Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๒๓] ๓. พฺรหฺมทตฺตชาตกวณฺณนา

    [323] 3. Brahmadattajātakavaṇṇanā

    ทฺวยํ ยาจนโกติ อิทํ สตฺถา อาฬวิํ นิสฺสาย อคฺคาฬเว เจติเย วิหรโนฺต กุฎิการสิกฺขาปทํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ ปน เหฎฺฐา มณิกณฺฐชาตเก (ชา. ๑.๓.๗ อาทโย) อาคตเมวฯ อิธ ปน สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ยาจนพหุลา วิญฺญตฺติพหุลา วิหรถา’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต เต ภิกฺขู ครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, โปราณกปณฺฑิตา ปถวิสฺสเรน รญฺญา ปวาริตาปิ ปณฺณจฺฉตฺตญฺจ เอกปฎลิกํ อุปาหนยุคญฺจ ยาจิตุกามา หิโรตฺตปฺปเภทนภเยน มหาชนมเชฺฌ อกเถตฺวา รโห กถยิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Dvayaṃ yācanakoti idaṃ satthā āḷaviṃ nissāya aggāḷave cetiye viharanto kuṭikārasikkhāpadaṃ ārabbha kathesi. Vatthu pana heṭṭhā maṇikaṇṭhajātake (jā. 1.3.7 ādayo) āgatameva. Idha pana satthā ‘‘saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, yācanabahulā viññattibahulā viharathā’’ti vatvā ‘‘āma, bhante’’ti vutte te bhikkhū garahitvā ‘‘bhikkhave, porāṇakapaṇḍitā pathavissarena raññā pavāritāpi paṇṇacchattañca ekapaṭalikaṃ upāhanayugañca yācitukāmā hirottappabhedanabhayena mahājanamajjhe akathetvā raho kathayiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต กปิลรเฎฺฐ อุตฺตรปญฺจาลนคเร อุตฺตรปญฺจาลราเช รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เอกสฺมิํ นิคมคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวเนฺต อุญฺฉาจริยาย วนมูลผลาผเลน ยาเปโนฺต จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ วิจรโนฺต อุตฺตรปญฺจาลนครํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ ปริเยสมาโน นครํ ปวิสิตฺวา ราชทฺวารํ สมฺปาปุณิฯ ราชา ตสฺสาจาเร จ วิหาเร จ ปสีทิตฺวา มหาตเล นิสีทาเปตฺวา ราชารหํ ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา ปฎิญฺญํ คเหตฺวา อุยฺยาเนเยว วสาเปสิฯ โส นิพทฺธํ ราชฆเรเยว ภุญฺชโนฺต วสฺสานสฺส อจฺจเยน หิมวนฺตเมว คนฺตุกาโม หุตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘มยฺหํ มคฺคํ คจฺฉนฺตสฺส เอกปฎลิกา อุปาหนา เจว ปณฺณจฺฉตฺตญฺจ ลทฺธุํ วฎฺฎติ, ราชานํ ยาจิสฺสามี’’ติฯ โส เอกทิวสํ ราชานํ อุยฺยานํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อุปาหนญฺจ ฉตฺตญฺจ ยาจิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปุน จิเนฺตสิ ‘‘ปรํ ‘อิมํ นาม เทหี’ติ ยาจโนฺต โรทติ นาม, ปโรปิ ‘นตฺถี’ติ วทโนฺต ปฎิโรทติ นาม, ‘มา โข ปน มํ โรทนฺตํ มหาชโน อทฺทส, มา ราชาน’’นฺติ รโห ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน อุโภปิ โรทิตฺวา ตุณฺหี ภวิสฺสามา’’ติฯ อถ นํ ‘‘มหาราช, รโห ปจฺจาสีสามี’’ติ อาหฯ ราชา ตํ สุตฺวา ราชปุริเส อปสกฺกิฯ โพธิสโตฺต ‘‘สเจ มยิ ยาจเนฺต ราชา น ทสฺสติ, เมตฺติ โน ภิชฺชิสฺสติ, ตสฺมา น ยาจิสฺสามี’’ติ ตํ ทิวสํ นามํ คเหตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘คจฺฉ, ตาว, มหาราช, ปุเนกทิวสํ ชานิสฺสามี’’ติ อาหฯ

    Atīte kapilaraṭṭhe uttarapañcālanagare uttarapañcālarāje rajjaṃ kārente bodhisatto ekasmiṃ nigamagāme brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā aparabhāge tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā himavante uñchācariyāya vanamūlaphalāphalena yāpento ciraṃ vasitvā loṇambilasevanatthāya manussapathaṃ vicaranto uttarapañcālanagaraṃ patvā rājuyyāne vasitvā punadivase bhikkhaṃ pariyesamāno nagaraṃ pavisitvā rājadvāraṃ sampāpuṇi. Rājā tassācāre ca vihāre ca pasīditvā mahātale nisīdāpetvā rājārahaṃ paṇītabhojanaṃ bhojetvā paṭiññaṃ gahetvā uyyāneyeva vasāpesi. So nibaddhaṃ rājaghareyeva bhuñjanto vassānassa accayena himavantameva gantukāmo hutvā cintesi ‘‘mayhaṃ maggaṃ gacchantassa ekapaṭalikā upāhanā ceva paṇṇacchattañca laddhuṃ vaṭṭati, rājānaṃ yācissāmī’’ti. So ekadivasaṃ rājānaṃ uyyānaṃ āgantvā vanditvā nisinnaṃ disvā ‘‘upāhanañca chattañca yācissāmī’’ti cintetvā puna cintesi ‘‘paraṃ ‘imaṃ nāma dehī’ti yācanto rodati nāma, paropi ‘natthī’ti vadanto paṭirodati nāma, ‘mā kho pana maṃ rodantaṃ mahājano addasa, mā rājāna’’nti raho paṭicchannaṭṭhāne ubhopi roditvā tuṇhī bhavissāmā’’ti. Atha naṃ ‘‘mahārāja, raho paccāsīsāmī’’ti āha. Rājā taṃ sutvā rājapurise apasakki. Bodhisatto ‘‘sace mayi yācante rājā na dassati, metti no bhijjissati, tasmā na yācissāmī’’ti taṃ divasaṃ nāmaṃ gahetuṃ asakkonto ‘‘gaccha, tāva, mahārāja, punekadivasaṃ jānissāmī’’ti āha.

    ปุเนกทิวสํ รโญฺญ อุยฺยานํ อาคตกาเล ตเถว ปุน ตเถวาติ เอวํ ยาจิตุํ อสโกฺกนฺตเสฺสว ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิฯ ตโต ราชา จิเนฺตสิ ‘‘มยฺหํ อโยฺย ‘มหาราช, รโห ปจฺจาสีสามี’ติ วตฺวา ปริสาย อปคตาย กิญฺจิ วตฺตุํ น วิสหติ, วตฺตุกามเสฺสวสฺส ทฺวาทส วสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ, จิรํ โข ปนสฺส พฺรหฺมจริยํ จรนฺตสฺส อุกฺกณฺฐิตฺวา โภเค ภุญฺชิตุกาโม รชฺชํ ปจฺจาสีสติ มเญฺญ, รชฺชสฺส ปน นามํ คเหตุํ อสโกฺกโนฺต ตุณฺหี โหติ, อชฺช ทานิสฺสาหํ รชฺชํ อาทิํ กตฺวา ยํ อิจฺฉติ, ตํ ทสฺสามี’’ติฯ โส อุยฺยานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสิโนฺน โพธิสเตฺตน ‘‘รโห ปจฺจาสีสามี’’ติ วุเตฺต ปริสาย อปคตาย ตํ กิญฺจิ วตฺตุํ อสโกฺกนฺตํ อาห ‘‘ตุเมฺห ทฺวาทส วสฺสานิ ‘รโห ปจฺจาสีสามี’ติ วตฺวา รโห ลทฺธาปิ กิญฺจิ วตฺตุํ น สโกฺกถ, อหํ โว รชฺชํ อาทิํ กตฺวา สพฺพํ ปวาเรมิ, นิพฺภยา หุตฺวา ยํ โว รุจฺจติ, ตํ ยาจถา’’ติฯ ‘‘มหาราช, ยมหํ ยาจามิ, ตํ ทสฺสสี’’ติ? ‘‘ทสฺสามิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘มหาราช, มยฺหํ มคฺคํ คจฺฉนฺตสฺส เอกปฎลิกา อุปาหนา จ ปณฺณจฺฉตฺตญฺจ ลทฺธุํ วฎฺฎตี’’ติฯ ‘‘เอตฺตกํ, ภเนฺต, ตุเมฺห ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ ยาจิตุํ น สโกฺกถา’’ติฯ ‘‘อาม, มหาราชา’’ติฯ ‘‘กิํการณา, ภเนฺต, เอวมกตฺถา’’ติฯ ‘‘มหาราช, ‘อิมํ นาม เม เทหี’ติ ยาจโนฺต โรทติ นาม, ‘นตฺถี’ติ วทโนฺต ปฎิโรทติ นามฯ ‘สเจ ตฺวํ มยา ยาจิโต น ทเทยฺยาสิ, ตํ โน โรทิตปฎิโรทิตํ นาม มหาชโน มา ปสฺสตู’ติ เอตทตฺถํ รโห ปจฺจาสีสามี’’ติ วตฺวา อาทิโต ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Punekadivasaṃ rañño uyyānaṃ āgatakāle tatheva puna tathevāti evaṃ yācituṃ asakkontasseva dvādasa saṃvaccharāni atikkantāni. Tato rājā cintesi ‘‘mayhaṃ ayyo ‘mahārāja, raho paccāsīsāmī’ti vatvā parisāya apagatāya kiñci vattuṃ na visahati, vattukāmassevassa dvādasa vassāni atikkantāni, ciraṃ kho panassa brahmacariyaṃ carantassa ukkaṇṭhitvā bhoge bhuñjitukāmo rajjaṃ paccāsīsati maññe, rajjassa pana nāmaṃ gahetuṃ asakkonto tuṇhī hoti, ajja dānissāhaṃ rajjaṃ ādiṃ katvā yaṃ icchati, taṃ dassāmī’’ti. So uyyānaṃ gantvā vanditvā nisinno bodhisattena ‘‘raho paccāsīsāmī’’ti vutte parisāya apagatāya taṃ kiñci vattuṃ asakkontaṃ āha ‘‘tumhe dvādasa vassāni ‘raho paccāsīsāmī’ti vatvā raho laddhāpi kiñci vattuṃ na sakkotha, ahaṃ vo rajjaṃ ādiṃ katvā sabbaṃ pavāremi, nibbhayā hutvā yaṃ vo ruccati, taṃ yācathā’’ti. ‘‘Mahārāja, yamahaṃ yācāmi, taṃ dassasī’’ti? ‘‘Dassāmi, bhante’’ti. ‘‘Mahārāja, mayhaṃ maggaṃ gacchantassa ekapaṭalikā upāhanā ca paṇṇacchattañca laddhuṃ vaṭṭatī’’ti. ‘‘Ettakaṃ, bhante, tumhe dvādasa saṃvaccharāni yācituṃ na sakkothā’’ti. ‘‘Āma, mahārājā’’ti. ‘‘Kiṃkāraṇā, bhante, evamakatthā’’ti. ‘‘Mahārāja, ‘imaṃ nāma me dehī’ti yācanto rodati nāma, ‘natthī’ti vadanto paṭirodati nāma. ‘Sace tvaṃ mayā yācito na dadeyyāsi, taṃ no roditapaṭiroditaṃ nāma mahājano mā passatū’ti etadatthaṃ raho paccāsīsāmī’’ti vatvā ādito tisso gāthā abhāsi –

    ๘๙.

    89.

    ‘‘ทฺวยํ ยาจนโก ราช, พฺรหฺมทตฺต นิคจฺฉติ;

    ‘‘Dvayaṃ yācanako rāja, brahmadatta nigacchati;

    อลาภํ ธนลาภํ วา, เอวํธมฺมา หิ ยาจนาฯ

    Alābhaṃ dhanalābhaṃ vā, evaṃdhammā hi yācanā.

    ๙๐.

    90.

    ‘‘ยาจนํ โรทนํ อาหุ, ปญฺจาลานํ รเถสภ;

    ‘‘Yācanaṃ rodanaṃ āhu, pañcālānaṃ rathesabha;

    โย ยาจนํ ปจฺจกฺขาติ, ตมาหุ ปฎิโรทนํฯ

    Yo yācanaṃ paccakkhāti, tamāhu paṭirodanaṃ.

    ๙๑.

    91.

    ‘‘มา มทฺทสํสุ โรทนฺตํ, ปญฺจาลา สุสมาคตา;

    ‘‘Mā maddasaṃsu rodantaṃ, pañcālā susamāgatā;

    ตุวํ วา ปฎิโรทนฺตํ, ตสฺมา อิจฺฉามหํ รโห’’ติฯ

    Tuvaṃ vā paṭirodantaṃ, tasmā icchāmahaṃ raho’’ti.

    ตตฺถ ราช พฺรหฺมทตฺตาติ ทฺวีหิปิ ราชานํ อาลปติฯ นิคจฺฉตีติ ลภติ วินฺทติฯ เอวํธมฺมาติ เอวํสภาวาฯ อาหูติ ปณฺฑิตา กเถนฺติฯ ปญฺจาลานํ รเถสภาติ ปญฺจาลรฎฺฐสฺส อิสฺสร รถปวรฯ โย ยาจนํ ปจฺจกฺขาตีติ โย ปน ยํ ยาจนกํ ‘‘นตฺถี’’ติ ปฎิกฺขิปติฯ ตมาหูติ ตํ ปฎิกฺขิปนํ ‘‘ปฎิโรทน’’นฺติ วทนฺติฯ มา มทฺทสํสูติ ตว รฎฺฐวาสิโน ปญฺจาลา สุสมาคตา มํ โรทนฺตํ มา อทฺทสํสูติฯ

    Tattha rāja brahmadattāti dvīhipi rājānaṃ ālapati. Nigacchatīti labhati vindati. Evaṃdhammāti evaṃsabhāvā. Āhūti paṇḍitā kathenti. Pañcālānaṃ rathesabhāti pañcālaraṭṭhassa issara rathapavara. Yo yācanaṃ paccakkhātīti yo pana yaṃ yācanakaṃ ‘‘natthī’’ti paṭikkhipati. Tamāhūti taṃ paṭikkhipanaṃ ‘‘paṭirodana’’nti vadanti. Mā maddasaṃsūti tava raṭṭhavāsino pañcālā susamāgatā maṃ rodantaṃ mā addasaṃsūti.

    ราชา โพธิสตฺตสฺส คารวลกฺขเณ ปสีทิตฺวา วรํ ททมาโน จตุตฺถํ คาถมาห –

    Rājā bodhisattassa gāravalakkhaṇe pasīditvā varaṃ dadamāno catutthaṃ gāthamāha –

    ๙๒.

    92.

    ‘‘ททามิ เต พฺราหฺมณ โรหิณีนํ, ควํ สหสฺสํ สห ปุงฺคเวน;

    ‘‘Dadāmi te brāhmaṇa rohiṇīnaṃ, gavaṃ sahassaṃ saha puṅgavena;

    อริโย หิ อริยสฺส กถํ น ทชฺชา, สุตฺวาน คาถา ตว ธมฺมยุตฺตา’’ติฯ

    Ariyo hi ariyassa kathaṃ na dajjā, sutvāna gāthā tava dhammayuttā’’ti.

    ตตฺถ โรหิณีนนฺติ รตฺตวณฺณานํฯ อริโยติ อาจารสมฺปโนฺนฯ อริยสฺสาติ อาจารสมฺปนฺนสฺสฯ กถํ น ทชฺชาติ เกน การเณน น ทเทยฺยฯ ธมฺมยุตฺตาติ การณยุตฺตาฯ

    Tattha rohiṇīnanti rattavaṇṇānaṃ. Ariyoti ācārasampanno. Ariyassāti ācārasampannassa. Kathaṃ na dajjāti kena kāraṇena na dadeyya. Dhammayuttāti kāraṇayuttā.

    โพธิสโตฺต ปน ‘‘นาหํ, มหาราช, วตฺถุกาเมหิ อตฺถิโก, ยํ อหํ ยาจามิ, ตเทว เม เทหี’’ติ เอกปฎลิกา อุปาหนา จ ปณฺณจฺฉตฺตญฺจ คเหตฺวา ‘‘มหาราช, อปฺปมโตฺต โหหิ, ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺขาหิ, อุโปสถกมฺมํ กโรหี’’ติ ราชานํ โอวทิตฺวา ตสฺส ยาจนฺตเสฺสว หิมวนฺตเมว คโตฯ ตตฺถ อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ

    Bodhisatto pana ‘‘nāhaṃ, mahārāja, vatthukāmehi atthiko, yaṃ ahaṃ yācāmi, tadeva me dehī’’ti ekapaṭalikā upāhanā ca paṇṇacchattañca gahetvā ‘‘mahārāja, appamatto hohi, dānaṃ dehi, sīlaṃ rakkhāhi, uposathakammaṃ karohī’’ti rājānaṃ ovaditvā tassa yācantasseva himavantameva gato. Tattha abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā brahmalokaparāyaṇo ahosi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.

    พฺรหฺมทตฺตชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Brahmadattajātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๒๓. พฺรหฺมทตฺตชาตกํ • 323. Brahmadattajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact