Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๑๒. พฺรหฺมทตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา
12. Brahmadattattheragāthāvaṇṇanā
อโกฺกธสฺสาติอาทิกา อายสฺมโต พฺรหฺมทตฺตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ โกสลรโญฺญ ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, พฺรหฺมทโตฺตติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วยปฺปโตฺต เชตวนมเห พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต สห ปฎิสมฺภิทาหิ ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ ตํ เอกทิวสํ นคเร ปิณฺฑาย จรนฺตํ อญฺญตโร พฺราหฺมโณ อโกฺกสิฯ เถโร ตํ สุตฺวาปิ ตุณฺหีภูโต ปิณฺฑาย จรติเยว, พฺราหฺมโณ ปุนปิ อโกฺกสิเยวฯ มนุสฺสา เอวํ อโกฺกสนฺตมฺปิ นํ ‘‘อยํ เถโร น กิญฺจิ ภณตี’’ติ อาหํสุฯ ตํ สุตฺวา เถโร เตสํ มนุสฺสานํ ธมฺมํ เทเสโนฺต –
Akkodhassātiādikā āyasmato brahmadattattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinitvā imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ kosalarañño putto hutvā nibbatti, brahmadattotissa nāmaṃ ahosi. So vayappatto jetavanamahe buddhānubhāvaṃ disvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karonto saha paṭisambhidāhi chaḷabhiñño ahosi. Taṃ ekadivasaṃ nagare piṇḍāya carantaṃ aññataro brāhmaṇo akkosi. Thero taṃ sutvāpi tuṇhībhūto piṇḍāya caratiyeva, brāhmaṇo punapi akkosiyeva. Manussā evaṃ akkosantampi naṃ ‘‘ayaṃ thero na kiñci bhaṇatī’’ti āhaṃsu. Taṃ sutvā thero tesaṃ manussānaṃ dhammaṃ desento –
๔๔๑.
441.
‘‘อโกฺกธสฺส กุโต โกโธ, ทนฺตสฺส สมชีวิโน;
‘‘Akkodhassa kuto kodho, dantassa samajīvino;
สมฺมทญฺญา วิมุตฺตสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโนฯ
Sammadaññā vimuttassa, upasantassa tādino.
๔๔๒.
442.
‘‘ตเสฺสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฎิกุชฺฌติ;
‘‘Tasseva tena pāpiyo, yo kuddhaṃ paṭikujjhati;
กุทฺธํ อปฺปฎิกุชฺฌโนฺต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํฯ
Kuddhaṃ appaṭikujjhanto, saṅgāmaṃ jeti dujjayaṃ.
๔๔๓.
443.
‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
‘‘Ubhinnamatthaṃ carati, attano ca parassa ca;
ปรํ สงฺกุปิตํ ญตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติฯ
Paraṃ saṅkupitaṃ ñatvā, yo sato upasammati.
๔๔๔.
444.
‘‘อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตํ ตํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
‘‘Ubhinnaṃ tikicchantaṃ taṃ, attano ca parassa ca;
ชนา มญฺญนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทาฯ (สํ. นิ. ๑.๑๘๙);
Janā maññanti bāloti, ye dhammassa akovidā. (saṃ. ni. 1.189);
๔๔๕.
445.
‘‘อุปฺปเชฺช เต สเจ โกโธ, อาวชฺช กกจูปมํ;
‘‘Uppajje te sace kodho, āvajja kakacūpamaṃ;
อุปฺปเชฺช เจ รเส ตณฺหา, ปุตฺตมํสูปมํ สรฯ
Uppajje ce rase taṇhā, puttamaṃsūpamaṃ sara.
๔๔๖.
446.
‘‘สเจ ธาวติ จิตฺตํ เต, กาเมสุ จ ภเวสุ จ;
‘‘Sace dhāvati cittaṃ te, kāmesu ca bhavesu ca;
ขิปฺปํ นิคฺคณฺห สติยา, กิฎฺฐาทํ วิย ทุปฺปสุ’’นฺติฯ –
Khippaṃ niggaṇha satiyā, kiṭṭhādaṃ viya duppasu’’nti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
ตตฺถ อโกฺกธสฺสาติ โกธรหิตสฺส มเคฺคน สมุจฺฉินฺนโกธสฺสฯ กุโต โกโธติ กุโต นาม เหตุ โกโธ อุปฺปเชฺชยฺย, ตสฺส อุปฺปตฺติการณํ นตฺถีติ อโตฺถฯ ทนฺตสฺสาติ อุตฺตเมน ทเมน อคฺคมคฺคทมเถน ทนฺตสฺสฯ สมชีวิโนติ กายวิสมาทีนิ สพฺพโส ปหาย กายสมาทีนํ วเสน สมํ ชีวนฺตสฺส สตฺตฎฺฐานิเยน สมฺปชเญฺญน สมฺมเทว วตฺตนฺตสฺสฯ สมฺมทญฺญา วิมุตฺตสฺสาติ สมฺมา อญฺญาย อภิเญฺญยฺยาทิเก ธเมฺม ชานิตฺวา สพฺพาสเวหิ วิปฺปมุตฺตสฺสฯ ตโต เอว สพฺพกิเลสทรถปริฬาหวูปสเมน อุปสนฺตสฺสฯ อิฎฺฐาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาทิโน ขีณาสวสฺส กุโต โกโธติ อญฺญาปเทเสน เถโร อตฺตโน โกธาภาวํ ตสฺส จ การณานิ วตฺวา อิทานิ โกเธ อโกเธ จ อาทีนวานิสํสทสฺสเนน ธมฺมํ กเถโนฺต ‘‘ตเสฺสวา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ โย กุทฺธํ ปฎิกุชฺฌตีติ โย ปุคฺคโล อตฺตโน อุปริ กุทฺธํ กุปิตํ ปุคฺคลํ ปฎิกุชฺฌติ, ตเสฺสว เตน ปฎิกุชฺฌนปจฺจโกฺกสนปฎิปฺปหรณาทินา ปาปิโย อิธโลเก วิญฺญูครหาทิวเสน ปรโลเก นิรยทุกฺขาทิวเสน อภทฺทกตรํ อกลฺยาณตรํ โหติฯ กุชฺฌเนน ปน อกุทฺธสฺส ปาปํ โหตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ เกจิ ปน ‘‘โย อกุทฺธํ ปฎิกุทฺธํ อารพฺภ กุชฺฌตี’’ติ อตฺถํ วทนฺติฯ กุทฺธํ อปฺปฎิกุชฺฌโนฺตติ โย ปน กุทฺธํ ปุคฺคลํ ‘‘อยํ กุโทฺธ โกธปเรโต’’ติ ญตฺวา น ปฎิกุชฺฌติ ขมติ, โส ทุชฺชยํ กิเลสสงฺคามํ เชติ นามฯ น เกวลญฺจสฺส กิเลสสงฺคามชโย เอว, อถ โข อุภยหิตปฎิปตฺติมฺปีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อุภินฺนมตฺถํ…เป.… อุปสมฺมตี’’ติฯ โย ปรํ ปุคฺคลํ สงฺกุปิตํ กุทฺธํ ‘‘โกธปเรโต’’ติ ญตฺวา ตํ เมตฺตายโนฺต อชฺฌุเปกฺขโนฺต วา สโต สมฺปชาโน หุตฺวา อุปสมฺมติ ขมติ น ปฎิปฺผรติฯ โส อตฺตโน จ ปรสฺส จาติ อุภินฺนํ อุภยโลกสุขาวหํ อตฺถํ หิตํ จรติฯ
Tattha akkodhassāti kodharahitassa maggena samucchinnakodhassa. Kuto kodhoti kuto nāma hetu kodho uppajjeyya, tassa uppattikāraṇaṃ natthīti attho. Dantassāti uttamena damena aggamaggadamathena dantassa. Samajīvinoti kāyavisamādīni sabbaso pahāya kāyasamādīnaṃ vasena samaṃ jīvantassa sattaṭṭhāniyena sampajaññena sammadeva vattantassa. Sammadaññā vimuttassāti sammā aññāya abhiññeyyādike dhamme jānitvā sabbāsavehi vippamuttassa. Tato eva sabbakilesadarathapariḷāhavūpasamena upasantassa. Iṭṭhādīsu tādilakkhaṇappattiyā tādino khīṇāsavassa kuto kodhoti aññāpadesena thero attano kodhābhāvaṃ tassa ca kāraṇāni vatvā idāni kodhe akodhe ca ādīnavānisaṃsadassanena dhammaṃ kathento ‘‘tassevā’’tiādimāha. Tattha yo kuddhaṃ paṭikujjhatīti yo puggalo attano upari kuddhaṃ kupitaṃ puggalaṃ paṭikujjhati, tasseva tena paṭikujjhanapaccakkosanapaṭippaharaṇādinā pāpiyo idhaloke viññūgarahādivasena paraloke nirayadukkhādivasena abhaddakataraṃ akalyāṇataraṃ hoti. Kujjhanena pana akuddhassa pāpaṃ hotīti vattabbameva natthi. Keci pana ‘‘yo akuddhaṃ paṭikuddhaṃ ārabbha kujjhatī’’ti atthaṃ vadanti. Kuddhaṃ appaṭikujjhantoti yo pana kuddhaṃ puggalaṃ ‘‘ayaṃ kuddho kodhapareto’’ti ñatvā na paṭikujjhati khamati, so dujjayaṃ kilesasaṅgāmaṃ jeti nāma. Na kevalañcassa kilesasaṅgāmajayo eva, atha kho ubhayahitapaṭipattimpīti dassento āha ‘‘ubhinnamatthaṃ…pe… upasammatī’’ti. Yo paraṃ puggalaṃ saṅkupitaṃ kuddhaṃ ‘‘kodhapareto’’ti ñatvā taṃ mettāyanto ajjhupekkhanto vā sato sampajāno hutvā upasammati khamati na paṭippharati. So attano ca parassa cāti ubhinnaṃ ubhayalokasukhāvahaṃ atthaṃ hitaṃ carati.
อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตํ ตนฺติ ตํ อตฺตโน จ ปรสฺส จาติ อุภินฺนํ ทฺวินฺนํ โกธพฺยาธิติกิจฺฉาย ติกิจฺฉนฺตํ ขมนฺตํ ปุคฺคลํ เย ชนา ธมฺมสฺส อริยาจารธเมฺม อกุสลา, เต พาลา ‘‘อยํ อวิทฺทสุ โย อตฺตานํ อโกฺกสนฺตสฺส ปหรนฺตสฺส กิญฺจิ น กโรตี’’ติ มญฺญนฺติ , ตํ เตสํ อโยนิโส มญฺญนนฺติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘ติกิจฺฉน’’นฺติปิ ปฐนฺติ, ติกิจฺฉนสภาวนฺติ อโตฺถฯ
Ubhinnaṃ tikicchantaṃ tanti taṃ attano ca parassa cāti ubhinnaṃ dvinnaṃ kodhabyādhitikicchāya tikicchantaṃ khamantaṃ puggalaṃ ye janā dhammassa ariyācāradhamme akusalā, te bālā ‘‘ayaṃ aviddasu yo attānaṃ akkosantassa paharantassa kiñci na karotī’’ti maññanti , taṃ tesaṃ ayoniso maññananti adhippāyo. ‘‘Tikicchana’’ntipi paṭhanti, tikicchanasabhāvanti attho.
เอวํ เถเรน วุจฺจมานํ ธมฺมํ สุตฺวา อโกฺกสกพฺราหฺมโณ สํวิโคฺค ปสนฺนจิโตฺต จ หุตฺวา เถรํ ขมาเปตฺวา ตเสฺสว สนฺติเก ปพฺพชิฯ เถโร ตสฺส กมฺมฎฺฐานํ เทโนฺต ‘‘อิมสฺส เมตฺตาภาวนา ยุตฺตา’’ติ เมตฺตากมฺมฎฺฐานํ ทตฺวา โกธปริยุฎฺฐานาทีสุ ปจฺจเวกฺขณาทิวิธิํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อุปฺปเชฺช เต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุปฺปเชฺช เต สเจติ สเจ เต กมฺมฎฺฐานํ อนุยุญฺชนฺตสฺส กญฺจิ ปุคฺคลํ นิสฺสาย จิรปริจโย โกโธ อุปฺปเชฺชยฺย, ตสฺส วูปสมาย –
Evaṃ therena vuccamānaṃ dhammaṃ sutvā akkosakabrāhmaṇo saṃviggo pasannacitto ca hutvā theraṃ khamāpetvā tasseva santike pabbaji. Thero tassa kammaṭṭhānaṃ dento ‘‘imassa mettābhāvanā yuttā’’ti mettākammaṭṭhānaṃ datvā kodhapariyuṭṭhānādīsu paccavekkhaṇādividhiṃ dassento ‘‘uppajje te’’tiādimāha. Tattha uppajje te saceti sace te kammaṭṭhānaṃ anuyuñjantassa kañci puggalaṃ nissāya ciraparicayo kodho uppajjeyya, tassa vūpasamāya –
‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกเนฺตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปทูเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๒) –
‘‘Ubhatodaṇḍakena cepi, bhikkhave, kakacena corā ocarakā aṅgamaṅgāni okanteyyuṃ, tatrāpi yo mano padūseyya, na me so tena sāsanakaro’’ti (ma. ni. 1.232) –
สตฺถารา วุตฺตํ กกจูปมํ โอวาทํ อาวเชฺชหิฯ อุปฺปเชฺช เจ รเส ตณฺหาติ สเจ เต มธุราทิเภเท รเส ตณฺหา อภิลาโส อุปฺปเชฺชยฺย, ตสฺส วูปสมาย –
Satthārā vuttaṃ kakacūpamaṃ ovādaṃ āvajjehi. Uppajje ce rase taṇhāti sace te madhurādibhede rase taṇhā abhilāso uppajjeyya, tassa vūpasamāya –
‘‘ปุตฺตมํสํ ชายมฺปติกา ยถา กนฺตารนิตฺถรณตฺถเมว ขาทิํสุ, น รสตณฺหาย เอวํ กุลปุโตฺตปิ ปพฺพชิโต ปิณฺฑปาตํ ปฎิเสวติ…เป.… ผาสุวิหาโร จา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๓ อตฺถโต สมานํ) –
‘‘Puttamaṃsaṃ jāyampatikā yathā kantāranittharaṇatthameva khādiṃsu, na rasataṇhāya evaṃ kulaputtopi pabbajito piṇḍapātaṃ paṭisevati…pe… phāsuvihāro cā’’ti (saṃ. ni. 2.63 atthato samānaṃ) –
เอวํ วุตฺตํ ปุตฺตมํสูปโมวาทํ สร อนุสฺสรฯ
Evaṃ vuttaṃ puttamaṃsūpamovādaṃ sara anussara.
สเจ ธาวติ เต จิตฺตนฺติ อโยนิโส มนสิ กโรโต ตว จิตฺตํ กาเมสุ ปญฺจกามคุเณสุ ฉนฺทราควเสน, กามภวาทีสุ ภเวสุ ภวปตฺถนาวเสน สเจ ธาวติ สรติ ชวติฯ ขิปฺปํ นิคฺคณฺห สติยา, กิฎฺฐาทํ วิย ทุปฺปสุนฺติ ตถา ธาวิตุํ อเทโนฺต ยถา นาม ปุริโส กิฎฺฐาทํ สสฺสขาทกํ ทุปฺปสุํ ทุฎฺฐโคณํ โยเตฺตน ถเมฺภ พนฺธิตฺวา อตฺตโน วเส วเตฺตติ, เอวํ สติยา สติโยเตฺตน สมฺมาธิถเมฺภ พนฺธโนฺต ขิปฺปํ สีฆเมว นิคฺคณฺห, ยถา กิเลสวิคเมน นิพฺพิเสวนํ โหติ, ตถา ทเมหีติฯ เกจิ ปน ‘‘เถโร ปุถุชฺชโนว หุตฺวา อโกฺกสํ อธิวาเสโนฺต เตสํ มนุสฺสานํ อริยคุเณ ปกาเสโนฺต ธมฺมํ กเถตฺวา ปจฺฉา ทฺวีหิ คาถาหิ อตฺตานํ โอวทโนฺต วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อญฺญํ พฺยากโรโนฺต อิมาเยว คาถา อภาสี’’ติ วทนฺติฯ
Sace dhāvati te cittanti ayoniso manasi karoto tava cittaṃ kāmesu pañcakāmaguṇesu chandarāgavasena, kāmabhavādīsu bhavesu bhavapatthanāvasena sace dhāvati sarati javati. Khippaṃ niggaṇha satiyā, kiṭṭhādaṃviya duppasunti tathā dhāvituṃ adento yathā nāma puriso kiṭṭhādaṃ sassakhādakaṃ duppasuṃ duṭṭhagoṇaṃ yottena thambhe bandhitvā attano vase vatteti, evaṃ satiyā satiyottena sammādhithambhe bandhanto khippaṃ sīghameva niggaṇha, yathā kilesavigamena nibbisevanaṃ hoti, tathā damehīti. Keci pana ‘‘thero puthujjanova hutvā akkosaṃ adhivāsento tesaṃ manussānaṃ ariyaguṇe pakāsento dhammaṃ kathetvā pacchā dvīhi gāthāhi attānaṃ ovadanto vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ patvā aññaṃ byākaronto imāyeva gāthā abhāsī’’ti vadanti.
พฺรหฺมทตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Brahmadattattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑๒. พฺรหฺมทตฺตเตฺถรคาถา • 12. Brahmadattattheragāthā