Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    มหาวคฺคโยชนา

    Mahāvaggayojanā

    ๑. มหาขนฺธกํ

    1. Mahākhandhakaṃ

    ๑. โพธิกถา

    1. Bodhikathā

    เอวูภโตวิภงฺคสฺส , กตฺวาน โยชนานยํ;

    Evūbhatovibhaṅgassa , katvāna yojanānayaṃ;

    มหาวคฺคขนฺธกสฺส, กริสฺสํ โยชนานยํฯ

    Mahāvaggakhandhakassa, karissaṃ yojanānayaṃ.

    อุภินฺนนฺติ อุภเยสํฯ ปาติโมกฺขานนฺติ ปาติโมกฺขวิภงฺคานํฯ ปาติโมกฺขคหเณน เหตฺถ เตสํ วิภโงฺคปิ คหิโต อเภเทน วา อุตฺตรปทโลปวเสน วาฯ ขนฺธกนฺติ ปญฺญตฺติสมูหํฯ ขนฺธสโทฺท เหตฺถ ปญฺญตฺติวาจโกฯ วินยปญฺญตฺติโย วุจฺจนฺติ ‘‘ขโนฺธ’’ติฯ เตสํ สมูโห ขนฺธโกฯ อถวา ขโนฺธติ ราสิฯ ขนฺธสโทฺท หิ ราสตฺถวาจโกฯ วินยปญฺญตฺติราสิ วุจฺจติ ‘‘ขโนฺธ’’ติฯ กกาโร ปกาสกวาจโกฯ ขนฺธานํ วินยปญฺญตฺติราสีนํ โก ปกาสโกติ ขนฺธโก, ตํ ขนฺธกํฯ อยํ ปเนตฺถ โยชนา – อุภินฺนํ ปาติโมกฺขานํ สงฺคีติสมนนฺตรํ ขนฺธโกวิทา ขนฺธเกสุ กุสลา มหาเถรา ยํ ขนฺธกํ สงฺคายิํสุ, ตสฺส ขนฺธกสฺส ทานิ สํวณฺณนากฺกโม ยสฺมา สมฺปโตฺต, ตสฺมา ตสฺส ขนฺธกสฺส อยํ อนุตฺตานตฺถวณฺณนา โหตีติฯ

    Ubhinnanti ubhayesaṃ. Pātimokkhānanti pātimokkhavibhaṅgānaṃ. Pātimokkhagahaṇena hettha tesaṃ vibhaṅgopi gahito abhedena vā uttarapadalopavasena vā. Khandhakanti paññattisamūhaṃ. Khandhasaddo hettha paññattivācako. Vinayapaññattiyo vuccanti ‘‘khandho’’ti. Tesaṃ samūho khandhako. Athavā khandhoti rāsi. Khandhasaddo hi rāsatthavācako. Vinayapaññattirāsi vuccati ‘‘khandho’’ti. Kakāro pakāsakavācako. Khandhānaṃ vinayapaññattirāsīnaṃ ko pakāsakoti khandhako, taṃ khandhakaṃ. Ayaṃ panettha yojanā – ubhinnaṃ pātimokkhānaṃ saṅgītisamanantaraṃ khandhakovidā khandhakesu kusalā mahātherā yaṃ khandhakaṃ saṅgāyiṃsu, tassa khandhakassa dāni saṃvaṇṇanākkamo yasmā sampatto, tasmā tassa khandhakassa ayaṃ anuttānatthavaṇṇanā hotīti.

    เย อตฺถาติ สมฺพโนฺธฯ หิสโทฺท ปทาลงฺกาโรฯ เยสนฺติ ปทานํฯ เตติ เต อเตฺถฯ ภเวติ ภเวยฺย, ภวิตุํ สกฺกุเณยฺยาติ อโตฺถฯ เตสนฺติ อตฺถานํฯ กินฺติ กิํ ปโยชนํฯ เตติ อเตฺถ, ญาตุนฺติ สมฺพโนฺธฯ อถวา เตติ อตฺถา, อวณฺณิตาติ สมฺพโนฺธฯ เตสํเยวาติ อตฺถานเมวฯ อยํ ปเนตฺถ โยชนา – ปทภาชนีเย เยสํ ปทานํ เย อตฺถา ภควตา ปกาสิตา, เตสํ ปทานนฺติ ปาฐเสโส, เต อเตฺถ ปุน วเทยฺยาม เจ, กทา ปริโยสานํ สํวณฺณนาย ปรินิฎฺฐานํ ภเว, น ภเวยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ เย เจว อตฺถา อุตฺตานา, เตสํ สํวณฺณนาย กิํ ปโยชนํ, น ปโยชนนฺติ อธิปฺปาโยฯ อธิปฺปายานุสนฺธีหิ จ อธิปฺปาเยน จ อนุสนฺธินา จ พฺยญฺชเนน จ เย ปน อตฺถา อนุตฺตานา, เต อเตฺถ, อตฺถา วา อวณฺณิตา ยสฺมา ญาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา เตสํเยว อตฺถานํ อยํ สํวณฺณนานโย โหตีติฯ อิติสโทฺท ปริสมาปนโตฺถฯ

    Ye atthāti sambandho. Hisaddo padālaṅkāro. Yesanti padānaṃ. Teti te atthe. Bhaveti bhaveyya, bhavituṃ sakkuṇeyyāti attho. Tesanti atthānaṃ. Kinti kiṃ payojanaṃ. Teti atthe, ñātunti sambandho. Athavā teti atthā, avaṇṇitāti sambandho. Tesaṃyevāti atthānameva. Ayaṃ panettha yojanā – padabhājanīye yesaṃ padānaṃ ye atthā bhagavatā pakāsitā, tesaṃ padānanti pāṭhaseso, te atthe puna vadeyyāma ce, kadā pariyosānaṃ saṃvaṇṇanāya pariniṭṭhānaṃ bhave, na bhaveyyāti adhippāyo. Ye ceva atthā uttānā, tesaṃ saṃvaṇṇanāya kiṃ payojanaṃ, na payojananti adhippāyo. Adhippāyānusandhīhi ca adhippāyena ca anusandhinā ca byañjanena ca ye pana atthā anuttānā, te atthe, atthā vā avaṇṇitā yasmā ñātuṃ na sakkā, tasmā tesaṃyeva atthānaṃ ayaṃ saṃvaṇṇanānayo hotīti. Itisaddo parisamāpanattho.

    . ‘‘เตน…เป.… เวรญฺชาย’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๑) กรณวจเน วิเสสการณมตฺถิ วิย, ‘‘เตน…เป.… ปฐมาภิสมฺพุโทฺธ’’ติ เอตฺถ กิญฺจาปิ นตฺถีติ โยชนาฯ อสทิโสปมายํฯ กิญฺจาปิสโทฺท ครหตฺถโชตโก, ปน-สโทฺท สมฺภาวนตฺถโชตโกฯ ‘‘กรณวจเนเนวา’’ติ เอตฺถ เอวกาเรน อุปโยควจนํ วา ภุมฺมวจนํ วา นิวาเรติฯ อภิลาโปติ อภิมุขํ อตฺถํ ลปตีติ อภิลาโป, สโทฺทฯ อาทิโตติ เวรญฺชกณฺฑโตฯ เอตนฺติ ‘‘เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา อุรุเวลาย’’นฺติอาทิวจนํฯ ‘‘อเญฺญสุปี’’ติ วตฺวา ตเมวตฺถํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํ ‘‘อิโต ปเรสู’’ติฯ

    1. ‘‘Tena…pe… verañjāya’’ntiādīsu (pārā. 1) karaṇavacane visesakāraṇamatthi viya, ‘‘tena…pe… paṭhamābhisambuddho’’ti ettha kiñcāpi natthīti yojanā. Asadisopamāyaṃ. Kiñcāpisaddo garahatthajotako, pana-saddo sambhāvanatthajotako. ‘‘Karaṇavacanenevā’’ti ettha evakārena upayogavacanaṃ vā bhummavacanaṃ vā nivāreti. Abhilāpoti abhimukhaṃ atthaṃ lapatīti abhilāpo, saddo. Āditoti verañjakaṇḍato. Etanti ‘‘tena samayena buddho bhagavā uruvelāya’’ntiādivacanaṃ. ‘‘Aññesupī’’ti vatvā tamevatthaṃ dassetuṃ vuttaṃ ‘‘ito paresū’’ti.

    ยทิ วิเสสการณํ นตฺถิ, กิํ ปเนตสฺส วจเน ปโยชนนฺติ โจเทโนฺต อาห ‘‘กิํ ปเนตสฺสา’’ติอาทิฯ เอตสฺสาติ ‘‘เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา อุรุเวลาย’’นฺติอาทิวจนสฺสฯ นิทานทสฺสนํ ปโยชนํ นามาติ โยชนาฯ ตเมวตฺถํ วิภาเวตุมาห ‘‘ยา หี’’ติอาทิฯ ยา ปพฺพชฺชา เจว ยา อุปสมฺปทา จ ภควโต อนุญฺญาตาติ โยชนาฯ ยานิ จ อนุญฺญาตานีติ สมฺพโนฺธฯ ตานีติ ปพฺพชฺชาทีนิฯ อภิสโมฺพธินฺติ อรหตฺตมคฺคญาณปทฎฺฐานํ สพฺพญฺญุตญฺญาณญฺจ สพฺพญฺญุตญฺญาณปทฎฺฐานํ อรหตฺตมคฺคญาณญฺจฯ โพธิมหามเณฺฑติ มหนฺตานํ มคฺคญาณสพฺพญฺญุตญฺญาณานํ ปสนฺนฎฺฐาเน โพธิรุกฺขมูเลติ อโตฺถฯ เอวนฺติอาทิ นิคมนํฯ

    Yadi visesakāraṇaṃ natthi, kiṃ panetassa vacane payojananti codento āha ‘‘kiṃ panetassā’’tiādi. Etassāti ‘‘tena samayena buddho bhagavā uruvelāya’’ntiādivacanassa. Nidānadassanaṃ payojanaṃ nāmāti yojanā. Tamevatthaṃ vibhāvetumāha ‘‘yā hī’’tiādi. Yā pabbajjā ceva yā upasampadā ca bhagavato anuññātāti yojanā. Yāni ca anuññātānīti sambandho. Tānīti pabbajjādīni. Abhisambodhinti arahattamaggañāṇapadaṭṭhānaṃ sabbaññutaññāṇañca sabbaññutaññāṇapadaṭṭhānaṃ arahattamaggañāṇañca. Bodhimahāmaṇḍeti mahantānaṃ maggañāṇasabbaññutaññāṇānaṃ pasannaṭṭhāne bodhirukkhamūleti attho. Evantiādi nigamanaṃ.

    ตตฺถาติ ยํ ‘‘เตน สมเยน อุรุเวลาย’’นฺติอาทิวจนํ วุตฺตํ, ตตฺถฯ อุรุเวลายนฺติ เอตฺถ อุรุสโทฺท มหนฺตปริยาโยติ อาห ‘‘มหาเวลาย’’นฺติฯ ‘‘วาลิกราสิมฺหี’’ติ อิมินา เวลาสทฺทสฺส ราสตฺถํ ทเสฺสติ, กาลสีมาทโย นิวเตฺตติฯ ยทิ ปน ‘‘อุรู’’ติ วาลิกาย นามํ, ‘‘เวลา’’ติ มริยาทาย, เอวญฺหิ สติ นนุ อุรุยา เวลาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพติ อาห ‘‘เวลาติกฺกมนเหตุ อาหฎา อุรุ อุรุเวลา’’ติฯ อิมินา เวลาย อติกฺกโม เวลา อุตฺตรปทโลปวเสน, เวลาย อาหฎา อุรุ อุรุเวลา ปทวิปริยายวเสนาติ ทเสฺสติฯ เอตฺถาติ ‘‘อุรุเวลาย’’นฺติปเทฯ ตเมวตฺถํ วิภาเวโนฺต อาห ‘‘อตีเต กิรา’’ติอาทิฯ อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ ปพฺพชิตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ ตาปสปพฺพชฺชนฺติ อิสิปพฺพชฺชํ, น สมณปพฺพชฺชํฯ กติกวตฺตนฺติ กรณํ กตํ, กเตน ปวตฺตํ กติกํ, ตเมว วตฺตํ กติกวตฺตํฯ อกํสุ กิราติ สมฺพโนฺธฯ โยติ โย โกจิฯ อโญฺญติ อตฺตนา อปโรฯ โส อากิรตูติ สมฺพโนฺธฯ ปตฺตปุเฎนาติ ปเณฺณน กเตน ปุเฎนฯ ตโตติ กติกวตฺตกรณโตฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ปเทเสฯ ตโตติ มหาวาลิกราสิชนนโต, ปรนฺติ สมฺพโนฺธฯ นนฺติ ตํ ปเทสํฯ นฺติ มหาวาลิกราสิํฯ

    Tatthāti yaṃ ‘‘tena samayena uruvelāya’’ntiādivacanaṃ vuttaṃ, tattha. Uruvelāyanti ettha urusaddo mahantapariyāyoti āha ‘‘mahāvelāya’’nti. ‘‘Vālikarāsimhī’’ti iminā velāsaddassa rāsatthaṃ dasseti, kālasīmādayo nivatteti. Yadi pana ‘‘urū’’ti vālikāya nāmaṃ, ‘‘velā’’ti mariyādāya, evañhi sati nanu uruyā velāti attho daṭṭhabboti āha ‘‘velātikkamanahetu āhaṭā uru uruvelā’’ti. Iminā velāya atikkamo velā uttarapadalopavasena, velāya āhaṭā uru uruvelā padavipariyāyavasenāti dasseti. Etthāti ‘‘uruvelāya’’ntipade. Tamevatthaṃ vibhāvento āha ‘‘atīte kirā’’tiādi. Anuppanne buddhe pabbajitvāti sambandho. Tāpasapabbajjanti isipabbajjaṃ, na samaṇapabbajjaṃ. Katikavattanti karaṇaṃ kataṃ, katena pavattaṃ katikaṃ, tameva vattaṃ katikavattaṃ. Akaṃsu kirāti sambandho. Yoti yo koci. Aññoti attanā aparo. So ākiratūti sambandho. Pattapuṭenāti paṇṇena katena puṭena. Tatoti katikavattakaraṇato. Tatthāti tasmiṃ padese. Tatoti mahāvālikarāsijananato, paranti sambandho. Nanti taṃ padesaṃ. Tanti mahāvālikarāsiṃ.

    ‘‘โพธิรุกฺขมูเล’’ติ เอตฺถ อสฺสตฺถรุกฺขสฺส อุปจารวเสน โพธีติ นามลภนํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มเคฺคสุ ญาณ’’นฺติอาทิฯ อิมินา จตฺตาริ สจฺจานิ พุชฺฌตีติ โพธีติ วจนเตฺถน จตูสุ มเคฺคสุ ญาณํ โพธิ นามาติ ทเสฺสติฯ เอตฺถาติ โพธิมฺหิ, โพธิยํ วาฯ สมีปเตฺถ เจตํ ภุมฺมวจนํฯ รุโกฺขปีติ ปิสเทฺทน น มคฺคญาณเมวาติ ทเสฺสติฯ มูเลติ อาสเนฺนฯ ปฐมาภิสมฺพุโทฺธติ อนุนาสิกโลปวเสน สนฺธีติ อาห ‘‘ปฐมํ อภิสมฺพุโทฺธ’’ติฯ ‘‘หุตฺวา’’ติ อิมินา ‘‘ปฐม’’นฺติปทสฺส ภาวนปุํสกํ ทเสฺสติฯ สพฺพปฐมํเยวาติ สเพฺพสํ ชนานํ ปฐมเมว อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ เอโก เอว ปลฺลโงฺก เอกปลฺลโงฺกติ อวธารณสมาสํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เอเกเนว ปลฺลเงฺกนา’’ติฯ ‘‘สกิํ…เป.… อาภุชิเตนา’’ติ อิมินา อวธารณผลํ ทเสฺสติฯ ปลฺลโงฺกติ จ อูรุพทฺธาสนํฯ วิมุตฺติสุขํ ปฎิสํเวทีติ เอตฺถ ตทงฺคาทีสุ (ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๑.๑.๑๐๔) ปญฺจสุ วิมุตฺตีสุ ปฎิปฺปสฺสทฺธิสงฺขาตา ผลสมาปตฺติ เอวาธิเปฺปตาติ อาห ‘‘ผลสมาปตฺติสุข’’นฺติฯ ผลสมาปตฺตีติ อรหตฺตผลสมาปตฺติฯ สา หิ วิรุเทฺธหิ อุปกฺกิเลเสหิ มุจฺจิตเฎฺฐน วิมุตฺตีติ วุจฺจติ, ตาย สมฺปยุตฺตํ สุขํ วิมุตฺติสุขํ, จตุตฺถชฺฌานิกํ อรหตฺตผลสมาปตฺติสุขํฯ อถวา ตาย ชาตํ สุขํ วิมุตฺติสุขํ, สกลกิเลสทุกฺขูปสมสุขํ ฯ ‘‘ปฎิสํเวทยมาโน’’ติอิมินา ‘‘ปฎิสํเวที’’ติ เอตฺถ ณีปจฺจยสฺส กตฺตุตฺถํ ทเสฺสติฯ ปุนปฺปุนํ สุฎฺฐุ วทติ อนุภวตีติ ปฎิสํเวทีฯ ปฎิสํเวที หุตฺวา นิสีทีติ สมฺพโนฺธฯ

    ‘‘Bodhirukkhamūle’’ti ettha assattharukkhassa upacāravasena bodhīti nāmalabhanaṃ dassento āha ‘‘bodhi vuccati catūsu maggesu ñāṇa’’ntiādi. Iminā cattāri saccāni bujjhatīti bodhīti vacanatthena catūsu maggesu ñāṇaṃ bodhi nāmāti dasseti. Etthāti bodhimhi, bodhiyaṃ vā. Samīpatthe cetaṃ bhummavacanaṃ. Rukkhopīti pisaddena na maggañāṇamevāti dasseti. Mūleti āsanne. Paṭhamābhisambuddhoti anunāsikalopavasena sandhīti āha ‘‘paṭhamaṃ abhisambuddho’’ti. ‘‘Hutvā’’ti iminā ‘‘paṭhama’’ntipadassa bhāvanapuṃsakaṃ dasseti. Sabbapaṭhamaṃyevāti sabbesaṃ janānaṃ paṭhamameva abhisambuddho hutvāti sambandho. Eko eva pallaṅko ekapallaṅkoti avadhāraṇasamāsaṃ dassento āha ‘‘ekeneva pallaṅkenā’’ti. ‘‘Sakiṃ…pe… ābhujitenā’’ti iminā avadhāraṇaphalaṃ dasseti. Pallaṅkoti ca ūrubaddhāsanaṃ. Vimuttisukhaṃ paṭisaṃvedīti ettha tadaṅgādīsu (paṭi. ma. aṭṭha. 1.1.104) pañcasu vimuttīsu paṭippassaddhisaṅkhātā phalasamāpatti evādhippetāti āha ‘‘phalasamāpattisukha’’nti. Phalasamāpattīti arahattaphalasamāpatti. Sā hi viruddhehi upakkilesehi muccitaṭṭhena vimuttīti vuccati, tāya sampayuttaṃ sukhaṃ vimuttisukhaṃ, catutthajjhānikaṃ arahattaphalasamāpattisukhaṃ. Athavā tāya jātaṃ sukhaṃ vimuttisukhaṃ, sakalakilesadukkhūpasamasukhaṃ . ‘‘Paṭisaṃvedayamāno’’tiiminā ‘‘paṭisaṃvedī’’ti ettha ṇīpaccayassa kattutthaṃ dasseti. Punappunaṃ suṭṭhu vadati anubhavatīti paṭisaṃvedī. Paṭisaṃvedī hutvā nisīdīti sambandho.

    ปจฺจยาการนฺติ อวิชฺชาทิปจฺจยานํ อุปฺปาทาการํฯ กสฺมา ปจฺจยากาโร ปฎิจฺจสมุปฺปาโท นามาติ อาห ‘‘ปจฺจยากาโร หี’’ติอาทิฯ หีติ สจฺจํ, ยสฺมา วาฯ ‘‘อญฺญมญฺญ’’นฺติอิมินา ‘‘ปฎิจฺจา’’ติปทสฺส กมฺมํ ทเสฺสติ, ‘‘สหิเต’’ติอิมินา สํสทฺทสฺสตฺถํฯ ‘‘ธเมฺม’’ติอิมินา ตสฺส สรูปํฯ เอตฺถาติ อิมิสฺสํ วินยฎฺฐกถายํฯ ตตฺถาติ ‘‘อนุโลมปฎิโลม’’นฺติปเท, อนุโลมปฎิโลเมสุ วาฯ เสฺวว ปจฺจยากาโร วุจฺจตีติ โยชนาฯ ‘‘อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจกรณโต’’ติอิมินา อนุโลมสทฺทสฺส สภาวตฺถํ ทเสฺสติฯ เสฺววาติ ปจฺจยากาโร เอวฯ ตํ กิจฺจนฺติ อตฺตนา กตฺตพฺพํ ตํ กิจฺจํฯ ตสฺส อกรณโตติ อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจสฺส อกรณโตฯ อิมินา ปฎิโลมสทฺทสฺส สภาวตฺถํ ทเสฺสติฯ ปุริมนเยเนวาติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา ปุริมนเยเนวฯ วาติ อถวาฯ ปวตฺติยาติ สํสารปวตฺติยาฯ อนุโลโมติ อนุกูโล, อนุรูโป วาฯ อิตโรติ ‘‘อวิชฺชายเตฺววา’’ติอาทินา วุโตฺต ปจฺจยากาโรฯ ตสฺสาติ ปวตฺติยาฯ ปฎิโลโมติ ปฎิวิรุโทฺธ, เอตฺถาติ ‘‘อนุโลมปฎิโลม’’นฺติปเทฯ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพติ เอตฺถ อโตฺถ เอวาติ สมฺภวโต ตสฺส ผลํ วา ‘‘สทฺทนฺตรตฺถาโปหเนน สโทฺท อตฺถํ วทตี’’ติ วจนโต (อุทา. อฎฺฐ. ๑; ที. นิ. ฎี. ๑.๑; ม. นิ. ฎี. ๑.มุลปริยายสุตฺตวณฺณนา; สํ. นิ. ฎี. ๑.๑.โอฆตรยสุตฺตวณฺณนา; อ. นิ. ฎี. ๑.๑.รุปาทิวคฺควณฺณนา) สทฺทนฺตรตฺถาโปหนํ วา ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อาทิโต ปนา’’ติอาทิฯ ยาวสโทฺท อวธิวจโนฯ ยาว อนฺตํ ปาเปตฺวาติ สมฺพโนฺธฯ อิโตติ อิเมหิ วุเตฺตหิ ทฺวีหิ อเตฺถหิฯ ‘‘มนสากาสี’’ติ เอตฺถ อิการโลปวเสน สนฺธีติ อาห ‘‘มนสิ อกาสี’’ติฯ ตตฺถาติ ‘‘มนสากาสี’’ติปเทฯ ยถาติ เยนากาเรนฯ อิทนฺติ อิมํ อาการํฯ ตตฺถาติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิปาเฐ อวยวโตฺถ เอวํ เวทิตโพฺพติ โยชนาฯ สมาสมเชฺฌ ตสเทฺทน ปุพฺพปทเสฺสว ลิงฺควจนานิ คเหตพฺพานีติ อาห ‘‘อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จา’’ติ ฯ วาเกฺย ปน ตสเทฺทน ปรปทเสฺสว ลิงฺควจนานิ คเหตพฺพานิฯ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติปทํ ‘‘สมฺภวนฺตี’’ติปเทน สมฺพนฺธิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตี’’ติฯ สพฺพปเทสูติ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณ’’นฺติอาทีสุ สเพฺพสุ ปเทสุฯ

    Paccayākāranti avijjādipaccayānaṃ uppādākāraṃ. Kasmā paccayākāro paṭiccasamuppādo nāmāti āha ‘‘paccayākāro hī’’tiādi. ti saccaṃ, yasmā vā. ‘‘Aññamañña’’ntiiminā ‘‘paṭiccā’’tipadassa kammaṃ dasseti, ‘‘sahite’’tiiminā saṃsaddassatthaṃ. ‘‘Dhamme’’tiiminā tassa sarūpaṃ. Etthāti imissaṃ vinayaṭṭhakathāyaṃ. Tatthāti ‘‘anulomapaṭiloma’’ntipade, anulomapaṭilomesu vā. Sveva paccayākāro vuccatīti yojanā. ‘‘Attanā kattabbakiccakaraṇato’’tiiminā anulomasaddassa sabhāvatthaṃ dasseti. Svevāti paccayākāro eva. Taṃ kiccanti attanā kattabbaṃ taṃ kiccaṃ. Tassa akaraṇatoti attanā kattabbakiccassa akaraṇato. Iminā paṭilomasaddassa sabhāvatthaṃ dasseti. Purimanayenevāti ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’tiādinā purimanayeneva. ti athavā. Pavattiyāti saṃsārapavattiyā. Anulomoti anukūlo, anurūpo vā. Itaroti ‘‘avijjāyatvevā’’tiādinā vutto paccayākāro. Tassāti pavattiyā. Paṭilomoti paṭiviruddho, etthāti ‘‘anulomapaṭiloma’’ntipade. Attho daṭṭhabboti ettha attho evāti sambhavato tassa phalaṃ vā ‘‘saddantaratthāpohanena saddo atthaṃ vadatī’’ti vacanato (udā. aṭṭha. 1; dī. ni. ṭī. 1.1; ma. ni. ṭī. 1.mulapariyāyasuttavaṇṇanā; saṃ. ni. ṭī. 1.1.oghatarayasuttavaṇṇanā; a. ni. ṭī. 1.1.rupādivaggavaṇṇanā) saddantaratthāpohanaṃ vā dassento āha ‘‘ādito panā’’tiādi. Yāvasaddo avadhivacano. Yāva antaṃ pāpetvāti sambandho. Itoti imehi vuttehi dvīhi atthehi. ‘‘Manasākāsī’’ti ettha ikāralopavasena sandhīti āha ‘‘manasi akāsī’’ti. Tatthāti ‘‘manasākāsī’’tipade. Yathāti yenākārena. Idanti imaṃ ākāraṃ. Tatthāti ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’tiādipāṭhe avayavattho evaṃ veditabboti yojanā. Samāsamajjhe tasaddena pubbapadasseva liṅgavacanāni gahetabbānīti āha ‘‘avijjā ca sā paccayo cā’’ti . Vākye pana tasaddena parapadasseva liṅgavacanāni gahetabbāni. ‘‘Avijjāpaccayā’’tipadaṃ ‘‘sambhavantī’’tipadena sambandhitabbanti āha ‘‘tasmā avijjāpaccayā saṅkhārā sambhavantī’’ti. Sabbapadesūti ‘‘saṅkhārapaccayā viññāṇa’’ntiādīsu sabbesu padesu.

    ยถา ปนาติ เยนากาเรน ปนฯ อิทนฺติ อิมํ อาการํฯ ตตฺถาติ ‘‘อวิชฺชาย…เป.… นิโรโธ’’ติอาทิวาเกฺยฯ อวิชฺชายเตฺววาติ เอตฺถ ‘‘ภทฺทิโยเตฺววา’’ติอาทีสุ วิย ‘‘ภทฺทิโย อิติ เอวา’’ติ ปทเจฺฉโท กตฺตโพฺพ, น เอวํ ‘‘อวิชฺชาย อิติ เอวา’’ติ, อถ โข ‘‘อวิชฺชาย ตุ เอวา’’ติ กาตโพฺพติ อาห ‘‘อวิชฺชาย ตุ เอวา’’ติฯ ‘‘ป อติโมกฺขํ อติปโมกฺข’’นฺติอาทีสุ (กงฺขา. อฎฺฐ. นิทานวณฺณนา) วิย อุปสคฺคพฺยตฺตเยน วุตฺตํ, เอวมิธ นิปาตพฺยตฺตเยน วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตตฺถ เอวสเทฺทน สตฺตชีวาทโย นิวเตฺตติฯ ตุสโทฺท ปกฺขนฺตรตฺถโชตโกฯ อนุโลมปกฺขโต ปฎิโลมสงฺขาตํ ปกฺขนฺตรํ มนสากาสีติ อโตฺถฯ อเสสวิราคนิโรธสโทฺท อยุตฺตสมาโส, อุตฺตรปเทน จ ตติยาสมาโสติ อาห ‘‘วิราคสงฺขาเตน มเคฺคน อเสสนิโรธา’’ติฯ ตตฺถ อเสสสทฺทํ วิราคสเทฺทน สมฺพนฺธมกตฺวา นิโรธสเทฺทน สมฺพนฺธํ กตฺวา อตฺถสฺส คหณํ อยุตฺตสมาโส นามฯ ‘‘มเคฺคนา’’ติอิมินา วิราคสทฺทสฺสตฺถํ ทเสฺสติฯ มโคฺค หิ วิรชฺชนเฎฺฐน วิราโคติ วุจฺจติฯ สงฺขารนิโรโธติ เอตฺถ มเคฺคน นิโรธตฺตา อนุปฺปาทนิโรโธ โหตีติ อาห ‘‘สงฺขารานํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหตี’’ติฯ อนุปฺปาทนิโรโธติ จ อนุปฺปาเทน นิโรโธ สมุเจฺฉทวเสน นิรุทฺธตฺตาฯ เอวนฺติ ยถา อวิชฺชายเตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ, เอวํ ตถาติ อโตฺถฯ ตตฺถาติ ‘‘เอวเมตสฺสา’’ติอาทิวจเนฯ เกวลสโทฺท สกลปริยาโยติ อาห ‘‘สกลสฺสา’’ติ, อนวเสสสฺสาติ อโตฺถฯ อถวา สตฺตชีวาทีหิ อมิสฺสิตตฺตา อมิสฺสโตฺถติ อาห ‘‘สุทฺธสฺส วา’’ติฯ ‘‘สตฺตวิรหิตสฺสา’’ติ อิมินา สุทฺธภาวํ ทเสฺสติฯ ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ เอตฺถ ขนฺธสโทฺท ราสตฺถวาจโกติ อาห ‘‘ทุกฺขราสิสฺสา’’ติฯ

    Yathā panāti yenākārena pana. Idanti imaṃ ākāraṃ. Tatthāti ‘‘avijjāya…pe… nirodho’’tiādivākye. Avijjāyatvevāti ettha ‘‘bhaddiyotvevā’’tiādīsu viya ‘‘bhaddiyo iti evā’’ti padacchedo kattabbo, na evaṃ ‘‘avijjāya iti evā’’ti, atha kho ‘‘avijjāya tu evā’’ti kātabboti āha ‘‘avijjāya tu evā’’ti. ‘‘Pa atimokkhaṃ atipamokkha’’ntiādīsu (kaṅkhā. aṭṭha. nidānavaṇṇanā) viya upasaggabyattayena vuttaṃ, evamidha nipātabyattayena vuttanti daṭṭhabbaṃ. Tattha evasaddena sattajīvādayo nivatteti. Tusaddo pakkhantaratthajotako. Anulomapakkhato paṭilomasaṅkhātaṃ pakkhantaraṃ manasākāsīti attho. Asesavirāganirodhasaddo ayuttasamāso, uttarapadena ca tatiyāsamāsoti āha ‘‘virāgasaṅkhātena maggena asesanirodhā’’ti. Tattha asesasaddaṃ virāgasaddena sambandhamakatvā nirodhasaddena sambandhaṃ katvā atthassa gahaṇaṃ ayuttasamāso nāma. ‘‘Maggenā’’tiiminā virāgasaddassatthaṃ dasseti. Maggo hi virajjanaṭṭhena virāgoti vuccati. Saṅkhāranirodhoti ettha maggena nirodhattā anuppādanirodho hotīti āha ‘‘saṅkhārānaṃ anuppādanirodho hotī’’ti. Anuppādanirodhoti ca anuppādena nirodho samucchedavasena niruddhattā. Evanti yathā avijjāyatveva asesavirāganirodhā saṅkhāranirodho, evaṃ tathāti attho. Tatthāti ‘‘evametassā’’tiādivacane. Kevalasaddo sakalapariyāyoti āha ‘‘sakalassā’’ti, anavasesassāti attho. Athavā sattajīvādīhi amissitattā amissatthoti āha ‘‘suddhassa vā’’ti. ‘‘Sattavirahitassā’’ti iminā suddhabhāvaṃ dasseti. Dukkhakkhandhassāti ettha khandhasaddo rāsatthavācakoti āha ‘‘dukkharāsissā’’ti.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตฺถ เอตสทฺทสฺส วิสยํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํ ‘‘ยฺวาย’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ ‘‘อวิชฺชาทิวเสน…เป.… นิโรโธ โหตี’’ติ ยฺวายํ อโตฺถ วุโตฺตติ โยชนาฯ สมุทโย จ โหตีติ สมฺพโนฺธฯ วิทิตเวลายนฺติ ปากฎเวลายํ ปสิทฺธกาเลติ อโตฺถฯ อิมํ อุทานนฺติ เอตฺถ อิมสโทฺท วุจฺจมานาเปโกฺขฯ ตสฺมิํ อเตฺถ วิทิเต สตีติ โยชนาฯ ปชานนตายาติ ปกาเรน ชานนภาวสฺสฯ โสมนสฺสยุตฺตญาณสมุฎฺฐานนฺติ โสมนเสฺสน เอกุปฺปาทาทิวเสน ยุเตฺตน ญาเณน สมุฎฺฐานํ, ยุตฺตํ วา ญาณสงฺขาตํ สมุฎฺฐานํ อุทานนฺติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ อุทานนฺติ เกนเฎฺฐน อุทานํ? อุทานเฎฺฐน, โมทนเฎฺฐน, กีฬนเฎฺฐน จาติ อโตฺถฯ กิมิทํ อุทานํ นาม? ปีติเวคสมุฎฺฐาปิโต อุทาหาโรฯ ยถา (อุทา. อฎฺฐ. คนฺถารมฺภกถา) หิ ยํ เตลาทิมินิตพฺพวตฺถุ มานํ คเหตุํ น สโกฺกติ วิสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘อวเสโก’’ติ วุจฺจติฯ ยญฺจ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สโกฺกติ, อโชฺฌตฺถริตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘โอโฆ’’ติ วุจฺจติฯ เอวเมวํ ยํ ปีติเวคสมุฎฺฐาปิตํ วิตกฺกวิปฺผารํ หทยํ สนฺธาเรตุํ น สโกฺกติ, โส อธิโก หุตฺวา อโนฺต อสณฺฐหิตฺวา วจีทฺวาเรน นิกฺขมโนฺต ปฎิคฺคาหกนิรเปโกฺข อุทาหารวิเสโส ‘‘อุทาน’’นฺติ วุจฺจติฯ ‘‘อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสี’’ติ อิมินา อุทธาตุสฺส อุทาหารตฺถํ ทเสฺสติฯ

    Etamatthaṃviditvāti ettha etasaddassa visayaṃ dassetuṃ vuttaṃ ‘‘yvāya’’ntiādi. Tattha ‘‘avijjādivasena…pe… nirodho hotī’’ti yvāyaṃ attho vuttoti yojanā. Samudayo ca hotīti sambandho. Viditavelāyanti pākaṭavelāyaṃ pasiddhakāleti attho. Imaṃ udānanti ettha imasaddo vuccamānāpekkho. Tasmiṃ atthe vidite satīti yojanā. Pajānanatāyāti pakārena jānanabhāvassa. Somanassayuttañāṇasamuṭṭhānanti somanassena ekuppādādivasena yuttena ñāṇena samuṭṭhānaṃ, yuttaṃ vā ñāṇasaṅkhātaṃ samuṭṭhānaṃ udānanti sambandho. Tattha udānanti kenaṭṭhena udānaṃ? Udānaṭṭhena, modanaṭṭhena, kīḷanaṭṭhena cāti attho. Kimidaṃ udānaṃ nāma? Pītivegasamuṭṭhāpito udāhāro. Yathā (udā. aṭṭha. ganthārambhakathā) hi yaṃ telādiminitabbavatthu mānaṃ gahetuṃ na sakkoti visanditvā gacchati, taṃ ‘‘avaseko’’ti vuccati. Yañca jalaṃ taḷākaṃ gahetuṃ na sakkoti, ajjhottharitvā gacchati, taṃ ‘‘ogho’’ti vuccati. Evamevaṃ yaṃ pītivegasamuṭṭhāpitaṃ vitakkavipphāraṃ hadayaṃ sandhāretuṃ na sakkoti, so adhiko hutvā anto asaṇṭhahitvā vacīdvārena nikkhamanto paṭiggāhakanirapekkho udāhāraviseso ‘‘udāna’’nti vuccati. ‘‘Attamanavācaṃ nicchāresī’’ti iminā udadhātussa udāhāratthaṃ dasseti.

    ตสฺสาติ อุทานสฺส อโตฺถ เอวํ เวทิตโพฺพติ โยชนาฯ ยทาติ เอตฺถ ทาปจฺจยสฺส อตฺถวากฺยํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ยสฺมิํ กาเล’’ติฯ หเวติ ‘‘พฺยตฺต’’นฺติ อิมสฺมิํ อเตฺถ นิปาโตฯ พฺยตฺตํ ปากฎนฺติ หิ อโตฺถฯ ปาตุภวนฺตีติ เอตฺถ ปาตุนิปาตสฺส อตฺถสฺส ‘‘หเว’’ติ นิปาเตน วุตฺตตฺตา ภูธาตุเสฺสว อตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อุปฺปชฺชนฺตี’’ติฯ อนุโลม ปฎิโลม ปจฺจยาการ ปฎิเวธสาธกาติ อนุโลมโต จ ปฎิโลมโต จ ปจฺจยาการสฺส ปฎิวิชฺฌนสฺส สาธกาฯ โพธิปกฺขิยธมฺมาติ โพธิยา มคฺคญาณสฺส ปเกฺข ภวา สตฺตติํส ธมฺมาฯ อถวา ปาตุนิปาเตน สห ‘‘ภวนฺตี’’ติปทสฺส อตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปกาสนฺตี’’ติฯ อิมสฺมิํ นเย หเวสโทฺท เอกํสตฺถวาจโกฯ หเว เอกํเสนาติ หิ อโตฺถฯ อภิสมยวเสนาติ มคฺคญาณวเสน ฯ มคฺคญาณญฺหิ ยสฺมา อภิมุขํ จตฺตาริ สจฺจานิ สเมจฺจ อยติ ชานาติ, ตสฺมา อภิสมโยติ วุจฺจติฯ

    Tassāti udānassa attho evaṃ veditabboti yojanā. Yadāti ettha dāpaccayassa atthavākyaṃ dassento āha ‘‘yasmiṃ kāle’’ti. Haveti ‘‘byatta’’nti imasmiṃ atthe nipāto. Byattaṃ pākaṭanti hi attho. Pātubhavantīti ettha pātunipātassa atthassa ‘‘have’’ti nipātena vuttattā bhūdhātusseva atthaṃ dassento āha ‘‘uppajjantī’’ti. Anuloma paṭiloma paccayākāra paṭivedhasādhakāti anulomato ca paṭilomato ca paccayākārassa paṭivijjhanassa sādhakā. Bodhipakkhiyadhammāti bodhiyā maggañāṇassa pakkhe bhavā sattatiṃsa dhammā. Athavā pātunipātena saha ‘‘bhavantī’’tipadassa atthaṃ dassento āha ‘‘pakāsantī’’ti. Imasmiṃ naye havesaddo ekaṃsatthavācako. Have ekaṃsenāti hi attho. Abhisamayavasenāti maggañāṇavasena . Maggañāṇañhi yasmā abhimukhaṃ cattāri saccāni samecca ayati jānāti, tasmā abhisamayoti vuccati.

    ‘‘กิเลสสนฺตาปนเฎฺฐนา’’ติ อิมินา อาภุโส กิเลเส ตาเปตีติ อาตาโปติ วจนตฺถํ ทเสฺสติฯ น วีริยสามญฺญํ โหติ, อถ โข สมฺมปฺปธานวีริยเมวาติ อาห ‘‘สมฺมปฺปธานวีริยวโต’’ติฯ อิมินา อาตาปีติ เอตฺถ อีปจฺจยสฺส วนฺตุอตฺถํ ทเสฺสติฯ อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขเณน จาติ กสิณาทิอารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา นิชฺฌานสภาเวน อฎฺฐสมาปตฺติสงฺขาเตน ฌาเนน จฯ ลกฺขณูปนิชฺฌานลกฺขเณน จาติ อนิจฺจาทิลกฺขณํ อุปคนฺตฺวา นิชฺฌานสภาเวน วิปสฺสนามคฺคผลสงฺขาเตน ฌาเนน จฯ ‘‘พาหิตปาปสฺสา’’ติ อิมินา พาหิโต อโณ ปาโป อเนนาติ พฺราหฺมโณติ วจนตฺถํ ทเสฺสติฯ อณสโทฺท หิ ปาปปริยาโยฯ ‘‘ขีณาสวสฺสา’’ติ อิมินา ตสฺส สรูปํ ทเสฺสติฯ อถสฺสาติ อถ อสฺส, ตสฺมิํ กาเล พฺราหฺมณสฺสาติ อโตฺถฯ ยา เอตา กงฺขา วุตฺตาติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘โก นุ โข…เป.… อโวจา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๑๒) นเยน จ ตถา ‘‘กตมํ นุ โข…เป.… อโวจา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๓๕) นเยน จ ปจฺจยากาเร วุตฺตาติ โยชนาฯ โน กโลฺล ปโญฺหติ อยุโตฺต ปโญฺห, ทุปฺปโญฺห เอโสติ อโตฺถฯ ตถาติ เอวํ, ตโต อญฺญถา วาฯ ยา จ โสฬส กงฺขา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) อาคตาติ สมฺพโนฺธฯ อปฎิวิทฺธตฺตา กงฺขาติ โยชนาฯ โสฬส กงฺขาติ อตีตวิสยา ปญฺจ, อนาคตวิสยา ปญฺจ, ปจฺจุปฺปนฺนวิสยา ฉาติ โสฬสวิธา กงฺขาฯ วปยนฺตีติ วิ อปยนฺติ, อิการโลเปนายํ สนฺธิฯ วิตฺยูปสโคฺค ธาตฺวตฺถานุวตฺตโก, อปยนฺติ – สโทฺท อปคมนโตฺถติ อาห ‘‘อปคจฺฉนฺตี’’ติฯ ‘‘นิรุชฺฌนฺตี’’ติอิมินา อปคมนตฺถเมว ปริยายนฺตเรน ทีเปติฯ ‘‘กสฺมา’’ติ อิมินา ‘‘ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺม’’นฺติ วากฺยสฺส ปุพฺพวากฺยการณภาวํ ทเสฺสติฯ สเหตุธมฺมนฺติ เอตฺถ สห อวิชฺชาทิเหตุนาติ สเหตุ, สงฺขาราทิโก ปจฺจยุปฺปนฺนธโมฺมฯ สเหตุ จ โส ธโมฺม จาติ สเหตุธโมฺมติ วจนตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อวิชฺชาทิเกนา’’ติอาทิ ฯ ‘‘ปฎิวิชฺฌตี’’ติ อิมินา ปชานา ตีติ เอตฺถ ญาธาตุยา อวโพธนตฺถํ ทเสฺสติ, มารณโตสนาทิเก อเตฺถ นิวเตฺตติฯ อิตีติ ตสฺมา, วปยนฺตีติ โยชนาฯ

    ‘‘Kilesasantāpanaṭṭhenā’’ti iminā ābhuso kilese tāpetīti ātāpoti vacanatthaṃ dasseti. Na vīriyasāmaññaṃ hoti, atha kho sammappadhānavīriyamevāti āha ‘‘sammappadhānavīriyavato’’ti. Iminā ātāpīti ettha īpaccayassa vantuatthaṃ dasseti. Ārammaṇūpanijjhānalakkhaṇena cāti kasiṇādiārammaṇaṃ upagantvā nijjhānasabhāvena aṭṭhasamāpattisaṅkhātena jhānena ca. Lakkhaṇūpanijjhānalakkhaṇena cāti aniccādilakkhaṇaṃ upagantvā nijjhānasabhāvena vipassanāmaggaphalasaṅkhātena jhānena ca. ‘‘Bāhitapāpassā’’ti iminā bāhito aṇo pāpo anenāti brāhmaṇoti vacanatthaṃ dasseti. Aṇasaddo hi pāpapariyāyo. ‘‘Khīṇāsavassā’’ti iminā tassa sarūpaṃ dasseti. Athassāti atha assa, tasmiṃ kāle brāhmaṇassāti attho. Yā etā kaṅkhā vuttāti sambandho. ‘‘Ko nu kho…pe… avocā’’tiādinā (saṃ. ni. 2.12) nayena ca tathā ‘‘katamaṃ nu kho…pe… avocā’’tiādinā (saṃ. ni. 2.35) nayena ca paccayākāre vuttāti yojanā. No kallo pañhoti ayutto pañho, duppañho esoti attho. Tathāti evaṃ, tato aññathā vā. Yā ca soḷasa kaṅkhā (ma. ni. 1.18; saṃ. ni. 2.20) āgatāti sambandho. Apaṭividdhattā kaṅkhāti yojanā. Soḷasa kaṅkhāti atītavisayā pañca, anāgatavisayā pañca, paccuppannavisayā chāti soḷasavidhā kaṅkhā. Vapayantīti vi apayanti, ikāralopenāyaṃ sandhi. Vityūpasaggo dhātvatthānuvattako, apayanti – saddo apagamanatthoti āha ‘‘apagacchantī’’ti. ‘‘Nirujjhantī’’tiiminā apagamanatthameva pariyāyantarena dīpeti. ‘‘Kasmā’’ti iminā ‘‘yato pajānāti sahetudhamma’’nti vākyassa pubbavākyakāraṇabhāvaṃ dasseti. Sahetudhammanti ettha saha avijjādihetunāti sahetu, saṅkhārādiko paccayuppannadhammo. Sahetu ca so dhammo cāti sahetudhammoti vacanatthaṃ dassento āha ‘‘avijjādikenā’’tiādi . ‘‘Paṭivijjhatī’’ti iminā pajānā tīti ettha ñādhātuyā avabodhanatthaṃ dasseti, māraṇatosanādike atthe nivatteti. Itīti tasmā, vapayantīti yojanā.

    . ปจฺจยกฺขยสฺสาติ ปจฺจยานํ ขยฎฺฐานสฺส อสงฺขตสฺสาติ โยชนาฯ ตตฺราติ ทุติยอุทาเนฯ ขียนฺติ ปจฺจยา เอตฺถาติ ขยํ, นิพฺพานนฺติ อาห ‘‘ปจฺจยานํ ขยสงฺขาตํ นิพฺพาน’’นฺติฯ ‘‘อญฺญาสี’’ติ อิมินา อเวทีติ เอตฺถ วิทธาตุยา ญาณตฺถํ ทเสฺสติ, อนุภวนลาภาทิเก นิวเตฺตติฯ ตสฺมา วปยนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ วุตฺตปฺปการาติ ปฐมอุทาเน วุตฺตสทิสาฯ ธมฺมาติ โพธิปกฺขิยธมฺมา, จตุอริยสจฺจธมฺมา วาฯ

    2.Paccayakkhayassāti paccayānaṃ khayaṭṭhānassa asaṅkhatassāti yojanā. Tatrāti dutiyaudāne. Khīyanti paccayā etthāti khayaṃ, nibbānanti āha ‘‘paccayānaṃ khayasaṅkhātaṃ nibbāna’’nti. ‘‘Aññāsī’’ti iminā avedīti ettha vidadhātuyā ñāṇatthaṃ dasseti, anubhavanalābhādike nivatteti. Tasmā vapayantīti sambandho. Vuttappakārāti paṭhamaudāne vuttasadisā. Dhammāti bodhipakkhiyadhammā, catuariyasaccadhammā vā.

    . อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ สมฺพโนฺธฯ เยน มเคฺคน วิทิโตติ โยชนาฯ ตตฺราติ ตติยอุทาเนฯ โส พฺราหฺมโณ ติฎฺฐตีติ สมฺพโนฺธฯ เตหิ อุปฺปเนฺนหิ โพธิปกฺขิยธเมฺมหิ วา ยสฺส อริยมคฺคสฺส จตุสจฺจธมฺมา ปาตุภูตา, เตน อริยมเคฺคน วา วิธูปยนฺติ โยชนาฯ วุตฺตปฺปการนฺติ สุตฺตนิปาเต วุตฺตปฺปการํฯ มารเสนนฺติ กามาทิกํ ทสวิธํ มารเสนํฯ ‘‘วิธเมโนฺต’’ติอิมินา วิธูปยนฺติ เอตฺถ ธูปธาตุยา วิธมนตฺถํ ทเสฺสติ, ลิมฺปนตฺถาทโย นิวเตฺตติฯ ‘‘วิทฺธํ เสโนฺต’’ติอิมินา วิธเมโนฺตติ เอตฺถ ธมุธาตุยา ธํสนตฺถํ ทเสฺสติ, สทฺทตฺถาทโย นิวเตฺตติฯ ‘‘สูริโยว โอภาสย’’นฺติปทสฺส ‘‘สูริโย อิวา’’ติ อตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ยถา’’ติอาทิฯ สูริโยติ อาทิโจฺจฯ โส หิ ยสฺมา ปฐมกปฺปิกานํ สูรํ ชเนติ, ตสฺมา สูริโยติ วุจฺจติฯ อพฺภุคฺคโตติ อภิมุขํ อุทฺธํ อากาสํ คโต, อพฺภํ วา อากาสํ อุคฺคโตฯ อพฺภสโทฺท หิ อากาสปริยาโยฯ อากาโส หิ ยสฺมา อาภุโส ภาติ ทิปฺปติ, ตสฺมา ‘‘อพฺภ’’นฺติ วุจฺจติฯ อยํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ยถา สูริโย โอภาสยโนฺต ติฎฺฐติ, เอวํ พฺราหฺมโณ สจฺจานิ ปฎิวิชฺฌโนฺตฯ ยถา สูริโย อนฺธการํ วิธเมโนฺต ติฎฺฐติ, เอวํ พฺราหฺมโณ มารเสนมฺปิ วิธูปยโนฺตติฯ

    3. Imaṃ udānaṃ udānesīti sambandho. Yena maggena viditoti yojanā. Tatrāti tatiyaudāne. So brāhmaṇo tiṭṭhatīti sambandho. Tehi uppannehi bodhipakkhiyadhammehi vā yassa ariyamaggassa catusaccadhammā pātubhūtā, tena ariyamaggena vā vidhūpayanti yojanā. Vuttappakāranti suttanipāte vuttappakāraṃ. Mārasenanti kāmādikaṃ dasavidhaṃ mārasenaṃ. ‘‘Vidhamento’’tiiminā vidhūpayanti ettha dhūpadhātuyā vidhamanatthaṃ dasseti, limpanatthādayo nivatteti. ‘‘Viddhaṃ sento’’tiiminā vidhamentoti ettha dhamudhātuyā dhaṃsanatthaṃ dasseti, saddatthādayo nivatteti. ‘‘Sūriyova obhāsaya’’ntipadassa ‘‘sūriyo ivā’’ti atthaṃ dassento āha ‘‘yathā’’tiādi. Sūriyoti ādicco. So hi yasmā paṭhamakappikānaṃ sūraṃ janeti, tasmā sūriyoti vuccati. Abbhuggatoti abhimukhaṃ uddhaṃ ākāsaṃ gato, abbhaṃ vā ākāsaṃ uggato. Abbhasaddo hi ākāsapariyāyo. Ākāso hi yasmā ābhuso bhāti dippati, tasmā ‘‘abbha’’nti vuccati. Ayaṃ panettha opammasaṃsandanaṃ – yathā sūriyo obhāsayanto tiṭṭhati, evaṃ brāhmaṇo saccāni paṭivijjhanto. Yathā sūriyo andhakāraṃ vidhamento tiṭṭhati, evaṃ brāhmaṇo mārasenampi vidhūpayantoti.

    เอตฺถาติ เอเตสุ ตีสุ อุทาเนสุฯ ปฐมํ อุทานํ อุปฺปนฺนนฺติ สมฺพโนฺธฯ อิมิสฺสา ขนฺธกปาฬิยา อุทานปาฬิํ สํสนฺทโนฺต อาห ‘‘อุทาเน ปนา’’ติอาทิ ฯ อุทาเน ปน วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ นฺติ อุทาเน วุตฺตวจนํ, วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ อจฺจเยนาติ อติกฺกเมน, ตเมวตฺถํ วิภาเวโนฺต อาห ‘‘ตทา หี’’ติอาทิฯ ตทาติ ‘‘เสฺว อาสนา วุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ รตฺติํ อุปฺปาทิตมนสิการกาเลฯ ภควา มนสากาสีติ สมฺพโนฺธฯ ปุริมา เทฺว อุทานคาถา อานุภาวทีปิกา โหนฺตีติ โยชนาฯ ตสฺสาติ ปจฺจยาการปชานนปจฺจยกฺขยาธิคมสฺสฯ เอเกกเมวาติ อนุโลมปฎิโลเมสุ เอเกกเมวฯ ปฐมยามญฺจาติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ, นิรนฺตรํ ปฐมยามกาลนฺติ อโตฺถฯ อิธ ปนาติ อิมสฺมิํ ขนฺธเก ปนฯ ตเมวตฺถํ วิตฺถาเรโนฺต อาห ‘‘ภควา หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ภควา อุทาเนสีติ สมฺพโนฺธฯ วิสาขปุณฺณมายาติ วิสาขาย ยุตฺตาย ปุณฺณมายฯ ‘‘อรุโณ อุคฺคมิสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพสมเยติ สมฺพโนฺธฯ สพฺพญฺญุตนฺติ สพฺพญฺญุภาวํ, อนาวรณญาณนฺติ อโตฺถฯ ตโตติ อรุณุคฺคมนโตฯ ตํ ทิวสนฺติ ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนํ, ตสฺมิํ ทิวเสติ หิ อโตฺถฯ อจฺจนฺตสํโยเค วา, ตํ ทิวสํ กาลนฺติ หิ อโตฺถฯ เอวํ มนสิ กตฺวาติ ยถา ตํ ทิวสํ อนุโลมปฎิโลมํ มนสากาสิ, เอวํ มนสิ กตฺวาติ อโตฺถฯ อิตีติ เอวํฯ ‘‘โพธิรุกฺขมูเล…เป.… นิสีที’’ติ เอวํ วุตฺตํ ตํ สตฺตาหนฺติ โยชนาฯ ตเตฺถวาติ โพธิรุกฺขมูเลเยวฯ

    Etthāti etesu tīsu udānesu. Paṭhamaṃ udānaṃ uppannanti sambandho. Imissā khandhakapāḷiyā udānapāḷiṃ saṃsandanto āha ‘‘udāne panā’’tiādi . Udāne pana vuttanti sambandho. Tanti udāne vuttavacanaṃ, vuttanti sambandho. Accayenāti atikkamena, tamevatthaṃ vibhāvento āha ‘‘tadā hī’’tiādi. Tadāti ‘‘sve āsanā vuṭṭhahissāmī’’ti rattiṃ uppāditamanasikārakāle. Bhagavā manasākāsīti sambandho. Purimā dve udānagāthā ānubhāvadīpikā hontīti yojanā. Tassāti paccayākārapajānanapaccayakkhayādhigamassa. Ekekamevāti anulomapaṭilomesu ekekameva. Paṭhamayāmañcāti accantasaṃyoge upayogavacanaṃ, nirantaraṃ paṭhamayāmakālanti attho. Idha panāti imasmiṃ khandhake pana. Tamevatthaṃ vitthārento āha ‘‘bhagavā hī’’tiādi. Tattha bhagavā udānesīti sambandho. Visākhapuṇṇamāyāti visākhāya yuttāya puṇṇamāya. ‘‘Aruṇo uggamissatī’’ti vattabbasamayeti sambandho. Sabbaññutanti sabbaññubhāvaṃ, anāvaraṇañāṇanti attho. Tatoti aruṇuggamanato. Taṃ divasanti bhummatthe upayogavacanaṃ, tasmiṃ divaseti hi attho. Accantasaṃyoge vā, taṃ divasaṃ kālanti hi attho. Evaṃ manasi katvāti yathā taṃ divasaṃ anulomapaṭilomaṃ manasākāsi, evaṃ manasi katvāti attho. Itīti evaṃ. ‘‘Bodhirukkhamūle…pe… nisīdī’’ti evaṃ vuttaṃ taṃ sattāhanti yojanā. Tatthevāti bodhirukkhamūleyeva.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑. โพธิกถา • 1. Bodhikathā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / โพธิกถา • Bodhikathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / โพธิกถาวณฺณนา • Bodhikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / โพธิกถาวณฺณนา • Bodhikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / โพธิกถาวณฺณนา • Bodhikathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact