Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā

    ๒. ภูตคามวโคฺค

    2. Bhūtagāmavaggo

    ๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา

    1. Bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanā

    ๘๙. เสนาสนวคฺคสฺส ปฐมสิกฺขาปเท – อนาทิยโนฺตติ ตสฺสา วจนํ อคณฺหโนฺตฯ ทารกสฺส พาหุํ อาโกเฎสีติ อุกฺขิตฺตํ ผรสุํ นิคฺคเหตุํ อสโกฺกโนฺต มนุสฺสานํ จกฺขุวิสยาตีเต มหาราชสนฺติกา ลเทฺธ รุกฺขฎฺฐกทิพฺพวิมาเน นิปนฺนสฺส ทารกสฺส พาหุํ ถนมูเลเยว ฉินฺทิฯ น โข เมตํ ปติรูปนฺติอาทิมฺหิ อยํ สเงฺขปวณฺณนา – หิมวเนฺต กิร ปกฺขทิวเสสุ เทวตาสนฺนิปาโต โหติ, ตตฺถ รุกฺขธมฺมํ ปุจฺฉนฺติ – ‘‘ตฺวํ รุกฺขธเมฺม ฐิตา น ฐิตา’’ติ? รุกฺขธโมฺม นาม รุเกฺข ฉิชฺชมาเน รุกฺขเทวตาย มโนปโทสสฺส อกรณํฯ ตตฺถ ยา เทวตา รุกฺขธเมฺม อฎฺฐิตา โหติ, สา เทวตาสนฺนิปาตํ ปวิสิตุํ น ลภติฯ อิติ สา เทวตา อิมญฺจ รุกฺขธเมฺม อฎฺฐานปจฺจยํ อาทีนวํ อทฺทส, ภควโต จ สมฺมุขา สุตปุพฺพธมฺมเทสนานุสาเรน ตถาคตสฺส ฉทฺทนฺตาทิกาเล ปุพฺพจริตํ อนุสฺสริฯ เตนสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘น โข เมตํ ปติรูปํ…เป.… โวโรเปยฺย’’นฺติฯ ยํนูนาหํ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจยฺยนฺติ อิทํ ปนสฺสา ‘‘อยํ ภิกฺขุ สปิติโก ปุโตฺต, อทฺธา ภควา อิมํ อิมสฺส อชฺฌาจารํ สุตฺวา มริยาทํ พนฺธิสฺสติ, สิกฺขาปทํ ปญฺญเปสฺสตี’’ติ ปฎิสญฺจิกฺขนฺติยา อโหสิฯ สจชฺช ตฺวํ เทวเตติ สเจ อชฺช ตฺวํ เทวเตฯ ปสเวยฺยาสีติ ชเนยฺยาสิ อุปฺปาเทยฺยาสิฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา ภควา ตํ เทวตํ สญฺญาเปโนฺต –

    89. Senāsanavaggassa paṭhamasikkhāpade – anādiyantoti tassā vacanaṃ agaṇhanto. Dārakassa bāhuṃ ākoṭesīti ukkhittaṃ pharasuṃ niggahetuṃ asakkonto manussānaṃ cakkhuvisayātīte mahārājasantikā laddhe rukkhaṭṭhakadibbavimāne nipannassa dārakassa bāhuṃ thanamūleyeva chindi. Na kho metaṃ patirūpantiādimhi ayaṃ saṅkhepavaṇṇanā – himavante kira pakkhadivasesu devatāsannipāto hoti, tattha rukkhadhammaṃ pucchanti – ‘‘tvaṃ rukkhadhamme ṭhitā na ṭhitā’’ti? Rukkhadhammo nāma rukkhe chijjamāne rukkhadevatāya manopadosassa akaraṇaṃ. Tattha yā devatā rukkhadhamme aṭṭhitā hoti, sā devatāsannipātaṃ pavisituṃ na labhati. Iti sā devatā imañca rukkhadhamme aṭṭhānapaccayaṃ ādīnavaṃ addasa, bhagavato ca sammukhā sutapubbadhammadesanānusārena tathāgatassa chaddantādikāle pubbacaritaṃ anussari. Tenassā etadahosi – ‘‘na kho metaṃ patirūpaṃ…pe… voropeyya’’nti. Yaṃnūnāhaṃ bhagavato etamatthaṃ āroceyyanti idaṃ panassā ‘‘ayaṃ bhikkhu sapitiko putto, addhā bhagavā imaṃ imassa ajjhācāraṃ sutvā mariyādaṃ bandhissati, sikkhāpadaṃ paññapessatī’’ti paṭisañcikkhantiyā ahosi. Sacajja tvaṃ devateti sace ajja tvaṃ devate. Pasaveyyāsīti janeyyāsi uppādeyyāsi. Evañca pana vatvā bhagavā taṃ devataṃ saññāpento –

    ‘‘โย เว อุปฺปติตํ โกธํ, รถํ ภนฺตํว วารเย;

    ‘‘Yo ve uppatitaṃ kodhaṃ, rathaṃ bhantaṃva vāraye;

    ตมหํ สารถิํ พฺรูมิ, รสฺมิคฺคาโห อิตโร ชโน’’ติฯ (ธ. ป. ๒๒๒);

    Tamahaṃ sārathiṃ brūmi, rasmiggāho itaro jano’’ti. (dha. pa. 222);

    อิมํ คาถมภาสิฯ คาถาปริโยสาเน สา เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิฯ ปุน ภควา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสโนฺต –

    Imaṃ gāthamabhāsi. Gāthāpariyosāne sā devatā sotāpattiphale patiṭṭhāsi. Puna bhagavā sampattaparisāya dhammaṃ desento –

    ‘‘โย อุปฺปติตํ วิเนติ โกธํ, วิสฎํ สปฺปวิสํว โอสเธหิ;

    ‘‘Yo uppatitaṃ vineti kodhaṃ, visaṭaṃ sappavisaṃva osadhehi;

    โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ, อุรโค ชิณฺณมิวตฺตจํ ปุราณ’’นฺติฯ (สุ. นิ. ๑);

    So bhikkhu jahāti orapāraṃ, urago jiṇṇamivattacaṃ purāṇa’’nti. (su. ni. 1);

    อิมํ คาถมภาสิฯ ตตฺร ปฐมคาถา ธมฺมปเท สงฺคหํ อารุฬฺหา, ทุติยา สุตฺตนิปาเต, วตฺถุ ปน วินเยติฯ อถ ภควา ธมฺมํ เทเสโนฺตเยว ตสฺสา เทวตาย วสนฎฺฐานํ อาวชฺชโนฺต ปติรูปํ ฐานํ ทิสฺวา ‘‘คจฺฉ, เทวเต, อสุกสฺมิํ โอกาเส รุโกฺข วิวิโตฺต, ตสฺมิํ อุปคจฺฉา’’ติ อาหฯ โส กิร รุโกฺข น อาฬวิรเฎฺฐ, เชตวนสฺส อโนฺตปริเกฺขเป, ยสฺส เทวปุตฺตสฺส ปริคฺคโห อโหสิ, โส จุโต; ตสฺมา ‘‘วิวิโตฺต’’ติ วุโตฺตฯ ตโต ปฎฺฐาย จ ปน สา เทวตา สมฺมาสมฺพุทฺธโต ลทฺธปริหารา พุทฺธุปฎฺฐายิกา อโหสิฯ ยทา เทวตาสมาคโม โหติ, ตทา มเหสกฺขเทวตาสุ อาคจฺฉนฺตีสุ อญฺญา อเปฺปสกฺขา เทวตา ยาว มหาสมุทฺทจกฺกวาฬปพฺพตา ตาว ปฎิกฺกมนฺติฯ อยํ ปน อตฺตโน วสนฎฺฐาเน นิสีทิตฺวาว ธมฺมํ สุณาติฯ ยมฺปิ ปฐมยาเม ภิกฺขู ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, มชฺฌิมยาเม เทวตา, ตํ สพฺพํ ตเตฺถว นิสีทิตฺวา สุณาติฯ จตฺตาโร จ มหาราชาโนปิ ภควโต อุปฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา คจฺฉนฺตา ตํ เทวตํ ทิสฺวาว คจฺฉนฺติฯ

    Imaṃ gāthamabhāsi. Tatra paṭhamagāthā dhammapade saṅgahaṃ āruḷhā, dutiyā suttanipāte, vatthu pana vinayeti. Atha bhagavā dhammaṃ desentoyeva tassā devatāya vasanaṭṭhānaṃ āvajjanto patirūpaṃ ṭhānaṃ disvā ‘‘gaccha, devate, asukasmiṃ okāse rukkho vivitto, tasmiṃ upagacchā’’ti āha. So kira rukkho na āḷaviraṭṭhe, jetavanassa antoparikkhepe, yassa devaputtassa pariggaho ahosi, so cuto; tasmā ‘‘vivitto’’ti vutto. Tato paṭṭhāya ca pana sā devatā sammāsambuddhato laddhaparihārā buddhupaṭṭhāyikā ahosi. Yadā devatāsamāgamo hoti, tadā mahesakkhadevatāsu āgacchantīsu aññā appesakkhā devatā yāva mahāsamuddacakkavāḷapabbatā tāva paṭikkamanti. Ayaṃ pana attano vasanaṭṭhāne nisīditvāva dhammaṃ suṇāti. Yampi paṭhamayāme bhikkhū pañhaṃ pucchanti, majjhimayāme devatā, taṃ sabbaṃ tattheva nisīditvā suṇāti. Cattāro ca mahārājānopi bhagavato upaṭṭhānaṃ āgantvā gacchantā taṃ devataṃ disvāva gacchanti.

    ๙๐. ภูตคามปาตพฺยตายาติ เอตฺถ ภวนฺติ อหุวุญฺจาติ ภูตา; ชายนฺติ วฑฺฒนฺติ ชาตา วฑฺฒิตา จาติ อโตฺถฯ คาโมติ ราสิ; ภูตานํ คาโมติ ภูตคาโม; ภูตา เอว วา คาโม ภูตคาโม; ปติฎฺฐิตหริตติณรุกฺขาทีนเมตํ อธิวจนํฯ ปาตพฺยสฺส ภาโว ปาตพฺยตา; เฉทนเภทนาทีหิ ยถารุจิ ปริภุญฺชิตพฺพตาติ อโตฺถฯ ตสฺสา ภูตคามปาตพฺยตาย; นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมวจนํ, ภูตคามปาตพฺยตาเหตุ, ภูตคามสฺส เฉทนาทิปจฺจยา ปาจิตฺติยนฺติ อโตฺถฯ

    90.Bhūtagāmapātabyatāyāti ettha bhavanti ahuvuñcāti bhūtā; jāyanti vaḍḍhanti jātā vaḍḍhitā cāti attho. Gāmoti rāsi; bhūtānaṃ gāmoti bhūtagāmo; bhūtā eva vā gāmo bhūtagāmo; patiṭṭhitaharitatiṇarukkhādīnametaṃ adhivacanaṃ. Pātabyassa bhāvo pātabyatā; chedanabhedanādīhi yathāruci paribhuñjitabbatāti attho. Tassā bhūtagāmapātabyatāya; nimittatthe bhummavacanaṃ, bhūtagāmapātabyatāhetu, bhūtagāmassa chedanādipaccayā pācittiyanti attho.

    ๙๑. อิทานิ ตํ ภูตคามํ วิภชิตฺวา ทเสฺสโนฺต ภูตคาโม นาม ปญฺจ พีชชาตานีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ภูตคาโม นามาติ ภูตคามํ อุทฺธริตฺวา ยสฺมิํ สติ ภูตคาโม โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺจ พีชชาตานี’’ติ อาหาติ อฎฺฐกถาสุ วุตฺตํฯ เอวํ สเนฺตปิ ‘‘ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ มูเล ชายนฺตี’’ติอาทีนิ น สเมนฺติฯ น หิ มูลพีชาทีนิ มูลาทีสุ ชายนฺติ, มูลาทีสุ ชายมานานิ ปน ตานิ พีชากตานิ, ตสฺมา เอวเมตฺถ วณฺณนา เวทิตพฺพา – ภูตคาโม นามาติ วิภชิตพฺพปทํฯ ปญฺจาติ ตสฺส วิภาคปริเจฺฉโทฯ พีชชาตานีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํฯ ตสฺสโตฺถ – พีเชหิ ชาตานิ พีชชาตานิ; รุกฺขาทีนเมตํ อธิวจนํฯ อปโร นโย – พีชานิ จ ตานิ วิชาตานิ จ ปสูตานิ นิพฺพตฺตปณฺณมูลานีติ พีชชาตานิฯ เอเตน อลฺลวาลิกาทีสุ ฐปิตานํ นิพฺพตฺตปณฺณมูลานํ สิงฺคิเวราทีนํ สงฺคโห กโต โหติฯ

    91. Idāni taṃ bhūtagāmaṃ vibhajitvā dassento bhūtagāmo nāma pañca bījajātānītiādimāha. Tattha bhūtagāmo nāmāti bhūtagāmaṃ uddharitvā yasmiṃ sati bhūtagāmo hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘pañca bījajātānī’’ti āhāti aṭṭhakathāsu vuttaṃ. Evaṃ santepi ‘‘yāni vā panaññānipi atthi mūle jāyantī’’tiādīni na samenti. Na hi mūlabījādīni mūlādīsu jāyanti, mūlādīsu jāyamānāni pana tāni bījākatāni, tasmā evamettha vaṇṇanā veditabbā – bhūtagāmo nāmāti vibhajitabbapadaṃ. Pañcāti tassa vibhāgaparicchedo. Bījajātānīti paricchinnadhammanidassanaṃ. Tassattho – bījehi jātāni bījajātāni; rukkhādīnametaṃ adhivacanaṃ. Aparo nayo – bījāni ca tāni vijātāni ca pasūtāni nibbattapaṇṇamūlānīti bījajātāni. Etena allavālikādīsu ṭhapitānaṃ nibbattapaṇṇamūlānaṃ siṅgiverādīnaṃ saṅgaho kato hoti.

    อิทานิ เยหิ พีเชหิ ชาตตฺตา รุกฺขาทีนิ พีชชาตานีติ วุตฺตานิ, ตานิ ทเสฺสโนฺต ‘‘มูลพีช’’นฺติอาทิมาหฯ เตสํ อุเทฺทโส ปากโฎ เอวฯ นิเทฺทเส ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ มูเล ชายนฺติ มูเล สญฺชายนฺตีติ เอตฺถ พีชโต นิพฺพเตฺตน พีชํ ทสฺสิตํ , ตสฺมา เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ, ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ อาลุวกเสรุกมลุปฺปลปุณฺฑรีกกุวลยกนฺทปาฎลิมูลาทิเภเท มูเล คจฺฉวลฺลิรุกฺขาทีนิ ชายนฺติ สญฺชายนฺติ, ตานิ ยมฺหิ มูเล ชายนฺติ เจว สญฺชายนฺติ จ ตญฺจ, ปาฬิยํ วุตฺตํ หลิทฺทาทิ จ สพฺพมฺปิ เอตํ มูลพีชํ นามฯ เอเสว นโย ขนฺธพีชาทีสุฯ เยวาปนกขนฺธพีเชสุ ปเนตฺถ อมฺพาฎกอินฺทสาลนุหีปาฬิภทฺทกณิการาทีนิ ขนฺธพีชานิ, อมูลวลฺลิ จตุรสฺสวลฺลิกณวีราทีนิ ผฬุพีชานิ มกจิสุมนชยสุมนาทีนิ อคฺคพีชานิ, อมฺพชมฺพูปนสฎฺฐิอาทีนิ พีชพีชานีติ ทฎฺฐพฺพานิฯ

    Idāni yehi bījehi jātattā rukkhādīni bījajātānīti vuttāni, tāni dassento ‘‘mūlabīja’’ntiādimāha. Tesaṃ uddeso pākaṭo eva. Niddese yāni vā panaññānipi atthi mūle jāyanti mūle sañjāyantīti ettha bījato nibbattena bījaṃ dassitaṃ , tasmā evamettha attho daṭṭhabbo, yāni vā panaññānipi atthi āluvakaserukamaluppalapuṇḍarīkakuvalayakandapāṭalimūlādibhede mūle gacchavallirukkhādīni jāyanti sañjāyanti, tāni yamhi mūle jāyanti ceva sañjāyanti ca tañca, pāḷiyaṃ vuttaṃ haliddādi ca sabbampi etaṃ mūlabījaṃ nāma. Eseva nayo khandhabījādīsu. Yevāpanakakhandhabījesu panettha ambāṭakaindasālanuhīpāḷibhaddakaṇikārādīni khandhabījāni, amūlavalli caturassavallikaṇavīrādīni phaḷubījāni makacisumanajayasumanādīni aggabījāni, ambajambūpanasaṭṭhiādīni bījabījānīti daṭṭhabbāni.

    ๙๒. อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติย’’นฺติ ตตฺถ สญฺญาวเสน อาปตฺตานาปตฺติเภทํ ปาตพฺยตาเภทญฺจ ทเสฺสโนฺต พีเช พีชสญฺญีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถา ‘‘สาลีนํ เจปิ โอทนํ ภุญฺชตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๖) สาลิตณฺฑุลานํ โอทโน ‘‘สาลีนํ โอทโน’’ติ วุจฺจติ, เอวํ พีชโต สมฺภูโต ภูตคาโม ‘‘พีช’’นฺติ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ ยํ ปน ‘‘พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฎิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๐) วุตฺตํ ภูตคามปริโมจนํ กตฺวา ฐปิตํ พีชํ, ตํ ทุกฺกฎวตฺถุฯ อถ วา ยเทตํ ‘‘ภูตคาโม นามา’’ติ สิกฺขาปทวิภงฺคสฺส อาทิปทํ, เตน สทฺธิํ โยเชตฺวา ยํ พีชํ ภูตคาโม นาม โหติ, ตสฺมิํ พีเช พีชสญฺญี สตฺถกาทีนิ คเหตฺวา สยํ วา ฉินฺทติ อเญฺญน วา เฉทาเปติ, ปาสาณาทีนิ คเหตฺวา สยํ วา ภินฺทติ อเญฺญน วา เภทาเปติ, อคฺคิํ อุปสํหริตฺวา สยํ วา ปจติ อเญฺญน วา ปจาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยถารุตํ ปน คเหตฺวา ภูตคามวินิมุตฺตสฺส พีชสฺส ฉินฺทนาทิเภทาย ปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํ น วตฺตพฺพํฯ

    92. Idāni yaṃ vuttaṃ ‘‘bhūtagāmapātabyatāya pācittiya’’nti tattha saññāvasena āpattānāpattibhedaṃ pātabyatābhedañca dassento bīje bījasaññītiādimāha. Tattha yathā ‘‘sālīnaṃ cepi odanaṃ bhuñjatī’’tiādīsu (ma. ni. 1.76) sālitaṇḍulānaṃ odano ‘‘sālīnaṃ odano’’ti vuccati, evaṃ bījato sambhūto bhūtagāmo ‘‘bīja’’nti vuttoti veditabbo. Yaṃ pana ‘‘bījagāmabhūtagāmasamārambhā paṭivirato’’tiādīsu (dī. ni. 1.10) vuttaṃ bhūtagāmaparimocanaṃ katvā ṭhapitaṃ bījaṃ, taṃ dukkaṭavatthu. Atha vā yadetaṃ ‘‘bhūtagāmo nāmā’’ti sikkhāpadavibhaṅgassa ādipadaṃ, tena saddhiṃ yojetvā yaṃ bījaṃ bhūtagāmo nāma hoti, tasmiṃ bīje bījasaññī satthakādīni gahetvā sayaṃ vā chindati aññena vā chedāpeti, pāsāṇādīni gahetvā sayaṃ vā bhindati aññena vā bhedāpeti, aggiṃ upasaṃharitvā sayaṃ vā pacati aññena vā pacāpeti, āpatti pācittiyassāti evamettha attho veditabbo. Yathārutaṃ pana gahetvā bhūtagāmavinimuttassa bījassa chindanādibhedāya pātabyatāya pācittiyaṃ na vattabbaṃ.

    อยเญฺหตฺถ วินิจฺฉยกถา – ภูตคามํ วิโกเปนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ ภูตคามปริโมจิตํ ปญฺจวิธมฺปิ พีชคามํ วิโกเปนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ พีชคามภูตคาโม นาเมส อตฺถิ อุทกโฎฺฐ, อตฺถิ ถลโฎฺฐ ฯ ตตฺถ อุทกโฎฺฐ สาสปมตฺติกา ติลพีชกาทิเภทา สปณฺณิกา อปณฺณิกา จ สพฺพา เสวาลชาติ อนฺตมโส อุทกปปฺปฎกํ อุปาทาย ‘‘ภูตคาโม’’ติ เวทิตโพฺพฯ อุทกปปฺปฎโก นาม อุปริ ถโทฺธ ผรุสวโณฺณ, เหฎฺฐา มุทุ นีลวโณฺณ โหติฯ ตตฺถ ยสฺส เสวาลสฺส มูลํ โอรูหิตฺวา ปถวิยํ ปติฎฺฐิตํ, ตสฺส ปถวี ฐานํฯ โย อุทเก สญฺจรติ, ตสฺส อุทกํฯ ปถวิยํ ปติฎฺฐิตํ ยตฺถ กตฺถจิ วิโกเปนฺตสฺส อุทฺธริตฺวา วา ฐานนฺตรํ สงฺกาเมนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ อุทเก สญฺจรนฺตํ วิโกเปนฺตเสฺสว ปาจิตฺติยํฯ หเตฺถหิ ปน อิโต จิโต จ วิยูหิตฺวา นฺหายิตุํ วฎฺฎติ, สกลญฺหิ อุทกํ ตสฺส ฐานํฯ ตสฺมา น โส เอตฺตาวตา ฐานนฺตรํ สงฺกามิโต โหติฯ อุทกโต ปน อุทเกน วินา สญฺจิจฺจ อุกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติ, อุทเกน สทฺธิํ อุกฺขิปิตฺวา ปุน อุทเก ปกฺขิปิตุํ วฎฺฎติฯ ปริสฺสาวนนฺตเรน นิกฺขมติ, กปฺปิยํ การาเปตฺวาว อุทกํ ปริภุญฺชิตพฺพํฯ อุปฺปลินีปทุมินีอาทีนิ ชลชวลฺลิติณานิ อุทกโต อุทฺธรนฺตสฺส วา ตเตฺถว วิโกเปนฺตสฺส วา ปาจิตฺติยํฯ ปเรหิ อุปฺปาฎิตานิ วิโกเปนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ตานิ หิ พีชคาเม สงฺคหํ คจฺฉนฺติฯ ติลพีชกสาสปมตฺตกเสวาโลปิ อุทกโต อุทฺธโต อมิลาโต อคฺคพีชสงฺคหํ คจฺฉติฯ มหาปจฺจริยาทีสุ ‘‘อนนฺตกติลพีชกอุทกปปฺปฎกาทีนิ ทุกฺกฎวตฺถุกานี’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ การณํ น ทิสฺสติฯ อนฺธกฎฺฐกถายํ ‘‘สมฺปุณฺณภูตคาโม น โหติ, ตสฺมา ทุกฺกฎ’’นฺติ วุตฺตํ, ตมฺปิ น สเมติ, ภูตคาเม หิ ปาจิตฺติยํ, พีชคาเม ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ อสมฺปุณฺณภูตคาโม นาม ตติโย โกฎฺฐาโส เนว ปาฬิยํ น อฎฺฐกถาสุ อาคโตฯ อถ เอตํ พีชคามสงฺคหํ คจฺฉิสฺสตีติ , ตมฺปิ น ยุตฺตํ, อภูตคามมูลตฺตา ตาทิสสฺส พีชคามสฺสาติฯ อปิจ ‘‘ครุกลหุเกสุ ครุเก ฐาตพฺพ’’นฺติ เอตํ วินยลกฺขณํฯ

    Ayañhettha vinicchayakathā – bhūtagāmaṃ vikopentassa pācittiyaṃ bhūtagāmaparimocitaṃ pañcavidhampi bījagāmaṃ vikopentassa dukkaṭaṃ. Bījagāmabhūtagāmo nāmesa atthi udakaṭṭho, atthi thalaṭṭho . Tattha udakaṭṭho sāsapamattikā tilabījakādibhedā sapaṇṇikā apaṇṇikā ca sabbā sevālajāti antamaso udakapappaṭakaṃ upādāya ‘‘bhūtagāmo’’ti veditabbo. Udakapappaṭako nāma upari thaddho pharusavaṇṇo, heṭṭhā mudu nīlavaṇṇo hoti. Tattha yassa sevālassa mūlaṃ orūhitvā pathaviyaṃ patiṭṭhitaṃ, tassa pathavī ṭhānaṃ. Yo udake sañcarati, tassa udakaṃ. Pathaviyaṃ patiṭṭhitaṃ yattha katthaci vikopentassa uddharitvā vā ṭhānantaraṃ saṅkāmentassa pācittiyaṃ. Udake sañcarantaṃ vikopentasseva pācittiyaṃ. Hatthehi pana ito cito ca viyūhitvā nhāyituṃ vaṭṭati, sakalañhi udakaṃ tassa ṭhānaṃ. Tasmā na so ettāvatā ṭhānantaraṃ saṅkāmito hoti. Udakato pana udakena vinā sañcicca ukkhipituṃ na vaṭṭati, udakena saddhiṃ ukkhipitvā puna udake pakkhipituṃ vaṭṭati. Parissāvanantarena nikkhamati, kappiyaṃ kārāpetvāva udakaṃ paribhuñjitabbaṃ. Uppalinīpaduminīādīni jalajavallitiṇāni udakato uddharantassa vā tattheva vikopentassa vā pācittiyaṃ. Parehi uppāṭitāni vikopentassa dukkaṭaṃ. Tāni hi bījagāme saṅgahaṃ gacchanti. Tilabījakasāsapamattakasevālopi udakato uddhato amilāto aggabījasaṅgahaṃ gacchati. Mahāpaccariyādīsu ‘‘anantakatilabījakaudakapappaṭakādīni dukkaṭavatthukānī’’ti vuttaṃ, tattha kāraṇaṃ na dissati. Andhakaṭṭhakathāyaṃ ‘‘sampuṇṇabhūtagāmo na hoti, tasmā dukkaṭa’’nti vuttaṃ, tampi na sameti, bhūtagāme hi pācittiyaṃ, bījagāme dukkaṭaṃ vuttaṃ. Asampuṇṇabhūtagāmo nāma tatiyo koṭṭhāso neva pāḷiyaṃ na aṭṭhakathāsu āgato. Atha etaṃ bījagāmasaṅgahaṃ gacchissatīti , tampi na yuttaṃ, abhūtagāmamūlattā tādisassa bījagāmassāti. Apica ‘‘garukalahukesu garuke ṭhātabba’’nti etaṃ vinayalakkhaṇaṃ.

    ถลเฎฺฐ – ฉินฺนรุกฺขานํ อวสิโฎฺฐ หริตขาณุ นาม โหติฯ ตตฺถ กกุธกรญฺชปิยงฺคุปนสาทีนํ ขาณุ อุทฺธํ วฑฺฒติ, โส ภูตคาเมน สงฺคหิโตฯ ตาลนาฬิเกราทีนํ ขาณุ อุทฺธํ น วฑฺฒติ, โส พีชคาเมน สงฺคหิโตฯ กทลิยา ปน อผลิตาย ขาณุ ภูตคาเมน สงฺคหิโต, ผลิตาย พีชคาเมนฯ กทลี ปน ผลิตา ยาว นีลปณฺณา, ตาว ภูตคาเมเนว สงฺคหิตา, ตถา ผลิโต เวฬุฯ ยทา ปน อคฺคโต ปฎฺฐาย สุสฺสติ, ตทา พีชคาเมน สงฺคหํ คจฺฉติฯ กตรพีชคาเมน? ผฬุพีชคาเมนฯ กิํ ตโต นิพฺพตฺตติ? น กิญฺจิฯ ยทิ หิ นิพฺพเตฺตยฺย, ภูตคาเมเนว สงฺคหํ คเจฺฉยฺยฯ อินฺทสาลาทิรุเกฺข ฉินฺทิตฺวา ราสิํ กโรนฺติ, กิญฺจาปิ ราสิกตทณฺฑเกหิ รตนปฺปมาณาปิ สาขา นิกฺขมนฺติ, พีชคาเมเนว สงฺคหํ คจฺฉนฺติฯ ตตฺถ มณฺฑปตฺถาย วา วติอตฺถาย วา วลฺลิอาโรปนตฺถาย วา ภูมิยํ นิขณนฺติ, มูเลสุ เจว ปเณฺณสุ จ นิคฺคเตสุ ปุน ภูตคามสงฺขฺยํ คจฺฉนฺติฯ มูลมเตฺตสุ ปน ปณฺณมเตฺตสุ วา นิคฺคเตสุ พีชคาเมน สงฺคหิตา เอวฯ

    Thalaṭṭhe – chinnarukkhānaṃ avasiṭṭho haritakhāṇu nāma hoti. Tattha kakudhakarañjapiyaṅgupanasādīnaṃ khāṇu uddhaṃ vaḍḍhati, so bhūtagāmena saṅgahito. Tālanāḷikerādīnaṃ khāṇu uddhaṃ na vaḍḍhati, so bījagāmena saṅgahito. Kadaliyā pana aphalitāya khāṇu bhūtagāmena saṅgahito, phalitāya bījagāmena. Kadalī pana phalitā yāva nīlapaṇṇā, tāva bhūtagāmeneva saṅgahitā, tathā phalito veḷu. Yadā pana aggato paṭṭhāya sussati, tadā bījagāmena saṅgahaṃ gacchati. Katarabījagāmena? Phaḷubījagāmena. Kiṃ tato nibbattati? Na kiñci. Yadi hi nibbatteyya, bhūtagāmeneva saṅgahaṃ gaccheyya. Indasālādirukkhe chinditvā rāsiṃ karonti, kiñcāpi rāsikatadaṇḍakehi ratanappamāṇāpi sākhā nikkhamanti, bījagāmeneva saṅgahaṃ gacchanti. Tattha maṇḍapatthāya vā vatiatthāya vā valliāropanatthāya vā bhūmiyaṃ nikhaṇanti, mūlesu ceva paṇṇesu ca niggatesu puna bhūtagāmasaṅkhyaṃ gacchanti. Mūlamattesu pana paṇṇamattesu vā niggatesu bījagāmena saṅgahitā eva.

    ยานิ กานิจิ พีชานิ ปถวิยํ วา อุทเกน สิญฺจิตฺวา ฐปิตานิ, กปาลาทีสุ วา อลฺลปํสุํ ปกฺขิปิตฺวา นิกฺขิตฺตานิ โหนฺติ, สพฺพานิ มูลมเตฺต ปณฺณมเตฺต วา นิคฺคเตปิ พีชานิเยวฯ สเจปิ มูลานิ จ อุปริ องฺกุโร จ นิคฺคจฺฉติ, ยาว องฺกุโร หริโต น โหติ, ตาว พีชานิเยวฯ มุคฺคาทีนํ ปน ปเณฺณสุ อุฎฺฐิเตสุ วีหิอาทีนํ วา องฺกุเร หริเต นีลปณฺณวเณฺณ ชาเต ภูตคามสงฺคหํ คจฺฉนฺติฯ ตาลฎฺฐีนํ ปฐมํ สูกรทาฐา วิย มูลํ นิคฺคจฺฉติฯ นิคฺคเตปิ ยาว อุปริ ปตฺตวฎฺฎิ น นิคฺคจฺฉติ, ตาว พีชคาโมเยวฯ นาฬิเกรสฺส ตจํ ภินฺทิตฺวา ทนฺตสูจิ วิย องฺกุโร นิคฺคจฺฉติ , ยาว มิคสิงฺคสทิสา นีลปตฺตวฎฺฎิ น โหติ, ตาว พีชคาโมเยวฯ มูเล อนิคฺคเตปิ ตาทิสาย ปตฺตวฎฺฎิยา ชาตาย อมูลกภูตคาเม สงฺคหํ คจฺฉติฯ

    Yāni kānici bījāni pathaviyaṃ vā udakena siñcitvā ṭhapitāni, kapālādīsu vā allapaṃsuṃ pakkhipitvā nikkhittāni honti, sabbāni mūlamatte paṇṇamatte vā niggatepi bījāniyeva. Sacepi mūlāni ca upari aṅkuro ca niggacchati, yāva aṅkuro harito na hoti, tāva bījāniyeva. Muggādīnaṃ pana paṇṇesu uṭṭhitesu vīhiādīnaṃ vā aṅkure harite nīlapaṇṇavaṇṇe jāte bhūtagāmasaṅgahaṃ gacchanti. Tālaṭṭhīnaṃ paṭhamaṃ sūkaradāṭhā viya mūlaṃ niggacchati. Niggatepi yāva upari pattavaṭṭi na niggacchati, tāva bījagāmoyeva. Nāḷikerassa tacaṃ bhinditvā dantasūci viya aṅkuro niggacchati , yāva migasiṅgasadisā nīlapattavaṭṭi na hoti, tāva bījagāmoyeva. Mūle aniggatepi tādisāya pattavaṭṭiyā jātāya amūlakabhūtagāme saṅgahaṃ gacchati.

    อมฺพฎฺฐิอาทีนิ วีหิอาทีหิ วินิจฺฉินิตพฺพานิฯ วนฺทากา วา อญฺญา วา ยา กาจิ รุเกฺข ชายิตฺวา รุกฺขํ โอตฺถรติ, รุโกฺขว ตสฺสา ฐานํ, ตํ วิโกเปนฺตสฺส วา ตโต อุทฺธรนฺตสฺส วา ปาจิตฺติยํฯ เอกา อมูลิกา ลตา โหติ, องฺคุลิเวฐโก วิย วนปฺปคุมฺพทณฺฑเก เวเฐติ, ตสฺสาปิ อยเมว วินิจฺฉโยฯ เคหมุขปาการเวทิกาเจติยาทีสุ นีลวโณฺณ เสวาโล โหติ, ยาว เทฺว ตีณิ ปตฺตานิ น สญฺชายนฺติ ตาว อคฺคพีชสงฺคหํ คจฺฉติ ฯ ปเตฺตสุ ชาเตสุ ปาจิตฺติยวตฺถุฯ ตสฺมา ตาทิเสสุ ฐาเนสุ สุธาเลปมฺปิ ทาตุํ น วฎฺฎติฯ อนุปสมฺปเนฺนน ลิตฺตสฺส อุปริเสฺนหเลโป ทาตุํ วฎฺฎติฯ สเจ นิทาฆสมเย สุกฺขเสวาโล ติฎฺฐติ, ตํ สมฺมุญฺชนีอาทีหิ ฆํสิตฺวา อปเนตุํ วฎฺฎติฯ ปานียฆฎาทีนํ พหิ เสวาโล ทุกฺกฎวตฺถุ, อโนฺต อโพฺพหาริโกฯ ทนฺตกฎฺฐปูวาทีสุ กณฺณกมฺปิ อโพฺพหาริกเมวฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘สเจ เครุกปริกมฺมกตา ภิตฺติ กณฺณกิตา โหติ, โจฬกํ เตเมตฺวา ปีเฬตฺวา ปมชฺชิตพฺพา’’ติ (มหาว. ๖๖)ฯ

    Ambaṭṭhiādīni vīhiādīhi vinicchinitabbāni. Vandākā vā aññā vā yā kāci rukkhe jāyitvā rukkhaṃ ottharati, rukkhova tassā ṭhānaṃ, taṃ vikopentassa vā tato uddharantassa vā pācittiyaṃ. Ekā amūlikā latā hoti, aṅguliveṭhako viya vanappagumbadaṇḍake veṭheti, tassāpi ayameva vinicchayo. Gehamukhapākāravedikācetiyādīsu nīlavaṇṇo sevālo hoti, yāva dve tīṇi pattāni na sañjāyanti tāva aggabījasaṅgahaṃ gacchati . Pattesu jātesu pācittiyavatthu. Tasmā tādisesu ṭhānesu sudhālepampi dātuṃ na vaṭṭati. Anupasampannena littassa uparisnehalepo dātuṃ vaṭṭati. Sace nidāghasamaye sukkhasevālo tiṭṭhati, taṃ sammuñjanīādīhi ghaṃsitvā apanetuṃ vaṭṭati. Pānīyaghaṭādīnaṃ bahi sevālo dukkaṭavatthu, anto abbohāriko. Dantakaṭṭhapūvādīsu kaṇṇakampi abbohārikameva. Vuttañhetaṃ – ‘‘sace gerukaparikammakatā bhitti kaṇṇakitā hoti, coḷakaṃ temetvā pīḷetvā pamajjitabbā’’ti (mahāva. 66).

    ปาสาณชาติปาสาณททฺทุเสวาลเสเลยฺยกาทีนิ อหริตวณฺณานิ อปตฺตกานิ จ ทุกฺกฎวตฺถุกานิฯ อหิจฺฉตฺตกํ ยาว มกุฬํ โหติ, ตาว ทุกฺกฎวตฺถุฯ ปุปฺผิตกาลโต ปฎฺฐาย อโพฺพหาริกํฯ อลฺลรุกฺขโต ปน อหิจฺฉตฺตกํ คณฺหโนฺต รุกฺขตฺตจํ วิโกเปติ, ตสฺมา ตตฺถ ปาจิตฺติยํฯ รุกฺขปปฺปฎิกายปิ เอเสว นโยฯ ยา ปน อินฺทสาลกกุธาทีนํ ปปฺปฎิกา รุกฺขโต มุจฺจิตฺวา ติฎฺฐติ, ตํ คณฺหนฺตสฺส อนาปตฺติฯ นิยฺยาสมฺปิ รุกฺขโต มุจฺจิตฺวา ฐิตํ สุกฺขรุเกฺข วา ลคฺคํ คณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ อลฺลรุกฺขโต น วฎฺฎติฯ ลาขายปิ เอเสว นโยฯ รุกฺขํ จาเลตฺวา ปณฺฑุปลาสํ วา ปริณตกณิการาทิปุปฺผํ วา ปาเตนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมวฯ หตฺถกุกฺกุเจฺจน มุทุเกสุ อินฺทสาลนุหีขนฺธาทีสุ วา ตตฺถชาตกตาลปณฺณาทีสุ วา อกฺขรํ ฉินฺทนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ

    Pāsāṇajātipāsāṇadaddusevālaseleyyakādīni aharitavaṇṇāni apattakāni ca dukkaṭavatthukāni. Ahicchattakaṃ yāva makuḷaṃ hoti, tāva dukkaṭavatthu. Pupphitakālato paṭṭhāya abbohārikaṃ. Allarukkhato pana ahicchattakaṃ gaṇhanto rukkhattacaṃ vikopeti, tasmā tattha pācittiyaṃ. Rukkhapappaṭikāyapi eseva nayo. Yā pana indasālakakudhādīnaṃ pappaṭikā rukkhato muccitvā tiṭṭhati, taṃ gaṇhantassa anāpatti. Niyyāsampi rukkhato muccitvā ṭhitaṃ sukkharukkhe vā laggaṃ gaṇhituṃ vaṭṭati. Allarukkhato na vaṭṭati. Lākhāyapi eseva nayo. Rukkhaṃ cāletvā paṇḍupalāsaṃ vā pariṇatakaṇikārādipupphaṃ vā pātentassa pācittiyameva. Hatthakukkuccena mudukesu indasālanuhīkhandhādīsu vā tatthajātakatālapaṇṇādīsu vā akkharaṃ chindantassāpi eseva nayo.

    สามเณรานํ ปุปฺผํ โอจินนฺตานํ สาขํ โอนาเมตฺวา ทาตุํ วฎฺฎติฯ เตหิ ปน ปุเปฺผหิ ปานียํ น วาเสตพฺพํฯ ปานียวาสตฺถิเกน สามเณรํ อุกฺขิปิตฺวา โอจินาเปตพฺพานิฯ ผลสาขาปิ อตฺตนา ขาทิตุกาเมน น โอนาเมตพฺพาฯ สามเณรํ อุกฺขิปิตฺวา ผลํ คาหาเปตพฺพํฯ ยํกิญฺจิ คจฺฉํ วา ลตํ วา อุปฺปาเฎเนฺตหิ สามเณเรหิ สทฺธิํ คเหตฺวา อากฑฺฒิตุํ น วฎฺฎติฯ เตสํ ปน อุสฺสาหชนนตฺถํ อนากฑฺฒเนฺตน กฑฺฒนาการํ ทเสฺสเนฺตน วิย อเคฺค คเหตุํ วฎฺฎติฯ เยสํ รุกฺขานํ สาขา รุหติ, เตสํ สาขํ มกฺขิกาพีชนาทีนํ อตฺถาย กปฺปิยํ อการาเปตฺวา คหิตํ ตเจ วา ปเตฺต วา อนฺตมโส นเขนปิ วิลิขนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ อลฺลสิงฺคิเวราทีสุปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน กปฺปิยํ การาเปตฺวา สีตเล ปเทเส ฐปิตสฺส มูลํ สญฺชายติ, อุปริภาเค ฉินฺทิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ องฺกุโร ชายติ, เหฎฺฐาภาเค ฉินฺทิตุํ วฎฺฎติฯ มูเล จ นีลงฺกุเร จ ชาเต น วฎฺฎติฯ

    Sāmaṇerānaṃ pupphaṃ ocinantānaṃ sākhaṃ onāmetvā dātuṃ vaṭṭati. Tehi pana pupphehi pānīyaṃ na vāsetabbaṃ. Pānīyavāsatthikena sāmaṇeraṃ ukkhipitvā ocināpetabbāni. Phalasākhāpi attanā khāditukāmena na onāmetabbā. Sāmaṇeraṃ ukkhipitvā phalaṃ gāhāpetabbaṃ. Yaṃkiñci gacchaṃ vā lataṃ vā uppāṭentehi sāmaṇerehi saddhiṃ gahetvā ākaḍḍhituṃ na vaṭṭati. Tesaṃ pana ussāhajananatthaṃ anākaḍḍhantena kaḍḍhanākāraṃ dassentena viya agge gahetuṃ vaṭṭati. Yesaṃ rukkhānaṃ sākhā ruhati, tesaṃ sākhaṃ makkhikābījanādīnaṃ atthāya kappiyaṃ akārāpetvā gahitaṃ tace vā patte vā antamaso nakhenapi vilikhantassa dukkaṭaṃ. Allasiṅgiverādīsupi eseva nayo. Sace pana kappiyaṃ kārāpetvā sītale padese ṭhapitassa mūlaṃ sañjāyati, uparibhāge chindituṃ vaṭṭati. Sace aṅkuro jāyati, heṭṭhābhāge chindituṃ vaṭṭati. Mūle ca nīlaṅkure ca jāte na vaṭṭati.

    ฉินฺทติ วา เฉทาเปติ วาติ อนฺตมโส สมฺมุญฺชโนสลากายปิ ติณานิ ฉินฺทิสฺสามีติ ภูมิํ สมฺมชฺชโนฺต สยํ วา ฉินฺทติ, อเญฺญน วา เฉทาเปติฯ ภินฺทติ วา เภทาเปติ วาติ อนฺตมโส จงฺกมโนฺตปิ ฉิชฺชนกํ ฉิชฺชตุ, ภิชฺชนกํ ภิชฺชตุ, จงฺกมิตฎฺฐานํ ทเสฺสสฺสามีติ สญฺจิจฺจ ปาเทหิ อกฺกมโนฺต ติณวลฺลิอาทีนิ สยํ วา ภินฺทติ อเญฺญน วา เภทาเปติฯ สเจปิ หิ ติณํ วา ลตํ วา คณฺฐิํ กโรนฺตสฺส ภิชฺชติ, คณฺฐิปิ น กาตโพฺพฯ ตาลรุกฺขาทีสุ ปน โจรานํ อนารุหนตฺถาย ทารุมกฺกฎกํ อาโกเฎนฺติ, กณฺฎเก พนฺธนฺติ, ภิกฺขุสฺส เอวํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ ทารุมกฺกฎโก รุเกฺข อลฺลีนมโตฺตว โหติ, รุกฺขํ น ปีเฬติ, วฎฺฎติฯ ‘‘รุกฺขํ ฉินฺท, ลตํ ฉินฺท, กนฺทํ วา มูลํ วา อุปฺปาเฎหี’’ติ วตฺตุมฺปิ วฎฺฎติ, อนิยามิตตฺตาฯ นิยาเมตฺวา ปน ‘‘อิมํ รุกฺขํ ฉินฺทา’’ติอาทิ วตฺตุํ น วฎฺฎติฯ นามํ คเหตฺวาปิ ‘‘อมฺพรุกฺขํ จตุรสฺสวลฺลิํ อาลุวกนฺทํ มุญฺชติณํ อสุกรุกฺขจฺฉลฺลิํ ฉินฺท ภินฺท อุปฺปาเฎหี’’ติอาทิวจนมฺปิ อนิยามิตเมว โหติฯ ‘‘อิมํ อมฺพรุกฺข’’นฺติอาทิวจนเมว หิ นิยามิตํ นาม, ตํ น วฎฺฎติฯ

    Chindati vā chedāpeti vāti antamaso sammuñjanosalākāyapi tiṇāni chindissāmīti bhūmiṃ sammajjanto sayaṃ vā chindati, aññena vā chedāpeti. Bhindati vā bhedāpeti vāti antamaso caṅkamantopi chijjanakaṃ chijjatu, bhijjanakaṃ bhijjatu, caṅkamitaṭṭhānaṃ dassessāmīti sañcicca pādehi akkamanto tiṇavalliādīni sayaṃ vā bhindati aññena vā bhedāpeti. Sacepi hi tiṇaṃ vā lataṃ vā gaṇṭhiṃ karontassa bhijjati, gaṇṭhipi na kātabbo. Tālarukkhādīsu pana corānaṃ anāruhanatthāya dārumakkaṭakaṃ ākoṭenti, kaṇṭake bandhanti, bhikkhussa evaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Sace dārumakkaṭako rukkhe allīnamattova hoti, rukkhaṃ na pīḷeti, vaṭṭati. ‘‘Rukkhaṃ chinda, lataṃ chinda, kandaṃ vā mūlaṃ vā uppāṭehī’’ti vattumpi vaṭṭati, aniyāmitattā. Niyāmetvā pana ‘‘imaṃ rukkhaṃ chindā’’tiādi vattuṃ na vaṭṭati. Nāmaṃ gahetvāpi ‘‘ambarukkhaṃ caturassavalliṃ āluvakandaṃ muñjatiṇaṃ asukarukkhacchalliṃ chinda bhinda uppāṭehī’’tiādivacanampi aniyāmitameva hoti. ‘‘Imaṃ ambarukkha’’ntiādivacanameva hi niyāmitaṃ nāma, taṃ na vaṭṭati.

    ปจติ วา ปจาเปติ วาติ อนฺตมโส ปตฺตมฺปิ ปจิตุกาโม ติณาทีนํ อุปริ สญฺจิจฺจ อคฺคิํ กโรโนฺต สยํ วา ปจติ, อเญฺญน วา ปจาเปตีติ สพฺพํ ปถวีขณนสิกฺขาปเท วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ อนิยาเมตฺวา ปน ‘‘มุเคฺค ปจ, มาเส ปจา’’ติอาทิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ‘‘อิเม มุเคฺค ปจ, อิเม มาเส ปจา’’ติ เอวํ วตฺตุํ น วฎฺฎติฯ

    Pacati vā pacāpeti vāti antamaso pattampi pacitukāmo tiṇādīnaṃ upari sañcicca aggiṃ karonto sayaṃ vā pacati, aññena vā pacāpetīti sabbaṃ pathavīkhaṇanasikkhāpade vuttanayena veditabbaṃ. Aniyāmetvā pana ‘‘mugge paca, māse pacā’’tiādi vattuṃ vaṭṭati. ‘‘Ime mugge paca, ime māse pacā’’ti evaṃ vattuṃ na vaṭṭati.

    อนาปตฺติ อิมํ ชานาติอาทีสุ ‘‘อิมํ มูลเภสชฺชํ ชาน, อิมํ มูลํ วา ปณฺณํ วา เทหิ, อิมํ รุกฺขํ วา ลตํ วา อาหร, อิมินา ปุเปฺผน วา ผเลน วา ปเณฺณน วา อโตฺถ, อิมํ รุกฺขํ วา ลตํ วา ผลํ วา กปฺปิยํ กโรหี’’ติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอตฺตาวตา ภูตคามปริโมจนํ กตํ โหติฯ ปริภุญฺชเนฺตน ปน พีชคามปริโมจนตฺถํ ปุน กปฺปิยํ กาเรตพฺพํฯ

    Anāpatti imaṃ jānātiādīsu ‘‘imaṃ mūlabhesajjaṃ jāna, imaṃ mūlaṃ vā paṇṇaṃ vā dehi, imaṃ rukkhaṃ vā lataṃ vā āhara, iminā pupphena vā phalena vā paṇṇena vā attho, imaṃ rukkhaṃ vā lataṃ vā phalaṃ vā kappiyaṃ karohī’’ti evamattho daṭṭhabbo. Ettāvatā bhūtagāmaparimocanaṃ kataṃ hoti. Paribhuñjantena pana bījagāmaparimocanatthaṃ puna kappiyaṃ kāretabbaṃ.

    กปฺปิยกรณเญฺจตฺถ อิมินา สุตฺตานุสาเรน เวทิตพฺพํ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปญฺจหิ สมณกเปฺปหิ ผลํ ปริภุญฺชิตุํ อคฺคิปริชิตํ สตฺถปริชิตํ นขปริชิตํ อพีชํ นิพฺพฎฺฎพีชเมว ปญฺจม’’นฺติฯ ตตฺถ ‘‘อคฺคิปริชิต’’นฺติ อคฺคินา ปริชิตํ อธิภูตํ ทฑฺฒํ ผุฎฺฐนฺติ อโตฺถฯ ‘‘สตฺถปริชิต’’นฺติ สเตฺถน ปริชิตํ อธิภูตํ ฉินฺนํ วิทฺธํ วาติ อโตฺถฯ เอส นโย นขปริชิเตฯ อพีชนิพฺพฎฺฎพีชานิ สยเมว กปฺปิยานิฯ อคฺคินา กปฺปิยํ กโรเนฺตน กฎฺฐคฺคิโคมยคฺคิอาทีสุ เยน เกนจิ อนฺตมโส โลหขเณฺฑนปิ อาทิเตฺตน กปฺปิยํ กาตพฺพํฯ ตญฺจ โข เอกเทเส ผุสเนฺตน ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวาว กาตพฺพํฯ สเตฺถน กโรเนฺตน ยสฺส กสฺสจิ โลหมยสตฺถสฺส อนฺตมโส สูจินขเจฺฉทนานมฺปิ ตุเณฺฑน วา ธาราย วา เฉทํ วา เวธํ วา ทเสฺสเนฺตน ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวาว กาตพฺพํฯ นเขน กปฺปิยํ กโรเนฺตน ปูตินเขน น กาตพฺพํฯ มนุสฺสานํ ปน สีหพฺยคฺฆทีปิมกฺกฎาทีนํ สกุนฺตานญฺจ นขา ติขิณา โหนฺติ, เตหิ กาตพฺพํฯ อสฺสมหิํสสูกรมิคโครูปาทีนํ ขุรา อติขิณา, เตหิ น กาตพฺพํ, กตมฺปิ อกตํ โหติฯ หตฺถินขา ปน ขุรา น โหนฺติ, เตหิ วฎฺฎติฯ เยหิ ปน กาตุํ วฎฺฎติ, เตหิ ตตฺถชาตเกหิปิ อุทฺธริตฺวา คหิตเกหิปิ เฉทํ วา เวธํ วา ทเสฺสเนฺตน ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวาว กาตพฺพํฯ

    Kappiyakaraṇañcettha iminā suttānusārena veditabbaṃ – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, pañcahi samaṇakappehi phalaṃ paribhuñjituṃ aggiparijitaṃ satthaparijitaṃ nakhaparijitaṃ abījaṃ nibbaṭṭabījameva pañcama’’nti. Tattha ‘‘aggiparijita’’nti agginā parijitaṃ adhibhūtaṃ daḍḍhaṃ phuṭṭhanti attho. ‘‘Satthaparijita’’nti satthena parijitaṃ adhibhūtaṃ chinnaṃ viddhaṃ vāti attho. Esa nayo nakhaparijite. Abījanibbaṭṭabījāni sayameva kappiyāni. Agginā kappiyaṃ karontena kaṭṭhaggigomayaggiādīsu yena kenaci antamaso lohakhaṇḍenapi ādittena kappiyaṃ kātabbaṃ. Tañca kho ekadese phusantena ‘‘kappiya’’nti vatvāva kātabbaṃ. Satthena karontena yassa kassaci lohamayasatthassa antamaso sūcinakhacchedanānampi tuṇḍena vā dhārāya vā chedaṃ vā vedhaṃ vā dassentena ‘‘kappiya’’nti vatvāva kātabbaṃ. Nakhena kappiyaṃ karontena pūtinakhena na kātabbaṃ. Manussānaṃ pana sīhabyagghadīpimakkaṭādīnaṃ sakuntānañca nakhā tikhiṇā honti, tehi kātabbaṃ. Assamahiṃsasūkaramigagorūpādīnaṃ khurā atikhiṇā, tehi na kātabbaṃ, katampi akataṃ hoti. Hatthinakhā pana khurā na honti, tehi vaṭṭati. Yehi pana kātuṃ vaṭṭati, tehi tatthajātakehipi uddharitvā gahitakehipi chedaṃ vā vedhaṃ vā dassentena ‘‘kappiya’’nti vatvāva kātabbaṃ.

    ตตฺถ สเจปิ พีชานํ ปพฺพตมโตฺต ราสิ รุกฺขสหสฺสํ วา ฉินฺทิตฺวา เอกาพทฺธํ กตฺวา อุจฺฉูนํ วา มหาภาโร พนฺธิตฺวา ฐปิโต โหติ, เอกสฺมิํ พีเช วา รุกฺขสาขาย วา อุจฺฉุมฺหิ วา กปฺปิเย กเต สพฺพํ กตํ โหติฯ อุจฺฉู จ ทารูนิ จ เอกโต พทฺธานิ โหนฺติ, อุจฺฉุํ กปฺปิยํ กริสฺสามีติ ทารุํ วิชฺฌติ, วฎฺฎติเยวฯ สเจ ปน ยาย รชฺชุยา วา วลฺลิยา วา พทฺธานิ, ตํ วิชฺฌติ, น วฎฺฎติฯ อุจฺฉุขณฺฑานํ ปจฺฉิํ ปูเรตฺวา อาหรนฺติ, เอกสฺมิํ ขเณฺฑ กปฺปิเย กเต สพฺพํ กตเมว โหติฯ มริจปกฺกาทีหิ มิเสฺสตฺวา ภตฺตํ อาหรนฺติ, ‘‘กปฺปิยํ กโรหี’’ติ วุเตฺต สเจปิ ภตฺตสิเตฺถ วิชฺฌติ, วฎฺฎติเยวฯ ติลตณฺฑุลาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ยาคุยา ปกฺขิตฺตานิ ปน เอกาพทฺธานิ หุตฺวา น สนฺติฎฺฐนฺติ, ตตฺถ เอกเมกํ วิชฺฌิตฺวา กปฺปิยํ กาตพฺพเมวฯ กปิตฺถผลาทีนํ อโนฺต มิญฺชํ กฎาหํ มุญฺจิตฺวา สญฺจรติ, ภินฺทาเปตฺวา กปฺปิยํ การาเปตพฺพํฯ เอกาพทฺธํ โหติ, กฎาเหปิ กาตุํ วฎฺฎติฯ

    Tattha sacepi bījānaṃ pabbatamatto rāsi rukkhasahassaṃ vā chinditvā ekābaddhaṃ katvā ucchūnaṃ vā mahābhāro bandhitvā ṭhapito hoti, ekasmiṃ bīje vā rukkhasākhāya vā ucchumhi vā kappiye kate sabbaṃ kataṃ hoti. Ucchū ca dārūni ca ekato baddhāni honti, ucchuṃ kappiyaṃ karissāmīti dāruṃ vijjhati, vaṭṭatiyeva. Sace pana yāya rajjuyā vā valliyā vā baddhāni, taṃ vijjhati, na vaṭṭati. Ucchukhaṇḍānaṃ pacchiṃ pūretvā āharanti, ekasmiṃ khaṇḍe kappiye kate sabbaṃ katameva hoti. Maricapakkādīhi missetvā bhattaṃ āharanti, ‘‘kappiyaṃ karohī’’ti vutte sacepi bhattasitthe vijjhati, vaṭṭatiyeva. Tilataṇḍulādīsupi eseva nayo. Yāguyā pakkhittāni pana ekābaddhāni hutvā na santiṭṭhanti, tattha ekamekaṃ vijjhitvā kappiyaṃ kātabbameva. Kapitthaphalādīnaṃ anto miñjaṃ kaṭāhaṃ muñcitvā sañcarati, bhindāpetvā kappiyaṃ kārāpetabbaṃ. Ekābaddhaṃ hoti, kaṭāhepi kātuṃ vaṭṭati.

    อสญฺจิจฺจาติ ปาสาณรุกฺขาทีนิ วา ปวเฎฺฎนฺตสฺส สาขํ วา กฑฺฒนฺตสฺส กตฺตรทเณฺฑน วา ภูมิํ ปหริตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ติณานิ ฉิชฺชนฺติ, ตานิ เตน ฉินฺทิสฺสามีติ เอวํ สญฺจิจฺจ อจฺฉินฺนตฺตา อสญฺจิจฺจ ฉินฺนานิ นาม โหนฺติฯ อิติ อสญฺจิจฺจ ฉินฺทนฺตสฺส อนาปตฺติฯ

    Asañciccāti pāsāṇarukkhādīni vā pavaṭṭentassa sākhaṃ vā kaḍḍhantassa kattaradaṇḍena vā bhūmiṃ paharitvā gacchantassa tiṇāni chijjanti, tāni tena chindissāmīti evaṃ sañcicca acchinnattā asañcicca chinnāni nāma honti. Iti asañcicca chindantassa anāpatti.

    อสติยาติ อญฺญวิหิโต เกนจิ สทฺธิํ กิญฺจิ กเถโนฺต ปาทงฺคุฎฺฐเกน วา หเตฺถน วา ติณํ วา ลตํ วา ฉินฺทโนฺต ติฎฺฐติ, เอวํ อสติยา ฉินฺทนฺตสฺส อนาปตฺติฯ

    Asatiyāti aññavihito kenaci saddhiṃ kiñci kathento pādaṅguṭṭhakena vā hatthena vā tiṇaṃ vā lataṃ vā chindanto tiṭṭhati, evaṃ asatiyā chindantassa anāpatti.

    อชานนฺตสฺสาติ เอตฺถพฺภนฺตเร พีชคาโมติ วา ภูตคาโมติ วา น ชานาติ, ฉินฺทามีติปิ น ชานาติ, เกวลํ วติยา วา ปลาลปุเญฺช วา นิขาทนํ วา ขณิตฺติํ วา กุทาลํ วา สโงฺคปนตฺถาย ฐเปติ, ฑยฺหมานหโตฺถ วา อคฺคิํ ปาเตติ, ตตฺร เจ ติณานิ ฉิชฺชนฺติ วา ฑยฺหนฺติ วา อนาปตฺติฯ มนุสฺสวิคฺคหปาราชิกวณฺณนายํ ปน สพฺพอฎฺฐกถาสุ ‘‘สเจ ภิกฺขุ รุเกฺขน วา อโชฺฌตฺถโฎ โหติ, โอปาเต วา ปติโต สกฺกา จ โหติ รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา ภูมิํ วา ขณิตฺวา นิกฺขมิตุํ, ชีวิตเหตุปิ อตฺตนา น กาตพฺพํฯ อเญฺญน ปน ภิกฺขุนา ภูมิํ วา ขณิตฺวา รุกฺขํ วา ฉินฺทิตฺวา อลฺลรุกฺขโต วา ทณฺฑกํ ฉินฺทิตฺวา ตํ รุกฺขํ ปวเฎฺฎตฺวา นิกฺขาเมตุํ วฎฺฎติ, อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ การณํ น ทิสฺสติ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทวฑาเห ฑยฺหมาเน ปฎคฺคิํ ทาตุํ, ปริตฺตํ กาตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๘๓) อิทํ ปน เอกเมว สุตฺตํ ทิสฺสติฯ สเจ เอตสฺส อนุโลมํ ‘‘อตฺตโน น วฎฺฎติ, อญฺญสฺส วฎฺฎตี’’ติ อิทํ นานากรณํ น สกฺกา ลทฺธุํฯ อตฺตโน อตฺถาย กโรโนฺต อตฺตสิเนเหน อกุสลจิเตฺตเนว กโรติ, ปโร ปน การุเญฺญน, ตสฺมา อนาปตฺตีติ เจฯ เอตมฺปิ อการณํฯ กุสลจิเตฺตนาปิ หิ อิมํ อาปตฺติํ อาปชฺชติฯ สพฺพอฎฺฐกถาสุ ปน วุตฺตตฺตา น สกฺกา ปฎิเสเธตุํฯ คเวสิตพฺพา เอตฺถ ยุตฺติฯ อฎฺฐกถาจริยานํ วา สทฺธาย คนฺตพฺพนฺติฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ

    Ajānantassāti etthabbhantare bījagāmoti vā bhūtagāmoti vā na jānāti, chindāmītipi na jānāti, kevalaṃ vatiyā vā palālapuñje vā nikhādanaṃ vā khaṇittiṃ vā kudālaṃ vā saṅgopanatthāya ṭhapeti, ḍayhamānahattho vā aggiṃ pāteti, tatra ce tiṇāni chijjanti vā ḍayhanti vā anāpatti. Manussaviggahapārājikavaṇṇanāyaṃ pana sabbaaṭṭhakathāsu ‘‘sace bhikkhu rukkhena vā ajjhotthaṭo hoti, opāte vā patito sakkā ca hoti rukkhaṃ chinditvā bhūmiṃ vā khaṇitvā nikkhamituṃ, jīvitahetupi attanā na kātabbaṃ. Aññena pana bhikkhunā bhūmiṃ vā khaṇitvā rukkhaṃ vā chinditvā allarukkhato vā daṇḍakaṃ chinditvā taṃ rukkhaṃ pavaṭṭetvā nikkhāmetuṃ vaṭṭati, anāpattī’’ti vuttaṃ. Tattha kāraṇaṃ na dissati – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, davaḍāhe ḍayhamāne paṭaggiṃ dātuṃ, parittaṃ kātu’’nti (cūḷava. 283) idaṃ pana ekameva suttaṃ dissati. Sace etassa anulomaṃ ‘‘attano na vaṭṭati, aññassa vaṭṭatī’’ti idaṃ nānākaraṇaṃ na sakkā laddhuṃ. Attano atthāya karonto attasinehena akusalacitteneva karoti, paro pana kāruññena, tasmā anāpattīti ce. Etampi akāraṇaṃ. Kusalacittenāpi hi imaṃ āpattiṃ āpajjati. Sabbaaṭṭhakathāsu pana vuttattā na sakkā paṭisedhetuṃ. Gavesitabbā ettha yutti. Aṭṭhakathācariyānaṃ vā saddhāya gantabbanti. Sesaṃ uttānameva.

    ติสมุฎฺฐานํ – กายจิตฺตโต วาจาจิตฺตโต กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติฯ กิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    Tisamuṭṭhānaṃ – kāyacittato vācācittato kāyavācācittato ca samuṭṭhāti. Kiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.

    ภูตคามสิกฺขาปทํ ปฐมํฯ

    Bhūtagāmasikkhāpadaṃ paṭhamaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ภูตคามวโคฺค • 2. Bhūtagāmavaggo

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. ภูตคามสิกฺขาปท-อตฺถโยชนา • 1. Bhūtagāmasikkhāpada-atthayojanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact