Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi

    ๓. พฺรหฺมทณฺฑกถา

    3. Brahmadaṇḍakathā

    ๔๔๕. อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เถเร ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘ภควา มํ, ภเนฺต, ปรินิพฺพานกาเล เอวมาห – ‘เตน หานนฺท, สโงฺฆ มมจฺจเยน ฉนฺนสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมทณฺฑํ อาณาเปตู’’’ติ ฯ ‘‘ปุจฺฉิ ปน ตฺวํ, อาวุโส อานนฺท, ภควนฺตํ – ‘กตโม ปน, ภเนฺต, พฺรหฺมทโณฺฑ’’’ติ? ‘‘ปุจฺฉิํ โขหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ – ‘กตโม ปน, ภเนฺต, พฺรหฺมทโณฺฑ’’’ติ? ‘‘ฉโนฺน, อานนฺท, ภิกฺขุ ยํ อิเจฺฉยฺย ตํ วเทยฺยฯ ภิกฺขูหิ ฉโนฺน ภิกฺขุ เนว วตฺตโพฺพ, น โอวทิตโพฺพ, นานุสาสิตโพฺพ’’ติฯ ‘‘เตน หาวุโส อานนฺท, ตฺวํเยว ฉนฺนสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมทณฺฑํ อาณาเปหี’’ติฯ ‘‘กถาหํ, ภเนฺต, ฉนฺนสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมทณฺฑํ อาณาเปมิ, จโณฺฑ โส ภิกฺขุ ผรุโส’’ติ? ‘เตน หาวุโส อานนฺท, พหุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ คจฺฉาหี’’ติฯ ‘‘เอวํ ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท เถรานํ ภิกฺขูนํ ปฎิสฺสุตฺวา มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ นาวาย อุชฺชวนิกาย โกสมฺพิํ อุชฺชวิ, นาวาย ปโจฺจโรหิตฺวา รโญฺญ อุเทนสฺส 1 อุยฺยานสฺส อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิฯ เตน โข ปน สมเยน ราชา อุเทโน อุยฺยาเน ปริจาเรสิ สทฺธิํ โอโรเธนฯ อโสฺสสิ โข รโญฺญ อุเทนสฺส โอโรโธ – ‘‘อมฺหากํ กิร อาจริโย อโยฺย อานโนฺท อุยฺยานสฺส อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสิโนฺน’’ติฯ อถ โข รโญฺญ อุเทนสฺส โอโรโธ ราชานํ อุเทนํ เอตทโวจ – ‘‘อมฺหากํ กิร, เทว, อาจริโย อโยฺย อานโนฺท อุยฺยานสฺส อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสิโนฺนฯ อิจฺฉาม มยํ, เทว, อยฺยํ อานนฺทํ ปสฺสิตุ’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ ตุเมฺห สมณํ อานนฺทํ ปสฺสถา’’ติฯ

    445. Atha kho āyasmā ānando there bhikkhū etadavoca – ‘‘bhagavā maṃ, bhante, parinibbānakāle evamāha – ‘tena hānanda, saṅgho mamaccayena channassa bhikkhuno brahmadaṇḍaṃ āṇāpetū’’’ti . ‘‘Pucchi pana tvaṃ, āvuso ānanda, bhagavantaṃ – ‘katamo pana, bhante, brahmadaṇḍo’’’ti? ‘‘Pucchiṃ khohaṃ, bhante, bhagavantaṃ – ‘katamo pana, bhante, brahmadaṇḍo’’’ti? ‘‘Channo, ānanda, bhikkhu yaṃ iccheyya taṃ vadeyya. Bhikkhūhi channo bhikkhu neva vattabbo, na ovaditabbo, nānusāsitabbo’’ti. ‘‘Tena hāvuso ānanda, tvaṃyeva channassa bhikkhuno brahmadaṇḍaṃ āṇāpehī’’ti. ‘‘Kathāhaṃ, bhante, channassa bhikkhuno brahmadaṇḍaṃ āṇāpemi, caṇḍo so bhikkhu pharuso’’ti? ‘Tena hāvuso ānanda, bahukehi bhikkhūhi saddhiṃ gacchāhī’’ti. ‘‘Evaṃ bhante’’ti kho āyasmā ānando therānaṃ bhikkhūnaṃ paṭissutvā mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi nāvāya ujjavanikāya kosambiṃ ujjavi, nāvāya paccorohitvā rañño udenassa 2 uyyānassa avidūre aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi. Tena kho pana samayena rājā udeno uyyāne paricāresi saddhiṃ orodhena. Assosi kho rañño udenassa orodho – ‘‘amhākaṃ kira ācariyo ayyo ānando uyyānassa avidūre aññatarasmiṃ rukkhamūle nisinno’’ti. Atha kho rañño udenassa orodho rājānaṃ udenaṃ etadavoca – ‘‘amhākaṃ kira, deva, ācariyo ayyo ānando uyyānassa avidūre aññatarasmiṃ rukkhamūle nisinno. Icchāma mayaṃ, deva, ayyaṃ ānandaṃ passitu’’nti. ‘‘Tena hi tumhe samaṇaṃ ānandaṃ passathā’’ti.

    อถ โข รโญฺญ อุเทนสฺส โอโรโธ เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข รโญฺญ อุเทนสฺส โอโรธํ อายสฺมา อานโนฺท ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิ ฯ อถ โข รโญฺญ อุเทนสฺส โอโรโธ อายสฺมตา อานเนฺทน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุเตฺตชิโต สมฺปหํสิโต อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปญฺจ อุตฺตราสงฺคสตานิ ปาทาสิฯ อถ โข รโญฺญ อุเทนสฺส โอโรโธ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ราชา อุเทโน เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข ราชา อุเทโน โอโรธํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน โอโรธํ เอตทโวจ – ‘‘อปิ นุ โข ตุเมฺห สมณํ อานนฺทํ ปสฺสิตฺถา’’ติ? ‘‘อปสฺสิมฺหา โข มยํ, เทว, อยฺยํ อานนฺท’’นฺติฯ ‘‘อปิ นุ ตุเมฺห สมณสฺส อานนฺทสฺส กิญฺจิ อทตฺถา’’ติ? ‘‘อทมฺหา โข มยํ, เทว, อยฺยสฺส อานนฺทสฺส ปญฺจ อุตฺตราสงฺคสตานี’’ติฯ ราชา อุเทโน อุชฺฌายติ ขิยฺยติ วิปาเจติ – ‘‘กถญฺหิ นาม สมโณ อานโนฺท ตาว พหุํ จีวรํ ปฎิคฺคเหสฺสติ! ทุสฺสวาณิชฺชํ วา สมโณ อานโนฺท กริสฺสติ, ปคฺคาหิกสาลํ วา ปสาเรสฺสตี’’ติ!

    Atha kho rañño udenassa orodho yenāyasmā ānando tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho rañño udenassa orodhaṃ āyasmā ānando dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi . Atha kho rañño udenassa orodho āyasmatā ānandena dhammiyā kathāya sandassito samādapito samuttejito sampahaṃsito āyasmato ānandassa pañca uttarāsaṅgasatāni pādāsi. Atha kho rañño udenassa orodho āyasmato ānandassa bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena rājā udeno tenupasaṅkami. Addasā kho rājā udeno orodhaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna orodhaṃ etadavoca – ‘‘api nu kho tumhe samaṇaṃ ānandaṃ passitthā’’ti? ‘‘Apassimhā kho mayaṃ, deva, ayyaṃ ānanda’’nti. ‘‘Api nu tumhe samaṇassa ānandassa kiñci adatthā’’ti? ‘‘Adamhā kho mayaṃ, deva, ayyassa ānandassa pañca uttarāsaṅgasatānī’’ti. Rājā udeno ujjhāyati khiyyati vipāceti – ‘‘kathañhi nāma samaṇo ānando tāva bahuṃ cīvaraṃ paṭiggahessati! Dussavāṇijjaṃ vā samaṇo ānando karissati, paggāhikasālaṃ vā pasāressatī’’ti!

    อถ โข ราชา อุเทโน เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อานเนฺทน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ราชา อุเทโน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘อาคมา นุ ขฺวิธ, โภ อานนฺท, อมฺหากํ โอโรโธ’’ติ? ‘‘อาคมาสิ โข เต อิธ, มหาราช, โอโรโธ’’ติฯ ‘‘อปิ ปน โภโต อานนฺทสฺส กิญฺจิ อทาสี’’ติ? ‘‘อทาสิ โข เม, มหาราช, ปญฺจ อุตฺตราสงฺคสตานี’’ติฯ ‘‘กิํ ปน ภวํ อานโนฺท ตาว พหุํ จีวรํ กริสฺสตี’’ติ? ‘‘เย 3 เต, มหาราช, ภิกฺขู ทุพฺพลจีวรา เตหิ สทฺธิํ สํวิภชิสฺสามี’’ติฯ ‘‘ยานิ โข ปน, โภ อานนฺท, โปราณกานิ ทุพฺพลจีวรานิ ตานิ กถํ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตานิ, มหาราช, อุตฺตรตฺถรณํ กริสฺสามา’’ติฯ ‘‘ยานิ ปน, โภ อานนฺท, โปราณกานิ อุตฺตรตฺถรณานิ ตานิ กถํ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตานิ, มหาราช, ภิสิจฺฉวิโย กริสฺสามา’’ติฯ ‘‘ยา ปน, โภ อานนฺท, โปราณกา ภิสิจฺฉวิโย ตา กถํ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตา, มหาราช, ภูมตฺถรณํ กริสฺสามา’’ติฯ ‘‘ยานิ ปน, โภ อานนฺท, โปราณกานิ ภูมตฺถรณานิ ตานิ กถํ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตานิ, มหาราช, ปาทปุญฺฉนิโย กริสฺสามา’’ติฯ ‘‘ยา ปน, โภ อานนฺท, โปราณกา ปาทปุญฺฉนิโย ตา กถํ กริสฺสถา’’ติ?ฯ ‘‘ตา, มหาราช, รโชหรณํ กริสฺสามา’’ติฯ ‘‘ยานิ ปน, โภ อานนฺท, โปราณกานิ รโชหรณานิ ตานิ กถํ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตานิ, มหาราช, โกเฎฺฎตฺวา จิกฺขเลฺลน มทฺทิตฺวา ปริภณฺฑํ ลิมฺปิสฺสามา’’ติฯ

    Atha kho rājā udeno yenāyasmā ānando tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmatā ānandena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho rājā udeno āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘āgamā nu khvidha, bho ānanda, amhākaṃ orodho’’ti? ‘‘Āgamāsi kho te idha, mahārāja, orodho’’ti. ‘‘Api pana bhoto ānandassa kiñci adāsī’’ti? ‘‘Adāsi kho me, mahārāja, pañca uttarāsaṅgasatānī’’ti. ‘‘Kiṃ pana bhavaṃ ānando tāva bahuṃ cīvaraṃ karissatī’’ti? ‘‘Ye 4 te, mahārāja, bhikkhū dubbalacīvarā tehi saddhiṃ saṃvibhajissāmī’’ti. ‘‘Yāni kho pana, bho ānanda, porāṇakāni dubbalacīvarāni tāni kathaṃ karissathā’’ti? ‘‘Tāni, mahārāja, uttarattharaṇaṃ karissāmā’’ti. ‘‘Yāni pana, bho ānanda, porāṇakāni uttarattharaṇāni tāni kathaṃ karissathā’’ti? ‘‘Tāni, mahārāja, bhisicchaviyo karissāmā’’ti. ‘‘Yā pana, bho ānanda, porāṇakā bhisicchaviyo tā kathaṃ karissathā’’ti? ‘‘Tā, mahārāja, bhūmattharaṇaṃ karissāmā’’ti. ‘‘Yāni pana, bho ānanda, porāṇakāni bhūmattharaṇāni tāni kathaṃ karissathā’’ti? ‘‘Tāni, mahārāja, pādapuñchaniyo karissāmā’’ti. ‘‘Yā pana, bho ānanda, porāṇakā pādapuñchaniyo tā kathaṃ karissathā’’ti?. ‘‘Tā, mahārāja, rajoharaṇaṃ karissāmā’’ti. ‘‘Yāni pana, bho ānanda, porāṇakāni rajoharaṇāni tāni kathaṃ karissathā’’ti? ‘‘Tāni, mahārāja, koṭṭetvā cikkhallena madditvā paribhaṇḍaṃ limpissāmā’’ti.

    อถ โข ราชา อุเทโน – สเพฺพวิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา โยนิโส อุปเนนฺติ, น กุลวํ คเมนฺตีติ – อายสฺมโต อานนฺทสฺส อญฺญานิปิ ปญฺจ ทุสฺสสตานิ ปาทาสิฯ อยญฺจรหิ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปฐมํ จีวรภิกฺขา อุปฺปชฺชิ จีวรสหสฺสํฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน โฆสิตาราโม เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข อายสฺมา ฉโนฺน เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ ฉนฺนํ อายสฺมา อานโนฺท เอตทโวจ – ‘‘สเงฺฆน เต, อาวุโส ฉนฺน, พฺรหฺมทโณฺฑ อาณาปิโต’’ติฯ

    Atha kho rājā udeno – sabbevime samaṇā sakyaputtiyā yoniso upanenti, na kulavaṃ gamentīti – āyasmato ānandassa aññānipi pañca dussasatāni pādāsi. Ayañcarahi āyasmato ānandassa paṭhamaṃ cīvarabhikkhā uppajji cīvarasahassaṃ. Atha kho āyasmā ānando yena ghositārāmo tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho āyasmā channo yenāyasmā ānando tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ channaṃ āyasmā ānando etadavoca – ‘‘saṅghena te, āvuso channa, brahmadaṇḍo āṇāpito’’ti.

    ‘‘กตโม ปน, ภเนฺต อานนฺท, พฺรหฺมทโณฺฑ อาณาปิโต’’ติ? ‘‘ตฺวํ, อาวุโส ฉนฺน, ภิกฺขู ยํ อิเจฺฉยฺยาสิ ตํ วเทยฺยาสิฯ ภิกฺขูหิ ตฺวํ เนว วตฺตโพฺพ, น โอวทิตโพฺพ, นานุสาสิตโพฺพ’’ติฯ ‘‘นนฺวาหํ, ภเนฺต อานนฺท, หโต เอตฺตาวตา, ยโตหํ ภิกฺขูหิ เนว วตฺตโพฺพ, น โอวทิตโพฺพ, นานุสาสิตโพฺพ’’ติ ตเตฺถว มุจฺฉิโต ปปโตฯ อถ โข อายสฺมา ฉโนฺน พฺรหฺมทเณฺฑน อฎฺฎียมาโน หรายมาโน ชิคุจฺฉมาโน เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร จ ปนายสฺมา ฉโนฺน อรหตํ อโหสิฯ อถ โข อายสฺมา ฉโนฺน อรหตฺตํ ปโตฺต เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘ปฎิปฺปสฺสเมฺภหิ ทานิ เม, ภเนฺต อานนฺท, พฺรหฺมทณฺฑ’’นฺติฯ ‘‘ยทเคฺคน ตยา, อาวุโส ฉนฺน, อรหตฺตํ สจฺฉิกตํ ตทเคฺคน เต พฺรหฺมทโณฺฑ ปฎิปฺปสฺสโทฺธ’’ติฯ อิมาย โข ปน วินยสงฺคีติยา ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ อนูนานิ อนธิกานิ อเหสุํฯ ตสฺมา อยํ วินยสงฺคีติ ‘‘ปญฺจสติกา’’ติ วุจฺจตีติฯ

    ‘‘Katamo pana, bhante ānanda, brahmadaṇḍo āṇāpito’’ti? ‘‘Tvaṃ, āvuso channa, bhikkhū yaṃ iccheyyāsi taṃ vadeyyāsi. Bhikkhūhi tvaṃ neva vattabbo, na ovaditabbo, nānusāsitabbo’’ti. ‘‘Nanvāhaṃ, bhante ānanda, hato ettāvatā, yatohaṃ bhikkhūhi neva vattabbo, na ovaditabbo, nānusāsitabbo’’ti tattheva mucchito papato. Atha kho āyasmā channo brahmadaṇḍena aṭṭīyamāno harāyamāno jigucchamāno eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññāsi. Aññataro ca panāyasmā channo arahataṃ ahosi. Atha kho āyasmā channo arahattaṃ patto yenāyasmā ānando tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘paṭippassambhehi dāni me, bhante ānanda, brahmadaṇḍa’’nti. ‘‘Yadaggena tayā, āvuso channa, arahattaṃ sacchikataṃ tadaggena te brahmadaṇḍo paṭippassaddho’’ti. Imāya kho pana vinayasaṅgītiyā pañca bhikkhusatāni anūnāni anadhikāni ahesuṃ. Tasmā ayaṃ vinayasaṅgīti ‘‘pañcasatikā’’ti vuccatīti.

    ปญฺจสติกกฺขนฺธโก เอกาทสโมฯ

    Pañcasatikakkhandhako ekādasamo.

    อิมมฺหิ ขนฺธเก วตฺถู เตวีสติฯ

    Imamhi khandhake vatthū tevīsati.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    ปรินิพฺพุเต สมฺพุเทฺธ, เถโร กสฺสปสวฺหโย;

    Parinibbute sambuddhe, thero kassapasavhayo;

    อามนฺตยิ ภิกฺขุคณํ, สทฺธมฺมมนุปาลโก;

    Āmantayi bhikkhugaṇaṃ, saddhammamanupālako;

    ปาวายทฺธานมคฺคมฺหิ, สุภเทฺทน ปเวทิตํ;

    Pāvāyaddhānamaggamhi, subhaddena paveditaṃ;

    สงฺคายิสฺสาม สทฺธมฺมํ, อธโมฺม ปุเร ทิปฺปติฯ

    Saṅgāyissāma saddhammaṃ, adhammo pure dippati.

    เอเกนูน ปญฺจสตํ, อานนฺทมฺปิ จ อุจฺจินิ;

    Ekenūna pañcasataṃ, ānandampi ca uccini;

    ธมฺมวินยสงฺคีติํ, วสโนฺต คุหมุตฺตเมฯ

    Dhammavinayasaṅgītiṃ, vasanto guhamuttame.

    อุปาลิํ วินยํ ปุจฺฉิ, สุตฺตนฺตานนฺทปณฺฑิตํ;

    Upāliṃ vinayaṃ pucchi, suttantānandapaṇḍitaṃ;

    ปิฎกํ ตีณิ สงฺคีติํ, อกํสุ ชินสาวกาฯ

    Piṭakaṃ tīṇi saṅgītiṃ, akaṃsu jinasāvakā.

    น ปุจฺฉิ อกฺกมิตฺวาน, วนฺทาเปสิ น ยาจิ จฯ

    Na pucchi akkamitvāna, vandāpesi na yāci ca.

    ปพฺพชฺชํ มาตุคามสฺส, สทฺธาย ทุกฺกฎานิ เม;

    Pabbajjaṃ mātugāmassa, saddhāya dukkaṭāni me;

    ปุราโณ พฺรหฺมทณฺฑญฺจ, โอโรโธ อุเทเนน สหฯ

    Purāṇo brahmadaṇḍañca, orodho udenena saha.

    ตาว พหุ ทุพฺพลญฺจ, อุตฺตรตฺถรณา ภิสิ;

    Tāva bahu dubbalañca, uttarattharaṇā bhisi;

    ภูมตฺถรณา ปุญฺฉนิโย, รโช จิกฺขลฺลมทฺทนาฯ

    Bhūmattharaṇā puñchaniyo, rajo cikkhallamaddanā.

    สหสฺสจีวรํ อุปฺปชฺชิ, ปฐมานนฺทสวฺหโย;

    Sahassacīvaraṃ uppajji, paṭhamānandasavhayo;

    ตชฺชิโต พฺรหฺมทเณฺฑน, จตุสฺสจฺจํ อปาปุณิ;

    Tajjito brahmadaṇḍena, catussaccaṃ apāpuṇi;

    วสีภูตา ปญฺจสตา, ตสฺมา ปญฺจสตี อิติฯ

    Vasībhūtā pañcasatā, tasmā pañcasatī iti.

    ปญฺจสติกกฺขนฺธกํ นิฎฺฐิตํฯ

    Pañcasatikakkhandhakaṃ niṭṭhitaṃ.







    Footnotes:
    1. อุเตนสฺส (ก.)
    2. utenassa (ka.)
    3. เย ปน (ก.)
    4. ye pana (ka.)



    Related texts:



    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / พฺรหฺมทณฺฑกถาวณฺณนา • Brahmadaṇḍakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / พฺรหฺมทณฺฑกถาวณฺณนา • Brahmadaṇḍakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ขุทฺทานุขุทฺทกสิกฺขาปทกถาวณฺณนา • Khuddānukhuddakasikkhāpadakathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact