Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ๒. ภูตคามวโคฺค

    2. Bhūtagāmavaggo

    ๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา

    1. Bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanā

    ๘๙. ผรสุํ นิคฺคเหตุํ อสโกฺกโนฺตติ ทสฺสิตภาวํ ชานาเปติฯ กสฺมา อยํ ผรสุํ อุคฺคิรีติ เจ? มนุสฺสานนฺติอาทิ ตสฺส ปริหาโรฯ ‘‘อาโกเฎสิ ฉินฺทีติ จ วจนโต รุกฺขเทวตานํ หตฺถานิ ฉิชฺชนฺติ, น จาตุมหาราชิกาทีนํ วิย อเจฺฉชฺชานี’’ติ วทนฺติฯ

    89.Pharasuṃ niggahetuṃ asakkontoti dassitabhāvaṃ jānāpeti. Kasmā ayaṃ pharasuṃ uggirīti ce? Manussānantiādi tassa parihāro. ‘‘Ākoṭesi chindīti ca vacanato rukkhadevatānaṃ hatthāni chijjanti, na cātumahārājikādīnaṃ viya acchejjānī’’ti vadanti.

    ๙๐-๙๒. ภวนฺติ อหุวุญฺจาติ ทฺวิกาลิโก ภูตสโทฺทฯ ยทิ พีชโต นิพฺพเตฺตน พีชํ ทสฺสิตํ, ตเทว สนฺตกํ ยทิทํฯ โสว กุกฺกุโฎ มํสิมกฺขิโตติ อยเมว หิ ปริหาโรฯ อฎฺฐกถาสุปิ หิ ‘‘พีเช พีชสญฺญี’’ติ ลิขิตํฯ ยํ พีชํ ภูตคาโม นาม โหติ, ตสฺมิํ พีเช ภูตคามพีเชติ โยเชตฺวาฯ อมูลกตฺตา กิร สมฺปุณฺณภูตคาโม น โหติ, ‘‘สมูลปโตฺต เอว หิ ภูตคาโม นามา’’ติ การณํ วทนฺติฯ ‘‘อภูตคามมูลตฺตาติ ภูตคามโต อนุปฺปนฺนตฺตา อภูตคามมูลํ, ภูตคามสฺส อมูลกตฺตา วาฯ น หิ ตโต อโญฺญ ภูตคาโม อุปฺปชฺชตี’’ติ ทฺวิธาปิ ลิขิตํฯ ปิยงฺคุ อสนรุโกฺข วฑฺฒนตฺตโจ ขชฺชผโล, ‘‘ปีตสาโล’’ติปิ วุจฺจติฯ อมูลกภูตคาเม สงฺคหํ คจฺฉตีติ นาฬิเกรเสฺสวายํฯ ฆฎปิฎฺฐิชาตตฺตา, พีชคามานุโลมตฺตา จ ทุกฺกฎวตฺถุฯ น วาเสตพฺพํ ‘‘ทุรูปจิณฺณตฺตา’’ติ ลิขิตํ, ‘‘เยสํ รุกฺขานํ สาขา รุหตีติ วจนโต เยสํ น รุหติ, เตสํ สาขาย กปฺปิยกรณกิจฺจํ นตฺถีติ สิทฺธ’’นฺติ วุตฺตํฯ มุทฺทติณนฺติ ตสฺส นามํฯ ‘‘มุญฺชติณนฺติ ปาโฐ’’ติ ลิขิตํฯ

    90-92.Bhavanti ahuvuñcāti dvikāliko bhūtasaddo. Yadi bījato nibbattena bījaṃ dassitaṃ, tadeva santakaṃ yadidaṃ. Sova kukkuṭo maṃsimakkhitoti ayameva hi parihāro. Aṭṭhakathāsupi hi ‘‘bīje bījasaññī’’ti likhitaṃ. Yaṃ bījaṃ bhūtagāmo nāma hoti, tasmiṃ bīje bhūtagāmabījeti yojetvā. Amūlakattā kira sampuṇṇabhūtagāmo na hoti, ‘‘samūlapatto eva hi bhūtagāmo nāmā’’ti kāraṇaṃ vadanti. ‘‘Abhūtagāmamūlattāti bhūtagāmato anuppannattā abhūtagāmamūlaṃ, bhūtagāmassa amūlakattā vā. Na hi tato añño bhūtagāmo uppajjatī’’ti dvidhāpi likhitaṃ. Piyaṅgu asanarukkho vaḍḍhanattaco khajjaphalo, ‘‘pītasālo’’tipi vuccati. Amūlakabhūtagāme saṅgahaṃ gacchatīti nāḷikerassevāyaṃ. Ghaṭapiṭṭhijātattā, bījagāmānulomattā ca dukkaṭavatthu. Na vāsetabbaṃ ‘‘durūpaciṇṇattā’’ti likhitaṃ, ‘‘yesaṃ rukkhānaṃ sākhā ruhatīti vacanato yesaṃ na ruhati, tesaṃ sākhāya kappiyakaraṇakiccaṃ natthīti siddha’’nti vuttaṃ. Muddatiṇanti tassa nāmaṃ. ‘‘Muñjatiṇanti pāṭho’’ti likhitaṃ.

    สมณกเปฺปหีติ สมณโวหาเรหิ, ตสฺมา วตฺตพฺพํ ภิกฺขุนา ‘‘กปฺปิยํ กโรหี’’ติฯ ตสฺส อาณตฺติยา กโรเนฺตนาปิ สามเณราทินา ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วตฺวาว อคฺคิปริชิตํ กาตพฺพนฺติ สิทฺธํฯ อคฺคิปริชิตาทีนิ วิย กปฺปิยตฺตา อพีชนิพฺพฎฺฎพีชานิปิ ‘‘ปญฺจหิ สมณกเปฺปหี’’ติ (จูฬว. ๒๕๐) เอตฺถ ปวิฎฺฐานิ, ยถาลาภโต วา สมณกปฺปวจนํ คเหตพฺพํฯ ‘‘กปฺปิย’นฺติ วตฺตุกาโม ‘กปฺป’นฺติ เจ วทติ, ‘วฎฺฎตี’ติ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘กปฺปิย’นฺติ วจนํ สกสกภาสายปิ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ ‘‘กปฺปิยนฺติ วตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา ภิกฺขุนา ‘กปฺปิยํ’อิเจฺจว วตฺตพฺพํ, ‘‘อิตเรน ปน ยาย กายจิ ภาสายา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํฯ ‘‘อุจฺฉุํ กปฺปิยํ กริสฺสามีติ ทารุํ วิชฺฌตี’’ติ วจนโต กปฺปิยํ กาตพฺพํ สนฺธาย วิรเทฺธติ วุตฺตํ โหติ, อาจริยา ปน ‘‘กปฺปิยํ กาเรตพฺพํ สนฺธาย กปฺปิยนฺติ สิตฺถาทิํ กาเรติ, วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตสฺส การณํ วทนฺตา กาตุํ วฎฺฎนภาเวเนว วิรชฺฌิตฺวา กเตปิ กปฺปิยํ ชาตํฯ ยทิ น วเฎฺฎยฺย, สิตฺถาทิมฺหิ กเต น วเฎฺฎยฺยาติ, อุปปริกฺขิตพฺพํฯ อุฎฺฐิตเสวาลฆฎํ อาตเป นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎติ, วิโกเปตุกามตาย สติ ทุกฺกฎํ ยุตฺตํ วิยฯ ‘‘ปุปฺผรชฺชุภาชนคติกา, ตสฺมา น วฎฺฎติฯ นาเฬ วา พทฺธปุปฺผกลาเป นาฬสฺมิํ กเตปิ วฎฺฎติ ตสฺมิํ ปุปฺผสฺส อตฺถิตายา’’ติ วทนฺติฯ โปราณคณฺฐิปเท ‘‘พีชคาเมน ภูตคาโม ทสฺสิโต อนวเสสปริยาทานตฺถ’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Samaṇakappehīti samaṇavohārehi, tasmā vattabbaṃ bhikkhunā ‘‘kappiyaṃ karohī’’ti. Tassa āṇattiyā karontenāpi sāmaṇerādinā ‘‘kappiya’’nti vatvāva aggiparijitaṃ kātabbanti siddhaṃ. Aggiparijitādīni viya kappiyattā abījanibbaṭṭabījānipi ‘‘pañcahi samaṇakappehī’’ti (cūḷava. 250) ettha paviṭṭhāni, yathālābhato vā samaṇakappavacanaṃ gahetabbaṃ. ‘‘Kappiya’nti vattukāmo ‘kappa’nti ce vadati, ‘vaṭṭatī’ti vadantī’’ti vuttaṃ. ‘‘Kappiya’nti vacanaṃ sakasakabhāsāyapi vaṭṭatī’’ti vadanti. ‘‘Kappiyanti vatvā’’ti vuttattā bhikkhunā ‘kappiyaṃ’icceva vattabbaṃ, ‘‘itarena pana yāya kāyaci bhāsāyā’’ti vadanti, vīmaṃsitabbaṃ. ‘‘Ucchuṃ kappiyaṃ karissāmīti dāruṃ vijjhatī’’ti vacanato kappiyaṃ kātabbaṃ sandhāya viraddheti vuttaṃ hoti, ācariyā pana ‘‘kappiyaṃ kāretabbaṃ sandhāya kappiyanti sitthādiṃ kāreti, vaṭṭatī’’ti vadanti, tassa kāraṇaṃ vadantā kātuṃ vaṭṭanabhāveneva virajjhitvā katepi kappiyaṃ jātaṃ. Yadi na vaṭṭeyya, sitthādimhi kate na vaṭṭeyyāti, upaparikkhitabbaṃ. Uṭṭhitasevālaghaṭaṃ ātape nikkhipituṃ vaṭṭati, vikopetukāmatāya sati dukkaṭaṃ yuttaṃ viya. ‘‘Puppharajjubhājanagatikā, tasmā na vaṭṭati. Nāḷe vā baddhapupphakalāpe nāḷasmiṃ katepi vaṭṭati tasmiṃ pupphassa atthitāyā’’ti vadanti. Porāṇagaṇṭhipade ‘‘bījagāmena bhūtagāmo dassito anavasesapariyādānattha’’nti vuttaṃ.

    ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ภูตคามวโคฺค • 2. Bhūtagāmavaggo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา • 1. Bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. ภูตคามสิกฺขาปท-อตฺถโยชนา • 1. Bhūtagāmasikkhāpada-atthayojanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact