Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๕๐] ๑๒. พิลารโกสิยชาตกวณฺณนา
[450] 12. Bilārakosiyajātakavaṇṇanā
อปจนฺตาปีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ ทานวิตฺตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย ทานวิโตฺต อโหสิ ทานชฺฌาสโย, ปตฺตปริยาปนฺนมฺปิ ปิณฺฑปาตํ อญฺญสฺส อทตฺวา น ภุญฺชิ, อนฺตมโส ปานียมฺปิ ลภิตฺวา อญฺญสฺส อทตฺวา น ปิวิ, เอวํ ทานาภิรโต อโหสิฯ อถสฺส ธมฺมสภายํ ภิกฺขู คุณกถํ กเถสุํฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ตํ ภิกฺขุํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ทานวิโตฺต ทานชฺฌาสโย’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขเว อยํ ปุเพฺพ อสฺสโทฺธ อโหสิ อปฺปสโนฺน, ติณเคฺคน เตลพินฺทุมฺปิ อุทฺธริตฺวา กสฺสจิ น อทาสิ, อถ นํ อหํ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ทานผลํ ญาเปสิํ, ตเมว ทานนินฺนํ จิตฺตํ ภวนฺตเรปิ น ปชหตี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Apacantāpīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ dānavittaṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. So kira bhagavato dhammadesanaṃ sutvā sāsane pabbajitvā pabbajitakālato paṭṭhāya dānavitto ahosi dānajjhāsayo, pattapariyāpannampi piṇḍapātaṃ aññassa adatvā na bhuñji, antamaso pānīyampi labhitvā aññassa adatvā na pivi, evaṃ dānābhirato ahosi. Athassa dhammasabhāyaṃ bhikkhū guṇakathaṃ kathesuṃ. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte taṃ bhikkhuṃ pakkosāpetvā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu dānavitto dānajjhāsayo’’ti pucchitvā ‘‘saccaṃ, bhante’’ti vutte ‘‘bhikkhave ayaṃ pubbe assaddho ahosi appasanno, tiṇaggena telabindumpi uddharitvā kassaci na adāsi, atha naṃ ahaṃ dametvā nibbisevanaṃ katvā dānaphalaṃ ñāpesiṃ, tameva dānaninnaṃ cittaṃ bhavantarepi na pajahatī’’ti vatvā bhikkhūhi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เสฎฺฐิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต กุฎุมฺพํ สณฺฐเปตฺวา ปิตุ อจฺจเยน เสฎฺฐิฎฺฐานํ ปตฺวา เอกทิวสํ ธนวิโลกนํ กตฺวา ‘‘ธนํ ปญฺญายติ, เอตสฺส อุปฺปาทกา น ปญฺญายนฺติ, อิมํ ธนํ วิสฺสเชฺชตฺวา มหาทานํ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ ทานสาลํ กาเรตฺวา ยาวชีวํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา อายุปริโยสาเน ‘‘อิทํ ทานวตฺตํ มา อุปจฺฉินฺที’’ติ ปุตฺตสฺส โอวาทํ ทตฺวา ตาวติํสภวเน สโกฺก หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ปุโตฺตปิสฺส ตเถว ทานํ ทตฺวา ปุตฺตํ โอวทิตฺวา อายุปริโยสาเน จโนฺท เทวปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ปุโตฺต สูริโย หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺสปิ ปุโตฺต มาตลิสงฺคาหโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ปุโตฺต ปญฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ฉโฎฺฐ ปน อสฺสโทฺธ อโหสิ ถทฺธจิโตฺต นิเสฺนโห มจฺฉรี, ทานสาลํ วิทฺธํเสตฺวา ฌาเปตฺวา ยาจเก โปเถตฺวา นีหราเปสิ, กสฺสจิ ติณเคฺคน อุทฺธริตฺวา เตลพินฺทุมฺปิ น เทติฯ ตทา สโกฺก เทวราชา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ โอโลเกตฺวา ‘‘ปวตฺตติ นุ โข เม ทานวํโส, อุทาหุ โน’’ติ อุปธาเรโนฺต ‘‘ปุโตฺต เม ทานํ ปวเตฺตตฺวา จโนฺท หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ปุโตฺต สูริโย, ตสฺส ปุโตฺต มาตลิ, ตสฺส ปุโตฺต ปญฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ฉโฎฺฐ ปน ตํ วํสํ อุปจฺฉินฺที’’ติ ปสฺสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto seṭṭhikule nibbattitvā vayappatto kuṭumbaṃ saṇṭhapetvā pitu accayena seṭṭhiṭṭhānaṃ patvā ekadivasaṃ dhanavilokanaṃ katvā ‘‘dhanaṃ paññāyati, etassa uppādakā na paññāyanti, imaṃ dhanaṃ vissajjetvā mahādānaṃ dātuṃ vaṭṭatī’’ti dānasālaṃ kāretvā yāvajīvaṃ mahādānaṃ pavattetvā āyupariyosāne ‘‘idaṃ dānavattaṃ mā upacchindī’’ti puttassa ovādaṃ datvā tāvatiṃsabhavane sakko hutvā nibbatti. Puttopissa tatheva dānaṃ datvā puttaṃ ovaditvā āyupariyosāne cando devaputto hutvā nibbatti, tassa putto sūriyo hutvā nibbatti, tassapi putto mātalisaṅgāhako hutvā nibbatti, tassa putto pañcasikho gandhabbadevaputto hutvā nibbatti. Chaṭṭho pana assaddho ahosi thaddhacitto nisneho maccharī, dānasālaṃ viddhaṃsetvā jhāpetvā yācake pothetvā nīharāpesi, kassaci tiṇaggena uddharitvā telabindumpi na deti. Tadā sakko devarājā attano pubbakammaṃ oloketvā ‘‘pavattati nu kho me dānavaṃso, udāhu no’’ti upadhārento ‘‘putto me dānaṃ pavattetvā cando hutvā nibbatti, tassa putto sūriyo, tassa putto mātali, tassa putto pañcasikho gandhabbadevaputto hutvā nibbatti, chaṭṭho pana taṃ vaṃsaṃ upacchindī’’ti passi.
อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อิมํ ปาปธมฺมํ ทเมตฺวา ทานผลํ ชานาเปตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติฯ โส จนฺทสูริยมาตลิปญฺจสิเข ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สมฺมา, อมฺหากํ วํเส ฉโฎฺฐ กุลวํสํ สมุจฺฉินฺทิตฺวา ทานสาลํ ฌาเปตฺวา ยาจเก นีหราเปสิ, น กสฺสจิ กิญฺจิ เทติ, เอถ นํ ทเมสฺสามา’’ติ เตหิ สทฺธิํ พาราณสิํ อคมาสิฯ ตสฺมิํ ขเณ เสฎฺฐิ ราชุปฎฺฐานํ กตฺวา อาคนฺตฺวา สตฺตเม ทฺวารโกฎฺฐเก อนฺตรวีถิํ โอโลเกโนฺต จงฺกมติฯ สโกฺก ‘‘ตุเมฺห มม ปวิฎฺฐกาเล ปจฺฉโต ปฎิปาฎิยา อาคจฺฉถา’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา เสฎฺฐิสฺส สนฺติเก ฐตฺวา ‘‘โภ มหาเสฎฺฐิ, โภชนํ เม เทหี’’ติ อาหฯ ‘‘พฺราหฺมณ นตฺถิ ตว อิธ ภตฺตํ, อญฺญตฺถ คจฺฉา’’ติฯ ‘‘โภ มหาเสฎฺฐิ, พฺราหฺมเณหิ ภเตฺต ยาจิเต น ทาตุํ น ลพฺภตี’’ติฯ ‘‘พฺราหฺมณ, มม เคเห ปกฺกมฺปิ ปจิตพฺพมฺปิ ภตฺตํ นตฺถิ, อญฺญตฺถ คจฺฉา’’ติฯ ‘‘มหาเสฎฺฐิ, เอกํ เต สิโลกํ กเถสฺสามิ, ตํ สุณาหี’’ติฯ ‘‘นตฺถิ มยฺหํ ตว สิโลเกนโตฺถ, มา อิธ ติฎฺฐา’’ติฯ สโกฺก ตสฺส กถํ อสุณโนฺต วิย เทฺว คาถา อภาสิ –
Athassa etadahosi ‘‘imaṃ pāpadhammaṃ dametvā dānaphalaṃ jānāpetvā āgamissāmī’’ti. So candasūriyamātalipañcasikhe pakkosāpetvā ‘‘sammā, amhākaṃ vaṃse chaṭṭho kulavaṃsaṃ samucchinditvā dānasālaṃ jhāpetvā yācake nīharāpesi, na kassaci kiñci deti, etha naṃ damessāmā’’ti tehi saddhiṃ bārāṇasiṃ agamāsi. Tasmiṃ khaṇe seṭṭhi rājupaṭṭhānaṃ katvā āgantvā sattame dvārakoṭṭhake antaravīthiṃ olokento caṅkamati. Sakko ‘‘tumhe mama paviṭṭhakāle pacchato paṭipāṭiyā āgacchathā’’ti vatvā gantvā seṭṭhissa santike ṭhatvā ‘‘bho mahāseṭṭhi, bhojanaṃ me dehī’’ti āha. ‘‘Brāhmaṇa natthi tava idha bhattaṃ, aññattha gacchā’’ti. ‘‘Bho mahāseṭṭhi, brāhmaṇehi bhatte yācite na dātuṃ na labbhatī’’ti. ‘‘Brāhmaṇa, mama gehe pakkampi pacitabbampi bhattaṃ natthi, aññattha gacchā’’ti. ‘‘Mahāseṭṭhi, ekaṃ te silokaṃ kathessāmi, taṃ suṇāhī’’ti. ‘‘Natthi mayhaṃ tava silokenattho, mā idha tiṭṭhā’’ti. Sakko tassa kathaṃ asuṇanto viya dve gāthā abhāsi –
๑๒๕.
125.
‘‘อปจนฺตาปิ ทิจฺฉนฺติ, สโนฺต ลทฺธาน โภชนํ;
‘‘Apacantāpi dicchanti, santo laddhāna bhojanaṃ;
กิเมว ตฺวํ ปจมาโน, ยํ น ทชฺชา น ตํ สมํฯ
Kimeva tvaṃ pacamāno, yaṃ na dajjā na taṃ samaṃ.
๑๒๖.
126.
‘‘มเจฺฉรา จ ปมาทา จ, เอวํ ทานํ น ทียติ;
‘‘Maccherā ca pamādā ca, evaṃ dānaṃ na dīyati;
ปุญฺญํ อากงฺขมาเนน, เทยฺยํ โหติ วิชานตา’’ติฯ
Puññaṃ ākaṅkhamānena, deyyaṃ hoti vijānatā’’ti.
ตาสํ อโตฺถ – มหาเสฎฺฐิ อปจนฺตาปิ สโนฺต สปฺปุริสา ภิกฺขาจริยาย ลทฺธมฺปิ โภชนํ ทาตุํ อิจฺฉนฺติ, น เอกกา ปริภุญฺชนฺติฯ กิเมว ตฺวํ ปจมาโน ยํ น ทเทยฺยาสิ, น ตํ สมํ, ตํ ตว อนุรูปํ อนุจฺฉวิกํ น โหติฯ ทานญฺหิ มเจฺฉเรน จ ปมาเทน จาติ ทฺวีหิ โทเสหิ น ทียติ, ปุญฺญํ อากงฺขมาเนน วิชานตา ปณฺฑิตมนุเสฺสน ทาตพฺพเมว โหตีติฯ
Tāsaṃ attho – mahāseṭṭhi apacantāpi santo sappurisā bhikkhācariyāya laddhampi bhojanaṃ dātuṃ icchanti, na ekakā paribhuñjanti. Kimeva tvaṃ pacamāno yaṃ na dadeyyāsi, na taṃ samaṃ, taṃ tava anurūpaṃ anucchavikaṃ na hoti. Dānañhi maccherena ca pamādena cāti dvīhi dosehi na dīyati, puññaṃ ākaṅkhamānena vijānatā paṇḍitamanussena dātabbameva hotīti.
โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘เตน หิ เคหํ ปวิสิตฺวา นิสีท, โถกํ ลจฺฉสี’’ติ อาหฯ สโกฺก ปวิสิตฺวา เต สิโลเก สชฺฌายโนฺต นิสีทิฯ อถ นํ จโนฺท อาคนฺตฺวา ภตฺตํ ยาจิฯ ‘‘นตฺถิ เต ภตฺตํ, คจฺฉา’’ติ จ วุโตฺต ‘‘มหาเสฎฺฐิ อโนฺต เอโก พฺราหฺมโณ นิสิโนฺน, พฺราหฺมณวาจนกํ มเญฺญ ภวิสฺสติ, อหมฺปิ ภวิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘นตฺถิ พฺราหฺมณวาจนกํ, นิกฺขมา’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘มหาเสฎฺฐิ อิงฺฆ ตาว สิโลกํ สุณาหี’’ติ เทฺว คาถา อภาสิ –
So tassa vacanaṃ sutvā ‘‘tena hi gehaṃ pavisitvā nisīda, thokaṃ lacchasī’’ti āha. Sakko pavisitvā te siloke sajjhāyanto nisīdi. Atha naṃ cando āgantvā bhattaṃ yāci. ‘‘Natthi te bhattaṃ, gacchā’’ti ca vutto ‘‘mahāseṭṭhi anto eko brāhmaṇo nisinno, brāhmaṇavācanakaṃ maññe bhavissati, ahampi bhavissāmī’’ti vatvā ‘‘natthi brāhmaṇavācanakaṃ, nikkhamā’’ti vuccamānopi ‘‘mahāseṭṭhi iṅgha tāva silokaṃ suṇāhī’’ti dve gāthā abhāsi –
๑๒๗.
127.
‘‘ยเสฺสว ภีโต น ททาติ มจฺฉรี, ตเทวาททโต ภยํ;
‘‘Yasseva bhīto na dadāti maccharī, tadevādadato bhayaṃ;
ชิฆจฺฉา จ ปิปาสา จ, ยสฺส ภายติ มจฺฉรี;
Jighacchā ca pipāsā ca, yassa bhāyati maccharī;
ตเมว พาลํ ผุสติ, อสฺมิํ โลเก ปรมฺหิ จฯ
Tameva bālaṃ phusati, asmiṃ loke paramhi ca.
๑๒๘.
128.
‘‘ตสฺมา วิเนยฺย มเจฺฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;
‘‘Tasmā vineyya maccheraṃ, dajjā dānaṃ malābhibhū;
ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมิํ, ปติฎฺฐา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติฯ
Puññāni paralokasmiṃ, patiṭṭhā honti pāṇina’’nti.
ตตฺถ ยสฺส ภายตีติ ‘‘อหํ อเญฺญสํ ทตฺวา สยํ ชิฆจฺฉิโต จ ปิปาสิโต จ ภวิสฺสามี’’ติ ยสฺสา ชิฆจฺฉาย ปิปาสาย ภายติฯ ตเมวาติ ตเญฺญว ชิฆจฺฉาปิปาสาสงฺขาตํ ภยํ เอตํ พาลํ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฎฺฐาเน อิธโลเก ปรโลเก จ ผุสติ ปีเฬติ, อจฺจนฺตทาลิทฺทิยํ ปาปุณาติฯ มลาภิภูติ มจฺฉริยมลํ อภิภวโนฺตฯ
Tattha yassa bhāyatīti ‘‘ahaṃ aññesaṃ datvā sayaṃ jighacchito ca pipāsito ca bhavissāmī’’ti yassā jighacchāya pipāsāya bhāyati. Tamevāti taññeva jighacchāpipāsāsaṅkhātaṃ bhayaṃ etaṃ bālaṃ nibbattanibbattaṭṭhāne idhaloke paraloke ca phusati pīḷeti, accantadāliddiyaṃ pāpuṇāti. Malābhibhūti macchariyamalaṃ abhibhavanto.
ตสฺสปิ วจนํ สุตฺวา ‘‘เตน หิ ปวิส, โถกํ ลภิสฺสสี’’ติ อาหฯ โสปิ ปวิสิตฺวา สกฺกสฺส สนฺติเก นิสีทิฯ ตโต โถกํ วีตินาเมตฺวา สูริโย อาคนฺตฺวา ภตฺตํ ยาจโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –
Tassapi vacanaṃ sutvā ‘‘tena hi pavisa, thokaṃ labhissasī’’ti āha. Sopi pavisitvā sakkassa santike nisīdi. Tato thokaṃ vītināmetvā sūriyo āgantvā bhattaṃ yācanto dve gāthā abhāsi –
๑๒๙.
129.
‘‘ทุทฺททํ ททมานานํ, ทุกฺกรํ กมฺม กุพฺพตํ;
‘‘Duddadaṃ dadamānānaṃ, dukkaraṃ kamma kubbataṃ;
อสโนฺต นานุกุพฺพนฺติ, สตํ ธโมฺม ทุรนฺนโยฯ
Asanto nānukubbanti, sataṃ dhammo durannayo.
๑๓๐.
130.
‘‘ตสฺมา สตญฺจ อสตํ, นานา โหติ อิโต คติ;
‘‘Tasmā satañca asataṃ, nānā hoti ito gati;
อสโนฺต นิรยํ ยนฺติ, สโนฺต สคฺคปรายณา’’ติฯ
Asanto nirayaṃ yanti, santo saggaparāyaṇā’’ti.
ตตฺถ ทุทฺททนฺติ ทานํ นาม ทุทฺททํ มเจฺฉรํ อภิภวิตฺวา ทาตพฺพโต, ตํ ททมานานํฯ ทุกฺกรนฺติ ตเทว ทานกมฺมํ ทุกฺกรํ ยุทฺธสทิสํ, ตํ กุพฺพตํฯ นานุกุพฺพนฺตีติ อสปฺปุริสา ทานผลํ อชานนฺตา เตสํ คตมคฺคํ นานุคจฺฉนฺติฯ สตํ ธโมฺมติ สปฺปุริสานํ โพธิสตฺตานํ ธโมฺม อเญฺญหิ ทุรนุคโมฯ อสโนฺตติ มจฺฉริยวเสน ทานํ อทตฺวา อสปฺปุริสา นิรยํ ยนฺติฯ
Tattha duddadanti dānaṃ nāma duddadaṃ maccheraṃ abhibhavitvā dātabbato, taṃ dadamānānaṃ. Dukkaranti tadeva dānakammaṃ dukkaraṃ yuddhasadisaṃ, taṃ kubbataṃ. Nānukubbantīti asappurisā dānaphalaṃ ajānantā tesaṃ gatamaggaṃ nānugacchanti. Sataṃ dhammoti sappurisānaṃ bodhisattānaṃ dhammo aññehi duranugamo. Asantoti macchariyavasena dānaṃ adatvā asappurisā nirayaṃ yanti.
เสฎฺฐิ คเหตพฺพคหณํ อปสฺสโนฺต ‘‘เตน หิ ปวิสิตฺวา พฺราหฺมณานํ สนฺติเก นิสีท, โถกํ ลจฺฉสี’’ติ อาหฯ ตโต โถกํ วีตินาเมตฺวา มาตลิ อาคนฺตฺวา ภตฺตํ ยาจิตฺวา ‘‘นตฺถี’’ติ วจนมตฺตกาลเมว สตฺตมํ คาถมาห –
Seṭṭhi gahetabbagahaṇaṃ apassanto ‘‘tena hi pavisitvā brāhmaṇānaṃ santike nisīda, thokaṃ lacchasī’’ti āha. Tato thokaṃ vītināmetvā mātali āgantvā bhattaṃ yācitvā ‘‘natthī’’ti vacanamattakālameva sattamaṃ gāthamāha –
๑๓๑.
131.
‘‘อปฺปเสฺมเก ปเวจฺฉนฺติ, พหุเนเก น ทิจฺฉเร;
‘‘Appasmeke pavecchanti, bahuneke na dicchare;
อปฺปสฺมา ทกฺขิณา ทินฺนา, สหเสฺสน สมํ มิตา’’ติฯ
Appasmā dakkhiṇā dinnā, sahassena samaṃ mitā’’ti.
ตตฺถ อปฺปเสฺมเก ปเวจฺฉนฺตีติ มหาเสฎฺฐิ เอกเจฺจ ปณฺฑิตปุริสา อปฺปสฺมิมฺปิ เทยฺยธเมฺม ปเวจฺฉนฺติ, ททนฺติเยวาติ อโตฺถฯ พหุนาปิ เทยฺยธเมฺมน สมนฺนาคตา เอเก สตฺตา น ทิจฺฉเร น ททนฺติฯ ทกฺขิณาติ กมฺมญฺจ ผลญฺจ สทฺทหิตฺวา ทินฺนทานํฯ สหเสฺสน สมํ มิตาติ เอวํ ทินฺนา กฎจฺฉุภตฺตมตฺตาปิ ทกฺขิณา สหสฺสทาเนน สทฺธิํ มิตา, มหาผลตฺตา สหสฺสทานสทิสาว โหตีติ อโตฺถฯ
Tattha appasmeke pavecchantīti mahāseṭṭhi ekacce paṇḍitapurisā appasmimpi deyyadhamme pavecchanti, dadantiyevāti attho. Bahunāpi deyyadhammena samannāgatā eke sattā na dicchare na dadanti. Dakkhiṇāti kammañca phalañca saddahitvā dinnadānaṃ. Sahassena samaṃ mitāti evaṃ dinnā kaṭacchubhattamattāpi dakkhiṇā sahassadānena saddhiṃ mitā, mahāphalattā sahassadānasadisāva hotīti attho.
ตมฺปิ โส ‘‘เตน หิ ปวิสิตฺวา นิสีทา’’ติ อาหฯ ตโต โถกํ วีตินาเมตฺวา ปญฺจสิโข อาคนฺตฺวา ภตฺตํ ยาจิตฺวา ‘‘นตฺถิ คจฺฉา’’ติ วุเตฺต ‘‘อหํ น คตปุโพฺพ, อิมสฺมิํ เคเห พฺราหฺมณวาจนกํ ภวิสฺสติ มเญฺญ’’ติ ตสฺส ธมฺมกถํ อารภโนฺต อฎฺฐมํ คาถมาห –
Tampi so ‘‘tena hi pavisitvā nisīdā’’ti āha. Tato thokaṃ vītināmetvā pañcasikho āgantvā bhattaṃ yācitvā ‘‘natthi gacchā’’ti vutte ‘‘ahaṃ na gatapubbo, imasmiṃ gehe brāhmaṇavācanakaṃ bhavissati maññe’’ti tassa dhammakathaṃ ārabhanto aṭṭhamaṃ gāthamāha –
๑๓๒.
132.
‘‘ธมฺมํ จเร โยปิ สมุญฺฉกํ จเร, ทารญฺจ โปสํ ททมปฺปกสฺมิํ;
‘‘Dhammaṃ care yopi samuñchakaṃ care, dārañca posaṃ dadamappakasmiṃ;
สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ, กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติฯ
Sataṃ sahassānaṃ sahassayāginaṃ, kalampi nāgghanti tathāvidhassa te’’ti.
ตตฺถ ธมฺมนฺติ ติวิธสุจริตธมฺมํฯ สมุญฺฉกนฺติ คาเม วา อามกปกฺกภิกฺขาจริยํ อรเญฺญ วา ผลาผลหรณสงฺขาตํ อุญฺฉํ โย จเรยฺย, โสปิ ธมฺมเมว จเรฯ ทารญฺจ โปสนฺติ อตฺตโน จ ปุตฺตทารํ โปเสโนฺตเยวฯ ททมปฺปกสฺมินฺติ ปริเตฺต วา เทยฺยธเมฺม ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณานํ ททมาโน ธมฺมํ จเรติ อโตฺถฯ สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินนฺติ ปรํ โปเถตฺวา วิเหเฐตฺวา สหเสฺสน ยาคํ ยชนฺตานํ สหสฺสยาคีนํ อิสฺสรานํ สตสหสฺสมฺปิฯ กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เตติ เตสํ สตสหสฺสสงฺขาตานํ สหสฺสยาคีนํ ยาคา ตถาวิธสฺส ธเมฺมน สเมน เทยฺยธมฺมํ อุปฺปาเทตฺวา เทนฺตสฺส ทุคฺคตมนุสฺสสฺส โสฬสิํ กลํ น อคฺฆนฺตีติฯ
Tattha dhammanti tividhasucaritadhammaṃ. Samuñchakanti gāme vā āmakapakkabhikkhācariyaṃ araññe vā phalāphalaharaṇasaṅkhātaṃ uñchaṃ yo careyya, sopi dhammameva care. Dārañca posanti attano ca puttadāraṃ posentoyeva. Dadamappakasminti paritte vā deyyadhamme dhammikasamaṇabrāhmaṇānaṃ dadamāno dhammaṃ careti attho. Sataṃ sahassānaṃ sahassayāginanti paraṃ pothetvā viheṭhetvā sahassena yāgaṃ yajantānaṃ sahassayāgīnaṃ issarānaṃ satasahassampi. Kalampi nāgghanti tathāvidhassa teti tesaṃ satasahassasaṅkhātānaṃ sahassayāgīnaṃ yāgā tathāvidhassa dhammena samena deyyadhammaṃ uppādetvā dentassa duggatamanussassa soḷasiṃ kalaṃ na agghantīti.
เสฎฺฐิ ปญฺจสิขสฺส กถํ สุตฺวา สลฺลเกฺขสิฯ อถ นํ อนคฺฆการณํ ปุจฺฉโนฺต นวมํ คาถมาห –
Seṭṭhi pañcasikhassa kathaṃ sutvā sallakkhesi. Atha naṃ anagghakāraṇaṃ pucchanto navamaṃ gāthamāha –
๑๓๓.
133.
‘‘เกเนส ยโญฺญ วิปุโล มหคฺฆโต, สเมน ทินฺนสฺส น อคฺฆเมติ;
‘‘Kenesa yañño vipulo mahagghato, samena dinnassa na agghameti;
กถํ สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ, กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติฯ
Kathaṃ sataṃ sahassānaṃ sahassayāginaṃ, kalampi nāgghanti tathāvidhassa te’’ti.
ตตฺถ ยโญฺญติ ทานยาโค สตสหสฺสปริจฺจาควเสน วิปุโล, วิปุลตฺตาว มหคฺฆโตฯ สเมน ทินฺนสฺสาติ ธเมฺมน ทินฺนสฺส เกน การเณน อคฺฆํ น อุเปติฯ กถํ สตํ สหสฺสานนฺติ พฺราหฺมณ, กถํ สหสฺสยาคีนํ ปุริสานํ พหูนํ สหสฺสานํ สตสหสฺสสงฺขาตา อิสฺสรา ตถาวิธสฺส ธเมฺมน อุปฺปาเทตฺวา ทายกสฺส เอกสฺส ทุคฺคตมนุสฺสสฺส กลํ นาคฺฆนฺตีติฯ
Tattha yaññoti dānayāgo satasahassapariccāgavasena vipulo, vipulattāva mahagghato. Samena dinnassāti dhammena dinnassa kena kāraṇena agghaṃ na upeti. Kathaṃ sataṃ sahassānanti brāhmaṇa, kathaṃ sahassayāgīnaṃ purisānaṃ bahūnaṃ sahassānaṃ satasahassasaṅkhātā issarā tathāvidhassa dhammena uppādetvā dāyakassa ekassa duggatamanussassa kalaṃ nāgghantīti.
อถสฺส กเถโนฺต ปญฺจสิโข โอสานคาถมาห –
Athassa kathento pañcasikho osānagāthamāha –
๑๓๔.
134.
‘‘ททนฺติ เหเก วิสเม นิวิฎฺฐา, เฉตฺวา วธิตฺวา อถ โสจยิตฺวา;
‘‘Dadanti heke visame niviṭṭhā, chetvā vadhitvā atha socayitvā;
สา ทกฺขิณา อสฺสุมุขา สทณฺฑา, สเมน ทินฺนสฺส น อคฺฆเมติ;
Sā dakkhiṇā assumukhā sadaṇḍā, samena dinnassa na agghameti;
เอวํ สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ, กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติฯ
Evaṃ sataṃ sahassānaṃ sahassayāginaṃ, kalampi nāgghanti tathāvidhassa te’’ti.
ตตฺถ วิสเมติ วิสเม กายกมฺมาทิมฺหิ นิวิฎฺฐาฯ เฉตฺวาติ กิลเมตฺวาฯ วธิตฺวาติ มาเรตฺวาฯ โสจยิตฺวาติ สโสเก กตฺวาฯ
Tattha visameti visame kāyakammādimhi niviṭṭhā. Chetvāti kilametvā. Vadhitvāti māretvā. Socayitvāti sasoke katvā.
โส ปญฺจสิขสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘เตน หิ คจฺฉ, เคหํ ปวิสิตฺวา นิสีท, โถกํ ลจฺฉสี’’ติ อาหฯ โสปิ คนฺตฺวา เตสํ สนฺติเก นิสีทิฯ ตโต พิลารโกสิโย เสฎฺฐิ เอกํ ทาสิํ อามเนฺตตฺวา ‘‘เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ปลาปวีหีนํ นาฬิํ นาฬิํ เทหี’’ติ อาหฯ สา วีหี คเหตฺวา พฺราหฺมเณ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิเม อาทาย ยตฺถ กตฺถจิ ปจาเปตฺวา ภุญฺชถา’’ติ อาหฯ ‘‘น อมฺหากํ วีหินา อโตฺถ, น มยํ วีหิํ อามสามา’’ติฯ ‘‘อยฺย, วีหิํ กิเรเต นามสนฺตี’’ติ? ‘‘เตน หิ เตสํ ตณฺฑุเล เทหี’’ติฯ สา ตณฺฑุเล อาทาย คนฺตฺวา ‘‘พฺราหฺมณา ตณฺฑุเล คณฺหถา’’ติ อาหฯ ‘‘มยํ อามกํ น ปฎิคฺคณฺหามา’’ติฯ ‘‘อยฺย, อามกํ กิร น คณฺหนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ เตสํ กโรฎิยํ วเฑฺฒตฺวา โคภตฺตํ เทหี’’ติฯ สา เตสํ กโรฎิยํ วเฑฺฒตฺวา มหาโคณานํ ปกฺกภตฺตํ อาหริตฺวา อทาสิฯ ปญฺจปิ ชนา กพเฬ วเฑฺฒตฺวา มุเข ปกฺขิปิตฺวา คเล ลคฺคาเปตฺวา อกฺขีนิ ปริวเตฺตตฺวา วิสฺสฎฺฐสญฺญา มตา วิย นิปชฺชิํสุฯ ทาสี เต ทิสฺวา ‘‘มตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ภีตา คนฺตฺวา เสฎฺฐิโน อาโรเจสิ ‘‘อยฺย, เต พฺราหฺมณา โคภตฺตํ คิลิตุํ อสโกฺกนฺตา มตา’’ติฯ
So pañcasikhassa dhammakathaṃ sutvā ‘‘tena hi gaccha, gehaṃ pavisitvā nisīda, thokaṃ lacchasī’’ti āha. Sopi gantvā tesaṃ santike nisīdi. Tato bilārakosiyo seṭṭhi ekaṃ dāsiṃ āmantetvā ‘‘etesaṃ brāhmaṇānaṃ palāpavīhīnaṃ nāḷiṃ nāḷiṃ dehī’’ti āha. Sā vīhī gahetvā brāhmaṇe upasaṅkamitvā ‘‘ime ādāya yattha katthaci pacāpetvā bhuñjathā’’ti āha. ‘‘Na amhākaṃ vīhinā attho, na mayaṃ vīhiṃ āmasāmā’’ti. ‘‘Ayya, vīhiṃ kirete nāmasantī’’ti? ‘‘Tena hi tesaṃ taṇḍule dehī’’ti. Sā taṇḍule ādāya gantvā ‘‘brāhmaṇā taṇḍule gaṇhathā’’ti āha. ‘‘Mayaṃ āmakaṃ na paṭiggaṇhāmā’’ti. ‘‘Ayya, āmakaṃ kira na gaṇhantī’’ti. ‘‘Tena hi tesaṃ karoṭiyaṃ vaḍḍhetvā gobhattaṃ dehī’’ti. Sā tesaṃ karoṭiyaṃ vaḍḍhetvā mahāgoṇānaṃ pakkabhattaṃ āharitvā adāsi. Pañcapi janā kabaḷe vaḍḍhetvā mukhe pakkhipitvā gale laggāpetvā akkhīni parivattetvā vissaṭṭhasaññā matā viya nipajjiṃsu. Dāsī te disvā ‘‘matā bhavissantī’’ti bhītā gantvā seṭṭhino ārocesi ‘‘ayya, te brāhmaṇā gobhattaṃ gilituṃ asakkontā matā’’ti.
โส จิเนฺตสิ ‘‘อิทานิ อยํ ปาปธโมฺม สุขุมาลพฺราหฺมณานํ โคภตฺตํ ทาเปสิ, เต ตํ คิลิตุํ อสโกฺกนฺตา มตาติ มํ ครหิสฺสนฺตี’’ติฯ ตโต ทาสิํ อาห – ‘‘ขิปฺปํ คนฺตฺวา เอเตสํ กโรฎิเกสุ ภตฺตํ หริตฺวา นานคฺครสํ สาลิภตฺตํ วเฑฺฒหี’’ติฯ สา ตถา อกาสิฯ เสฎฺฐิ อนฺตรปีถิํ ปฎิปนฺนมนุเสฺส ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘อหํ มม ภุญฺชนนิยาเมน เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ภตฺตํ ทาเปสิํ, เอเต โลเภน มหเนฺต ปิเณฺฑ กตฺวา ภุญฺชมานา คเล ลคฺคาเปตฺวา มตา, มม นิโทฺทสภาวํ ชานาถา’’ติ วตฺวา ปริสํ สนฺนิปาเตสิฯ มหาชเน สนฺนิปติเต พฺราหฺมณา อุฎฺฐาย มหาชนํ โอโลเกตฺวา ‘‘ปสฺสถิมสฺส เสฎฺฐิสฺส มุสาวาทิตํ, ‘อมฺหากํ อตฺตโน ภุญฺชนภตฺตํ ทาเปสิ’นฺติ วทติ, ปฐมํ โคภตฺตํ อมฺหากํ ทตฺวา อเมฺหสุ มเตสุ วิย นิปเนฺนสุ อิมํ ภตฺตํ วฑฺฒาเปสี’’ติ วตฺวา อตฺตโน มุเขหิ คหิตภตฺตํ ภูมิยํ ปาเตตฺวา ทเสฺสสุํฯ มหาชโน เสฎฺฐิํ ครหิ ‘‘อนฺธพาล, อตฺตโน กุลวํสํ นาเสสิ, ทานสาลํ ฌาเปสิ, ยาจเก คีวายํ คเหตฺวา นีหราเปสิ, อิทานิ อิเมสํ สุขุมาลพฺราหฺมณานํ ภตฺตํ เทโนฺต โคภตฺตํ ทาเปสิ, ปรโลกํ คจฺฉโนฺต ตว ฆเร วิภวํ คีวายํ พนฺธิตฺวา คมิสฺสสิ มเญฺญ’’ติฯ
So cintesi ‘‘idāni ayaṃ pāpadhammo sukhumālabrāhmaṇānaṃ gobhattaṃ dāpesi, te taṃ gilituṃ asakkontā matāti maṃ garahissantī’’ti. Tato dāsiṃ āha – ‘‘khippaṃ gantvā etesaṃ karoṭikesu bhattaṃ haritvā nānaggarasaṃ sālibhattaṃ vaḍḍhehī’’ti. Sā tathā akāsi. Seṭṭhi antarapīthiṃ paṭipannamanusse pakkosāpetvā ‘‘ahaṃ mama bhuñjananiyāmena etesaṃ brāhmaṇānaṃ bhattaṃ dāpesiṃ, ete lobhena mahante piṇḍe katvā bhuñjamānā gale laggāpetvā matā, mama niddosabhāvaṃ jānāthā’’ti vatvā parisaṃ sannipātesi. Mahājane sannipatite brāhmaṇā uṭṭhāya mahājanaṃ oloketvā ‘‘passathimassa seṭṭhissa musāvāditaṃ, ‘amhākaṃ attano bhuñjanabhattaṃ dāpesi’nti vadati, paṭhamaṃ gobhattaṃ amhākaṃ datvā amhesu matesu viya nipannesu imaṃ bhattaṃ vaḍḍhāpesī’’ti vatvā attano mukhehi gahitabhattaṃ bhūmiyaṃ pātetvā dassesuṃ. Mahājano seṭṭhiṃ garahi ‘‘andhabāla, attano kulavaṃsaṃ nāsesi, dānasālaṃ jhāpesi, yācake gīvāyaṃ gahetvā nīharāpesi, idāni imesaṃ sukhumālabrāhmaṇānaṃ bhattaṃ dento gobhattaṃ dāpesi, paralokaṃ gacchanto tava ghare vibhavaṃ gīvāyaṃ bandhitvā gamissasi maññe’’ti.
ตสฺมิํ ขเณ สโกฺก มหาชนํ ปุจฺฉิ ‘‘ชานาถ, ตุเมฺห อิมสฺมิํ เคเห ธนํ กสฺส สนฺตก’’นฺติ? ‘‘น ชานามา’’ติฯ ‘‘อิมสฺมิํ นคเร อสุกกาเล พาราณสิยํ มหาเสฎฺฐิ นาม ทานสาลํ กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺตยี’’ติ สุตปุพฺพํ ตุเมฺหหีติฯ ‘‘อาม สุณามา’’ติฯ ‘‘อหํ โส เสฎฺฐิ, ทานํ ทตฺวา สโกฺก เทวราชา หุตฺวา ปุโตฺตปิ เม ตํ วํสํ อวินาเสตฺวา ทานํ ทตฺวา จโนฺท เทวปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพโตฺต, ตสฺส ปุโตฺต สูริโย, ตสฺส ปุโตฺต มาตลิ, ตสฺส ปุโตฺต ปญฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพโตฺตฯ เตสุ อยํ จโนฺท, อยํ สูริโย, อยํ มาตลิสงฺคาหโก, อยํ อิมสฺส ปาปธมฺมสฺส ปิตา ปญฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุโตฺต, เอวํ พหุคุณํ เอตํ ทานํ นาม, กตฺตพฺพเมว กุสลํ ปณฺฑิเตหี’’ติ กเถนฺตา มหาชนสฺส กงฺขเจฺฉทนตฺถํ อากาเส อุปฺปติตฺวา มหเนฺตนานุภาเวน มหเนฺตน ปริวาเรน ชลมานสรีรา อฎฺฐํสุ, สกลนครํ ปชฺชลนฺตํ วิย อโหสิฯ สโกฺก มหาชนํ อามเนฺตตฺวา ‘‘มยํ อตฺตโน ทิพฺพสมฺปตฺติํ ปหาย อาคจฺฉนฺตา อิมํ กุลวํสนาสกรํ ปาปธมฺมพิลารโกสิยํ นิสฺสาย อาคตา, อยํ ปาปธโมฺม อตฺตโน กุลวํสํ นาเสตฺวา ทานสาลํ ฌาเปตฺวา ยาจเก คีวายํ คเหตฺวา นีหราเปตฺวา อมฺหากํ วํสํ สมุจฺฉินฺทิ, ‘อยํ อทานสีโล หุตฺวา นิรเย นิพฺพเตฺตยฺยา’ติ อิมสฺส อนุกมฺปาย อาคตามฺหา’’ติ วตฺวา ทานคุณํ ปกาเสโนฺต มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ พิลารโกสิโย สิรสฺมิํ อญฺชลิํ ปติฎฺฐเปตฺวา ‘‘เทว, อหํ อิโต ปฎฺฐาย โปราณกุลวํสํ อนาสาเปตฺวา ทานํ ปวเตฺตสฺสามิ, อชฺช อาทิํ กตฺวา อนฺตมโส อุทกทนฺตโปนํ อุปาทาย อตฺตโน ลทฺธาหารํ ปรสฺส อทตฺวา น ขาทิสฺสามี’’ติ สกฺกสฺส ปฎิญฺญํ อทาสิฯ สโกฺก ตํ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐเปตฺวา จตฺตาโร เทวปุเตฺต อาทาย สกฎฺฐานเมว คโตฯ โสปิ เสฎฺฐิ ยาวชีวํ ทานํ ทตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺติฯ
Tasmiṃ khaṇe sakko mahājanaṃ pucchi ‘‘jānātha, tumhe imasmiṃ gehe dhanaṃ kassa santaka’’nti? ‘‘Na jānāmā’’ti. ‘‘Imasmiṃ nagare asukakāle bārāṇasiyaṃ mahāseṭṭhi nāma dānasālaṃ kāretvā mahādānaṃ pavattayī’’ti sutapubbaṃ tumhehīti. ‘‘Āma suṇāmā’’ti. ‘‘Ahaṃ so seṭṭhi, dānaṃ datvā sakko devarājā hutvā puttopi me taṃ vaṃsaṃ avināsetvā dānaṃ datvā cando devaputto hutvā nibbatto, tassa putto sūriyo, tassa putto mātali, tassa putto pañcasikho gandhabbadevaputto hutvā nibbatto. Tesu ayaṃ cando, ayaṃ sūriyo, ayaṃ mātalisaṅgāhako, ayaṃ imassa pāpadhammassa pitā pañcasikho gandhabbadevaputto, evaṃ bahuguṇaṃ etaṃ dānaṃ nāma, kattabbameva kusalaṃ paṇḍitehī’’ti kathentā mahājanassa kaṅkhacchedanatthaṃ ākāse uppatitvā mahantenānubhāvena mahantena parivārena jalamānasarīrā aṭṭhaṃsu, sakalanagaraṃ pajjalantaṃ viya ahosi. Sakko mahājanaṃ āmantetvā ‘‘mayaṃ attano dibbasampattiṃ pahāya āgacchantā imaṃ kulavaṃsanāsakaraṃ pāpadhammabilārakosiyaṃ nissāya āgatā, ayaṃ pāpadhammo attano kulavaṃsaṃ nāsetvā dānasālaṃ jhāpetvā yācake gīvāyaṃ gahetvā nīharāpetvā amhākaṃ vaṃsaṃ samucchindi, ‘ayaṃ adānasīlo hutvā niraye nibbatteyyā’ti imassa anukampāya āgatāmhā’’ti vatvā dānaguṇaṃ pakāsento mahājanassa dhammaṃ desesi. Bilārakosiyo sirasmiṃ añjaliṃ patiṭṭhapetvā ‘‘deva, ahaṃ ito paṭṭhāya porāṇakulavaṃsaṃ anāsāpetvā dānaṃ pavattessāmi, ajja ādiṃ katvā antamaso udakadantaponaṃ upādāya attano laddhāhāraṃ parassa adatvā na khādissāmī’’ti sakkassa paṭiññaṃ adāsi. Sakko taṃ dametvā nibbisevanaṃ katvā pañcasu sīlesu patiṭṭhapetvā cattāro devaputte ādāya sakaṭṭhānameva gato. Sopi seṭṭhi yāvajīvaṃ dānaṃ datvā tāvatiṃsabhavane nibbatti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, อยํ ภิกฺขุ ปุเพฺพ อสฺสโทฺธ อโหสิ กสฺสจิ กิญฺจิ อทาตา, อหํ ปน นํ ทเมตฺวา ทานผลํ ชานาเปสิํ, ตเมว จิตฺตํ ภวนฺตรคตมฺปิ น ชหาตี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เสฎฺฐิ อยํ ทานปติโก ภิกฺขุ อโหสิ, จโนฺท สาริปุโตฺต, สูริโย โมคฺคลฺลาโน, มาตลิ กสฺสโป, ปญฺจสิโข อานโนฺท, สโกฺก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘evaṃ, bhikkhave, ayaṃ bhikkhu pubbe assaddho ahosi kassaci kiñci adātā, ahaṃ pana naṃ dametvā dānaphalaṃ jānāpesiṃ, tameva cittaṃ bhavantaragatampi na jahātī’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā seṭṭhi ayaṃ dānapatiko bhikkhu ahosi, cando sāriputto, sūriyo moggallāno, mātali kassapo, pañcasikho ānando, sakko pana ahameva ahosi’’nti.
พิลารโกสิยชาตกวณฺณนา ทฺวาทสมาฯ
Bilārakosiyajātakavaṇṇanā dvādasamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๕๐. พิลารโกสิยชาตกํ • 450. Bilārakosiyajātakaṃ