Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    มหาวคฺควณฺณนา

    Mahāvaggavaṇṇanā

    ๑. มหาขนฺธกวณฺณนา

    1. Mahākhandhakavaṇṇanā

    โพธิกถาวณฺณนา

    Bodhikathāvaṇṇanā

    ยํ ขนฺธเก ลีนปทาทิเภท-ปกาสนํ ทานิ สุปตฺตกาลํ;

    Yaṃ khandhake līnapadādibheda-pakāsanaṃ dāni supattakālaṃ;

    ตสฺมา อปุพฺพํ วินยตฺถเมว, วกฺขามิ สเงฺขปคหณตฺถํฯ

    Tasmā apubbaṃ vinayatthameva, vakkhāmi saṅkhepagahaṇatthaṃ.

    ตตฺถ เกนเฎฺฐนายํ ขนฺธโกติ? ขนฺธานํ สมูหตฺตา วิภโงฺค วิยฯ เต ปน กถนฺติ? ขนฺธานํ ปกาสนโต ทีปนโตฯ ขนฺธาติ เจตฺถ ปพฺพชฺชาทิวินยกมฺมสงฺขาตา, จาริตฺตวาริตฺตสิกฺขาปทสงฺขาตา จ ปญฺญตฺติโย อธิเปฺปตาฯ ปพฺพชฺชาทีนิ หิ ภควตา ปญฺญตฺตตฺตา ‘‘ปญฺญตฺติโย’’ติ วุจฺจนฺติฯ ปญฺญตฺติยญฺจ ขนฺธ-สโทฺท ทิสฺสติ ‘‘ทารุกฺขโนฺธ อคฺคิกฺขโนฺธ อุทกกฺขโนฺธ’’ติอาทีสุ วิยฯ เตสํ ปญฺญตฺติสงฺขาตานํ ขนฺธานํ ปกาสนโต วณฺณนโต ปพฺพชฺชกฺขนฺธกาทโย วีสติ ‘‘ขนฺธกา’’ติ วุตฺตา, อวสาเน เทฺว ตํสทิสตฺตา เวลาย สทิสตฺตา สีลสฺส เวลาติ วจนํ วิยฯ อปิจ ภาคราสตฺถตาเปตฺถ ยุชฺชเต เตสํ ปญฺญตฺตีนํ ภาคโต จ ราสิโต จ วิภตฺตตฺตาฯ กิํ ปเนเตสํ ขนฺธกานํ อนุปุพฺพการณนฺติ? นายํ ปุจฺฉา สมฺภวติ, อญฺญถา วุเตฺตสุปิ ตปฺปสงฺคานติกฺกมนโตฯ อถ วา ปพฺพชฺชุปสมฺปทาปุพฺพงฺคมตฺตา สาสนปฺปเวสนสฺส ตทตฺถสงฺคหโก มหาขนฺธโก ปฐมํ วุโตฺตฯ เกนาติ เจ? ธมฺมสงฺคาหกเตฺถเรหิฯ ภควตา ปน ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปนฺนวตฺถุํ ปฎิจฺจ ตถา ตถา วุตฺตานิ, น อิมินา อนุกฺกเมนฯ เถรา ปน ตํ ตํ ปโยชนํ ปฎิจฺจ สมานชาติเก เอกชฺฌํ กตฺวา อนุกฺกเมน สชฺฌายิํสุฯ เสสานํ ปโยชนํ ตตฺถ ตเตฺถว อาวิ ภวิสฺสติฯ

    Tattha kenaṭṭhenāyaṃ khandhakoti? Khandhānaṃ samūhattā vibhaṅgo viya. Te pana kathanti? Khandhānaṃ pakāsanato dīpanato. Khandhāti cettha pabbajjādivinayakammasaṅkhātā, cārittavārittasikkhāpadasaṅkhātā ca paññattiyo adhippetā. Pabbajjādīni hi bhagavatā paññattattā ‘‘paññattiyo’’ti vuccanti. Paññattiyañca khandha-saddo dissati ‘‘dārukkhandho aggikkhandho udakakkhandho’’tiādīsu viya. Tesaṃ paññattisaṅkhātānaṃ khandhānaṃ pakāsanato vaṇṇanato pabbajjakkhandhakādayo vīsati ‘‘khandhakā’’ti vuttā, avasāne dve taṃsadisattā velāya sadisattā sīlassa velāti vacanaṃ viya. Apica bhāgarāsatthatāpettha yujjate tesaṃ paññattīnaṃ bhāgato ca rāsito ca vibhattattā. Kiṃ panetesaṃ khandhakānaṃ anupubbakāraṇanti? Nāyaṃ pucchā sambhavati, aññathā vuttesupi tappasaṅgānatikkamanato. Atha vā pabbajjupasampadāpubbaṅgamattā sāsanappavesanassa tadatthasaṅgahako mahākhandhako paṭhamaṃ vutto. Kenāti ce? Dhammasaṅgāhakattherehi. Bhagavatā pana tattha tattha uppannavatthuṃ paṭicca tathā tathā vuttāni, na iminā anukkamena. Therā pana taṃ taṃ payojanaṃ paṭicca samānajātike ekajjhaṃ katvā anukkamena sajjhāyiṃsu. Sesānaṃ payojanaṃ tattha tattheva āvi bhavissati.

    ขนฺธโกวิทาติ ปญฺญตฺติภาคราสเฎฺฐน เนสํ ขนฺธตฺถโกวิทา, นิรุตฺติปฎิสมฺภิทาปารปฺปตฺตาติ อโตฺถฯ เตสํ อนุตฺตานตฺถานํ ปทานํ สํวณฺณนาฯ กสฺมา ปเนวํ วิเสสิตนฺติ? ตโต เสสภาคา ยุตฺตาฯ มาติกาฎฺฐุปฺปตฺติคฺคหณเมฺปตฺถ ปทภาชนิยคฺคหเณเนว เวทิตพฺพํฯ เยหิ อตฺถา เยสํ ปทวิเสสานํ อฎฺฐกถายํ ปกาสิตา, เตสํ เต ปทวิเสเส ปุน อิธ วเทยฺยาม, วณฺณนาย ปริโยสานํ กทา ภเว เต เต อเตฺถติ วุตฺตํ, ตํ ตสฺส นิเทฺทเสน ยุชฺชติฯ อุตฺตานา เจว ยา ปาฬิ, ตสฺสา สํวณฺณนาย กินฺติ วตฺตพฺพํ? น หิ อตฺถา อุตฺตานาติ สมฺภวติฯ อธิปฺปายานุสนฺธีหีติอาทิวจเนหิปิ ตํ วจนํ สมฺภวตีติ เจ? น, อตฺถคฺคหเณน เจตฺถ ปทวิเสสานํ คหิตตฺตาฯ เต หิ อตฺถโต อนเปตเตฺถน, อภิธานเตฺถน วา อโตฺถปจาเรน วา อตฺถาติ เวทิตพฺพาฯ สํวณฺณนานโยติ สํวณฺณนา นาม อวุเตฺตสุ อุหาโปหกฺกมนิทสฺสนโต ‘‘นโย’’ติ วุโตฺตฯ

    Khandhakovidāti paññattibhāgarāsaṭṭhena nesaṃ khandhatthakovidā, niruttipaṭisambhidāpārappattāti attho. Tesaṃ anuttānatthānaṃ padānaṃ saṃvaṇṇanā. Kasmā panevaṃ visesitanti? Tato sesabhāgā yuttā. Mātikāṭṭhuppattiggahaṇampettha padabhājaniyaggahaṇeneva veditabbaṃ. Yehi atthā yesaṃ padavisesānaṃ aṭṭhakathāyaṃ pakāsitā, tesaṃ te padavisese puna idha vadeyyāma, vaṇṇanāya pariyosānaṃ kadā bhave te te attheti vuttaṃ, taṃ tassa niddesena yujjati. Uttānā ceva yā pāḷi, tassā saṃvaṇṇanāya kinti vattabbaṃ? Na hi atthā uttānāti sambhavati. Adhippāyānusandhīhītiādivacanehipi taṃ vacanaṃ sambhavatīti ce? Na, atthaggahaṇena cettha padavisesānaṃ gahitattā. Te hi atthato anapetatthena, abhidhānatthena vā atthopacārena vā atthāti veditabbā. Saṃvaṇṇanānayoti saṃvaṇṇanā nāma avuttesu uhāpohakkamanidassanato ‘‘nayo’’ti vutto.

    . อุรุเวลาติ ยถาวุตฺตวาลิกราสิวเสน ลทฺธนามโก คาโม, ตสฺมา สมีปเตฺถ เอตํ ภุมฺมํฯ ตถาภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘นชฺชา เนรญฺชราย ตีเร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อญฺญถา ตสฺมิํ วาลิกราสิมฺหิ วิหรตีติ อาปชฺชติ, ‘‘อุรุเวลํ ปิณฺฑาย ปาวิสีติ เยน อุรุเวลเสนานิคโม’’ติอาทิวจนวิโรโธ จฯ อฎฺฐกถายํ ปน มูลการณเมว ทสฺสิตํฯ ตตฺถ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ…เป.… ทฎฺฐโพฺพติ นิคมนวจนํฯ ตํ กิมตฺถนฺติ เจ? คามํ สนฺธาย ยถาวุตฺตปทตฺถสมฺภวทสฺสนตฺถํฯ ‘‘โส ปน คาโม ตทุปจาเรน เอวํ นามํ ลภตี’’ติ วจนํ ปน อวุตฺตสิทฺธนฺติ กตฺวา น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, อถ วา ยสฺส ‘‘อุรุเวลา’’ติ ยถาวุตฺตวาลิกราสิสฺส, ตสฺส สมีปคามสฺสปิ นามํฯ ตตฺถ อายสฺมา อุปาลิเตฺถโร น อิธ คามํ สนฺธาย ‘‘อุรุเวลายํ วิหรตี’’ติ อาห โคจรคามปโยชนาภาวโตฯ น หิ ภควา ตํ คามํ โคจรํ กตฺวา ตทา ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺมา เอตฺถ วาลิกราสิสฺส สมีเป โพธิรุกฺขมูเล วิหารํ สนฺธาย โส เอวมาหาติ ทเสฺสตุกาโม อฎฺฐกถาจริโย เอวมาหาติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ภควโต คามโต ทูรตเร อรเญฺญ อภิสโมฺพธิทีปเนน ทุติยุปฺปตฺติฎฺฐานนิยมํ ตีหิ ปเทหิ อกาสิ เถโรติ เวทิตพฺพํ, อญฺญถา ปทตฺตยวจนปโยชนาภาวโตฯ ตตฺถ นทนฺตา คจฺฉตีติ นทีฯ เนลญฺชลายาติ วตฺตเพฺพ -การสฺส -การํ กตฺวา ‘‘เนรญฺชรายา’’ติ วุตฺตํ, กทฺทมเสวาลวิรหิตตฺตา นิโทฺทสชลายาติ อโตฺถ, นีลชลายาติ ตสฺสา นามเมว วา เอตํฯ

    1.Uruvelāti yathāvuttavālikarāsivasena laddhanāmako gāmo, tasmā samīpatthe etaṃ bhummaṃ. Tathābhāvadassanatthaṃ ‘‘najjā nerañjarāya tīre’’tiādi vuttaṃ. Aññathā tasmiṃ vālikarāsimhi viharatīti āpajjati, ‘‘uruvelaṃ piṇḍāya pāvisīti yena uruvelasenānigamo’’tiādivacanavirodho ca. Aṭṭhakathāyaṃ pana mūlakāraṇameva dassitaṃ. Tattha taṃ sandhāya vuttaṃ…pe… daṭṭhabboti nigamanavacanaṃ. Taṃ kimatthanti ce? Gāmaṃ sandhāya yathāvuttapadatthasambhavadassanatthaṃ. ‘‘So pana gāmo tadupacārena evaṃ nāmaṃ labhatī’’ti vacanaṃ pana avuttasiddhanti katvā na vuttanti veditabbaṃ, atha vā yassa ‘‘uruvelā’’ti yathāvuttavālikarāsissa, tassa samīpagāmassapi nāmaṃ. Tattha āyasmā upālitthero na idha gāmaṃ sandhāya ‘‘uruvelāyaṃ viharatī’’ti āha gocaragāmapayojanābhāvato. Na hi bhagavā taṃ gāmaṃ gocaraṃ katvā tadā tattha vihāsi, tasmā ettha vālikarāsissa samīpe bodhirukkhamūle vihāraṃ sandhāya so evamāhāti dassetukāmo aṭṭhakathācariyo evamāhāti veditabbaṃ, tasmā bhagavato gāmato dūratare araññe abhisambodhidīpanena dutiyuppattiṭṭhānaniyamaṃ tīhi padehi akāsi theroti veditabbaṃ, aññathā padattayavacanapayojanābhāvato. Tattha nadantā gacchatīti nadī. Nelañjalāyāti vattabbe la-kārassa ra-kāraṃ katvā ‘‘nerañjarāyā’’ti vuttaṃ, kaddamasevālavirahitattā niddosajalāyāti attho, nīlajalāyāti tassā nāmameva vā etaṃ.

    โพธิรุกฺขมูเลติ เอตฺถ จ โพธิ วุจฺจติ อภิสโมฺพโธฯ โส จ อตฺถโต ภควโต จตุตฺถมคฺคญาณํ โหติ ‘‘วิโมกฺขนฺติกเมตํ นาม’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๖๒) ปฎิสมฺภิทาวจนโตฯ กิญฺจาปิ ตํ นามกรณภูตํ จตุตฺถผลญาณมฺปิ วตฺตุํ สมฺภวติ, กตฺตพฺพกิจฺจานํ ปน กรณโต ตํ จตุตฺถมคฺคญาณเมว เอตฺถ โพธีติ เวทิตพฺพํฯ เตเนว ปาฬิยํ ‘‘ตติยวิชฺชาย อาสวานํ ขยญาณายา’’ติ ตเทว ทสฺสิตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘โพชฺฌงฺคา’’ติ, ‘‘โพธิปกฺขิยา ธมฺมา’’ติ จฯ ตตฺถ ยสฺมา จตูสุ มเคฺคสุ ญาณํ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา สามญฺญโต วตฺตุกามตาธิปฺปายวเสน ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มเคฺคสุ ญาณ’’นฺติ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิเทฺทส ๑๒๑) วุตฺตํ อิธาธิเปฺปตญาณสฺสปิ ตทโนฺตคธตฺตาฯ อถ วา ปาฬิยํ ภควโต อาทิมคฺคตฺตยวจนสฺส วุตฺตฎฺฐานาภาวา จตุตฺถมคฺคญาณเมว ภควโต อุปฺปนฺนํ, น ภควา โสตาปนฺนาทิภาวํ ปตฺวา พุโทฺธ ชาโตติ สมยนฺตรปฺปสงฺคนิวารณตฺถํ ‘‘จตูสู’’ติ วุตฺตํ อาทิตฺตยสฺส จตุตฺถอุปนิสฺสยสมฺภเวน โพธิปริยายสิทฺธิโตฯ ‘‘ปุคฺคโลปิ เสนาสนมฺปิ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๙ ปจฺจยนิเทฺทส) วจนโต ผลเหตุโก ผลชนโก รุโกฺข ผลรุโกฺขติ วิย โพธิเหตุรุโกฺข โพธิรุโกฺขติ เวทิตโพฺพฯ เอตฺถ ‘‘ยสฺมา เกวลํ โพธีติ รุกฺขสฺสปิ นามํ, ตสฺมา โพธี’’ติ ปรโต วุตฺตํฯ นิโคฺรธาทิรุกฺขโต อสฺส วิเสสนวจนํ ปน ตทญฺญโพธิมูลปฺปสงฺคนิวารณตฺถํฯ มคฺคญาณญฺหิ กุสลมูลตฺตา โพธิ จ ตํ มูลญฺจาติ สงฺขฺยํ ลเภยฺยฯ ปฐมาภิสมฺพุโทฺธ นิสีทตีติ สมฺพโนฺธฯ เตน อภิสมฺพุทฺธทิวเสน สทฺธิํ อฎฺฐาหํ เอกปลฺลเงฺกน นิสินฺนภาวํ ทเสฺสติฯ เอตฺถ เอก-สโทฺท ตสฺส นิสชฺชาสงฺขาตสฺส ปพฺพชฺชานุโยคานุรูปสฺส ปลฺลงฺกสฺส อเญฺญน อิริยาปเถน อนนฺตริยภาวํ อถสฺส อโกปิตภาวํ ทเสฺสติฯ วิมุตฺติสุขนฺติ เอตฺถ วิมุตฺติยํ วา สุขนฺติ น สมฺภวติฯ ปญฺจมชฺฌานิกตฺตา ภควโต ผลสมาปตฺติสงฺขาตา วิมุตฺติ เอว อนุชงฺฆนเฎฺฐน นิพฺพานสุขนฺติ วิมุตฺติสุขํ, ตํ สมาปชฺชเนน ปฎิสํเวที อนุภวโนฺต นิสีทิฯ เวเนยฺยกาลานติกฺกมนโต ตํ อเปกฺขมาโน นิสีทิ, น วิมุตฺติสุขสเงฺคนฯ

    Bodhirukkhamūleti ettha ca bodhi vuccati abhisambodho. So ca atthato bhagavato catutthamaggañāṇaṃ hoti ‘‘vimokkhantikametaṃ nāma’’nti (paṭi. ma. 1.162) paṭisambhidāvacanato. Kiñcāpi taṃ nāmakaraṇabhūtaṃ catutthaphalañāṇampi vattuṃ sambhavati, kattabbakiccānaṃ pana karaṇato taṃ catutthamaggañāṇameva ettha bodhīti veditabbaṃ. Teneva pāḷiyaṃ ‘‘tatiyavijjāya āsavānaṃ khayañāṇāyā’’ti tadeva dassitaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘bojjhaṅgā’’ti, ‘‘bodhipakkhiyā dhammā’’ti ca. Tattha yasmā catūsu maggesu ñāṇaṃ ‘‘bodhī’’ti vuccati, tasmā sāmaññato vattukāmatādhippāyavasena ‘‘bodhi vuccati catūsu maggesu ñāṇa’’nti (cūḷani. khaggavisāṇasuttaniddesa 121) vuttaṃ idhādhippetañāṇassapi tadantogadhattā. Atha vā pāḷiyaṃ bhagavato ādimaggattayavacanassa vuttaṭṭhānābhāvā catutthamaggañāṇameva bhagavato uppannaṃ, na bhagavā sotāpannādibhāvaṃ patvā buddho jātoti samayantarappasaṅganivāraṇatthaṃ ‘‘catūsū’’ti vuttaṃ ādittayassa catutthaupanissayasambhavena bodhipariyāyasiddhito. ‘‘Puggalopi senāsanampi upanissayapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.9 paccayaniddesa) vacanato phalahetuko phalajanako rukkho phalarukkhoti viya bodhiheturukkho bodhirukkhoti veditabbo. Ettha ‘‘yasmā kevalaṃ bodhīti rukkhassapi nāmaṃ, tasmā bodhī’’ti parato vuttaṃ. Nigrodhādirukkhato assa visesanavacanaṃ pana tadaññabodhimūlappasaṅganivāraṇatthaṃ. Maggañāṇañhi kusalamūlattā bodhi ca taṃ mūlañcāti saṅkhyaṃ labheyya. Paṭhamābhisambuddho nisīdatīti sambandho. Tena abhisambuddhadivasena saddhiṃ aṭṭhāhaṃ ekapallaṅkena nisinnabhāvaṃ dasseti. Ettha eka-saddo tassa nisajjāsaṅkhātassa pabbajjānuyogānurūpassa pallaṅkassa aññena iriyāpathena anantariyabhāvaṃ athassa akopitabhāvaṃ dasseti. Vimuttisukhanti ettha vimuttiyaṃ vā sukhanti na sambhavati. Pañcamajjhānikattā bhagavato phalasamāpattisaṅkhātā vimutti eva anujaṅghanaṭṭhena nibbānasukhanti vimuttisukhaṃ, taṃ samāpajjanena paṭisaṃvedī anubhavanto nisīdi. Veneyyakālānatikkamanato taṃ apekkhamāno nisīdi, na vimuttisukhasaṅgena.

    อถ โขติ อธิการนฺตรารเมฺภ นิปาตทฺวยํฯ เตน วิมุตฺติสุขํ ปฎิสํเวทยมาโน น ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ มนสากาสิ, กินฺตุ ตโต วุฎฺฐายาติ ทเสฺสติ ฯ ปฎิเวธวเสเนว สุมนสิกตสฺส ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปุนปฺปุนํ มนสิกรณํ คมฺภีรตฺตา อสฺสาทชนนโต, น อปุพฺพนยทสฺสนาธิปฺปายโตฯ ปจฺจกฺขภูตสพฺพธมฺมตฺตา ภควโต อสโมฺมหโต, ปฎิวิทฺธสฺส วิสยโต วา มนสิกรณํ ปน วิชิตเทสปจฺจเวกฺขณํ วิย รโญฺญ อปุพฺพํ ปีติํ ชเนติฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติ (ธ. ป. ๓๗๓)ฯ รตฺติยา ปฐมํ ยามนฺติ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํ, เตน ตสฺส วิกปฺปนานตฺตตํ ทเสฺสติฯ กิญฺจาปิ ‘‘อนุโลมปฎิโลมํ มนสากาสี’’ติ เอกโตว วุตฺตํ, ตถาปิ อิมินา อนุกฺกเมนาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติอาทิฯ ตตฺถ จ กิญฺจาปิ ปวตฺติมตฺตปจฺจเวกฺขณา อธิเปฺปตา กถํ ปญฺญายตีติ? ปฐมภาวาย, ปฎิโลมมนสิกรณํ ปน อนุโลเม ปจฺจยานํ, ปจฺจยุปฺปนฺนานญฺจ ตถาภาวสาธนตฺถํฯ ยสฺมา อวิชฺชาย เอว นิโรธา สงฺขารนิโรโธ, น อญฺญถา, ตสฺมา สงฺขารานํ อวิชฺชา ปจฺจโย, ตสฺสา จ สงฺขารา ผลนฺติ ทีปนโตฯ ตถา นิพฺพานปจฺจเวกฺขณาย อนุโลมมนสิกรณํ การณนิโรธา ผลนิโรธสาธนตฺถํฯ เอตฺถ จ อนุภาวโต นิพฺพานํ ทสฺสิตํฯ น หิ ตํ อวิชฺชาทินิโรธมตฺตนฺติฯ ตตฺถ ‘‘ยโต ขยํ ปจฺจยานํ อเวที’’ติ วจเนน อนุโลโม นาธิเปฺปโตติ สิทฺธํฯ มคฺคปจฺจเวกฺขณาย วตฺตพฺพํ นตฺถิ, อุภยตฺถปิ กิจฺจโต, อารมฺมณโต จ ตสฺส มคฺคสฺส วิสยโต จ ตตฺถ มโคฺค ทสฺสิโตฯ

    Atha khoti adhikārantarārambhe nipātadvayaṃ. Tena vimuttisukhaṃ paṭisaṃvedayamāno na paṭiccasamuppādaṃ manasākāsi, kintu tato vuṭṭhāyāti dasseti . Paṭivedhavaseneva sumanasikatassa paṭiccasamuppādassa punappunaṃ manasikaraṇaṃ gambhīrattā assādajananato, na apubbanayadassanādhippāyato. Paccakkhabhūtasabbadhammattā bhagavato asammohato, paṭividdhassa visayato vā manasikaraṇaṃ pana vijitadesapaccavekkhaṇaṃ viya rañño apubbaṃ pītiṃ janeti. Vuttañhi ‘‘amānusī ratī hoti, sammā dhammaṃ vipassato’’ti (dha. pa. 373). Rattiyā paṭhamaṃ yāmanti accantasaṃyogavasena upayogavacanaṃ, tena tassa vikappanānattataṃ dasseti. Kiñcāpi ‘‘anulomapaṭilomaṃ manasākāsī’’ti ekatova vuttaṃ, tathāpi iminā anukkamenāti dassanatthaṃ ‘‘avijjāpaccayā’’tiādi. Tattha ca kiñcāpi pavattimattapaccavekkhaṇā adhippetā kathaṃ paññāyatīti? Paṭhamabhāvāya, paṭilomamanasikaraṇaṃ pana anulome paccayānaṃ, paccayuppannānañca tathābhāvasādhanatthaṃ. Yasmā avijjāya eva nirodhā saṅkhāranirodho, na aññathā, tasmā saṅkhārānaṃ avijjā paccayo, tassā ca saṅkhārā phalanti dīpanato. Tathā nibbānapaccavekkhaṇāya anulomamanasikaraṇaṃ kāraṇanirodhā phalanirodhasādhanatthaṃ. Ettha ca anubhāvato nibbānaṃ dassitaṃ. Na hi taṃ avijjādinirodhamattanti. Tattha ‘‘yato khayaṃ paccayānaṃ avedī’’ti vacanena anulomo nādhippetoti siddhaṃ. Maggapaccavekkhaṇāya vattabbaṃ natthi, ubhayatthapi kiccato, ārammaṇato ca tassa maggassa visayato ca tattha maggo dassito.

    ตตฺถาห – ‘‘ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ ปฎิโลมํ มนสากาสี’’ติ น ยุชฺชติ, น หิ ปฎิโลมาปเทเสน นิทฺทิฎฺฐํ นิพฺพานํ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท ภวิตุมรหตีติ? วุจฺจเต – น, ตทตฺถชานนโตฯ อนุโลมปฎิโลมนฺติ หิ ภาวนปุํสกํฯ อนุโลมโต, ปฎิโลมโต จ ตํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ มนสากาสีติ หิ ตตฺถ อโตฺถฯ อญฺญถา นิโรธสฺส ปฎิโลมปฺปสงฺคาปตฺติเยวาปชฺชติฯ ปฎิโลเม จ ปเนตสฺมิํ อนุกฺกมนิยโม อนุโลเม อนุกฺกมนิยมโต สิโทฺธติ เวทิตพฺพํฯ เอวํ สติ ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปฎิโลโม นาม อปฎิจฺจสมุปฺปาโทติ สิทฺธํ โหติฯ เตน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหตี’’ติอาทิฯ เอวํ สเนฺต ปุพฺพาปรวิโรโธ โหติฯ กถํ? ปฎิจฺจาติ หิ อิมินา ผลสฺส ปจฺจยปริคฺคเหน, ปจฺจยานญฺจ ปจฺจยายตฺตุปคมเนน ตสฺส อุปฺปาทาภิมุขภาวทีปนโต อสมุปฺปาโท น สมฺภวติ, ตสฺมา อปฎิจฺจสมุปฺปาโทติ เอวํ อุภยปฎิเกฺขเปน ปนสฺส ปฎิโลมตา เวทิตพฺพาติ เอเกฯ ตํ อยุตฺตํ ตสฺส อนุโลมภาวนิยมนโต, อตฺถาติสยาภาวโต, ตสฺมา อปฺปฎิจฺจสมุปฺปาโท ตสฺส ปฎิโลโมติ เวทิตพฺพํฯ เตเนว ภควตา ปาฬิยํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนนิโรโธ วุโตฺตฯ ตตฺถ หิ ‘‘อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา’’ติ เอวํ ปจฺจยสฺส สมุจฺฉินฺนปจฺจยภาววเสน ปจฺจยนิโรธํ, ผลสฺส ปจฺจยปฎิคฺคหาภาววเสน ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธญฺจ ทีเปติฯ ทุวิโธ ปาฬิยํ นิโรโธ อตฺถโต อนุปฺปาโท นาม โหตีติ กตฺวา อฎฺฐกถายํ ‘‘นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหตี’’ติ วุตฺตํฯ เอวํ สเนฺต นิพฺพานํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ นิโรธมตฺตนฺติ อาปชฺชตีติ เจ? น, ตสฺสานุภาวทีปนาธิปฺปายโตฯ วิทิตเวลายนฺติ มนสิกตเวลายนฺติ อโตฺถ, อญฺญถา ตโต ปุเพฺพ อวิทิตปฺปสงฺคโตฯ

    Tatthāha – ‘‘paṭiccasamuppādaṃ paṭilomaṃ manasākāsī’’ti na yujjati, na hi paṭilomāpadesena niddiṭṭhaṃ nibbānaṃ paṭiccasamuppādo bhavitumarahatīti? Vuccate – na, tadatthajānanato. Anulomapaṭilomanti hi bhāvanapuṃsakaṃ. Anulomato, paṭilomato ca taṃ paṭiccasamuppādaṃ manasākāsīti hi tattha attho. Aññathā nirodhassa paṭilomappasaṅgāpattiyevāpajjati. Paṭilome ca panetasmiṃ anukkamaniyamo anulome anukkamaniyamato siddhoti veditabbaṃ. Evaṃ sati paṭiccasamuppādassa paṭilomo nāma apaṭiccasamuppādoti siddhaṃ hoti. Tena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘nirodho hotīti anuppādo hotī’’tiādi. Evaṃ sante pubbāparavirodho hoti. Kathaṃ? Paṭiccāti hi iminā phalassa paccayapariggahena, paccayānañca paccayāyattupagamanena tassa uppādābhimukhabhāvadīpanato asamuppādo na sambhavati, tasmā apaṭiccasamuppādoti evaṃ ubhayapaṭikkhepena panassa paṭilomatā veditabbāti eke. Taṃ ayuttaṃ tassa anulomabhāvaniyamanato, atthātisayābhāvato, tasmā appaṭiccasamuppādo tassa paṭilomoti veditabbaṃ. Teneva bhagavatā pāḷiyaṃ paccayapaccayuppannanirodho vutto. Tattha hi ‘‘avijjāya tveva asesavirāganirodhā’’ti evaṃ paccayassa samucchinnapaccayabhāvavasena paccayanirodhaṃ, phalassa paccayapaṭiggahābhāvavasena paccayuppannanirodhañca dīpeti. Duvidho pāḷiyaṃ nirodho atthato anuppādo nāma hotīti katvā aṭṭhakathāyaṃ ‘‘nirodho hotīti anuppādo hotī’’ti vuttaṃ. Evaṃ sante nibbānaṃ paccayapaccayuppannānaṃ nirodhamattanti āpajjatīti ce? Na, tassānubhāvadīpanādhippāyato. Viditavelāyanti manasikatavelāyanti attho, aññathā tato pubbe aviditappasaṅgato.

    ฌายโตติ เอตฺถ กามํ ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌายโต โพธิปกฺขิยธมฺมา ปาตุภวนฺติ, จตุอริยสจฺจธมฺมา วา ปกาสนฺติ, ตถาปิ ปุพฺพภาเค สมถาทิยานิกวิภาคทสฺสนตฺถํ อารมฺมณูปนิชฺฌานคฺคหณํฯ จตุสจฺจธมฺมคฺคหณํ กามํ อนุโลมปฎิจฺจสมุปฺปาททสฺสนาธิกาเรน วิรุชฺฌติ, ตถาปิ ‘‘โย ทุกฺขํ ปริชานาติ, โส สมุทยํ ปชหตี’’ติ ลทฺธิวเสน กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Jhāyatoti ettha kāmaṃ lakkhaṇūpanijjhānena jhāyato bodhipakkhiyadhammā pātubhavanti, catuariyasaccadhammā vā pakāsanti, tathāpi pubbabhāge samathādiyānikavibhāgadassanatthaṃ ārammaṇūpanijjhānaggahaṇaṃ. Catusaccadhammaggahaṇaṃ kāmaṃ anulomapaṭiccasamuppādadassanādhikārena virujjhati, tathāpi ‘‘yo dukkhaṃ parijānāti, so samudayaṃ pajahatī’’ti laddhivasena katanti veditabbaṃ.

    . ‘‘ปจฺจยกฺขยสฺสา’’ติ กิจฺจปริยายวเสน วุตฺตํฯ เตน ปจฺจยนิพฺพานํ, ตทุปนิสฺสยนิพฺพานญฺจาติ ทุวิธํ นิพฺพานํ ทสฺสิตํ โหตีติฯ กามญฺจ ตํ น เกวลํ ปจฺจยกฺขยมตฺตํ กโรติ, อถ โข ปจฺจยุปฺปนฺนกฺขยมฺปิ กโรติฯ ยโต อุภินฺนมฺปิ นิโรโธ ทสฺสิโต, ตถาปิ เหตุนิโรธา ผลนิโรโธติ กตฺวา ‘‘ปจฺจยกฺขยสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ วุตฺตปฺปการา ธมฺมาติ เอตฺถ จตุสจฺจคฺคหณํ ปฐมคาถายํ วุตฺตนยวิปลฺลาเสน กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    2.‘‘Paccayakkhayassā’’ti kiccapariyāyavasena vuttaṃ. Tena paccayanibbānaṃ, tadupanissayanibbānañcāti duvidhaṃ nibbānaṃ dassitaṃ hotīti. Kāmañca taṃ na kevalaṃ paccayakkhayamattaṃ karoti, atha kho paccayuppannakkhayampi karoti. Yato ubhinnampi nirodho dassito, tathāpi hetunirodhā phalanirodhoti katvā ‘‘paccayakkhayassā’’ti vuttaṃ. Vuttappakārā dhammāti ettha catusaccaggahaṇaṃ paṭhamagāthāyaṃ vuttanayavipallāsena katanti veditabbaṃ.

    . สมุทยนิโรธสงฺขาโต อโตฺถติ เอตฺถ สมุทโย กิจฺจวเสน, นิโรโธ อารมฺมณกิริยายฯ เอเตน ทฺวิปฺปการา นิโรธา ทสฺสิตา โหนฺติ ตสฺส อนุภาวสฺส วเสนาติ อโตฺถฯ ยสฺมา ปลฺลงฺกาภุชิตฎฺฐานญฺจ ‘‘ปลฺลโงฺก’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ผลาธิคมฎฺฐานํ ‘‘ปลฺลงฺก’’นฺติ วุตฺตํฯ

    3.Samudayanirodhasaṅkhāto atthoti ettha samudayo kiccavasena, nirodho ārammaṇakiriyāya. Etena dvippakārā nirodhā dassitā honti tassa anubhāvassa vasenāti attho. Yasmā pallaṅkābhujitaṭṭhānañca ‘‘pallaṅko’’ti vuccati, tasmā phalādhigamaṭṭhānaṃ ‘‘pallaṅka’’nti vuttaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑. โพธิกถา • 1. Bodhikathā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / โพธิกถา • Bodhikathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / โพธิกถาวณฺณนา • Bodhikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / โพธิกถาวณฺณนา • Bodhikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. โพธิกถา • 1. Bodhikathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact