Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi |
๑๓. พิมฺพิสารสมาคมกถา
13. Bimbisārasamāgamakathā
๕๕. อถ โข ภควา คยาสีเส ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ, มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ภิกฺขุสหเสฺสน สเพฺพเหว ปุราณชฎิเลหิฯ อถ โข ภควา อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา ราชคเห วิหรติ ลฎฺฐิวเน 1 สุปฺปติเฎฺฐ เจติเยฯ อโสฺสสิ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร – สมโณ ขลุ โภ โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต ราชคหํ อนุปฺปโตฺต ราชคเห วิหรติ ลฎฺฐิวเน สุปฺปติเฎฺฐ เจติเยฯ ตํ โข ปน ภควนฺตํ 2 โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา 3ฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตีติฯ
55. Atha kho bhagavā gayāsīse yathābhirantaṃ viharitvā yena rājagahaṃ tena cārikaṃ pakkāmi, mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ bhikkhusahassena sabbeheva purāṇajaṭilehi. Atha kho bhagavā anupubbena cārikaṃ caramāno yena rājagahaṃ tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā rājagahe viharati laṭṭhivane 4 suppatiṭṭhe cetiye. Assosi kho rājā māgadho seniyo bimbisāro – samaṇo khalu bho gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito rājagahaṃ anuppatto rājagahe viharati laṭṭhivane suppatiṭṭhe cetiye. Taṃ kho pana bhagavantaṃ 5 gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā 6. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotīti.
อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ทฺวาทสนหุเตหิ 7 มาคธิเกหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เตปิ โข ทฺวาทสนหุตา มาคธิกา พฺราหฺมณคหปติกา อเปฺปกเจฺจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อถ โข เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ 8 มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ – ‘‘กิํ นุ โข มหาสมโณ อุรุเวลกสฺสเป พฺรหฺมจริยํ จรติ, อุทาหุ อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติ? อถ โข ภควา เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย อายสฺมนฺตํ อุรุเวลกสฺสปํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro dvādasanahutehi 9 māgadhikehi brāhmaṇagahapatikehi parivuto yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Tepi kho dvādasanahutā māgadhikā brāhmaṇagahapatikā appekacce bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce bhagavato santike nāmagottaṃ sāvetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce tuṇhībhūtā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Atha kho tesaṃ dvādasanahutānaṃ 10 māgadhikānaṃ brāhmaṇagahapatikānaṃ etadahosi – ‘‘kiṃ nu kho mahāsamaṇo uruvelakassape brahmacariyaṃ carati, udāhu uruvelakassapo mahāsamaṇe brahmacariyaṃ caratī’’ti? Atha kho bhagavā tesaṃ dvādasanahutānaṃ māgadhikānaṃ brāhmaṇagahapatikānaṃ cetasā cetoparivitakkamaññāya āyasmantaṃ uruvelakassapaṃ gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘กิเมว ทิสฺวา อุรุเวลวาสิ, ปหาสิ อคฺคิํ กิสโกวทาโน;
‘‘Kimeva disvā uruvelavāsi, pahāsi aggiṃ kisakovadāno;
ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป, เอตมตฺถํ กถํ ปหีนํ ตว อคฺคิหุตฺตนฺติฯ
Pucchāmi taṃ kassapa, etamatthaṃ kathaṃ pahīnaṃ tava aggihuttanti.
‘‘รูเป จ สเทฺท จ อโถ รเส จ;
‘‘Rūpe ca sadde ca atho rase ca;
กามิตฺถิโย จาภิวทนฺติ ยญฺญา;
Kāmitthiyo cābhivadanti yaññā;
เอตํ มลนฺติ อุปธีสุ ญตฺวา;
Etaṃ malanti upadhīsu ñatvā;
ตสฺมา น ยิเฎฺฐ น หุเต อรญฺชินฺติฯ
Tasmā na yiṭṭhe na hute arañjinti.
‘‘เอเตฺถว เต มโน น รมิตฺถ (กสฺสปาติ ภควา);
‘‘Ettheva te mano na ramittha (kassapāti bhagavā);
รูเปสุ สเทฺทสุ อโถ รเสสุ;
Rūpesu saddesu atho rasesu;
อถ โก จรหิ เทวมนุสฺสโลเก;
Atha ko carahi devamanussaloke;
รโต มโน กสฺสป, พฺรูหิ เมตนฺติฯ
Rato mano kassapa, brūhi metanti.
‘‘ทิสฺวา ปทํ สนฺตมนูปธีกํ;
‘‘Disvā padaṃ santamanūpadhīkaṃ;
อกิญฺจนํ กามภเว อสตฺตํ;
Akiñcanaṃ kāmabhave asattaṃ;
อนญฺญถาภาวิมนญฺญเนยฺยํ;
Anaññathābhāvimanaññaneyyaṃ;
ตสฺมา น ยิเฎฺฐ น หุเต อรญฺชิ’’นฺติฯ
Tasmā na yiṭṭhe na hute arañji’’nti.
๕๖. อถ โข อายสฺมา อุรุเวลกสฺสโป อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา เม, ภเนฺต, ภควา, สาวโกหมสฺมิ; สตฺถา เม, ภเนฺต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติฯ อถ โข เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ – ‘‘อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติฯ อถ โข ภควา เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย อนุปุพฺพิํ กถํ กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิฯ ยทา เต ภควา อญฺญาสิ กลฺลจิเตฺต มุทุจิเตฺต วินีวรณจิเตฺต อุทคฺคจิเตฺต ปสนฺนจิเตฺต, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา, ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํฯ เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, เอวเมว เอกาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ พิมฺพิสารปฺปมุขานํ ตสฺมิํ เยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติฯ เอกนหุตํ อุปาสกตฺตํ ปฎิเวเทสิฯ
56. Atha kho āyasmā uruvelakassapo uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘satthā me, bhante, bhagavā, sāvakohamasmi; satthā me, bhante, bhagavā, sāvakohamasmī’’ti. Atha kho tesaṃ dvādasanahutānaṃ māgadhikānaṃ brāhmaṇagahapatikānaṃ etadahosi – ‘‘uruvelakassapo mahāsamaṇe brahmacariyaṃ caratī’’ti. Atha kho bhagavā tesaṃ dvādasanahutānaṃ māgadhikānaṃ brāhmaṇagahapatikānaṃ cetasā cetoparivitakkamaññāya anupubbiṃ kathaṃ kathesi, seyyathidaṃ – dānakathaṃ sīlakathaṃ saggakathaṃ kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi. Yadā te bhagavā aññāsi kallacitte muducitte vinīvaraṇacitte udaggacitte pasannacitte, atha yā buddhānaṃ sāmukkaṃsikā dhammadesanā, taṃ pakāsesi – dukkhaṃ, samudayaṃ, nirodhaṃ, maggaṃ. Seyyathāpi nāma suddhaṃ vatthaṃ apagatakāḷakaṃ sammadeva rajanaṃ paṭiggaṇheyya, evameva ekādasanahutānaṃ māgadhikānaṃ brāhmaṇagahapatikānaṃ bimbisārappamukhānaṃ tasmiṃ yeva āsane virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhammanti. Ekanahutaṃ upāsakattaṃ paṭivedesi.
๕๗. อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ทิฎฺฐธโมฺม ปตฺตธโมฺม วิทิตธโมฺม ปริโยคาฬฺหธโมฺม ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปโตฺต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปุเพฺพ เม, ภเนฺต, กุมารสฺส สโต ปญฺจ อสฺสาสกา อเหสุํ, เต เม เอตรหิ สมิทฺธาฯ ปุเพฺพ เม, ภเนฺต, กุมารสฺส สโต เอตทโหสิ – ‘อโห วต มํ รเชฺช อภิสิเญฺจยฺยุ’นฺติ, อยํ โข เม, ภเนฺต, ปฐโม อสฺสาสโก อโหสิ, โส เม เอตรหิ สมิโทฺธฯ ‘ตสฺส จ เม วิชิตํ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โอกฺกเมยฺยา’ติ, อยํ โข เม, ภเนฺต, ทุติโย อสฺสาสโก อโหสิ, โส เม เอตรหิ สมิโทฺธฯ ‘ตญฺจาหํ ภควนฺตํ ปยิรุปาเสยฺย’นฺติ, อยํ โข เม, ภเนฺต, ตติโย อสฺสาสโก อโหสิ, โส เม เอตรหิ สมิโทฺธฯ ‘โส จ เม ภควา ธมฺมํ เทเสยฺยา’ติ, อยํ โข เม, ภเนฺต, จตุโตฺถ อสฺสาสโก อโหสิ, โส เม เอตรหิ สมิโทฺธฯ ‘ตสฺส จาหํ ภควโต ธมฺมํ อาชาเนยฺย’นฺติ, อยํ โข เม, ภเนฺต, ปญฺจโม อสฺสาสโก อโหสิ, โส เม เอตรหิ สมิโทฺธฯ ปุเพฺพ เม, ภเนฺต, กุมารสฺส สโต อิเม ปญฺจ อสฺสาสกา อเหสุํ, เต เม เอตรหิ สมิทฺธาฯ อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมญฺจ, ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ 11, ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ, อธิวาเสตุ จ เม, ภเนฺต, ภควา , สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนา’’ติ ฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, ภเนฺต, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ
57. Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro diṭṭhadhammo pattadhammo viditadhammo pariyogāḷhadhammo tiṇṇavicikiccho vigatakathaṃkatho vesārajjappatto aparappaccayo satthusāsane bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘pubbe me, bhante, kumārassa sato pañca assāsakā ahesuṃ, te me etarahi samiddhā. Pubbe me, bhante, kumārassa sato etadahosi – ‘aho vata maṃ rajje abhisiñceyyu’nti, ayaṃ kho me, bhante, paṭhamo assāsako ahosi, so me etarahi samiddho. ‘Tassa ca me vijitaṃ arahaṃ sammāsambuddho okkameyyā’ti, ayaṃ kho me, bhante, dutiyo assāsako ahosi, so me etarahi samiddho. ‘Tañcāhaṃ bhagavantaṃ payirupāseyya’nti, ayaṃ kho me, bhante, tatiyo assāsako ahosi, so me etarahi samiddho. ‘So ca me bhagavā dhammaṃ deseyyā’ti, ayaṃ kho me, bhante, catuttho assāsako ahosi, so me etarahi samiddho. ‘Tassa cāhaṃ bhagavato dhammaṃ ājāneyya’nti, ayaṃ kho me, bhante, pañcamo assāsako ahosi, so me etarahi samiddho. Pubbe me, bhante, kumārassa sato ime pañca assāsakā ahesuṃ, te me etarahi samiddhā. Abhikkantaṃ, bhante, abhikkantaṃ, bhante, seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya cakkhumanto rūpāni dakkhantīti – evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi, dhammañca, bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ 12, bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gataṃ, adhivāsetu ca me, bhante, bhagavā , svātanāya bhattaṃ saddhiṃ bhikkhusaṅghenā’’ti . Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro bhagavato adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro tassā rattiyā accayena paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā bhagavato kālaṃ ārocāpesi – ‘‘kālo, bhante, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti.
๕๘. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปาวิสิ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ภิกฺขุสหเสฺสน สเพฺพเหว ปุราณชฎิเลหิฯ เตน โข ปน สมเยน สโกฺก เทวานมิโนฺท มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปุรโต ปุรโต คจฺฉติ อิมา คาถาโย คายมาโน –
58. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya rājagahaṃ pāvisi mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ bhikkhusahassena sabbeheva purāṇajaṭilehi. Tena kho pana samayena sakko devānamindo māṇavakavaṇṇaṃ abhinimminitvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa purato purato gacchati imā gāthāyo gāyamāno –
‘‘ทโนฺต ทเนฺตหิ สห ปุราณชฎิเลหิ, วิปฺปมุโตฺต วิปฺปมุเตฺตหิ;
‘‘Danto dantehi saha purāṇajaṭilehi, vippamutto vippamuttehi;
สิงฺคีนิกฺขสวโณฺณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควาฯ
Siṅgīnikkhasavaṇṇo, rājagahaṃ pāvisi bhagavā.
‘‘มุโตฺต มุเตฺตหิ สห ปุราณชฎิเลหิ, วิปฺปมุโตฺต วิปฺปมุเตฺตหิ;
‘‘Mutto muttehi saha purāṇajaṭilehi, vippamutto vippamuttehi;
สิงฺคีนิกฺขสวโณฺณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควาฯ
Siṅgīnikkhasavaṇṇo, rājagahaṃ pāvisi bhagavā.
‘‘ติโณฺณ ติเณฺณหิ สห ปุราณชฎิเลหิ;
‘‘Tiṇṇo tiṇṇehi saha purāṇajaṭilehi;
วิปฺปมุโตฺต วิปฺปมุเตฺตหิ;
Vippamutto vippamuttehi;
สิงฺคีนิกฺขสุวโณฺณ;
Siṅgīnikkhasuvaṇṇo;
ราชคหํ ปาวิสิ ภควาฯ
Rājagahaṃ pāvisi bhagavā.
‘‘สโนฺต สเนฺตหิ สห ปุราณชฎิเลหิ;
‘‘Santo santehi saha purāṇajaṭilehi;
วิปฺปมุโตฺต วิปฺปมุเตฺตหิ;
Vippamutto vippamuttehi;
สิงฺคีนิกฺขสวโณฺณ;
Siṅgīnikkhasavaṇṇo;
ราชคหํ ปาวิสิ ภควาฯ
Rājagahaṃ pāvisi bhagavā.
‘‘ทสวาโส ทสพโล, ทสธมฺมวิทู ทสภิ จุเปโต;
‘‘Dasavāso dasabalo, dasadhammavidū dasabhi cupeto;
มนุสฺสา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ปสฺสิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘อภิรูโป วตายํ มาณวโก, ทสฺสนีโย วตายํ มาณวโก, ปาสาทิโก วตายํ มาณวโกฯ กสฺส นุ โข อยํ มาณวโก’’ติ? เอวํ วุเตฺต สโกฺก เทวานมิโนฺท เต มนุเสฺส คาถาย อชฺฌภาสิ –
Manussā sakkaṃ devānamindaṃ passitvā evamāhaṃsu – ‘‘abhirūpo vatāyaṃ māṇavako, dassanīyo vatāyaṃ māṇavako, pāsādiko vatāyaṃ māṇavako. Kassa nu kho ayaṃ māṇavako’’ti? Evaṃ vutte sakko devānamindo te manusse gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘โย ธีโร สพฺพธิ ทโนฺต, สุโทฺธ อปฺปฎิปุคฺคโล;
‘‘Yo dhīro sabbadhi danto, suddho appaṭipuggalo;
อรหํ สุคโต โลเก, ตสฺสาหํ ปริจารโก’’ติฯ
Arahaṃ sugato loke, tassāhaṃ paricārako’’ti.
๕๙. อถ โข ภควา เยน รโญฺญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิ สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนฯ อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปตฺวา สมฺปวาเรตฺวา ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนสฺส โข รโญฺญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส เอตทโหสิ 15 – ‘‘กตฺถ นุ โข ภควา วิหเรยฺย? ยํ อสฺส คามโต เนว อวิทูเร น อจฺจาสเนฺน, คมนาคมนสมฺปนฺนํ, อตฺถิกานํ อตฺถิกานํ มนุสฺสานํ อภิกฺกมนียํ, ทิวา อปฺปากิณฺณํ 16, รตฺติํ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิโคฺฆสํ วิชนวาตํ, มนุสฺสราหเสฺสยฺยกํ, ปฎิสลฺลานสารุปฺป’’นฺติฯ อถ โข รโญฺญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ โข อมฺหากํ เวฬุวนํ อุยฺยานํ คามโต เนว อวิทูเร น อจฺจาสเนฺน คมนาคมนสมฺปนฺนํ อตฺถิกานํ อตฺถิกานํ มนุสฺสานํ อภิกฺกมนียํ ทิวา อปฺปากิณฺณํ รตฺติํ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิโคฺฆสํ วิชนวาตํ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกํ ปฎิสลฺลานสารุปฺปํฯ ยํนูนาหํ เวฬุวนํ อุยฺยานํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทเทยฺย’’นฺติฯ อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร โสวณฺณมยํ ภิงฺการํ คเหตฺวา ภควโต โอโณเชสิ – ‘‘เอตาหํ, ภเนฺต, เวฬุวนํ อุยฺยานํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติฯ ปฎิคฺคเหสิ ภควา อารามํฯ อถ โข ภควา ราชานํ มาคธํ เสนิยํ พิมฺพิสารํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุเตฺตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาราม’’นฺติฯ
59. Atha kho bhagavā yena rañño māgadhassa seniyassa bimbisārassa nivesanaṃ tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi saddhiṃ bhikkhusaṅghena. Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappetvā sampavāretvā bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnassa kho rañño māgadhassa seniyassa bimbisārassa etadahosi 17 – ‘‘kattha nu kho bhagavā vihareyya? Yaṃ assa gāmato neva avidūre na accāsanne, gamanāgamanasampannaṃ, atthikānaṃ atthikānaṃ manussānaṃ abhikkamanīyaṃ, divā appākiṇṇaṃ 18, rattiṃ appasaddaṃ appanigghosaṃ vijanavātaṃ, manussarāhasseyyakaṃ, paṭisallānasāruppa’’nti. Atha kho rañño māgadhassa seniyassa bimbisārassa etadahosi – ‘‘idaṃ kho amhākaṃ veḷuvanaṃ uyyānaṃ gāmato neva avidūre na accāsanne gamanāgamanasampannaṃ atthikānaṃ atthikānaṃ manussānaṃ abhikkamanīyaṃ divā appākiṇṇaṃ rattiṃ appasaddaṃ appanigghosaṃ vijanavātaṃ manussarāhasseyyakaṃ paṭisallānasāruppaṃ. Yaṃnūnāhaṃ veḷuvanaṃ uyyānaṃ buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa dadeyya’’nti. Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro sovaṇṇamayaṃ bhiṅkāraṃ gahetvā bhagavato oṇojesi – ‘‘etāhaṃ, bhante, veḷuvanaṃ uyyānaṃ buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa dammī’’ti. Paṭiggahesi bhagavā ārāmaṃ. Atha kho bhagavā rājānaṃ māgadhaṃ seniyaṃ bimbisāraṃ dhammiyā kathāya sandassetvā samādapetvā samuttejetvā sampahaṃsetvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, ārāma’’nti.
พิมฺพิสารสมาคมกถา นิฎฺฐิตาฯ
Bimbisārasamāgamakathā niṭṭhitā.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / พิมฺพิสารสมาคมกถา • Bimbisārasamāgamakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา • Bimbisārasamāgamakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา • Bimbisārasamāgamakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา • Bimbisārasamāgamakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๓. พิมฺพิสารสมาคมกถา • 13. Bimbisārasamāgamakathā