Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๓๖] ๖. พฺรหาฉตฺตชาตกวณฺณนา
[336] 6. Brahāchattajātakavaṇṇanā
ติณํ ติณนฺติ ลปสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ กถิตเมวฯ
Tiṇaṃ tiṇanti lapasīti idaṃ satthā jetavane viharanto kuhakabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Paccuppannavatthu kathitameva.
อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อมโจฺจ อโหสิฯ พาราณสิราชา มหติยา เสนาย โกสลราชานํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา สาวตฺถิํ ปตฺวา ยุเทฺธน นครํ ปวิสิตฺวา ราชานํ คณฺหิฯ โกสลรโญฺญ ปน ปุโตฺต ฉโตฺต นาม กุมาโร อตฺถิฯ โส อญฺญาตกเวเสน นิกฺขมิตฺวา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ตโย เวเท จ อฎฺฐารส สิปฺปานิ จ อุคฺคณฺหิตฺวา ตกฺกสิลโต นิกฺขมฺม สพฺพสมยสิปฺปานิ สิกฺขโนฺต เอกํ ปจฺจนฺตคามํ ปาปุณิฯ ตํ นิสฺสาย ปญฺจสตตาปสา อรเญฺญ ปณฺณสาลาสุ วสนฺติฯ กุมาโร เต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิเมสมฺปิ สนฺติเก กิญฺจิ สิกฺขิสฺสามี’’ติ ปพฺพชิตฺวา ยํ เต ชานนฺติ, ตํ สพฺพํ อุคฺคณฺหิฯ โส อปรภาเค คณสตฺถา ชาโตฯ
Atīte pana bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa atthadhammānusāsako amacco ahosi. Bārāṇasirājā mahatiyā senāya kosalarājānaṃ abbhuggantvā sāvatthiṃ patvā yuddhena nagaraṃ pavisitvā rājānaṃ gaṇhi. Kosalarañño pana putto chatto nāma kumāro atthi. So aññātakavesena nikkhamitvā takkasilaṃ gantvā tayo vede ca aṭṭhārasa sippāni ca uggaṇhitvā takkasilato nikkhamma sabbasamayasippāni sikkhanto ekaṃ paccantagāmaṃ pāpuṇi. Taṃ nissāya pañcasatatāpasā araññe paṇṇasālāsu vasanti. Kumāro te upasaṅkamitvā ‘‘imesampi santike kiñci sikkhissāmī’’ti pabbajitvā yaṃ te jānanti, taṃ sabbaṃ uggaṇhi. So aparabhāge gaṇasatthā jāto.
อเถกทิวสํ อิสิคณํ อามเนฺตตฺวา ‘‘มาริสา, กสฺมา มชฺฌิมเทสํ น คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘มาริส, มชฺฌิมเทเส มนุสฺสา นาม ปณฺฑิตา, เต ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, อนุโมทนํ การาเปนฺติ, มงฺคลํ ภณาเปนฺติ, อสโกฺกเนฺต ครหนฺติ, มยํ เตน ภเยน น คจฺฉามา’’ติฯ ‘‘มา ตุเมฺห ภายถ, อหเมตํ สพฺพํ กริสฺสามี’’ติฯ ‘‘เตน หิ คจฺฉามา’’ติ สเพฺพ อตฺตโน อตฺตโน ขาริวิวิธมาทาย อนุปุเพฺพน พาราณสิํ ปตฺตาฯ พาราณสิราชาปิ โกสลรชฺชํ อตฺตโน หตฺถคตํ กตฺวา ตตฺถ ราชยุเตฺต ฐเปตฺวา สยํ ตตฺถ วิชฺชมานํ ธนํ คเหตฺวา พาราณสิํ คนฺตฺวา อุยฺยาเน โลหจาฎิโย ปูราเปตฺวา นิทหิตฺวา ตสฺมิํ สมเย พาราณสิยเมว วสติฯ อถ เต อิสโย ราชุยฺยาเน รตฺติํ วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปวิสิตฺวา ราชทฺวารํ อคมํสุฯ ราชา เตสํ อิริยาปเถสฺสุ ปสีทิตฺวา ปโกฺกสาเปตฺวา มหาตเล นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ยาว ภตฺตกาลา ตํ ตํ ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ ฉโตฺต รโญฺญ จิตฺตํ อาราเธโนฺต สพฺพปเญฺห วิสฺสเชฺชตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน วิจิตฺรํ อนุโมทนํ อกาสิฯ ราชา สุฎฺฐุตรํ ปสโนฺน ปฎิญฺญํ คเหตฺวา สเพฺพปิ เต อุยฺยาเน วาสาเปสิฯ
Athekadivasaṃ isigaṇaṃ āmantetvā ‘‘mārisā, kasmā majjhimadesaṃ na gacchathā’’ti pucchi. ‘‘Mārisa, majjhimadese manussā nāma paṇḍitā, te pañhaṃ pucchanti, anumodanaṃ kārāpenti, maṅgalaṃ bhaṇāpenti, asakkonte garahanti, mayaṃ tena bhayena na gacchāmā’’ti. ‘‘Mā tumhe bhāyatha, ahametaṃ sabbaṃ karissāmī’’ti. ‘‘Tena hi gacchāmā’’ti sabbe attano attano khārivividhamādāya anupubbena bārāṇasiṃ pattā. Bārāṇasirājāpi kosalarajjaṃ attano hatthagataṃ katvā tattha rājayutte ṭhapetvā sayaṃ tattha vijjamānaṃ dhanaṃ gahetvā bārāṇasiṃ gantvā uyyāne lohacāṭiyo pūrāpetvā nidahitvā tasmiṃ samaye bārāṇasiyameva vasati. Atha te isayo rājuyyāne rattiṃ vasitvā punadivase nagaraṃ bhikkhāya pavisitvā rājadvāraṃ agamaṃsu. Rājā tesaṃ iriyāpathessu pasīditvā pakkosāpetvā mahātale nisīdāpetvā yāgukhajjakaṃ datvā yāva bhattakālā taṃ taṃ pañhaṃ pucchi. Chatto rañño cittaṃ ārādhento sabbapañhe vissajjetvā bhattakiccāvasāne vicitraṃ anumodanaṃ akāsi. Rājā suṭṭhutaraṃ pasanno paṭiññaṃ gahetvā sabbepi te uyyāne vāsāpesi.
ฉโตฺต นิธิอุทฺธรณมนฺตํ ชานาติฯ โส ตตฺถ วสโนฺต ‘‘กหํ นุ โข อิมินา มม ปิตุ สนฺตกํ ธนํ นิทหิต’’นฺติ มนฺตํ ปริวเตฺตตฺวา โอโลเกโนฺต อุยฺยาเน นิทหิตภาวํ ญตฺวา ‘‘อิทํ ธนํ คเหตฺวา มม รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตาปเส อามเนฺตตฺวา ‘‘มาริสา, อหํ โกสลรโญฺญ ปุโตฺต, พาราณสิรญฺญา อมฺหากํ รเชฺช คหิเต อญฺญาตกเวเสน นิกฺขมิตฺวา เอตฺตกํ กาลํ อตฺตโน ชีวิตํ อนุรกฺขิํ, อิทานิ กุลสนฺตกํ ธนํ ลทฺธํ, อหํ เอตํ อาทาย คนฺตฺวา อตฺตโน รชฺชํ คณฺหิสฺสามิ, ตุเมฺห กิํ กริสฺสถา’’ติ อาหฯ ‘‘มยมฺปิ ตยาว สทฺธิํ คมิสฺสามา’’ติ ฯ โส ‘‘สาธู’’ติ มหเนฺต มหเนฺต จมฺมปสิพฺพเก กาเรตฺวา รตฺติภาเค ภูมิํ ขณิตฺวา ธนจาฎิโย อุทฺธริตฺวา ปสิพฺพเกสุ ธนํ ปกฺขิปิตฺวา จาฎิโย ติณสฺส ปูราเปตฺวา ปญฺจ จ อิสิสตานิ อเญฺญ จ มนุเสฺส ธนํ คาหาเปตฺวา ปลายิตฺวา สาวตฺถิํ คนฺตฺวา สเพฺพ ราชยุเตฺต คาหาเปตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา ปาการอฎฺฎาลกาทิปฎิสงฺขรณํ การาเปตฺวา ปุน สปตฺตรญฺญา ยุเทฺธน อคฺคเหตพฺพํ กตฺวา นครํ อชฺฌาวสติฯ พาราณสิรโญฺญปิ ‘‘ตาปสา อุยฺยานโต ธนํ คเหตฺวา ปลาตา’’ติ อาโรจยิํสุฯ โส อุยฺยานํ คนฺตฺวา จาฎิโย วิวราเปตฺวา ติณเมว ปสฺสิ, ตสฺส ธนํ นิสฺสาย มหโนฺต โสโก อุปฺปชฺชิฯ โส นครํ คนฺตฺวา ‘‘ติณํ ติณ’’นฺติ วิปฺปลปโนฺต จรติ, นาสฺส โกจิ โสกํ นิพฺพาเปตุํ สโกฺกติฯ
Chatto nidhiuddharaṇamantaṃ jānāti. So tattha vasanto ‘‘kahaṃ nu kho iminā mama pitu santakaṃ dhanaṃ nidahita’’nti mantaṃ parivattetvā olokento uyyāne nidahitabhāvaṃ ñatvā ‘‘idaṃ dhanaṃ gahetvā mama rajjaṃ gaṇhissāmī’’ti cintetvā tāpase āmantetvā ‘‘mārisā, ahaṃ kosalarañño putto, bārāṇasiraññā amhākaṃ rajje gahite aññātakavesena nikkhamitvā ettakaṃ kālaṃ attano jīvitaṃ anurakkhiṃ, idāni kulasantakaṃ dhanaṃ laddhaṃ, ahaṃ etaṃ ādāya gantvā attano rajjaṃ gaṇhissāmi, tumhe kiṃ karissathā’’ti āha. ‘‘Mayampi tayāva saddhiṃ gamissāmā’’ti . So ‘‘sādhū’’ti mahante mahante cammapasibbake kāretvā rattibhāge bhūmiṃ khaṇitvā dhanacāṭiyo uddharitvā pasibbakesu dhanaṃ pakkhipitvā cāṭiyo tiṇassa pūrāpetvā pañca ca isisatāni aññe ca manusse dhanaṃ gāhāpetvā palāyitvā sāvatthiṃ gantvā sabbe rājayutte gāhāpetvā rajjaṃ gahetvā pākāraaṭṭālakādipaṭisaṅkharaṇaṃ kārāpetvā puna sapattaraññā yuddhena aggahetabbaṃ katvā nagaraṃ ajjhāvasati. Bārāṇasiraññopi ‘‘tāpasā uyyānato dhanaṃ gahetvā palātā’’ti ārocayiṃsu. So uyyānaṃ gantvā cāṭiyo vivarāpetvā tiṇameva passi, tassa dhanaṃ nissāya mahanto soko uppajji. So nagaraṃ gantvā ‘‘tiṇaṃ tiṇa’’nti vippalapanto carati, nāssa koci sokaṃ nibbāpetuṃ sakkoti.
โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ ‘‘รโญฺญ มหโนฺต โสโก, วิปฺปลปโนฺต จรติ, ฐเปตฺวา โข ปน มํ นาสฺส อโญฺญ โกจิ โสกํ วิโนเทตุํ สมโตฺถ, นิโสฺสกํ นํ กริสฺสามี’’ติฯ โส เอกทิวสํ เตน สทฺธิํ สุขนิสิโนฺน ตสฺส วิปฺปลปนกาเล ปฐมํ คาถมาห –
Bodhisatto cintesi ‘‘rañño mahanto soko, vippalapanto carati, ṭhapetvā kho pana maṃ nāssa añño koci sokaṃ vinodetuṃ samattho, nissokaṃ naṃ karissāmī’’ti. So ekadivasaṃ tena saddhiṃ sukhanisinno tassa vippalapanakāle paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๔๑.
141.
‘‘ติณํ ติณนฺติ ลปสิ, โก นุ เต ติณมาหริ;
‘‘Tiṇaṃ tiṇanti lapasi, ko nu te tiṇamāhari;
กิํ นุ เต ติณกิจฺจตฺถิ, ติณเมว ปภาสสี’’ติฯ
Kiṃ nu te tiṇakiccatthi, tiṇameva pabhāsasī’’ti.
ตตฺถ กิํ นุ เต ติณกิจฺจตฺถีติ กิํ นุ ตว ติเณน กิจฺจํ กาตพฺพํ อตฺถิฯ ติณเมว ปภาสสีติ ตฺวญฺหิ เกวลํ ‘‘ติณํ ติณ’’นฺติ ติณเมว ปภาสสิ, ‘‘อสุกติณํ นามา’’ติ น กเถสิ, ติณนามํ ตาวสฺส กเถหิ ‘‘อสุกติณํ นามา’’ติ, มยํ เต อาหริสฺสาม, อถ ปน เต ติเณนโตฺถ นตฺถิ, นิกฺการณา มา วิปฺปลปีติฯ
Tattha kiṃ nu te tiṇakiccatthīti kiṃ nu tava tiṇena kiccaṃ kātabbaṃ atthi. Tiṇameva pabhāsasīti tvañhi kevalaṃ ‘‘tiṇaṃ tiṇa’’nti tiṇameva pabhāsasi, ‘‘asukatiṇaṃ nāmā’’ti na kathesi, tiṇanāmaṃ tāvassa kathehi ‘‘asukatiṇaṃ nāmā’’ti, mayaṃ te āharissāma, atha pana te tiṇenattho natthi, nikkāraṇā mā vippalapīti.
ตํ สุตฺวา ราชา ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā rājā dutiyaṃ gāthamāha –
๑๔๒.
142.
‘‘อิธาคมา พฺรหฺมจารี, พฺรหา ฉโตฺต พหุสฺสุโต;
‘‘Idhāgamā brahmacārī, brahā chatto bahussuto;
โส เม สพฺพํ สมาทาย, ติณํ นิกฺขิปฺป คจฺฉตี’’ติฯ
So me sabbaṃ samādāya, tiṇaṃ nikkhippa gacchatī’’ti.
ตตฺถ พฺรหาติ ทีโฆฯ ฉโตฺตติ ตสฺส นามํฯ สพฺพํ สมาทายาติ สพฺพํ ธนํ คเหตฺวาฯ ติณํ นิกฺขิปฺป คจฺฉตีติ จาฎีสุ ติณํ นิกฺขิปิตฺวา คโตติ ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ
Tattha brahāti dīgho. Chattoti tassa nāmaṃ. Sabbaṃ samādāyāti sabbaṃ dhanaṃ gahetvā. Tiṇaṃ nikkhippa gacchatīti cāṭīsu tiṇaṃ nikkhipitvā gatoti dassento evamāha.
ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ตติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā bodhisatto tatiyaṃ gāthamāha –
๑๔๓.
143.
‘‘เอเวตํ โหติ กตฺตพฺพํ, อเปฺปน พหุมิจฺฉตา;
‘‘Evetaṃ hoti kattabbaṃ, appena bahumicchatā;
สพฺพํ สกสฺส อาทานํ, อนาทานํ ติณสฺส จา’’ติฯ
Sabbaṃ sakassa ādānaṃ, anādānaṃ tiṇassa cā’’ti.
ตสฺสโตฺถ – อเปฺปน ติเณน พหุธนํ อิจฺฉตา เอวํ เอตํ กตฺตพฺพํ โหติ, ยทิทํ ปิตุ สนฺตกตฺตา สกสฺส ธนสฺส สพฺพํ อาทานํ อคยฺหูปคสฺส ติณสฺส จ อนาทานํฯ อิติ, มหาราช, โส พฺรหา ฉโตฺต คเหตพฺพยุตฺตกํ อตฺตโน ปิตุ สนฺตกํ ธนํ คเหตฺวา อคฺคเหตพฺพยุตฺตกํ ติณํ จาฎีสุ ปกฺขิปิตฺวา คโต, ตตฺถ กา ปริเทวนาติฯ
Tassattho – appena tiṇena bahudhanaṃ icchatā evaṃ etaṃ kattabbaṃ hoti, yadidaṃ pitu santakattā sakassa dhanassa sabbaṃ ādānaṃ agayhūpagassa tiṇassa ca anādānaṃ. Iti, mahārāja, so brahā chatto gahetabbayuttakaṃ attano pitu santakaṃ dhanaṃ gahetvā aggahetabbayuttakaṃ tiṇaṃ cāṭīsu pakkhipitvā gato, tattha kā paridevanāti.
ตํ สุตฺวา ราชา จตุตฺถํ คาถมาห –
Taṃ sutvā rājā catutthaṃ gāthamāha –
๑๔๔.
144.
‘‘สีลวโนฺต น กุพฺพนฺติ, พาโล สีลานิ กุพฺพติ;
‘‘Sīlavanto na kubbanti, bālo sīlāni kubbati;
อนิจฺจสีลํ ทุสฺสีลฺยํ, กิํ ปณฺฑิจฺจํ กริสฺสตี’’ติฯ
Aniccasīlaṃ dussīlyaṃ, kiṃ paṇḍiccaṃ karissatī’’ti.
ตตฺถ สีลวโนฺตติ เย สีลสมฺปนฺนา พฺรหฺมจารโย, เต เอวรูปํ น กุพฺพนฺติฯ พาโล สีลานิ กุพฺพตีติ พาโล ปน ทุราจาโร เอวรูปานิ อตฺตโน อนาจารสงฺขาตานิ สีลานิ กโรติฯ อนิจฺจสีลนฺติ อทฺธุเวน ทีฆรตฺตํ อปฺปวเตฺตน สีเลน สมนฺนาคตํฯ ทุสฺสีลฺยนฺติ ทุสฺสีลํฯ กิํ ปณฺฑิจฺจํ กริสฺสตีติ เอวรูปํ ปุคฺคลํ พาหุสจฺจปริภาวิตํ ปณฺฑิจฺจํ กิํ กริสฺสติ กิํ สมฺปาเทสฺสติ, วิปตฺติเมวสฺส กริสฺสตีติฯ ตํ ครหโนฺต วตฺวา โส ตาย โพธิสตฺตสฺส กถาย นิโสฺสโก หุตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสิฯ
Tattha sīlavantoti ye sīlasampannā brahmacārayo, te evarūpaṃ na kubbanti. Bālo sīlāni kubbatīti bālo pana durācāro evarūpāni attano anācārasaṅkhātāni sīlāni karoti. Aniccasīlanti addhuvena dīgharattaṃ appavattena sīlena samannāgataṃ. Dussīlyanti dussīlaṃ. Kiṃ paṇḍiccaṃ karissatīti evarūpaṃ puggalaṃ bāhusaccaparibhāvitaṃ paṇḍiccaṃ kiṃ karissati kiṃ sampādessati, vipattimevassa karissatīti. Taṃ garahanto vatvā so tāya bodhisattassa kathāya nissoko hutvā dhammena rajjaṃ kāresi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺรหาฉโตฺต กุหกภิกฺขุ อโหสิ, ปณฺฑิตามโจฺจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā brahāchatto kuhakabhikkhu ahosi, paṇḍitāmacco pana ahameva ahosi’’nti.
พฺรหาฉตฺตชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Brahāchattajātakavaṇṇanā chaṭṭhā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๓๖. พฺรหาฉตฺตชาตกํ • 336. Brahāchattajātakaṃ