Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ๑๘. ภูมินานตฺตญาณนิเทฺทสวณฺณนา

    18. Bhūminānattañāṇaniddesavaṇṇanā

    ๗๒. ภูมินานตฺตญาณนิเทฺทเส ภูมิโยติ ภาคา ปริเจฺฉทา วาฯ กามาวจราติ เอตฺถ ทุวิโธ กาโม กิเลสกาโม วตฺถุกาโม จฯ กิเลสกาโม ฉนฺทราโค, วตฺถุกาโม เตภูมกวฎฺฎํฯ กิเลสกาโม กาเมตีติ กาโม, วตฺถุกาโม กามียตีติ กาโมฯ โส ทุวิโธ กาโม ปวตฺติวเสน ยสฺมิํ ปเทเส อวจรติ, โส ปเทโส กาโม เอตฺถ อวจรตีติ กามาวจโรฯ โส ปน ปเทโส จตุนฺนํ อปายานํ, มนุสฺสโลกสฺส, ฉนฺนญฺจ เทวโลกานํ วเสน เอกาทสวิโธ ฯ ยถา หิ ยสฺมิํ ปเทเส สสตฺถา ปุริสา อวจรนฺติ, โส วิชฺชมาเนสุปิ อเญฺญสุ ทฺวิปทจตุปฺปเทสุ อวจรเนฺตสุ เตสํ อภิลกฺขิตตฺตา ‘‘สสตฺถาวจโร’’ติ วุจฺจติ, เอวํ วิชฺชมาเนสุปิ อเญฺญสุ รูปาวจราทีสุ ตตฺถ อวจรเนฺตสุ เตสํ อภิลกฺขิตตฺตา อยํ ปเทโส ‘‘กามาวจโร’’เตฺวว วุจฺจติฯ สฺวายํ ยถา รูปภโว รูปํ, เอวํ อุตฺตรปทโลปํ กตฺวา ‘‘กาโม’’เตฺวว วุจฺจติฯ ตปฺปฎิพโทฺธ เอเกโก ธโมฺม อิมสฺมิํ เอกาทสวิธปเทสสงฺขาเต กาเม อวจรตีติ กามาวจโรฯ กิญฺจาปิ หิ เอตฺถ เกจิ ธมฺมา รูปารูปภเวสุปิ อวจรนฺติ, ยถา ปน สงฺคาเม อวจรณโต ‘‘สงฺคามาวจโร’’ติ ลทฺธนาโม นาโค นคเร จรโนฺตปิ ‘‘สงฺคามาวจโร’’เตฺวว วุจฺจติ, ถลชลจรา จ ปาณิโน อถเล อชเล จ ฐิตาปิ ‘‘ถลจรา ชลจรา’’เตฺวว วุจฺจนฺติ, เอวํ เต อญฺญตฺถ อวจรนฺตาปิ กามาวจราเยวาติ เวทิตพฺพาฯ อารมฺมณกรณวเสน วา เอเตสุ วุตฺตปฺปกาเรสุ ธเมฺมสุ กาโม อวจรตีติ กามาวจราฯ กามเญฺจส รูปารูปาวจรธเมฺมสุปิ อวจรติ, ยถา ปน ‘‘วทตีติ วโจฺฉ, มหิยํ เสตีติ มหิํโส’’ติ วุเตฺต น ยตฺตกา วทนฺติ, มหิยํ วา เสนฺติ, สเพฺพสํ ตํ นามํ โหติฯ เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ เอตฺถ สเพฺพ เต ธเมฺม เอกราสิํ กตฺวา วุตฺตภูมิสทฺทมเปกฺขิตฺวา กามาวจราติ อิตฺถิลิงฺควจนํ กตํฯ รูปาวจราติอาทีสุ รูปภโว รูปํ, ตสฺมิํ รูเป อวจรนฺตีติ รูปาวจราฯ อรูปภโว อรูปํ, ตสฺมิํ อรูเป อวจรนฺตีติ อรูปาวจราฯ เตภูมกวเฎฺฎ ปริยาปนฺนา อโนฺตคธาติ ปริยาปนฺนา, ตสฺมิํ น ปริยาปนฺนาติ อปริยาปนฺนา

    72. Bhūminānattañāṇaniddese bhūmiyoti bhāgā paricchedā vā. Kāmāvacarāti ettha duvidho kāmo kilesakāmo vatthukāmo ca. Kilesakāmo chandarāgo, vatthukāmo tebhūmakavaṭṭaṃ. Kilesakāmo kāmetīti kāmo, vatthukāmo kāmīyatīti kāmo. So duvidho kāmo pavattivasena yasmiṃ padese avacarati, so padeso kāmo ettha avacaratīti kāmāvacaro. So pana padeso catunnaṃ apāyānaṃ, manussalokassa, channañca devalokānaṃ vasena ekādasavidho . Yathā hi yasmiṃ padese sasatthā purisā avacaranti, so vijjamānesupi aññesu dvipadacatuppadesu avacarantesu tesaṃ abhilakkhitattā ‘‘sasatthāvacaro’’ti vuccati, evaṃ vijjamānesupi aññesu rūpāvacarādīsu tattha avacarantesu tesaṃ abhilakkhitattā ayaṃ padeso ‘‘kāmāvacaro’’tveva vuccati. Svāyaṃ yathā rūpabhavo rūpaṃ, evaṃ uttarapadalopaṃ katvā ‘‘kāmo’’tveva vuccati. Tappaṭibaddho ekeko dhammo imasmiṃ ekādasavidhapadesasaṅkhāte kāme avacaratīti kāmāvacaro. Kiñcāpi hi ettha keci dhammā rūpārūpabhavesupi avacaranti, yathā pana saṅgāme avacaraṇato ‘‘saṅgāmāvacaro’’ti laddhanāmo nāgo nagare carantopi ‘‘saṅgāmāvacaro’’tveva vuccati, thalajalacarā ca pāṇino athale ajale ca ṭhitāpi ‘‘thalacarā jalacarā’’tveva vuccanti, evaṃ te aññattha avacarantāpi kāmāvacarāyevāti veditabbā. Ārammaṇakaraṇavasena vā etesu vuttappakāresu dhammesu kāmo avacaratīti kāmāvacarā. Kāmañcesa rūpārūpāvacaradhammesupi avacarati, yathā pana ‘‘vadatīti vaccho, mahiyaṃ setīti mahiṃso’’ti vutte na yattakā vadanti, mahiyaṃ vā senti, sabbesaṃ taṃ nāmaṃ hoti. Evaṃsampadamidaṃ veditabbaṃ. Ettha sabbe te dhamme ekarāsiṃ katvā vuttabhūmisaddamapekkhitvā kāmāvacarāti itthiliṅgavacanaṃ kataṃ. Rūpāvacarātiādīsu rūpabhavo rūpaṃ, tasmiṃ rūpe avacarantīti rūpāvacarā. Arūpabhavo arūpaṃ, tasmiṃ arūpe avacarantīti arūpāvacarā. Tebhūmakavaṭṭe pariyāpannā antogadhāti pariyāpannā, tasmiṃ na pariyāpannāti apariyāpannā.

    กามาวจราทิภูมินิเทฺทเสสุ เหฎฺฐโตติ เหฎฺฐาภาเคนฯ อวีจินิรยนฺติ ชาลานํ วา สตฺตานํ วา เวทนานํ วา วีจิ อนฺตรํ ฉิทฺทํ เอตฺถ นตฺถีติ อวีจิฯ สุขสงฺขาโต อโย เอตฺถ นตฺถีติ นิรโย, นิรติอเตฺถนปิ นิรโยฯ ปริยนฺตํ กริตฺวาติ ตํ อวีจิสงฺขาตํ นิรยํ อนฺตํ กตฺวาฯ อุปริโตติ อุปริภาเคนฯ ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทเวติ ปรนิมฺมิเตสุ กาเมสุ วสํ วตฺตนโต เอวํลทฺธโวหาเร เทเวฯ อโนฺต กริตฺวาติ อโนฺต ปกฺขิปิตฺวาฯ ยํ เอตสฺมิํ อนฺตเรติ เย เอตสฺมิํ โอกาเสฯ นฺติ จ ลิงฺควจนวิปลฺลาโส กโตฯ เอตฺถาวจราติ อิมินา ยสฺมา ตสฺมิํ อนฺตเร อเญฺญปิ จรนฺติ กทาจิ กตฺถจิ สมฺภวโต, ตสฺมา เตสํ อสงฺคณฺหนตฺถํ อวจราติ วุตฺตํฯ เตน เย เอกสฺมิํ อนฺตเร โอคาฬฺหา หุตฺวา จรนฺติ, สพฺพตฺถ สทา จ สมฺภวโต, อโธภาเค จ จรนฺติ อวีจินิรยสฺส เหฎฺฐา ภูตูปาทาย ปวตฺติภาเวน, เตสํ สงฺคโห กโต โหติฯ เต หิ โอคาฬฺหา จรนฺติ, อโธภาเค จ จรนฺตีติ อวจราฯ เอตฺถ ปริยาปนฺนาติ อิมินา ปน ยสฺมา เอเต เอตฺถาวจรา อญฺญตฺถาปิ อวจรนฺติ, น ปน ตตฺถ ปริยาปนฺนา โหนฺติ, ตสฺมา เตสํ อญฺญตฺถาปิ อวจรนฺตานํ ปริคฺคโห กโต โหติฯ

    Kāmāvacarādibhūminiddesesu heṭṭhatoti heṭṭhābhāgena. Avīcinirayanti jālānaṃ vā sattānaṃ vā vedanānaṃ vā vīci antaraṃ chiddaṃ ettha natthīti avīci. Sukhasaṅkhāto ayo ettha natthīti nirayo, niratiatthenapi nirayo. Pariyantaṃ karitvāti taṃ avīcisaṅkhātaṃ nirayaṃ antaṃ katvā. Uparitoti uparibhāgena. Paranimmitavasavattī deveti paranimmitesu kāmesu vasaṃ vattanato evaṃladdhavohāre deve. Anto karitvāti anto pakkhipitvā. Yaṃ etasmiṃ antareti ye etasmiṃ okāse. Yanti ca liṅgavacanavipallāso kato. Etthāvacarāti iminā yasmā tasmiṃ antare aññepi caranti kadāci katthaci sambhavato, tasmā tesaṃ asaṅgaṇhanatthaṃ avacarāti vuttaṃ. Tena ye ekasmiṃ antare ogāḷhā hutvā caranti, sabbattha sadā ca sambhavato, adhobhāge ca caranti avīcinirayassa heṭṭhā bhūtūpādāya pavattibhāvena, tesaṃ saṅgaho kato hoti. Te hi ogāḷhā caranti, adhobhāge ca carantīti avacarā. Ettha pariyāpannāti iminā pana yasmā ete etthāvacarā aññatthāpi avacaranti, na pana tattha pariyāpannā honti, tasmā tesaṃ aññatthāpi avacarantānaṃ pariggaho kato hoti.

    อิทานิ เต เอตฺถ ปริยาปเนฺน ธเมฺม ราสิสุญฺญตาปจฺจยภาวโต เจว สภาวโต จ ทเสฺสโนฺต ขนฺธธาตุอายตนาติอาทิมาหฯ พฺรหฺมโลกนฺติ ปฐมชฺฌานภูมิสงฺขาตํ พฺรหฺมฎฺฐานํฯ อกนิเฎฺฐติ อุตฺตมเฎฺฐน น กนิเฎฺฐฯ สมาปนฺนสฺสาติ สมาปตฺติํ สมาปนฺนสฺสฯ เอเตน กุสลชฺฌานํ วุตฺตํฯ อุปปนฺนสฺสาติ วิปากวเสน พฺรหฺมโลเก อุปปนฺนสฺสฯ เอเตน วิปากชฺฌานํ วุตฺตํฯ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาริสฺสาติ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปจฺจเกฺข อตฺตภาเว สุโข วิหาโร ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาโร, โส อสฺส อตฺถีติ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารี, อรหาฯ ตสฺส ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาริสฺสฯ เอเตน กิริยชฺฌานํ วุตฺตํฯ เจตสิกาติ เจตสิ ภวา เจตสิกา, จิตฺตสมฺปยุตฺตาติ อโตฺถฯ อากาสานญฺจายตนูปเคติ อากาสานญฺจายตนสงฺขาตํ ภวํ อุปคเตฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ มคฺคาติ จตฺตาโร อริยมคฺคาฯ มคฺคผลานีติ จตฺตาริ อริยมคฺคผลานิฯ อสงฺขตา จ ธาตูติ ปจฺจเยหิ อกตา นิพฺพานธาตุฯ

    Idāni te ettha pariyāpanne dhamme rāsisuññatāpaccayabhāvato ceva sabhāvato ca dassento khandhadhātuāyatanātiādimāha. Brahmalokanti paṭhamajjhānabhūmisaṅkhātaṃ brahmaṭṭhānaṃ. Akaniṭṭheti uttamaṭṭhena na kaniṭṭhe. Samāpannassāti samāpattiṃ samāpannassa. Etena kusalajjhānaṃ vuttaṃ. Upapannassāti vipākavasena brahmaloke upapannassa. Etena vipākajjhānaṃ vuttaṃ. Diṭṭhadhammasukhavihārissāti diṭṭheva dhamme paccakkhe attabhāve sukho vihāro diṭṭhadhammasukhavihāro, so assa atthīti diṭṭhadhammasukhavihārī, arahā. Tassa diṭṭhadhammasukhavihārissa. Etena kiriyajjhānaṃ vuttaṃ. Cetasikāti cetasi bhavā cetasikā, cittasampayuttāti attho. Ākāsānañcāyatanūpageti ākāsānañcāyatanasaṅkhātaṃ bhavaṃ upagate. Dutiyapadepi eseva nayo. Maggāti cattāro ariyamaggā. Maggaphalānīti cattāri ariyamaggaphalāni. Asaṅkhatā ca dhātūti paccayehi akatā nibbānadhātu.

    อปราปิ จตโสฺส ภูมิโยติ เอเกกจตุกฺกวเสน เวทิตพฺพาฯ จตฺตาโร สติปฎฺฐานาติ กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ เวทนานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ จิตฺตานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ ธมฺมานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํฯ ตสฺสโตฺถ – ปติฎฺฐาตีติ ปฎฺฐานํ, อุปฎฺฐาติ โอกฺกนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ สติเยว ปฎฺฐานํ สติปฎฺฐานํฯ อถ วา สรณเฎฺฐน สติ, อุปฎฺฐานเฎฺฐน ปฎฺฐานํ, สติ จ สา ปฎฺฐานญฺจาติปิ สติปฎฺฐานํฯ อารมฺมณวเสน พหุกา ตา สติโยติ สติปฎฺฐานาฯ จตฺตาโร สมฺมปฺปธานาติ อนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทาย สมฺมปฺปธานํ, อุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ ปหานาย สมฺมปฺปธานํ, อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ อุปฺปาทาย สมฺมปฺปธานํ, อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ฐิติยา สมฺมปฺปธานํฯ ปทหนฺติ วายมนฺติ เอเตนาติ ปธานํ, วีริยเสฺสตํ นามํ ฯ สมฺมปฺปธานนฺติ อวิปรีตปฺปธานํ การณปฺปธานํ อุปายปฺปธานํ โยนิโสปธานํฯ เอกเมว วีริยํ กิจฺจวเสน จตุธา กตฺวา สมฺมปฺปธานาติ วุตฺตํฯ จตฺตาโร อิทฺธิปาทาติ ฉนฺทิทฺธิปาโท, จิตฺติทฺธิปาโท, วีริยิทฺธิปาโท, วีมํสิทฺธิปาโทฯ ตสฺสโตฺถ วุโตฺตเยวฯ จตฺตาริ ฌานานีติ วิตกฺกวิจารปีติสุขจิเตฺตกคฺคตาวเสน ปญฺจงฺคิกํ ปฐมชฺฌานํฯ ปีติสุขจิเตฺตกคฺคตาวเสน ติวงฺคิกํ ทุติยชฺฌานํ, สุขจิตฺตกคฺคตาวเสน ทุวงฺคิกํ ตติยชฺฌานํ, อุเปกฺขาจิเตฺตกคฺคตาวเสน ทุวงฺคิกํ จตุตฺถชฺฌานํฯ อิมานิ หิ องฺคานิ อารมฺมณูปนิชฺฌานเฎฺฐน ฌานนฺติ วุจฺจนฺติฯ จตโสฺส อปฺปมญฺญาโยติ เมตฺตา, กรุณา, มุทิตา, อุเปกฺขาฯ ผรณอปฺปมาณวเสน อปฺปมญฺญาโยฯ เอตาโย หิ อารมฺมณวเสน อปฺปมาเณ วา สเตฺต ผรนฺติ, เอกํ สตฺตมฺปิ วา อนวเสสผรณวเสน ผรนฺตีติ ผรณอปฺปมาณวเสน อปฺปมญฺญาโยติ วุจฺจนฺติฯ จตโสฺส อรูปสมาปตฺติโยติ อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติ, วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติ, อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติฯ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา วุตฺตตฺถา เอวฯ

    Aparāpi catasso bhūmiyoti ekekacatukkavasena veditabbā. Cattāro satipaṭṭhānāti kāyānupassanāsatipaṭṭhānaṃ vedanānupassanāsatipaṭṭhānaṃ cittānupassanāsatipaṭṭhānaṃ dhammānupassanāsatipaṭṭhānaṃ. Tassattho – patiṭṭhātīti paṭṭhānaṃ, upaṭṭhāti okkanditvā pakkhanditvā pavattatīti attho. Satiyeva paṭṭhānaṃ satipaṭṭhānaṃ. Atha vā saraṇaṭṭhena sati, upaṭṭhānaṭṭhena paṭṭhānaṃ, sati ca sā paṭṭhānañcātipi satipaṭṭhānaṃ. Ārammaṇavasena bahukā tā satiyoti satipaṭṭhānā. Cattāro sammappadhānāti anuppannānaṃ akusalānaṃ anuppādāya sammappadhānaṃ, uppannānaṃ akusalānaṃ pahānāya sammappadhānaṃ, anuppannānaṃ kusalānaṃ uppādāya sammappadhānaṃ, uppannānaṃ kusalānaṃ ṭhitiyā sammappadhānaṃ. Padahanti vāyamanti etenāti padhānaṃ, vīriyassetaṃ nāmaṃ . Sammappadhānanti aviparītappadhānaṃ kāraṇappadhānaṃ upāyappadhānaṃ yonisopadhānaṃ. Ekameva vīriyaṃ kiccavasena catudhā katvā sammappadhānāti vuttaṃ. Cattāro iddhipādāti chandiddhipādo, cittiddhipādo, vīriyiddhipādo, vīmaṃsiddhipādo. Tassattho vuttoyeva. Cattāri jhānānīti vitakkavicārapītisukhacittekaggatāvasena pañcaṅgikaṃ paṭhamajjhānaṃ. Pītisukhacittekaggatāvasena tivaṅgikaṃ dutiyajjhānaṃ, sukhacittakaggatāvasena duvaṅgikaṃ tatiyajjhānaṃ, upekkhācittekaggatāvasena duvaṅgikaṃ catutthajjhānaṃ. Imāni hi aṅgāni ārammaṇūpanijjhānaṭṭhena jhānanti vuccanti. Catasso appamaññāyoti mettā, karuṇā, muditā, upekkhā. Pharaṇaappamāṇavasena appamaññāyo. Etāyo hi ārammaṇavasena appamāṇe vā satte pharanti, ekaṃ sattampi vā anavasesapharaṇavasena pharantīti pharaṇaappamāṇavasena appamaññāyoti vuccanti. Catasso arūpasamāpattiyoti ākāsānañcāyatanasamāpatti, viññāṇañcāyatanasamāpatti, ākiñcaññāyatanasamāpatti, nevasaññānāsaññāyatanasamāpatti. Catasso paṭisambhidā vuttatthā eva.

    จตโสฺส ปฎิปทาติ ‘‘ทุกฺขา ปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา, ทุกฺขา ปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา, สุขา ปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา, สุขา ปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๑) วุตฺตา จตโสฺส ปฎิปทาฯ จตฺตาริ อารมฺมณานีติ ปริตฺตํ ปริตฺตารมฺมณํ, ปริตฺตํ อปฺปมาณารมฺมณํ, อปฺปมาณํ ปริตฺตารมฺมณํ, อปฺปมาณํ อปฺปมาณารมฺมณนฺติ (ธ. ส. ๑๘๑ อาทโย) วุตฺตานิ จตฺตาริ อารมฺมณานิฯ กสิณาทิอารมฺมณานํ อววตฺถาเปตพฺพโต อารมฺมณวนฺตานิ ฌานานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ จตฺตาโร อริยวํสาติ อริยา วุจฺจนฺติ พุทฺธา จ ปเจฺจกพุทฺธา จ ตถาคตสาวกา จ, เตสํ อริยานํ วํสา ตนฺติโย ปเวณิโยติ อริยวํสาฯ เก ปน เต? จีวรสโนฺตโส ปิณฺฑปาตสโนฺตโส เสนาสนสโนฺตโส ภาวนารามตาติ อิเม จตฺตาโรฯ คิลานปจฺจยสโนฺตโส ปิณฺฑปาตสโนฺตเส วุเตฺต วุโตฺตเยว โหติฯ โย หิ ปิณฺฑปาเต สนฺตุโฎฺฐ, โส กถํ คิลานปจฺจเย อสนฺตุโฎฺฐ ภวิสฺสติฯ

    Catassopaṭipadāti ‘‘dukkhā paṭipadā dandhābhiññā, dukkhā paṭipadā khippābhiññā, sukhā paṭipadā dandhābhiññā, sukhā paṭipadā khippābhiññā’’ti (dī. ni. 3.311) vuttā catasso paṭipadā. Cattāri ārammaṇānīti parittaṃ parittārammaṇaṃ, parittaṃ appamāṇārammaṇaṃ, appamāṇaṃ parittārammaṇaṃ, appamāṇaṃ appamāṇārammaṇanti (dha. sa. 181 ādayo) vuttāni cattāri ārammaṇāni. Kasiṇādiārammaṇānaṃ avavatthāpetabbato ārammaṇavantāni jhānāni vuttānīti veditabbāni. Cattāro ariyavaṃsāti ariyā vuccanti buddhā ca paccekabuddhā ca tathāgatasāvakā ca, tesaṃ ariyānaṃ vaṃsā tantiyo paveṇiyoti ariyavaṃsā. Ke pana te? Cīvarasantoso piṇḍapātasantoso senāsanasantoso bhāvanārāmatāti ime cattāro. Gilānapaccayasantoso piṇḍapātasantose vutte vuttoyeva hoti. Yo hi piṇḍapāte santuṭṭho, so kathaṃ gilānapaccaye asantuṭṭho bhavissati.

    จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนีติ จตฺตาริ ชนสงฺคณฺหนการณานิ – ทานญฺจ เปยฺยวชฺชญฺจ อตฺถจริยา จ สมานตฺตตา จาติ อิมานิ จตฺตาริฯ ทานนฺติ ยถารหํ ทานํฯ เปยฺยวชฺชนฺติ ยถารหํ ปิยวจนํฯ อตฺถจริยาติ ตตฺถ ตตฺถ กตฺตพฺพสฺส กรณวเสน กตฺตพฺพากตฺตพฺพานุสาสนวเสน จ วุทฺธิกิริยาฯ สมานตฺตตาติ สห มาเนน สมาโน, สปริมาโณ สปริคณโนติ อโตฺถฯ สมาโน ปรสฺส อตฺตา เอเตนาติ สมานโตฺต, สมานตฺตสฺส ภาโว สมานตฺตตา, ‘‘อยํ มยา หีโน, อยํ มยา สทิโส, อยํ มยา อธิโก’’ติ ปริคเณตฺวา ตทนุรูเปน อุปจรณํ กรณนฺติ อโตฺถฯ ‘‘สมานสุขทุกฺขตา สมานตฺตตา’’ติ จ วทนฺติฯ

    Cattāri saṅgahavatthūnīti cattāri janasaṅgaṇhanakāraṇāni – dānañca peyyavajjañca atthacariyā ca samānattatā cāti imāni cattāri. Dānanti yathārahaṃ dānaṃ. Peyyavajjanti yathārahaṃ piyavacanaṃ. Atthacariyāti tattha tattha kattabbassa karaṇavasena kattabbākattabbānusāsanavasena ca vuddhikiriyā. Samānattatāti saha mānena samāno, saparimāṇo saparigaṇanoti attho. Samāno parassa attā etenāti samānatto, samānattassa bhāvo samānattatā, ‘‘ayaṃ mayā hīno, ayaṃ mayā sadiso, ayaṃ mayā adhiko’’ti parigaṇetvā tadanurūpena upacaraṇaṃ karaṇanti attho. ‘‘Samānasukhadukkhatā samānattatā’’ti ca vadanti.

    จตฺตาริ จกฺกานีติ เอตฺถ จกฺกํ นาม ทารุจกฺกํ, รตนจกฺกํ, ธมฺมจกฺกํ, อิริยาปถจกฺกํ, สมฺปตฺติจกฺกนฺติ ปญฺจวิธํฯ ตตฺถ ‘‘ยํ ปน ตํ, เทว, จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฎฺฐิตํ ฉารตฺตูเนหี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๕) อิทํ ทารุจกฺกํฯ ‘‘จกฺกํ วตฺตยโต ปริคฺคเหตฺวา’’ติ (ชา. ๑.๑๓.๖๘) อิทํ รตนจกฺกํฯ ‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺก’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๖๒) อิทํ ธมฺมจกฺกํฯ ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวาร’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๙) อิทํ อิริยาปถจกฺกํฯ ‘‘จตฺตาริมานิ , ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตติฯ กตมานิ จตฺตาริ? ปติรูปเทสวาโส, สปฺปุริสาวสฺสโย, อตฺตสมฺมาปณิธิ, ปุเพฺพ จ กตปุญฺญตา’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๑) อิทํ สมฺปตฺติจกฺกํฯ อิธาปิ เอตเทว อธิเปฺปตํฯ ตตฺถ ปติรูปเทสวาโสติ ยตฺถ จตโสฺส ปริสา สนฺทิสฺสนฺติ, เอวรูเป อนุจฺฉวิเก เทเส วาโสฯ สปฺปุริสาวสฺสโยติ พุทฺธาทีนํ สปฺปุริสานํ อวสฺสยนํ เสวนํ ภชนํฯ อตฺตสมฺมาปณิธีติ อตฺตโน สมฺมา ปติฎฺฐาปนํฯ สเจ ปุเพฺพ อสฺสทฺธาทีหิ สมนฺนาคโต โหติ, ตานิ ปหาย สทฺธาทีสุ ปติฎฺฐาปนํฯ ปุเพฺพ จ กตปุญฺญตาติ ปุเพฺพ อุปจิตกุสลตาฯ อิทเมว เจตฺถ ปมาณํฯ เยน หิ ญาณสมฺปยุตฺตจิเตฺตน กุสลกมฺมํ กตํ โหติ, ตเทว กุสลํ ตํ ปุริสํ ปติรูปเทเส อุปเนติ, สปฺปุริเส ภชาเปติ, โส เอว ปุคฺคโล อตฺตานํ สมฺมา ฐเปตีติฯ

    Cattāri cakkānīti ettha cakkaṃ nāma dārucakkaṃ, ratanacakkaṃ, dhammacakkaṃ, iriyāpathacakkaṃ, sampatticakkanti pañcavidhaṃ. Tattha ‘‘yaṃ pana taṃ, deva, cakkaṃ chahi māsehi niṭṭhitaṃ chārattūnehī’’ti (a. ni. 3.15) idaṃ dārucakkaṃ. ‘‘Cakkaṃ vattayato pariggahetvā’’ti (jā. 1.13.68) idaṃ ratanacakkaṃ. ‘‘Mayā pavattitaṃ cakka’’nti (su. ni. 562) idaṃ dhammacakkaṃ. ‘‘Catucakkaṃ navadvāra’’nti (saṃ. ni. 1.29) idaṃ iriyāpathacakkaṃ. ‘‘Cattārimāni , bhikkhave, cakkāni, yehi samannāgatānaṃ devamanussānaṃ catucakkaṃ vattati. Katamāni cattāri? Patirūpadesavāso, sappurisāvassayo, attasammāpaṇidhi, pubbe ca katapuññatā’’ti (a. ni. 4.31) idaṃ sampatticakkaṃ. Idhāpi etadeva adhippetaṃ. Tattha patirūpadesavāsoti yattha catasso parisā sandissanti, evarūpe anucchavike dese vāso. Sappurisāvassayoti buddhādīnaṃ sappurisānaṃ avassayanaṃ sevanaṃ bhajanaṃ. Attasammāpaṇidhīti attano sammā patiṭṭhāpanaṃ. Sace pubbe assaddhādīhi samannāgato hoti, tāni pahāya saddhādīsu patiṭṭhāpanaṃ. Pubbe ca katapuññatāti pubbe upacitakusalatā. Idameva cettha pamāṇaṃ. Yena hi ñāṇasampayuttacittena kusalakammaṃ kataṃ hoti, tadeva kusalaṃ taṃ purisaṃ patirūpadese upaneti, sappurise bhajāpeti, so eva puggalo attānaṃ sammā ṭhapetīti.

    จตฺตาริ ธมฺมปทานีติ จตฺตาโร ธมฺมโกฎฺฐาสาฯ กตมานิ จตฺตาริ? อนภิชฺฌา ธมฺมปทํ, อพฺยาปาโท ธมฺมปทํ, สมฺมาสติ ธมฺมปทํ, สมฺมาสมาธิ ธมฺมปทํฯ อนภิชฺฌา ธมฺมปทํ นาม อโลโภ วา อนภิชฺฌาวเสน อธิคตชฺฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานานิ วาฯ อพฺยาปาโท ธมฺมปทํ นาม อโกโป วา เมตฺตาสีเสน อธิคตชฺฌานาทีนิ วาฯ สมฺมาสติ ธมฺมปทํ นาม สูปฎฺฐิตสฺสติ วา สติสีเสน อธิคตชฺฌานาทีนิ วาฯ สมฺมาสมาธิ ธมฺมปทํ นาม อฎฺฐสมาปตฺติ วา อฎฺฐสมาปตฺติสีเสน อธิคตชฺฌานาทีนิ วาฯ ทสอสุภวเสน วา อธิคตชฺฌานาทีนิ อนภิชฺฌา ธมฺมปทํ, จตุพฺรหฺมวิหารวเสน อธิคตานิ อพฺยาปาโท ธมฺมปทํ, ทสานุสฺสติอาหาเรปฎิกูลสญฺญาวเสน อธิคตานิ สมฺมาสติ ธมฺมปทํ, ทสกสิณอานาปานวเสน อธิคตานิ สมฺมาสมาธิ ธมฺมปทนฺติฯ อิมา จตโสฺส ภูมิโยติ เอเกกํ จตุกฺกวเสเนว โยเชตพฺพํฯ

    Cattāri dhammapadānīti cattāro dhammakoṭṭhāsā. Katamāni cattāri? Anabhijjhā dhammapadaṃ, abyāpādo dhammapadaṃ, sammāsati dhammapadaṃ, sammāsamādhi dhammapadaṃ. Anabhijjhā dhammapadaṃ nāma alobho vā anabhijjhāvasena adhigatajjhānavipassanāmaggaphalanibbānāni vā. Abyāpādo dhammapadaṃ nāma akopo vā mettāsīsena adhigatajjhānādīni vā. Sammāsati dhammapadaṃ nāma sūpaṭṭhitassati vā satisīsena adhigatajjhānādīni vā. Sammāsamādhi dhammapadaṃ nāma aṭṭhasamāpatti vā aṭṭhasamāpattisīsena adhigatajjhānādīni vā. Dasaasubhavasena vā adhigatajjhānādīni anabhijjhā dhammapadaṃ, catubrahmavihāravasena adhigatāni abyāpādo dhammapadaṃ, dasānussatiāhārepaṭikūlasaññāvasena adhigatāni sammāsati dhammapadaṃ, dasakasiṇaānāpānavasena adhigatāni sammāsamādhi dhammapadanti. Imā catasso bhūmiyoti ekekaṃ catukkavaseneva yojetabbaṃ.

    ภูมินานตฺตญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Bhūminānattañāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑๘. ภูมินานตฺตญาณนิเทฺทโส • 18. Bhūminānattañāṇaniddeso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact