Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา
Bimbisārasamāgamakathāvaṇṇanā
๕๕. อิทานิ ‘‘อถ โข ภควา คยาสีเส ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา’’ติอาทีสุ ยา สา อนุตฺตานปทวณฺณนา, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ลฎฺฐิวเนติ ตาลุยฺยาเน’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตาลุยฺยาเนติ ตาลรุกฺขานํ พหุภาวโต เอวํลทฺธนาเม อุยฺยาเนฯ อเปฺปกเจฺจ เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวาติอาทีสุ อญฺชลิํ ปณาเมตฺวาติ เย อุภโตปกฺขิกา, เต สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เต กิร เอวํ จินฺตยิํสุ ‘‘สเจ โน มิจฺฉาทิฎฺฐิกา โจเทสฺสนฺติ ‘กสฺมา ตุเมฺห สมณํ โคตมํ วนฺทิตฺถา’ติ, เตสํ ‘กิํ อญฺชลิมตฺตกรเณนปิ วนฺทิตํ โหตี’ติ วกฺขามฯ สเจ โน สมฺมาทิฎฺฐิกา โจเทสฺสนฺติ ‘กสฺมา ภควนฺตํ น วนฺทิตฺถา’ติ, ‘กิํ สีเสน ภูมิํ ปหรเนฺตเนว วนฺทิตํ โหติ, นนุ อญฺชลิกมฺมมฺปิ วนฺทนา เอวา’ติ วกฺขามา’’ติฯ นามโคตฺตํ สาเวตฺวาติ ‘‘โภ โคตม, อหํ อสุกสฺส ปุโตฺต ทโตฺต นาม มิโตฺต นาม อิธ อาคโต’’ติ วทนฺตา นามํ สาเวนฺติ นาม, ‘‘โภ โคตม, อหํ วาเสโฎฺฐ นาม กจฺจาโน นาม อิธาคโต’’ติ วทนฺตา โคตฺตํ สาเวนฺติ นามฯ เอเต กิร ทลิทฺทา ชิณฺณกุลปุตฺตา ปริสมเชฺฌ นามโคตฺตวเสน ปากฎา ภวิสฺสามาติ เอวํ อกํสุฯ เย ปน ตุณฺหีภูตา นิสีทิํสุ, เต เกราฎิกา เจว อนฺธพาลา จฯ ตตฺถ เกราฎิกา ‘‘เอกํ เทฺว กถาสลฺลาเป กโรเนฺต วิสฺสาสิโก โหติ, อถ วิสฺสาเส สติ เอกํ เทฺว ภิกฺขา อทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ตโต อตฺตานํ โมเจนฺตา ตุณฺหี นิสีทนฺติฯ อนฺธพาลา อญฺญาณตาเยว อวกฺขิตฺตา มตฺติกาปิโณฺฑ วิย ยตฺถ กตฺถจิ ตุณฺหีภูตา นิสีทนฺติฯ
55. Idāni ‘‘atha kho bhagavā gayāsīse yathābhirantaṃ viharitvā’’tiādīsu yā sā anuttānapadavaṇṇanā, taṃ dassetuṃ ‘‘laṭṭhivaneti tāluyyāne’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tāluyyāneti tālarukkhānaṃ bahubhāvato evaṃladdhanāme uyyāne. Appekacce yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvātiādīsu añjaliṃ paṇāmetvāti ye ubhatopakkhikā, te sandhāyetaṃ vuttaṃ. Te kira evaṃ cintayiṃsu ‘‘sace no micchādiṭṭhikā codessanti ‘kasmā tumhe samaṇaṃ gotamaṃ vanditthā’ti, tesaṃ ‘kiṃ añjalimattakaraṇenapi vanditaṃ hotī’ti vakkhāma. Sace no sammādiṭṭhikā codessanti ‘kasmā bhagavantaṃ na vanditthā’ti, ‘kiṃ sīsena bhūmiṃ paharanteneva vanditaṃ hoti, nanu añjalikammampi vandanā evā’ti vakkhāmā’’ti. Nāmagottaṃ sāvetvāti ‘‘bho gotama, ahaṃ asukassa putto datto nāma mitto nāma idha āgato’’ti vadantā nāmaṃ sāventi nāma, ‘‘bho gotama, ahaṃ vāseṭṭho nāma kaccāno nāma idhāgato’’ti vadantā gottaṃ sāventi nāma. Ete kira daliddā jiṇṇakulaputtā parisamajjhe nāmagottavasena pākaṭā bhavissāmāti evaṃ akaṃsu. Ye pana tuṇhībhūtā nisīdiṃsu, te kerāṭikā ceva andhabālā ca. Tattha kerāṭikā ‘‘ekaṃ dve kathāsallāpe karonte vissāsiko hoti, atha vissāse sati ekaṃ dve bhikkhā adātuṃ na yutta’’nti tato attānaṃ mocentā tuṇhī nisīdanti. Andhabālā aññāṇatāyeva avakkhittā mattikāpiṇḍo viya yattha katthaci tuṇhībhūtā nisīdanti.
กิสโกวทาโนติ เอตฺถ กิสกานํ โอวทาโน กิสโกวทาโนติ อิมํ ตาว อตฺถวิกปฺปํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตาปสจริยาย กิสสรีรตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อคฺคิหุตฺตนฺติ อคฺคิปริจรณํฯ รูปาทโยว อิธ กามนียเฎฺฐน ‘‘กามา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘เอเต รูปาทโย กาเม’’ติฯ ยญฺญา อภิวทนฺตีติ ยาคเหตุ อิชฺฌนฺตีติ วทนฺติฯ อุปธีสูติ เอตฺถ จตฺตาโร อุปธี กามุปธิ ขนฺธุปธิ กิเลสุปธิ อภิสงฺขารุปธีติฯ กามาปิ หิ ‘‘ยํ ปญฺจ กามคุเณ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๗) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต อุปธียติ เอตฺถ สุขนฺติ อิมินา วจนเตฺถน ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติฯ ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฎฺฐานภาวโต ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสุ ขนฺธุปธิ อิธาธิเปฺปโตติ อาห ‘‘ขนฺธุปธีสุ มลนฺติ ญตฺวา’’ติฯ ยญฺญา มลเมว วทนฺตีติ ยาคเหตุ มลเมว อิชฺฌตีติ วทนฺติฯ ยิเฎฺฐติ มหายาเคฯ หุเตติ ทิวเส ทิวเส กตฺตพฺพอคฺคิปริจรเณฯ กามภเว อสตฺตนฺติ กามภเว อลคฺคํ, ตพฺพินิมุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
Kisakovadānoti ettha kisakānaṃ ovadāno kisakovadānoti imaṃ tāva atthavikappaṃ dassetuṃ ‘‘tāpasacariyāya kisasarīrattā’’tiādi vuttaṃ. Aggihuttanti aggiparicaraṇaṃ. Rūpādayova idha kāmanīyaṭṭhena ‘‘kāmā’’ti vuttāti āha ‘‘ete rūpādayo kāme’’ti. Yaññā abhivadantīti yāgahetu ijjhantīti vadanti. Upadhīsūti ettha cattāro upadhī kāmupadhi khandhupadhi kilesupadhi abhisaṅkhārupadhīti. Kāmāpi hi ‘‘yaṃ pañca kāmaguṇe paṭicca uppajjati sukhaṃ somanassaṃ, ayaṃ kāmānaṃ assādo’’ti (ma. ni. 1.167) evaṃ vuttassa sukhassa adhiṭṭhānabhāvato upadhīyati ettha sukhanti iminā vacanatthena ‘‘upadhī’’ti vuccanti. Khandhāpi khandhamūlakassa dukkhassa adhiṭṭhānabhāvato, kilesāpi apāyadukkhassa adhiṭṭhānabhāvato, abhisaṅkhārāpi bhavadukkhassa adhiṭṭhānabhāvato ‘‘upadhī’’ti vuccanti, tesu khandhupadhi idhādhippetoti āha ‘‘khandhupadhīsu malanti ñatvā’’ti. Yaññā malameva vadantīti yāgahetu malameva ijjhatīti vadanti. Yiṭṭheti mahāyāge. Huteti divase divase kattabbaaggiparicaraṇe. Kāmabhave asattanti kāmabhave alaggaṃ, tabbinimuttanti vuttaṃ hoti.
๕๗-๕๘. อาสีสนาติ ปตฺถนาฯ ทิพฺพสุวเณฺณสุปิ สิงฺคีสุวณฺณสฺส สพฺพเสฎฺฐตฺตา ‘‘สิงฺคีนิกฺขสวโณฺณ’’ติ วุตฺตํฯ ยเถว หิ มนุสฺสปริโภเค สุวเณฺณ ยุตฺติกตํ หีนํ, ตโต รสวิทฺธํ เสฎฺฐํ, รสวิทฺธโต อากรุปฺปนฺนํ, ตโต ยํ กิญฺจิ ทิพฺพํ เสฎฺฐํ, เอวํ ทิพฺพสุวเณฺณสุปิ จามีกรโต สาตกุมฺภํ, สาตกุมฺภโต ชมฺพุนทํ, ชมฺพุนทโต สิงฺคีสุวณฺณํ, ตสฺมา ตํ สพฺพเสฎฺฐํฯ สิงฺคีนิกฺขนฺติ จ นิกฺขปริมาเณน สิงฺคีสุวเณฺณน กตํ สุวณฺณปฎฺฎํฯ อูนกนิเกฺขน กตญฺหิ ฆฎฺฎนมชฺชนกฺขมํ น โหติ, อติเรเกน กตํ ฆฎฺฎนมชฺชนํ ขมติ, วณฺณวนฺตํ ปน น โหติ, ผรุสธาตุกํ ขายติ, นิเกฺขน กตํ ฆฎฺฎนมชฺชนเญฺจว ขมติ วณฺณวนฺตญฺจ โหติฯ นิกฺขํ ปน วีสติสุวณฺณนฺติ เกจิ ฯ ปญฺจวีสติสุวณฺณนฺติ อปเรฯ มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถายํ ปน ‘‘นิกฺขํ นาม ปญฺจสุวณฺณา’’ติ วุตฺตํฯ สุวโณฺณ นาม จตุธรณนฺติ วทนฺติฯ
57-58.Āsīsanāti patthanā. Dibbasuvaṇṇesupi siṅgīsuvaṇṇassa sabbaseṭṭhattā ‘‘siṅgīnikkhasavaṇṇo’’ti vuttaṃ. Yatheva hi manussaparibhoge suvaṇṇe yuttikataṃ hīnaṃ, tato rasaviddhaṃ seṭṭhaṃ, rasaviddhato ākaruppannaṃ, tato yaṃ kiñci dibbaṃ seṭṭhaṃ, evaṃ dibbasuvaṇṇesupi cāmīkarato sātakumbhaṃ, sātakumbhato jambunadaṃ, jambunadato siṅgīsuvaṇṇaṃ, tasmā taṃ sabbaseṭṭhaṃ. Siṅgīnikkhanti ca nikkhaparimāṇena siṅgīsuvaṇṇena kataṃ suvaṇṇapaṭṭaṃ. Ūnakanikkhena katañhi ghaṭṭanamajjanakkhamaṃ na hoti, atirekena kataṃ ghaṭṭanamajjanaṃ khamati, vaṇṇavantaṃ pana na hoti, pharusadhātukaṃ khāyati, nikkhena kataṃ ghaṭṭanamajjanañceva khamati vaṇṇavantañca hoti. Nikkhaṃ pana vīsatisuvaṇṇanti keci . Pañcavīsatisuvaṇṇanti apare. Majjhimanikāyaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘nikkhaṃ nāma pañcasuvaṇṇā’’ti vuttaṃ. Suvaṇṇo nāma catudharaṇanti vadanti.
ทสสุ อริยวาเสสุ วุตฺถวาโสติ –
Dasasu ariyavāsesu vutthavāsoti –
‘‘อิธ, (ที. นิ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. ๑๐.๒๐) ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต เอการโกฺข จตุราปเสฺสโน ปนุณฺณปเจฺจกสโจฺจ สมวยสเฎฺฐสโน อนาวิลสงฺกโปฺป ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร สุวิมุตฺตจิโตฺต สุวิมุตฺตปโญฺญฯ
‘‘Idha, (dī. ni. 3.348; a. ni. 10.20) bhikkhave, bhikkhu pañcaṅgavippahīno hoti chaḷaṅgasamannāgato ekārakkho caturāpasseno panuṇṇapaccekasacco samavayasaṭṭhesano anāvilasaṅkappo passaddhakāyasaṅkhāro suvimuttacitto suvimuttapañño.
‘‘กถญฺจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กามจฺฉโนฺท ปหีโน โหติ, พฺยาปาโท ปหีโน โหติ, ถินมิทฺธํ ปหีนํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหีนํ โหติ, วิจิกิจฺฉา ปหีนา โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปญฺจงฺควิปฺปหีโน โหติฯ
‘‘Kathañca , bhikkhave, bhikkhu pañcaṅgavippahīno hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhuno kāmacchando pahīno hoti, byāpādo pahīno hoti, thinamiddhaṃ pahīnaṃ hoti, uddhaccakukkuccaṃ pahīnaṃ hoti, vicikicchā pahīnā hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu pañcaṅgavippahīno hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu chaḷaṅgasamannāgato hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu cakkhunā rūpaṃ disvā neva sumano hoti na dummano, upekkhako viharati sato sampajāno. Sotena saddaṃ sutvā…pe… ghānena gandhaṃ ghāyitvā… jivhāya rasaṃ sāyitvā… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā… manasā dhammaṃ viññāya neva sumano hoti na dummano, upekkhako viharati sato sampajāno. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu chaḷaṅgasamannāgato hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอการโกฺข โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตารเกฺขน เจตสา สมนฺนาคโต โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอการโกฺข โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu ekārakkho hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu satārakkhena cetasā samannāgato hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu ekārakkho hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จตุราปเสฺสโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สงฺขาเยกํ ปฎิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวเชฺชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จตุราปเสฺสโน โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu caturāpasseno hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu saṅkhāyekaṃ paṭisevati, saṅkhāyekaṃ adhivāseti, saṅkhāyekaṃ parivajjeti, saṅkhāyekaṃ vinodeti. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu caturāpasseno hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปนุณฺณปเจฺจกสโจฺจ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ ปุถุปเจฺจกสจฺจานิ , สพฺพานิ ตานิ นุณฺณานิ โหนฺติ ปนุณฺณานิ จตฺตานิ วนฺตานิ มุตฺตานิ ปหีนานิ ปฎินิสฺสฎฺฐานิฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปนุณฺณปเจฺจกสโจฺจ โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu panuṇṇapaccekasacco hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu yāni tāni puthusamaṇabrāhmaṇānaṃ puthupaccekasaccāni , sabbāni tāni nuṇṇāni honti panuṇṇāni cattāni vantāni muttāni pahīnāni paṭinissaṭṭhāni. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu panuṇṇapaccekasacco hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมวยสเฎฺฐสโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กาเมสนา ปหีนา โหติ, ภเวสนา ปหีนา โหติ, พฺรหฺมจริเยสนา ปฎิปฺปสฺสทฺธาฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมวยสเฎฺฐสโน โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu samavayasaṭṭhesano hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhuno kāmesanā pahīnā hoti, bhavesanā pahīnā hoti, brahmacariyesanā paṭippassaddhā. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu samavayasaṭṭhesano hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกโปฺป โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กามสงฺกโปฺป ปหีโน โหติ, พฺยาปาทสงฺกโปฺป ปหีโน โหติ, วิหิํสาสงฺกโปฺป ปหีโน โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนาวิลสงฺกโปฺป โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu anāvilasaṅkappo hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhuno kāmasaṅkappo pahīno hoti, byāpādasaṅkappo pahīno hoti, vihiṃsāsaṅkappo pahīno hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu anāvilasaṅkappo hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu passaddhakāyasaṅkhāro hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu passaddhakāyasaṅkhāro hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิโตฺต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ราคาจิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โทสา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติ, โมหา จิตฺตํ วิมุตฺตํ โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตจิโตฺต โหติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu suvimuttacitto hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhuno rāgācittaṃ vimuttaṃ hoti, dosā cittaṃ vimuttaṃ hoti, mohā cittaṃ vimuttaṃ hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu suvimuttacitto hoti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปโญฺญ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘ราโค เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายติํ อนุปฺปาทธโมฺม’ติ ปชานาติ, ‘โทโส เม ปหีโน…เป.… โมโห เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายติํ อนุปฺปาทธโมฺม’ติ ปชานาติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุวิมุตฺตปโญฺญ โหตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. ๑๐.๒๐) –
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu suvimuttapañño hoti? Idha, bhikkhave, bhikkhu ‘rāgo me pahīno ucchinnamūlo tālāvatthukato anabhāvaṃkato āyatiṃ anuppādadhammo’ti pajānāti, ‘doso me pahīno…pe… moho me pahīno ucchinnamūlo tālāvatthukato anabhāvaṃkato āyatiṃ anuppādadhammo’ti pajānāti. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu suvimuttapañño hotī’’ti (dī. ni. 3.348; a. ni. 10.20) –
เอวมาคเตสุ ทสสุ อริยวาเสสุ วุตฺถวาโสฯ
Evamāgatesu dasasu ariyavāsesu vutthavāso.
ตตฺถ วสนฺติ เอตฺถาติ วาสา, อริยานํ เอว วาสาติ อริยวาสา อนริยานํ ตาทิสานํ วาสานํ อสมฺภวโตฯ อริยาติ เจตฺถ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน ขีณาสวา คหิตาฯ เอการโกฺขติ เอกา สติสงฺขาตา อารกฺขา เอตสฺสาติ เอการโกฺขฯ ขีณาสวสฺส (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๐.๒๐) หิ ตีสุ ทฺวาเรสุ สพฺพกาเล สติ อารกฺขกิจฺจํ สาเธติฯ เตเนวสฺส จรโต จ ติฎฺฐโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ ญาณทสฺสนํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหตีติ วุจฺจติฯ
Tattha vasanti etthāti vāsā, ariyānaṃ eva vāsāti ariyavāsā anariyānaṃ tādisānaṃ vāsānaṃ asambhavato. Ariyāti cettha ukkaṭṭhaniddesena khīṇāsavā gahitā. Ekārakkhoti ekā satisaṅkhātā ārakkhā etassāti ekārakkho. Khīṇāsavassa (dī. ni. aṭṭha. 3.348; a. ni. aṭṭha. 3.10.20) hi tīsu dvāresu sabbakāle sati ārakkhakiccaṃ sādheti. Tenevassa carato ca tiṭṭhato ca suttassa ca jāgarassa ca satataṃ samitaṃ ñāṇadassanaṃ paccupaṭṭhitaṃ hotīti vuccati.
จตุราปเสฺสโนติ จตฺตาริ อปเสฺสนานิ อปสฺสยา เอตสฺสาติ จตุราปเสฺสโนฯ สงฺขายาติ ญาเณน (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๐๘)ฯ ปฎิเสวตีติ ญาเณน ญตฺวา เสวิตพฺพยุตฺตกเมว เสวติฯ ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปริภุญฺชตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน เวทิตโพฺพฯ สงฺขาเยกํ อธิวาเสตีติ ญาเณน ญตฺวา อธิวาเสตพฺพยุตฺตกเมว อธิวาเสติฯ วิตฺถาโร ปเนตฺถ ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส ขโม โหติ สีตสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔) นเยน เวทิตโพฺพฯ ปริวเชฺชตีติ ญาเณน ญตฺวา ปริวเชฺชตพฺพยุตฺตกเมว ปริวเชฺชติฯ ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส จณฺฑํ หตฺถิํ ปริวเชฺชตี’’ติอาทินา นเยน เวทิตโพฺพฯ วิโนเทตีติ ญาเณน ญตฺวา วิโนเทตพฺพเมว วิโนเทติ นุทติ นีหรติ อโนฺต วสิตุํ น เทติฯ ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา นเยน เวทิตโพฺพฯ
Caturāpassenoti cattāri apassenāni apassayā etassāti caturāpasseno. Saṅkhāyāti ñāṇena (dī. ni. aṭṭha. 3.308). Paṭisevatīti ñāṇena ñatvā sevitabbayuttakameva sevati. Tassa vitthāro ‘‘paṭisaṅkhā yoniso cīvaraṃ paribhuñjatī’’tiādinā (ma. ni. 1.23; a. ni. 6.58) nayena veditabbo. Saṅkhāyekaṃ adhivāsetīti ñāṇena ñatvā adhivāsetabbayuttakameva adhivāseti. Vitthāro panettha ‘‘paṭisaṅkhā yoniso khamo hoti sītassā’’tiādinā (ma. ni. 1.24) nayena veditabbo. Parivajjetīti ñāṇena ñatvā parivajjetabbayuttakameva parivajjeti. Tassa vitthāro ‘‘paṭisaṅkhā yoniso caṇḍaṃ hatthiṃ parivajjetī’’tiādinā nayena veditabbo. Vinodetīti ñāṇena ñatvā vinodetabbameva vinodeti nudati nīharati anto vasituṃ na deti. Tassa vitthāro ‘‘uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāsetī’’tiādinā nayena veditabbo.
ปนุณฺณปเจฺจกสโจฺจติ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๔.๓๘; ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๔๘) ‘‘อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจํ, อิทเมว สจฺจ’’นฺติ เอวํ ปาฎิเยกฺกํ คหิตตฺตา ปเจฺจกสงฺขาตานิ ทิฎฺฐิสจฺจานิ ปนุณฺณานิ นีหฎานิ ปหีนานิ อสฺสาติ ปนุณฺณปเจฺจกสโจฺจฯ ปุถุสมณพฺราหฺมณานนฺติ พหูนํ สมณพฺราหฺมณานํฯ เอตฺถ จ สมณาติ ปพฺพชฺชุปคตาฯ พฺราหฺมณาติ โภวาทิโนฯ ปุถุปเจฺจกสจฺจานีติ พหูนิ ปาเฎกฺกสจฺจานิ, ‘‘อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจํ, อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ปาฎิเยกฺกํ คหิตานิ พหูนิ สจฺจานีติ อโตฺถฯ นุณฺณานีติ นีหฎานิฯ ปนุณฺณานีติ สุฎฺฐุ นีหตานิฯ จตฺตานีติ วิสฺสฎฺฐานิฯ วนฺตานีติ วมิตานิฯ มุตฺตานีติ ฉินฺนพนฺธนานิ กตานิฯ ปหีนานีติ ปชหิตานิฯ ปฎินิสฺสฎฺฐานีติ ยถา น ปุน จิตฺตํ อาโรหนฺติ, เอวํ ปฎิวิสฺสชฺชิตานิฯ สพฺพาเนว เจตานิ อริยมคฺคาธิคมโต ปุเพฺพ คหิตสฺส ทิฎฺฐิคฺคาหสฺส วิสฺสฎฺฐภาวเววจนานิฯ
Panuṇṇapaccekasaccoti (a. ni. aṭṭha. 2.4.38; dī. ni. aṭṭha. 3.348) ‘‘idameva dassanaṃ saccaṃ, idameva sacca’’nti evaṃ pāṭiyekkaṃ gahitattā paccekasaṅkhātāni diṭṭhisaccāni panuṇṇāni nīhaṭāni pahīnāni assāti panuṇṇapaccekasacco. Puthusamaṇabrāhmaṇānanti bahūnaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ. Ettha ca samaṇāti pabbajjupagatā. Brāhmaṇāti bhovādino. Puthupaccekasaccānīti bahūni pāṭekkasaccāni, ‘‘idameva dassanaṃ saccaṃ, idameva sacca’’nti pāṭiyekkaṃ gahitāni bahūni saccānīti attho. Nuṇṇānīti nīhaṭāni. Panuṇṇānīti suṭṭhu nīhatāni. Cattānīti vissaṭṭhāni. Vantānīti vamitāni. Muttānīti chinnabandhanāni katāni. Pahīnānīti pajahitāni. Paṭinissaṭṭhānīti yathā na puna cittaṃ ārohanti, evaṃ paṭivissajjitāni. Sabbāneva cetāni ariyamaggādhigamato pubbe gahitassa diṭṭhiggāhassa vissaṭṭhabhāvavevacanāni.
สมวยสเฎฺฐสโนติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๔๘; อ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๐.๒๐) เอตฺถ อวยาติ อนูนาฯ สฎฺฐาติ นิสฺสฎฺฐาฯ สมฺมา อวยา สฎฺฐา เอสนา อสฺสาติ สมวยสเฎฺฐสโน, สมฺมา วิสฺสฎฺฐสพฺพเอสโนติ อโตฺถฯ ‘‘ราคา จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติอาทีหิ มคฺคสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ กถิตา ราคาทีนํ ปหีนภาวทีปนโตฯ ‘‘ราโค เม ปหีโน’’ติอาทีหิ ปจฺจเวกฺขณามุเขน อริยผลํ กถิตํฯ อธิคเต หิ อคฺคผเล สพฺพโส ราคาทีนํ อนุปฺปาทธมฺมตํ ปชานาติ, ตญฺจ ปชานนํ ปจฺจเวกฺขณญาณนฺติฯ ตตฺถ ปญฺจงฺควิปฺปหานปเจฺจกสจฺจาปโนทนเอสนาสมวยสชฺชนานิ ‘‘สงฺขาเยกํ ปฎิเสวติ อธิวาเสติ ปริวเชฺชติ วิโนเทตี’’ติ วุเตฺตสุ อปเสฺสเนสุ วิโนทนา จ มคฺคกิจฺจาเนว, อิตเร จ มเคฺคเนว สมิชฺฌนฺติฯ
Samavayasaṭṭhesanoti (dī. ni. aṭṭha. 3.348; a. ni. aṭṭha. 3.10.20) ettha avayāti anūnā. Saṭṭhāti nissaṭṭhā. Sammā avayā saṭṭhā esanā assāti samavayasaṭṭhesano, sammā vissaṭṭhasabbaesanoti attho. ‘‘Rāgā cittaṃ vimutta’’ntiādīhi maggassa kiccanipphatti kathitā rāgādīnaṃ pahīnabhāvadīpanato. ‘‘Rāgo me pahīno’’tiādīhi paccavekkhaṇāmukhena ariyaphalaṃ kathitaṃ. Adhigate hi aggaphale sabbaso rāgādīnaṃ anuppādadhammataṃ pajānāti, tañca pajānanaṃ paccavekkhaṇañāṇanti. Tattha pañcaṅgavippahānapaccekasaccāpanodanaesanāsamavayasajjanāni ‘‘saṅkhāyekaṃ paṭisevati adhivāseti parivajjeti vinodetī’’ti vuttesu apassenesu vinodanā ca maggakiccāneva, itare ca maggeneva samijjhanti.
ทสพโลติ กายพลสงฺขาตานิ ญาณพลสงฺขาตานิ จ ทส พลานิ เอตสฺสาติ ทสพโลฯ ทุวิธญฺหิ ตถาคตสฺส พลํ กายพลํ ญาณพลญฺจฯ เตสุ กายพลํ หตฺถิกุลานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ วุตฺตเญฺหตํ โปราเณหิ –
Dasabaloti kāyabalasaṅkhātāni ñāṇabalasaṅkhātāni ca dasa balāni etassāti dasabalo. Duvidhañhi tathāgatassa balaṃ kāyabalaṃ ñāṇabalañca. Tesu kāyabalaṃ hatthikulānusārena veditabbaṃ. Vuttañhetaṃ porāṇehi –
‘‘กาฬาวกญฺจ คเงฺคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;
‘‘Kāḷāvakañca gaṅgeyyaṃ, paṇḍaraṃ tambapiṅgalaṃ;
คนฺธมงฺคลเหมญฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติฯ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๔๘; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒.๒๒; อ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๐.๒๑; วิภ. อฎฺฐ ๗๖; อุทา. อฎฺฐ. ๗๕; พุ. วํ. อฎฺฐ. ๑.๓๙; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๒.๒.๔๔; จูฬนิ. อฎฺฐ. ๘๑);
Gandhamaṅgalahemañca, uposathachaddantime dasā’’ti. (ma. ni. aṭṭha. 1.148; saṃ. ni. aṭṭha. 2.2.22; a. ni. aṭṭha. 3.10.21; vibha. aṭṭha 76; udā. aṭṭha. 75; bu. vaṃ. aṭṭha. 1.39; paṭi. ma. aṭṭha. 2.2.44; cūḷani. aṭṭha. 81);
อิมานิ หิ ทส หตฺถิกุลานิฯ ตตฺถ กาฬาวกนฺติ ปกติหตฺถิกุลํ ทฎฺฐพฺพํฯ ยํ ทสนฺนํ ปุริสานํ กายพลํ, ตํ เอกสฺส กาฬาวกสฺส หตฺถิโนฯ ยํ ทสนฺนํ กาฬาวกานํ พลํ, ตํ เอกสฺส คเงฺคยฺยสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ คเงฺคยฺยานํ, ตํ เอกสฺส ปณฺฑรสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ปณฺฑรานํ, ตํ เอกสฺส ตมฺพสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ตมฺพานํ, ตํ เอกสฺส ปิงฺคลสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ปิงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส คนฺธหตฺถิโนฯ ยํ ทสนฺนํ คนฺธหตฺถีนํ, ตํ เอกสฺส มงฺคลสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ มงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส เหมวตสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ เหมวตานํ, ตํ เอกสฺส อุโปสถสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ อุโปสถานํ, ตํ เอกสฺส ฉทฺทนฺตสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ, ตํ เอกสฺส ตถาคตสฺส กายพลํฯ นารายนสงฺฆาตพลนฺติปิ อิทเมว วุจฺจติฯ ตตฺถ นารา วุจฺจนฺติ รสฺมิโย, ตา พหู นานาวิธา ตโต อุปฺปชฺชนฺตีติ นารายนํ, วชิรํ, ตสฺมา วชิรสงฺฆาตพลนฺติ อโตฺถฯ ตเทตํ ปกติหตฺถิคณนาย หตฺถีนํ โกฎิสหสฺสานํ, ปุริสคณนาย ทสนฺนํ ปุริสโกฎิสหสฺสานํ พลํ โหติฯ อิทํ ตาว ตถาคตสฺส กายพลํฯ
Imāni hi dasa hatthikulāni. Tattha kāḷāvakanti pakatihatthikulaṃ daṭṭhabbaṃ. Yaṃ dasannaṃ purisānaṃ kāyabalaṃ, taṃ ekassa kāḷāvakassa hatthino. Yaṃ dasannaṃ kāḷāvakānaṃ balaṃ, taṃ ekassa gaṅgeyyassa. Yaṃ dasannaṃ gaṅgeyyānaṃ, taṃ ekassa paṇḍarassa. Yaṃ dasannaṃ paṇḍarānaṃ, taṃ ekassa tambassa. Yaṃ dasannaṃ tambānaṃ, taṃ ekassa piṅgalassa. Yaṃ dasannaṃ piṅgalānaṃ, taṃ ekassa gandhahatthino. Yaṃ dasannaṃ gandhahatthīnaṃ, taṃ ekassa maṅgalassa. Yaṃ dasannaṃ maṅgalānaṃ, taṃ ekassa hemavatassa. Yaṃ dasannaṃ hemavatānaṃ, taṃ ekassa uposathassa. Yaṃ dasannaṃ uposathānaṃ, taṃ ekassa chaddantassa. Yaṃ dasannaṃ chaddantānaṃ, taṃ ekassa tathāgatassa kāyabalaṃ. Nārāyanasaṅghātabalantipi idameva vuccati. Tattha nārā vuccanti rasmiyo, tā bahū nānāvidhā tato uppajjantīti nārāyanaṃ, vajiraṃ, tasmā vajirasaṅghātabalanti attho. Tadetaṃ pakatihatthigaṇanāya hatthīnaṃ koṭisahassānaṃ, purisagaṇanāya dasannaṃ purisakoṭisahassānaṃ balaṃ hoti. Idaṃ tāva tathāgatassa kāyabalaṃ.
ญาณพลํ ปน ปาฬิยํ อาคตเมวฯ ตตฺรายํ ปาฬิ (ม. นิ. ๑.๑๔๘; อ. นิ. ๑๐.๒๑) –
Ñāṇabalaṃ pana pāḷiyaṃ āgatameva. Tatrāyaṃ pāḷi (ma. ni. 1.148; a. ni. 10.21) –
‘‘ทส โข ปนิมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลานิ, เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวเตฺตติฯ กตมานิ ทส? อิธ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ฐานญฺจ ฐานโต อฎฺฐานญฺจ อฎฺฐานโต ยถาภูตํ ปชานาติ, ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ฐานญฺจ ฐานโต อฎฺฐานญฺจ อฎฺฐานโต ยถาภูตํ ปชานาติฯ อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวเตฺตติฯ (๑)
‘‘Dasa kho panimāni, sāriputta, tathāgatassa tathāgatabalāni, yehi balehi samannāgato tathāgato āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānāti, parisāsu sīhanādaṃ nadati, brahmacakkaṃ pavatteti. Katamāni dasa? Idha, sāriputta, tathāgato ṭhānañca ṭhānato aṭṭhānañca aṭṭhānato yathābhūtaṃ pajānāti, yampi, sāriputta, tathāgato ṭhānañca ṭhānato aṭṭhānañca aṭṭhānato yathābhūtaṃ pajānāti. Idampi, sāriputta, tathāgatassa tathāgatabalaṃ hoti, yaṃ balaṃ āgamma tathāgato āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānāti, parisāsu sīhanādaṃ nadati, brahmacakkaṃ pavatteti. (1)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ ฐานโส เหตุโส วิปากํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป.…ฯ (๒)
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, tathāgato atītānāgatapaccuppannānaṃ kammasamādānānaṃ ṭhānaso hetuso vipākaṃ yathābhūtaṃ pajānāti…pe…. (2)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สพฺพตฺถคามินิํ ปฎิปทํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป.…ฯ (๓)
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, tathāgato sabbatthagāminiṃ paṭipadaṃ yathābhūtaṃ pajānāti…pe…. (3)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกธาตุํ นานาธาตุํ โลกํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป.…ฯ (๔)
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, tathāgato anekadhātuṃ nānādhātuṃ lokaṃ yathābhūtaṃ pajānāti…pe…. (4)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป.…ฯ (๕)
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, tathāgato sattānaṃ nānādhimuttikataṃ yathābhūtaṃ pajānāti…pe…. (5)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป.…ฯ (๖)
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, tathāgato parasattānaṃ parapuggalānaṃ indriyaparopariyattaṃ yathābhūtaṃ pajānāti…pe…. (6)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสํ โวทานํ วุฎฺฐานํ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป.…ฯ (๗)
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, tathāgato jhānavimokkhasamādhisamāpattīnaṃ saṃkilesaṃ vodānaṃ vuṭṭhānaṃ yathābhūtaṃ pajānāti…pe…. (7)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ? เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย…เป.… อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ…เป.…ฯ (๘)
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, tathāgato anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Seyyathidaṃ? Ekampi jātiṃ dvepi jātiyo…pe… iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati…pe…. (8)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาติ…เป.…ฯ (๙)
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, tathāgato dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passati cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate, yathākammūpage satte pajānāti…pe…. (9)
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป.… อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวเตฺตติฯ อิมานิ โข, สาริปุตฺต, ทส ตถาคตสฺส ตถาคตพลานี’’ติฯ (๑๐)
‘‘Puna caparaṃ, sāriputta, tathāgato āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati…pe… idampi, sāriputta, tathāgatassa tathāgatabalaṃ hoti, yaṃ balaṃ āgamma tathāgato āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānāti, parisāsu sīhanādaṃ nadati, brahmacakkaṃ pavatteti. Imāni kho, sāriputta, dasa tathāgatassa tathāgatabalānī’’ti. (10)
ตตฺถ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๔๘; อ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๑๐.๒๑; วิภ. อฎฺฐ. ๗๖๐) ฐานญฺจ ฐานโตติ การณญฺจ การณโตฯ ‘‘เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ เหตู ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ ฐานํฯ เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ น เหตู น ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ อฎฺฐาน’’นฺติ ปชานโนฺต ฐานญฺจ ฐานโต อฎฺฐานญฺจ อฎฺฐานโต ยถาภูตํ ปชานาติฯ ยมฺปีติ เยน ญาเณนฯ
Tattha (ma. ni. aṭṭha. 1.148; a. ni. aṭṭha. 3.10.21; vibha. aṭṭha. 760) ṭhānañca ṭhānatoti kāraṇañca kāraṇato. ‘‘Ye ye dhammā yesaṃ yesaṃ dhammānaṃ hetū paccayā uppādāya, taṃ taṃ ṭhānaṃ. Ye ye dhammā yesaṃ yesaṃ dhammānaṃ na hetū na paccayā uppādāya, taṃ taṃ aṭṭhāna’’nti pajānanto ṭhānañca ṭhānato aṭṭhānañca aṭṭhānato yathābhūtaṃ pajānāti. Yampīti yena ñāṇena.
กมฺมสมาทานานนฺติ สมาทิยิตฺวา กตานํ กุสลากุสลกมฺมานํ, กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานํฯ ฐานโส เหตุโสติ ปจฺจยโต เจว เหตุโต จฯ ตตฺถ คติอุปธิกาลปโยคา วิปากสฺส ฐานํ, กมฺมํ เหตุฯ
Kammasamādānānanti samādiyitvā katānaṃ kusalākusalakammānaṃ, kammameva vā kammasamādānaṃ. Ṭhānaso hetusoti paccayato ceva hetuto ca. Tattha gatiupadhikālapayogā vipākassa ṭhānaṃ, kammaṃ hetu.
สพฺพตฺถคามินินฺติ สพฺพคติคามินิญฺจ อคติคามินิญฺจฯ ปฎิปทนฺติ มคฺคํฯ ยถาภูตํ ปชานาตีติ พหูสุปิ มนุเสฺสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตเนฺตสุ กามํ สเพฺพสมฺปิ เจตนา ตเสฺสเวกสฺส ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณา, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํฯ เตสุ หิ เอโก อาทเรน ฉนฺทชาโต กโรติ, เอโก ‘‘เอหิ ตฺวมฺปิ กโรหี’’ติ ปเรหิ นิปฺปีฬิโต กโรติ, เอโก สมานจฺฉโนฺท วิย หุตฺวา อปฺปฎิพาหิยมาโน วิจรติ, ตสฺมา เตสุ เอโก เตเนว กเมฺมน นิรเย นิพฺพตฺตติ, เอโก ติรจฺฉานโยนิยํ, เอโก เปตฺติวิสเยฯ ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส ติรจฺฉานโยนิยํ, เอส เปตฺติวิสเย’’ติ ชานาติฯ นิรเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส มหานิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส อุสฺสทนิรเย’’ติ ชานาติฯ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส อปาทโก ภวิสฺสติ, เอส ทฺวิปาทโก, เอส จตุปฺปาโท, เอส พหุปฺปาโท’’ติ ชานาติฯ เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส นิชฺฌามตณฺหิโก ภวิสฺสติ, เอส ขุปฺปิปาสิโก, เอส ปรทตฺตูปชีวี’’ติ ชานาติฯ เตสุ จ กเมฺมสุ ‘‘อิทํ กมฺมํ ปฎิสนฺธิํ อากฑฺฒิสฺสติ, เอตํ อเญฺญน ทินฺนาย ปฎิสนฺธิยา อุปธิเวปกฺกํ ภวิสฺสตี’’ติ ชานาติฯ
Sabbatthagāmininti sabbagatigāminiñca agatigāminiñca. Paṭipadanti maggaṃ. Yathābhūtaṃ pajānātīti bahūsupi manussesu ekameva pāṇaṃ ghātentesu kāmaṃ sabbesampi cetanā tassevekassa jīvitindriyārammaṇā, taṃ pana kammaṃ tesaṃ nānākāraṃ. Tesu hi eko ādarena chandajāto karoti, eko ‘‘ehi tvampi karohī’’ti parehi nippīḷito karoti, eko samānacchando viya hutvā appaṭibāhiyamāno vicarati, tasmā tesu eko teneva kammena niraye nibbattati, eko tiracchānayoniyaṃ, eko pettivisaye. Taṃ tathāgato āyūhanakkhaṇeyeva ‘‘iminā nīhārena āyūhitattā esa niraye nibbattissati, esa tiracchānayoniyaṃ, esa pettivisaye’’ti jānāti. Niraye nibbattamānampi ‘‘esa mahāniraye nibbattissati, esa ussadaniraye’’ti jānāti. Tiracchānayoniyaṃ nibbattamānampi ‘‘esa apādako bhavissati, esa dvipādako, esa catuppādo, esa bahuppādo’’ti jānāti. Pettivisaye nibbattamānampi ‘‘esa nijjhāmataṇhiko bhavissati, esa khuppipāsiko, esa paradattūpajīvī’’ti jānāti. Tesu ca kammesu ‘‘idaṃ kammaṃ paṭisandhiṃ ākaḍḍhissati, etaṃ aññena dinnāya paṭisandhiyā upadhivepakkaṃ bhavissatī’’ti jānāti.
ตถา สกลคามวาสิเกสุ เอกโต ปิณฺฑปาตํ ททมาเนสุ กามํ สเพฺพสมฺปิ เจตนา ปิณฺฑปาตารมฺมณาว, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํฯ เตสุ หิ เอโก อาทเรน กโรตีติ สพฺพํ ปุริมสทิสํฯ ตสฺมา เตสุ จ เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เกจิ มนุสฺสโลเกฯ ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ชานาติฯ ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เทวโลเก, ตตฺถาปิ เอส ขตฺติยกุเล, เอส พฺราหฺมณกุเล, เอส เวสฺสกุเล, เอส สุทฺทกุเล, เอส ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ, เอส นิมฺมานรตีสุ, เอส ตุสิเตสุ, เอส ยาเมสุ, เอส ตาวติํเสสุ, เอส จาตุมหาราชิเกสุ, เอส ภุมฺมเทเวสู’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ หีนปณีตสุวณฺณทุพฺพณฺณอปฺปปริวารมหาปริวารตาทิเภทํ ตํ ตํ วิเสสํ อายูหนกฺขเณเยว ชานาติฯ
Tathā sakalagāmavāsikesu ekato piṇḍapātaṃ dadamānesu kāmaṃ sabbesampi cetanā piṇḍapātārammaṇāva, taṃ pana kammaṃ tesaṃ nānākāraṃ. Tesu hi eko ādarena karotīti sabbaṃ purimasadisaṃ. Tasmā tesu ca keci devaloke nibbattanti, keci manussaloke. Taṃ tathāgato āyūhanakkhaṇeyeva jānāti. ‘‘Iminā nīhārena āyūhitattā esa manussaloke nibbattissati, esa devaloke, tatthāpi esa khattiyakule, esa brāhmaṇakule, esa vessakule, esa suddakule, esa paranimmitavasavattīsu, esa nimmānaratīsu, esa tusitesu, esa yāmesu, esa tāvatiṃsesu, esa cātumahārājikesu, esa bhummadevesū’’tiādinā tattha tattha hīnapaṇītasuvaṇṇadubbaṇṇaappaparivāramahāparivāratādibhedaṃ taṃ taṃ visesaṃ āyūhanakkhaṇeyeva jānāti.
ตถา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปเนฺตสุเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน เอส กิญฺจิ สลฺลเกฺขตุํ น สกฺขิสฺสติ, เอส มหาภูตมตฺตเมว ววตฺถเปสฺสติ, เอส รูปปริคฺคเห เอว ฐสฺสติ, เอส อรูปปริคฺคเหเยว, เอส นามรูปปริคฺคเหเยว, เอส ปจฺจยปริคฺคเหเยว, เอส ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนายเมว, เอส ปฐมผเลเยว, เอส ทุติยผเล เอว, เอส ตติยผเล เอว, เอส อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ชานาติฯ กสิณปริกมฺมํ กโรเนฺตสุปิ ‘‘อิมสฺส ปริกมฺมมตฺตเมว ภวิสฺสติ, เอส นิมิตฺตํ อุปฺปาเทสฺสติ, เอส อปฺปนํ เอว ปาปุณิสฺสติ, เอส ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ชานาติฯ
Tathā vipassanaṃ paṭṭhapentesuyeva ‘‘iminā nīhārena esa kiñci sallakkhetuṃ na sakkhissati, esa mahābhūtamattameva vavatthapessati, esa rūpapariggahe eva ṭhassati, esa arūpapariggaheyeva, esa nāmarūpapariggaheyeva, esa paccayapariggaheyeva, esa lakkhaṇārammaṇikavipassanāyameva, esa paṭhamaphaleyeva, esa dutiyaphale eva, esa tatiyaphale eva, esa arahattaṃ pāpuṇissatī’’ti jānāti. Kasiṇaparikammaṃ karontesupi ‘‘imassa parikammamattameva bhavissati, esa nimittaṃ uppādessati, esa appanaṃ eva pāpuṇissati, esa jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā arahattaṃ gaṇhissatī’’ti jānāti.
อเนกธาตุนฺติ จกฺขุธาตุอาทีหิ, กามธาตุอาทีหิ วา ธาตูหิ พหุธาตุํฯ นานาธาตุนฺติ ตาสํเยว ธาตูนํ วิลกฺขณตฺตา นานปฺปการธาตุํฯ โลกนฺติ ขนฺธายตนธาตุโลกํฯ ยถาภูตํ ปชานาตีติ ตาสํ ธาตูนํ อวิปรีตโต สภาวํ ปฎิวิชฺฌติฯ
Anekadhātunti cakkhudhātuādīhi, kāmadhātuādīhi vā dhātūhi bahudhātuṃ. Nānādhātunti tāsaṃyeva dhātūnaṃ vilakkhaṇattā nānappakāradhātuṃ. Lokanti khandhāyatanadhātulokaṃ. Yathābhūtaṃ pajānātīti tāsaṃ dhātūnaṃ aviparītato sabhāvaṃ paṭivijjhati.
นานาธิมุตฺติกตนฺติ หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาวํฯ ปรสตฺตานนฺติ ปธานสตฺตานํฯ ปรปุคฺคลานนฺติ ตโต ปเรสํ หีนสตฺตานํฯ เอกตฺถเมว วา เอตํ ปททฺวยํ, เวเนยฺยวเสน ปน เทฺวธา วุตฺตํฯ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนฺติ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปรภาวญฺจ อปรภาวญฺจ, วุทฺธิญฺจ หานิญฺจาติ อโตฺถฯ
Nānādhimuttikatanti hīnādīhi adhimuttīhi nānādhimuttikabhāvaṃ. Parasattānanti padhānasattānaṃ. Parapuggalānanti tato paresaṃ hīnasattānaṃ. Ekatthameva vā etaṃ padadvayaṃ, veneyyavasena pana dvedhā vuttaṃ. Indriyaparopariyattanti saddhādīnaṃ indriyānaṃ parabhāvañca aparabhāvañca, vuddhiñca hāniñcāti attho.
ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนนฺติ ปฐมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานํ, ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนํ อฎฺฐนฺนํ วิโมกฺขานํ, สวิตกฺกสวิจาราทีนํ ติณฺณํ สมาธีนํ, ปฐมชฺฌานสมาปตฺติอาทีนญฺจ นวนฺนํ อนุปุพฺพสมาปตฺตีนํฯ สํกิเลสนฺติ หานภาคิยธมฺมํฯ โวทานนฺติ วิเสสภาคิยธมฺมํฯ วุฎฺฐานนฺติ ‘‘โวทานมฺปิ วุฎฺฐานํ, ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐานมฺปิ วุฎฺฐาน’’นฺติ (วิภ. ๘๒๘) เอวํ วุตฺตํ ปคุณชฺฌานเญฺจว ภวงฺคผลสมาปตฺติโย จฯ เหฎฺฐิมํ เหฎฺฐิมญฺหิ ปคุณชฺฌานํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปทฎฺฐานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘โวทานมฺปิ วุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ภวเงฺคน สพฺพฌาเนหิ วุฎฺฐานํ โหติ, ผลสมาปตฺติยา นิโรธสมาปตฺติโต วุฎฺฐานํ โหติฯ ตเมตํ สนฺธาย ‘‘ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐานมฺปิ วุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ สพฺพญาณานญฺจ วิตฺถารกถาย วินิจฺฉโย สโมฺมหวิโนทนิยํ วิภงฺคฎฺฐกถายํ (วิภ. อฎฺฐ. ๗๖๐) วุโตฺตฯ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติทิพฺพจกฺขุอาสวกฺขยญาณกถา ปน เวรญฺชกเณฺฑ (ปารา. ๑๒) วิตฺถาริตาเยวฯ
Jhānavimokkhasamādhisamāpattīnanti paṭhamādīnaṃ catunnaṃ jhānānaṃ, ‘‘rūpī rūpāni passatī’’tiādīnaṃ aṭṭhannaṃ vimokkhānaṃ, savitakkasavicārādīnaṃ tiṇṇaṃ samādhīnaṃ, paṭhamajjhānasamāpattiādīnañca navannaṃ anupubbasamāpattīnaṃ. Saṃkilesanti hānabhāgiyadhammaṃ. Vodānanti visesabhāgiyadhammaṃ. Vuṭṭhānanti ‘‘vodānampi vuṭṭhānaṃ, tamhā tamhā samādhimhā vuṭṭhānampi vuṭṭhāna’’nti (vibha. 828) evaṃ vuttaṃ paguṇajjhānañceva bhavaṅgaphalasamāpattiyo ca. Heṭṭhimaṃ heṭṭhimañhi paguṇajjhānaṃ uparimassa uparimassa padaṭṭhānaṃ hoti, tasmā ‘‘vodānampi vuṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Bhavaṅgena sabbajhānehi vuṭṭhānaṃ hoti, phalasamāpattiyā nirodhasamāpattito vuṭṭhānaṃ hoti. Tametaṃ sandhāya ‘‘tamhā tamhā samādhimhā vuṭṭhānampi vuṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Sabbañāṇānañca vitthārakathāya vinicchayo sammohavinodaniyaṃ vibhaṅgaṭṭhakathāyaṃ (vibha. aṭṭha. 760) vutto. Pubbenivāsānussatidibbacakkhuāsavakkhayañāṇakathā pana verañjakaṇḍe (pārā. 12) vitthāritāyeva.
อิมานิ โข สาริปุตฺตาติ ยานิ ปุเพฺพ ‘‘ทส โข ปนิมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลานี’’ติ อโวจํ, อิมานิ ตานีติ อปฺปนํ กโรติฯ ตตฺถ ปรวาทิกถา โหติ ‘‘ทสพลญาณํ นาม ปาฎิเยกฺกํ นตฺถิ, สพฺพญฺญุตญฺญาณเสฺสวายํ ปเภโท’’ติ, ตํ น ตถา ทฎฺฐพฺพํฯ อญฺญเมว หิ ทสพลญาณํ, อญฺญํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํฯ ทสพลญาณํ สกสกกิจฺจเมว ชานาติ, สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ตมฺปิ ตโต อวเสสมฺปิ ปชานาติฯ ทสพลญาเณสุ หิ ปฐมํ การณาการณเมว ชานาติ, ทุติยํ กมฺมนฺตรวิปากนฺตรเมว, ตติยํ กมฺมปริเจฺฉทเมว, จตุตฺถํ ธาตุนานตฺตการณเมว , ปญฺจมํ สตฺตานํ อชฺฌาสยาธิมุตฺติเมว, ฉฎฺฐํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาวเมว, สตฺตมํ ฌานาทีหิ สทฺธิํ เตสํ สํกิเลสาทิเมว, อฎฺฐมํ ปุเพฺพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตติเมว, นวมํ สตฺตานํ จุติปฎิสนฺธิเมว, ทสมํ สจฺจปริเจฺฉทเมวฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปน เอเตหิ ชานิตพฺพญฺจ ตโต อุตฺตริญฺจ ปชานาติ, เอเตสํ ปน กิจฺจํ น สพฺพํ กโรติฯ ตญฺหิ ฌานํ หุตฺวา อเปฺปตุํ น สโกฺกติ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุํ น สโกฺกติ, มโคฺค หุตฺวา กิเลเส เขเปตุํ น สโกฺกติฯ อิติ ยถาวุตฺตกายพเลน เจว ญาณพเลน จ สมนฺนาคตตฺตา ภควา ‘‘ทสพโล’’ติ วุจฺจติฯ
Imāni kho sāriputtāti yāni pubbe ‘‘dasa kho panimāni, sāriputta, tathāgatassa tathāgatabalānī’’ti avocaṃ, imāni tānīti appanaṃ karoti. Tattha paravādikathā hoti ‘‘dasabalañāṇaṃ nāma pāṭiyekkaṃ natthi, sabbaññutaññāṇassevāyaṃ pabhedo’’ti, taṃ na tathā daṭṭhabbaṃ. Aññameva hi dasabalañāṇaṃ, aññaṃ sabbaññutaññāṇaṃ. Dasabalañāṇaṃ sakasakakiccameva jānāti, sabbaññutaññāṇaṃ tampi tato avasesampi pajānāti. Dasabalañāṇesu hi paṭhamaṃ kāraṇākāraṇameva jānāti, dutiyaṃ kammantaravipākantarameva, tatiyaṃ kammaparicchedameva, catutthaṃ dhātunānattakāraṇameva , pañcamaṃ sattānaṃ ajjhāsayādhimuttimeva, chaṭṭhaṃ indriyānaṃ tikkhamudubhāvameva, sattamaṃ jhānādīhi saddhiṃ tesaṃ saṃkilesādimeva, aṭṭhamaṃ pubbenivutthakkhandhasantatimeva, navamaṃ sattānaṃ cutipaṭisandhimeva, dasamaṃ saccaparicchedameva. Sabbaññutaññāṇaṃ pana etehi jānitabbañca tato uttariñca pajānāti, etesaṃ pana kiccaṃ na sabbaṃ karoti. Tañhi jhānaṃ hutvā appetuṃ na sakkoti, iddhi hutvā vikubbituṃ na sakkoti, maggo hutvā kilese khepetuṃ na sakkoti. Iti yathāvuttakāyabalena ceva ñāṇabalena ca samannāgatattā bhagavā ‘‘dasabalo’’ti vuccati.
ทสหิ อเสเกฺขหิ อเงฺคหิ อุเปโตติ ‘‘อเสกฺขา สมฺมาทิฎฺฐิ, อเสโกฺข สมฺมาสงฺกโปฺป, อเสกฺขา สมฺมาวาจา, อเสโกฺข สมฺมากมฺมโนฺต, อเสโกฺข สมฺมาอาชีโว, อเสโกฺข สมฺมาวายาโม, อเสกฺขา สมฺมาสติ, อเสโกฺข สมฺมาสมาธิ, อเสกฺขํ สมฺมาญาณํ, อเสกฺขา สมฺมาวิมุตฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘, ๓๖๐) เอวํ วุเตฺตหิ ทสหิ อเสกฺขธเมฺมหิ สมนฺนาคโตฯ อเสกฺขา สมฺมาทิฎฺฐิอาทโย จ สเพฺพ ผลสมฺปยุตฺตธมฺมา เอวฯ เอตฺถ จ สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาญาณนฺติ ทฺวีสุ ฐาเนสุ ปญฺญาว กถิตา ‘‘สมฺมา ทสฺสนเฎฺฐน สมฺมาทิฎฺฐิ, สมฺมา ปชานนเฎฺฐน สมฺมาญาณ’’นฺติฯ อตฺถิ หิ ทสฺสนชานนานํ วิสเย ปวตฺติอาการวิเสโสฯ สมฺมาวิมุตฺตีติ อิมินา ปน ปเทน วุตฺตาวเสสา ผลสมาปตฺติสหคตธมฺมา สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพา ฯ อริยผลสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ หิ สพฺพโส ปฎิปกฺขโต วิมุตฺตตํ อุปาทาย วิมุตฺตีติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติฯ
Dasahi asekkhehi aṅgehi upetoti ‘‘asekkhā sammādiṭṭhi, asekkho sammāsaṅkappo, asekkhā sammāvācā, asekkho sammākammanto, asekkho sammāājīvo, asekkho sammāvāyāmo, asekkhā sammāsati, asekkho sammāsamādhi, asekkhaṃ sammāñāṇaṃ, asekkhā sammāvimuttī’’ti (dī. ni. 3.348, 360) evaṃ vuttehi dasahi asekkhadhammehi samannāgato. Asekkhā sammādiṭṭhiādayo ca sabbe phalasampayuttadhammā eva. Ettha ca sammādiṭṭhi sammāñāṇanti dvīsu ṭhānesu paññāva kathitā ‘‘sammā dassanaṭṭhena sammādiṭṭhi, sammā pajānanaṭṭhena sammāñāṇa’’nti. Atthi hi dassanajānanānaṃ visaye pavattiākāraviseso. Sammāvimuttīti iminā pana padena vuttāvasesā phalasamāpattisahagatadhammā saṅgahitāti veditabbā . Ariyaphalasampayuttadhammāpi hi sabbaso paṭipakkhato vimuttataṃ upādāya vimuttīti vattabbataṃ labhanti.
๕๙. วจนสเทฺทน อปฺปสทฺทนฺติ อารามุปจาเรน คจฺฉโต อทฺธิกชนสฺสปิ วจนสเทฺทน อปฺปสทฺทํฯ นครนิโคฺฆสสเทฺทนาติ อวิภาวิตเตฺถน นคเร มนุสฺสานํ นิโคฺฆสสเทฺทนฯ มนุเสฺสหิ สมาคมฺม เอกชฺฌํ ปวตฺติตสโทฺท หิ นิโคฺฆโสฯ อนุสญฺจรณชนสฺสาติ อโนฺตสญฺจาริโน ชนสฺสฯ มนุสฺสานํ รหสฺสกิริยฎฺฐานิยนฺติ มนุสฺสานํ รหสฺสกรณสฺส ยุตฺตํ อนุจฺฉวิกํฯ วิเวกานุรูปนฺติ เอกีภาวสฺส อนุรูปํฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
59.Vacanasaddena appasaddanti ārāmupacārena gacchato addhikajanassapi vacanasaddena appasaddaṃ. Nagaranigghosasaddenāti avibhāvitatthena nagare manussānaṃ nigghosasaddena. Manussehi samāgamma ekajjhaṃ pavattitasaddo hi nigghoso. Anusañcaraṇajanassāti antosañcārino janassa. Manussānaṃ rahassakiriyaṭṭhāniyanti manussānaṃ rahassakaraṇassa yuttaṃ anucchavikaṃ. Vivekānurūpanti ekībhāvassa anurūpaṃ. Sesamettha uttānameva.
พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bimbisārasamāgamakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑๓. พิมฺพิสารสมาคมกถา • 13. Bimbisārasamāgamakathā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / พิมฺพิสารสมาคมกถา • Bimbisārasamāgamakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา • Bimbisārasamāgamakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / พิมฺพิสารสมาคมกถาวณฺณนา • Bimbisārasamāgamakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๓. พิมฺพิสารสมาคมกถา • 13. Bimbisārasamāgamakathā