Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    ภูมฎฺฐกถาวณฺณนา

    Bhūmaṭṭhakathāvaṇṇanā

    ๙๔. วาจาย วาจายาติ เอเกกตฺถทีปิกาย วาจาย วาจายฯ อุปลโทฺธติ ญาโตฯ ปาฬิยํ เสสอฎฺฐกถาสุ จ กุทาลํ วา ปิฎกํ วาติ อิทเมว ทฺวยํ วตฺวา วาสิผรสูนํ อวุตฺตตฺตา เตสมฺปิ สเงฺขปฎฺฐกถาทีสุ อาคตภาวํ ทเสฺสตุํ สเงฺขปฎฺฐกถายนฺติอาทิ วุตฺตํฯ เถยฺยจิเตฺตน กตตฺตา ‘‘ทุกฺกเฎหิ สทฺธิํ ปาจิตฺติยานี’’ติ วุตฺตํฯ

    94.Vācāyavācāyāti ekekatthadīpikāya vācāya vācāya. Upaladdhoti ñāto. Pāḷiyaṃ sesaaṭṭhakathāsu ca kudālaṃ vā piṭakaṃ vāti idameva dvayaṃ vatvā vāsipharasūnaṃ avuttattā tesampi saṅkhepaṭṭhakathādīsu āgatabhāvaṃ dassetuṃ saṅkhepaṭṭhakathāyantiādi vuttaṃ. Theyyacittena katattā ‘‘dukkaṭehi saddhiṃ pācittiyānī’’ti vuttaṃ.

    อฎฺฐวิธํ เหตนฺติอาทีสุ เอตํ ทุกฺกฎํ นาม เถเรหิ ธมฺมสงฺคาหเกหิ อิมสฺมิํ ฐาเน สโมธาเนตฺวา อฎฺฐวิธนฺติ ทสฺสิตนฺติ โยชนาฯ สเพฺพสมฺปิ ทุกฺกฎานํ อิเมสุเยว อฎฺฐสุ สงฺคเหตพฺพภาวโต ปน อิตเรหิ สตฺตหิ ทุกฺกเฎหิ วินิมุตฺตํ วินยทุกฺกเฎเยว สงฺคเหตพฺพํฯ ทสวิธํ รตนนฺติ ‘‘มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สโงฺข สิลา ปวาฬํ รชตํ ชาตรูปํ โลหิตโก มสารคลฺล’’นฺติ เอวมาคตํ ทสวิธํ รตนํฯ

    Aṭṭhavidhaṃ hetantiādīsu etaṃ dukkaṭaṃ nāma therehi dhammasaṅgāhakehi imasmiṃ ṭhāne samodhānetvā aṭṭhavidhanti dassitanti yojanā. Sabbesampi dukkaṭānaṃ imesuyeva aṭṭhasu saṅgahetabbabhāvato pana itarehi sattahi dukkaṭehi vinimuttaṃ vinayadukkaṭeyeva saṅgahetabbaṃ. Dasavidhaṃ ratananti ‘‘muttā maṇi veḷuriyo saṅkho silā pavāḷaṃ rajataṃ jātarūpaṃ lohitako masāragalla’’nti evamāgataṃ dasavidhaṃ ratanaṃ.

    ‘‘มุตฺตา มณิ เวฬุริโย จ สโงฺข,

    ‘‘Muttā maṇi veḷuriyo ca saṅkho,

    สิลา ปวาฬํ รชตญฺจ เหมํ;

    Silā pavāḷaṃ rajatañca hemaṃ;

    โลหิตกญฺจ มสารคลฺลํ,

    Lohitakañca masāragallaṃ,

    ทเสเต ธีโร รตนานิ ชญฺญา’’ติฯ –

    Dasete dhīro ratanāni jaññā’’ti. –

    หิ วุตฺตํฯ สตฺตวิธํ ธญฺญนฺติ สาลิ วีหิ ยโว กงฺคุ กุทฺรูสํ วรโก โคธุโมติ อิมํ สตฺตวิธํ ธญฺญํฯ อาวุธภณฺฑาทินฺติ อาทิ-สเทฺทน ตุริยภณฺฑอิตฺถิรูปาทิํ สงฺคณฺหาติฯ อนามสิตเพฺพ วตฺถุมฺหิ ทุกฺกฎํ อนามาสทุกฺกฎํฯ ทุรูปจิณฺณทุกฺกฎนฺติ ‘‘อกตฺตพฺพ’’นฺติ วาริตสฺส กตตฺตา ทุฎฺฐุ อุปจิณฺณํ จริตนฺติ ทุรูปจิณฺณํ, ตสฺมิํ ทุกฺกฎํ ทุรูปจิณฺณทุกฺกฎํฯ วินเย ปญฺญตฺตํ อวเสสํ ทุกฺกฎํ วินยทุกฺกฎํฯ เอกาทส สมนุภาสนา นาม ภิกฺขุปาติโมเกฺข จตฺตาโร ยาวตติยกา สงฺฆาทิเสสา อริฎฺฐสิกฺขาปทนฺติ ปญฺจ, ภิกฺขุนีปาติโมเกฺข เอกํ ยาวตติยกปาราชิกํ จตฺตาโร สงฺฆาทิเสสา จณฺฑกาฬีสิกฺขาปทนฺติ ฉฯ

    Hi vuttaṃ. Sattavidhaṃ dhaññanti sāli vīhi yavo kaṅgu kudrūsaṃ varako godhumoti imaṃ sattavidhaṃ dhaññaṃ. Āvudhabhaṇḍādinti ādi-saddena turiyabhaṇḍaitthirūpādiṃ saṅgaṇhāti. Anāmasitabbe vatthumhi dukkaṭaṃ anāmāsadukkaṭaṃ. Durūpaciṇṇadukkaṭanti ‘‘akattabba’’nti vāritassa katattā duṭṭhu upaciṇṇaṃ caritanti durūpaciṇṇaṃ, tasmiṃ dukkaṭaṃ durūpaciṇṇadukkaṭaṃ. Vinaye paññattaṃ avasesaṃ dukkaṭaṃ vinayadukkaṭaṃ. Ekādasa samanubhāsanā nāma bhikkhupātimokkhe cattāro yāvatatiyakā saṅghādisesā ariṭṭhasikkhāpadanti pañca, bhikkhunīpātimokkhe ekaṃ yāvatatiyakapārājikaṃ cattāro saṅghādisesā caṇḍakāḷīsikkhāpadanti cha.

    สหปโยคโต ปฎฺฐาย เจตฺถ ปุริมปุริมา อาปตฺติโย ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ อาห อถ ธุรนิเกฺขปํ อกตฺวาติอาทิฯ ‘‘ธุรนิเกฺขปํ อกตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา ธุรนิเกฺขปํ กตฺวา ปุน ขณนฺตสฺส ปุริมาปตฺติโย น ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ วทนฺติฯ ‘‘เฉทนปจฺจยา ทุกฺกฎํ เทเสตฺวา มุจฺจตี’’ติ วตฺวา ปุพฺพปโยเค อาปตฺตีนํ เทเสตพฺพตาย อวุตฺตตฺตา สหปโยเค ปเตฺต ปุพฺพปโยเค อาปตฺติโย ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Sahapayogato paṭṭhāya cettha purimapurimā āpattiyo paṭippassambhantīti āha atha dhuranikkhepaṃ akatvātiādi. ‘‘Dhuranikkhepaṃ akatvā’’ti vuttattā dhuranikkhepaṃ katvā puna khaṇantassa purimāpattiyo na paṭippassambhantīti vadanti. ‘‘Chedanapaccayā dukkaṭaṃ desetvā muccatī’’ti vatvā pubbapayoge āpattīnaṃ desetabbatāya avuttattā sahapayoge patte pubbapayoge āpattiyo paṭippassambhantīti veditabbaṃ.

    อปรทฺธํ วิรทฺธํ ขลิตนฺติ สพฺพเมตํ ยญฺจ ทุกฺกฎนฺติ เอตฺถ วุตฺตสฺส ทุกฺกฎสฺส ปริยายวจนํ, ยํ มนุโสฺส กเรติอาทิ ปเนตฺถ โอปมฺมนิทสฺสนํฯ สํโยคภาโวติ ทฺวิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตน รสฺสตฺตสฺสาปิ นิมิตฺตํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอกสฺส มูเลติ เอกสฺส สนฺติเกฯ สพฺพตฺถาปิ อามสเน ทุกฺกฎํ, ผนฺทาปเน ถุลฺลจฺจยญฺจ วิสุํ วิสุํ อามสนผนฺทาปนปโยคํ กโรนฺตเสฺสว โหติ, เอกปโยเคน คณฺหนฺตสฺส ปน อุทฺธาเร ปาราชิกเมว, น ทุกฺกฎถุลฺลจฺจยานีติ วทนฺติ, เอกปโยเคน คณฺหนฺตสฺสาปิ อามสนผนฺทาปนานมฺปิ ลพฺภมานตฺตา ตํ น คเหตพฺพํฯ น หิ สกฺกา อนามสิตฺวา อผนฺทาเปตฺวา จ กิญฺจิ คเหตุํฯ ‘‘เอกเมว เทเสตฺวา มุจฺจตี’’ติ ปํสุขณนาทิสมานปโยเคปิ ปุริมา อาปตฺติ อุตฺตรมุตฺตรํ อาปตฺติํ ปตฺวา ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ สญฺญาย กุรุนฺทฎฺฐกถายํ วุตฺตํ, อิตรฎฺฐกถาสุ ปน ขณนปโยคเภเทหิ ปโยเค ปโยเค อาปนฺนา อาปตฺติโย อุตฺตรมุตฺตรํ ปตฺวา น ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติ อญฺญมญฺญํ สทิสตฺตา วิยูหนํ ปตฺวา ตา สพฺพาปิ ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติ วิสทิสปโยคตฺตาติ อิมินา อธิปฺปาเยน ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิธานํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อิมินา หิ อวหารกสฺส อาสนฺนํ โอริมนฺตํ ปรามสติฯ

    Aparaddhaṃ viraddhaṃ khalitanti sabbametaṃ yañca dukkaṭanti ettha vuttassa dukkaṭassa pariyāyavacanaṃ, yaṃ manusso karetiādi panettha opammanidassanaṃ. Saṃyogabhāvoti dvittaṃ sandhāya vuttaṃ, tena rassattassāpi nimittaṃ dassitanti veditabbaṃ. Ekassa mūleti ekassa santike. Sabbatthāpi āmasane dukkaṭaṃ, phandāpane thullaccayañca visuṃ visuṃ āmasanaphandāpanapayogaṃ karontasseva hoti, ekapayogena gaṇhantassa pana uddhāre pārājikameva, na dukkaṭathullaccayānīti vadanti, ekapayogena gaṇhantassāpi āmasanaphandāpanānampi labbhamānattā taṃ na gahetabbaṃ. Na hi sakkā anāmasitvā aphandāpetvā ca kiñci gahetuṃ. ‘‘Ekameva desetvā muccatī’’ti paṃsukhaṇanādisamānapayogepi purimā āpatti uttaramuttaraṃ āpattiṃ patvā paṭippassambhantīti saññāya kurundaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ, itaraṭṭhakathāsu pana khaṇanapayogabhedehi payoge payoge āpannā āpattiyo uttaramuttaraṃ patvā na paṭippassambhanti aññamaññaṃ sadisattā viyūhanaṃ patvā tā sabbāpi paṭippassambhanti visadisapayogattāti iminā adhippāyena paṭippassaddhividhānaṃ vuttanti veditabbaṃ. Iminā hi avahārakassa āsannaṃ orimantaṃ parāmasati.

    ตเตฺถวาติ มุขวฎฺฎิยเมวฯ พุเนฺทนาติ กุมฺภิยา เหฎฺฐิมตเลนฯ เอกฎฺฐาเน ฐิตาย กุมฺภิยา ฐานา จาวนํ ฉหิ อากาเรหิ เวทิตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ เอกฎฺฐาเนติ จ สงฺขลิกพทฺธภาเวน เอกสฺมิํ ปติฎฺฐิโตกาสฎฺฐาเนติ อโตฺถฯ ขาณุกํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ ฐานา จาเวตีติ ขาณุกํ อตฺตโน ปติฎฺฐิตฎฺฐานโต ปญฺจหิ อากาเรหิ ฐานา จาเวติฯ ฉินฺนมเตฺต ปาราชิกนฺติ อวสฺสํ เจ ปตติ, ฉินฺนมเตฺต ปาราชิกํฯ ปริเจฺฉโทติ ปญฺจมาสกาทิครุภาวปริเจฺฉโทฯ อปพฺยูหโนฺตติ ฐิตฎฺฐานโต อปนยนวเสน วิยูหโนฺต ราสิํ กโรโนฺตฯ เอวํ กตฺวาติ ภาชนมุขวฎฺฎิยา กุมฺภิคเตน ภาชนคตสฺส เอกาพทฺธภาวํ วิโยเชตฺวาติ อโตฺถฯ อุปฑฺฒกุมฺภียนฺติ อุปฑฺฒปุณฺณาย กุมฺภิยาฯ วินยธมฺมตาติ อธิกการณาลาเภ วินยวินิจฺฉยธมฺมตาติ อธิปฺปาโยฯ น เกวลเญฺจตฺถ ครุกตาว, สุตฺตานุคมนมฺปิ อตฺถีติ ทเสฺสโนฺต อปิจาติอาทิมาหฯ กเณฺฐน ปน ปริจฺฉินฺนกาเลติ มุขคตํ อโชฺฌหฎกาเลติ อโตฺถฯ อโชฺฌหรณเมว เหตฺถ ปริจฺฉินฺทนํ, น กณฺฐปิทหนํฯ จิกฺกนนฺติ ถทฺธํ, พหลํ ฆนนฺติ อโตฺถฯ

    Tatthevāti mukhavaṭṭiyameva. Bundenāti kumbhiyā heṭṭhimatalena. Ekaṭṭhāne ṭhitāya kumbhiyā ṭhānā cāvanaṃ chahi ākārehi veditabbanti sambandho. Ekaṭṭhāneti ca saṅkhalikabaddhabhāvena ekasmiṃ patiṭṭhitokāsaṭṭhāneti attho. Khāṇukaṃ kesaggamattampi ṭhānā cāvetīti khāṇukaṃ attano patiṭṭhitaṭṭhānato pañcahi ākārehi ṭhānā cāveti. Chinnamatte pārājikanti avassaṃ ce patati, chinnamatte pārājikaṃ. Paricchedoti pañcamāsakādigarubhāvaparicchedo. Apabyūhantoti ṭhitaṭṭhānato apanayanavasena viyūhanto rāsiṃ karonto. Evaṃ katvāti bhājanamukhavaṭṭiyā kumbhigatena bhājanagatassa ekābaddhabhāvaṃ viyojetvāti attho. Upaḍḍhakumbhīyanti upaḍḍhapuṇṇāya kumbhiyā. Vinayadhammatāti adhikakāraṇālābhe vinayavinicchayadhammatāti adhippāyo. Na kevalañcettha garukatāva, suttānugamanampi atthīti dassento apicātiādimāha. Kaṇṭhena pana paricchinnakāleti mukhagataṃ ajjhohaṭakāleti attho. Ajjhoharaṇameva hettha paricchindanaṃ, na kaṇṭhapidahanaṃ. Cikkananti thaddhaṃ, bahalaṃ ghananti attho.

    โยปิ เถยฺยจิเตฺตน ปรสฺส กุมฺภิยา ปาทคฺฆนกํ สปฺปิํ วา เตลํ วา อวสฺสํ ปิวนกํ ยํ กิญฺจิ ทุกูลสาฎกํ วา จมฺมขณฺฑาทีนํ วา อญฺญตรํ ปกฺขิปติ, หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกนฺติ เอตฺถ อวหาโร วีมํสิตโพฺพฯ ยทิ จ ทุกูลาทีสุ สปฺปิเตลานํ ปวิสนํ สนฺธาย ปาราชิกํ ภเวยฺย, ตตฺถ ปวิฎฺฐเตลาทิโน กุมฺภิคเตน เอกาพทฺธตาย น ตาว อวหาโร ภาชนนฺตรํ ปเวเสตฺวา คหณกาเล วิยฯ ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘ภาชนํ ปน นิมุชฺชาเปตฺวา คณฺหนฺตสฺส ยาว เอกาพทฺธํ โหติ, ตาว รกฺขตี’’ติอาทิฯ อถ เตลาทิวินาเสน ปาราชิกํ ภเวยฺย, ตทาปิ ติณชฺฌาปนาทีสุ วิย อวหาโร นตฺถิ, ทุกฺกเฎน สทฺธิํ ภณฺฑเทยฺยเมว โหติ, ตถา จ ปาทคฺฆนกํ เตลาทิํ ปีตํ ทุกูลาทิํ อุทฺธรนฺตสฺสาปิ ปาราชิกํ น สิยา ตตฺถ ปวิฎฺฐสฺส เตลาทิโน วินฎฺฐเฎฺฐน คหณกฺขเณ อวิชฺชมานตฺตา, วิชฺชมานเตฺตน จ อุทฺธาเรเยว ปาราชิกํ วตฺตพฺพํ, น หตฺถโต มุตฺตมเตฺตติฯ สพฺพอฎฺฐกถาสุ จ ทุกูลาทีนํ ปกฺขิปเน หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกสฺส วุตฺตตฺตา น ตํ ปฎิกฺขิปิตุํ สกฺกาฯ อฎฺฐกถาปฺปมาเณน ปเนตํ คเหตพฺพํ, ยุตฺติ ปเนตฺถ ปณฺฑิเตหิ ปุพฺพาปรํ สํสนฺทิตฺวา อุทฺธาเรตพฺพาฯ

    Yopi theyyacittena parassa kumbhiyā pādagghanakaṃ sappiṃ vā telaṃ vā avassaṃ pivanakaṃ yaṃ kiñci dukūlasāṭakaṃ vā cammakhaṇḍādīnaṃ vā aññataraṃ pakkhipati, hatthato muttamatte pārājikanti ettha avahāro vīmaṃsitabbo. Yadi ca dukūlādīsu sappitelānaṃ pavisanaṃ sandhāya pārājikaṃ bhaveyya, tattha paviṭṭhatelādino kumbhigatena ekābaddhatāya na tāva avahāro bhājanantaraṃ pavesetvā gahaṇakāle viya. Tathā hi vuttaṃ – ‘‘bhājanaṃ pana nimujjāpetvā gaṇhantassa yāva ekābaddhaṃ hoti, tāva rakkhatī’’tiādi. Atha telādivināsena pārājikaṃ bhaveyya, tadāpi tiṇajjhāpanādīsu viya avahāro natthi, dukkaṭena saddhiṃ bhaṇḍadeyyameva hoti, tathā ca pādagghanakaṃ telādiṃ pītaṃ dukūlādiṃ uddharantassāpi pārājikaṃ na siyā tattha paviṭṭhassa telādino vinaṭṭhaṭṭhena gahaṇakkhaṇe avijjamānattā, vijjamānattena ca uddhāreyeva pārājikaṃ vattabbaṃ, na hatthato muttamatteti. Sabbaaṭṭhakathāsu ca dukūlādīnaṃ pakkhipane hatthato muttamatte pārājikassa vuttattā na taṃ paṭikkhipituṃ sakkā. Aṭṭhakathāppamāṇena panetaṃ gahetabbaṃ, yutti panettha paṇḍitehi pubbāparaṃ saṃsanditvā uddhāretabbā.

    ปลิพุชฺฌิสฺสตีติ นิวาเรสฺสติฯ วุตฺตนเยน ปาราชิกนฺติ หตฺถโต มุตฺตมเตฺตเยว ปาราชิกํฯ เนว อวหาโร, น คีวาติ อตฺตโน ภาชนตฺตา วุตฺตํ, อนาปตฺติมตฺตเมว วุตฺตํ, น ปน เอวํ วิจาริตนฺติ อธิปฺปาโยฯ พหิคตํ นาม โหตีติ ตโต ปฎฺฐาย เตลสฺส อฎฺฐานโต อโธมุขภาวโต จ พหิคตํ นาม โหติฯ อโนฺต ปฎฺฐาย ฉิเทฺท กริยมาเน เตลสฺส นิกฺขมิตฺวา คตคตฎฺฐานํ ภาชนสงฺขฺยเมว คจฺฉตีติ อาห ‘‘พาหิรนฺตโต ปาทคฺฆนเก คฬิเต ปาราชิก’’นฺติฯ ยถา ตถา วา กตสฺสาติ พาหิรนฺตโต วา อพฺภนฺตรนฺตโต วา ปฎฺฐาย กตสฺสฯ มเชฺฌ ฐเปตฺวา กตฉิเทฺทติ มเชฺฌ โถกํ กปาลํ ฐเปตฺวา ปจฺฉา ตํ ฉินฺทเนฺตน กตฉิเทฺทฯ

    Palibujjhissatīti nivāressati. Vuttanayena pārājikanti hatthato muttamatteyeva pārājikaṃ. Neva avahāro, na gīvāti attano bhājanattā vuttaṃ, anāpattimattameva vuttaṃ, na pana evaṃ vicāritanti adhippāyo. Bahigataṃ nāma hotīti tato paṭṭhāya telassa aṭṭhānato adhomukhabhāvato ca bahigataṃ nāma hoti. Anto paṭṭhāya chidde kariyamāne telassa nikkhamitvā gatagataṭṭhānaṃ bhājanasaṅkhyameva gacchatīti āha ‘‘bāhirantato pādagghanake gaḷite pārājika’’nti. Yathā tathā vā katassāti bāhirantato vā abbhantarantato vā paṭṭhāya katassa. Majjhe ṭhapetvā katachiddeti majjhe thokaṃ kapālaṃ ṭhapetvā pacchā taṃ chindantena katachidde.

    ปตฺถีนสฺส ขาทนํ อิตรสฺส ปานญฺจ สปฺปิอาทีนํ ปริโภโคติ อาห ‘‘อขาทิตพฺพํ วา อปาตพฺพํ วา กโรตี’’ติฯ กสฺมา ปเนตฺถ ทุกฺกฎํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ฐานาจาวนสฺส นตฺถิตาย ทุกฺกฎ’’นฺติฯ ปุริมทฺวยนฺติ เภทนํ ฉฑฺฑนญฺจฯ กุมฺภิชชฺชรกรเณนาติ ปุณฺณกุมฺภิยา ชชฺชรกรเณนฯ มาติกาอุชุกรเณนาติ อุทกปุณฺณาย มาติกาย อุชุกรเณนฯ เอกลกฺขณนฺติ เภทนํ กุมฺภิยา ชชฺชรกรเณน, ฉฑฺฑนํ มาติกาย อุชุกรเณน จ สทฺธิํ เอกสภาวํฯ ปจฺฉิมํ ปน ทฺวยนฺติ ฌาปนํ อปริโภคกรณญฺจฯ เอตฺถ เอวํ วินิจฺฉยํ วทนฺตีติ เอตสฺมิํ มหาอฎฺฐกถายํ วุเตฺต อเตฺถ เอเก อาจริยา เอวํ วินิจฺฉยํ วทนฺติฯ ปจฺฉิมทฺวยํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เอตฺถ ปุริมปททฺวเย วินิจฺฉโย เหฎฺฐา วุตฺตานุสาเรน สกฺกา วิญฺญาตุนฺติ ตตฺถ กิญฺจิ อวตฺวา ปจฺฉิมปททฺวยํ สนฺธาย ‘‘ฐานาจาวนสฺส นตฺถิตาย ทุกฺกฎ’’นฺติ อิทํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย ฯ เถยฺยจิเตฺตนาติ อตฺตโน วา ปรสฺส วา กาตุกามตาวเสน อุปฺปนฺนเถยฺยจิเตฺตนฯ วินาเสตุกามตายาติ หตฺถปาทาทีนิ ฉินฺทโนฺต วิย เกวลํ วินาเสตุกามตายฯ วุตฺตนเยน ภินฺทนฺตสฺส วา ฉเฑฺฑนฺตสฺส วาติ มุคฺคเรน โปเถตฺวา ภินฺทนฺตสฺส วา อุทกํ วา วาลิกํ วา อากิริตฺวา อุตฺตราเปนฺตสฺส วาติ อโตฺถฯ อยุตฺตนฺติ เจติ ปาฬิยํ ปุริมทฺวเยปิ ทุกฺกฎเสฺสว วุตฺตตฺตา ‘‘ปุริมทฺวเย ปาราชิก’’นฺติ อิทํ อยุตฺตนฺติ ยทิ ตุมฺหากํ สิยาติ อโตฺถฯ นาติ อยุตฺตภาวํ นิเสเธตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘อญฺญถา คเหตพฺพตฺถโต’’ติฯ

    Patthīnassa khādanaṃ itarassa pānañca sappiādīnaṃ paribhogoti āha ‘‘akhāditabbaṃ vā apātabbaṃ vā karotī’’ti. Kasmā panettha dukkaṭaṃ vuttanti āha ‘‘ṭhānācāvanassa natthitāya dukkaṭa’’nti. Purimadvayanti bhedanaṃ chaḍḍanañca. Kumbhijajjarakaraṇenāti puṇṇakumbhiyā jajjarakaraṇena. Mātikāujukaraṇenāti udakapuṇṇāya mātikāya ujukaraṇena. Ekalakkhaṇanti bhedanaṃ kumbhiyā jajjarakaraṇena, chaḍḍanaṃ mātikāya ujukaraṇena ca saddhiṃ ekasabhāvaṃ. Pacchimaṃ pana dvayanti jhāpanaṃ aparibhogakaraṇañca. Ettha evaṃ vinicchayaṃ vadantīti etasmiṃ mahāaṭṭhakathāyaṃ vutte atthe eke ācariyā evaṃ vinicchayaṃ vadanti. Pacchimadvayaṃ sandhāya vuttanti ettha purimapadadvaye vinicchayo heṭṭhā vuttānusārena sakkā viññātunti tattha kiñci avatvā pacchimapadadvayaṃ sandhāya ‘‘ṭhānācāvanassa natthitāya dukkaṭa’’nti idaṃ vuttanti adhippāyo . Theyyacittenāti attano vā parassa vā kātukāmatāvasena uppannatheyyacittena. Vināsetukāmatāyāti hatthapādādīni chindanto viya kevalaṃ vināsetukāmatāya. Vuttanayena bhindantassa vā chaḍḍentassa vāti muggarena pothetvā bhindantassa vā udakaṃ vā vālikaṃ vā ākiritvā uttarāpentassa vāti attho. Ayuttanti ceti pāḷiyaṃ purimadvayepi dukkaṭasseva vuttattā ‘‘purimadvaye pārājika’’nti idaṃ ayuttanti yadi tumhākaṃ siyāti attho. ti ayuttabhāvaṃ nisedhetvā tattha kāraṇamāha ‘‘aññathā gahetabbatthato’’ti.

    เอวเมเก วทนฺตีติ เหฎฺฐา วุตฺตสฺส อตฺถนยสฺส อตฺตนา อนภิมตภาวํ ทเสฺสตฺวา สยํ อญฺญถาปิ ปาฬิํ อฎฺฐกถญฺจ สํสนฺทิตฺวา อตฺถํ ทเสฺสตุกาโม อยํ ปเนตฺถ สาโรติอาทิมาหฯ อจาเวตุกาโมวาติ เถยฺยจิเตฺตน ฐานา อจาเวตุกาโมวฯ อฉเฑฺฑตุกาโมเยวาติ เอตฺถาปิ เถยฺยจิเตฺตนาติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อิทญฺหิ เถยฺยจิตฺตปกฺขํ สนฺธาย วุตฺตํ นาเสตุกามตาปกฺขสฺส วกฺขมานตฺตาฯ เตเนวาห นาเสตุกามตาปเกฺข ปนาติอาทิฯ อิตรถาปิ ยุชฺชตีติ เถยฺยจิตฺตาภาวา ฐานา จาเวตุกามสฺสาปิ ทุกฺกฎํ ยุชฺชตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    Evameke vadantīti heṭṭhā vuttassa atthanayassa attanā anabhimatabhāvaṃ dassetvā sayaṃ aññathāpi pāḷiṃ aṭṭhakathañca saṃsanditvā atthaṃ dassetukāmo ayaṃ panettha sārotiādimāha. Acāvetukāmovāti theyyacittena ṭhānā acāvetukāmova. Achaḍḍetukāmoyevāti etthāpi theyyacittenāti sambandhitabbaṃ. Idañhi theyyacittapakkhaṃ sandhāya vuttaṃ nāsetukāmatāpakkhassa vakkhamānattā. Tenevāha nāsetukāmatāpakkhe panātiādi. Itarathāpi yujjatīti theyyacittābhāvā ṭhānā cāvetukāmassāpi dukkaṭaṃ yujjatīti vuttaṃ hoti.

    ภูมฎฺฐกถาวณฺณนานโย นิฎฺฐิโตฯ

    Bhūmaṭṭhakathāvaṇṇanānayo niṭṭhito.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ภูมฎฺฐกถาวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ภูมฎฺฐกถาทิวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact