Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi

    ๒. ภูตคามวโคฺค

    2. Bhūtagāmavaggo

    ๑. ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา

    1. Bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanā

    ภูตคามวคฺคสฺส ปฐเม ภูตคามปาตพฺยตายาติ เอตฺถ ภวนฺติ อเหสุญฺจาติ ภูตา, ชายนฺติ วฑฺฒนฺติ ชาตา วฑฺฒิตา จาติ อโตฺถฯ คาโมติ ราสิ, ภูตานํ คาโม, ภูตา เอว วา คาโมติ ภูตคาโม, ปติฎฺฐิตหริตติณรุกฺขาทีนเมตํ อธิวจนํฯ ปาตพฺยสฺส ภาโว ปาตพฺยตา, เฉทนเภทนาทีหิ ยถารุจิ ปริภุญฺชิตพฺพตาติ อโตฺถ, ตสฺสํ ภูตคามปาตพฺยตาย, นิมิตฺตเตฺถ เจตํ ภุมฺมวจนํ, ภูตคามปาตพฺยตาเหตุ ภูตคามสฺส เฉทนาทิปจฺจยา ปาจิตฺติยนฺติ อโตฺถฯ ตสฺมา โย ภิกฺขุ ปถวิอุทกปาการาทีสุ ยตฺถกตฺถจิ ชาตํ อสุกฺขํ อนฺตมโส อติสุขุมติณมฺปิ สาสปพีชกเสวาลมฺปิ อุทฺธรณเจฺฉทนวิชฺฌนาทีหิ วิโกเปติ วา ปถวิขณเน วุตฺตนเยน วิโกปาเปติ วา ปาจิตฺติยํ อาปชฺชติฯ

    Bhūtagāmavaggassa paṭhame bhūtagāmapātabyatāyāti ettha bhavanti ahesuñcāti bhūtā, jāyanti vaḍḍhanti jātā vaḍḍhitā cāti attho. Gāmoti rāsi, bhūtānaṃ gāmo, bhūtā eva vā gāmoti bhūtagāmo, patiṭṭhitaharitatiṇarukkhādīnametaṃ adhivacanaṃ. Pātabyassa bhāvo pātabyatā, chedanabhedanādīhi yathāruci paribhuñjitabbatāti attho, tassaṃ bhūtagāmapātabyatāya, nimittatthe cetaṃ bhummavacanaṃ, bhūtagāmapātabyatāhetu bhūtagāmassa chedanādipaccayā pācittiyanti attho. Tasmā yo bhikkhu pathaviudakapākārādīsu yatthakatthaci jātaṃ asukkhaṃ antamaso atisukhumatiṇampi sāsapabījakasevālampi uddharaṇacchedanavijjhanādīhi vikopeti vā pathavikhaṇane vuttanayena vikopāpeti vā pācittiyaṃ āpajjati.

    อาฬวิยํ อาฬวเก ภิกฺขู อารพฺภ รุกฺขฉินฺทนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, สาณตฺติกํ, ภูตคามโต วิโยชิตมูลพีชขนฺธพีชผลุพีชอคฺคพีชพีชพีชานํ อญฺญตรํ ภาชนคตํ วา ราสิกตํ วา ภูมิยํ โรปิตมฺปิ นิกฺขนฺตมูลมตฺตํ วา นิกฺขนฺตองฺกุรมตฺตํ วา สเจปิสฺส วิทตฺถิมตฺตา ปตฺตวฎฺฎิ นิคฺคจฺฉติ, อนิกฺขเนฺต วา มูเล นิกฺขเนฺต วา มูเล ยาว องฺกุโร หริโต น โหติ, ตาว ตํ วิโกเปนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, ตถา ภูตคามพีชคาเม เวมติกสฺส, อภูตคามพีชคาเม ภูตคามพีชคามสญฺญิโน เจว เวมติกสฺส จฯ อุภยตฺถ ปน อตถาสญฺญิสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติ, อสญฺจิจฺจ อสติยา อชานิตฺวา วา วิโกเปนฺตสฺส, ‘อิมํ รุกฺข’นฺติ เอวํ อนิยเมตฺวา ‘‘รุกฺขํ ฉินฺท, วลฺลิํ ฉินฺทา’’ติอาทีนิ ภณนฺตสฺส, ‘‘อิมํ ปุปฺผํ วา ผลํ วา ชาน, อิมํ เทหิ, อิมํ อาหร, อิมินา เม อโตฺถ, อิมํ กปฺปิยํ กโรหี’’ติ ภณนฺตสฺส จ อนาปตฺติฯ เอวํ กปฺปิยวจเนน ภูตคามโต วิโยชิตํ ปน พีชชาตํ ปุน ปิ ‘‘กปฺปิยํ กโรหี’’ติ กาเรตฺวาว ปริภุญฺชิตพฺพํฯ เอวญฺหิสฺส พีชคามปริโมจนมฺปิ กตํ โหติฯ

    Āḷaviyaṃ āḷavake bhikkhū ārabbha rukkhachindanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, sāṇattikaṃ, bhūtagāmato viyojitamūlabījakhandhabījaphalubījaaggabījabījabījānaṃ aññataraṃ bhājanagataṃ vā rāsikataṃ vā bhūmiyaṃ ropitampi nikkhantamūlamattaṃ vā nikkhantaaṅkuramattaṃ vā sacepissa vidatthimattā pattavaṭṭi niggacchati, anikkhante vā mūle nikkhante vā mūle yāva aṅkuro harito na hoti, tāva taṃ vikopentassa dukkaṭaṃ, tathā bhūtagāmabījagāme vematikassa, abhūtagāmabījagāme bhūtagāmabījagāmasaññino ceva vematikassa ca. Ubhayattha pana atathāsaññissa, ummattakādīnañca anāpatti, asañcicca asatiyā ajānitvā vā vikopentassa, ‘imaṃ rukkha’nti evaṃ aniyametvā ‘‘rukkhaṃ chinda, valliṃ chindā’’tiādīni bhaṇantassa, ‘‘imaṃ pupphaṃ vā phalaṃ vā jāna, imaṃ dehi, imaṃ āhara, iminā me attho, imaṃ kappiyaṃ karohī’’ti bhaṇantassa ca anāpatti. Evaṃ kappiyavacanena bhūtagāmato viyojitaṃ pana bījajātaṃ puna pi ‘‘kappiyaṃ karohī’’ti kāretvāva paribhuñjitabbaṃ. Evañhissa bījagāmaparimocanampi kataṃ hoti.

    กปฺปิยํ กโรเนฺตน ปน อคฺคินา วา นเขน วา สเตฺถน วา กตฺตพฺพํ, อคฺคินา กโรเนฺตน จ เยน เกนจิ อคฺคินา เอกเทเส ผุสเนฺตน ‘กปฺปิย’นฺติ วตฺวาว กาตพฺพํฯ สเตฺถน กโรเนฺตน ยสฺส กสฺสจิ ติขิณสตฺถสฺส อนฺตมโส สูจินขเจฺฉทนาทีนมฺปิ ตุเณฺฑน วา ธาราย วา เวธํ วา เฉทํ วา ทเสฺสเนฺตน ตเถว กาตพฺพํฯ นเขน กโรเนฺตน ฐเปตฺวา โคมหิํสาทีนํ ขุเร เยน เกนจิ อปูตินา มนุสฺสานํ วา ติรจฺฉานานํ วา นเขน อนฺตมโส ฉินฺทิตฺวา อาหเฎนาปิ สเตฺถ วุตฺตนเยเนว กาตพฺพํฯ ตตฺถ สเจปิ พีชานํ ปพฺพตมโตฺต ราสิ, รุกฺขสหสฺสํ วา ฉินฺทิตฺวา เอกาพทฺธํ, อุจฺฉูนํ วา มหาภาโร พนฺธิตฺวา ฐปิโต โหติ, เอกสฺมิํ พีเช วา รุกฺขสาขาย วา อุจฺฉุมฺหิ วา กปฺปิเย กเต สพฺพํ กตํ โหติฯ อุจฺฉุํ ‘‘กปฺปิยํ กริสฺสามี’’ติ เตหิ สทฺธิํ พทฺธํ ทารุกํ วิชฺฌติ, วฎฺฎติเยวฯ สเจ ปน ยาย วลฺลิยา ภาโร พโทฺธ, ตํ วิชฺฌติ, น วฎฺฎติฯ มริจปกฺกาทีหิ มิเสฺสตฺวา ภตฺตํ อาหรนฺติ, ‘‘กปฺปิยํ กโรหี’’ติ วุเตฺต สเจปิ ภตฺตสิเตฺถ วิชฺฌติ, วฎฺฎติเยว, ติลตณฺฑุเลสุปิ เอเสว นโยฯ ยาคุยา ปกฺขิตฺตานิ ปน เอกาพทฺธานิ หุตฺวา น สนฺติฎฺฐนฺติ, ตตฺถ เอเกกํ วิชฺฌิตฺวาว กาตพฺพํฯ กปิฎฺฐผลาทีนํ อโนฺต มิญฺชํ กฎาหํ มุญฺจิตฺวา สญฺจรติ, ภินฺทาเปตฺวา กปฺปิยํ กาเรตพฺพํฯ เอกาพทฺธา เจ, กฎาเหปิ กาตุํ วฎฺฎติฯ ยํ ปน ผลํ ตรุณํ โหติ อพีชํ ยญฺจ นิพฺพตฺตพีชํ พีชํ อปเนตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํ, ตตฺถ กปฺปิยกรณกิจฺจํ นตฺถิฯ ภูตคาโม, ภูตคามสญฺญิตา, วิโกปนํ วา วิโกปาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปถวิขณนสทิสาเนวาติฯ

    Kappiyaṃ karontena pana agginā vā nakhena vā satthena vā kattabbaṃ, agginā karontena ca yena kenaci agginā ekadese phusantena ‘kappiya’nti vatvāva kātabbaṃ. Satthena karontena yassa kassaci tikhiṇasatthassa antamaso sūcinakhacchedanādīnampi tuṇḍena vā dhārāya vā vedhaṃ vā chedaṃ vā dassentena tatheva kātabbaṃ. Nakhena karontena ṭhapetvā gomahiṃsādīnaṃ khure yena kenaci apūtinā manussānaṃ vā tiracchānānaṃ vā nakhena antamaso chinditvā āhaṭenāpi satthe vuttanayeneva kātabbaṃ. Tattha sacepi bījānaṃ pabbatamatto rāsi, rukkhasahassaṃ vā chinditvā ekābaddhaṃ, ucchūnaṃ vā mahābhāro bandhitvā ṭhapito hoti, ekasmiṃ bīje vā rukkhasākhāya vā ucchumhi vā kappiye kate sabbaṃ kataṃ hoti. Ucchuṃ ‘‘kappiyaṃ karissāmī’’ti tehi saddhiṃ baddhaṃ dārukaṃ vijjhati, vaṭṭatiyeva. Sace pana yāya valliyā bhāro baddho, taṃ vijjhati, na vaṭṭati. Maricapakkādīhi missetvā bhattaṃ āharanti, ‘‘kappiyaṃ karohī’’ti vutte sacepi bhattasitthe vijjhati, vaṭṭatiyeva, tilataṇḍulesupi eseva nayo. Yāguyā pakkhittāni pana ekābaddhāni hutvā na santiṭṭhanti, tattha ekekaṃ vijjhitvāva kātabbaṃ. Kapiṭṭhaphalādīnaṃ anto miñjaṃ kaṭāhaṃ muñcitvā sañcarati, bhindāpetvā kappiyaṃ kāretabbaṃ. Ekābaddhā ce, kaṭāhepi kātuṃ vaṭṭati. Yaṃ pana phalaṃ taruṇaṃ hoti abījaṃ yañca nibbattabījaṃ bījaṃ apanetvā paribhuñjitabbaṃ, tattha kappiyakaraṇakiccaṃ natthi. Bhūtagāmo, bhūtagāmasaññitā, vikopanaṃ vā vikopāpanaṃ vāti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni pathavikhaṇanasadisānevāti.

    ภูตคามสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Bhūtagāmasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. อญฺญวาทกสิกฺขาปทวณฺณนา

    2. Aññavādakasikkhāpadavaṇṇanā

    ทุติเย ยมตฺถํ สงฺฆมเชฺฌ วินยธโร ปุจฺฉติ, ตโต อญฺญํ วทตีติ อญฺญวาทโก, อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรณเสฺสตํ นามํฯ วิเหสตีติ วิเหสโก, ตุณฺหีภาวเสฺสตํ นามํ, ตสฺมิํ อญฺญวาทเก วิเหสเกฯ ปาจิตฺติยนฺติ วตฺถุทฺวเย ปาจิตฺติยทฺวยํ วุตฺตํฯ ตสฺมา โย ภิกฺขุ สาวเสสํ อาปตฺติํ อาปโนฺน สงฺฆมเชฺฌ อนุยุญฺชิยมาโน ตํ น กเถตุกาโม อเญฺญน วจเนน อญฺญํ ฉาเทโนฺต ตถา ตถา วิกฺขิปติ, โย จ ตุณฺหีภาเวน วิเหเสติ, เตสํ ยํ ภควตา อญฺญวาทกกมฺมเญฺจว วิเหสกกมฺมญฺจ อนุญฺญาตํ, ตสฺมิํ สเงฺฆน กเต ปุน ตถา กโรนฺตานํ ปาจิตฺติยํฯ

    Dutiye yamatthaṃ saṅghamajjhe vinayadharo pucchati, tato aññaṃ vadatīti aññavādako, aññenaññaṃ paṭicaraṇassetaṃ nāmaṃ. Vihesatīti vihesako, tuṇhībhāvassetaṃ nāmaṃ, tasmiṃ aññavādake vihesake. Pācittiyanti vatthudvaye pācittiyadvayaṃ vuttaṃ. Tasmā yo bhikkhu sāvasesaṃ āpattiṃ āpanno saṅghamajjhe anuyuñjiyamāno taṃ na kathetukāmo aññena vacanena aññaṃ chādento tathā tathā vikkhipati, yo ca tuṇhībhāvena viheseti, tesaṃ yaṃ bhagavatā aññavādakakammañceva vihesakakammañca anuññātaṃ, tasmiṃ saṅghena kate puna tathā karontānaṃ pācittiyaṃ.

    โกสมฺพิยํ ฉนฺนเตฺถรํ อารพฺภ อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ธมฺมกเมฺม ติกปาจิตฺติยํ, อธมฺมกเมฺม ติกทุกฺกฎํ, อนาโรปิเต ปน อญฺญวาทเก วา วิเหสเก วา ตถา กโรนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ อาปตฺติํ อาปนฺนภาวํ วา อชานนฺตสฺส ‘‘กิํ ตุเมฺห ภณถา’’ติ ปุจฺฉโต, เคลเญฺญน วา, ‘‘สงฺฆสฺส ภณฺฑนาทีนิ วา ภวิสฺสนฺติ, อธเมฺมน วา วเคฺคน วา นกมฺมารหสฺส วา กมฺมํ กริสฺสนฺตี’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน น กเถนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ธมฺมกเมฺมน อาโรปิตตา, อาปตฺติยา วา วตฺถุนา วา อนุยุญฺชิยมานตา, ฉาเทตุกามตาย อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรณํ วา ตุณฺหีภาโว วาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน สิยา กิริยํ, สิยา อกิริยํ, ทุกฺขเวทนญฺจ โหตีติฯ

    Kosambiyaṃ channattheraṃ ārabbha aññenaññaṃ paṭicaraṇavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, dhammakamme tikapācittiyaṃ, adhammakamme tikadukkaṭaṃ, anāropite pana aññavādake vā vihesake vā tathā karontassa dukkaṭameva. Āpattiṃ āpannabhāvaṃ vā ajānantassa ‘‘kiṃ tumhe bhaṇathā’’ti pucchato, gelaññena vā, ‘‘saṅghassa bhaṇḍanādīni vā bhavissanti, adhammena vā vaggena vā nakammārahassa vā kammaṃ karissantī’’ti iminā adhippāyena na kathentassa, ummattakādīnañca anāpatti. Dhammakammena āropitatā, āpattiyā vā vatthunā vā anuyuñjiyamānatā, chādetukāmatāya aññenaññaṃ paṭicaraṇaṃ vā tuṇhībhāvo vāti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana siyā kiriyaṃ, siyā akiriyaṃ, dukkhavedanañca hotīti.

    อญฺญวาทกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aññavādakasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. อุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา

    3. Ujjhāpanakasikkhāpadavaṇṇanā

    ตติเย เยน วจเนน อุชฺฌาเปนฺติ ‘‘ฉนฺทาย อิตฺถนฺนาโม อิทํ นาม กโรตี’’ติอาทีนิ วทนฺตา อุปสมฺปนฺนํ สเงฺฆน สมฺมตํ เสนาสนปญฺญาปกาทิเภทํ ตสฺส อยสกามา หุตฺวา ภิกฺขูหิ อวชานาเปนฺติ, อวญฺญาย โอโลกาเปนฺติ, ลามกโต วา จินฺตาเปนฺติ, ตํ วจนํ อุชฺฌาปนกํฯ เยน จ ตเถว วทนฺตา ขิยฺยนฺติ, สพฺพตฺถ ตสฺส อวณฺณํ ปกาเสนฺติ, ตํ ขิยฺยนกํ, ตสฺมิํ อุชฺฌาปนเก ขิยฺยนเกฯ ปาจิตฺติยนฺติ วตฺถุทฺวเย ปาจิตฺติยทฺวยํ วุตฺตํฯ ตสฺมา โย สมฺมตสฺส ภิกฺขุโน อยสกามตาย อุปสมฺปนฺนสฺส วทโนฺต อุชฺฌาเปติ วา ขิยฺยติ วา, ตสฺส ปาจิตฺติยํ โหติฯ

    Tatiye yena vacanena ujjhāpenti ‘‘chandāya itthannāmo idaṃ nāma karotī’’tiādīni vadantā upasampannaṃ saṅghena sammataṃ senāsanapaññāpakādibhedaṃ tassa ayasakāmā hutvā bhikkhūhi avajānāpenti, avaññāya olokāpenti, lāmakato vā cintāpenti, taṃ vacanaṃ ujjhāpanakaṃ. Yena ca tatheva vadantā khiyyanti, sabbattha tassa avaṇṇaṃ pakāsenti, taṃ khiyyanakaṃ, tasmiṃ ujjhāpanake khiyyanake. Pācittiyanti vatthudvaye pācittiyadvayaṃ vuttaṃ. Tasmā yo sammatassa bhikkhuno ayasakāmatāya upasampannassa vadanto ujjhāpeti vā khiyyati vā, tassa pācittiyaṃ hoti.

    ราชคเห เมตฺติยภูมชเก ภิกฺขู อารพฺภ อุชฺฌาปนขิยฺยนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ยํ ตสฺส อุปสมฺปนฺนสฺส สมฺมุติกมฺมํ กตํ, ตสฺมิํ ธมฺมกเมฺม ติกปาจิตฺติยํ, อธมฺมกเมฺม ติกทุกฺกฎํ, อนุปสมฺปนฺนสฺส ปน สนฺติเก ตถา ภณนฺตสฺส, อสมฺมตสฺส จ อวณฺณํ ยสฺส กสฺสจิ สนฺติเก ภณนฺตสฺส, อนุปสมฺปนฺนสฺส ปน สมฺมตสฺส วา อสมฺมตสฺส วา อวณฺณํ ยสฺส กสฺสจิเทว สนฺติเก ภณนฺตสฺส จ ทุกฺกฎเมวฯ ปกติยาว ฉนฺทาทิวเสน กโรนฺตํ อุชฺฌาเปนฺตสฺส วา ขิยฺยนฺตสฺส วา, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ธมฺมกเมฺมน สมฺมตตา, อุปสมฺปนฺนตา, อคติคมนาภาโว, ตสฺส อวณฺณกามตา, ยสฺส สนฺติเก วทติ, ตสฺส อุปสมฺปนฺนตา, อุชฺฌาปนํ วา ขิยฺยนํ วาติ อิมาเนตฺถ ฉ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทนเมวาติฯ

    Rājagahe mettiyabhūmajake bhikkhū ārabbha ujjhāpanakhiyyanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, yaṃ tassa upasampannassa sammutikammaṃ kataṃ, tasmiṃ dhammakamme tikapācittiyaṃ, adhammakamme tikadukkaṭaṃ, anupasampannassa pana santike tathā bhaṇantassa, asammatassa ca avaṇṇaṃ yassa kassaci santike bhaṇantassa, anupasampannassa pana sammatassa vā asammatassa vā avaṇṇaṃ yassa kassacideva santike bhaṇantassa ca dukkaṭameva. Pakatiyāva chandādivasena karontaṃ ujjhāpentassa vā khiyyantassa vā, ummattakādīnañca anāpatti. Dhammakammena sammatatā, upasampannatā, agatigamanābhāvo, tassa avaṇṇakāmatā, yassa santike vadati, tassa upasampannatā, ujjhāpanaṃ vā khiyyanaṃ vāti imānettha cha aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana dukkhavedanamevāti.

    อุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ujjhāpanakasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๔. ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา

    4. Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā

    จตุเตฺถ สงฺฆิกนฺติ สงฺฆสฺส สนฺตกํฯ มญฺจาทีสุ โยโกจิ มญฺจสเงฺขเปน กโต สโพฺพปิ มโญฺจเยว, ปีเฐปิ เอเสว นโยฯ เยน เกนจิ ปน โจเฬน วา กปฺปิยจเมฺมน วา ฉวิํ กตฺวา ฐเปตฺวา มนุสฺสโลมํ ตาลีสปตฺตญฺจ เยหิ เกหิจิ โลมปณฺณติณวากโจเฬหิ ปูเรตฺวา กตเสนาสนํ ภิสีติ วุจฺจติฯ ตตฺถ นิสีทิตุมฺปิ นิปชฺชิตุมฺปิ วฎฺฎติ, ปมาณปริเจฺฉโทปิ เจตฺถ นตฺถิฯ โกจฺฉํ ปน วากอุสีรมุญฺชปพฺพชาทีนํ อญฺญตรมยํ อโนฺต สํเวลฺลิตฺวา พทฺธํ เหฎฺฐา จ อุปริ จ วิตฺถตํ ปณวสณฺฐานํ มเชฺฌ สีหจมฺมาทิปริกฺขิตฺตํ โหติ, อกปฺปิยจมฺมํ นาเมตฺถ นตฺถิฯ เสนาสนญฺหิ โสวณฺณมยมฺปิ วฎฺฎติฯ อโชฺฌกาเสติ เอตฺถ เย อวสฺสิกสเงฺกตา วสฺสานมาสาติ เอวํ อสญฺญิตา อฎฺฐ มาสา, เต ฐเปตฺวา อิตเรสุ จตูสุ มาเสสุ สเจปิ เทโว น วสฺสติฯ ตถาปิ ปกติอโชฺฌกาเส จ โอวสฺสกมณฺฑเป จ สนฺถริตุํ น วฎฺฎติฯ ยตฺถ ปน เหมเนฺต วสฺสติ, ตตฺถ อปเรปิ จตฺตาโร มาเส น วฎฺฎติฯ คิเมฺห ปน สพฺพตฺถ วิคตวลาหกํ วิสุทฺธํ นภํ โหติ, ตสฺมา ตทา เกนจิเทว กรณีเยน คจฺฉติ, วฎฺฎติฯ กากาทีนํ นิพทฺธวาสรุกฺขมูเล ปน กทาจิปิ น วฎฺฎติฯ อิติ ยตฺถ จ ยทา จ สนฺถริตุํ น วฎฺฎติ, ตํ สพฺพมิธ อโชฺฌกาสสงฺขเมว คตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Catutthe saṅghikanti saṅghassa santakaṃ. Mañcādīsu yokoci mañcasaṅkhepena kato sabbopi mañcoyeva, pīṭhepi eseva nayo. Yena kenaci pana coḷena vā kappiyacammena vā chaviṃ katvā ṭhapetvā manussalomaṃ tālīsapattañca yehi kehici lomapaṇṇatiṇavākacoḷehi pūretvā katasenāsanaṃ bhisīti vuccati. Tattha nisīditumpi nipajjitumpi vaṭṭati, pamāṇaparicchedopi cettha natthi. Kocchaṃ pana vākausīramuñjapabbajādīnaṃ aññataramayaṃ anto saṃvellitvā baddhaṃ heṭṭhā ca upari ca vitthataṃ paṇavasaṇṭhānaṃ majjhe sīhacammādiparikkhittaṃ hoti, akappiyacammaṃ nāmettha natthi. Senāsanañhi sovaṇṇamayampi vaṭṭati. Ajjhokāseti ettha ye avassikasaṅketā vassānamāsāti evaṃ asaññitā aṭṭha māsā, te ṭhapetvā itaresu catūsu māsesu sacepi devo na vassati. Tathāpi pakatiajjhokāse ca ovassakamaṇḍape ca santharituṃ na vaṭṭati. Yattha pana hemante vassati, tattha aparepi cattāro māse na vaṭṭati. Gimhe pana sabbattha vigatavalāhakaṃ visuddhaṃ nabhaṃ hoti, tasmā tadā kenacideva karaṇīyena gacchati, vaṭṭati. Kākādīnaṃ nibaddhavāsarukkhamūle pana kadācipi na vaṭṭati. Iti yattha ca yadā ca santharituṃ na vaṭṭati, taṃ sabbamidha ajjhokāsasaṅkhameva gatanti veditabbaṃ.

    สนฺถริตฺวาติ ตถารูเป ฐาเน อตฺตโน วา ปรสฺส วา อตฺถาย สนฺถริตฺวาฯ อญฺญสฺสตฺถาย สนฺถตมฺปิ หิ ยาว โส ตตฺถ น นิสีทติ, ‘คจฺฉ ตฺว’นฺติ วา น ภณติ, ตาว สนฺถารกเสฺสว ภาโรฯ สนฺถราเปตฺวาติ อนุปสมฺปเนฺนน สนฺถราเปตฺวาฯ เอตเทว หิ ตสฺส ปลิโพโธ โหติ, อุปสมฺปเนฺนน สนฺถตํ สนฺถารกเสฺสว ภาโร, ตญฺจ โข ยาว อาณาปโก ตตฺถ น นิสีทติ, ‘คจฺฉ ตฺว’นฺติ วา น ภณติฯ ยสฺมิญฺหิ อตฺตนา สนฺถราปิเต วา ปกติสนฺถเต วา อุปสมฺปโนฺน นิสีทติ, สพฺพํ ตํ นิสินฺนเสฺสว ภาโร, ตสฺมา สนฺถราปิตเนฺตฺวว สงฺขํ คจฺฉติฯ ตํ ปกฺกมโนฺต เนว อุทฺธเรยฺย, น อุทฺธราเปยฺยาติ อตฺตนา วา อุทฺธริตฺวา ปติรูเป ฐาเน น ฐเปยฺย, ปเรน วา ตถา น การาเปยฺยฯ อนาปุจฺฉํ วา คเจฺฉยฺยาติ โย ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อารามิโก วา ลชฺชี โหติ, อตฺตโน ปลิโพธํ วิย มญฺญติ, ตถารูปํ อนาปุจฺฉิตฺวา ตํ เสนาสนํ ตสฺส อนิยฺยาเตตฺวา นิรเปโกฺข คจฺฉติ, ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาตํ อติกฺกเมยฺย, ตสฺส เอเกน ปาเทน เลฑฺฑุปาตาติกฺกเม ทุกฺกฎํ, ทุติยปาทาติกฺกเม ปาจิตฺติยํฯ โภชนสาลาย ฐิโต ปน ‘‘อสุกสฺมิํ นาม ทิวาวิหารฎฺฐาเน ปญฺญเปตฺวา คจฺฉาหี’’ติ เปเสตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา อญฺญตฺถ คจฺฉโนฺต ปาทุทฺธาเรน กาเรตโพฺพฯ

    Santharitvāti tathārūpe ṭhāne attano vā parassa vā atthāya santharitvā. Aññassatthāya santhatampi hi yāva so tattha na nisīdati, ‘gaccha tva’nti vā na bhaṇati, tāva santhārakasseva bhāro. Santharāpetvāti anupasampannena santharāpetvā. Etadeva hi tassa palibodho hoti, upasampannena santhataṃ santhārakasseva bhāro, tañca kho yāva āṇāpako tattha na nisīdati, ‘gaccha tva’nti vā na bhaṇati. Yasmiñhi attanā santharāpite vā pakatisanthate vā upasampanno nisīdati, sabbaṃ taṃ nisinnasseva bhāro, tasmā santharāpitantveva saṅkhaṃ gacchati. Taṃ pakkamanto neva uddhareyya, na uddharāpeyyāti attanā vā uddharitvā patirūpe ṭhāne na ṭhapeyya, parena vā tathā na kārāpeyya. Anāpucchaṃ vā gaccheyyāti yo bhikkhu vā sāmaṇero vā ārāmiko vā lajjī hoti, attano palibodhaṃ viya maññati, tathārūpaṃ anāpucchitvā taṃ senāsanaṃ tassa aniyyātetvā nirapekkho gacchati, thāmamajjhimassa purisassa leḍḍupātaṃ atikkameyya, tassa ekena pādena leḍḍupātātikkame dukkaṭaṃ, dutiyapādātikkame pācittiyaṃ. Bhojanasālāya ṭhito pana ‘‘asukasmiṃ nāma divāvihāraṭṭhāne paññapetvā gacchāhī’’ti pesetvā tato nikkhamitvā aññattha gacchanto pāduddhārena kāretabbo.

    สาวตฺถิยํ สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ สนฺถตํ อนุทฺธริตฺวา อนาปุจฺฉํ ปกฺกมนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, ปุคฺคลิเก ติกทุกฺกฎํ, จิมิลิกํ วา อุตฺตรตฺถรณํ วา ภูมตฺถรณํ วา ตฎฺฎิกํ วา จมฺมกฺขณฺฑํ วา ปาทปุญฺฉนํ วา ผลกปีฐํ วา ยํ วา ปนญฺญํ กญฺจิ ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑํ อนฺตมโส ปตฺตาธารกมฺปิ วุตฺตลกฺขเณ อโชฺฌกาเส ฐเปตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ อารญฺญเกน ปน อสติ อโนวสฺสเก สพฺพํ รุเกฺข ลเคฺคตฺวาปิ ยถา วา อุปจิกาหิ น ขชฺชติ, เอวํ กตฺวาปิ คนฺตุํ วฎฺฎติฯ อโพฺภกาสิเกน ปน จีวรกุฎิกํ กตฺวาปิ รกฺขิตพฺพํฯ อตฺตโน สนฺตเก, วิสฺสาสิกปุคฺคลิเก, อุทฺธรณาทีนิ กตฺวา คมเน, โอตาเปนฺตสฺส, ‘‘อาคนฺตฺวา อุทฺธริสฺสามี’’ติ คจฺฉโต, วุฑฺฒตรา อุฎฺฐาเปนฺติ, อมนุโสฺส ตตฺถ นิสีทติ, โกจิ อิสฺสโร คณฺหาติ, สีหาทโย ตํ ฐานํ อาคนฺตฺวา ติฎฺฐนฺติ, เอวํ เสนาสนํ ปลิพุทฺธํ โหติ, ตถา ปลิพุเทฺธ วา เสนาสเน, ชีวิตพฺรหฺมจริยนฺตรายกราสุ อาปทาสุ วา คจฺฉนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ มญฺจาทีนํ สงฺฆิกตา, วุตฺตลกฺขเณ เทเส สนฺถรณํ วา สนฺถราปนํ วา, อปลิพุทฺธตา, อาปทาย อภาโว, นิรเปกฺขตา, เลฑฺฑุปาตาติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ ฉ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมกถินสทิสาเนว, อิทํ ปน กิริยากิริยนฺติฯ

    Sāvatthiyaṃ sambahule bhikkhū ārabbha santhataṃ anuddharitvā anāpucchaṃ pakkamanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, puggalike tikadukkaṭaṃ, cimilikaṃ vā uttarattharaṇaṃ vā bhūmattharaṇaṃ vā taṭṭikaṃ vā cammakkhaṇḍaṃ vā pādapuñchanaṃ vā phalakapīṭhaṃ vā yaṃ vā panaññaṃ kañci dārubhaṇḍaṃ mattikābhaṇḍaṃ antamaso pattādhārakampi vuttalakkhaṇe ajjhokāse ṭhapetvā gacchantassa dukkaṭameva. Āraññakena pana asati anovassake sabbaṃ rukkhe laggetvāpi yathā vā upacikāhi na khajjati, evaṃ katvāpi gantuṃ vaṭṭati. Abbhokāsikena pana cīvarakuṭikaṃ katvāpi rakkhitabbaṃ. Attano santake, vissāsikapuggalike, uddharaṇādīni katvā gamane, otāpentassa, ‘‘āgantvā uddharissāmī’’ti gacchato, vuḍḍhatarā uṭṭhāpenti, amanusso tattha nisīdati, koci issaro gaṇhāti, sīhādayo taṃ ṭhānaṃ āgantvā tiṭṭhanti, evaṃ senāsanaṃ palibuddhaṃ hoti, tathā palibuddhe vā senāsane, jīvitabrahmacariyantarāyakarāsu āpadāsu vā gacchantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Mañcādīnaṃ saṅghikatā, vuttalakkhaṇe dese santharaṇaṃ vā santharāpanaṃ vā, apalibuddhatā, āpadāya abhāvo, nirapekkhatā, leḍḍupātātikkamoti imānettha cha aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamakathinasadisāneva, idaṃ pana kiriyākiriyanti.

    ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๕. ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา

    5. Dutiyasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā

    ปญฺจเม วิหาเรติ คเพฺภ วา อญฺญตรสฺมิํ วา สพฺพปริจฺฉเนฺน วุตฺตเสนาสเนฯ เสยฺยนฺติ เสยฺยา นาม ภิสี จิมิลิกา อุตฺตรตฺถรณํ ภูมตฺถรณํ ตฎฺฎิกา จมฺมกฺขโณฺฑ นิสีทนํ ปจฺจตฺถรณํ ติณสนฺถาโร ปณฺณสนฺถาโรติ วุตฺตํฯ ตตฺถ จิมิลิกา นาม ปริกมฺมกตาย ภูมิยา วณฺณานุรกฺขณตฺถํ กตาฯ อุตฺตรตฺถรณํ นาม มญฺจปีฐาทีนํ อุปริ อตฺถริตพฺพยุตฺตกํ ปจฺจตฺถรณํฯ ภูมตฺถรณํ นาม จิมิลิกาย สติ ตสฺสา อุปริ, อสติ สุทฺธภูมิยํ อตฺถริตพฺพา กฎสารกาทิ วิกติฯ ตฎฺฎิกา นาม ตาลปณฺณาทีหิ กตตฎฺฎิกาฯ จมฺมกฺขโณฺฑ นาม ยํกิญฺจิ จมฺมํ, สีหจมฺมาทีนญฺหิ ปริหรเณเยว ปริเกฺขโป, เสนาสนปริโภเค ปน อกปฺปิยจมฺมํ นาม นตฺถิฯ ปจฺจตฺถรณํ นาม ปาวาโร โกชโวติ เอตฺตกเมว, เสสํ ปากฎเมวฯ อิติ อิมาสุ ทสสุ เสยฺยาสุ เอกมฺปิ เสยฺยํ อตฺตโน วสฺสเคฺคน คเหตฺวา วุตฺตลกฺขเณ วิหาเร สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา โย ภิกฺขุ ทิสํคมิโก ยถา ฐปิตํ อุปจิกาหิ น ขชฺชติ, ตถา ฐปนวเสน เนว อุทฺธเรยฺย, น อุทฺธราเปยฺย, ปุริมสิกฺขาปเท วุตฺตนเยน อนาปุจฺฉํ วา คเจฺฉยฺย, ตสฺส ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส ปริเกฺขปํ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารํ อติกฺกมนฺตสฺส ปฐมปาเท ทุกฺกฎํ, ทุติยปาเท ปาจิตฺติยํฯ ยตฺถ ปน อุปจิกาสงฺกา นตฺถิ, ตโต อนาปุจฺฉาปิ คนฺตุํ วฎฺฎติ, อาปุจฺฉนํ ปน วตฺตํฯ

    Pañcame vihāreti gabbhe vā aññatarasmiṃ vā sabbaparicchanne vuttasenāsane. Seyyanti seyyā nāma bhisī cimilikā uttarattharaṇaṃ bhūmattharaṇaṃ taṭṭikā cammakkhaṇḍo nisīdanaṃ paccattharaṇaṃ tiṇasanthāro paṇṇasanthāroti vuttaṃ. Tattha cimilikā nāma parikammakatāya bhūmiyā vaṇṇānurakkhaṇatthaṃ katā. Uttarattharaṇaṃ nāma mañcapīṭhādīnaṃ upari attharitabbayuttakaṃ paccattharaṇaṃ. Bhūmattharaṇaṃ nāma cimilikāya sati tassā upari, asati suddhabhūmiyaṃ attharitabbā kaṭasārakādi vikati. Taṭṭikā nāma tālapaṇṇādīhi katataṭṭikā. Cammakkhaṇḍo nāma yaṃkiñci cammaṃ, sīhacammādīnañhi pariharaṇeyeva parikkhepo, senāsanaparibhoge pana akappiyacammaṃ nāma natthi. Paccattharaṇaṃ nāma pāvāro kojavoti ettakameva, sesaṃ pākaṭameva. Iti imāsu dasasu seyyāsu ekampi seyyaṃ attano vassaggena gahetvā vuttalakkhaṇe vihāre santharitvā vā santharāpetvā vā yo bhikkhu disaṃgamiko yathā ṭhapitaṃ upacikāhi na khajjati, tathā ṭhapanavasena neva uddhareyya, na uddharāpeyya, purimasikkhāpade vuttanayena anāpucchaṃ vā gaccheyya, tassa parikkhittassa ārāmassa parikkhepaṃ, aparikkhittassa upacāraṃ atikkamantassa paṭhamapāde dukkaṭaṃ, dutiyapāde pācittiyaṃ. Yattha pana upacikāsaṅkā natthi, tato anāpucchāpi gantuṃ vaṭṭati, āpucchanaṃ pana vattaṃ.

    สาวตฺถิยํ สตฺตรสวคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ สงฺฆิเก วิหาเร เสยฺยํ สนฺถริตฺวา อนุทฺธริตฺวา อนาปุจฺฉา ปกฺกมนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, ปุคฺคลิเก ติกทุกฺกฎํ, วุตฺตลกฺขณสฺส ปน วิหารสฺส อุปจาเร พหิ อาสเนฺน อุปฎฺฐานสาลาย วา อปริจฺฉนฺนมณฺฑเป วา ปริจฺฉเนฺน วาปิ พหูนํ สนฺนิปาตภูเต รุกฺขมูเล วา สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา, มญฺจปีฐญฺจ วิหาเร วา วุตฺตปฺปกาเร วิหารูปจาเร วา สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา อุทฺธรณาทีนิ อกตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ อตฺตโน สนฺตเก, วิสฺสาสิกปุคฺคลิเก, อุทฺธรณาทีนิ กตฺวา, ปุริมนเยเนว ปลิพุทฺธํ ฉเฑฺฑตฺวา คมเน, โย จ ‘‘อเชฺชว อาคนฺตฺวา ปฎิชคฺคิสฺสามี’’ติ เอวํ สาเปโกฺข นทิปารํ วา คามนฺตรํ วา คนฺตฺวา ยตฺถสฺส คมนจิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ตเตฺถว ฐิโต กญฺจิ เปเสตฺวา วา อาปุจฺฉติ, นทิปูรราชโจราทีสุ วา เกนจิ ปลิพุโทฺธ น สโกฺกติ ปจฺจาคนฺตุํ, ตสฺส จ, อาปทาสุ จ, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ วุตฺตลกฺขณเสยฺยา , ตสฺสา สงฺฆิกตา, วุตฺตลกฺขเณ วิหาเร สนฺถรณํ วา สนฺถราปนํ วา, อปลิพุทฺธตา, อาปทาย อภาโว, อนเปกฺขสฺส ทิสาปกฺกมนํ , อุปจารสีมาติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ สตฺต องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อนนฺตรสิกฺขาปเท วุตฺตนยาเนวาติฯ

    Sāvatthiyaṃ sattarasavaggiye bhikkhū ārabbha saṅghike vihāre seyyaṃ santharitvā anuddharitvā anāpucchā pakkamanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, puggalike tikadukkaṭaṃ, vuttalakkhaṇassa pana vihārassa upacāre bahi āsanne upaṭṭhānasālāya vā aparicchannamaṇḍape vā paricchanne vāpi bahūnaṃ sannipātabhūte rukkhamūle vā santharitvā vā santharāpetvā vā, mañcapīṭhañca vihāre vā vuttappakāre vihārūpacāre vā santharitvā vā santharāpetvā vā uddharaṇādīni akatvā gacchantassa dukkaṭameva. Attano santake, vissāsikapuggalike, uddharaṇādīni katvā, purimanayeneva palibuddhaṃ chaḍḍetvā gamane, yo ca ‘‘ajjeva āgantvā paṭijaggissāmī’’ti evaṃ sāpekkho nadipāraṃ vā gāmantaraṃ vā gantvā yatthassa gamanacittaṃ uppannaṃ, tattheva ṭhito kañci pesetvā vā āpucchati, nadipūrarājacorādīsu vā kenaci palibuddho na sakkoti paccāgantuṃ, tassa ca, āpadāsu ca, ummattakādīnañca anāpatti. Vuttalakkhaṇaseyyā , tassā saṅghikatā, vuttalakkhaṇe vihāre santharaṇaṃ vā santharāpanaṃ vā, apalibuddhatā, āpadāya abhāvo, anapekkhassa disāpakkamanaṃ , upacārasīmātikkamoti imānettha satta aṅgāni. Samuṭṭhānādīni anantarasikkhāpade vuttanayānevāti.

    ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyasenāsanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๖. อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา

    6. Anupakhajjasikkhāpadavaṇṇanā

    ฉเฎฺฐ ชานนฺติ ‘‘อนุฎฺฐาปนีโย อย’’นฺติ ชานโนฺต, เตเนวสฺส ปทภาชเน ‘‘วุโฑฺฒ’ติ ชานาติ, ‘คิลาโน’ติ ชานาติ, ‘สเงฺฆน ทิโนฺน’ติ ชานาตี’’ติ (ปาจิ. ๑๒๑) วุตฺตํฯ วุโฑฺฒ หิ อตฺตโน วุฑฺฒตาย อนุฎฺฐาปนีโย, คิลาโน คิลานตาย, สโงฺฆ ปน ภณฺฑาคาริกสฺส วา ธมฺมกถิกวินยธรคณวาจกาจริยานํ วา พหูปการตํ คุณวิสิฎฺฐตญฺจ สลฺลเกฺขตฺวา ธุววาสตฺถาย วิหารํ สลฺลเกฺขตฺวา สมฺมนฺนิตฺวา เทติ, ตสฺมา ยสฺส สเงฺฆน ทิโนฺน, โสปิ อนุฎฺฐาปนีโยฯ ปุพฺพุปคตนฺติ ปุพฺพํ อุปคตํฯ อนุปขชฺชาติ มญฺจปีฐานํ วา ตสฺส วา ภิกฺขุโน ปวิสนฺตสฺส วา นิกฺขมนฺตสฺส วา อุปจารํ อนุปวิสิตฺวาฯ ตตฺถ มญฺจปีฐานํ ตาว มหลฺลเก วิหาเร สมนฺตา ทิยโฑฺฒ หโตฺถ อุปจาโร, ขุทฺทเก ยโต ปโหติ, ตโต ทิยโฑฺฒ หโตฺถ , ตสฺส ปน ปวิสนฺตสฺส ปาทโธวนปาสาณโต ยาว มญฺจปีฐํ, นิกฺขมนฺตสฺส มญฺจปีฐโต ยาว ปสฺสาวฎฺฐานํ, ตาว อุปจาโรฯ เสยฺยํ กเปฺปยฺยาติ ตสฺส สมฺพาธํ กตฺตุกามตาย ตสฺมิํ อุปจาเร ทสสุ เสยฺยาสุ เอกมฺปิ สนฺถรนฺตสฺส วา สนฺถราเปนฺตสฺส วา ทุกฺกฎํ, ตตฺถ นิสีทนฺตสฺส วา นิปชฺชนฺตสฺส วา ปาจิตฺติยํ, เทฺวปิ กโรนฺตสฺส เทฺว ปาจิตฺติยานิ, ปุนปฺปุนํ กโรนฺตสฺส ปโยคคณนาย ปาจิตฺติยํฯ

    Chaṭṭhe jānanti ‘‘anuṭṭhāpanīyo aya’’nti jānanto, tenevassa padabhājane ‘‘vuḍḍho’ti jānāti, ‘gilāno’ti jānāti, ‘saṅghena dinno’ti jānātī’’ti (pāci. 121) vuttaṃ. Vuḍḍho hi attano vuḍḍhatāya anuṭṭhāpanīyo, gilāno gilānatāya, saṅgho pana bhaṇḍāgārikassa vā dhammakathikavinayadharagaṇavācakācariyānaṃ vā bahūpakārataṃ guṇavisiṭṭhatañca sallakkhetvā dhuvavāsatthāya vihāraṃ sallakkhetvā sammannitvā deti, tasmā yassa saṅghena dinno, sopi anuṭṭhāpanīyo. Pubbupagatanti pubbaṃ upagataṃ. Anupakhajjāti mañcapīṭhānaṃ vā tassa vā bhikkhuno pavisantassa vā nikkhamantassa vā upacāraṃ anupavisitvā. Tattha mañcapīṭhānaṃ tāva mahallake vihāre samantā diyaḍḍho hattho upacāro, khuddake yato pahoti, tato diyaḍḍho hattho , tassa pana pavisantassa pādadhovanapāsāṇato yāva mañcapīṭhaṃ, nikkhamantassa mañcapīṭhato yāva passāvaṭṭhānaṃ, tāva upacāro. Seyyaṃ kappeyyāti tassa sambādhaṃ kattukāmatāya tasmiṃ upacāre dasasu seyyāsu ekampi santharantassa vā santharāpentassa vā dukkaṭaṃ, tattha nisīdantassa vā nipajjantassa vā pācittiyaṃ, dvepi karontassa dve pācittiyāni, punappunaṃ karontassa payogagaṇanāya pācittiyaṃ.

    สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ อนุปขชฺช เสยฺยกปฺปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, ปุคฺคลิเก ติกทุกฺกฎํ, วุตฺตูปจารโต วา พหิ, อุปฎฺฐานสาลาทิเก วา, วิหารสฺส อุปจาเร วา, สนฺถรณสนฺถราปเนสุปิ นิสชฺชสยเนสุปิ ทุกฺกฎเมวฯ อตฺตโน วา, วิสฺสาสิกสฺส วา สนฺตเก ปน วิหาเร สนฺถรนฺตสฺส, โย จ คิลาโน วา สีตุณฺหปีฬิโต วา ปวิสติ, ตสฺส จ, อาปทาสุ จ, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ สงฺฆิกวิหารตา, อนุฎฺฐาปนียภาวชานนํ, สมฺพาเธตุกามตา, อุปจาเร นิสีทนํ วา นิปชฺชนํ วาติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมปาราชิกสทิสาเนว, อิทํ ปน ทุกฺขเวทนเมวาติฯ

    Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha anupakhajja seyyakappanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, puggalike tikadukkaṭaṃ, vuttūpacārato vā bahi, upaṭṭhānasālādike vā, vihārassa upacāre vā, santharaṇasantharāpanesupi nisajjasayanesupi dukkaṭameva. Attano vā, vissāsikassa vā santake pana vihāre santharantassa, yo ca gilāno vā sītuṇhapīḷito vā pavisati, tassa ca, āpadāsu ca, ummattakādīnañca anāpatti. Saṅghikavihāratā, anuṭṭhāpanīyabhāvajānanaṃ, sambādhetukāmatā, upacāre nisīdanaṃ vā nipajjanaṃ vāti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamapārājikasadisāneva, idaṃ pana dukkhavedanamevāti.

    อนุปขชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Anupakhajjasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๗. นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปทวณฺณนา

    7. Nikkaḍḍhanasikkhāpadavaṇṇanā

    สตฺตเม กุปิโตติ กุโทฺธฯ อนตฺตมโนติ อตุฎฺฐจิโตฺตฯ นิกฺกเฑฺฒยฺย วา นิกฺกฑฺฒาเปยฺย วา ปาจิตฺติยนฺติ เอตฺถ เย อเนกภูมกา ปาสาทา, อเนกโกฎฺฐกานิ วา จตุสฺสาลานิ, ตาทิเสสุ เสนาสเนสุ คเหตฺวา อนฺตรา อฎฺฐเปตฺวา เอเกเนว ปโยเคน อติกฺกาเมนฺตสฺส เอกํ ปาจิตฺติยํ, ฐเปตฺวา ฐเปตฺวา นานาปโยเคหิ อติกฺกาเมนฺตสฺส ทฺวารคณนาย ปาจิตฺติยานิ, หเตฺถน อนามสิตฺวา ‘นิกฺขมา’ติ วตฺวา วาจาย นิกฺกฑฺฒนฺตสฺสาปิ เอเสว นโยฯ นิกฺกฑฺฒาเปนฺตสฺส ปน ‘นิกฺกฑฺฒา’ติ อาณตฺตมเตฺต ทุกฺกฎํ, สกิํ อาณเตฺต ปน ตสฺมิํ พหุเกปิ ทฺวาเร นิกฺขมเนฺต อิตรสฺส เอกเมว ปาจิตฺติยํฯ สเจ ปน ‘‘เอตฺตกานิ ทฺวารานิ นิกฺกฑฺฒาหี’’ติ วา, ‘‘ยาว มหาทฺวารํ, ตาว นิกฺกฑฺฒาหี’’ติ วา เอวํ นิยเมตฺวา อาณโตฺต โหติ, ทฺวารคณนาย ปาจิตฺติยานิฯ

    Sattame kupitoti kuddho. Anattamanoti atuṭṭhacitto. Nikkaḍḍheyya vā nikkaḍḍhāpeyya vā pācittiyanti ettha ye anekabhūmakā pāsādā, anekakoṭṭhakāni vā catussālāni, tādisesu senāsanesu gahetvā antarā aṭṭhapetvā ekeneva payogena atikkāmentassa ekaṃ pācittiyaṃ, ṭhapetvā ṭhapetvā nānāpayogehi atikkāmentassa dvāragaṇanāya pācittiyāni, hatthena anāmasitvā ‘nikkhamā’ti vatvā vācāya nikkaḍḍhantassāpi eseva nayo. Nikkaḍḍhāpentassa pana ‘nikkaḍḍhā’ti āṇattamatte dukkaṭaṃ, sakiṃ āṇatte pana tasmiṃ bahukepi dvāre nikkhamante itarassa ekameva pācittiyaṃ. Sace pana ‘‘ettakāni dvārāni nikkaḍḍhāhī’’ti vā, ‘‘yāva mahādvāraṃ, tāva nikkaḍḍhāhī’’ti vā evaṃ niyametvā āṇatto hoti, dvāragaṇanāya pācittiyāni.

    สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ ภิกฺขุํ สงฺฆิกา วิหารา นิกฺกฑฺฒนวตฺถุสฺมิํ

    Sāvatthiyaṃ chabbaggiye bhikkhū ārabbha bhikkhuṃ saṅghikā vihārā nikkaḍḍhanavatthusmiṃ

    ปญฺญตฺตํ , สาธารณปญฺญตฺติ, สาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, ปุคฺคลิเก ติกทุกฺกฎํ, ตสฺส ปริกฺขารนิกฺกฑฺฒเน, อุปฎฺฐานสาลาทิกา วิหารูปจารา ตสฺส วา ตสฺส ปริกฺขารสฺส วา นิกฺกฑฺฒเน, อนุปสมฺปนฺนสฺส ปน อนุปสมฺปนฺนปริกฺขารสฺส วา วิหารา วา วิหารูปจารา วา นิกฺกฑฺฒเน นิกฺกฑฺฒาปเน จ ทุกฺกฎเมวฯ ตญฺจ โข อสมฺพเทฺธสุ ปริกฺขาเรสุ ปริกฺขารคณนาย เวทิตพฺพํฯ อตฺตโน วา, วิสฺสาสิกสฺส วา สนฺตกา วิหารา นิกฺกฑฺฒเน, สกลสงฺฆารามโตปิ ภณฺฑนการกสฺส วา ตสฺส ปริกฺขารสฺส วา นิกฺกฑฺฒเน นิกฺกฑฺฒาปเน วา, อตฺตโน วสนฎฺฐานโต อลชฺชิสฺส, อุมฺมตฺตกสฺส, น สมฺมาวตฺตนฺตานํ อเนฺตวาสิกสอวิหาริกานํ, เตสํ ปริกฺขารสฺส วา นิกฺกฑฺฒเน จ, สยํ อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ สงฺฆิกวิหาโร , อุปสมฺปนฺนสฺส ภณฺฑนการกภาวาทิวินิมุตฺตตา, โกเปน นิกฺกฑฺฒนํ วา นิกฺกฑฺฒาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทนนฺติฯ

    Paññattaṃ , sādhāraṇapaññatti, sāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, puggalike tikadukkaṭaṃ, tassa parikkhāranikkaḍḍhane, upaṭṭhānasālādikā vihārūpacārā tassa vā tassa parikkhārassa vā nikkaḍḍhane, anupasampannassa pana anupasampannaparikkhārassa vā vihārā vā vihārūpacārā vā nikkaḍḍhane nikkaḍḍhāpane ca dukkaṭameva. Tañca kho asambaddhesu parikkhāresu parikkhāragaṇanāya veditabbaṃ. Attano vā, vissāsikassa vā santakā vihārā nikkaḍḍhane, sakalasaṅghārāmatopi bhaṇḍanakārakassa vā tassa parikkhārassa vā nikkaḍḍhane nikkaḍḍhāpane vā, attano vasanaṭṭhānato alajjissa, ummattakassa, na sammāvattantānaṃ antevāsikasaavihārikānaṃ, tesaṃ parikkhārassa vā nikkaḍḍhane ca, sayaṃ ummattakādīnañca anāpatti. Saṅghikavihāro , upasampannassa bhaṇḍanakārakabhāvādivinimuttatā, kopena nikkaḍḍhanaṃ vā nikkaḍḍhāpanaṃ vāti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana dukkhavedananti.

    นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nikkaḍḍhanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๘. เวหาสกุฎิสิกฺขาปทวณฺณนา

    8. Vehāsakuṭisikkhāpadavaṇṇanā

    อฎฺฐเม อุปริเวหาสกุฎิยาติ อุปริ อจฺฉนฺนตลาย ทฺวิภูมิกกุฎิยา วา ติภูมิกกุฎิยา วา, ปทภาชเน ปน อิธ อธิเปฺปตํ กุฎิํ ทเสฺสตุํ ‘‘มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส อสีสฆฎฺฎา’’ติ (ปาจิ. ๑๓๑) วุตฺตํฯ อาหจฺจปาทกนฺติ อเงฺค วิชฺฌิตฺวา ปเวสิตปาทกํฯ อภินิสีเทยฺยาติ อภิภวิตฺวา อโชฺฌตฺถริตฺวา นิสีเทยฺย, ภุมฺมเตฺถ วา เอตํ อุปโยควจนํ, มเญฺจ วา ปีเฐ วา นิสีเทยฺย วา นิปเชฺชยฺย วาติ อโตฺถฯ อภีติ อิทํ ปน ปทโสภณเตฺถ อุปสคฺคมตฺตเมว, ตสฺมา โย ภิกฺขุ วุตฺตลกฺขณาย เวหาสกุฎิยา สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน ยาว ปมาณมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สพฺพโส เหฎฺฐิมาหิ ตุลาหิ สีสํ น ฆเฎฺฎติ, เอตฺตกํ อุจฺจาย ตุลานํ อุปริ ฐปิเต อาหจฺจปาทเก มเญฺจ วา ปีเฐ วา นิสีทติ วา นิปชฺชติ วา, ตสฺส อนุปขชฺชสิกฺขาปเท วุตฺตนเยน ปโยคคณนาย ปาจิตฺติยํฯ

    Aṭṭhame uparivehāsakuṭiyāti upari acchannatalāya dvibhūmikakuṭiyā vā tibhūmikakuṭiyā vā, padabhājane pana idha adhippetaṃ kuṭiṃ dassetuṃ ‘‘majjhimassa purisassa asīsaghaṭṭā’’ti (pāci. 131) vuttaṃ. Āhaccapādakanti aṅge vijjhitvā pavesitapādakaṃ. Abhinisīdeyyāti abhibhavitvā ajjhottharitvā nisīdeyya, bhummatthe vā etaṃ upayogavacanaṃ, mañce vā pīṭhe vā nisīdeyya vā nipajjeyya vāti attho. Abhīti idaṃ pana padasobhaṇatthe upasaggamattameva, tasmā yo bhikkhu vuttalakkhaṇāya vehāsakuṭiyā sabbantimena paricchedena yāva pamāṇamajjhimassa purisassa sabbaso heṭṭhimāhi tulāhi sīsaṃ na ghaṭṭeti, ettakaṃ uccāya tulānaṃ upari ṭhapite āhaccapādake mañce vā pīṭhe vā nisīdati vā nipajjati vā, tassa anupakhajjasikkhāpade vuttanayena payogagaṇanāya pācittiyaṃ.

    สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ อุปริเวหาสกุฎิยา อาหจฺจปาทกํ มญฺจํ ปีฐํ สหสา อภินิสีทนอภินิปชฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, ปุคฺคลิเก ติกทุกฺกฎํ, อตฺตโน วา, วิสฺสาสิกสฺส วา สนฺตเก วิหาเร, อเวหาสกุฎิยา, สีสฆฎฺฎาย, ยสฺส วา เหฎฺฐา ทพฺพสมฺภาราทีนํ นิกฺขิตฺตตฺตา อปริโภคํ โหติ, อุปริตลํ วา ปทรสญฺจิตํ สุธาทิปริกมฺมกตํ วา, ตตฺถ อาหจฺจปาทเก นิสีทนฺตสฺส, โย เจ ตสฺมิํ เวหาสเฎฺฐปิ อาหจฺจปาทเก ฐิโต กิญฺจิ คณฺหาติ วา ลคฺคติ วา, ยสฺส จ ปฎาณี ทินฺนา โหติ, ปาทสีสานํ อุปริ อาณี ปเวสิตา, ตตฺถ นิสีทนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ สงฺฆิโก วิหาโร, อสีสฆฎฺฎา เวหาสกุฎิ, เหฎฺฐา สปริโภคํ , อปฎาณิทิเนฺน อาหจฺจปาทเก นิสีทนํ วา นิปชฺชนํ วาติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ เอฬกโลมสทิสานีติฯ

    Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha uparivehāsakuṭiyā āhaccapādakaṃ mañcaṃ pīṭhaṃ sahasā abhinisīdanaabhinipajjanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, puggalike tikadukkaṭaṃ, attano vā, vissāsikassa vā santake vihāre, avehāsakuṭiyā, sīsaghaṭṭāya, yassa vā heṭṭhā dabbasambhārādīnaṃ nikkhittattā aparibhogaṃ hoti, uparitalaṃ vā padarasañcitaṃ sudhādiparikammakataṃ vā, tattha āhaccapādake nisīdantassa, yo ce tasmiṃ vehāsaṭṭhepi āhaccapādake ṭhito kiñci gaṇhāti vā laggati vā, yassa ca paṭāṇī dinnā hoti, pādasīsānaṃ upari āṇī pavesitā, tattha nisīdantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Saṅghiko vihāro, asīsaghaṭṭā vehāsakuṭi, heṭṭhā saparibhogaṃ , apaṭāṇidinne āhaccapādake nisīdanaṃ vā nipajjanaṃ vāti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni eḷakalomasadisānīti.

    เวหาสกุฎิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vehāsakuṭisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๙. มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา

    9. Mahallakavihārasikkhāpadavaṇṇanā

    นวเม มหลฺลกนฺติ สสฺสามิกํฯ วิหารนฺติ อุลฺลิตฺตาวลฺลิตฺตํฯ ยาว ทฺวารโกสาติเอตฺถ ทฺวารโกโส นาม อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉเทน ปิฎฺฐสงฺฆาฎสฺส สามนฺตา อฑฺฒเตยฺยหโตฺถ ปเทโสฯ อคฺคฬฎฺฐปนายาติ สกวาฎกสฺส ทฺวารพนฺธสฺส นิจฺจลภาวตฺถายฯ กวาฎญฺหิ ลหุปริวตฺตกํ วิวรณกาเล ภิตฺติํ อาหนติ, ปิทหนกาเล ทฺวารพนฺธํฯ เตน อาหเนน ภิตฺติ กมฺปติ, ตโต มตฺติกา จลติ, จลิตฺวา สิถิลา วา โหติ ปตติ วา, เตนาห ภควา ‘‘ยาว ทฺวารโกสา อคฺคฬฎฺฐปนายา’’ติฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ ‘‘อิทํ นาม กตฺตพฺพ’’นฺติ เนว มาติกายํ, น ปทภาชเน วุตฺตํ, อฎฺฐุปฺปตฺติยํ ปน ‘‘ปุนปฺปุนํ ฉาทาเปสิ, ปุนปฺปุนํ เลปาเปสี’’ติ (ปาจิ. ๑๓๔) อธิการโต ยาว ทฺวารโกสา อคฺคฬฎฺฐปนาย ปุนปฺปุนํ ลิมฺปิตโพฺพ วา เลปาเปตโพฺพ วาติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อาโลกสนฺธิปริกมฺมายาติเอตฺถ อาโลกสนฺธีติ วาตปานกวาฎกา วุจฺจนฺติฯ เต วิวรณกาเล วิทตฺถิมตฺตมฺปิ อติเรกมฺปิ ภิตฺติปฺปเทสํ ปหรนฺติ, อุปจาโร ปเนตฺถ สพฺพทิสาสุ ลพฺภติ, ตสฺมา สพฺพทิสาสุ กวาฎวิตฺถารปฺปมาโณ โอกาโส อาโลกสนฺธิปริกมฺมตฺถาย ลิมฺปิตโพฺพ วา เลปาเปตโพฺพ วาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ

    Navame mahallakanti sassāmikaṃ. Vihāranti ullittāvallittaṃ. Yāva dvārakosātiettha dvārakoso nāma ukkaṭṭhaparicchedena piṭṭhasaṅghāṭassa sāmantā aḍḍhateyyahattho padeso. Aggaḷaṭṭhapanāyāti sakavāṭakassa dvārabandhassa niccalabhāvatthāya. Kavāṭañhi lahuparivattakaṃ vivaraṇakāle bhittiṃ āhanati, pidahanakāle dvārabandhaṃ. Tena āhanena bhitti kampati, tato mattikā calati, calitvā sithilā vā hoti patati vā, tenāha bhagavā ‘‘yāva dvārakosā aggaḷaṭṭhapanāyā’’ti. Tattha kiñcāpi ‘‘idaṃ nāma kattabba’’nti neva mātikāyaṃ, na padabhājane vuttaṃ, aṭṭhuppattiyaṃ pana ‘‘punappunaṃ chādāpesi, punappunaṃ lepāpesī’’ti (pāci. 134) adhikārato yāva dvārakosā aggaḷaṭṭhapanāya punappunaṃ limpitabbo vā lepāpetabbo vāti evamattho daṭṭhabbo. Ālokasandhiparikammāyātiettha ālokasandhīti vātapānakavāṭakā vuccanti. Te vivaraṇakāle vidatthimattampi atirekampi bhittippadesaṃ paharanti, upacāro panettha sabbadisāsu labbhati, tasmā sabbadisāsu kavāṭavitthārappamāṇo okāso ālokasandhiparikammatthāya limpitabbo vā lepāpetabbo vāti ayamettha adhippāyo.

    เอวํ เลปกเมฺม ยํ กตฺตพฺพํ, ตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ฉทเน กตฺตพฺพํ ทเสฺสตุํ ทฺวตฺติจฺฉทนสฺสาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ทฺวตฺติจฺฉทนสฺส ปริยายนฺติ ฉทนสฺส ทฺวตฺติปริยายํ, ปริยายํ วุจฺจติ ปริเกฺขโป, ปริเกฺขปทฺวยํ วา ปริเกฺขปตฺตยํ วา อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ อโตฺถฯ อปฺปหริเต ฐิเตนาติ อหริเต ฐิเตนฯ หริตนฺติ เจตฺถ สตฺตธญฺญาทิเภทํ ปุพฺพณฺณํ, มุคฺคมาสติลกุลตฺถอลาพุกุมฺภณฺฑาทิเภทญฺจ อปรณฺณํ อธิเปฺปตํฯ ยํ ตสฺมิํ เขเตฺต วุตฺตํ น ตาว สมฺปชฺชติ, วเสฺส ปน ปติเต สมฺปชฺชิสฺสติ, ตมฺปิ หริตสงฺขเมว คจฺฉติฯ ตสฺมา ตสฺมิํ ฐตฺวา อธิฎฺฐหโนฺต ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ อปฺปหริเต ฐตฺวา อธิฎฺฐหนฺตสฺสาปิ อยํ ปริเจฺฉโท, ปิฎฺฐิวํสสฺส วา กูฎาคารถูปิกาย วา ปเสฺส นิสิโนฺน ปุริโส ฉทนมุขวฎฺฎิอเนฺตน โอโลเกโนฺต ยสฺมิํ ภูมิภาเค ฐิตํ ภิกฺขุํ ปสฺสติ, ยสฺมิญฺจ ฐิโต ตํ อุปริ นิสินฺนกํ ตเถว อุโลฺลเกโนฺต ปสฺสติ, ตสฺมิํ ฐาตพฺพํ, ตสฺส อโนฺต อหริเตปิ ฐาตุํ น ลภติฯ ตโต เจ อุตฺตรีติ มเคฺคน ฉาทิยมาเน ติณฺณํ มคฺคานํ, ปริยาเยน ฉาทิยมาเน ติณฺณํ ปริยายานํ อุปริ อิฎฺฐกสิลาสุธาหิ ฉาทิยมาเน อิฎฺฐกสิลาสุธาปิณฺฑคณนาย, ติณปเณฺณหิ ฉาทิยมาเน ปณฺณคณนาย เจว ติณมุฎฺฐิคณนาย จ ปาจิตฺติยํฯ

    Evaṃ lepakamme yaṃ kattabbaṃ, taṃ dassetvā idāni chadane kattabbaṃ dassetuṃ dvatticchadanassātiādimāha. Tattha dvatticchadanassa pariyāyanti chadanassa dvattipariyāyaṃ, pariyāyaṃ vuccati parikkhepo, parikkhepadvayaṃ vā parikkhepattayaṃ vā adhiṭṭhātabbanti attho. Appaharite ṭhitenāti aharite ṭhitena. Haritanti cettha sattadhaññādibhedaṃ pubbaṇṇaṃ, muggamāsatilakulatthaalābukumbhaṇḍādibhedañca aparaṇṇaṃ adhippetaṃ. Yaṃ tasmiṃ khette vuttaṃ na tāva sampajjati, vasse pana patite sampajjissati, tampi haritasaṅkhameva gacchati. Tasmā tasmiṃ ṭhatvā adhiṭṭhahanto dukkaṭaṃ āpajjati. Appaharite ṭhatvā adhiṭṭhahantassāpi ayaṃ paricchedo, piṭṭhivaṃsassa vā kūṭāgārathūpikāya vā passe nisinno puriso chadanamukhavaṭṭiantena olokento yasmiṃ bhūmibhāge ṭhitaṃ bhikkhuṃ passati, yasmiñca ṭhito taṃ upari nisinnakaṃ tatheva ullokento passati, tasmiṃ ṭhātabbaṃ, tassa anto aharitepi ṭhātuṃ na labhati. Tato ce uttarīti maggena chādiyamāne tiṇṇaṃ maggānaṃ, pariyāyena chādiyamāne tiṇṇaṃ pariyāyānaṃ upari iṭṭhakasilāsudhāhi chādiyamāne iṭṭhakasilāsudhāpiṇḍagaṇanāya, tiṇapaṇṇehi chādiyamāne paṇṇagaṇanāya ceva tiṇamuṭṭhigaṇanāya ca pācittiyaṃ.

    โกสมฺพิยํ ฉนฺนเตฺถรํ อารพฺภ ปุนปฺปุนํ ฉาทาปนเลปาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, อูนทฺวตฺติปริยาเย อติเรกสญฺญิโน เวมติกสฺส วา ทุกฺกฎํฯ เสตวณฺณาทิกรเณ, ทฺวตฺติปริยาเย วา อูนกทฺวตฺติปริยาเย วา, เลณคุหาติณกุฎิกาทีสุ, อญฺญสฺสตฺถาย, อตฺตโน ธเนน กาเรนฺตสฺส, วาสาคารํ ฐเปตฺวา เสสานิ อธิฎฺฐหนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ มหลฺลกวิหารตา, อตฺตโน วาสาคารตา, อุตฺตริ อธิฎฺฐานนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สญฺจริเตฺต วุตฺตนยาเนวาติฯ

    Kosambiyaṃ channattheraṃ ārabbha punappunaṃ chādāpanalepāpanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, ūnadvattipariyāye atirekasaññino vematikassa vā dukkaṭaṃ. Setavaṇṇādikaraṇe, dvattipariyāye vā ūnakadvattipariyāye vā, leṇaguhātiṇakuṭikādīsu, aññassatthāya, attano dhanena kārentassa, vāsāgāraṃ ṭhapetvā sesāni adhiṭṭhahantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Mahallakavihāratā, attano vāsāgāratā, uttari adhiṭṭhānanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni sañcaritte vuttanayānevāti.

    มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mahallakavihārasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๐. สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา

    10. Sappāṇakasikkhāpadavaṇṇanā

    ทสเม ชานํ สปฺปาณกนฺติ ‘‘สปฺปาณกํ เอต’’นฺติ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา เยน เกนจิ อากาเรน ชานโนฺตฯ สิเญฺจยฺย วา สิญฺจาเปยฺย วาติ เตน อุทเกน สยํ วา สิเญฺจยฺย, อญฺญํ วา อาณาเปตฺวา สิญฺจาเปยฺยฯ ตตฺถ ธารํ อวิจฺฉินฺทิตฺวา สิญฺจนฺตสฺส เอกสฺมิํ ฆเฎ เอกาว อาปตฺติ, วิจฺฉินฺทนฺตสฺส ปโยคคณนาย อาปตฺติโยฯ มาติกํ ปมุขํ กโรติ, ทิวสมฺปิ สนฺทตุ, เอกาว อาปตฺติฯ ตตฺถ ตตฺถ พนฺธิตฺวา อญฺญโต เนนฺตสฺส ปโยคคณนาย อาปตฺติโยฯ พหุกมฺปิ ติณปณฺณสาขาทิํ เอกปฺปโยเคน อุทเก ปกฺขิปนฺตสฺส เอกาว อาปตฺติ, เอเกกํ ปกฺขิปนฺตสฺส ปโยคคณนาย อาปตฺติโยฯ อิทญฺจ ยํ เอวํ ปกฺขิปิยมาเน ปริยาทานํ คจฺฉติ, อาวิลํ วา โหติ, ยถา ปาณกา มรนฺติ, ตาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํ, น มหาอุทกํฯ สิญฺจาปเน อาณตฺติยา ทุกฺกฎํ, เอกาณตฺติยา พหุกมฺปิ สิญฺจตุ, อาณาปกสฺส เอกเมว ปาจิตฺติยํฯ

    Dasame jānaṃ sappāṇakanti ‘‘sappāṇakaṃ eta’’nti disvā vā sutvā vā yena kenaci ākārena jānanto. Siñceyya vā siñcāpeyya vāti tena udakena sayaṃ vā siñceyya, aññaṃ vā āṇāpetvā siñcāpeyya. Tattha dhāraṃ avicchinditvā siñcantassa ekasmiṃ ghaṭe ekāva āpatti, vicchindantassa payogagaṇanāya āpattiyo. Mātikaṃ pamukhaṃ karoti, divasampi sandatu, ekāva āpatti. Tattha tattha bandhitvā aññato nentassa payogagaṇanāya āpattiyo. Bahukampi tiṇapaṇṇasākhādiṃ ekappayogena udake pakkhipantassa ekāva āpatti, ekekaṃ pakkhipantassa payogagaṇanāya āpattiyo. Idañca yaṃ evaṃ pakkhipiyamāne pariyādānaṃ gacchati, āvilaṃ vā hoti, yathā pāṇakā maranti, tādisaṃ sandhāya vuttaṃ, na mahāudakaṃ. Siñcāpane āṇattiyā dukkaṭaṃ, ekāṇattiyā bahukampi siñcatu, āṇāpakassa ekameva pācittiyaṃ.

    อาฬวิยํ อาฬวเก ภิกฺขู อารพฺภ สิญฺจนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, สาณตฺติกํ , อปฺปาณเก สปฺปาณกสญฺญิโน, อุโภสุ เวมติกสฺส ทุกฺกฎํฯ อปฺปาณกสญฺญิโน, อสญฺจิจฺจ อสฺสติยา วา สิญฺจนฺตสฺส, อชานนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อุทกสฺส สปฺปาณกตา, ‘‘สิญฺจเนน ปาณกา มริสฺสนฺตี’’ติ ชานนํ, ตญฺจ อุทกํ ตาทิสเมว, วินา วธกเจตนาย เยน เกนจิ กรณีเยน ติณาทีนํ สิญฺจนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ปณฺณตฺติวชฺชํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    Āḷaviyaṃ āḷavake bhikkhū ārabbha siñcanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, sāṇattikaṃ , appāṇake sappāṇakasaññino, ubhosu vematikassa dukkaṭaṃ. Appāṇakasaññino, asañcicca assatiyā vā siñcantassa, ajānantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Udakassa sappāṇakatā, ‘‘siñcanena pāṇakā marissantī’’ti jānanaṃ, tañca udakaṃ tādisameva, vinā vadhakacetanāya yena kenaci karaṇīyena tiṇādīnaṃ siñcananti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana paṇṇattivajjaṃ, ticittaṃ, tivedananti.

    สปฺปาณกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sappāṇakasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ภูตคามวโคฺค ทุติโยฯ

    Bhūtagāmavaggo dutiyo.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact