Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๑๐. ภูมิจาลสุตฺตวณฺณนา
10. Bhūmicālasuttavaṇṇanā
๗๐. ทสเม (ที. นิ. ฎี. ๒.๑๖๗; สํ. นิ. ฎี. ๒.๕.๘๒๒) อุเทนยกฺขสฺส เจติยฎฺฐาเนติ อุเทนสฺส นาม ยกฺขสฺส อายตนภาเวน อิฎฺฐกาหิ กเต มหาชนสฺส จิตฺตีกตฎฺฐาเนฯ กตวิหาโรติ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กตวิหาโรฯ วุจฺจตีติ ปุริมโวหาเรน ‘‘อุเทนํ เจติย’’นฺติ วุจฺจติฯ โคตมกาทีสุปีติ ‘‘โคตมกํ เจติย’’นฺติอาทีสุปิฯ เอเสว นโยติ เจติยฎฺฐาเน กตวิหารภาวํ อติทิสติฯ ตถา หิ สตฺตมฺพนฺติ กิกิสฺส รโญฺญ ธีตโร สตฺต กุมาริโย สํเวคชาตา เคหโต นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ ปธานํ ปทหิํสุ, ตํ ฐานํ ‘‘สตฺตมฺพํ เจติย’’นฺติ วทนฺติฯ พหุปุตฺตกนฺติ จ พหุปาโรโห เอโก นิโคฺรธรุโกฺข, ตสฺมิํ อธิวตฺถํ เทวตํ พหู มนุสฺสา ปุเตฺต ปเตฺถนฺติ, ตทุปาทาย ตํ ฐานํ ‘‘พหุปุตฺตกํ เจติย’’นฺติ ปญฺญายิตฺถฯ สารนฺททสฺส นาม ยกฺขสฺส วสิตฎฺฐานํ, จาปาลสฺส นาม ยกฺขสฺส วสิตฎฺฐานํ, อิติ สพฺพาเนเวตานิ พุทฺธุปฺปาทโต ปุพฺพเทวตา ปริคฺคเหตฺวา เจติยโวหาเรน โวหริตานิ, ภควโต วิหาเร กเตปิ ตเถว สญฺชานนฺติฯ รมณียาติ เอตฺถ เวสาลิยา ตาว ภูมิภาคสมฺปตฺติยา สุลภปิณฺฑตาย รมณียภาโว เวทิตโพฺพฯ วิหารานํ ปน นครโต นาติทูรตาย นจฺจาสนฺนตาย คมนาคมนสมฺปตฺติยา อนากิณฺณวิหารฎฺฐานตาย ฉายุทกสมฺปตฺติยา ปวิเวกปติรูปตาย จ รมณียตา ทฎฺฐพฺพาฯ
70. Dasame (dī. ni. ṭī. 2.167; saṃ. ni. ṭī. 2.5.822) udenayakkhassa cetiyaṭṭhāneti udenassa nāma yakkhassa āyatanabhāvena iṭṭhakāhi kate mahājanassa cittīkataṭṭhāne. Katavihāroti bhagavantaṃ uddissa katavihāro. Vuccatīti purimavohārena ‘‘udenaṃ cetiya’’nti vuccati. Gotamakādīsupīti ‘‘gotamakaṃ cetiya’’ntiādīsupi. Eseva nayoti cetiyaṭṭhāne katavihārabhāvaṃ atidisati. Tathā hi sattambanti kikissa rañño dhītaro satta kumāriyo saṃvegajātā gehato nikkhamitvā tattha padhānaṃ padahiṃsu, taṃ ṭhānaṃ ‘‘sattambaṃ cetiya’’nti vadanti. Bahuputtakanti ca bahupāroho eko nigrodharukkho, tasmiṃ adhivatthaṃ devataṃ bahū manussā putte patthenti, tadupādāya taṃ ṭhānaṃ ‘‘bahuputtakaṃ cetiya’’nti paññāyittha. Sārandadassa nāma yakkhassa vasitaṭṭhānaṃ, cāpālassa nāma yakkhassa vasitaṭṭhānaṃ, iti sabbānevetāni buddhuppādato pubbadevatā pariggahetvā cetiyavohārena voharitāni, bhagavato vihāre katepi tatheva sañjānanti. Ramaṇīyāti ettha vesāliyā tāva bhūmibhāgasampattiyā sulabhapiṇḍatāya ramaṇīyabhāvo veditabbo. Vihārānaṃ pana nagarato nātidūratāya naccāsannatāya gamanāgamanasampattiyā anākiṇṇavihāraṭṭhānatāya chāyudakasampattiyā pavivekapatirūpatāya ca ramaṇīyatā daṭṭhabbā.
วฑฺฒิตาติ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริพฺรูหิตาฯ ปุนปฺปุนํ กตาติ ภาวนาย พหุลีกรเณน อปราปรํ ปวตฺติตาฯ ยุตฺตยานํ วิย กตาติ ยถา ยุตฺตมาชญฺญยานํ เฉเกน สารถินา อธิฎฺฐิตํ ยถารุจิ ปวตฺตติ, เอวํ ยถารุจิ ปวตฺติรหตํ คมิตาฯ ปติฎฺฐานเฎฺฐนาติ อธิฎฺฐานเฎฺฐนฯ วตฺถุ วิย กตาติ สพฺพโส อุปกฺกิเลสวิโสธเนน อิทฺธิวิสยตาย ปติฎฺฐานภาวโต สุวิโสธิตปริสฺสยวตฺถุ วิย กตาฯ อธิฎฺฐิตาติ ปฎิปกฺขทูรีภาวโต สุภาวิตภาเวน ตํตํอธิฎฺฐานโยคฺยตาย ฐปิตาฯ สมนฺตโต จิตาติ สพฺพภาเคน ภาวนุปจยํ คมิตาฯ เตนาห ‘‘สุวฑฺฒิตา’’ติฯ สุฎฺฐุ สมารทฺธาติ อิทฺธิภาวนาย สิขาปฺปตฺติยา สมฺมเทว สํเสวิตาฯ
Vaḍḍhitāti bhāvanāpāripūrivasena paribrūhitā. Punappunaṃ katāti bhāvanāya bahulīkaraṇena aparāparaṃ pavattitā. Yuttayānaṃ viya katāti yathā yuttamājaññayānaṃ chekena sārathinā adhiṭṭhitaṃ yathāruci pavattati, evaṃ yathāruci pavattirahataṃ gamitā. Patiṭṭhānaṭṭhenāti adhiṭṭhānaṭṭhena. Vatthu viya katāti sabbaso upakkilesavisodhanena iddhivisayatāya patiṭṭhānabhāvato suvisodhitaparissayavatthu viya katā. Adhiṭṭhitāti paṭipakkhadūrībhāvato subhāvitabhāvena taṃtaṃadhiṭṭhānayogyatāya ṭhapitā. Samantato citāti sabbabhāgena bhāvanupacayaṃ gamitā. Tenāha ‘‘suvaḍḍhitā’’ti. Suṭṭhu samāraddhāti iddhibhāvanāya sikhāppattiyā sammadeva saṃsevitā.
อนิยเมนาติ ‘‘ยสฺส กสฺสจี’’ติ อนิยมวจเนนฯ นิยเมตฺวาติ ‘‘ตถาคตสฺสา’’ติ สรูปทสฺสเนน นิยเมตฺวาฯ อายุปฺปมาณนฺติ (ที. นิ. ฎี. ๑.๔๐; ที. นิ. อภิ. ฎี. ๑.๔๐) ปรมายุปฺปมาณํ วทติฯ กิํ ปเนตฺถ ปรมายุ นาม, กถํ วา ตํ ปริจฺฉินฺนปฺปมาณนฺติ? วุจฺจเต – โย เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ภววิเสเส ปุริมสิทฺธภวปตฺถนูปนิสฺสยวเสน สรีราวยววณฺณสณฺฐานปฺปมาณาทิวิเสสา วิย ตํตํคตินิกายาทีสุ เยภุเยฺยน นิยตปริเจฺฉโท คพฺภเสยฺยกกามาวจรเทวรูปาวจรสตฺตานํ สุกฺกโสณิตอุตุโภชนาทิอุตุอาทิปจฺจุปฺปนฺนปจฺจยูปตฺถมฺภิโต วิปากปฺปพนฺธสฺส ฐิติกาลนิยโมฯ โส ยถาสกํ ขณมตฺตาวฎฺฐายีนมฺปิ อตฺตโน สหชาตานํ รูปารูปธมฺมานํ ฐปนาการวุตฺติตาย ปวตฺตนกานิ รูปารูปชีวิตินฺทฺริยานิ ยสฺมา น เกวลํ เตสํ ขณฐิติยา เอว การณภาเวน อนุปาลกานิ, อถ โข ยาว ภวงฺคุปเจฺฉทา อนุปพนฺธสฺส อวิเจฺฉทเหตุภาเวนปิ, ตสฺมา อายุเหตุกตฺตา การณูปจาเรน อายุ, อุกฺกํสปริเจฺฉทวเสน ปรมายูติ จ วุจฺจติฯ ตํ ปน เทวานํ เนรยิกานํ อุตฺตรกุรุกานญฺจ นิยตปริเจฺฉทํฯ อุตฺตรกุรุกานํ ปน เอกนฺตนิยตปริเจฺฉทเมว, อวสิฎฺฐมนุสฺสเปตติรจฺฉานานํ ปน จิรฎฺฐิติสํวตฺตนิกกมฺมพหุเล กาเล ตํกมฺมสหิตสนฺตานชนิตสุกฺกโสณิตปจฺจยานํ ตํมูลกานญฺจ จนฺทสูริยสมวิสมปริวตฺตนาทิชนิตอุตุอาหาราทิสมวิสมปจฺจยานญฺจ วเสน จิราจิรกาลโต อนิยตปริเจฺฉทํ, ตสฺส จ ยถา ปุริมสิทฺธภวปตฺถนาวเสน ตํตํคตินิกายาทีสุ วณฺณสณฺฐานาทิวิเสสนิยโม สิโทฺธ ทสฺสนานุสฺสวาทีหิ, ตถา อาทิโต คหณสิทฺธิยาฯ เอวํ ตาสุ ตาสุ อุปปตฺตีสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ เยภุเยฺยน สมปฺปมาณฎฺฐิติกาลํ ทสฺสนานุสฺสเวหิ ลภิตฺวา ตํปรมตํ อโชฺฌสาย ปวตฺติตภวปตฺถนาวเสน อาทิโต ปริเจฺฉทนิยโม เวทิตโพฺพฯ ยสฺมา ปน กมฺมํ ตาสุ ตาสุ อุปปตฺตีสุ ยถา ตํตํอุปปตฺตินิยตวณฺณาทินิพฺพตฺตเน สมตฺถํ, เอวํ นิยตายุปริเจฺฉทาสุ อุปปตฺตีสุ ปริเจฺฉทาติกฺกเมน วิปากนิพฺพตฺตเน สมตฺถํ น โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตสฺมิํ ตสฺมิํ กาเล ยํ มนุสฺสานํ อายุปฺปมาณํ, ตํ ปริปุณฺณํ กโรโนฺต ติเฎฺฐยฺยา’’ติฯ
Aniyamenāti ‘‘yassa kassacī’’ti aniyamavacanena. Niyametvāti ‘‘tathāgatassā’’ti sarūpadassanena niyametvā. Āyuppamāṇanti (dī. ni. ṭī. 1.40; dī. ni. abhi. ṭī. 1.40) paramāyuppamāṇaṃ vadati. Kiṃ panettha paramāyu nāma, kathaṃ vā taṃ paricchinnappamāṇanti? Vuccate – yo tesaṃ tesaṃ sattānaṃ tasmiṃ tasmiṃ bhavavisese purimasiddhabhavapatthanūpanissayavasena sarīrāvayavavaṇṇasaṇṭhānappamāṇādivisesā viya taṃtaṃgatinikāyādīsu yebhuyyena niyataparicchedo gabbhaseyyakakāmāvacaradevarūpāvacarasattānaṃ sukkasoṇitautubhojanādiutuādipaccuppannapaccayūpatthambhito vipākappabandhassa ṭhitikālaniyamo. So yathāsakaṃ khaṇamattāvaṭṭhāyīnampi attano sahajātānaṃ rūpārūpadhammānaṃ ṭhapanākāravuttitāya pavattanakāni rūpārūpajīvitindriyāni yasmā na kevalaṃ tesaṃ khaṇaṭhitiyā eva kāraṇabhāvena anupālakāni, atha kho yāva bhavaṅgupacchedā anupabandhassa avicchedahetubhāvenapi, tasmā āyuhetukattā kāraṇūpacārena āyu, ukkaṃsaparicchedavasena paramāyūti ca vuccati. Taṃ pana devānaṃ nerayikānaṃ uttarakurukānañca niyataparicchedaṃ. Uttarakurukānaṃ pana ekantaniyataparicchedameva, avasiṭṭhamanussapetatiracchānānaṃ pana ciraṭṭhitisaṃvattanikakammabahule kāle taṃkammasahitasantānajanitasukkasoṇitapaccayānaṃ taṃmūlakānañca candasūriyasamavisamaparivattanādijanitautuāhārādisamavisamapaccayānañca vasena cirācirakālato aniyataparicchedaṃ, tassa ca yathā purimasiddhabhavapatthanāvasena taṃtaṃgatinikāyādīsu vaṇṇasaṇṭhānādivisesaniyamo siddho dassanānussavādīhi, tathā ādito gahaṇasiddhiyā. Evaṃ tāsu tāsu upapattīsu nibbattasattānaṃ yebhuyyena samappamāṇaṭṭhitikālaṃ dassanānussavehi labhitvā taṃparamataṃ ajjhosāya pavattitabhavapatthanāvasena ādito paricchedaniyamo veditabbo. Yasmā pana kammaṃ tāsu tāsu upapattīsu yathā taṃtaṃupapattiniyatavaṇṇādinibbattane samatthaṃ, evaṃ niyatāyuparicchedāsu upapattīsu paricchedātikkamena vipākanibbattane samatthaṃ na hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘tasmiṃ tasmiṃ kāle yaṃ manussānaṃ āyuppamāṇaṃ, taṃ paripuṇṇaṃ karonto tiṭṭheyyā’’ti.
มหาสีวเตฺถโร ปน ‘‘มหาโพธิสตฺตานํ จริมภเว ปฎิสนฺธิทายิโน กมฺมสฺส อสเงฺขฺยยฺยายุกตาสํวตฺตนสมตฺถตํ หทเย ฐเปตฺวา พุทฺธานญฺจ อายุสงฺขารสฺส ปริสฺสยวิกฺขมฺภนสมตฺถตา ปาฬิยํ อาคตา เอวาติ อิมํ ภทฺทกปฺปเมว ติเฎฺฐยฺยา’’ติ อโวจฯ ขณฺฑิจฺจาทีหิ อภิภุยฺยตีติ เอเตน ยถา อิทฺธิพเลน ชราย น ปฎิฆาโต, เอวํ เตน มรณสฺสปิ น ปฎิฆาโตติ อตฺถโต อาปนฺนเมวาติฯ ‘‘กฺว สโร ขิโตฺต, กฺว จ นิปติโต’’ติ อญฺญถา วุฎฺฐิเตนปิ เถรวาเทน อฎฺฐกถาวจนเมว สมตฺถิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘โย ปน วุจฺจติ…เป.… นิยามิต’’นฺติฯ
Mahāsīvatthero pana ‘‘mahābodhisattānaṃ carimabhave paṭisandhidāyino kammassa asaṅkhyeyyāyukatāsaṃvattanasamatthataṃ hadaye ṭhapetvā buddhānañca āyusaṅkhārassa parissayavikkhambhanasamatthatā pāḷiyaṃ āgatā evāti imaṃ bhaddakappameva tiṭṭheyyā’’ti avoca. Khaṇḍiccādīhi abhibhuyyatīti etena yathā iddhibalena jarāya na paṭighāto, evaṃ tena maraṇassapi na paṭighātoti atthato āpannamevāti. ‘‘Kva saro khitto, kva ca nipatito’’ti aññathā vuṭṭhitenapi theravādena aṭṭhakathāvacanameva samatthitanti daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘yo pana vuccati…pe… niyāmita’’nti.
โอฬาริเก นิมิเตฺตติ ถูเล สญฺญุปฺปาทเนฯ ถูลสญฺญุปฺปาทนเญฺหตํ ‘‘ติฎฺฐตุ ภควา กปฺป’’นฺติ สกลํ กปฺปํ อวฎฺฐานยาจนาย, ยทิทํ ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา’’ติอาทินา อญฺญาปเทเสน อตฺตโน จตุริทฺธิปาทภาวนานุภาเวน กปฺปํ อวฎฺฐานสมตฺถตาวิภาวนํฯ โอภาเสติ ปากฎวจเนฯ ปากฎวจนเญฺหตํ, ยทิทํ ปริยายํ มุญฺจิตฺวา อุชุกเมว อตฺตโน อธิปฺปายวิภาวนํฯ ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตติ ยถา กิญฺจิ อตฺถานตฺถํ สลฺลเกฺขตุํ น สกฺกา, เอวํ อภิภูตจิโตฺตฯ โส ปน อภิภโว มหตา อุทโกเฆน อปฺปกสฺส อุทกสฺส อโชฺฌตฺถรณํ วิย อโหสีติ วุตฺตํ ‘‘อโชฺฌตฺถฎจิโตฺต’’ติฯ อโญฺญติ เถรโต, อริเยหิ วา อโญฺญปิ โย โกจิ ปุถุชฺชโนฯ ปุถุชฺชนคฺคหณเญฺจตฺถ ยถา สเพฺพน สพฺพํ อปฺปหีนวิปลฺลาโส มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิโตฺต กิญฺจิ อตฺถานตฺถํ สลฺลเกฺขตุํ น สโกฺกติ, เอวํ เถโร ภควตา กตนิมิโตฺตภาสํ สพฺพโส น สลฺลเกฺขสีติ ทสฺสนตฺถํฯ เตนาห ‘‘มาโร หี’’ติอาทิฯ
Oḷārike nimitteti thūle saññuppādane. Thūlasaññuppādanañhetaṃ ‘‘tiṭṭhatu bhagavā kappa’’nti sakalaṃ kappaṃ avaṭṭhānayācanāya, yadidaṃ ‘‘yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā’’tiādinā aññāpadesena attano caturiddhipādabhāvanānubhāvena kappaṃ avaṭṭhānasamatthatāvibhāvanaṃ. Obhāseti pākaṭavacane. Pākaṭavacanañhetaṃ, yadidaṃ pariyāyaṃ muñcitvā ujukameva attano adhippāyavibhāvanaṃ. Pariyuṭṭhitacittoti yathā kiñci atthānatthaṃ sallakkhetuṃ na sakkā, evaṃ abhibhūtacitto. So pana abhibhavo mahatā udakoghena appakassa udakassa ajjhottharaṇaṃ viya ahosīti vuttaṃ ‘‘ajjhotthaṭacitto’’ti. Aññoti therato, ariyehi vā aññopi yo koci puthujjano. Puthujjanaggahaṇañcettha yathā sabbena sabbaṃ appahīnavipallāso mārena pariyuṭṭhitacitto kiñci atthānatthaṃ sallakkhetuṃ na sakkoti, evaṃ thero bhagavatā katanimittobhāsaṃ sabbaso na sallakkhesīti dassanatthaṃ. Tenāha ‘‘māro hī’’tiādi.
จตฺตาโร วิปลฺลาสาติ อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ สญฺญาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโส, ทุเกฺข ‘‘สุข’’นฺติ สญฺญาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโสติ อิเม จตฺตาโร วิปลฺลาสาฯ เตนาติ ยทิปิ อิตเร อฎฺฐ วิปลฺลาสา ปหีนา, ตถาปิ ยถาวุตฺตานํ จตุนฺนํ วิปลฺลาสานํ อปฺปหีนภาเวนฯ อสฺสาติ เถรสฺสฯ มทฺทตีติ ผุสนมเตฺตน มทฺทโนฺต วิย โหติ, อญฺญถา เตน มทฺทิเต สตฺตานํ มรณเมว สิยาฯ กิํ สกฺขิสฺสติ, น สกฺขิสฺสตีติ อธิปฺปาโยฯ กสฺมา น สกฺขิสฺสติ, นนุ เอส อคฺคสาวกสฺส กุจฺฉิํ ปวิโฎฺฐติ? สจฺจํ ปวิโฎฺฐ, ตญฺจ โข อตฺตโน อานุภาวทสฺสนตฺถํ, น วิพาธนาธิปฺปาเยนฯ วิพาธนาธิปฺปาเยน ปน อิธ ‘‘กิํ สกฺขิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ หทยมทฺทนสฺส อธิกตตฺตาฯ นิมิโตฺตภาสนฺติ เอตฺถ ‘‘ติฎฺฐตุ ภควา กปฺป’’นฺติ สกลกปฺปํ อวฎฺฐานยาจนาย ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา’’ติอาทินา อญฺญาปเทเสน อตฺตโน จตุริทฺธิปาทภาวนานุภาเวน กปฺปํ อวฎฺฐานสมตฺถตาวเสน สญฺญุปฺปาทนํ นิมิตฺตํฯ ตถา ปน ปริยายํ มุญฺจิตฺวา อุชุกเมว อตฺตโน อธิปฺปายวิภาวนํ โอภาโสฯ ชานโนฺตเยวาติ มาเรน ปริยุฎฺฐิตภาวํ ชานโนฺตเยวฯ อตฺตโน อปราธเหตุโต สตฺตานํ โสโก ตนุโก โหติ, น พลวาติ อาห ‘‘โทสาโรปเนน โสกตนุกรณตฺถ’’นฺติฯ กิํ ปน เถโร มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิตฺตกาเล ปวตฺติํ ปจฺฉา ชานาตีติ? น ชานาติ สภาเวน, พุทฺธานุภาเวน ปน ชานาติฯ
Cattārovipallāsāti asubhe ‘‘subha’’nti saññāvipallāso, cittavipallāso, dukkhe ‘‘sukha’’nti saññāvipallāso, cittavipallāsoti ime cattāro vipallāsā. Tenāti yadipi itare aṭṭha vipallāsā pahīnā, tathāpi yathāvuttānaṃ catunnaṃ vipallāsānaṃ appahīnabhāvena. Assāti therassa. Maddatīti phusanamattena maddanto viya hoti, aññathā tena maddite sattānaṃ maraṇameva siyā. Kiṃ sakkhissati, na sakkhissatīti adhippāyo. Kasmā na sakkhissati, nanu esa aggasāvakassa kucchiṃ paviṭṭhoti? Saccaṃ paviṭṭho, tañca kho attano ānubhāvadassanatthaṃ, na vibādhanādhippāyena. Vibādhanādhippāyena pana idha ‘‘kiṃ sakkhissatī’’ti vuttaṃ hadayamaddanassa adhikatattā. Nimittobhāsanti ettha ‘‘tiṭṭhatu bhagavā kappa’’nti sakalakappaṃ avaṭṭhānayācanāya ‘‘yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā’’tiādinā aññāpadesena attano caturiddhipādabhāvanānubhāvena kappaṃ avaṭṭhānasamatthatāvasena saññuppādanaṃ nimittaṃ. Tathā pana pariyāyaṃ muñcitvā ujukameva attano adhippāyavibhāvanaṃ obhāso. Jānantoyevāti mārena pariyuṭṭhitabhāvaṃ jānantoyeva. Attano aparādhahetuto sattānaṃ soko tanuko hoti, na balavāti āha ‘‘dosāropanena sokatanukaraṇattha’’nti. Kiṃ pana thero mārena pariyuṭṭhitacittakāle pavattiṃ pacchā jānātīti? Na jānāti sabhāvena, buddhānubhāvena pana jānāti.
คจฺฉ ตฺวํ, อานนฺทาติ ยสฺมา ทิวาวิหารตฺถาย อิธาคโต, ตสฺมา, อานนฺท, คจฺฉ ตฺวํ ยถารุจิตฎฺฐานํ ทิวาวิหารายฯ เตนาห ‘‘ยสฺสทานิ กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อนเตฺถ นิโยเชโนฺต คุณมารเณน มาเรติ, วิราควิพนฺธเนน วา ชาตินิมิตฺตตาย ตตฺถ ตตฺถ ชาตํ มาเรโนฺต วิย โหตีติ ‘‘มาเรตีติ มาโร’’ติ วุตฺตํฯ อติ วิย ปาปตาย ปาปิมาฯ กณฺหธเมฺมหิ สมนฺนาคโต กโณฺหฯ วิราคาทิคุณานํ อนฺตกรณโต อนฺตโกฯ สตฺตานํ อนตฺถาวหํ ปฎิปตฺติํ น มุญฺจตีติ นมุจิฯ อตฺตโน มารปาเสน ปมเตฺต พนฺธติ, ปมตฺตา วา พนฺธู เอตสฺสาติ ปมตฺตพนฺธุฯ สตฺตมสตฺตาหโต ปรํ สตฺต อหานิ สนฺธายาห ‘‘อฎฺฐเม สตฺตาเห’’ติ น ปน ปลฺลงฺกสตฺตาหาทิ วิย นิยตกิจฺจสฺส อฎฺฐมสตฺตาหสฺส นาม ลพฺภนโตฯ สตฺตมสตฺตาหสฺส หิ ปรโต อชปาลนิโคฺรธมูเล มหาพฺรหฺมุโน สกฺกสฺส จ เทวรโญฺญ ปฎิญฺญาตธมฺมเทสนํ ภควนฺตํ ญตฺวา ‘‘อิทานิ สเตฺต ธมฺมเทสนาย มม วิสยํ สมติกฺกมาเปสฺสตี’’ติ สญฺชาตโทมนโสฺส หุตฺวา ฐิโต จิเนฺตสิ – ‘‘หนฺท ทานาหํ นํ อุปาเยน ปรินิพฺพาเปสฺสามิ, เอวมสฺส มโนรโถ อญฺญถตฺตํ คมิสฺสติ, มม จ มโนรโถ อิชฺฌิสฺสตี’’ติฯ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ ฐิโต ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภเนฺต, ภควา’’ติอาทินา ปรินิพฺพานํ ยาจิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อฎฺฐเม สตฺตาเห’’ติอาทิฯ ตตฺถ อชฺชาติ อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนทิวสํ สนฺธายาหฯ ภควา จสฺส อติพนฺธนาธิปฺปายํ ชานโนฺตปิ ตํ อนาวิกตฺวา ปรินิพฺพานสฺส อกาลภาวเมว ปกาเสโนฺต ยาจนํ ปฎิกฺขิปิฯ เตนาห ‘‘น ตาวาห’’นฺติอาทิฯ
Gaccha tvaṃ, ānandāti yasmā divāvihāratthāya idhāgato, tasmā, ānanda, gaccha tvaṃ yathārucitaṭṭhānaṃ divāvihārāya. Tenāha ‘‘yassadāni kālaṃ maññasī’’ti. Anatthe niyojento guṇamāraṇena māreti, virāgavibandhanena vā jātinimittatāya tattha tattha jātaṃ mārento viya hotīti ‘‘māretīti māro’’ti vuttaṃ. Ati viya pāpatāya pāpimā. Kaṇhadhammehi samannāgato kaṇho. Virāgādiguṇānaṃ antakaraṇato antako. Sattānaṃ anatthāvahaṃ paṭipattiṃ na muñcatīti namuci. Attano mārapāsena pamatte bandhati, pamattā vā bandhū etassāti pamattabandhu. Sattamasattāhato paraṃ satta ahāni sandhāyāha ‘‘aṭṭhame sattāhe’’ti na pana pallaṅkasattāhādi viya niyatakiccassa aṭṭhamasattāhassa nāma labbhanato. Sattamasattāhassa hi parato ajapālanigrodhamūle mahābrahmuno sakkassa ca devarañño paṭiññātadhammadesanaṃ bhagavantaṃ ñatvā ‘‘idāni satte dhammadesanāya mama visayaṃ samatikkamāpessatī’’ti sañjātadomanasso hutvā ṭhito cintesi – ‘‘handa dānāhaṃ naṃ upāyena parinibbāpessāmi, evamassa manoratho aññathattaṃ gamissati, mama ca manoratho ijjhissatī’’ti. Evaṃ pana cintetvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā ekamantaṃ ṭhito ‘‘parinibbātu dāni, bhante, bhagavā’’tiādinā parinibbānaṃ yāci. Taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘aṭṭhame sattāhe’’tiādi. Tattha ajjāti āyusaṅkhārossajjanadivasaṃ sandhāyāha. Bhagavā cassa atibandhanādhippāyaṃ jānantopi taṃ anāvikatvā parinibbānassa akālabhāvameva pakāsento yācanaṃ paṭikkhipi. Tenāha ‘‘na tāvāha’’ntiādi.
มคฺควเสน พฺยตฺตาติ สจฺจสมฺปฎิเวธเวยฺยตฺติเยน พฺยตฺตาฯ ตเถว วินีตาติ มคฺควเสเนว กิเลสานํ สมุเจฺฉทวินเยน วินีตาฯ ตถา วิสารทาติ อริยมคฺคาธิคเมเนว สตฺถุสาสเน เวสารชฺชปฺปตฺติยา วิสารทา, สารชฺชกรานํ ทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาทิปาปธมฺมานํ วิคเมน วิสารทภาวํ ปตฺตาติ อโตฺถฯ ยสฺส สุตสฺส วเสน วฎฺฎทุกฺขโต นิสฺสรณํ สมฺภวติ, ตํ อิธ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน สุตนฺติ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘เตปิฎกวเสนา’’ติฯ ติณฺณํ ปิฎกานํ สมูโห เตปิฎกํ , ตีณิ วา ปิฎกานิ ติปิฎกํ, ติปิฎกเมว เตปิฎกํ, ตสฺส วเสนฯ ตเมวาติ ยํ ตํ เตปิฎกํ โสตพฺพภาเวน ‘‘สุต’’นฺติ วุตฺตํ, ตเมวฯ ธมฺมนฺติ ปริยตฺติธมฺมํฯ ธาเรนฺตีติ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสํ วิย อวินสฺสนฺตํ กตฺวา สุปฺปคุณสุปฺปวตฺติภาเวน ธาเรนฺติ หทเย ฐเปนฺติฯ อิติ ปริยตฺติธมฺมวเสน พหุสฺสุตธมฺมธรภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปฎิเวธธมฺมวเสนปิ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อริยธมฺมสฺสาติ มคฺคผลธมฺมสฺส, นววิธสฺสปิ วา โลกุตฺตรธมฺมสฺสฯ อนุธมฺมภูตนฺติ อธิคมาย อนุรูปธมฺมภูตํฯ อนุจฺฉวิกปฺปฎิปทนฺติ จ ตเมว วิปสฺสนาธมฺมมาห, ฉพฺพิธา วิสุทฺธิโย วาฯ อนุธมฺมนฺติ ตสฺสา ยถาวุตฺตปฺปฎิปทาย อนุรูปํ อภิสเลฺลขิตํ อปฺปิฉตาทิธมฺมํฯ จรณสีลาติ สมาทาย วตฺตนสีลาฯ อนุมคฺคผลธโมฺม เอติสฺสาติ วา อนุธมฺมา, วุฎฺฐานคามินี วิปสฺสนาฯ ตสฺสา จรณสีลาฯ อตฺตโน อาจริยวาทนฺติ อตฺตโน อาจริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วาทํฯ สเทวกสฺส โลกสฺส อาจารสิกฺขาปเนน อาจริโย, ภควา, ตสฺส วาโท, จตุสจฺจเทสนาฯ
Maggavasena byattāti saccasampaṭivedhaveyyattiyena byattā. Tatheva vinītāti maggavaseneva kilesānaṃ samucchedavinayena vinītā. Tathā visāradāti ariyamaggādhigameneva satthusāsane vesārajjappattiyā visāradā, sārajjakarānaṃ diṭṭhivicikicchādipāpadhammānaṃ vigamena visāradabhāvaṃ pattāti attho. Yassa sutassa vasena vaṭṭadukkhato nissaraṇaṃ sambhavati, taṃ idha ukkaṭṭhaniddesena sutanti adhippetanti āha ‘‘tepiṭakavasenā’’ti. Tiṇṇaṃ piṭakānaṃ samūho tepiṭakaṃ, tīṇi vā piṭakāni tipiṭakaṃ, tipiṭakameva tepiṭakaṃ, tassa vasena. Tamevāti yaṃ taṃ tepiṭakaṃ sotabbabhāvena ‘‘suta’’nti vuttaṃ, tameva. Dhammanti pariyattidhammaṃ. Dhārentīti suvaṇṇabhājane pakkhittasīhavasaṃ viya avinassantaṃ katvā suppaguṇasuppavattibhāvena dhārenti hadaye ṭhapenti. Iti pariyattidhammavasena bahussutadhammadharabhāvaṃ dassetvā idāni paṭivedhadhammavasenapi taṃ dassetuṃ ‘‘atha vā’’tiādi vuttaṃ. Ariyadhammassāti maggaphaladhammassa, navavidhassapi vā lokuttaradhammassa. Anudhammabhūtanti adhigamāya anurūpadhammabhūtaṃ. Anucchavikappaṭipadanti ca tameva vipassanādhammamāha, chabbidhā visuddhiyo vā. Anudhammanti tassā yathāvuttappaṭipadāya anurūpaṃ abhisallekhitaṃ appichatādidhammaṃ. Caraṇasīlāti samādāya vattanasīlā. Anumaggaphaladhammo etissāti vā anudhammā, vuṭṭhānagāminī vipassanā. Tassā caraṇasīlā. Attano ācariyavādanti attano ācariyassa sammāsambuddhassa vādaṃ. Sadevakassa lokassa ācārasikkhāpanena ācariyo, bhagavā, tassa vādo, catusaccadesanā.
อาจิกฺขิสฺสนฺตีติ อาทิโต กเถสฺสนฺติ, อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ปเร อุคฺคณฺหาเปสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ เทเสสฺสนฺตีติ วาเจสฺสนฺติ, ปาฬิํ สมฺมา ปโพเธสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ ปญฺญเปสฺสนฺตีติ ปชานาเปสฺสนฺติ, สงฺกาเสสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ ปฎฺฐเปสฺสนฺตีติ ปกาเรหิ ฐเปสฺสนฺติ, ปกาเสสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ วิวริสฺสนฺตีติ วิวฎํ กริสฺสนฺติฯ วิภชิสฺสนฺตีติ วิภตฺตํ กริสฺสนฺติฯ อุตฺตานีกริสฺสนฺตีติ อนุตฺตานํ คมฺภีรํ อุตฺตานํ ปากฎํ กริสฺสนฺติฯ สหธเมฺมนาติ เอตฺถ ธมฺม-สโทฺท การณปริยาโย ‘‘เหตุมฺหิ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๒๐) วิยาติ อาห ‘‘สเหตุเกน สการเณน วจเนนา’’ติฯ สปฺปาฎิหาริยนฺติ สนิสฺสรณํฯ ยถา ปรวาทํ ภญฺชิตฺวา สกวาโท ปติฎฺฐหติ, เอวํ เหตุทาหรเณหิ ยถาธิคตมตฺถํ สมฺปาเทตฺวา ธมฺมํ กเถสฺสนฺติฯ เตนาห ‘‘นิยฺยานิกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’’ติ, นววิธํ โลกุตฺตรธมฺมํ ปโพเธสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ‘‘ปญฺญเปสฺสนฺตี’’ติอาทีหิ ฉหิ ปเทหิ ฉ อตฺถปทานิ ทสฺสิตานิ, อาทิโต ปน ทฺวีหิ ปเทหิ ฉ พฺยญฺชนปทานิฯ เอตฺตาวตา เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ สํวณฺณนานเยน สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตํ โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ เนตฺติยํ (เนตฺติ. สงฺคหวาโร) ‘‘ทฺวาทส ปทานิ สุตฺตํ, ตํ สพฺพํ พฺยญฺชนญฺจ อโตฺถ จา’’ติฯ
Ācikkhissantīti ādito kathessanti, attanā uggahitaniyāmena pare uggaṇhāpessantīti attho. Desessantīti vācessanti, pāḷiṃ sammā pabodhessantīti attho. Paññapessantīti pajānāpessanti, saṅkāsessantīti attho. Paṭṭhapessantīti pakārehi ṭhapessanti, pakāsessantīti attho. Vivarissantīti vivaṭaṃ karissanti. Vibhajissantīti vibhattaṃ karissanti. Uttānīkarissantīti anuttānaṃ gambhīraṃ uttānaṃ pākaṭaṃ karissanti. Sahadhammenāti ettha dhamma-saddo kāraṇapariyāyo ‘‘hetumhi ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā’’tiādīsu (vibha. 720) viyāti āha ‘‘sahetukena sakāraṇena vacanenā’’ti. Sappāṭihāriyanti sanissaraṇaṃ. Yathā paravādaṃ bhañjitvā sakavādo patiṭṭhahati, evaṃ hetudāharaṇehi yathādhigatamatthaṃ sampādetvā dhammaṃ kathessanti. Tenāha ‘‘niyyānikaṃ katvā dhammaṃ desessantī’’ti, navavidhaṃ lokuttaradhammaṃ pabodhessantīti attho. Ettha ca ‘‘paññapessantī’’tiādīhi chahi padehi cha atthapadāni dassitāni, ādito pana dvīhi padehi cha byañjanapadāni. Ettāvatā tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ saṃvaṇṇanānayena saṅgahetvā dassitaṃ hoti. Vuttañhetaṃ nettiyaṃ (netti. saṅgahavāro) ‘‘dvādasa padāni suttaṃ, taṃ sabbaṃ byañjanañca attho cā’’ti.
สิกฺขาตฺตยสงฺคหิตนฺติ อธิสีลสิกฺขาทิสิกฺขาตฺตยสงฺคหํฯ สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยนฺติ อนวเสสํ สตฺถุสาสนภูตํ เสฎฺฐจริยํฯ สมิทฺธนฺติ สมฺมเทว วฑฺฒิตํฯ ฌานสฺสาทวเสนาติ เตหิ เตหิ ภิกฺขูหิ สมธิคตชฺฌานสุขวเสนฯ วุทฺธิปฺปตฺตนฺติ อุฬารปณีตภาวูปคเมน สพฺพโส ปริวุทฺธิมุปคตํฯ สพฺพปาลิผุลฺลํ วิย อภิญฺญาสมฺปตฺติวเสน อภิญฺญาสมฺปทาหิ สาสนาภิวุทฺธิยา มตฺถกปฺปตฺติโตฯ ปติฎฺฐิตวเสนาติ ปติฎฺฐานวเสน, ปติฎฺฐปฺปตฺติยาติ อโตฺถฯ ปฎิเวธวเสน พหุโน ชนสฺส หิตนฺติ พาหุชญฺญํฯ เตนาห ‘‘มหาชนาภิสมยวเสนา’’ติฯ ปุถุ ปุถุลํ ภูตํ ชาตํ, ปุถุ วา ปุถุตฺตํ ปตฺตนฺติ ปุถุภูตํฯ เตนาห ‘‘สพฺพา…เป... ปตฺต’’นฺติฯ สุฎฺฐุ ปกาสิตนฺติ สุฎฺฐุ สมฺมเทว อาทิกลฺยาณาทิภาเวน ปเวทิตํฯ
Sikkhāttayasaṅgahitanti adhisīlasikkhādisikkhāttayasaṅgahaṃ. Sakalaṃ sāsanabrahmacariyanti anavasesaṃ satthusāsanabhūtaṃ seṭṭhacariyaṃ. Samiddhanti sammadeva vaḍḍhitaṃ. Jhānassādavasenāti tehi tehi bhikkhūhi samadhigatajjhānasukhavasena. Vuddhippattanti uḷārapaṇītabhāvūpagamena sabbaso parivuddhimupagataṃ. Sabbapāliphullaṃ viya abhiññāsampattivasena abhiññāsampadāhi sāsanābhivuddhiyā matthakappattito. Patiṭṭhitavasenāti patiṭṭhānavasena, patiṭṭhappattiyāti attho. Paṭivedhavasena bahuno janassa hitanti bāhujaññaṃ. Tenāha ‘‘mahājanābhisamayavasenā’’ti. Puthu puthulaṃ bhūtaṃ jātaṃ, puthu vā puthuttaṃ pattanti puthubhūtaṃ. Tenāha ‘‘sabbā…pe... patta’’nti. Suṭṭhu pakāsitanti suṭṭhu sammadeva ādikalyāṇādibhāvena paveditaṃ.
สติํ สูปฎฺฐิตํ กตฺวาติ อยํ กายาทิวิภาโค อตฺตภาวสญฺญิโต ทุกฺขภาโร มยา เอตฺตกํ กาลํ วหิโต, อิทานิ ปน น วหิตโพฺพ, เอตสฺส อวหนตฺถญฺหิ จิรตรํ กาลํ อริยมคฺคสมฺภาโร สมฺภโต, สฺวายํ อริยมโคฺค ปฎิวิโทฺธฯ ยโต อิเม กายาทโย อสุภาทิโต สภาวาทิโต สมฺมเทว ปริญฺญาตาติ จตุพฺพิธมฺปิ สมฺมาสติํ ยตาตถํ วิสเย สุฎฺฐุ อุปฎฺฐิตํ กตฺวาฯ ญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ อิมสฺส อตฺตภาวสญฺญิตสฺส ทุกฺขภารสฺส วหเน ปโยชนภูตํ อตฺตหิตํ ตาว โพธิมูเล เอว ปริสมาปิตํ, ปรหิตํ ปน พุทฺธเวเนยฺยวินยํ ปริสมาปิตพฺพํ, ตํ อิทานิ มาสตฺตเยเนว ปริสมาปนํ ปาปุณิสฺสติ, อหมฺปิ วิสาขาปุณฺณมายํ ปรินิพฺพายิสฺสามีติ เอวํ พุทฺธญาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา สพฺพภาเคน นิจฺฉยํ กตฺวาฯ อายุสงฺขารํ วิสฺสชฺชีติ อายุโน ชีวิตสฺส อภิสงฺขารกํ ผลสมาปตฺติธมฺมํ น สมาปชฺชิสฺสามีติ วิสฺสชฺชิฯ ตํวิสฺสชฺชเนเนว เตน อภิสงฺขริยมานํ ชีวิตสงฺขารํ ‘‘น ปวเตฺตสฺสามี’’ติ วิสฺสชฺชิฯ เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ
Satiṃ sūpaṭṭhitaṃ katvāti ayaṃ kāyādivibhāgo attabhāvasaññito dukkhabhāro mayā ettakaṃ kālaṃ vahito, idāni pana na vahitabbo, etassa avahanatthañhi cirataraṃ kālaṃ ariyamaggasambhāro sambhato, svāyaṃ ariyamaggo paṭividdho. Yato ime kāyādayo asubhādito sabhāvādito sammadeva pariññātāti catubbidhampi sammāsatiṃ yatātathaṃ visaye suṭṭhu upaṭṭhitaṃ katvā. Ñāṇena paricchinditvāti imassa attabhāvasaññitassa dukkhabhārassa vahane payojanabhūtaṃ attahitaṃ tāva bodhimūle eva parisamāpitaṃ, parahitaṃ pana buddhaveneyyavinayaṃ parisamāpitabbaṃ, taṃ idāni māsattayeneva parisamāpanaṃ pāpuṇissati, ahampi visākhāpuṇṇamāyaṃ parinibbāyissāmīti evaṃ buddhañāṇena paricchinditvā sabbabhāgena nicchayaṃ katvā. Āyusaṅkhāraṃ vissajjīti āyuno jīvitassa abhisaṅkhārakaṃ phalasamāpattidhammaṃ na samāpajjissāmīti vissajji. Taṃvissajjaneneva tena abhisaṅkhariyamānaṃ jīvitasaṅkhāraṃ ‘‘na pavattessāmī’’ti vissajji. Tenāha ‘‘tatthā’’tiādi.
ฐานมหนฺตตายปิ ปวตฺติอาการมหนฺตตายปิ มหโนฺต ปถวีกโมฺปฯ ตตฺถ ฐานมหนฺตตาย ภูมิจาลสฺส มหนฺตตฺตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตทา กิร…เป.… กมฺปิตฺถา’’ติ วุตฺตํฯ สา ปน ชาภิเกฺขตฺตภูตา ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอว, น ยา กาจิฯ ยา มหาภินีหารมหาภิชาติอาทีสุปิ กมฺปิตฺถ, ตทาปิ ตตฺติกาย เอว กมฺปเน กิํ การณํ? ชาติเกฺขตฺตภาเวน ตเสฺสว อาทิโต ปริคฺคหสฺส กตตฺตา, ปริคฺคหกรณํ จสฺส ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺพํฯ ตถา หิ ปุริมพุทฺธานมฺปิ ตาวตฺตกเมว ชาติเกฺขตฺตํ อโหสิฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ทสสหสฺสี โลกธาตุ, นิสฺสทฺทา โหติ นิรากุลา…เป.… มหาสมุโทฺท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปตี’’ติ (พุ. วํ. ๒.๘๔-๙๑) จ อาทิฯ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา ฉปฺปการปเวธเนน อวีตราเค ภิํเสตีติ ภิํสโน, โส เอว ภิํสนโกติ อาห ‘‘ภยชนโก’’ติฯ เทวเภริโยติ เทวทุนฺทุภิสทฺทสฺส ปริยายวจนมตฺตํฯ น เจตฺถ กาจิ เภรี ‘‘ทุนฺทุภี’’ติ อธิเปฺปตา, อถ โข อุปฺปาตภาเวน ลพฺภมาโน อากาสคโต นิโคฺฆสสโทฺทฯ เตนาห ‘‘เทโว’’ติอาทิฯ เทโวติ เมโฆฯ ตสฺส หิ คชฺชภาเวน อากาสสฺส วสฺสาภาเวน สุกฺขคชฺชิตสญฺญิเต สเทฺท นิจฺฉรเนฺต เทวทุนฺทุภิสมญฺญาฯ เตนาห ‘‘เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชี’’ติฯ
Ṭhānamahantatāyapi pavattiākāramahantatāyapi mahanto pathavīkampo. Tattha ṭhānamahantatāya bhūmicālassa mahantattaṃ dassetuṃ ‘‘tadā kira…pe… kampitthā’’ti vuttaṃ. Sā pana jābhikkhettabhūtā dasasahassī lokadhātu eva, na yā kāci. Yā mahābhinīhāramahābhijātiādīsupi kampittha, tadāpi tattikāya eva kampane kiṃ kāraṇaṃ? Jātikkhettabhāvena tasseva ādito pariggahassa katattā, pariggahakaraṇaṃ cassa dhammatāvasena veditabbaṃ. Tathā hi purimabuddhānampi tāvattakameva jātikkhettaṃ ahosi. Tathā hi vuttaṃ ‘‘dasasahassī lokadhātu, nissaddā hoti nirākulā…pe… mahāsamuddo ābhujati, dasasahassī pakampatī’’ti (bu. vaṃ. 2.84-91) ca ādi. Udakapariyantaṃ katvā chappakārapavedhanena avītarāge bhiṃsetīti bhiṃsano, so eva bhiṃsanakoti āha ‘‘bhayajanako’’ti. Devabheriyoti devadundubhisaddassa pariyāyavacanamattaṃ. Na cettha kāci bherī ‘‘dundubhī’’ti adhippetā, atha kho uppātabhāvena labbhamāno ākāsagato nigghosasaddo. Tenāha ‘‘devo’’tiādi. Devoti megho. Tassa hi gajjabhāvena ākāsassa vassābhāvena sukkhagajjitasaññite sadde niccharante devadundubhisamaññā. Tenāha ‘‘devo sukkhagajjitaṃ gajjī’’ti.
ปีติเวควิสฺสฎฺฐนฺติ ‘‘เอวํ จิรตรํ กาลํ วหิโต อยํ อตฺตภาวสญฺญิโต ทุกฺขภาโร, อิทานิ น จิรเสฺสว นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ สญฺชาตโสมนโสฺส ภควา สภาเวเนว ปีติเวควิสฺสฎฺฐํ อุทานํ อุทาเนสิฯ เอวํ ปน อุทาเนเนฺตน อยมฺปิ อโตฺถ สาธิโต โหตีติ ทสฺสนตฺถํ อฎฺฐกถายํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Pītivegavissaṭṭhanti ‘‘evaṃ cirataraṃ kālaṃ vahito ayaṃ attabhāvasaññito dukkhabhāro, idāni na cirasseva nikkhipissāmī’’ti sañjātasomanasso bhagavā sabhāveneva pītivegavissaṭṭhaṃ udānaṃ udānesi. Evaṃ pana udānentena ayampi attho sādhito hotīti dassanatthaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘kasmā’’tiādi vuttaṃ.
ตุลียตีติ ตุลนฺติ ตุล-สโทฺท กมฺมสาธโนติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตุลิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อปฺปานุภาวตาย ปริจฺฉินฺนํฯ ตถา หิ ตํ ปริโต ขณฺฑิตภาเวน ‘‘ปริตฺต’’นฺติ วุจฺจติฯ ปฎิปกฺขวิกฺขมฺภนโต ทีฆสนฺตานตาย วิปุลผลตาย จ น ตุลํ น ปริจฺฉินฺนํฯ เยหิ การเณหิ ปุเพฺพ อวิเสสโต มหคฺคตํ ‘‘อตุล’’นฺติ วุตฺตํ, ตานิ การณานิ รูปาวจรโต อรูปสฺส สาติสยานิ วิชฺชนฺตีติ อรูปาวจรํ ‘‘อตุล’’นฺติ วุตฺตํ อิตรญฺจ ‘‘ตุล’’นฺติฯ อปฺปวิปากนฺติ ตีสุปิ กเมฺมสุ ยํ ตนุวิปากํ หีนํ, ตํ ตุลํฯ พหุวิปากนฺติ ยํ มหาวิปากํ ปณีตํ, ตํ อตุลํฯ ยํ ปเนตฺถ มชฺฌิมํ, ตํ หีนํ อุกฺกฎฺฐนฺติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ทฺวีสุปิ ภาเคสุ ปกฺขิปิตพฺพํฯ หีนตฺติกวณฺณนายํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๔) วุตฺตนเยน วา อปฺปพหุวิปากตํ นิทฺธาเรตฺวา ตสฺส วเสน ตุลาตุลภาโว เวทิตโพฺพฯ สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโวติ อาห ‘‘สมฺภวเหตุภูต’’นฺติฯ นิยกชฺฌตฺตรโตติ สสนฺตานธเมฺมสุ วิปสฺสนาวเสน โคจราเสวนาย จ นิรโตฯ สวิปากมฺปิ สมานํ ปวตฺติวิปากมตฺตทายิกมฺมํ สวิปากเฎฺฐน สมฺภวํ, น จ ตํ กามาทิภวาภิสงฺขารกนฺติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘สมฺภว’’นฺติ วตฺวา ‘‘ภวสงฺขาร’’นฺติ วุตฺตํฯ โอสฺสชีติ อริยมเคฺคน อวสฺสชิฯ กวจํ วิย อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ฐิตํ อตฺตนิ สมฺภูตตฺตา อตฺตสมฺภวํ กิเลสญฺจ อภินฺทีติ กิเลสเภทสหภาวิกโมฺมสฺสชฺชนํ ทเสฺสโนฺต ตทุภยสฺส การณมโวจ ‘‘อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต’’ติฯ
Tulīyatīti tulanti tula-saddo kammasādhanoti dassetuṃ ‘‘tulita’’ntiādi vuttaṃ. Appānubhāvatāya paricchinnaṃ. Tathā hi taṃ parito khaṇḍitabhāvena ‘‘paritta’’nti vuccati. Paṭipakkhavikkhambhanato dīghasantānatāya vipulaphalatāya ca na tulaṃ na paricchinnaṃ. Yehi kāraṇehi pubbe avisesato mahaggataṃ ‘‘atula’’nti vuttaṃ, tāni kāraṇāni rūpāvacarato arūpassa sātisayāni vijjantīti arūpāvacaraṃ ‘‘atula’’nti vuttaṃ itarañca ‘‘tula’’nti. Appavipākanti tīsupi kammesu yaṃ tanuvipākaṃ hīnaṃ, taṃ tulaṃ. Bahuvipākanti yaṃ mahāvipākaṃ paṇītaṃ, taṃ atulaṃ. Yaṃ panettha majjhimaṃ, taṃ hīnaṃ ukkaṭṭhanti dvidhā bhinditvā dvīsupi bhāgesu pakkhipitabbaṃ. Hīnattikavaṇṇanāyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 14) vuttanayena vā appabahuvipākataṃ niddhāretvā tassa vasena tulātulabhāvo veditabbo. Sambhavati etasmāti sambhavoti āha ‘‘sambhavahetubhūta’’nti. Niyakajjhattaratoti sasantānadhammesu vipassanāvasena gocarāsevanāya ca nirato. Savipākampi samānaṃ pavattivipākamattadāyikammaṃ savipākaṭṭhena sambhavaṃ, na ca taṃ kāmādibhavābhisaṅkhārakanti tato visesanatthaṃ ‘‘sambhava’’nti vatvā ‘‘bhavasaṅkhāra’’nti vuttaṃ. Ossajīti ariyamaggena avassaji. Kavacaṃ viya attabhāvaṃ pariyonandhitvā ṭhitaṃ attani sambhūtattā attasambhavaṃ kilesañca abhindīti kilesabhedasahabhāvikammossajjanaṃ dassento tadubhayassa kāraṇamavoca ‘‘ajjhattarato samāhito’’ti.
ปฐมวิกเปฺป อวสชฺชนเมว วุตฺตํ, เอตฺถ อวสชฺชนากาโรติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตีเรโนฺตติ ‘‘อุปฺปาโท ภยํ, อนุปฺปาโท เขม’’นฺติอาทินา (ปฎิ. ม. ๑.๑๐) วีมํสโนฺตฯ ‘‘ตุเลโนฺต ตีเรโนฺต’’ติอาทินา สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺจกฺขนฺธา’’ติอาทิํ วตฺวา ภวสงฺขารสฺส อวสชฺชนาการํ สรูปโต ทเสฺสติฯ เอวนฺติอาทินา ปน อุทานคาถาวณฺณนายํ อาทิโต วุตฺตมตฺถํ นิคมวเสน ทเสฺสติฯ
Paṭhamavikappe avasajjanameva vuttaṃ, ettha avasajjanākāroti taṃ dassento ‘‘atha vā’’tiādimāha. Tattha tīrentoti ‘‘uppādo bhayaṃ, anuppādo khema’’ntiādinā (paṭi. ma. 1.10) vīmaṃsanto. ‘‘Tulento tīrento’’tiādinā saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘pañcakkhandhā’’tiādiṃ vatvā bhavasaṅkhārassa avasajjanākāraṃ sarūpato dasseti. Evantiādinā pana udānagāthāvaṇṇanāyaṃ ādito vuttamatthaṃ nigamavasena dasseti.
ยนฺติ (ที. นิ. ฎี. ๒.๑๗๑) กรเณ, อธิกรเณ วา ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘เยน สมเยน, ยสฺมิํ วา สมเย’’ติฯ อุเกฺขปกวาตาติ อุทกสนฺธารกวาตํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ฐิตฎฺฐานโต เขปกวาตาฯ สฎฺฐิ…เป.… พหลนฺติ อิทํ ตสฺส วาตสฺส อุเพฺพธปฺปมาณเมว คเหตฺวา วุตฺตํ , อายามวิตฺถารโต ปน ทสสหสฺสจกฺกวาฬปฺปมาณํ โกฎิสตสหสฺสจกฺกวาฬปฺปมาณมฺปิ อุทกสนฺธารกวาตํ อุปจฺฉินฺทติเยวฯ อากาเสติ ปุเพฺพ วาเตน ปติฎฺฐิตากาเสฯ ปุน วาโตติ อุเกฺขปกวาเต ตถา กตฺวา วิคเต อุทกสนฺธารกวาโต ปุน อาพนฺธิตฺวา คณฺหาติฯ ยถา ตํ อุทกํ น ภสฺสติ, เอวํ อุปตฺถเมฺภนฺตํ อาพนฺธนวิตานวเสน พนฺธิตฺวา คณฺหาติฯ ตโต อุทกํ อุคฺคจฺฉตีติ ตโต อาพนฺธิตฺวา คหณโต เตน วาเตน อุฎฺฐาปิตํ อุทกํ อุคฺคจฺฉติ อุปริ คจฺฉติฯ โหติเยวาติ อนฺตรนฺตรา โหติเยวฯ พหุภาเวนาติ มหาปถวิยา มหนฺตภาเวนฯ สกลา หิ มหาปถวี ตทา โอคฺคจฺฉติ จ อุคฺคจฺฉติ จ, ตสฺมา กมฺปนํ น ปญฺญายติฯ
Yanti (dī. ni. ṭī. 2.171) karaṇe, adhikaraṇe vā paccattavacananti āha ‘‘yena samayena, yasmiṃ vā samaye’’ti. Ukkhepakavātāti udakasandhārakavātaṃ upacchinditvā ṭhitaṭṭhānato khepakavātā. Saṭṭhi…pe… bahalanti idaṃ tassa vātassa ubbedhappamāṇameva gahetvā vuttaṃ , āyāmavitthārato pana dasasahassacakkavāḷappamāṇaṃ koṭisatasahassacakkavāḷappamāṇampi udakasandhārakavātaṃ upacchindatiyeva. Ākāseti pubbe vātena patiṭṭhitākāse. Puna vātoti ukkhepakavāte tathā katvā vigate udakasandhārakavāto puna ābandhitvā gaṇhāti. Yathā taṃ udakaṃ na bhassati, evaṃ upatthambhentaṃ ābandhanavitānavasena bandhitvā gaṇhāti. Tato udakaṃ uggacchatīti tato ābandhitvā gahaṇato tena vātena uṭṭhāpitaṃ udakaṃ uggacchati upari gacchati. Hotiyevāti antarantarā hotiyeva. Bahubhāvenāti mahāpathaviyā mahantabhāvena. Sakalā hi mahāpathavī tadā oggacchati ca uggacchati ca, tasmā kampanaṃ na paññāyati.
อิชฺฌนสฺสาติ อิจฺฉิตตฺถสิชฺฌนสฺส อนุภวิตพฺพสฺส อิสฺสริยสมฺปตฺติอาทิกสฺสฯ ปริตฺตาติ ปฎิลทฺธมตฺตา นาติสุภาวิตาฯ ตถา จ ภาวนา พลวตี น โหตีติ อาห ‘‘ทุพฺพลา’’ติฯ สญฺญาสีเสน หิ ภาวนา วุตฺตาฯ อปฺปมาณาติ ปคุณา สุภาวิตาฯ สา หิ ถิรา ทฬฺหตรา โหตีติ อาห ‘‘พลวา’’ติฯ ‘‘ปริตฺตา ปถวีสญฺญา, อปฺปมาณา อาโปสญฺญา’’ติ เทสนามตฺตเมตํ, อาโปสญฺญาย ปน สุภาวิตาย ปถวีกโมฺป สุเขเนว อิชฺฌตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ สํเวเชโนฺต วา ทิพฺพสมฺปตฺติยา ปมตฺตํ สกฺกํ เทวราชานํ, วีมํสโนฺต วา ตาวเทว สมธิคตํ อตฺตโน อิทฺธิพลํฯ โส กิรายสฺมา (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๑๗๑) ขุรเคฺค อรหตฺตํ ปตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ ภิกฺขุ เยน ปพฺพชิตทิวเสเยว อรหตฺตํ ปตฺวา เวชยโนฺต ปาสาโท กมฺปิตปุโพฺพ’’ติฯ ตโต ‘‘นตฺถิ โกจี’’ติ ญตฺวา ‘‘อหํ กเมฺปสฺสามี’’ติ อภิญฺญาพเลน เวชยนฺตมตฺถเก ฐตฺวา ปาเทน ปหริตฺวา กเมฺปตุํ นาสกฺขิฯ อถ นํ สกฺกสฺส นาฎกิตฺถิโย อาหํสุ – ‘‘ปุตฺต สงฺฆรกฺขิต, ตฺวํ ปูติคเนฺธเนว สีเสน เวชยนฺตํ กเมฺปตุํ อิจฺฉสิ, สุปฺปติฎฺฐิโต, ตาต, ปาสาโท, กถํ กเมฺปตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติฯ
Ijjhanassāti icchitatthasijjhanassa anubhavitabbassa issariyasampattiādikassa. Parittāti paṭiladdhamattā nātisubhāvitā. Tathā ca bhāvanā balavatī na hotīti āha ‘‘dubbalā’’ti. Saññāsīsena hi bhāvanā vuttā. Appamāṇāti paguṇā subhāvitā. Sā hi thirā daḷhatarā hotīti āha ‘‘balavā’’ti. ‘‘Parittā pathavīsaññā, appamāṇā āposaññā’’ti desanāmattametaṃ, āposaññāya pana subhāvitāya pathavīkampo sukheneva ijjhatīti ayamettha adhippāyo veditabbo. Saṃvejento vā dibbasampattiyā pamattaṃ sakkaṃ devarājānaṃ, vīmaṃsanto vā tāvadeva samadhigataṃ attano iddhibalaṃ. So kirāyasmā (dī. ni. aṭṭha. 2.171) khuragge arahattaṃ patvā cintesi – ‘‘atthi nu kho koci bhikkhu yena pabbajitadivaseyeva arahattaṃ patvā vejayanto pāsādo kampitapubbo’’ti. Tato ‘‘natthi kocī’’ti ñatvā ‘‘ahaṃ kampessāmī’’ti abhiññābalena vejayantamatthake ṭhatvā pādena paharitvā kampetuṃ nāsakkhi. Atha naṃ sakkassa nāṭakitthiyo āhaṃsu – ‘‘putta saṅgharakkhita, tvaṃ pūtigandheneva sīsena vejayantaṃ kampetuṃ icchasi, suppatiṭṭhito, tāta, pāsādo, kathaṃ kampetuṃ sakkhissasī’’ti.
สามเณโร ‘‘อิมา เทวตา มยา สทฺธิํ เกฬิํ กโรนฺติ, อหํ โข ปน อาจริยํ นาลตฺถํ, กหํ นุ โข เม อาจริโย สามุทฺทิกมหานาคเตฺถโร’’ติ อาวเชฺชตฺวา ‘‘มหาสมุเทฺท อุทกเลณํ มาเปตฺวา ทิวาวิหารํ นิสิโนฺน’’ติ ญตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ ตโต นํ เถโร, ‘‘ตาต สงฺฆรกฺขิต, อสิกฺขิตฺวาว ยุทฺธํ ปวิโฎฺฐสี’’ติ วตฺวา ‘‘นาสกฺขิ, ตาต, เวชยนฺตํ กเมฺปตุ’’นฺติ ปุจฺฉิฯ อาจริยํ, ภเนฺต, นาลตฺถนฺติฯ อถ นํ เถโร, ‘‘ตาต, ตุมฺหาทิเส อกเมฺปเนฺต อโญฺญ โก กเมฺปสฺสติ, ทิฎฺฐปุพฺพํ เต, ตาต, อุทกปิเฎฺฐ โคมยขณฺฑํ ปิลวนฺตํ, ตาต, กปลฺลปูวํ ปจฺจนฺตํ อนฺตเนฺตน ปริจฺฉินฺนนฺติ อิมินา โอปเมฺมน ชานาหี’’ติ อาหฯ โส ‘‘วฎฺฎิสฺสติ, ภเนฺต, เอตฺตเกนา’’ติ วตฺวา ‘‘ปาสาเทน ปติฎฺฐิโตกาสํ อุทกํ โหตู’’ติ อธิฎฺฐาย เวชยนฺตาภิมุโข อคมาสิฯ เทวธีตโร ตํ ทิสฺวา ‘‘เอกวารํ ลชฺชิตฺวา คโต, ปุนปิ สามเณโร เอติ, ปุนปิ เอตี’’ติ วทิํสุฯ สโกฺก เทวราชา ‘‘มา มยฺหํ ปุเตฺตน สทฺธิํ กถยิตฺถ, อิทานิ เตน อาจริโย ลโทฺธ ขเณน ปาสาทํ กเมฺปสฺสตี’’ติ อาหฯ สามเณโรปิ ปาทงฺคุเฎฺฐน ปาสาทถูปิกํ ปหริ, ปาสาโท จตูหิ ทิสาหิ โอณมติฯ เทวตา ‘‘ปติฎฺฐาตุํ เทหิ, ตาต, ปาสาทสฺส, ปติฎฺฐาตุํ เทหิ, ตาต, ปาสาทสฺสา’’ติ วิรวิํสุฯ สามเณโร ปาสาทํ ยถาฐาเน ฐเปตฺวา ปาสาทมตฺถเก ฐตฺวา อุทานํ อุทาเนสิ –
Sāmaṇero ‘‘imā devatā mayā saddhiṃ keḷiṃ karonti, ahaṃ kho pana ācariyaṃ nālatthaṃ, kahaṃ nu kho me ācariyo sāmuddikamahānāgatthero’’ti āvajjetvā ‘‘mahāsamudde udakaleṇaṃ māpetvā divāvihāraṃ nisinno’’ti ñatvā tattha gantvā theraṃ vanditvā aṭṭhāsi. Tato naṃ thero, ‘‘tāta saṅgharakkhita, asikkhitvāva yuddhaṃ paviṭṭhosī’’ti vatvā ‘‘nāsakkhi, tāta, vejayantaṃ kampetu’’nti pucchi. Ācariyaṃ, bhante, nālatthanti. Atha naṃ thero, ‘‘tāta, tumhādise akampente añño ko kampessati, diṭṭhapubbaṃ te, tāta, udakapiṭṭhe gomayakhaṇḍaṃ pilavantaṃ, tāta, kapallapūvaṃ paccantaṃ antantena paricchinnanti iminā opammena jānāhī’’ti āha. So ‘‘vaṭṭissati, bhante, ettakenā’’ti vatvā ‘‘pāsādena patiṭṭhitokāsaṃ udakaṃ hotū’’ti adhiṭṭhāya vejayantābhimukho agamāsi. Devadhītaro taṃ disvā ‘‘ekavāraṃ lajjitvā gato, punapi sāmaṇero eti, punapi etī’’ti vadiṃsu. Sakko devarājā ‘‘mā mayhaṃ puttena saddhiṃ kathayittha, idāni tena ācariyo laddho khaṇena pāsādaṃ kampessatī’’ti āha. Sāmaṇeropi pādaṅguṭṭhena pāsādathūpikaṃ pahari, pāsādo catūhi disāhi oṇamati. Devatā ‘‘patiṭṭhātuṃ dehi, tāta, pāsādassa, patiṭṭhātuṃ dehi, tāta, pāsādassā’’ti viraviṃsu. Sāmaṇero pāsādaṃ yathāṭhāne ṭhapetvā pāsādamatthake ṭhatvā udānaṃ udānesi –
‘‘อเชฺชวาหํ ปพฺพชิโต, อชฺช ปตฺตาสวกฺขยํ;
‘‘Ajjevāhaṃ pabbajito, ajja pattāsavakkhayaṃ;
อชฺช กเมฺปมิ ปาสาทํ, อโห พุทฺธสฺสุฬารตาฯ
Ajja kampemi pāsādaṃ, aho buddhassuḷāratā.
‘‘อเชฺชวาหํ ปพฺพชิโต, อชฺช ปตฺตาสวกฺขยํ;
‘‘Ajjevāhaṃ pabbajito, ajja pattāsavakkhayaṃ;
อชฺช กเมฺปมิ ปาสาทํ, อโห ธมฺมสฺสุฬารตาฯ
Ajja kampemi pāsādaṃ, aho dhammassuḷāratā.
‘‘อเชฺชวาหํ ปพฺพชิโต, อชฺช ปตฺตาสวกฺขยํ;
‘‘Ajjevāhaṃ pabbajito, ajja pattāsavakkhayaṃ;
อชฺช กเมฺปมิ ปาสาทํ, อโห สงฺฆสฺสุฬารตา’’ติฯ
Ajja kampemi pāsādaṃ, aho saṅghassuḷāratā’’ti.
‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต ตุสิตกายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘) วตฺวา ‘‘อยญฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘), ตถา ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสโตฺต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒) วตฺวา ‘‘อยญฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒) จ มหาสตฺตสฺส คโพฺภกฺกนฺติยํ อภิชาติญฺจ ธมฺมตาวเสน มหาปทาเน ปถวีกมฺปสฺส วุตฺตตฺตา อิตเรสุปิ จตูสุ ฐาเนสุ ปถวีกโมฺป ธมฺมตาวเสเนวาติ อตฺถโต วุตฺตเมตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
‘‘Dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto tusitakāyā cavitvā mātukucchiṃ okkamatī’’ti (dī. ni. 2.18) vatvā ‘‘ayañca dasasahassī lokadhātu saṅkampi sampakampi sampavedhī’’ti (dī. ni. 2.18), tathā ‘‘dhammatā esā, bhikkhave, yadā bodhisatto mātukucchimhā nikkhamatī’’ti (dī. ni. 2.32) vatvā ‘‘ayañca dasasahassī lokadhātu saṅkampi sampakampi sampavedhī’’ti (dī. ni. 2.32) ca mahāsattassa gabbhokkantiyaṃ abhijātiñca dhammatāvasena mahāpadāne pathavīkampassa vuttattā itaresupi catūsu ṭhānesu pathavīkampo dhammatāvasenevāti atthato vuttametanti daṭṭhabbaṃ.
อิทานิ เนสํ ปถวีกมฺปานํ การณโต ปวตฺติอาการโต จ วิภาคํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิติ อิเมสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ธาตุโกเปนาติ อุเกฺขปกวาตสงฺขาตาย วาโยธาตุยา ปโกเปนฯ อิทฺธานุภาเวนาติ ญาณิทฺธิยา, กมฺมวิปากชิทฺธิยา วา สภาเวน, เตเชนาติ อโตฺถฯ ปุญฺญเตเชนาติ ปุญฺญานุภาเวน, มหาโพธิสตฺตสฺส ปุญฺญพเลนาติ อโตฺถฯ ญาณเตเชนาติ อนญฺญสาธารเณน ปฎิเวธญาณานุภาเวนฯ สาธุการทานวเสนาติ ยถา อนญฺญสาธารณปฺปฎิเวธญาณานุภาเวน อภิหตา มหาปถวี อภิสโมฺพธิยํ กมฺปิตฺถ, เอวํ อนญฺญสาธารเณน เทสนาญาณานุภาเวน อภิหตา มหาปถวี กมฺปิตฺถ, ตํ ปนสฺสา สาธุการทานํ วิย โหตีติ ‘‘สาธุการทานวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ
Idāni nesaṃ pathavīkampānaṃ kāraṇato pavattiākārato ca vibhāgaṃ dassetuṃ ‘‘iti imesū’’tiādi vuttaṃ. Dhātukopenāti ukkhepakavātasaṅkhātāya vāyodhātuyā pakopena. Iddhānubhāvenāti ñāṇiddhiyā, kammavipākajiddhiyā vā sabhāvena, tejenāti attho. Puññatejenāti puññānubhāvena, mahābodhisattassa puññabalenāti attho. Ñāṇatejenāti anaññasādhāraṇena paṭivedhañāṇānubhāvena. Sādhukāradānavasenāti yathā anaññasādhāraṇappaṭivedhañāṇānubhāvena abhihatā mahāpathavī abhisambodhiyaṃ kampittha, evaṃ anaññasādhāraṇena desanāñāṇānubhāvena abhihatā mahāpathavī kampittha, taṃ panassā sādhukāradānaṃ viya hotīti ‘‘sādhukāradānavasenā’’ti vuttaṃ.
เยน ปน ภควา อสีติอนุพฺยญฺชนปฺปฎิมณฺฑิตทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณวิจิตฺรรูปกาโย สพฺพาการปริสุทฺธสีลกฺขนฺธาทิคุณรตนสมิทฺธิธมฺมกาโย ปุญฺญมหตฺตถามมหตฺตอิทฺธิมหตฺตยสมหตฺตปญฺญามหตฺตานํ ปรมุกฺกํสคโต อสโม อสมสโม อปฺปฎิปุคฺคโล อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อตฺตโน อตฺตภาวสญฺญิตํ ขนฺธปญฺจกํ กปฺปํ วา กปฺปาวเสสํ วา ฐเปตุํ สมโตฺถปิ สงฺขตธมฺมปริชิคุจฺฉนาการปฺปวเตฺตน ญาณวิเสเสน ติณายปิ อมญฺญมาโน อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนวิธินา นิรเปโกฺข โอสฺสชฺชิฯ ตทนุภาวาภิหตา มหาปถวี อายุสงฺขโรสฺสชฺชเน อกมฺปิตฺถฯ ตํ ปนสฺสา การุญฺญสภาวสณฺฐิตา วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘การุญฺญภาเวนา’’ติฯ
Yena pana bhagavā asītianubyañjanappaṭimaṇḍitadvattiṃsamahāpurisalakkhaṇavicitrarūpakāyo sabbākāraparisuddhasīlakkhandhādiguṇaratanasamiddhidhammakāyo puññamahattathāmamahattaiddhimahattayasamahattapaññāmahattānaṃ paramukkaṃsagato asamo asamasamo appaṭipuggalo arahaṃ sammāsambuddho attano attabhāvasaññitaṃ khandhapañcakaṃ kappaṃ vā kappāvasesaṃ vā ṭhapetuṃ samatthopi saṅkhatadhammaparijigucchanākārappavattena ñāṇavisesena tiṇāyapi amaññamāno āyusaṅkhārossajjanavidhinā nirapekkho ossajji. Tadanubhāvābhihatā mahāpathavī āyusaṅkharossajjane akampittha. Taṃ panassā kāruññasabhāvasaṇṭhitā viya hotīti vuttaṃ ‘‘kāruññabhāvenā’’ti.
ยสฺมา ภควา ปรินิพฺพานสมเย จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิ, อนฺตรนฺตรา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชเนน ตสฺส ปุพฺพภาเค สาติสยํ ติกฺขํ สูรํ วิปสฺสนาญาณญฺจ ปวเตฺตสิฯ ‘‘ยทตฺถญฺจ มยา เอวํ สุจิรกาลํ อนญฺญสาธารโณ ปรมุกฺกํสคโต ญาณสมฺภาโร สมฺภโต, อนุตฺตโร จ วิโมโกฺข สมธิคโต, ตสฺส วต เม สิขาปฺปตฺตผลภูตา อจฺจนฺตนิฎฺฐา อนุปาทิเสสปรินิพฺพานธาตุ อชฺช สมิชฺฌตี’’ติ ภิโยฺย อติวิย โสมนสฺสปฺปตฺตสฺส ภควโต ปีติวิปฺผาราทิคุณวิปุลตรานุภาโว ปเรหิ อสาธารณญาณาติสโย อุทปาทิ, ยสฺส สมาปตฺติพลสมุปพฺรูหิตสฺส ญาณาติสยสฺส อานุภาวํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘เทฺวเม ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมสมวิปากา’’ติอาทิ (อุทา. ๗๕), ตสฺมา ตสฺสานุภาเวน สมภิหตา มหาปถวี อกมฺปิตฺถ, ตํ ปนสฺสา ตสฺสํ เวลายํ อาโรทนาการปฺปตฺติ วิย โหตีติ ‘‘อฎฺฐโม อาโรทเนนา’’ติ วุตฺตํฯ
Yasmā bhagavā parinibbānasamaye catuvīsatikoṭisatasahassasaṅkhā samāpattiyo samāpajji, antarantarā phalasamāpattisamāpajjanena tassa pubbabhāge sātisayaṃ tikkhaṃ sūraṃ vipassanāñāṇañca pavattesi. ‘‘Yadatthañca mayā evaṃ sucirakālaṃ anaññasādhāraṇo paramukkaṃsagato ñāṇasambhāro sambhato, anuttaro ca vimokkho samadhigato, tassa vata me sikhāppattaphalabhūtā accantaniṭṭhā anupādisesaparinibbānadhātu ajja samijjhatī’’ti bhiyyo ativiya somanassappattassa bhagavato pītivipphārādiguṇavipulatarānubhāvo parehi asādhāraṇañāṇātisayo udapādi, yassa samāpattibalasamupabrūhitassa ñāṇātisayassa ānubhāvaṃ sandhāya idaṃ vuttaṃ ‘‘dveme piṇḍapātā samasamaphalā samasamavipākā’’tiādi (udā. 75), tasmā tassānubhāvena samabhihatā mahāpathavī akampittha, taṃ panassā tassaṃ velāyaṃ ārodanākārappatti viya hotīti ‘‘aṭṭhamo ārodanenā’’ti vuttaṃ.
อิทานิ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรโนฺต ‘‘มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมเนฺต’’ติอาทิมาหฯ อยํ ปนโตฺถติ ‘‘สาธุการทานวเสนา’’ติอาทินา วุตฺต อโตฺถฯ ปถวีเทวตาย วเสนาติ เอตฺถ สมุทฺทเทวตา วิย มหาปถวิยา อธิเทวตา กิร นาม อตฺถิ, ตาทิเส การเณ สติ ตสฺสา จิตฺตวเสน อยํ มหาปถวี สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติฯ ยถา วาตวลาหกเทวตานํ จิตฺตวเสน วาตา วายนฺติ, สีตุณฺหอพฺภวสฺสวลาหกเทวตานํ จิตฺตวเสน สีตาทโย ภวนฺติ, ตถา หิ วิสาขปุณฺณมายํ อภิสโมฺพธิอตฺถํ โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺนสฺส โลกนาถสฺส อนฺตรายกรณตฺถํ อุปฎฺฐิตํ มารพลํ วิธมิตุํ –
Idāni saṅkhepato vuttamatthaṃ vivaranto ‘‘mātukucchiṃ okkamante’’tiādimāha. Ayaṃ panatthoti ‘‘sādhukāradānavasenā’’tiādinā vutta attho. Pathavīdevatāya vasenāti ettha samuddadevatā viya mahāpathaviyā adhidevatā kira nāma atthi, tādise kāraṇe sati tassā cittavasena ayaṃ mahāpathavī saṅkampati sampakampati sampavedhati. Yathā vātavalāhakadevatānaṃ cittavasena vātā vāyanti, sītuṇhaabbhavassavalāhakadevatānaṃ cittavasena sītādayo bhavanti, tathā hi visākhapuṇṇamāyaṃ abhisambodhiatthaṃ bodhirukkhamūle nisinnassa lokanāthassa antarāyakaraṇatthaṃ upaṭṭhitaṃ mārabalaṃ vidhamituṃ –
‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิญฺญาย สุขํ ทุขํ;
‘‘Acetanāyaṃ pathavī, aviññāya sukhaṃ dukhaṃ;
สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติฯ (จริยา. ๑.๑๒๔) –
Sāpi dānabalā mayhaṃ, sattakkhattuṃ pakampathā’’ti. (cariyā. 1.124) –
วจนสมนนฺตรํ มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา สปริสํ มารํ ปริวเตฺตสิฯ เอตนฺติ สาธุการทานาทิฯ ยทิปิ นตฺถิ อเจตนตฺตา, ธมฺมตาวเสน ปน วุตฺตนเยน สิยาติ สกฺกา วตฺตุํฯ ธมฺมตา ปน อตฺถโต ธมฺมภาโว, โส ปุญฺญธมฺมสฺส วา ญาณธมฺมสฺส วา อานุภาวสภาโวติฯ ตยิทํ สพฺพํ วิจาริตเมวฯ เอวญฺจ กตฺวา –
Vacanasamanantaraṃ mahāpathavī bhijjitvā saparisaṃ māraṃ parivattesi. Etanti sādhukāradānādi. Yadipi natthi acetanattā, dhammatāvasena pana vuttanayena siyāti sakkā vattuṃ. Dhammatā pana atthato dhammabhāvo, so puññadhammassa vā ñāṇadhammassa vā ānubhāvasabhāvoti. Tayidaṃ sabbaṃ vicāritameva. Evañca katvā –
‘‘อิเม ธเมฺม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;
‘‘Ime dhamme sammasato, sabhāvasarasalakkhaṇe;
ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถา’’ติฯ (พุ. วํ. ๒.๑๖๖) –
Dhammatejena vasudhā, dasasahassī pakampathā’’ti. (bu. vaṃ. 2.166) –
อาทิวจนญฺจ สมตฺถิตํ โหติฯ
Ādivacanañca samatthitaṃ hoti.
อยํ ปน (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๔๙) มหาปถวี อปเรสุปิ อฎฺฐสุ ฐาเนสุ อกมฺปิตฺถ มหาภินิกฺขมเน โพธิมณฺฑูปสงฺกมเน ปํสุกูลคฺคหเณ ปํสุกูลโธวเน กาฬการามสุเตฺต โคตมกสุเตฺต เวสฺสนฺตรชาตเก พฺรหฺมชาเลติฯ ตตฺถ มหาภินิกฺขมนโพธิมณฺฑูปสงฺกมเนสุ วีริยพเลน อกมฺปิตฺถฯ ปํสุกูลคฺคหเณ ‘‘ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเร นาม จตฺตาโร มหาทีเป ปหาย ปพฺพชิตฺวา สุสานํ คนฺตฺวา ปํสุกูลํ คณฺหเนฺตน ทุกฺกรํ ภควตา กต’’นฺติ อจฺฉริยเวคาภิหตา อกมฺปิตฺถฯ ปํสุกูลโธวนเวสฺสนฺตรชาตเกสุ อกาลกมฺปเนน อกมฺปิตฺถฯ กาฬการามโคตมกสุเตฺตสุ (อ. นิ. ๔.๒๔; ๓.๑๒๖) ‘‘อหํ สกฺขี ภควา’’ติ สกฺขิภาเวน อกมฺปิตฺถฯ พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๑๔๗) ปน ทฺวาสฎฺฐิยา ทิฎฺฐิคเตสุ วิชเฎตฺวา นิคฺคุมฺพํ กตฺวา เทสิยมาเนสุ สาธุการทานวเสน อกมฺปิตฺถาติ เวทิตพฺพาฯ
Ayaṃ pana (dī. ni. aṭṭha. 1.149) mahāpathavī aparesupi aṭṭhasu ṭhānesu akampittha mahābhinikkhamane bodhimaṇḍūpasaṅkamane paṃsukūlaggahaṇe paṃsukūladhovane kāḷakārāmasutte gotamakasutte vessantarajātake brahmajāleti. Tattha mahābhinikkhamanabodhimaṇḍūpasaṅkamanesu vīriyabalena akampittha. Paṃsukūlaggahaṇe ‘‘dvisahassadīpaparivāre nāma cattāro mahādīpe pahāya pabbajitvā susānaṃ gantvā paṃsukūlaṃ gaṇhantena dukkaraṃ bhagavatā kata’’nti acchariyavegābhihatā akampittha. Paṃsukūladhovanavessantarajātakesu akālakampanena akampittha. Kāḷakārāmagotamakasuttesu (a. ni. 4.24; 3.126) ‘‘ahaṃ sakkhī bhagavā’’ti sakkhibhāvena akampittha. Brahmajāle (dī. ni. 1.147) pana dvāsaṭṭhiyā diṭṭhigatesu vijaṭetvā niggumbaṃ katvā desiyamānesu sādhukāradānavasena akampitthāti veditabbā.
น เกวลญฺจ เอเตสุเยว ฐาเนสุ ปถวี อกมฺปิตฺถ, อถ โข ตีสุ สงฺคเหสุปิ มหามหินฺทเตฺถรสฺส อิมํ ทีปํ อาคนฺตฺวา โชติวเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทสิตทิวเสปิ อกมฺปิตฺถฯ กลฺยาณิยมหาวิหาเร จ ปิณฺฑปาติยเตฺถรสฺส เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา ตเตฺถว นิสีทิตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีติํ คเหตฺวา อิมํ สุตฺตนฺตํ อารทฺธสฺส สุตฺตปริโยสาเน อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อกมฺปิตฺถฯ โลหปาสาทสฺส ปาจีนอมฺพลฎฺฐิกฎฺฐานํ นาม อโหสิ, ตตฺถ นิสีทิตฺวา ทีฆภาณกเตฺถรา พฺรหฺมชาลสุตฺตํ อารภิํสุฯ เตสํ สชฺฌายปริโยสาเนปิ อุทกปริยนฺตเมว กตฺวา ปถวี อกมฺปิตฺถฯ
Na kevalañca etesuyeva ṭhānesu pathavī akampittha, atha kho tīsu saṅgahesupi mahāmahindattherassa imaṃ dīpaṃ āgantvā jotivane nisīditvā dhammaṃ desitadivasepi akampittha. Kalyāṇiyamahāvihāre ca piṇḍapātiyattherassa cetiyaṅgaṇaṃ sammajjitvā tattheva nisīditvā buddhārammaṇaṃ pītiṃ gahetvā imaṃ suttantaṃ āraddhassa suttapariyosāne udakapariyantaṃ katvā akampittha. Lohapāsādassa pācīnaambalaṭṭhikaṭṭhānaṃ nāma ahosi, tattha nisīditvā dīghabhāṇakattherā brahmajālasuttaṃ ārabhiṃsu. Tesaṃ sajjhāyapariyosānepi udakapariyantameva katvā pathavī akampittha.
ยทิ เอวํ ‘‘อฎฺฐิเม, อานนฺท, เหตู อฎฺฐ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายา’’ติ กสฺมา อเฎฺฐว เหตู วุตฺตาติ? นิยมเหตุภาวโตฯ อิเมเยว หิ อฎฺฐ เหตู นิยมนฺติ, นาเญฺญฯ เต หิ กทาจิ สมฺภวนฺตีติ อนิยมภาวโต น คณิตาฯ วุตฺตเญฺหตํ นาคเสนเตฺถเรน มิลินฺทปเญฺห (มิ. ป. ๔.๑.๔) –
Yadi evaṃ ‘‘aṭṭhime, ānanda, hetū aṭṭha paccayā mahato bhūmicālassa pātubhāvāyā’’ti kasmā aṭṭheva hetū vuttāti? Niyamahetubhāvato. Imeyeva hi aṭṭha hetū niyamanti, nāññe. Te hi kadāci sambhavantīti aniyamabhāvato na gaṇitā. Vuttañhetaṃ nāgasenattherena milindapañhe (mi. pa. 4.1.4) –
‘‘อฎฺฐิเม, ภิกฺขเว, เหตู อฎฺฐ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายาติฯ ยํ เวสฺสนฺตเรน รญฺญา มหาทาเน ทียมาเน สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, ตญฺจ ปน อกาลิกํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฎฺฐหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, ตสฺมา อคณิตํ อฎฺฐหิ เหตูหิฯ
‘‘Aṭṭhime, bhikkhave, hetū aṭṭha paccayā mahato bhūmicālassa pātubhāvāyāti. Yaṃ vessantarena raññā mahādāne dīyamāne sattakkhattuṃ mahāpathavī kampitā, tañca pana akālikaṃ kadācuppattikaṃ aṭṭhahi hetūhi vippamuttaṃ, tasmā agaṇitaṃ aṭṭhahi hetūhi.
‘‘ยถา, มหาราช, โลเก ตโยเยว เมฆา คณียนฺติ วสฺสิโก, เหมนฺติโก, ปาวุสโกติฯ ยทิ เต มุญฺจิตฺวา อโญฺญ เมโฆ ปวสฺสติ, น โส เมโฆ คณียติ สมฺมเตหิ เมเฆหิ, อกาลเมโฆเตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ, เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รญฺญา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฎฺฐหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฎฺฐหิ เหตูหิฯ
‘‘Yathā, mahārāja, loke tayoyeva meghā gaṇīyanti vassiko, hemantiko, pāvusakoti. Yadi te muñcitvā añño megho pavassati, na so megho gaṇīyati sammatehi meghehi, akālameghotveva saṅkhaṃ gacchati, evameva kho, mahārāja, vessantarena raññā mahādāne dīyamāne yaṃ sattakkhattuṃ mahāpathavī kampitā, akālikaṃ etaṃ kadācuppattikaṃ aṭṭhahi hetūhi vippamuttaṃ, na taṃ gaṇīyati aṭṭhahi hetūhi.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, หิมวนฺตา ปพฺพตา ปญฺจ นทิสตานิ สนฺทนฺติ, เตสํ, มหาราช, ปญฺจนฺนํ นทิสตานํ ทเสว นทิโย นทิคณนาย คณียนฺติฯ เสยฺยถิทํ – คงฺคา, ยมุนา, อจิรวตี, สรภู, มหี, สินฺธุ, สรสฺสตี, เวตฺรวตี, วีตํสา, จนฺทภาคาติฯ อวเสสา นทิโย นทิคณนาย อคณิตาฯ กิํการณา? น ตา นทิโย ธุวสลิลา, เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รญฺญา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฎฺฐหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฎฺฐหิ เหตูหิฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, himavantā pabbatā pañca nadisatāni sandanti, tesaṃ, mahārāja, pañcannaṃ nadisatānaṃ daseva nadiyo nadigaṇanāya gaṇīyanti. Seyyathidaṃ – gaṅgā, yamunā, aciravatī, sarabhū, mahī, sindhu, sarassatī, vetravatī, vītaṃsā, candabhāgāti. Avasesā nadiyo nadigaṇanāya agaṇitā. Kiṃkāraṇā? Na tā nadiyo dhuvasalilā, evameva kho, mahārāja, vessantarena raññā mahādāne dīyamāne yaṃ sattakkhattuṃ mahāpathavī kampitā, akālikaṃ etaṃ kadācuppattikaṃ aṭṭhahi hetūhi vippamuttaṃ, na taṃ gaṇīyati aṭṭhahi hetūhi.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, รโญฺญ สตมฺปิ ทฺวิสตมฺปิ ติสตมฺปิ อมจฺจา โหนฺติ, เตสํ ฉเยว ชนา อมจฺจคณนาย คณียนฺติฯ เสยฺยถิทํ – เสนาปติ, ปุโรหิโต, อกฺขทโสฺส, ภณฺฑาคาริโก, ฉตฺตคฺคาหโก, ขคฺคคฺคาหโก, เอเตเยว อมจฺจคณนาย คณียนฺติฯ กิํการณา? ยุตฺตตฺตา ราชคุเณหิฯ อวเสสา อคณิตา, สเพฺพ อมจฺจาเตฺวว สงฺขํ คจฺฉนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รญฺญา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฎฺฐหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฎฺฐหิ เหตูหี’’ติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, rañño satampi dvisatampi tisatampi amaccā honti, tesaṃ chayeva janā amaccagaṇanāya gaṇīyanti. Seyyathidaṃ – senāpati, purohito, akkhadasso, bhaṇḍāgāriko, chattaggāhako, khaggaggāhako, eteyeva amaccagaṇanāya gaṇīyanti. Kiṃkāraṇā? Yuttattā rājaguṇehi. Avasesā agaṇitā, sabbe amaccātveva saṅkhaṃ gacchanti, evameva kho, mahārāja, vessantarena raññā mahādāne dīyamāne yaṃ sattakkhattuṃ mahāpathavī kampitā, akālikaṃ etaṃ kadācuppattikaṃ aṭṭhahi hetūhi vippamuttaṃ, na taṃ gaṇīyati aṭṭhahi hetūhī’’ti.
ภูมิจาลสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhūmicālasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
จาปาลวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cāpālavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. ภูมิจาลสุตฺตํ • 10. Bhūmicālasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. ภูมิจาลสุตฺตวณฺณนา • 10. Bhūmicālasuttavaṇṇanā