํ, ตสฺมิํ ทุกฺกฎํ ทุรุปจิณฺณทุกฺกฎํฯ วินเย ปญฺญตฺตํ ทุกฺกฎํ วินยทุกฺกฎํฯ ‘‘สงฺฆเภทาย ปรกฺกมตี’’ติ สุตฺวา ตํนิวารณตฺถาย ญาเต อเตฺถ อวทนฺตสฺส ญาตทุกฺกฎํฯ เอกาทส สมนุภาสนา นาม ภิกฺขุปาติโมเกฺข จตฺตาโร ยาวตติยกา สงฺฆาทิเสสา, อริฎฺฐสิกฺขาปทนฺติ ปญฺจ, ภิกฺขุนีปาติโมเกฺข เอกํ ยาวตติยกํ ปาราชิกํ, จตฺตาโร สงฺฆาทิเสสา, จณฺฑกาฬีสิกฺขาปทนฺติ ฉฯ วสฺสาวาสาทิํ ปฎิสฺสุณิตฺวา น สมฺปาเทนฺตสฺส ปฎิสฺสวนิมิตฺตํ ทุกฺกฎํ ปฎิสฺสวทุกฺกฎํฯ
Sattavidhaṃdhaññanti sāli vīhi yavo kaṅgu kudrūso varako godhumoti idaṃ sattavidhaṃ dhaññaṃ. Āvudhabhaṇḍādinti ādi-saddena tūriyabhaṇḍaitthirūpādiṃ saṅgaṇhāti. Anāmasitabbe vatthumhi dukkaṭaṃ anāmāsadukkaṭaṃ. Durupaciṇṇadukkaṭanti ‘‘na kattabba’’nti vāritassa katattā duṭṭhu āciṇṇaṃ caritanti durupaciṇṇaṃ, tasmiṃ dukkaṭaṃ durupaciṇṇadukkaṭaṃ. Vinaye paññattaṃ dukkaṭaṃ vinayadukkaṭaṃ. ‘‘Saṅghabhedāya parakkamatī’’ti sutvā taṃnivāraṇatthāya ñāte atthe avadantassa ñātadukkaṭaṃ. Ekādasa samanubhāsanā nāma bhikkhupātimokkhe cattāro yāvatatiyakā saṅghādisesā, ariṭṭhasikkhāpadanti pañca, bhikkhunīpātimokkhe ekaṃ yāvatatiyakaṃ pārājikaṃ, cattāro saṅghādisesā, caṇḍakāḷīsikkhāpadanti cha. Vassāvāsādiṃ paṭissuṇitvā na sampādentassa paṭissavanimittaṃ dukkaṭaṃ paṭissavadukkaṭaṃ.
ปุพฺพสหปโยเค จ, อนามาสทุรุปจิเณฺณ;
Pubbasahapayoge ca, anāmāsadurupaciṇṇe;
วินเย เจว ญาเต จ, ญตฺติยา จ ปฎิสฺสเว;
Vinaye ceva ñāte ca, ñattiyā ca paṭissave;
อเฎฺฐเต ทุกฺกฎา วุตฺตา, วินเย วินยญฺญุนาฯ
Aṭṭhete dukkaṭā vuttā, vinaye vinayaññunā.
สหปโยคโต ปฎฺฐาย เจตฺถ ปุริมา ปุริมา อาปตฺติโย ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ อาห ‘‘อถ ธุรนิเกฺขปํ อกตฺวา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ‘‘ธุรนิเกฺขปํ อกตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา ธุรนิเกฺขปํ กตฺวา ขณนฺตสฺส ปุริมาปตฺติโย น ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิยูหนทุกฺกฎํ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, อุทฺธรณทุกฺกเฎ ปติฎฺฐาตีติ อิทํ ปาฬิยํ อาคตานุกฺกเมน ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ยทิ ปน ปํสุํ อุทฺธริตฺวา สอุสฺสาโหว ปุน ขณติ, อุทฺธรณทุกฺกฎํ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, ขณนทุกฺกเฎ ปติฎฺฐาติฯ
Sahapayogato paṭṭhāya cettha purimā purimā āpattiyo paṭippassambhantīti āha ‘‘atha dhuranikkhepaṃ akatvā’’tiādi. Tattha ‘‘dhuranikkhepaṃ akatvā’’ti vuttattā dhuranikkhepaṃ katvā khaṇantassa purimāpattiyo na paṭippassambhantīti daṭṭhabbaṃ. Viyūhanadukkaṭaṃ paṭippassambhati, uddharaṇadukkaṭe patiṭṭhātīti idaṃ pāḷiyaṃ āgatānukkamena dassetuṃ vuttaṃ. Yadi pana paṃsuṃ uddharitvā saussāhova puna khaṇati, uddharaṇadukkaṭaṃ paṭippassambhati, khaṇanadukkaṭe patiṭṭhāti.
กตํ กรณํ กิริยาติ อตฺถโต เอกนฺติ อาห ‘‘วิรูปา สา กิริยา’’ติฯ อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปริวารปาฬิยา นิทเสฺสโนฺต ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อปรทฺธํ วิรทฺธํ ขลิตนฺติ สพฺพเมตํ ยญฺจ ทุกฺกฎนฺติ เอตฺถ วุตฺตสฺส ทุกฺกฎสฺส ปริยายวจนํฯ ยญฺหิ ทุฎฺฐุ กตํ, วิรูปํ วา กตํ , ตํ ทุกฺกฎํฯ ตํ ปเนตํ ยถา สตฺถารา วุตฺตํ, เอวํ อกตตฺตา อปรทฺธํ, กุสลํ วิรชฺฌิตฺวา ปวตฺตตฺตา วิรทฺธํ, อริยวํสปฺปฎิปทํ อนารุฬฺหตฺตา ขลิตํฯ ยํ มนุโสฺส กเรติ อิทํ ปเนตฺถ โอปมฺมนิทสฺสนํฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา ยํ โลเก มนุโสฺส อาวิ วา ยทิ วา รโห ปาปํ กโรติ, ตํ ทุกฺกฎนฺติ ปเวเทนฺติ, เอวมิทมฺปิ พุทฺธปฎิกุเฎฺฐน ลามกภาเวน ปาปํ, ตสฺมา ทุกฺกฎนฺติ เวทิตพฺพนฺติฯ
Kataṃ karaṇaṃ kiriyāti atthato ekanti āha ‘‘virūpā sā kiriyā’’ti. Idāni vuttamevatthaṃ parivārapāḷiyā nidassento ‘‘vuttampi ceta’’ntiādimāha. Tattha aparaddhaṃ viraddhaṃ khalitanti sabbametaṃ yañca dukkaṭanti ettha vuttassa dukkaṭassa pariyāyavacanaṃ. Yañhi duṭṭhu kataṃ, virūpaṃ vā kataṃ , taṃ dukkaṭaṃ. Taṃ panetaṃ yathā satthārā vuttaṃ, evaṃ akatattā aparaddhaṃ, kusalaṃ virajjhitvā pavattattā viraddhaṃ, ariyavaṃsappaṭipadaṃ anāruḷhattā khalitaṃ. Yaṃ manusso kareti idaṃ panettha opammanidassanaṃ. Tassattho – yathā yaṃ loke manusso āvi vā yadi vā raho pāpaṃ karoti, taṃ dukkaṭanti pavedenti, evamidampi buddhapaṭikuṭṭhena lāmakabhāvena pāpaṃ, tasmā dukkaṭanti veditabbanti.
ยถา ทุกฺขา, กุจฺฉิตา วา คติ ทุคตีติ วตฺตเพฺพ ‘‘ทุคฺคตี’’ติ วุตฺตํ, ยถา จ กฎุกํ ผลเมตสฺสาติ กฎุกผลนฺติ วตฺตเพฺพ ‘‘กฎุกปฺผล’’นฺติ วุตฺตํ, เอวมิธาปิ ถูลตฺตา อจฺจยตฺตา จ ถูลจฺจยนฺติ วตฺตเพฺพ ‘‘ถุลฺลจฺจย’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘สมฺปราเย จ ทุคฺคตี’’ติอาทิมาหฯ สํโยเค ปน กเต สํโยคปรสฺส รสฺสตฺตํ สิทฺธเมวาติ มนสิ กตฺวา ‘‘สํโยคภาโว เวทิตโพฺพ’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํฯ เอกสฺส มูเลติ เอกสฺส สนฺติเกฯ อจฺจโย เตน สโม นตฺถีติ เทสนาคามีสุ อจฺจเยสุ เตน สโม ถูโล อจฺจโย นตฺถิฯ เตเนตํ อิติ วุจฺจตีติ ถูลตฺตา อจฺจยสฺส เอตํ ถุลฺลจฺจยนฺติ วุจฺจตีติ อโตฺถฯ
Yathā dukkhā, kucchitā vā gati dugatīti vattabbe ‘‘duggatī’’ti vuttaṃ, yathā ca kaṭukaṃ phalametassāti kaṭukaphalanti vattabbe ‘‘kaṭukapphala’’nti vuttaṃ, evamidhāpi thūlattā accayattā ca thūlaccayanti vattabbe ‘‘thullaccaya’’nti vuttanti dassetuṃ ‘‘samparāye ca duggatī’’tiādimāha. Saṃyoge pana kate saṃyogaparassa rassattaṃ siddhamevāti manasi katvā ‘‘saṃyogabhāvo veditabbo’’ti ettakameva vuttaṃ. Ekassa mūleti ekassa santike. Accayo tena samo natthīti desanāgāmīsu accayesu tena samo thūlo accayo natthi. Tenetaṃ iti vuccatīti thūlattā accayassa etaṃ thullaccayanti vuccatīti attho.
‘‘สพฺพตฺถาปิ อามสเน ทุกฺกฎํ ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยญฺจ วิสุํ วิสุํ เถยฺยจิเตฺตน อามสนผนฺทาปนปโยคํ กโรนฺตเสฺสว โหติ, เอกปโยเคน คณฺหนฺตสฺส ปน อุทฺธาเร ปาราชิกเมว, น ทุกฺกฎถุลฺลจฺจยานี’’ติ วทนฺติฯ สหปโยคํ ปน อกตฺวาติ เอตฺถ ‘‘ปุพฺพปโยเค อาปนฺนาปตฺตีนํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา อภาวโต สหปโยคํ กตฺวาปิ ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกเนฺตน ปุพฺพปโยเค อาปนฺนาปตฺติโย เทเสตพฺพา’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถาวจนํ ปน กเต สหปโยเค ปุพฺพปโยเค อาปนฺนาปตฺตีนมฺปิ ปฎิปฺปสฺสทฺธิํ ทีเปติ, อญฺญถา ‘‘สหปโยคํ ปน อกตฺวา’’ติ อิทํ วิเสสนเมว นิรตฺถกํ สิยาฯ ยญฺจ เหฎฺฐา วุตฺตํ ‘‘สเจ ปนสฺส ตตฺถชาตเก ติณรุกฺขลตาทิมฺหิ ฉิเนฺนปิ ลชฺชิธโมฺม โอกฺกมติ, สํวโร อุปฺปชฺชติ, เฉทนปจฺจยา ทุกฺกฎํ เทเสตฺวา มุจฺจตี’’ติ, ตมฺปิ สหปโยเค กเต ปุพฺพปโยเค อาปนฺนาปตฺตีนํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิเมว ทีเปติ สหปโยเค เฉทนปจฺจยา อาปนฺนทุกฺกฎเสฺสว เทสนาย วุตฺตตฺตาฯ สหปโยคโต ปฎฺฐาเยวาติ จ อิทํ สหปโยคํ ปตฺตสฺส ตโต ปุเพฺพ อาปนฺนานํ ปุพฺพปโยคาปตฺตีนมฺปิ ปฎิปฺปสฺสทฺธิํ ทีเปติฯ เตน หิ อยมโตฺถ วิญฺญายติ ‘‘ยาว สหปโยคํ น ปาปุณาติ, ตาว ปุเพฺพ อาปนฺนาปตฺตีนํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิ น โหติ, สหปโยคํ ปตฺตกาลโต ปน ปฎฺฐาย ตาสมฺปิ ปฎิปฺปสฺสทฺธิ โหตี’’ติ, ตสฺมา สุฎฺฐุ อุปปริกฺขิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํฯ
‘‘Sabbatthāpi āmasane dukkaṭaṃ phandāpane thullaccayañca visuṃ visuṃ theyyacittena āmasanaphandāpanapayogaṃ karontasseva hoti, ekapayogena gaṇhantassa pana uddhāre pārājikameva, na dukkaṭathullaccayānī’’ti vadanti. Sahapayogaṃ pana akatvāti ettha ‘‘pubbapayoge āpannāpattīnaṃ paṭippassaddhiyā abhāvato sahapayogaṃ katvāpi lajjidhammaṃ okkantena pubbapayoge āpannāpattiyo desetabbā’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Aṭṭhakathāvacanaṃ pana kate sahapayoge pubbapayoge āpannāpattīnampi paṭippassaddhiṃ dīpeti, aññathā ‘‘sahapayogaṃ pana akatvā’’ti idaṃ visesanameva niratthakaṃ siyā. Yañca heṭṭhā vuttaṃ ‘‘sace panassa tatthajātake tiṇarukkhalatādimhi chinnepi lajjidhammo okkamati, saṃvaro uppajjati, chedanapaccayā dukkaṭaṃ desetvā muccatī’’ti, tampi sahapayoge kate pubbapayoge āpannāpattīnaṃ paṭippassaddhimeva dīpeti sahapayoge chedanapaccayā āpannadukkaṭasseva desanāya vuttattā. Sahapayogato paṭṭhāyevāti ca idaṃ sahapayogaṃ pattassa tato pubbe āpannānaṃ pubbapayogāpattīnampi paṭippassaddhiṃ dīpeti. Tena hi ayamattho viññāyati ‘‘yāva sahapayogaṃ na pāpuṇāti, tāva pubbe āpannāpattīnaṃ paṭippassaddhi na hoti, sahapayogaṃ pattakālato pana paṭṭhāya tāsampi paṭippassaddhi hotī’’ti, tasmā suṭṭhu upaparikkhitvā yuttataraṃ gahetabbaṃ.
พหุกาปิ อาปตฺติโย โหนฺตุ, เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตีติ เอตฺถายมธิปฺปาโย – สเจ ขณนวิยูหนุทฺธรเณสุ ทส ทส กตฺวา อาปตฺติโย อาปนฺนา, ตาสุ อุทฺธรเณ ทส อาปตฺติโย เทเสตฺวา มุจฺจติ วิสภาคกิริยํ ปตฺวา ปุริมาปุริมาปตฺตีนํ ปฎิปฺปสฺสทฺธตฺตาติฯ ชาติวเสน ปน สมานกิริยาย อาปนฺนาปตฺติโย เอกเตฺตน คเหตฺวา ‘‘เอกเมว เทเสตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา อิมินาปิ กุรุนฺทฎฺฐกถาวจเนน ปฐมํ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตปุริมาปตฺติปฎิปฺปสฺสทฺธิเมว สมตฺถยติ, น ปน อุภินฺนํ อฎฺฐกถานํ อตฺถโต นานากรณํ อตฺถิฯ อปรเมฺปตฺถ ปการํ วณฺณยนฺติ ‘‘สมานกิริยาสุปิ ปุริมปุริมขณนปจฺจยา อาปนฺนาปตฺติโย ปจฺฉิมปจฺฉิมขณนํ ปตฺวา ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘ปํสุขณนาทีสุ จ ลชฺชิธเมฺม อุปฺปเนฺน พหุกาปิ อาปตฺติโย โหนฺตุ, เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตีติ กุรุนฺทฎฺฐกถายํ วุตฺต’’’นฺติฯ ‘‘เอวญฺจ สติ ‘พหุกาปิ อาปตฺติโย โหนฺตู’ติ น วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, วุตฺตญฺจ, ตสฺมา วิสภาคกิริยเมว ปตฺวา ปุริมาปตฺตีนํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิํ อิจฺฉเนฺตเนว พหุกาสุปิ อาปตฺตีสุ เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตีติ อิมสฺมิํ ฐาเน วิสุํเยเวโก เทสนากฺกโม ทสฺสิโต’’ติปิ วทนฺติฯ อยเมเตสํ อธิปฺปาโย – ยถา อิธ ปุริมาปตฺตีนํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิ อฎฺฐกถาจริยปฺปมาเณน คหิตา, เอวํ พหุกาสุปิ อาปตฺตีสุ เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตีติ อิทมฺปิ อิธ อฎฺฐกถาจริยปฺปมาณโตเยว เวทิตพฺพํฯ ยถา จ ปาฬิยํ ปาจิตฺติยฎฺฐาเนปิ ทุกฺกฎเมว โหตีติ อิธ อาเวณิกํ กตฺวา อาปตฺติวิเสโส ทสฺสิโต, เอวํ ปุริมาปตฺตีนํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิเสโส จ เทสนาวิเสโส จ อฎฺฐกถาจริเยหิ ทสฺสิโตติฯ
Bahukāpi āpattiyo hontu, ekameva desetvā muccatīti etthāyamadhippāyo – sace khaṇanaviyūhanuddharaṇesu dasa dasa katvā āpattiyo āpannā, tāsu uddharaṇe dasa āpattiyo desetvā muccati visabhāgakiriyaṃ patvā purimāpurimāpattīnaṃ paṭippassaddhattāti. Jātivasena pana samānakiriyāya āpannāpattiyo ekattena gahetvā ‘‘ekameva desetvā’’ti vuttaṃ, tasmā imināpi kurundaṭṭhakathāvacanena paṭhamaṃ mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttapurimāpattipaṭippassaddhimeva samatthayati, na pana ubhinnaṃ aṭṭhakathānaṃ atthato nānākaraṇaṃ atthi. Aparampettha pakāraṃ vaṇṇayanti ‘‘samānakiriyāsupi purimapurimakhaṇanapaccayā āpannāpattiyo pacchimapacchimakhaṇanaṃ patvā paṭippassambhantīti iminā adhippāyena ‘paṃsukhaṇanādīsu ca lajjidhamme uppanne bahukāpi āpattiyo hontu, ekameva desetvā muccatīti kurundaṭṭhakathāyaṃ vutta’’’nti. ‘‘Evañca sati ‘bahukāpi āpattiyo hontū’ti na vattabbaṃ bhaveyya, vuttañca, tasmā visabhāgakiriyameva patvā purimāpattīnaṃ paṭippassaddhiṃ icchanteneva bahukāsupi āpattīsu ekameva desetvā muccatīti imasmiṃ ṭhāne visuṃyeveko desanākkamo dassito’’tipi vadanti. Ayametesaṃ adhippāyo – yathā idha purimāpattīnaṃ paṭippassaddhi aṭṭhakathācariyappamāṇena gahitā, evaṃ bahukāsupi āpattīsu ekameva desetvā muccatīti idampi idha aṭṭhakathācariyappamāṇatoyeva veditabbaṃ. Yathā ca pāḷiyaṃ pācittiyaṭṭhānepi dukkaṭameva hotīti idha āveṇikaṃ katvā āpattiviseso dassito, evaṃ purimāpattīnaṃ paṭippassaddhiviseso ca desanāviseso ca aṭṭhakathācariyehi dassitoti.
เหฎฺฐโต โอสีเทโนฺตติ ‘‘สามิเกสุ อาคนฺตฺวา อปสฺสิตฺวา คเตสุ คณฺหิสฺสามี’’ติ เถยฺยจิเตฺตน เหฎฺฐาภูมิยํ โอสีเทโนฺตฯ พุเนฺทนาติ กุมฺภิยา เหฎฺฐิมตเลนฯ เอวํ เอกฎฺฐาเน ฐิตาย กุมฺภิยา ฐานาจาวนํ ฉหิ อากาเรหิ เวทิตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ วลยํ นีหรติ, ปาราชิกนฺติ อากาสคตํ อกตฺวา ฆํสิตฺวา นีหรนฺตสฺส ฉินฺนโกฎิโต นีหฎมเตฺต ปาราชิกํฯ อิโต จิโต จ สาเรตีติ ฆํสโนฺตเยว อากาสคตํ อกตฺวา สาเรติฯ
Heṭṭhato osīdentoti ‘‘sāmikesu āgantvā apassitvā gatesu gaṇhissāmī’’ti theyyacittena heṭṭhābhūmiyaṃ osīdento. Bundenāti kumbhiyā heṭṭhimatalena. Evaṃ ekaṭṭhāne ṭhitāya kumbhiyā ṭhānācāvanaṃ chahi ākārehi veditabbanti sambandho. Valayaṃ nīharati, pārājikanti ākāsagataṃ akatvā ghaṃsitvā nīharantassa chinnakoṭito nīhaṭamatte pārājikaṃ. Ito cito ca sāretīti ghaṃsantoyeva ākāsagataṃ akatvā sāreti.
ฉินฺนมเตฺต ปาราชิกนฺติ อวสฺสํ เจ ปตติ, ฉินฺนมเตฺต ปาราชิกํฯ ปริเจฺฉโทติ ‘‘ปญฺจมาสกํ วา อติเรกปญฺจมาสกํ วา’’ติ วุตฺตคณนปริเจฺฉโทฯ อปพฺยูหโนฺตติ ‘‘เหฎฺฐา ฐิตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ หเตฺถน ทฺวิธา กโรโนฺตฯ อุปฑฺฒกุมฺภิยนฺติ อุปฑฺฒปุณฺณาย กุมฺภิยาฯ นนุ จ อฎฺฐกถาจริยปฺปมาเณน สเงฺขปฎฺฐกถาทีสุ วุตฺตมฺปิ กสฺมา น คเหตพฺพนฺติ อาห – ‘‘วินยวินิจฺฉเย หิ อาคเต ครุเก ฐาตพฺพ’’นฺติฯ วินยธมฺมตาติ วินยครุกานํ ธมฺมตาฯ วินยครุกา หิ วินยวินิจฺฉเย อาคเต ครุเก ติฎฺฐนฺติฯ วินยครุกตาพฺยาปนตฺถญฺหิ วินยครุโกเยเวตฺถ วินย-สเทฺทน วุโตฺต, วินยสฺส วา เอสา ธมฺมตา เตสํ ครุคารวฎฺฐานสฺส วินยวิสยตฺตาฯ
Chinnamattepārājikanti avassaṃ ce patati, chinnamatte pārājikaṃ. Paricchedoti ‘‘pañcamāsakaṃ vā atirekapañcamāsakaṃ vā’’ti vuttagaṇanaparicchedo. Apabyūhantoti ‘‘heṭṭhā ṭhitaṃ gaṇhissāmī’’ti hatthena dvidhā karonto. Upaḍḍhakumbhiyanti upaḍḍhapuṇṇāya kumbhiyā. Nanu ca aṭṭhakathācariyappamāṇena saṅkhepaṭṭhakathādīsu vuttampi kasmā na gahetabbanti āha – ‘‘vinayavinicchaye hi āgate garuke ṭhātabba’’nti. Vinayadhammatāti vinayagarukānaṃ dhammatā. Vinayagarukā hi vinayavinicchaye āgate garuke tiṭṭhanti. Vinayagarukatābyāpanatthañhi vinayagarukoyevettha vinaya-saddena vutto, vinayassa vā esā dhammatā tesaṃ garugāravaṭṭhānassa vinayavisayattā.
อิทานิ สเงฺขปฎฺฐกถาทีสุ วุตฺตํ ปาฬิยาปิ น สเมตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิฯ ภาชนนฺติ ปตฺตาทิภาชนํฯ ปตฺตาทิํ อปูเรตฺวา คณฺหนฺตสฺส อนุทฺธเฎปิ มุขวฎฺฎิปริเจฺฉโท โหติ, ปูเรตฺวา คณฺหนฺตสฺส ปน อุทฺธรณกาเล โหตีติ อาห ‘‘มุขวฎฺฎิปริเจฺฉเทน วา อุทฺธาเรน วา’’ติฯ ยทา ปน เตลกุมฺภีอาทีสุ เตลาทีนํ อพหุภาวโต ภาชนํ นิมุชฺชาเปตฺวา คณฺหิตุํ น สกฺกา โหติ, ตทา มุขวฎฺฎิปริเจฺฉเทเนว โหติฯ จิกฺกนนฺติ ถทฺธํฯ อากฑฺฒนวิกฑฺฒนโยคฺคนฺติ เอตฺถ อภิมุขํ กฑฺฒนํ อากฑฺฒนํ, ปรโต กฑฺฒนํ วิกฑฺฒนํฯ ปฎินีหริตุนฺติ อตฺตโน ภาชนโต ปฎินีหริตุํฯ หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกนฺติ เถยฺยจิเตฺตน ปรสนฺตกคฺคหณปโยคสฺส กตตฺตาฯ มหาอฎฺฐกถายเมว ‘‘สเจปิ มริยาทํ ทุพฺพลํ กตฺวา สุกฺขตฬากสฺส อุทกนิพฺพหนฎฺฐานํ อุทกนิทฺธมนตุมฺพํ วา ปิทหติ, อญฺญโต จ คมนมเคฺค วา ปาฬิํ พนฺธติ, สุกฺขมาติกํ วา อุชุํ กโรติ, ปจฺฉา เทเว วุเฎฺฐ อุทกํ อาคนฺตฺวา มริยาทํ ภินฺทติ, สพฺพตฺถ ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘ตํ ปน ตเตฺถว สุกฺขตฬาเก สุกฺขมาติกาย อุชุกรณวินิจฺฉเยน วิรุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํฯ
Idāni saṅkhepaṭṭhakathādīsu vuttaṃ pāḷiyāpi na sametīti dassento āha ‘‘apicā’’tiādi. Bhājananti pattādibhājanaṃ. Pattādiṃ apūretvā gaṇhantassa anuddhaṭepi mukhavaṭṭiparicchedo hoti, pūretvā gaṇhantassa pana uddharaṇakāle hotīti āha ‘‘mukhavaṭṭiparicchedena vā uddhārena vā’’ti. Yadā pana telakumbhīādīsu telādīnaṃ abahubhāvato bhājanaṃ nimujjāpetvā gaṇhituṃ na sakkā hoti, tadā mukhavaṭṭiparicchedeneva hoti. Cikkananti thaddhaṃ. Ākaḍḍhanavikaḍḍhanayogganti ettha abhimukhaṃ kaḍḍhanaṃ ākaḍḍhanaṃ, parato kaḍḍhanaṃ vikaḍḍhanaṃ. Paṭinīharitunti attano bhājanato paṭinīharituṃ. Hatthato muttamatte pārājikanti theyyacittena parasantakaggahaṇapayogassa katattā. Mahāaṭṭhakathāyameva ‘‘sacepi mariyādaṃ dubbalaṃ katvā sukkhataḷākassa udakanibbahanaṭṭhānaṃ udakaniddhamanatumbaṃ vā pidahati, aññato ca gamanamagge vā pāḷiṃ bandhati, sukkhamātikaṃ vā ujuṃ karoti, pacchā deve vuṭṭhe udakaṃ āgantvā mariyādaṃ bhindati, sabbattha bhaṇḍadeyya’’nti vuttattā ‘‘taṃ pana tattheva sukkhataḷāke sukkhamātikāya ujukaraṇavinicchayena virujjhatī’’ti vuttaṃ.
อวหารลกฺขณนฺติ ปญฺจวีสติยา อวหาเรสุ เอกมฺปิ อวหารลกฺขณํ, ฐานาจาวนปโยโค เอว วาฯ อุทฺธาเรติ กุมฺภิยา ผุฎฺฐฎฺฐานโต เกสคฺคมเตฺตปิ อุทฺธเฎฯ ยุตฺตนฺติ ฐานาจาวนปโยคสพฺภาวโต ยุตฺตํฯ สโงฺคปนตฺถายาติ อิมินา สุทฺธจิตฺตตํ ทเสฺสติฯ ปลิพุชฺฌิสฺสตีติ นิวาเรสฺสติฯ วุตฺตนเยเนว ปาราชิกนฺติ หตฺถโต มุตฺตมเตฺตเยว ปาราชิกํฯ สุทฺธจิโตฺตว อุทฺธรตีติ กุมฺภิยํ เตลสฺส อากิรณโต ปุเรตรเมว สุทฺธจิโตฺต นิกฺขิปิตฺวา ปจฺฉา สุทฺธจิโตฺตว อุทฺธรติฯ เนว อวหาโรติ เถยฺยจิเตฺตน อวหรณปโยคสฺส อกตตฺตาฯ อตฺตโน ภาชนตฺตา ปน ‘‘น คีวา’’ติ วุตฺตํ, อนาปตฺติมตฺตเมว วุตฺตํ, น ปน เอวํ วิจาริตนฺติ อธิปฺปาโยฯ อถ วา อนาปตฺติมตฺตเมว วุตฺตนฺติ อิมินาปิ ตตฺถ ‘‘คีวา’’ติ วจนาภาวโต ‘‘น คีวา’’ติ ปุเพฺพ วุตฺตมหาอฎฺฐกถาวาทเมว ปติฎฺฐาเปติ, ปจฺฉา ทสฺสิเตน กุรุนฺทิวาเทนปิ มหาอฎฺฐกถาวาโทว สมตฺถิโตฯ อตฺตโน ภณฺฑนฺติ เตลากิรณโต ปุเรตรเมว อตฺตโน กุมฺภิยํ สุทฺธจิเตฺตน ฐปิตํ ปีตเตลํ อตฺตโน ปริกฺขารํฯ สโมฺมหฎฺฐานนฺติ อาปตฺติวินิจฺฉยวเสน สโมฺมหฎฺฐานํฯ
Avahāralakkhaṇanti pañcavīsatiyā avahāresu ekampi avahāralakkhaṇaṃ, ṭhānācāvanapayogo eva vā. Uddhāreti kumbhiyā phuṭṭhaṭṭhānato kesaggamattepi uddhaṭe. Yuttanti ṭhānācāvanapayogasabbhāvato yuttaṃ. Saṅgopanatthāyāti iminā suddhacittataṃ dasseti. Palibujjhissatīti nivāressati. Vuttanayeneva pārājikanti hatthato muttamatteyeva pārājikaṃ. Suddhacittovauddharatīti kumbhiyaṃ telassa ākiraṇato puretarameva suddhacitto nikkhipitvā pacchā suddhacittova uddharati. Neva avahāroti theyyacittena avaharaṇapayogassa akatattā. Attano bhājanattā pana ‘‘na gīvā’’ti vuttaṃ, anāpattimattameva vuttaṃ, na pana evaṃ vicāritanti adhippāyo. Atha vā anāpattimattameva vuttanti imināpi tattha ‘‘gīvā’’ti vacanābhāvato ‘‘na gīvā’’ti pubbe vuttamahāaṭṭhakathāvādameva patiṭṭhāpeti, pacchā dassitena kurundivādenapi mahāaṭṭhakathāvādova samatthito. Attano bhaṇḍanti telākiraṇato puretarameva attano kumbhiyaṃ suddhacittena ṭhapitaṃ pītatelaṃ attano parikkhāraṃ. Sammohaṭṭhānanti āpattivinicchayavasena sammohaṭṭhānaṃ.
พหิคตํ นาม โหตีติ ตโต ปฎฺฐาย เตลสฺส อฎฺฐานภาวโต อโธมุขภาวโต จ พหิคตํ นาม โหติฯ อโนฺต ปฎฺฐาย ฉิเทฺท กริยมาเน เตลสฺส นิกฺขมิตฺวา คตคตฎฺฐานํ ภาชนสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ อาห – ‘‘พาหิรนฺตโต ปาทคฺฆนเก คฬิเต ปาราชิก’’นฺติฯ ยถา ตถา วา กตสฺสาติ พาหิรนฺตโต อพฺภนฺตรโต วา ปฎฺฐาย กตสฺสฯ มเชฺฌ ฐเปตฺวา กตฉิเทฺทติ มเชฺฌ โถกํ กปาลํ ฐเปตฺวา ปจฺฉา ตํ ฉินฺทเนฺตน กตฉิเทฺทฯ ‘‘มริยาทเจฺฉทเน อโนฺต ฐตฺวา พหิมุโข ฉินฺทโนฺต พหิ อเนฺตน กาเรตโพฺพ, พหิ ฐตฺวา อโนฺตมุโข ฉินฺทโนฺต อโนฺต อเนฺตน กาเรตโพฺพ, อโนฺต จ พหิ จ ฉินฺทิตฺวา มเชฺฌ ฐเปตฺวา ตํ ฉินฺทโนฺต มเชฺฌน กาเรตโพฺพ’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๐๘) วุตฺตตฺตา ‘‘ตฬากสฺส จ มริยาทเภเทน สเมตี’’ติ วุตฺตํฯ อิทเมตฺถ ยุตฺตนฺติ อโนฺต จ พหิ จ ปฎฺฐาย กตฉิเทฺท มเชฺฌน กาเรตโพฺพฯ อโนฺต ปฎฺฐาย กเต ปน พาหิรเนฺตน, พหิ ปฎฺฐาย กเต อพฺภนฺตเรน กาเรตโพฺพติ อยํ ติปฺปกาโรปิ เอตฺถ เวมฎฺฐฉิเทฺท ยุโตฺตฯ อุทเก กตปโยคสฺส อภาวโต ‘‘ฐานาจาวนปโยคสฺส อภาวา’’ติ วุตฺตํฯ
Bahigataṃ nāma hotīti tato paṭṭhāya telassa aṭṭhānabhāvato adhomukhabhāvato ca bahigataṃ nāma hoti. Anto paṭṭhāya chidde kariyamāne telassa nikkhamitvā gatagataṭṭhānaṃ bhājanasaṅkhyameva gacchatīti āha – ‘‘bāhirantato pādagghanake gaḷite pārājika’’nti. Yathā tathā vā katassāti bāhirantato abbhantarato vā paṭṭhāya katassa. Majjhe ṭhapetvā katachiddeti majjhe thokaṃ kapālaṃ ṭhapetvā pacchā taṃ chindantena katachidde. ‘‘Mariyādacchedane anto ṭhatvā bahimukho chindanto bahi antena kāretabbo, bahi ṭhatvā antomukho chindanto anto antena kāretabbo, anto ca bahi ca chinditvā majjhe ṭhapetvā taṃ chindanto majjhena kāretabbo’’ti (pārā. aṭṭha. 1.108) vuttattā ‘‘taḷākassa ca mariyādabhedena sametī’’ti vuttaṃ. Idamettha yuttanti anto ca bahi ca paṭṭhāya katachidde majjhena kāretabbo. Anto paṭṭhāya kate pana bāhirantena, bahi paṭṭhāya kate abbhantarena kāretabboti ayaṃ tippakāropi ettha vemaṭṭhachidde yutto. Udake katapayogassa abhāvato ‘‘ṭhānācāvanapayogassa abhāvā’’ti vuttaṃ.
อฎฺฐกถายํ ตาว วุตฺตนฺติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ ปตฺถินฺนสฺส ขาทนํ อิตรสฺส ปานญฺจ สปฺปิอาทีนํ ปริโภโคติ อาห – ‘‘อขาทิตพฺพํ วา อปาตพฺพํ วา กโรตี’’ติฯ กถํ ปน ตถา กโรตีติ อาห ‘‘อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา’’ติอาทิฯ กสฺมา ปเนตฺถ ทุกฺกฎํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ฐานาจาวนสฺส นตฺถิตาย ทุกฺกฎ’’นฺติฯ ปุริมทฺวยนฺติ เภทนํ ฉฑฺฑนญฺจฯ กสฺมา น สเมตีติ อาห ‘‘ตญฺหี’’ติอาทิฯ กุมฺภิชชฺชรกรเณนาติ ปุณฺณกุมฺภิยา ชชฺชรกรเณนฯ มาติกาอุชอุกรเณนาติ อุทกปุณฺณาย มาติกาย อุชุกรเณนฯ เอกลกฺขณนฺติ เภทนํ กุมฺภิชชฺชรกรเณน ฉฑฺฑนํ มาติกาย อุชุกรเณน สทฺธิํ เอกสภาวํ ฐานาจาวนปโยคสพฺภาวโตฯ ปจฺฉิมํ ปน ทฺวยนฺติ ฌาปนํ อปริโภคกรณญฺจฯ
Aṭṭhakathāyaṃ tāva vuttanti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Patthinnassa khādanaṃ itarassa pānañca sappiādīnaṃ paribhogoti āha – ‘‘akhāditabbaṃ vā apātabbaṃ vā karotī’’ti. Kathaṃ pana tathā karotīti āha ‘‘uccāraṃ vā passāvaṃ vā’’tiādi. Kasmā panettha dukkaṭaṃ vuttanti āha ‘‘ṭhānācāvanassa natthitāya dukkaṭa’’nti. Purimadvayanti bhedanaṃ chaḍḍanañca. Kasmā na sametīti āha ‘‘tañhī’’tiādi. Kumbhijajjarakaraṇenāti puṇṇakumbhiyā jajjarakaraṇena. Mātikāujaukaraṇenāti udakapuṇṇāya mātikāya ujukaraṇena. Ekalakkhaṇanti bhedanaṃ kumbhijajjarakaraṇena chaḍḍanaṃ mātikāya ujukaraṇena saddhiṃ ekasabhāvaṃ ṭhānācāvanapayogasabbhāvato. Pacchimaṃ pana dvayanti jhāpanaṃ aparibhogakaraṇañca.
เอตฺถ เอวํ วินิจฺฉยํ วทนฺตีติ เอตฺถ มหาอฎฺฐกถายํ วุเตฺต เอเก อาจริยา เอวํ วินิจฺฉยํ วทนฺติฯ ปจฺฉิมทฺวยํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เอตฺถ ปุริมทฺวเย วินิจฺฉโย เหฎฺฐา วุตฺตานุสาเรน สกฺกา วิญฺญาตุนฺติ ตตฺถ กิญฺจิ อวตฺวา ปจฺฉิมทฺวยํ สนฺธาย ฐานาจาวนสฺส นตฺถิตาย ทุกฺกฎนฺติ อิทํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ เถยฺยจิเตฺตนาติ อตฺตโน วา ปรสฺส วา กาตุกามตาวเสน อุปฺปนฺนเถยฺยจิเตฺตนฯ วินาเสตุกามตายาติ หตฺถปาทาทิํ ฉินฺทโนฺต วิย เกวลํ วินาเสตุกามตายฯ ปุริมทฺวเย กิํ โหติ, กิํ อธิปฺปาเยน น กิญฺจิ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘ปุริมทฺวเย ปน…เป.… ปาราชิก’’นฺติฯ ตตฺถ วุตฺตนเยน ภินฺทนฺตสฺส วา ฉเฑฺฑนฺตสฺส วาติ มุคฺคเรน โปเถตฺวา ภินฺทนฺตสฺส อุทกํ วา วาลิกํ วา อากิริตฺวา อุตฺตราเปนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ อยุตฺตนฺติ เจติ ปาฬิยํ ปุริมปททฺวเยปิ ทุกฺกฎเสฺสว วุตฺตตฺตา ‘‘ปุริมทฺวเย…เป.… ปาราชิกนฺติ อิทํ อยุตฺต’’นฺติ ยทิ ตุมฺหากํ สิยาติ อโตฺถฯ นาติ อยุตฺตภาวปฺปสงฺคํ นิเสเธตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘อญฺญถา คเหตพฺพตฺถโต’’ติฯ กถํ ปเนตฺถ อโตฺถ คเหตโพฺพติ อาห ‘‘ปาฬิยํ หี’’ติอาทิฯ นาเสตุกามตาปเกฺข เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อตฺถสฺส อวิรุชฺฌนโต ‘‘เถยฺยจิตฺตปเกฺข’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘เอวํ วินิจฺฉยํ วทนฺตี’’ติ อิโต ปฎฺฐาย วุตฺตสฺส สพฺพสฺสปิ เอกเสฺสว วจนตฺตา ‘‘เอวเมเก วทนฺตี’’ติ นิคมนวเสน วุตฺตํฯ
Ettha evaṃ vinicchayaṃ vadantīti ettha mahāaṭṭhakathāyaṃ vutte eke ācariyā evaṃ vinicchayaṃ vadanti. Pacchimadvayaṃ sandhāya vuttanti ettha purimadvaye vinicchayo heṭṭhā vuttānusārena sakkā viññātunti tattha kiñci avatvā pacchimadvayaṃ sandhāya ṭhānācāvanassa natthitāya dukkaṭanti idaṃ vuttanti adhippāyo. Theyyacittenāti attano vā parassa vā kātukāmatāvasena uppannatheyyacittena. Vināsetukāmatāyāti hatthapādādiṃ chindanto viya kevalaṃ vināsetukāmatāya. Purimadvaye kiṃ hoti, kiṃ adhippāyena na kiñci vuttanti āha – ‘‘purimadvaye pana…pe… pārājika’’nti. Tattha vuttanayena bhindantassa vā chaḍḍentassa vāti muggarena pothetvā bhindantassa udakaṃ vā vālikaṃ vā ākiritvā uttarāpentassāti attho. Ayuttanti ceti pāḷiyaṃ purimapadadvayepi dukkaṭasseva vuttattā ‘‘purimadvaye…pe… pārājikanti idaṃ ayutta’’nti yadi tumhākaṃ siyāti attho. Nāti ayuttabhāvappasaṅgaṃ nisedhetvā tattha kāraṇamāha ‘‘aññathā gahetabbatthato’’ti. Kathaṃ panettha attho gahetabboti āha ‘‘pāḷiyaṃ hī’’tiādi. Nāsetukāmatāpakkhe heṭṭhā vuttanayeneva atthassa avirujjhanato ‘‘theyyacittapakkhe’’ti vuttaṃ. ‘‘Evaṃ vinicchayaṃ vadantī’’ti ito paṭṭhāya vuttassa sabbassapi ekasseva vacanattā ‘‘evameke vadantī’’ti nigamanavasena vuttaṃ.
อิทานิ ยถาวุตฺตวเสน ปาฬิยา อเตฺถ คยฺหมาเน มหาอฎฺฐกถายํ จตุนฺนมฺปิ สามญฺญโต วุตฺตสฺส ปจฺฉิมทฺวยํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วจเน วิเสสาภาวโต ปาฬิยํ วุเตฺตสุ จตูสุ ปเทสุ ‘‘ฉเฑฺฑติ วา อปริโภคํ วา กโรตี’’ติ อิเมสํ ปทานํ วิเสสาภาวปฺปสงฺคโต จ สยํ อญฺญถา ปาฬิํ อฎฺฐกถญฺจ สํสนฺทิตฺวา อตฺถํ ทเสฺสตุกาโม ‘‘อยํ ปเนตฺถ สาโร’’ติอาทิมาหฯ วินีตวตฺถุมฺหิ ‘‘สงฺฆสฺส ปุญฺชกิตํ ติณํ เถยฺยจิโตฺต ฌาเปสี’’สิ (ปารา. ๑๕๖) วุตฺตตฺตา วินีตวตฺถุมฺหิ ติณชฺฌาปโก วิยาติ อิมินาว ฐานา อจาเวตุกาโมวาติ เอตฺถาปิ เถยฺยจิเตฺตน ฐานา อจาเวตุกาโมติ อิทํ วุตฺตเมว โหตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ อฉเฑฺฑตุกาโมเยวาติ เอตฺถาปิ เถยฺยจิเตฺตนาติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อิทญฺหิ เถยฺยจิตฺตปกฺขํ สนฺธาย วุตฺตํ นาเสตุกามตาปกฺขสฺส วกฺขมานตฺตาฯ เตเนวาห ‘‘นาเสตุกามตาปเกฺข ปนา’’ติอาทิฯ อิตรถาปิ ยุชฺชตีติ เถยฺยจิตฺตาภาวา ฐานา จาเวตุกามสฺสปิ ทุกฺกฎํ ยุชฺชตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Idāni yathāvuttavasena pāḷiyā atthe gayhamāne mahāaṭṭhakathāyaṃ catunnampi sāmaññato vuttassa pacchimadvayaṃ sandhāya vuttanti vacane visesābhāvato pāḷiyaṃ vuttesu catūsu padesu ‘‘chaḍḍeti vā aparibhogaṃ vā karotī’’ti imesaṃ padānaṃ visesābhāvappasaṅgato ca sayaṃ aññathā pāḷiṃ aṭṭhakathañca saṃsanditvā atthaṃ dassetukāmo ‘‘ayaṃ panettha sāro’’tiādimāha. Vinītavatthumhi ‘‘saṅghassa puñjakitaṃ tiṇaṃ theyyacitto jhāpesī’’si (pārā. 156) vuttattā vinītavatthumhi tiṇajjhāpako viyāti imināva ṭhānā acāvetukāmovāti etthāpi theyyacittena ṭhānā acāvetukāmoti idaṃ vuttameva hotīti daṭṭhabbaṃ. Achaḍḍetukāmoyevāti etthāpi theyyacittenāti sambandhitabbaṃ. Idañhi theyyacittapakkhaṃ sandhāya vuttaṃ nāsetukāmatāpakkhassa vakkhamānattā. Tenevāha ‘‘nāsetukāmatāpakkhe panā’’tiādi. Itarathāpi yujjatīti theyyacittābhāvā ṭhānā cāvetukāmassapi dukkaṭaṃ yujjatīti vuttaṃ hoti.
ภูมฎฺฐกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhūmaṭṭhakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ภูมฎฺฐกถาทิวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ภูมฎฺฐกถาวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathāvaṇṇanā