Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā |
๔. ภุสเปตวตฺถุวณฺณนา
4. Bhusapetavatthuvaṇṇanā
ภุสานิ เอโก สาลิํ ปุนาปโรติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต จตฺตาโร เปเต อารพฺภ วุตฺตํฯ สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ คามเก เอโก กูฎวาณิโช กูฎมานาทีหิ ชีวิกํ กเปฺปสิฯ โส สาลิปลาเป คเหตฺวา ตมฺพมตฺติกาย ปริภาเวตฺวา ครุตเร กตฺวา รตฺตสาลิหิ สทฺธิํ มิเสฺสตฺวา วิกฺกิณิฯ ตสฺส ปุโตฺต ‘‘ฆรํ อาคตานํ มม มิตฺตสุหชฺชานํ สมฺมานํ น กโรตี’’ติ กุปิโต ยุคจมฺมํ คเหตฺวา มาตุสีเส ปหารมทาสิฯ ตสฺส สุณิสา สเพฺพสํ อตฺถาย ฐปิตมํสํ โจริกาย ขาทิตฺวา ปุน เตหิ อนุยุญฺชิยมานา ‘‘สเจ มยา ตํ มํสํ ขาทิตํ, ภเว ภเว อตฺตโน ปิฎฺฐิมํสํ กนฺติตฺวา ขาเทยฺย’’นฺติ สปถมกาสิฯ ภริยา ปนสฺส กิญฺจิเทว อุปกรณํ ยาจนฺตานํ ‘‘นตฺถี’’ติ วตฺวา เตหิ นิปฺปีฬิยมานา ‘‘สเจ สนฺตํ นตฺถีติ วทามิ, ชาตชาตฎฺฐาเน คูถภกฺขา ภเวยฺย’’นฺติ มุสาวาเทน สปถมกาสิฯ
Bhusāni eko sāliṃ punāparoti idaṃ satthari sāvatthiyaṃ viharante cattāro pete ārabbha vuttaṃ. Sāvatthiyā kira avidūre aññatarasmiṃ gāmake eko kūṭavāṇijo kūṭamānādīhi jīvikaṃ kappesi. So sālipalāpe gahetvā tambamattikāya paribhāvetvā garutare katvā rattasālihi saddhiṃ missetvā vikkiṇi. Tassa putto ‘‘gharaṃ āgatānaṃ mama mittasuhajjānaṃ sammānaṃ na karotī’’ti kupito yugacammaṃ gahetvā mātusīse pahāramadāsi. Tassa suṇisā sabbesaṃ atthāya ṭhapitamaṃsaṃ corikāya khāditvā puna tehi anuyuñjiyamānā ‘‘sace mayā taṃ maṃsaṃ khāditaṃ, bhave bhave attano piṭṭhimaṃsaṃ kantitvā khādeyya’’nti sapathamakāsi. Bhariyā panassa kiñcideva upakaraṇaṃ yācantānaṃ ‘‘natthī’’ti vatvā tehi nippīḷiyamānā ‘‘sace santaṃ natthīti vadāmi, jātajātaṭṭhāne gūthabhakkhā bhaveyya’’nti musāvādena sapathamakāsi.
เต จตฺตาโรปิ ชนา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา วิญฺฌาฎวิยํ เปตา หุตฺวา นิพฺพตฺติํสุฯ ตตฺถ กูฎวาณิโช กมฺมผเลน ปชฺชลนฺตํ ภุสํ อุโภหิ หเตฺถหิ คเหตฺวา อตฺตโน มตฺถเก อากิริตฺวา มหาทุกฺขํ อนุภวติ, ตสฺส ปุโตฺต อโยมเยหิ มุคฺคเรหิ สยเมว อตฺตโน สีสํ ภินฺทิตฺวา อนปฺปกํ ทุกฺขํ ปจฺจนุโภติฯ ตสฺส สุณิสา กมฺมผเลน สุนิสิเตหิ อติวิย วิปุลายเตหิ นเขหิ อตฺตโน ปิฎฺฐิมํสานิ กนฺติตฺวา ขาทนฺตี อปริมิตํ ทุกฺขํ อนุภวติ, ตสฺส ภริยาย สุคนฺธํ สุวิสุทฺธํ อปคตกาฬกํ สาลิภตฺตํ อุปนีตมตฺตเมว นานาวิธกิมิกุลากุลํ ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉํ คูถํ สมฺปชฺชติ, ตํ สา อุโภหิ หเตฺถหิ ปริคฺคเหตฺวา ภุญฺชนฺตี มหาทุกฺขํ ปฎิสํเวเทติฯ
Te cattāropi janā aparena samayena kālaṃ katvā viñjhāṭaviyaṃ petā hutvā nibbattiṃsu. Tattha kūṭavāṇijo kammaphalena pajjalantaṃ bhusaṃ ubhohi hatthehi gahetvā attano matthake ākiritvā mahādukkhaṃ anubhavati, tassa putto ayomayehi muggarehi sayameva attano sīsaṃ bhinditvā anappakaṃ dukkhaṃ paccanubhoti. Tassa suṇisā kammaphalena sunisitehi ativiya vipulāyatehi nakhehi attano piṭṭhimaṃsāni kantitvā khādantī aparimitaṃ dukkhaṃ anubhavati, tassa bhariyāya sugandhaṃ suvisuddhaṃ apagatakāḷakaṃ sālibhattaṃ upanītamattameva nānāvidhakimikulākulaṃ paramaduggandhajegucchaṃ gūthaṃ sampajjati, taṃ sā ubhohi hatthehi pariggahetvā bhuñjantī mahādukkhaṃ paṭisaṃvedeti.
เอวํ เตสุ จตูสุ ชเนสุ เปเตสุ นิพฺพตฺติตฺวา มหาทุกฺขํ อนุภวเนฺตสุ อายสฺมา มหาโมคฺคลาโน ปพฺพตจาริกํ จรโนฺต เอกทิวสํ ตํ ฐานํ คโตฯ เต เปเต ทิสฺวา –
Evaṃ tesu catūsu janesu petesu nibbattitvā mahādukkhaṃ anubhavantesu āyasmā mahāmoggalāno pabbatacārikaṃ caranto ekadivasaṃ taṃ ṭhānaṃ gato. Te pete disvā –
๔๔๗.
447.
‘‘ภุสานิ เอโก สาลิํ ปุนาปโร, อยญฺจ นารี สกมํสโลหิตํ;
‘‘Bhusāni eko sāliṃ punāparo, ayañca nārī sakamaṃsalohitaṃ;
ตุวญฺจ คูถํ อสุจิํ อกนฺตํ, ปริภุญฺชสิ กิสฺส อยํ วิปาโก’’ติฯ –
Tuvañca gūthaṃ asuciṃ akantaṃ, paribhuñjasi kissa ayaṃ vipāko’’ti. –
อิมาย คาถาย เตหิ กตกมฺมํ ปุจฺฉิฯ ตตฺถ ภุสานีติ ปลาปานิฯ เอโกติ เอกโกฯ สาลินฺติ สาลิโนฯ สามิอเตฺถ เหตํ อุปโยควจนํ, สาลิโน ปลาปานิ ปชฺชลนฺตานิ อตฺตโน สีเส อวกิรตีติ อธิปฺปาโยฯ ปุนาปโรติ ปุน อปโรฯ โย หิ โส มาตุสีสํ ปหริ, โส อโยมุคฺคเรหิ อตฺตโน สีสํ ปหริตฺวา สีสเภทํ ปาปุณาติ, ตํ สนฺธาย วทติฯ สกมํสโลหิตนฺติ อตฺตโน ปิฎฺฐิมํสํ โลหิตญฺจ ปริภุญฺชตีติ โยชนาฯ อกนฺตนฺติ อมนาปํ เชคุจฺฉํฯ กิสฺส อยํ วิปาโกติ กตมสฺส ปาปกมฺมสฺส อิทํ ผลํ, ยํ อิทานิ ตุเมฺหหิ ปจฺจนุภวียตีติ อโตฺถฯ
Imāya gāthāya tehi katakammaṃ pucchi. Tattha bhusānīti palāpāni. Ekoti ekako. Sālinti sālino. Sāmiatthe hetaṃ upayogavacanaṃ, sālino palāpāni pajjalantāni attano sīse avakiratīti adhippāyo. Punāparoti puna aparo. Yo hi so mātusīsaṃ pahari, so ayomuggarehi attano sīsaṃ paharitvā sīsabhedaṃ pāpuṇāti, taṃ sandhāya vadati. Sakamaṃsalohitanti attano piṭṭhimaṃsaṃ lohitañca paribhuñjatīti yojanā. Akantanti amanāpaṃ jegucchaṃ. Kissa ayaṃ vipākoti katamassa pāpakammassa idaṃ phalaṃ, yaṃ idāni tumhehi paccanubhavīyatīti attho.
เอวํ เถเรน เตหิ กตกเมฺม ปุจฺฉิเต กูฎวาณิชสฺส ภริยา สเพฺพหิ เตหิ กตกมฺมํ อาจิกฺขนฺตี –
Evaṃ therena tehi katakamme pucchite kūṭavāṇijassa bhariyā sabbehi tehi katakammaṃ ācikkhantī –
๔๔๘.
448.
‘‘อยํ ปุเร มาตรํ หิํสติ, อยํ ปน กูฎวาณิโช;
‘‘Ayaṃ pure mātaraṃ hiṃsati, ayaṃ pana kūṭavāṇijo;
อยํ มํสานิ ขาทิตฺวา, มุสาวาเทน วเญฺจติฯ
Ayaṃ maṃsāni khāditvā, musāvādena vañceti.
๔๔๙.
449.
‘‘อหํ มนุเสฺสสุ มนุสฺสภูตา, อคารินี สพฺพกุลสฺส อิสฺสรา;
‘‘Ahaṃ manussesu manussabhūtā, agārinī sabbakulassa issarā;
สเนฺตสุ ปริคุหามิ, มา จ กิญฺจิ อิโต อทํฯ
Santesu pariguhāmi, mā ca kiñci ito adaṃ.
๔๕๐.
450.
‘‘มุสาวาเทน ฉาเทมิ, นตฺถิ เอตํ มม เคเห;
‘‘Musāvādena chādemi, natthi etaṃ mama gehe;
สเจ สนฺตํ นิคุหามิ, คูโถ เม โหตุ โภชนํฯ
Sace santaṃ niguhāmi, gūtho me hotu bhojanaṃ.
๔๕๑.
451.
‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน, มุสาวาทสฺส จูภยํ;
‘‘Tassa kammassa vipākena, musāvādassa cūbhayaṃ;
สุคนฺธํ สาลิโน ภตฺตํ, คูถํ เม ปริวตฺตติฯ
Sugandhaṃ sālino bhattaṃ, gūthaṃ me parivattati.
๔๕๒.
452.
‘‘อวญฺฌานิ จ กมฺมานิ, น หิ กมฺมํ วินสฺสติ;
‘‘Avañjhāni ca kammāni, na hi kammaṃ vinassati;
ทุคฺคนฺธํ กิมินํ มีฬฺหํ, ภุญฺชามิ จ ปิวามิ จา’’ติฯ – คาถา อภาสิ;
Duggandhaṃ kiminaṃ mīḷhaṃ, bhuñjāmi ca pivāmi cā’’ti. – gāthā abhāsi;
๔๔๘. ตตฺถ อยนฺติ ปุตฺตํ ทเสฺสนฺติ วทติฯ หิํสตีติ ถาเมน ปริพาเธติ, มุคฺคเรน ปหรตีติ อโตฺถฯ กูฎวาณิโชติ ขลวาณิโช, วญฺจนาย วณิชฺชการโกติ อโตฺถ ฯ มํสานิ ขาทิตฺวาติ ปเรหิ สาธารณมํสํ ขาทิตฺวา ‘‘น ขาทามี’’ติ มุสาวาเทน เต วเญฺจติฯ
448. Tattha ayanti puttaṃ dassenti vadati. Hiṃsatīti thāmena paribādheti, muggarena paharatīti attho. Kūṭavāṇijoti khalavāṇijo, vañcanāya vaṇijjakārakoti attho . Maṃsāni khāditvāti parehi sādhāraṇamaṃsaṃ khāditvā ‘‘na khādāmī’’ti musāvādena te vañceti.
๔๔๙-๕๐. อคารินีติ เคหสามินีฯ สเนฺตสูติ วิชฺชมาเนเสฺวว ปเรหิ ยาจิตอุปกรเณสุฯ ปริคุหามีติ ปฎิจฺฉาเทสิํฯ กาลวิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํฯ มา จ กิญฺจิ อิโต อทนฺติ อิโต มม สนฺตกโต กิญฺจิมตฺตมฺปิ อตฺถิกสฺส ปรสฺส น อทาสิํฯ ฉาเทมิติ ‘‘นตฺถิ เอตํ มม เคเห’’ติ มุสาวาเทน ฉาเทสิํฯ
449-50.Agārinīti gehasāminī. Santesūti vijjamānesveva parehi yācitaupakaraṇesu. Pariguhāmīti paṭicchādesiṃ. Kālavipallāsena hetaṃ vuttaṃ. Mā ca kiñci ito adanti ito mama santakato kiñcimattampi atthikassa parassa na adāsiṃ. Chādemiti ‘‘natthi etaṃ mama gehe’’ti musāvādena chādesiṃ.
๔๕๑-๒. คูถํ เม ปริวตฺตตีติ สุคนฺธํ สาลิภตฺตํ มยฺหํ กมฺมวเสน คูถภาเวน ปริวตฺตติ ปริณมติฯ อวญฺฌานีติ อโมฆานิ อนิปฺผลานิฯ น หิ กมฺมํ วินสฺสตีติ ยถูปจิตํ กมฺมํ ผลํ อทตฺวา น หิ วินสฺสติฯ กิมินนฺติ กิมิวนฺตํ สญฺชาตกิมิกุลํฯ มีฬฺหนฺติ คูถํฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวฯ
451-2.Gūthaṃ me parivattatīti sugandhaṃ sālibhattaṃ mayhaṃ kammavasena gūthabhāvena parivattati pariṇamati. Avañjhānīti amoghāni anipphalāni. Na hi kammaṃ vinassatīti yathūpacitaṃ kammaṃ phalaṃ adatvā na hi vinassati. Kiminanti kimivantaṃ sañjātakimikulaṃ. Mīḷhanti gūthaṃ. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayattā uttānameva.
เอวํ เถโร ตสฺสา เปติยา วจนํ สุตฺวา ตํ ปวตฺติํ ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ
Evaṃ thero tassā petiyā vacanaṃ sutvā taṃ pavattiṃ bhagavato ārocesi. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi. Sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.
ภุสเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhusapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๔. ภุสเปตวตฺถุ • 4. Bhusapetavatthu