Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    มหาวคฺควณฺณนา

    Mahāvaggavaṇṇanā

    ๑. มหาขนฺธโก

    1. Mahākhandhako

    โพธิกถาวณฺณนา

    Bodhikathāvaṇṇanā

    มหาวเคฺค อุภินฺนํ ปาติโมกฺขานนฺติ อุภินฺนํ ปาติโมกฺขวิภงฺคานํฯ ยํ ขนฺธกํ สงฺคายิํสูติ สมฺพโนฺธฯ ขนฺธานํ สมูโห, ขนฺธานํ วา ปกาสนโต ขนฺธโกฯ ขนฺธาติ เจตฺถ ปพฺพชฺชาทิจาริตฺตวาริตฺตสิกฺขาปทปญฺญตฺติสมูโห อธิเปฺปโตฯ ปทภาชนีเย เยสํ ปทานํ อตฺถา เยหิ อฎฺฐกถานเยหิ ปกาสิตาติ โยชนาฯ อถ วา เย อตฺถาติ โยเชตพฺพํฯ หิ-สโทฺท เจตฺถ ปทปูรเณ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Mahāvagge ubhinnaṃ pātimokkhānanti ubhinnaṃ pātimokkhavibhaṅgānaṃ. Yaṃ khandhakaṃ saṅgāyiṃsūti sambandho. Khandhānaṃ samūho, khandhānaṃ vā pakāsanato khandhako. Khandhāti cettha pabbajjādicārittavārittasikkhāpadapaññattisamūho adhippeto. Padabhājanīye yesaṃ padānaṃ atthā yehi aṭṭhakathānayehi pakāsitāti yojanā. Atha vā ye atthāti yojetabbaṃ. Hi-saddo cettha padapūraṇe daṭṭhabbo.

    . วิเสสการณนฺติ ‘‘เยน สมเยน อายสฺมโต สาริปุตฺตเตฺถรสฺส สิกฺขาปทปญฺญตฺติยาจนเหตุภูโต ปริวิตโกฺก อุทปาทิ, เตน สมเยนา’’ติอาทินา วุตฺตการณํ วิย วิเสสการณํ ภุมฺมวจนนิวตฺตนกการณนฺติ อโตฺถฯ เอตสฺสาติ อภิสโมฺพธิโต ปฎฺฐาย สตฺถุ จริยาวิภาวนสฺส วินยปญฺญตฺติยํ กิํ ปโยชนํ? ยทิ วิเสสการณํ นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ นิทานทสฺสนํ ปโยชนนฺติ โยชนาฯ นิทานนฺติเจตฺถ สิกฺขาปทปญฺญตฺติเหตุภูตํ วตฺถุปุคฺคลาทิการณํ อธิเปฺปตํ, น ปญฺญตฺติฎฺฐานเมวฯ เตนาห ‘‘ยา หี’’ติอาทิฯ

    1.Visesakāraṇanti ‘‘yena samayena āyasmato sāriputtattherassa sikkhāpadapaññattiyācanahetubhūto parivitakko udapādi, tena samayenā’’tiādinā vuttakāraṇaṃ viya visesakāraṇaṃ bhummavacananivattanakakāraṇanti attho. Etassāti abhisambodhito paṭṭhāya satthu cariyāvibhāvanassa vinayapaññattiyaṃ kiṃ payojanaṃ? Yadi visesakāraṇaṃ natthīti adhippāyo. Nidānadassanaṃ payojananti yojanā. Nidānanticettha sikkhāpadapaññattihetubhūtaṃ vatthupuggalādikāraṇaṃ adhippetaṃ, na paññattiṭṭhānameva. Tenāha ‘‘yā hī’’tiādi.

    อุรุเวลายนฺติ เอตฺถ อุรุ-สโทฺท มหนฺตวาจีฯ เวลา-สโทฺท ตีรปริยาโยฯ อุนฺนตตฺตาทินา เวลา วิย เวลาฯ อุรุ มหนฺตี เวลา อุรุเวลา, ตสฺสํฯ เตนาห ‘‘มหาเวลาย’’นฺติอาทิฯ มริยาทาติ สีลาทิคุณสีมาฯ ปตฺตปุเฎนาติ ตาลาทีนํ ปณฺณปุเฎนฯ

    Uruvelāyanti ettha uru-saddo mahantavācī. Velā-saddo tīrapariyāyo. Unnatattādinā velā viya velā. Uru mahantī velā uruvelā, tassaṃ. Tenāha ‘‘mahāvelāya’’ntiādi. Mariyādāti sīlādiguṇasīmā. Pattapuṭenāti tālādīnaṃ paṇṇapuṭena.

    ‘‘ปฐมาภิสมฺพุโทฺธ’’ติ อนุนาสิกโลเปนายํ นิเทฺทโสติ อาห ‘‘ปฐมํ อภิสมฺพุโทฺธ’’ติฯ ปฐมนฺติ จ ภาวนปุํสกนิเทฺทโสฯ ตสฺมา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา สพฺพปฐมํ โพธิรุกฺขมูเล วิหรตีติ โยชนา ทฎฺฐพฺพาฯ

    ‘‘Paṭhamābhisambuddho’’ti anunāsikalopenāyaṃ niddesoti āha ‘‘paṭhamaṃ abhisambuddho’’ti. Paṭhamanti ca bhāvanapuṃsakaniddeso. Tasmā abhisambuddho hutvā sabbapaṭhamaṃ bodhirukkhamūle viharatīti yojanā daṭṭhabbā.

    ปาฬิยํ อถ โขติ เอตฺถ อถาติ เอตสฺมิํ สมเยติ อโตฺถ อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํฯ สตฺตาหนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค เอตํ อุปโยควจนํฯ อถ โขติ อธิการนฺตรทสฺสเน นิปาโตฯ เตน วิมุตฺติสุขปฎิสํเวทนํ ปหาย ปฎิจฺจสมุปฺปาทมนสิกาเร อธิกตภาวํ ทเสฺสติฯ ปฎิจฺจาติ ปฎิมุขํ คนฺตฺวา, อญฺญมญฺญํ อเปกฺขิตฺวาติ อโตฺถฯ เอเตน การณพหุตา ทสฺสิตาฯ สหิเตติ การิยพหุตาฯ อนุโลมนฺติ ภาวนปุํสกนิเทฺทโสฯ เสฺววาติ โส เอว ปจฺจยากาโรฯ ปุริมนเยน วา วุโตฺตติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน วุโตฺต ปจฺจยากาโรฯ ปวตฺติยาติ สํสารปฺปวตฺติยาฯ

    Pāḷiyaṃ atha khoti ettha athāti etasmiṃ samayeti attho anekatthattā nipātānaṃ. Sattāhanti accantasaṃyoge etaṃ upayogavacanaṃ. Atha khoti adhikārantaradassane nipāto. Tena vimuttisukhapaṭisaṃvedanaṃ pahāya paṭiccasamuppādamanasikāre adhikatabhāvaṃ dasseti. Paṭiccāti paṭimukhaṃ gantvā, aññamaññaṃ apekkhitvāti attho. Etena kāraṇabahutā dassitā. Sahiteti kāriyabahutā. Anulomanti bhāvanapuṃsakaniddeso. Svevāti so eva paccayākāro. Purimanayena vā vuttoti ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’tiādinā nayena vutto paccayākāro. Pavattiyāti saṃsārappavattiyā.

    ปาฬิยํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติอาทีสุ ทุกฺขาทีสุ อญฺญาณํ อวิชฺชาฯ โลกิยกุสลากุสลเจตนา สงฺขาราฯ โลกิยวิปากเมว วิญฺญาณํฯ โลกิยเวทนาทิกฺขนฺธตฺตยํ นามํ, ภูตุปาทายเภทํ รูปํฯ ปสาทวิญฺญาณเภทํ สฬายตนํฯ วิปากภูโต สโพฺพ ผโสฺส, เวทนา จฯ ราโค ตณฺหาฯ พลวราโค, ติวิธา จ ทิฎฺฐิ อุปาทานํฯ ภโว ปน ทุวิโธ กมฺมภโว, อุปปตฺติภโว จฯ ตตฺถ กมฺมภโว สาสวกุสลากุสลเจตนาว, อุปปตฺติภโว อุปาทินฺนกกฺขนฺธาฯ เตสํ อุปปตฺติ ชาติฯ ปาโก ชราฯ เภโท มรณํฯ เต เอว นิสฺสาย โสจนํ โสโกฯ กนฺทนํ ปริเทโวฯ ทุกฺขํ กายิกํฯ โทมนสฺสํ เจตสิกํฯ อติวิย โสโก อุปายาโส

    Pāḷiyaṃ ‘‘avijjāpaccayā’’tiādīsu dukkhādīsu aññāṇaṃ avijjā. Lokiyakusalākusalacetanā saṅkhārā. Lokiyavipākameva viññāṇaṃ. Lokiyavedanādikkhandhattayaṃ nāmaṃ, bhūtupādāyabhedaṃ rūpaṃ. Pasādaviññāṇabhedaṃ saḷāyatanaṃ. Vipākabhūto sabbo phasso, vedanā ca. Rāgo taṇhā. Balavarāgo, tividhā ca diṭṭhi upādānaṃ. Bhavo pana duvidho kammabhavo, upapattibhavo ca. Tattha kammabhavo sāsavakusalākusalacetanāva, upapattibhavo upādinnakakkhandhā. Tesaṃ upapatti jāti. Pāko jarā. Bhedo maraṇaṃ. Te eva nissāya socanaṃ soko. Kandanaṃ paridevo. Dukkhaṃ kāyikaṃ. Domanassaṃ cetasikaṃ. Ativiya soko upāyāso.

    ปเจฺจกญฺจ สมฺภวติ-สโทฺท โยเชตโพฺพฯ เตนาห ‘‘อิมินา นเยนา’’ติอาทิฯ ‘‘ทุกฺขราสิสฺสา’’ติ อิมินา น สตฺตสฺสฯ นาปิ สุภสุขาทีนนฺติ ทเสฺสติฯ

    Paccekañca sambhavati-saddo yojetabbo. Tenāha ‘‘iminā nayenā’’tiādi. ‘‘Dukkharāsissā’’ti iminā na sattassa. Nāpi subhasukhādīnanti dasseti.

    หเวติ พฺยตฺตนฺติ อิมสฺมิํ อเตฺถ นิปาโตฯ ‘‘อนุโลมปจฺจยาการปฎิเวธสาธกา โพธิปกฺขิยธมฺมา’’ติ อิทํ ปฐมวาเร กิญฺจาปิ ‘‘อวิชฺชายเตฺวว อเสสวิราคนิโรธา’’ติอาทินา ปฎิโลมปจฺจยากาโรปิ อาคโต, ตถาปิ ‘‘ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺม’’นฺติ อนุโลมปจฺจยาการปฎิเวธเสฺสว การณเตฺตน วุตฺตนฺติฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ ทุติยวาเรปิ ‘‘ยโต ขยํ ปจฺจยานํ อเวที’’ติ คาถาย วุตฺตตฺตา ‘‘ปจฺจยานํ ขยสงฺขาต’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ โน กโลฺล ปโญฺหติ อยุโตฺต น พฺยากาตโพฺพ, อวิชฺชมานํ อตฺตานํ สิทฺธํ กตฺวา ‘‘โก ผุสตี’’ติ ตสฺส กิริยาย ปุฎฺฐตฺตา ‘‘โก วญฺฌาปุโตฺต ผุสตี’’ติอาทิ วิยาติ อธิปฺปาโยฯ โสฬส กงฺขาติ ‘‘อโหสิํ นุ โข อหมตีตมทฺธานํ, นนุ โข อโหสิํ, กิํ นุ โข อโหสิํ, กถํ นุ โข อโหสิํ, กิํ หุตฺวา กิํ อโหสิํ นุ โข อหมตีตมทฺธานํ, ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ, นนุ โข ภวิสฺสามิ, กิํ นุ โข ภวิสฺสามิ, กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ, กิํ หุตฺวา กิํ ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ, อหํ นุ โขสฺมิ, โน นุ โขสฺมิ, กิํ นุ โขสฺมิ, กถํ นุ โขสฺมิ, อยํ นุ โข สโตฺต กุโต อาคโต, โส กุหิํ คามี ภวิสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) เอวํ อาคตา อตีเต ปญฺจ, อนาคเต ปญฺจ, ปจฺจุปฺปเนฺน ฉาติ โสฬสวิธา กงฺขาฯ

    Haveti byattanti imasmiṃ atthe nipāto. ‘‘Anulomapaccayākārapaṭivedhasādhakā bodhipakkhiyadhammā’’ti idaṃ paṭhamavāre kiñcāpi ‘‘avijjāyatveva asesavirāganirodhā’’tiādinā paṭilomapaccayākāropi āgato, tathāpi ‘‘yato pajānāti sahetudhamma’’nti anulomapaccayākārapaṭivedhasseva kāraṇattena vuttanti. Yathā cettha, evaṃ dutiyavārepi ‘‘yato khayaṃ paccayānaṃ avedī’’ti gāthāya vuttattā ‘‘paccayānaṃ khayasaṅkhāta’’ntiādi vuttanti veditabbaṃ. No kallo pañhoti ayutto na byākātabbo, avijjamānaṃ attānaṃ siddhaṃ katvā ‘‘ko phusatī’’ti tassa kiriyāya puṭṭhattā ‘‘ko vañjhāputto phusatī’’tiādi viyāti adhippāyo. Soḷasa kaṅkhāti ‘‘ahosiṃ nu kho ahamatītamaddhānaṃ, nanu kho ahosiṃ, kiṃ nu kho ahosiṃ, kathaṃ nu kho ahosiṃ, kiṃ hutvā kiṃ ahosiṃ nu kho ahamatītamaddhānaṃ, bhavissāmi nu kho ahaṃ anāgatamaddhānaṃ, nanu kho bhavissāmi, kiṃ nu kho bhavissāmi, kathaṃ nu kho bhavissāmi, kiṃ hutvā kiṃ bhavissāmi nu kho ahaṃ anāgatamaddhānaṃ, ahaṃ nu khosmi, no nu khosmi, kiṃ nu khosmi, kathaṃ nu khosmi, ayaṃ nu kho satto kuto āgato, so kuhiṃ gāmī bhavissatī’’ti (ma. ni. 1.18; saṃ. ni. 2.20) evaṃ āgatā atīte pañca, anāgate pañca, paccuppanne chāti soḷasavidhā kaṅkhā.

    ตตฺถ กิํ นุ โขติ มนุสฺสเทวาทีสุ, ขตฺติยาทีสุ วา อญฺญตรํ นิสฺสาย กงฺขติฯ กถํ นุ โขติ ปน สณฺฐานาการาทีสุ อิสฺสราทิชนกํ, การณํ วา นิสฺสายฯ กิํ หุตฺวา กิํ อโหสินฺติ จ มนุสฺสาทีสุ ปฐมํ กิํ หุตฺวา ปจฺฉา กิํ อโหสินฺติ กงฺขติฯ อหํ นุ โขสฺมีติอาทิ อิทานิ อตฺตโน วิชฺชมานาวิชฺชมานตํ, สรูปปการาทิกญฺจ กงฺขติฯ วปยนฺตีติ วิอปยนฺติ พฺยปคจฺฉนฺติฯ เตนาห ‘‘อปคจฺฉนฺติ นิรุชฺฌนฺตี’’ติฯ

    Tattha kiṃ nu khoti manussadevādīsu, khattiyādīsu vā aññataraṃ nissāya kaṅkhati. Kathaṃ nu khoti pana saṇṭhānākārādīsu issarādijanakaṃ, kāraṇaṃ vā nissāya. Kiṃ hutvā kiṃ ahosinti ca manussādīsu paṭhamaṃ kiṃ hutvā pacchā kiṃ ahosinti kaṅkhati. Ahaṃ nu khosmītiādi idāni attano vijjamānāvijjamānataṃ, sarūpapakārādikañca kaṅkhati. Vapayantīti viapayanti byapagacchanti. Tenāha ‘‘apagacchanti nirujjhantī’’ti.

    . ตสฺส วเสนาติ ตสฺส ปจฺจยาการปชานนสฺส, ปจฺจยกฺขยาธิคมสฺส จ วเสนฯ เอเกกเมว โกฎฺฐาสนฺติ อนุโลมปฎิโลมโต เอเกกเมว โกฎฺฐาสํฯ ปาฎิปทรตฺติยา เอวํ มนสากาสีติ รตฺติยา ตีสุปิ ยาเมสุ เอวํ อิธ ขนฺธกปาฬิยา อาคตนเยน อนุโลมปฎิโลมํเยว มนสากาสิฯ

    3.Tassa vasenāti tassa paccayākārapajānanassa, paccayakkhayādhigamassa ca vasena. Ekekameva koṭṭhāsanti anulomapaṭilomato ekekameva koṭṭhāsaṃ. Pāṭipadarattiyā evaṃ manasākāsīti rattiyā tīsupi yāmesu evaṃ idha khandhakapāḷiyā āgatanayena anulomapaṭilomaṃyeva manasākāsi.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑. โพธิกถา • 1. Bodhikathā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / โพธิกถา • Bodhikathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / โพธิกถาวณฺณนา • Bodhikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / โพธิกถาวณฺณนา • Bodhikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑. โพธิกถา • 1. Bodhikathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact