Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ๓. พฺรหฺมจริยกถา

    3. Brahmacariyakathā

    ๑. สุทฺธพฺรหฺมจริยกถาวณฺณนา

    1. Suddhabrahmacariyakathāvaṇṇanā

    ๒๖๙. เหฎฺฐาปีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทเวหิ เหฎฺฐาปิฯ มคฺคภาวนมฺปิ น อิจฺฉนฺตีติ วิญฺญายติ ‘‘อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติ อิมินา ‘‘เทฺวปิ พฺรหฺมจริยวาสา นตฺถิ เทเวสูติ อุปลทฺธิวเสนา’’ติ วุตฺตตฺตาฯ

    269. Heṭṭhāpīti paranimmitavasavattidevehi heṭṭhāpi. Maggabhāvanampi na icchantīti viññāyati ‘‘idha brahmacariyavāso’’ti iminā ‘‘dvepi brahmacariyavāsā natthi devesūti upaladdhivasenā’’ti vuttattā.

    ๒๗๐. ตเสฺสวาติ ปรวาทิโน เอวฯ ปุคฺคลวเสนาติ ‘‘คิหีนเญฺจว เอกจฺจานญฺจ เทวาน’’นฺติ เอวํ ปุคฺคลวเสนฯ ตสฺสาติ ปรวาทิโนฯ ปฎิเกฺขโป น ยุโตฺตติ เอวํ ปุคฺคลวเสน อตฺถโยชนา น ยุตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน ปน กตาปิ อตฺถวณฺณนา โอกาสวเสน ปริจฺฉิชฺชตีติ นายํ โทโสฯ ตสฺสายํ อธิปฺปาโยติ อยํ ‘‘คิหีนเญฺจวา’’ติอาทินา วุโตฺต ตสฺส ปรวาทิโน ยทิ อธิปฺปาโย, เอวํ สญฺญาย ปรวาทิโน สกวาทินา สมานาทาโยติ น นิคฺคหารโห สิยาฯ เตนาห ‘‘สก…เป.… ตโพฺพ’’ติฯ ปฐมํ ปน อนุชานิตฺวา ปจฺฉา ปฎิเกฺขเปเนว นิคฺคเหตพฺพตา เวทิตพฺพาฯ เกจิ ‘‘ยตฺถ นตฺถิ ปพฺพชฺชา, นตฺถิ ตตฺถ พฺรหฺมจริยวาโสติ ปุจฺฉาย เอกจฺจานํ มนุสฺสานํ มคฺคปฺปฎิเวธํ สนฺธาย ปรวาทิโน ปฎิเกฺขโปฯ ยทิปิ โส เทวานํ มคฺคปฺปฎิลาภํ น อิจฺฉติ, สมฺภวนฺตํ ปน สพฺพํ ทเสฺสตุํ อฎฺฐกถายํ ‘คิหีน’มิเจฺจว อวตฺวา ‘เอกจฺจานญฺจ เทวาน’นฺติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ‘‘สนฺธายา’’ติ วุตฺตตฺตา, ปุริโมเยวโตฺถ ยุโตฺตฯ

    270. Tassevāti paravādino eva. Puggalavasenāti ‘‘gihīnañceva ekaccānañca devāna’’nti evaṃ puggalavasena. Tassāti paravādino. Paṭikkhepo na yuttoti evaṃ puggalavasena atthayojanā na yuttāti adhippāyo. Puggalādhiṭṭhānena pana katāpi atthavaṇṇanā okāsavasena paricchijjatīti nāyaṃ doso. Tassāyaṃ adhippāyoti ayaṃ ‘‘gihīnañcevā’’tiādinā vutto tassa paravādino yadi adhippāyo, evaṃ saññāya paravādino sakavādinā samānādāyoti na niggahāraho siyā. Tenāha ‘‘saka…pe… tabbo’’ti. Paṭhamaṃ pana anujānitvā pacchā paṭikkhepeneva niggahetabbatā veditabbā. Keci ‘‘yattha natthi pabbajjā, natthi tattha brahmacariyavāsoti pucchāya ekaccānaṃ manussānaṃ maggappaṭivedhaṃ sandhāya paravādino paṭikkhepo. Yadipi so devānaṃ maggappaṭilābhaṃ na icchati, sambhavantaṃ pana sabbaṃ dassetuṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘gihīna’micceva avatvā ‘ekaccānañca devāna’nti vutta’’nti vadanti, taṃ na sundaraṃ ‘‘sandhāyā’’ti vuttattā, purimoyevattho yutto.

    สุทฺธพฺรหฺมจริยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suddhabrahmacariyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. สํสนฺทนพฺรหฺมจริยกถาวณฺณนา

    2. Saṃsandanabrahmacariyakathāvaṇṇanā

    ๒๗๓. รูปาวจรมเคฺคนาติ รูปาวจรชฺฌาเนนฯ ตญฺหิ รูปภวูปปตฺติยา อุปายภาวโต มโคฺคติ วุโตฺตฯ ยถาห ‘‘รูปุปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติ (ธ. ส. ๑๖๐)ฯ อิทนฺติ อิทํ รูปาวจรชฺฌานํฯ ‘‘อิธวิหายนิฎฺฐเหตุภูโต รูปาวจรมโคฺค’’ติอาทิกํ ทีเปนฺตํ วจนํ อนาคามิมคฺคสฺส ตพฺภาวทีปเกน ‘‘อิธ ภาวิตมโคฺค’’ติอาทิเกน กถํ สเมตีติ โจเทตฺวา ยถา สเมติ , ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุเพฺพ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘ปุเพฺพ’’ติ อิมินา ‘‘อิธ ภาวิตมโคฺค’’ติอาทิกํ วทนฺติ, อิธาปิ ปน ‘‘รูปาวจรมเคฺคนา’’ติอาทิกํฯ ตตฺถ อนาคามี เอวาติ อนาคามิผลโฎฺฐ เอวฯ ฌานานาคามีติ อสมุจฺฉินฺนชฺฌตฺตสํโยชโนปิ รูปภเว อุปฺปชฺชิตฺวา อนาวตฺติธมฺมมคฺคํ ภาเวตฺวา ตเตฺถว ปรินิพฺพายนโตฯ อธิปฺปาโยติ ยถาวุโตฺต ทฺวินฺนํ อฎฺฐกถาวจนานํ อวิโรธทีปโก อธิปฺปาโยฯ

    273. Rūpāvacaramaggenāti rūpāvacarajjhānena. Tañhi rūpabhavūpapattiyā upāyabhāvato maggoti vutto. Yathāha ‘‘rūpupapattiyā maggaṃ bhāvetī’’ti (dha. sa. 160). Idanti idaṃ rūpāvacarajjhānaṃ. ‘‘Idhavihāyaniṭṭhahetubhūto rūpāvacaramaggo’’tiādikaṃ dīpentaṃ vacanaṃ anāgāmimaggassa tabbhāvadīpakena ‘‘idha bhāvitamaggo’’tiādikena kathaṃ sametīti codetvā yathā sameti , taṃ dassetuṃ ‘‘pubbe panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘pubbe’’ti iminā ‘‘idha bhāvitamaggo’’tiādikaṃ vadanti, idhāpi pana ‘‘rūpāvacaramaggenā’’tiādikaṃ. Tattha anāgāmī evāti anāgāmiphalaṭṭho eva. Jhānānāgāmīti asamucchinnajjhattasaṃyojanopi rūpabhave uppajjitvā anāvattidhammamaggaṃ bhāvetvā tattheva parinibbāyanato. Adhippāyoti yathāvutto dvinnaṃ aṭṭhakathāvacanānaṃ avirodhadīpako adhippāyo.

    อิธาติ กามโลเกฯ ตตฺถาติ พฺรหฺมโลเกฯ เอตฺถ จ ปรวาที เอวํ ปุจฺฉิตโพฺพ ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ฐาเนหี’’ติ สุตฺตํ กิํ ยถารุตวเสน คเหตพฺพตฺถํ, อุทาหุ สนฺธายภาสิตนฺติ? ตตฺถ ชานมาโน สนฺธายภาสิตนฺติ วเทยฺยฯ อญฺญถา ‘‘ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทเว อุปาทายา’’ติอาทิ วตฺตุํ น สกฺกา ‘‘เทเว จ ตาวติํเส’’ติ วุตฺตตฺตาฯ ยถา หิ ตสฺส ‘‘เสยฺยถาปิ เทเวหิ ตาวติํเสหิ สทฺธิํ มเนฺตตฺวา’’ติอาทีสุ วิย สกฺกํ เทวราชานํ อุปาทาย กามาวจรเทเวสุ ตาวติํสเทวา ปากฎา ปญฺญาตาติ เตสํ คหณํ, น เตเยว อธิเปฺปตาติ สุตฺตปทสฺส สนฺธายภาสิตตฺถํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํ, เอวํ ‘‘อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติ เอตฺถาปิ อนวชฺชสุขอพฺยาเสกสุขเนกฺขมฺมสุขาทิสนฺนิสฺสยภาเวน มหานิสํสตาย สาสเน ปพฺพชฺชา ‘‘อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติ อิมสฺมิํ สุเตฺต อธิเปฺปตาฯ สา หิ อุตฺตรกุรุกานํ เทวานญฺจ อโนกาสภาวโต ทุกฺกรา ทุลฺลภา จฯ ตตฺถ สูริยปริวตฺตาทีหิปิ เทเวสุ มคฺคปฎิลาภาย อตฺถิตา วิภาเวตพฺพา, อุตฺตรกุรุกานํ ปน วิเสสานธิคมภาโว อุภินฺนมฺปิ อิจฺฉิโต เอวาติฯ

    Idhāti kāmaloke. Tatthāti brahmaloke. Ettha ca paravādī evaṃ pucchitabbo ‘‘tīhi, bhikkhave, ṭhānehī’’ti suttaṃ kiṃ yathārutavasena gahetabbatthaṃ, udāhu sandhāyabhāsitanti? Tattha jānamāno sandhāyabhāsitanti vadeyya. Aññathā ‘‘paranimmitavasavattideve upādāyā’’tiādi vattuṃ na sakkā ‘‘deve ca tāvatiṃse’’ti vuttattā. Yathā hi tassa ‘‘seyyathāpi devehi tāvatiṃsehi saddhiṃ mantetvā’’tiādīsu viya sakkaṃ devarājānaṃ upādāya kāmāvacaradevesu tāvatiṃsadevā pākaṭā paññātāti tesaṃ gahaṇaṃ, na teyeva adhippetāti suttapadassa sandhāyabhāsitatthaṃ sampaṭicchitabbaṃ, evaṃ ‘‘idha brahmacariyavāso’’ti etthāpi anavajjasukhaabyāsekasukhanekkhammasukhādisannissayabhāvena mahānisaṃsatāya sāsane pabbajjā ‘‘idha brahmacariyavāso’’ti imasmiṃ sutte adhippetā. Sā hi uttarakurukānaṃ devānañca anokāsabhāvato dukkarā dullabhā ca. Tattha sūriyaparivattādīhipi devesu maggapaṭilābhāya atthitā vibhāvetabbā, uttarakurukānaṃ pana visesānadhigamabhāvo ubhinnampi icchito evāti.

    สํสนฺทนพฺรหฺมจริยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saṃsandanabrahmacariyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    พฺรหฺมจริยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Brahmacariyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. โอธิโสกถาวณฺณนา

    3. Odhisokathāvaṇṇanā

    ๒๗๔. โอธิโสติ ภาคโส, ภาเคนาติ อโตฺถฯ ภาโค นาม ยสฺมา เอกเทโส โหติ, ตสฺมา ‘‘เอกเทเสน เอกเทเสนา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยทิ จตุนฺนํ มคฺคานํ วเสน สมุทยปกฺขิกสฺส กิเลสคณสฺส จตุภาเคหิ ปหานํ ‘‘โอธิโส ปหาน’’นฺติ อธิเปฺปตํ, อิจฺฉิตเมเวตํ สกวาทิสฺส ‘‘ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ทิฎฺฐิคตานํ ปหานายา’’ติ จ อาทิวจนโตฯ ยสฺมา ปน มโคฺค จตูสุ สเจฺจสุ นานาภิสมยวเสน กิจฺจกโร, น เอกาภิสมยวเสนาติ ปรวาทิโน ลทฺธิ, ตสฺมา ยถา ‘‘มโคฺค กาเลน ทุกฺขํ ปริชานาติ, กาเลน สมุทยํ ปชหตี’’ติอาทินา นานกฺขณวเสน สเจฺจสุ ปวตฺตตีติ อิจฺฉิโต, เอวํ ปเจฺจกมฺปิ นานกฺขณวเสน ปวเตฺตยฺยฯ ตถา สติ ทุกฺขาทีนํ เอกเทสเอกเทสเมว ปริชานาติ ปชหตีติ ทเสฺสตุํ ปาฬิยํ ‘‘โสตาปตฺติ…เป.… เอกเทเส ปชหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สติ หิ นานาภิสมเย ปฐมมคฺคาทีหิ ปหาตพฺพานํ สํโยชนตฺตยาทีนํ ทุกฺขทสฺสนาทีหิ เอกเทสเอกเทสปฺปหานํ สิยาติ เอกเทสโสตาปตฺติมคฺคฎฺฐาทิตา, ตโต เอว เอกเทสโสตาปนฺนาทิตา จ อาปชฺชติ อนนฺตรผลตฺตา โลกุตฺตรกุสลานํ, น จ ตํ ยุตฺตํฯ น หิ กาลเภเทน วินา โส เอว โสตาปโนฺน, อโสตาปโนฺน จาติ สกฺกา วิญฺญาตุํฯ เตนาห ‘‘เอกเทสํ โสตาปโนฺน, เอกเทสํ น โสตาปโนฺน’’ติอาทิฯ

    274. Odhisoti bhāgaso, bhāgenāti attho. Bhāgo nāma yasmā ekadeso hoti, tasmā ‘‘ekadesena ekadesenā’’ti vuttaṃ. Tattha yadi catunnaṃ maggānaṃ vasena samudayapakkhikassa kilesagaṇassa catubhāgehi pahānaṃ ‘‘odhiso pahāna’’nti adhippetaṃ, icchitamevetaṃ sakavādissa ‘‘tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā diṭṭhigatānaṃ pahānāyā’’ti ca ādivacanato. Yasmā pana maggo catūsu saccesu nānābhisamayavasena kiccakaro, na ekābhisamayavasenāti paravādino laddhi, tasmā yathā ‘‘maggo kālena dukkhaṃ parijānāti, kālena samudayaṃ pajahatī’’tiādinā nānakkhaṇavasena saccesu pavattatīti icchito, evaṃ paccekampi nānakkhaṇavasena pavatteyya. Tathā sati dukkhādīnaṃ ekadesaekadesameva parijānāti pajahatīti dassetuṃ pāḷiyaṃ ‘‘sotāpatti…pe… ekadese pajahatī’’tiādi vuttaṃ. Sati hi nānābhisamaye paṭhamamaggādīhi pahātabbānaṃ saṃyojanattayādīnaṃ dukkhadassanādīhi ekadesaekadesappahānaṃ siyāti ekadesasotāpattimaggaṭṭhāditā, tato eva ekadesasotāpannāditā ca āpajjati anantaraphalattā lokuttarakusalānaṃ, na ca taṃ yuttaṃ. Na hi kālabhedena vinā so eva sotāpanno, asotāpanno cāti sakkā viññātuṃ. Tenāha ‘‘ekadesaṃ sotāpanno, ekadesaṃ na sotāpanno’’tiādi.

    อปิจายํ นานาภิสมยวาที เอวํ ปุจฺฉิตโพฺพ ‘‘มคฺคญาณํ สจฺจานิ ปฎิวิชฺฌนฺตํ กิํ อารมฺมณโต ปฎิวิชฺฌติ, อุทาหุ กิจฺจโต’’ติฯ ยทิ อารมฺมณโตติ วเทยฺย, ตสฺส วิปสฺสนาญาณสฺส วิย ทุกฺขสมุทยานํ อจฺจนฺตปริเจฺฉทสมุเจฺฉทา น ยุตฺตา ตโต อนิสฺสฎตฺตา, ตถา มคฺคทสฺสนํฯ น หิ สยเมว อตฺตานํ อารพฺภ ปวตฺตตีติ ยุตฺตํ, มคฺคนฺตรปริกปฺปนายํ อนวฎฺฐานํ อาปชฺชตีติ, ตสฺมา ตีณิ สจฺจานิ กิจฺจโต, นิโรธํ กิจฺจโต อารมฺมณโต จ ปฎิวิชฺฌตีติ เอวมสโมฺมหโต ปฎิวิชฺฌนฺตสฺส มคฺคญาณสฺส นเตฺถว นานาภิสมโยฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘โย, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติอาทิฯ น เจตํ กาลนฺตรทสฺสนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘โย นุ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสติ, ทุกฺขนิโรธมฺปิ…เป.… ทุกฺขนิโรธคามินิปฎิปทมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) เอกสจฺจทสฺสนสมงฺคิโน อญฺญสจฺจทสฺสนสมงฺคิภาววิจารณายํ ตทตฺถสาธนตฺถํ อายสฺมตา ควํปติเตฺถเรน อาภตตฺตา ปเจฺจกญฺจ สจฺจตฺตยทสฺสนสฺส โยชิตตฺตาฯ อญฺญถา ปุริมทิฎฺฐสฺส ปุน อทสฺสนโต สมุทยาทิทสฺสเน ทุกฺขาทิทสฺสนมโยชนียํ สิยาฯ น หิ โลกุตฺตรมโคฺค โลกิยมโคฺค วิย กตการิภาเวน ปวตฺตติ สมุเจฺฉทกตฺตาฯ ตถา โยชเน จ สพฺพํ ทสฺสนํ ทสฺสนนฺตรปรนฺติ ทสฺสนานุปรโม สิยาฯ เอวํ อาคมโต ยุตฺติโต จ นานาภิสมยสฺส อสมฺภวโต ปเจฺจกํ มคฺคานํ โอธิโส ปหานํ นตฺถีติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ

    Apicāyaṃ nānābhisamayavādī evaṃ pucchitabbo ‘‘maggañāṇaṃ saccāni paṭivijjhantaṃ kiṃ ārammaṇato paṭivijjhati, udāhu kiccato’’ti. Yadi ārammaṇatoti vadeyya, tassa vipassanāñāṇassa viya dukkhasamudayānaṃ accantaparicchedasamucchedā na yuttā tato anissaṭattā, tathā maggadassanaṃ. Na hi sayameva attānaṃ ārabbha pavattatīti yuttaṃ, maggantaraparikappanāyaṃ anavaṭṭhānaṃ āpajjatīti, tasmā tīṇi saccāni kiccato, nirodhaṃ kiccato ārammaṇato ca paṭivijjhatīti evamasammohato paṭivijjhantassa maggañāṇassa nattheva nānābhisamayo. Vuttañhetaṃ ‘‘yo, bhikkhave, dukkhaṃ passati, dukkhasamudayampi so passatī’’tiādi. Na cetaṃ kālantaradassanaṃ sandhāya vuttaṃ. ‘‘Yo nu kho, āvuso, dukkhaṃ passati, dukkhasamudayampi so passati, dukkhanirodhampi…pe… dukkhanirodhagāminipaṭipadampi so passatī’’ti (saṃ. ni. 5.1100) ekasaccadassanasamaṅgino aññasaccadassanasamaṅgibhāvavicāraṇāyaṃ tadatthasādhanatthaṃ āyasmatā gavaṃpatittherena ābhatattā paccekañca saccattayadassanassa yojitattā. Aññathā purimadiṭṭhassa puna adassanato samudayādidassane dukkhādidassanamayojanīyaṃ siyā. Na hi lokuttaramaggo lokiyamaggo viya katakāribhāvena pavattati samucchedakattā. Tathā yojane ca sabbaṃ dassanaṃ dassanantaraparanti dassanānuparamo siyā. Evaṃ āgamato yuttito ca nānābhisamayassa asambhavato paccekaṃ maggānaṃ odhiso pahānaṃ natthīti niṭṭhamettha gantabbaṃ.

    โอธิโสกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Odhisokathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / กถาวตฺถุปาฬิ • Kathāvatthupāḷi
    ๓. พฺรหฺมจริยกถา • 3. Brahmacariyakathā
    ๓. โอธิโสกถา • 3. Odhisokathā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๓. พฺรหฺมจริยกถา • 3. Brahmacariyakathā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā
    ๓. พฺรหฺมจริยกถา • 3. Brahmacariyakathā
    ๔. โอธิโสกถาวณฺณนา • 4. Odhisokathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact