Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๑๐. ภูมิจาลสุตฺตวณฺณนา

    10. Bhūmicālasuttavaṇṇanā

    ๗๐. ทสเม นิสีทนนฺติ อิธ จมฺมขณฺฑํ อธิเปฺปตํฯ อุเทนํ เจติยนฺติ อุเทนยกฺขสฺส วสนฎฺฐาเน กตวิหาโร วุจฺจติฯ โคตมกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ภาวิตาติ วฑฺฒิตาฯ พหุลีกตาติ ปุนปฺปุนํ กตาฯ ยานีกตาติ ยุตฺตยานํ วิย กตาฯ วตฺถุกตาติ ปติฎฺฐานเฎฺฐน วตฺถุ วิย กตาฯ อนุฎฺฐิตาติ อธิฎฺฐิตาฯ ปริจิตาติ สมนฺตโต จิตา สุวฑฺฒิตาฯ สุสมารทฺธาติ สุฎฺฐุ สมารทฺธาฯ

    70. Dasame nisīdananti idha cammakhaṇḍaṃ adhippetaṃ. Udenaṃ cetiyanti udenayakkhassa vasanaṭṭhāne katavihāro vuccati. Gotamakādīsupi eseva nayo. Bhāvitāti vaḍḍhitā. Bahulīkatāti punappunaṃ katā. Yānīkatāti yuttayānaṃ viya katā. Vatthukatāti patiṭṭhānaṭṭhena vatthu viya katā. Anuṭṭhitāti adhiṭṭhitā. Paricitāti samantato citā suvaḍḍhitā. Susamāraddhāti suṭṭhu samāraddhā.

    อิติ อนิยเมน กเถตฺวา ปุน นิยเมตฺวา ทเสฺสโนฺต ตถาคตสฺส โขติอาทิมาหฯ เอตฺถ กปฺปนฺติ อายุกปฺปํฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ กาเล ยํ มนุสฺสานํ อายุปฺปมาณํ, ตํ ปริปุณฺณํ กโรโนฺต ติเฎฺฐยฺยฯ กปฺปาวเสสํ วาติ ‘‘อปฺปํ วา ภิโยฺย’’ติ วุตฺตวสฺสสตโต อติเรกํ วาฯ มหาสีวเตฺถโร ปนาห – ‘‘พุทฺธานํ อฎฺฐาเน คชฺชิตํ นาม นตฺถิ, ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชิตฺวา มรณนฺติกเวทนํ วิกฺขเมฺภโนฺต ภทฺทกปฺปเมว ติเฎฺฐยฺยฯ กสฺมา ปน น ฐิโตติ? อุปาทินฺนกสรีรํ นาม ขณฺฑิจฺจาทีหิ อภิภุยฺยติ, พุทฺธา จ ขณฺฑิจฺจาทิภาวํ อปฺปตฺวา ปญฺจเม อายุโกฎฺฐาเส พหุชนสฺส ปิยมนาปกาเลเยว ปรินิพฺพายนฺติฯ พุทฺธานุพุเทฺธสุ จ มหาสาวเกสุ ปรินิพฺพุเตสุ เอกเกเนว ขาณุเกน วิย ฐาตพฺพํ โหติ ทหรสามเณรปริวาเรน วา, ตโต ‘อโห พุทฺธานํ ปริสา’ติ หีเฬตพฺพตํ อาปเชฺชยฺยฯ ตสฺมา น ฐิโต’’ติฯ เอวํ วุเตฺตปิ โย ปน วุจฺจติ ‘‘อายุกโปฺป’’ติ, อิทเมว อฎฺฐกถาย นิยามิตํฯ

    Iti aniyamena kathetvā puna niyametvā dassento tathāgatassa khotiādimāha. Ettha kappanti āyukappaṃ. Tasmiṃ tasmiṃ kāle yaṃ manussānaṃ āyuppamāṇaṃ, taṃ paripuṇṇaṃ karonto tiṭṭheyya. Kappāvasesaṃ vāti ‘‘appaṃ vā bhiyyo’’ti vuttavassasatato atirekaṃ vā. Mahāsīvatthero panāha – ‘‘buddhānaṃ aṭṭhāne gajjitaṃ nāma natthi, punappunaṃ samāpajjitvā maraṇantikavedanaṃ vikkhambhento bhaddakappameva tiṭṭheyya. Kasmā pana na ṭhitoti? Upādinnakasarīraṃ nāma khaṇḍiccādīhi abhibhuyyati, buddhā ca khaṇḍiccādibhāvaṃ appatvā pañcame āyukoṭṭhāse bahujanassa piyamanāpakāleyeva parinibbāyanti. Buddhānubuddhesu ca mahāsāvakesu parinibbutesu ekakeneva khāṇukena viya ṭhātabbaṃ hoti daharasāmaṇeraparivārena vā, tato ‘aho buddhānaṃ parisā’ti hīḷetabbataṃ āpajjeyya. Tasmā na ṭhito’’ti. Evaṃ vuttepi yo pana vuccati ‘‘āyukappo’’ti, idameva aṭṭhakathāya niyāmitaṃ.

    ยถา ตํ มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถา มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิโตฺต อโชฺฌตฺถฎจิโตฺต อโญฺญปิ โกจิ ปุถุชฺชโน ปฎิวิชฺฌิตุํ น สกฺกุเณยฺย, เอวเมว นาสกฺขิ ปฎิวิชฺฌิตุนฺติ อโตฺถฯ มาโร หิ ยสฺส สเพฺพน สพฺพํ ทฺวาทส วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, ตสฺส จิตฺตํ ปริยุฎฺฐาติฯ เถรสฺส จ จตฺตาโร วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, เตนสฺส มาโร จิตฺตํ ปริยุฎฺฐาสิฯ โส ปน จิตฺตปริยุฎฺฐานํ กโรโนฺต กิํ กโรตีติ? เภรวํ รูปารมฺมณํ วา ทเสฺสติ, สทฺทารมฺมณํ วา สาเวติฯ ตโต สตฺตา ตํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา สติํ วิสฺสเชฺชตฺวา วิวฎมุขา โหนฺติ, เตสํ มุเขน หตฺถํ ปเวเสตฺวา หทยํ มทฺทติ, ตโต วิสญฺญาว หุตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ เถรสฺส ปเนส มุเข หตฺถํ ปเวเสตุํ กิํ สกฺขิสฺสติ, เภรวารมฺมณํ ปน ทเสฺสสิฯ ตํ ทิสฺวา เถโร นิมิโตฺตภาสํ นปฺปฎิวิชฺฌิฯ ภควา ชานโนฺตเยว กิมตฺถํ ยาว ตติยํ อามเนฺตสีติ? ปรโต ‘‘ติฎฺฐตุ, ภเนฺต ภควา’’ติ ยาจิเต ‘‘ตุเยฺหเวตํ ทุกฺกฎํ, ตุเยฺหเวตํ อปรทฺธ’’นฺติ โทสาโรปเนน โส กตนุกรณตฺถํฯ

    Yathā taṃ mārena pariyuṭṭhitacittoti ettha tanti nipātamattaṃ, yathā mārena pariyuṭṭhitacitto ajjhotthaṭacitto aññopi koci puthujjano paṭivijjhituṃ na sakkuṇeyya, evameva nāsakkhi paṭivijjhitunti attho. Māro hi yassa sabbena sabbaṃ dvādasa vipallāsā appahīnā, tassa cittaṃ pariyuṭṭhāti. Therassa ca cattāro vipallāsā appahīnā, tenassa māro cittaṃ pariyuṭṭhāsi. So pana cittapariyuṭṭhānaṃ karonto kiṃ karotīti? Bheravaṃ rūpārammaṇaṃ vā dasseti, saddārammaṇaṃ vā sāveti. Tato sattā taṃ disvā vā sutvā vā satiṃ vissajjetvā vivaṭamukhā honti, tesaṃ mukhena hatthaṃ pavesetvā hadayaṃ maddati, tato visaññāva hutvā tiṭṭhanti. Therassa panesa mukhe hatthaṃ pavesetuṃ kiṃ sakkhissati, bheravārammaṇaṃ pana dassesi. Taṃ disvā thero nimittobhāsaṃ nappaṭivijjhi. Bhagavā jānantoyeva kimatthaṃ yāva tatiyaṃ āmantesīti? Parato ‘‘tiṭṭhatu, bhante bhagavā’’ti yācite ‘‘tuyhevetaṃ dukkaṭaṃ, tuyhevetaṃ aparaddha’’nti dosāropanena so katanukaraṇatthaṃ.

    มาโร ปาปิมาติ เอตฺถ สเตฺต อนเตฺถ นิโยเชโนฺต มาเรตีติ มาโรฯ ปาปิมาติ ตเสฺสว เววจนํ ฯ โส หิ ปาปธมฺมสมนฺนาคตตฺตา ‘‘ปาปิมา’’ติ วุจฺจติฯ กโณฺห, อนฺตโก, นมุจิ, ปมตฺตพนฺธูติปิ ตเสฺสว นามานิฯ ภาสิตา โข ปเนสาติ อยญฺหิ ภควโต สโมฺพธิปตฺติยา อฎฺฐเม สตฺตาเห โพธิมเณฺฑเยว อาคนฺตฺวา ‘‘ภควา ยทตฺถํ ตุเมฺหหิ ปารมิโย ปูริตา, โส โว อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, ปฎิวิทฺธํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, กิํ เต โลกวิจารเณนา’’ติ วตฺวา ยถา อชฺช, เอวเมว ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภเนฺต ภควา’’ติ ยาจิฯ ภควา จสฺส ‘‘น ตาวาห’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปฎิกฺขิปิฯ ตํ สนฺธาย – ‘‘ภาสิตา โข ปเนสา, ภเนฺต’’ติอาทิมาหฯ

    Māro pāpimāti ettha satte anatthe niyojento māretīti māro. Pāpimāti tasseva vevacanaṃ . So hi pāpadhammasamannāgatattā ‘‘pāpimā’’ti vuccati. Kaṇho, antako, namuci, pamattabandhūtipi tasseva nāmāni. Bhāsitā kho panesāti ayañhi bhagavato sambodhipattiyā aṭṭhame sattāhe bodhimaṇḍeyeva āgantvā ‘‘bhagavā yadatthaṃ tumhehi pāramiyo pūritā, so vo attho anuppatto, paṭividdhaṃ sabbaññutaññāṇaṃ, kiṃ te lokavicāraṇenā’’ti vatvā yathā ajja, evameva ‘‘parinibbātu dāni, bhante bhagavā’’ti yāci. Bhagavā cassa ‘‘na tāvāha’’ntiādīni vatvā paṭikkhipi. Taṃ sandhāya – ‘‘bhāsitā kho panesā, bhante’’tiādimāha.

    ตตฺถ วิยตฺตาติ มคฺควเสน พฺยตฺตา, ตเถว วินีตา, ตถา วิสารทาฯ พหุสฺสุตาติ เตปิฎกวเสน พหุ สุตํ เอเตสนฺติ พหุสฺสุตาฯ ตเมว ธมฺมํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมธราฯ อถ วา ปริยตฺติพหุสฺสุตา เจว ปฎิเวธพหุสฺสุตา จฯ ปริยตฺติปฎิเวธธมฺมานํเยว ธารณโต ธมฺมธราติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปนฺนาติ อริยธมฺมสฺส อนุธมฺมภูตํ วิปสฺสนาธมฺมํ ปฎิปนฺนาฯ สามีจิปฺปฎิปนฺนาติ อนุจฺฉวิกปฎิปทํ ปฎิปนฺนาฯ อนุธมฺมจาริโนติ อนุธมฺมํ จรณสีลาฯ สกํ อาจริยกนฺติ อตฺตโน อาจริยวาทํฯ อาจิกฺขิสฺสนฺตีติอาทีนิ สพฺพานิ อญฺญมญฺญเววจนานิฯ สหธเมฺมนาติ สเหตุเกน สการเณน วจเนนฯ สปฺปาฎิหาริยนฺติ ยาว นิยฺยานิกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสนฺติฯ

    Tattha viyattāti maggavasena byattā, tatheva vinītā, tathā visāradā. Bahussutāti tepiṭakavasena bahu sutaṃ etesanti bahussutā. Tameva dhammaṃ dhārentīti dhammadharā. Atha vā pariyattibahussutā ceva paṭivedhabahussutā ca. Pariyattipaṭivedhadhammānaṃyeva dhāraṇato dhammadharāti evamettha attho daṭṭhabbo. Dhammānudhammappaṭipannāti ariyadhammassa anudhammabhūtaṃ vipassanādhammaṃ paṭipannā. Sāmīcippaṭipannāti anucchavikapaṭipadaṃ paṭipannā. Anudhammacārinoti anudhammaṃ caraṇasīlā. Sakaṃ ācariyakanti attano ācariyavādaṃ. Ācikkhissantītiādīni sabbāni aññamaññavevacanāni. Sahadhammenāti sahetukena sakāraṇena vacanena. Sappāṭihāriyanti yāva niyyānikaṃ katvā dhammaṃ desessanti.

    พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขาตฺตยสงฺคหิตํ สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยํฯ อิทฺธนฺติ สมิทฺธํ ฌานสฺสาทวเสนฯ ผีตนฺติ วุทฺธิปตฺตํ สพฺพปาลิผุลฺลํ วิย อภิญฺญาสมฺปตฺติวเสนฯ วิตฺถาริกนฺติ วิตฺถตํ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ทิสาภาเค ปติฎฺฐิตวเสนฯ พาหุชญฺญนฺติ พหูหิ ญาตํ ปฎิวิทฺธํ มหาชนาภิสมยวเสนฯ ปุถุภูตนฺติ สพฺพากาเรน ปุถุลภาวปฺปตฺตํฯ กถํ? ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิตนฺติ, ยตฺตกา วิญฺญุชาติกา เทวา เจว มนุสฺสา จ อตฺถิ, สเพฺพหิ สุฎฺฐุ ปกาสิตนฺติ อโตฺถฯ อโปฺปสฺสุโกฺกติ นิราลโยฯ ตฺวญฺหิ ปาปิม อฎฺฐมสตฺตาหโต ปฎฺฐาย ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภเนฺต ภควา, ปรินิพฺพาตุ สุคโต’’ติ วิรวโนฺต อาหิณฺฑิตฺถฯ อชฺช ทานิ ปฎฺฐาย วิคตุสฺสาโห โหหิ, มา มยฺหํ ปรินิพฺพานตฺถํ วายามํ กโรหีติ วทติฯ

    Brahmacariyanti sikkhāttayasaṅgahitaṃ sakalaṃ sāsanabrahmacariyaṃ. Iddhanti samiddhaṃ jhānassādavasena. Phītanti vuddhipattaṃ sabbapāliphullaṃ viya abhiññāsampattivasena. Vitthārikanti vitthataṃ tasmiṃ tasmiṃ disābhāge patiṭṭhitavasena. Bāhujaññanti bahūhi ñātaṃ paṭividdhaṃ mahājanābhisamayavasena. Puthubhūtanti sabbākārena puthulabhāvappattaṃ. Kathaṃ? Yāva devamanussehi suppakāsitanti, yattakā viññujātikā devā ceva manussā ca atthi, sabbehi suṭṭhu pakāsitanti attho. Appossukkoti nirālayo. Tvañhi pāpima aṭṭhamasattāhato paṭṭhāya ‘‘parinibbātu dāni, bhante bhagavā, parinibbātu sugato’’ti viravanto āhiṇḍittha. Ajja dāni paṭṭhāya vigatussāho hohi, mā mayhaṃ parinibbānatthaṃ vāyāmaṃ karohīti vadati.

    สโต สมฺปชาโน อายุสงฺขารํ โอสฺสชฺชีติ สติํ สูปฎฺฐิตํ กตฺวา ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อายุสงฺขารํ วิสฺสชฺชิ ปชหิฯ ตตฺถ น ภควา หเตฺถน เลฑฺฑุํ วิย อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ, เตมาสมตฺตเมว ปน ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต ปรํ น สมาปชฺชิสฺสามีติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โอสฺสชี’’ติฯ อุสฺสชีติปิ ปาโฐฯ มหาภูมิจาโลติ มหโนฺต ปถวีกโมฺปฯ ตทา กิร ทสสหสฺสี โลกธาตุ กมฺปิตฺถฯ ภิํสนโกติ ภยชนโกฯ เทวทุนฺทุภิโย จ ผลิํสูติ เทวเภริโย ผลิํสุ, เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชิ, อกาลวิชฺชุลตา นิจฺฉริํสุ, ขณิกวสฺสํ วสฺสีติ วุตฺตํ โหติฯ

    Sato sampajāno āyusaṅkhāraṃ ossajjīti satiṃ sūpaṭṭhitaṃ katvā ñāṇena paricchinditvā āyusaṅkhāraṃ vissajji pajahi. Tattha na bhagavā hatthena leḍḍuṃ viya āyusaṅkhāraṃ ossaji, temāsamattameva pana phalasamāpattiṃ samāpajjitvā tato paraṃ na samāpajjissāmīti cittaṃ uppādesi. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘ossajī’’ti. Ussajītipi pāṭho. Mahābhūmicāloti mahanto pathavīkampo. Tadā kira dasasahassī lokadhātu kampittha. Bhiṃsanakoti bhayajanako. Devadundubhiyo ca phaliṃsūti devabheriyo phaliṃsu, devo sukkhagajjitaṃ gajji, akālavijjulatā nicchariṃsu, khaṇikavassaṃ vassīti vuttaṃ hoti.

    อุทานํ อุทาเนสีติ กสฺมา อุทาเนสิ? โกจิ นาม วเทยฺย ‘‘ภควา ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺธิตฺวา ‘ปรินิพฺพาตุ, ภเนฺต’ติ อุปทฺทุโต ภเยน อายุสงฺขารํ วิสฺสเชฺชสี’’ติ, ตโสฺสกาโส มา โหตุ, ภีตสฺส หิ อุทานํ นาม นตฺถีติ ปีติเวควิสฺสฎฺฐํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Udānaṃ udānesīti kasmā udānesi? Koci nāma vadeyya ‘‘bhagavā pacchato pacchato anubandhitvā ‘parinibbātu, bhante’ti upadduto bhayena āyusaṅkhāraṃ vissajjesī’’ti, tassokāso mā hotu, bhītassa hi udānaṃ nāma natthīti pītivegavissaṭṭhaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ สเพฺพสํ โสณสิงฺคาลาทีนมฺปิ ปจฺจกฺขภาวโต ตุลิตํ ปริจฺฉินฺนนฺติ ตุลํฯ กิํ ตํ? กามาวจรกมฺมํฯ น ตุลํ, น วา ตุลํ สทิสมสฺส อญฺญํ โลกิยํ กมฺมํ อตฺถีติ อตุลํฯ กิํ ตํ? มหคฺคตกมฺมํฯ อถ วา กามาวจรํ รูปาวจรํ ตุลํ, อรูปาวจรํ อตุลํฯ อปฺปวิปากํ วา ตุลํ, พหุวิปากํ อตุลํฯ สมฺภวนฺติ สมฺภวเหตุภูตํ, ราสิการกํ ปิณฺฑการกนฺติ อโตฺถฯ ภวสงฺขารนฺติ ปุนพฺภวสงฺขารณกํฯ อวสฺสชีติ วิสฺสเชฺชสิฯ มุนีติ พุทฺธมุนิฯ อชฺฌตฺตรโตติ นิยกชฺฌตฺตรโตฯ สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาสมาธิวเสน สมาหิโตฯ อภินฺทิ กวจมิวาติ กวจํ วิย อภินฺทิฯ อตฺตสมฺภวนฺติ อตฺตนิ สญฺชาตํ กิเลสํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สวิปากเฎฺฐน สมฺภวํ, ภวาภิสงฺขรณเฎฺฐน ภวสงฺขารนฺติ จ ลทฺธนามํ ตุลาตุลสงฺขาตํ โลกิยกมฺมญฺจ โอสฺสชิ, สงฺคามสีเส มหาโยโธ กวจํ วิย อตฺตสมฺภวํ กิเลสญฺจ อชฺฌตฺตรโต หุตฺวา สมาหิโต หุตฺวา อภินฺทีติฯ

    Tattha sabbesaṃ soṇasiṅgālādīnampi paccakkhabhāvato tulitaṃ paricchinnanti tulaṃ. Kiṃ taṃ? Kāmāvacarakammaṃ. Na tulaṃ, na vā tulaṃ sadisamassa aññaṃ lokiyaṃ kammaṃ atthīti atulaṃ. Kiṃ taṃ? Mahaggatakammaṃ. Atha vā kāmāvacaraṃ rūpāvacaraṃ tulaṃ, arūpāvacaraṃ atulaṃ. Appavipākaṃ vā tulaṃ, bahuvipākaṃ atulaṃ. Sambhavanti sambhavahetubhūtaṃ, rāsikārakaṃ piṇḍakārakanti attho. Bhavasaṅkhāranti punabbhavasaṅkhāraṇakaṃ. Avassajīti vissajjesi. Munīti buddhamuni. Ajjhattaratoti niyakajjhattarato. Samāhitoti upacārappanāsamādhivasena samāhito. Abhindi kavacamivāti kavacaṃ viya abhindi. Attasambhavanti attani sañjātaṃ kilesaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – savipākaṭṭhena sambhavaṃ, bhavābhisaṅkharaṇaṭṭhena bhavasaṅkhāranti ca laddhanāmaṃ tulātulasaṅkhātaṃ lokiyakammañca ossaji, saṅgāmasīse mahāyodho kavacaṃ viya attasambhavaṃ kilesañca ajjhattarato hutvā samāhito hutvā abhindīti.

    อถ วา ตุลนฺติ ตุเลโนฺต ตีเรโนฺตฯ อตุลญฺจ สมฺภวนฺติ นิพฺพานเญฺจว สมฺภวญฺจฯ ภวสงฺขารนฺติ ภวคามิกมฺมํฯ อวสฺสชิ มุนีติ ‘‘ปญฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา, ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ นิโรโธ นิพฺพานํ นิจฺจ’’นฺติอาทินา (ปฎิ. ม. ๓.๓๗-๓๘) นเยน ตุลยโนฺต พุทฺธมุนิ ภเว อาทีนวํ, นิพฺพาเน จ อานิสํสํ ทิสฺวา ตํ ขนฺธานํ มูลภูตํ ภวสงฺขารํ กมฺมํ ‘‘กมฺมกฺขยาย สํวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๑; อ. นิ. ๔.๒๓๒-๒๓๓) เอวํ วุเตฺตน กมฺมกฺขยกเรน อริยมเคฺคน อวสฺสชิฯ กถํ? อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต, อภินฺทิ กวจมิวตฺตสมฺภวํฯ โส หิ วิปสฺสนาวเสน อชฺฌตฺตรโต, สมถวเสน สมาหิโตติ เอวํ ปุพฺพภาคโต ปฎฺฐาย สมถวิปสฺสนาพเลน กวจมิว อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิตํ, อตฺตนิ สมฺภวตฺตา ‘‘อตฺตสมฺภว’’นฺติ ลทฺธนามํ สพฺพกิเลสชาลํ อภินฺทิฯ กิเลสาภาเวน จ กตํ กมฺมํ อปฺปฎิสนฺธิกตฺตา อวสฺสฎฺฐํ นาม โหตีติ เอวํ กิเลสปฺปหาเนน กมฺมํ ปชหิฯ ปหีนกิเลสสฺส จ ภยํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา อภีโตว อายุสงฺขารํ โอสฺสชฺชิ, อภีตภาวญาปนตฺถญฺจ อุทานํ อุทาเนสีติ เวทิตโพฺพฯ

    Atha vā tulanti tulento tīrento. Atulañca sambhavanti nibbānañceva sambhavañca. Bhavasaṅkhāranti bhavagāmikammaṃ. Avassaji munīti ‘‘pañcakkhandhā aniccā, pañcannaṃ khandhānaṃ nirodho nibbānaṃ nicca’’ntiādinā (paṭi. ma. 3.37-38) nayena tulayanto buddhamuni bhave ādīnavaṃ, nibbāne ca ānisaṃsaṃ disvā taṃ khandhānaṃ mūlabhūtaṃ bhavasaṅkhāraṃ kammaṃ ‘‘kammakkhayāya saṃvattatī’’ti (ma. ni. 2.81; a. ni. 4.232-233) evaṃ vuttena kammakkhayakarena ariyamaggena avassaji. Kathaṃ? Ajjhattarato samāhito, abhindi kavacamivattasambhavaṃ. So hi vipassanāvasena ajjhattarato, samathavasena samāhitoti evaṃ pubbabhāgato paṭṭhāya samathavipassanābalena kavacamiva attabhāvaṃ pariyonandhitvā ṭhitaṃ, attani sambhavattā ‘‘attasambhava’’nti laddhanāmaṃ sabbakilesajālaṃ abhindi. Kilesābhāvena ca kataṃ kammaṃ appaṭisandhikattā avassaṭṭhaṃ nāma hotīti evaṃ kilesappahānena kammaṃ pajahi. Pahīnakilesassa ca bhayaṃ nāma natthi, tasmā abhītova āyusaṅkhāraṃ ossajji, abhītabhāvañāpanatthañca udānaṃ udānesīti veditabbo.

    ยํ มหาวาตาติ เยน สมเยน ยสฺมิํ วา สมเย มหาวาตาฯ วายนฺตีติ อุปเกฺขปกวาตา นาม อุฎฺฐหนฺติ, เต วายนฺตา สฎฺฐิสหสฺสาธิกนวโยชนสตสหสฺสพหลํ อุทกสนฺธารกวาตํ อุปจฺฉินฺทนฺติ, ตโต อากาเส อุทกํ ภสฺสติ, ตสฺมิํ ภสฺสเนฺต ปถวี ภสฺสติ, ปุน วาโต อตฺตโน พเลน อโนฺตธมฺมกรเณ วิย อุทกํ อาพนฺธิตฺวา คณฺหาติ, ตโต อุทกํ อุคฺคจฺฉติ, ตสฺมิํ อุคฺคจฺฉเนฺต ปถวี อุคฺคจฺฉติฯ เอวํ อุทกํ กมฺปิตํ ปถวิํ กเมฺปติฯ เอตญฺจ กมฺปนํ ยาวชฺชกาลาปิ โหติเยว, พหุภาเวน ปน โอคจฺฉนุคฺคจฺฉนํ น ปญฺญายติฯ

    Yaṃ mahāvātāti yena samayena yasmiṃ vā samaye mahāvātā. Vāyantīti upakkhepakavātā nāma uṭṭhahanti, te vāyantā saṭṭhisahassādhikanavayojanasatasahassabahalaṃ udakasandhārakavātaṃ upacchindanti, tato ākāse udakaṃ bhassati, tasmiṃ bhassante pathavī bhassati, puna vāto attano balena antodhammakaraṇe viya udakaṃ ābandhitvā gaṇhāti, tato udakaṃ uggacchati, tasmiṃ uggacchante pathavī uggacchati. Evaṃ udakaṃ kampitaṃ pathaviṃ kampeti. Etañca kampanaṃ yāvajjakālāpi hotiyeva, bahubhāvena pana ogacchanuggacchanaṃ na paññāyati.

    มหิทฺธิกา มหานุภาวาติ อิชฺฌนสฺส มหนฺตตาย มหิทฺธิกา, อนุภวิตพฺพสฺส มหนฺตตาย มหานุภาวาฯ ปริตฺตาติ ทุพฺพลาฯ อปฺปมาณาติ พลวาฯ โส อิมํ ปถวิํ กเมฺปตีติ โส อิทฺธิํ นิพฺพเตฺตตฺวา สํเวเชโนฺต มหาโมคฺคลฺลาโน วิย, วีมํสโนฺต วา มหานาคเตฺถรสฺส ภาคิเนโยฺย สงฺฆรกฺขิตสามเณโร วิย ปถวิํ กเมฺปติฯ สงฺกเมฺปตีติ สมนฺตโต กเมฺปติฯ สมฺปกเมฺปตีติ ตเสฺสว เววจนํฯ อิติ อิเมสุ อฎฺฐสุ ปถวิกเมฺปสุ ปฐโม ธาตุโกเปน, ทุติโย อิทฺธานุภาเวน, ตติยจตุตฺถา ปุญฺญเตเชน, ปญฺจโม ญาณเตเชน, ฉโฎฺฐ สาธุการทานวเสน, สตฺตโม การุญฺญสภาเวน, อฎฺฐโม อาโรทเนนฯ มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมเนฺต จ ตโต นิกฺขมเนฺต จ มหาสเตฺต ตสฺส ปุญฺญเตเชน ปถวี อกมฺปิตฺถ, อภิสโมฺพธิยํ ญาณเตชาภิหตา หุตฺวา อกมฺปิตฺถ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน สาธุการภาวสณฺฐิตา สาธุการํ ททมานา อกมฺปิตฺถ, อายุสงฺขารโอสฺสชฺชเน การุญฺญสภาวสณฺฐิตา จิตฺตสโงฺขภํ อสหมานา อกมฺปิตฺถ, ปรินิพฺพาเน อาโรทนเวคตุนฺนา หุตฺวา อกมฺปิตฺถฯ อยํ ปนโตฺถ ปถวิเทวตาย วเสน เวทิตโพฺพฯ มหาภูตปถวิยา ปเนตํ นตฺถิ อเจตนตฺตาฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    Mahiddhikā mahānubhāvāti ijjhanassa mahantatāya mahiddhikā, anubhavitabbassa mahantatāya mahānubhāvā. Parittāti dubbalā. Appamāṇāti balavā. So imaṃ pathaviṃ kampetīti so iddhiṃ nibbattetvā saṃvejento mahāmoggallāno viya, vīmaṃsanto vā mahānāgattherassa bhāgineyyo saṅgharakkhitasāmaṇero viya pathaviṃ kampeti. Saṅkampetīti samantato kampeti. Sampakampetīti tasseva vevacanaṃ. Iti imesu aṭṭhasu pathavikampesu paṭhamo dhātukopena, dutiyo iddhānubhāvena, tatiyacatutthā puññatejena, pañcamo ñāṇatejena, chaṭṭho sādhukāradānavasena, sattamo kāruññasabhāvena, aṭṭhamo ārodanena. Mātukucchiṃ okkamante ca tato nikkhamante ca mahāsatte tassa puññatejena pathavī akampittha, abhisambodhiyaṃ ñāṇatejābhihatā hutvā akampittha, dhammacakkappavattane sādhukārabhāvasaṇṭhitā sādhukāraṃ dadamānā akampittha, āyusaṅkhāraossajjane kāruññasabhāvasaṇṭhitā cittasaṅkhobhaṃ asahamānā akampittha, parinibbāne ārodanavegatunnā hutvā akampittha. Ayaṃ panattho pathavidevatāya vasena veditabbo. Mahābhūtapathaviyā panetaṃ natthi acetanattā. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.

    ภูมิจาลวโคฺค สตฺตโมฯ

    Bhūmicālavaggo sattamo.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. ภูมิจาลสุตฺตํ • 10. Bhūmicālasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๐. ภูมิจาลสุตฺตวณฺณนา • 10. Bhūmicālasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact