Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    ทีฆนิกาโย

    Dīghanikāyo

    สีลกฺขนฺธวคฺคปาฬิ

    Sīlakkhandhavaggapāḷi

    ๑. พฺรหฺมชาลสุตฺตํ

    1. Brahmajālasuttaṃ

    ปริพฺพาชกกถา

    Paribbājakakathā

    . เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อนฺตรา จ ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน โหติ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิฯ สุปฺปิโยปิ โข ปริพฺพาชโก อนฺตรา จ ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน โหติ สทฺธิํ อเนฺตวาสินา พฺรหฺมทเตฺตน มาณเวนฯ ตตฺร สุทํ สุปฺปิโย ปริพฺพาชโก อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส อวณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส อวณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส อวณฺณํ ภาสติ; สุปฺปิยสฺส ปน ปริพฺพาชกสฺส อเนฺตวาสี พฺรหฺมทโตฺต มาณโว อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสติฯ อิติห เต อุโภ อาจริยเนฺตวาสี อญฺญมญฺญสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา ภควนฺตํ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธา 1 โหนฺติ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ

    1. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā antarā ca rājagahaṃ antarā ca nāḷandaṃ addhānamaggappaṭipanno hoti mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ pañcamattehi bhikkhusatehi. Suppiyopi kho paribbājako antarā ca rājagahaṃ antarā ca nāḷandaṃ addhānamaggappaṭipanno hoti saddhiṃ antevāsinā brahmadattena māṇavena. Tatra sudaṃ suppiyo paribbājako anekapariyāyena buddhassa avaṇṇaṃ bhāsati, dhammassa avaṇṇaṃ bhāsati, saṅghassa avaṇṇaṃ bhāsati; suppiyassa pana paribbājakassa antevāsī brahmadatto māṇavo anekapariyāyena buddhassa vaṇṇaṃ bhāsati, dhammassa vaṇṇaṃ bhāsati, saṅghassa vaṇṇaṃ bhāsati. Itiha te ubho ācariyantevāsī aññamaññassa ujuvipaccanīkavādā bhagavantaṃ piṭṭhito piṭṭhito anubandhā 2 honti bhikkhusaṅghañca.

    . อถ โข ภควา อมฺพลฎฺฐิกายํ ราชาคารเก เอกรตฺติวาสํ อุปคจฺฉิ 3 สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆนฯ สุปฺปิโยปิ โข ปริพฺพาชโก อมฺพลฎฺฐิกายํ ราชาคารเก เอกรตฺติวาสํ อุปคจฺฉิ 4 อเนฺตวาสินา พฺรหฺมทเตฺตน มาณเวนฯ ตตฺรปิ สุทํ สุปฺปิโย ปริพฺพาชโก อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส อวณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส อวณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส อวณฺณํ ภาสติ; สุปฺปิยสฺส ปน ปริพฺพาชกสฺส อเนฺตวาสี พฺรหฺมทโตฺต มาณโว อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสติฯ อิติห เต อุโภ อาจริยเนฺตวาสี อญฺญมญฺญสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา วิหรนฺติฯ

    2. Atha kho bhagavā ambalaṭṭhikāyaṃ rājāgārake ekarattivāsaṃ upagacchi 5 saddhiṃ bhikkhusaṅghena. Suppiyopi kho paribbājako ambalaṭṭhikāyaṃ rājāgārake ekarattivāsaṃ upagacchi 6 antevāsinā brahmadattena māṇavena. Tatrapi sudaṃ suppiyo paribbājako anekapariyāyena buddhassa avaṇṇaṃ bhāsati, dhammassa avaṇṇaṃ bhāsati, saṅghassa avaṇṇaṃ bhāsati; suppiyassa pana paribbājakassa antevāsī brahmadatto māṇavo anekapariyāyena buddhassa vaṇṇaṃ bhāsati, dhammassa vaṇṇaṃ bhāsati, saṅghassa vaṇṇaṃ bhāsati. Itiha te ubho ācariyantevāsī aññamaññassa ujuvipaccanīkavādā viharanti.

    . อถ โข สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐิตานํ มณฺฑลมาเฬ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยํ สงฺขิยธโมฺม อุทปาทิ – ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส, อพฺภุตํ, อาวุโส, ยาวญฺจิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตา สุปฺปฎิวิทิตาฯ อยญฺหิ สุปฺปิโย ปริพฺพาชโก อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส อวณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส อวณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส อวณฺณํ ภาสติ; สุปฺปิยสฺส ปน ปริพฺพาชกสฺส อเนฺตวาสี พฺรหฺมทโตฺต มาณโว อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสติฯ อิติหเม อุโภ อาจริยเนฺตวาสี อญฺญมญฺญสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา ภควนฺตํ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธา โหนฺติ ภิกฺขุสงฺฆญฺจา’’ติฯ

    3. Atha kho sambahulānaṃ bhikkhūnaṃ rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhitānaṃ maṇḍalamāḷe sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ ayaṃ saṅkhiyadhammo udapādi – ‘‘acchariyaṃ, āvuso, abbhutaṃ, āvuso, yāvañcidaṃ tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sattānaṃ nānādhimuttikatā suppaṭividitā. Ayañhi suppiyo paribbājako anekapariyāyena buddhassa avaṇṇaṃ bhāsati, dhammassa avaṇṇaṃ bhāsati, saṅghassa avaṇṇaṃ bhāsati; suppiyassa pana paribbājakassa antevāsī brahmadatto māṇavo anekapariyāyena buddhassa vaṇṇaṃ bhāsati, dhammassa vaṇṇaṃ bhāsati, saṅghassa vaṇṇaṃ bhāsati. Itihame ubho ācariyantevāsī aññamaññassa ujuvipaccanīkavādā bhagavantaṃ piṭṭhito piṭṭhito anubandhā honti bhikkhusaṅghañcā’’ti.

    . อถ โข ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ อิมํ สงฺขิยธมฺมํ วิทิตฺวา เยน มณฺฑลมาโฬ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘กายนุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา สนฺนิปติตา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ? เอวํ วุเตฺต เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภเนฺต, อมฺหากํ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐิตานํ มณฺฑลมาเฬ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยํ สงฺขิยธโมฺม อุทปาทิ – ‘อจฺฉริยํ, อาวุโส, อพฺภุตํ, อาวุโส, ยาวญฺจิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตา สุปฺปฎิวิทิตาฯ อยญฺหิ สุปฺปิโย ปริพฺพาชโก อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส อวณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส อวณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส อวณฺณํ ภาสติ; สุปฺปิยสฺส ปน ปริพฺพาชกสฺส อเนฺตวาสี พฺรหฺมทโตฺต มาณโว อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสติฯ อิติหเม อุโภ อาจริยเนฺตวาสี อญฺญมญฺญสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา ภควนฺตํ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธา โหนฺติ ภิกฺขุสงฺฆญฺจา’ติฯ อยํ โข โน, ภเนฺต, อนฺตรากถา วิปฺปกตา, อถ ภควา อนุปฺปโตฺต’’ติฯ

    4. Atha kho bhagavā tesaṃ bhikkhūnaṃ imaṃ saṅkhiyadhammaṃ viditvā yena maṇḍalamāḷo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘kāyanuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā sannipatitā, kā ca pana vo antarākathā vippakatā’’ti? Evaṃ vutte te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘idha, bhante, amhākaṃ rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhitānaṃ maṇḍalamāḷe sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ ayaṃ saṅkhiyadhammo udapādi – ‘acchariyaṃ, āvuso, abbhutaṃ, āvuso, yāvañcidaṃ tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sattānaṃ nānādhimuttikatā suppaṭividitā. Ayañhi suppiyo paribbājako anekapariyāyena buddhassa avaṇṇaṃ bhāsati, dhammassa avaṇṇaṃ bhāsati, saṅghassa avaṇṇaṃ bhāsati; suppiyassa pana paribbājakassa antevāsī brahmadatto māṇavo anekapariyāyena buddhassa vaṇṇaṃ bhāsati, dhammassa vaṇṇaṃ bhāsati, saṅghassa vaṇṇaṃ bhāsati. Itihame ubho ācariyantevāsī aññamaññassa ujuvipaccanīkavādā bhagavantaṃ piṭṭhito piṭṭhito anubandhā honti bhikkhusaṅghañcā’ti. Ayaṃ kho no, bhante, antarākathā vippakatā, atha bhagavā anuppatto’’ti.

    . ‘‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, สงฺฆสฺส วา อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุเมฺหหิ น อาฆาโต น อปฺปจฺจโย น เจตโส อนภิรทฺธิ กรณียาฯ มมํ วา, ภิกฺขเว , ปเร อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, สงฺฆสฺส วา อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร เจ ตุเมฺห อสฺสถ กุปิตา วา อนตฺตมนา วา, ตุมฺหํ เยวสฺส เตน อนฺตราโยฯ มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, สงฺฆสฺส วา อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร เจ ตุเมฺห อสฺสถ กุปิตา วา อนตฺตมนา วา, อปิ นุ ตุเมฺห ปเรสํ สุภาสิตํ ทุพฺภาสิตํ อาชาเนยฺยาถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, สงฺฆสฺส วา อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุเมฺหหิ อภูตํ อภูตโต นิเพฺพเฐตพฺพํ – ‘อิติเปตํ อภูตํ, อิติเปตํ อตจฺฉํ, นตฺถิ เจตํ อเมฺหสุ, น จ ปเนตํ อเมฺหสุ สํวิชฺชตี’ติฯ

    5. ‘‘Mamaṃ vā, bhikkhave, pare avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, saṅghassa vā avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra tumhehi na āghāto na appaccayo na cetaso anabhiraddhi karaṇīyā. Mamaṃ vā, bhikkhave , pare avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, saṅghassa vā avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra ce tumhe assatha kupitā vā anattamanā vā, tumhaṃ yevassa tena antarāyo. Mamaṃ vā, bhikkhave, pare avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, saṅghassa vā avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra ce tumhe assatha kupitā vā anattamanā vā, api nu tumhe paresaṃ subhāsitaṃ dubbhāsitaṃ ājāneyyāthā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Mamaṃ vā, bhikkhave, pare avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, saṅghassa vā avaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra tumhehi abhūtaṃ abhūtato nibbeṭhetabbaṃ – ‘itipetaṃ abhūtaṃ, itipetaṃ atacchaṃ, natthi cetaṃ amhesu, na ca panetaṃ amhesu saṃvijjatī’ti.

    . ‘‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุเมฺหหิ น อานโนฺท น โสมนสฺสํ น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณียํฯ มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร เจ ตุเมฺห อสฺสถ อานนฺทิโน สุมนา อุปฺปิลาวิตา ตุมฺหํ เยวสฺส เตน อนฺตราโยฯ มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุเมฺหหิ ภูตํ ภูตโต ปฎิชานิตพฺพํ – ‘อิติเปตํ ภูตํ, อิติเปตํ ตจฺฉํ, อตฺถิ เจตํ อเมฺหสุ, สํวิชฺชติ จ ปเนตํ อเมฺหสู’ติฯ

    6. ‘‘Mamaṃ vā, bhikkhave, pare vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, saṅghassa vā vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra tumhehi na ānando na somanassaṃ na cetaso uppilāvitattaṃ karaṇīyaṃ. Mamaṃ vā, bhikkhave, pare vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, saṅghassa vā vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra ce tumhe assatha ānandino sumanā uppilāvitā tumhaṃ yevassa tena antarāyo. Mamaṃ vā, bhikkhave, pare vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, dhammassa vā vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, saṅghassa vā vaṇṇaṃ bhāseyyuṃ, tatra tumhehi bhūtaṃ bhūtato paṭijānitabbaṃ – ‘itipetaṃ bhūtaṃ, itipetaṃ tacchaṃ, atthi cetaṃ amhesu, saṃvijjati ca panetaṃ amhesū’ti.

    จูฬสีลํ

    Cūḷasīlaṃ

    . ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, โอรมตฺตกํ สีลมตฺตกํ, เยน ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ กตมญฺจ ตํ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตกํ โอรมตฺตกํ สีลมตฺตกํ, เยน ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺย?

    7. ‘‘Appamattakaṃ kho panetaṃ, bhikkhave, oramattakaṃ sīlamattakaṃ, yena puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya. Katamañca taṃ, bhikkhave, appamattakaṃ oramattakaṃ sīlamattakaṃ, yena puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya?

    . ‘‘‘ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม นิหิตทโณฺฑ, นิหิตสโตฺถ, ลชฺชี, ทยาปโนฺน, สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรตี’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    8. ‘‘‘Pāṇātipātaṃ pahāya pāṇātipātā paṭivirato samaṇo gotamo nihitadaṇḍo, nihitasattho, lajjī, dayāpanno, sabbapāṇabhūtahitānukampī viharatī’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ‘‘‘อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม ทินฺนาทายี ทินฺนปาฎิกงฺขี, อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรตี’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    ‘‘‘Adinnādānaṃ pahāya adinnādānā paṭivirato samaṇo gotamo dinnādāyī dinnapāṭikaṅkhī, athenena sucibhūtena attanā viharatī’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ‘‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี สมโณ โคตโม อาราจารี 7 วิรโต 8 เมถุนา คามธมฺมา’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    ‘‘‘Abrahmacariyaṃ pahāya brahmacārī samaṇo gotamo ārācārī 9 virato 10 methunā gāmadhammā’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    . ‘‘‘มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม สจฺจวาที สจฺจสโนฺธ เถโต 11 ปจฺจยิโก อวิสํวาทโก โลกสฺสา’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    9. ‘‘‘Musāvādaṃ pahāya musāvādā paṭivirato samaṇo gotamo saccavādī saccasandho theto 12 paccayiko avisaṃvādako lokassā’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ‘‘‘ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม, อิโต สุตฺวา น อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา น อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทายฯ อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา, สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺที สมคฺคกรณิํ วาจํ ภาสิตา’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    ‘‘‘Pisuṇaṃ vācaṃ pahāya pisuṇāya vācāya paṭivirato samaṇo gotamo, ito sutvā na amutra akkhātā imesaṃ bhedāya, amutra vā sutvā na imesaṃ akkhātā amūsaṃ bhedāya. Iti bhinnānaṃ vā sandhātā, sahitānaṃ vā anuppadātā samaggārāmo samaggarato samagganandī samaggakaraṇiṃ vācaṃ bhāsitā’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ‘‘‘ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม, ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปิํ วาจํ ภาสิตา’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    ‘‘‘Pharusaṃ vācaṃ pahāya pharusāya vācāya paṭivirato samaṇo gotamo, yā sā vācā nelā kaṇṇasukhā pemanīyā hadayaṅgamā porī bahujanakantā bahujanamanāpā tathārūpiṃ vācaṃ bhāsitā’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ‘‘‘สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที, นิธานวติํ วาจํ ภาสิตา กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวติํ อตฺถสํหิต’นฺติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    ‘‘‘Samphappalāpaṃ pahāya samphappalāpā paṭivirato samaṇo gotamo kālavādī bhūtavādī atthavādī dhammavādī vinayavādī, nidhānavatiṃ vācaṃ bhāsitā kālena sāpadesaṃ pariyantavatiṃ atthasaṃhita’nti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๑๐. ‘พีชคามภูตคามสมารมฺภา 13 ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว…เป.…ฯ

    10. ‘Bījagāmabhūtagāmasamārambhā 14 paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave…pe….

    ‘‘‘เอกภตฺติโก สมโณ โคตโม รตฺตูปรโต วิรโต 15 วิกาลโภชนา…ฯ

    ‘‘‘Ekabhattiko samaṇo gotamo rattūparato virato 16 vikālabhojanā….

    นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา 17 ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Naccagītavāditavisūkadassanā 18 paṭivirato samaṇo gotamo….

    มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฎฺฐานา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Mālāgandhavilepanadhāraṇamaṇḍanavibhūsanaṭṭhānā paṭivirato samaṇo gotamo….

    อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Uccāsayanamahāsayanā paṭivirato samaṇo gotamo….

    ชาตรูปรชตปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Jātarūparajatapaṭiggahaṇā paṭivirato samaṇo gotamo….

    อามกธญฺญปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Āmakadhaññapaṭiggahaṇā paṭivirato samaṇo gotamo….

    อามกมํสปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Āmakamaṃsapaṭiggahaṇā paṭivirato samaṇo gotamo….

    อิตฺถิกุมาริกปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Itthikumārikapaṭiggahaṇā paṭivirato samaṇo gotamo….

    ทาสิทาสปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Dāsidāsapaṭiggahaṇā paṭivirato samaṇo gotamo….

    อเชฬกปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Ajeḷakapaṭiggahaṇā paṭivirato samaṇo gotamo….

    กุกฺกุฎสูกรปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Kukkuṭasūkarapaṭiggahaṇā paṭivirato samaṇo gotamo….

    หตฺถิควสฺสวฬวปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Hatthigavassavaḷavapaṭiggahaṇā paṭivirato samaṇo gotamo….

    เขตฺตวตฺถุปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Khettavatthupaṭiggahaṇā paṭivirato samaṇo gotamo….

    ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Dūteyyapahiṇagamanānuyogā paṭivirato samaṇo gotamo….

    กยวิกฺกยา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Kayavikkayā paṭivirato samaṇo gotamo….

    ตุลากูฎกํสกูฎมานกูฎา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Tulākūṭakaṃsakūṭamānakūṭā paṭivirato samaṇo gotamo….

    อุโกฺกฎนวญฺจนนิกติสาจิโยคา 19 ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม…ฯ

    Ukkoṭanavañcananikatisāciyogā 20 paṭivirato samaṇo gotamo….

    เฉทนวธพนฺธนวิปราโมสอาโลปสหสาการา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    Chedanavadhabandhanaviparāmosaālopasahasākārā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    จูฬสีลํ นิฎฺฐิตํฯ

    Cūḷasīlaṃ niṭṭhitaṃ.

    มชฺฌิมสีลํ

    Majjhimasīlaṃ

    ๑๑. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปํ พีชคามภูตคามสมารมฺภํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ, เสยฺยถิทํ 21 – มูลพีชํ ขนฺธพีชํ ผฬุพีชํ อคฺคพีชํ พีชพีชเมว ปญฺจมํ 22; อิติ เอวรูปา พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    11. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpaṃ bījagāmabhūtagāmasamārambhaṃ anuyuttā viharanti, seyyathidaṃ 23 – mūlabījaṃ khandhabījaṃ phaḷubījaṃ aggabījaṃ bījabījameva pañcamaṃ 24; iti evarūpā bījagāmabhūtagāmasamārambhā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๑๒. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปํ สนฺนิธิการปริโภคํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ , เสยฺยถิทํ – อนฺนสนฺนิธิํ ปานสนฺนิธิํ วตฺถสนฺนิธิํ ยานสนฺนิธิํ สยนสนฺนิธิํ คนฺธสนฺนิธิํ อามิสสนฺนิธิํ อิติ วา อิติ เอวรูปา สนฺนิธิการปริโภคา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    12. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpaṃ sannidhikāraparibhogaṃ anuyuttā viharanti , seyyathidaṃ – annasannidhiṃ pānasannidhiṃ vatthasannidhiṃ yānasannidhiṃ sayanasannidhiṃ gandhasannidhiṃ āmisasannidhiṃ iti vā iti evarūpā sannidhikāraparibhogā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๑๓. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปํ วิสูกทสฺสนํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ, เสยฺยถิทํ – นจฺจํ คีตํ วาทิตํ เปกฺขํ อกฺขานํ ปาณิสฺสรํ เวตาฬํ กุมฺภถูณํ 25 โสภนกํ 26 จณฺฑาลํ วํสํ โธวนํ หตฺถิยุทฺธํ อสฺสยุทฺธํ มหิํสยุทฺธํ 27 อุสภยุทฺธํ อชยุทฺธํ เมณฺฑยุทฺธํ กุกฺกุฎยุทฺธํ วฎฺฎกยุทฺธํ ทณฺฑยุทฺธํ มุฎฺฐิยุทฺธํ นิพฺพุทฺธํ อุโยฺยธิกํ พลคฺคํ เสนาพฺยูหํ อนีกทสฺสนํ อิติ วา อิติ เอวรูปา วิสูกทสฺสนา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    13. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpaṃ visūkadassanaṃ anuyuttā viharanti, seyyathidaṃ – naccaṃ gītaṃ vāditaṃ pekkhaṃ akkhānaṃ pāṇissaraṃ vetāḷaṃ kumbhathūṇaṃ 28 sobhanakaṃ 29 caṇḍālaṃ vaṃsaṃ dhovanaṃ hatthiyuddhaṃ assayuddhaṃ mahiṃsayuddhaṃ 30 usabhayuddhaṃ ajayuddhaṃ meṇḍayuddhaṃ kukkuṭayuddhaṃ vaṭṭakayuddhaṃ daṇḍayuddhaṃ muṭṭhiyuddhaṃ nibbuddhaṃ uyyodhikaṃ balaggaṃ senābyūhaṃ anīkadassanaṃ iti vā iti evarūpā visūkadassanā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๑๔. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปํ ชูตปฺปมาทฎฺฐานานุโยคํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฎฺฐปทํ ทสปทํ อากาสํ ปริหารปถํ สนฺติกํ ขลิกํ ฆฎิกํ สลากหตฺถํ อกฺขํ ปงฺคจีรํ วงฺกกํ โมกฺขจิกํ จิงฺคุลิกํ 31 ปตฺตาฬฺหกํ รถกํ ธนุกํ อกฺขริกํ มเนสิกํ ยถาวชฺชํ อิติ วา อิติ เอวรูปา ชูตปฺปมาทฎฺฐานานุโยคา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    14. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpaṃ jūtappamādaṭṭhānānuyogaṃ anuyuttā viharanti, seyyathidaṃ – aṭṭhapadaṃ dasapadaṃ ākāsaṃ parihārapathaṃ santikaṃ khalikaṃ ghaṭikaṃ salākahatthaṃ akkhaṃ paṅgacīraṃ vaṅkakaṃ mokkhacikaṃ ciṅgulikaṃ 32 pattāḷhakaṃ rathakaṃ dhanukaṃ akkharikaṃ manesikaṃ yathāvajjaṃ iti vā iti evarūpā jūtappamādaṭṭhānānuyogā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๑๕. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ, เสยฺยถิทํ – อาสนฺทิํ ปลฺลงฺกํ โคนกํ จิตฺตกํ ปฎิกํ ปฎลิกํ ตูลิกํ วิกติกํ อุทฺทโลมิํ เอกนฺตโลมิํ กฎฺฎิสฺสํ โกเสยฺยํ กุตฺตกํ หตฺถตฺถรํ อสฺสตฺถรํ รถตฺถรํ 33 อชินปฺปเวณิํ กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณํ สอุตฺตรจฺฉทํ อุภโตโลหิตกูปธานํ อิติ วา อิติ เอวรูปา อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    15. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpaṃ uccāsayanamahāsayanaṃ anuyuttā viharanti, seyyathidaṃ – āsandiṃ pallaṅkaṃ gonakaṃ cittakaṃ paṭikaṃ paṭalikaṃ tūlikaṃ vikatikaṃ uddalomiṃ ekantalomiṃ kaṭṭissaṃ koseyyaṃ kuttakaṃ hatthattharaṃ assattharaṃ rathattharaṃ 34 ajinappaveṇiṃ kadalimigapavarapaccattharaṇaṃ sauttaracchadaṃ ubhatolohitakūpadhānaṃ iti vā iti evarūpā uccāsayanamahāsayanā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๑๖. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปํ มณฺฑนวิภูสนฎฺฐานานุโยคํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ, เสยฺยถิทํ – อุจฺฉาทนํ ปริมทฺทนํ นฺหาปนํ สมฺพาหนํ อาทาสํ อญฺชนํ มาลาคนฺธวิเลปนํ 35 มุขจุณฺณํ มุขเลปนํ หตฺถพนฺธํ สิขาพนฺธํ ทณฺฑํ นาฬิกํ อสิํ 36 ฉตฺตํ จิตฺรุปาหนํ อุณฺหีสํ มณิํ วาลพีชนิํ โอทาตานิ วตฺถานิ ทีฆทสานิ อิติ วา อิติ เอวรูปา มณฺฑนวิภูสนฎฺฐานานุโยคา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    16. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpaṃ maṇḍanavibhūsanaṭṭhānānuyogaṃ anuyuttā viharanti, seyyathidaṃ – ucchādanaṃ parimaddanaṃ nhāpanaṃ sambāhanaṃ ādāsaṃ añjanaṃ mālāgandhavilepanaṃ 37 mukhacuṇṇaṃ mukhalepanaṃ hatthabandhaṃ sikhābandhaṃ daṇḍaṃ nāḷikaṃ asiṃ 38 chattaṃ citrupāhanaṃ uṇhīsaṃ maṇiṃ vālabījaniṃ odātāni vatthāni dīghadasāni iti vā iti evarūpā maṇḍanavibhūsanaṭṭhānānuyogā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๑๗. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปํ ติรจฺฉานกถํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ, เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ มหามตฺตกถํ เสนากถํ ภยกถํ ยุทฺธกถํ อนฺนกถํ ปานกถํ วตฺถกถํ สยนกถํ มาลากถํ คนฺธกถํ ญาติกถํ ยานกถํ คามกถํ นิคมกถํ นครกถํ ชนปทกถํ อิตฺถิกถํ 39 สูรกถํ วิสิขากถํ กุมฺภฎฺฐานกถํ ปุพฺพเปตกถํ นานตฺตกถํ โลกกฺขายิกํ สมุทฺทกฺขายิกํ อิติภวาภวกถํ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานกถาย ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    17. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpaṃ tiracchānakathaṃ anuyuttā viharanti, seyyathidaṃ – rājakathaṃ corakathaṃ mahāmattakathaṃ senākathaṃ bhayakathaṃ yuddhakathaṃ annakathaṃ pānakathaṃ vatthakathaṃ sayanakathaṃ mālākathaṃ gandhakathaṃ ñātikathaṃ yānakathaṃ gāmakathaṃ nigamakathaṃ nagarakathaṃ janapadakathaṃ itthikathaṃ 40 sūrakathaṃ visikhākathaṃ kumbhaṭṭhānakathaṃ pubbapetakathaṃ nānattakathaṃ lokakkhāyikaṃ samuddakkhāyikaṃ itibhavābhavakathaṃ iti vā iti evarūpāya tiracchānakathāya paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๑๘. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปํ วิคฺคาหิกกถํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ, เสยฺยถิทํ – น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามิ, กิํ ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานิสฺสสิ, มิจฺฉา ปฎิปโนฺน ตฺวมสิ, อหมสฺมิ สมฺมา ปฎิปโนฺน, สหิตํ เม, อสหิตํ เต, ปุเรวจนียํ ปจฺฉา อวจ, ปจฺฉาวจนียํ ปุเร อวจ, อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตํ, อาโรปิโต เต วาโท, นิคฺคหิโต ตฺวมสิ, จร วาทปฺปโมกฺขาย, นิเพฺพเฐหิ วา สเจ ปโหสีติ อิติ วา อิติ เอวรูปาย วิคฺคาหิกกถาย ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    18. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpaṃ viggāhikakathaṃ anuyuttā viharanti, seyyathidaṃ – na tvaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānāsi, ahaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānāmi, kiṃ tvaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānissasi, micchā paṭipanno tvamasi, ahamasmi sammā paṭipanno, sahitaṃ me, asahitaṃ te, purevacanīyaṃ pacchā avaca, pacchāvacanīyaṃ pure avaca, adhiciṇṇaṃ te viparāvattaṃ, āropito te vādo, niggahito tvamasi, cara vādappamokkhāya, nibbeṭhehi vā sace pahosīti iti vā iti evarūpāya viggāhikakathāya paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๑๙. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปํ ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ, เสยฺยถิทํ – รญฺญํ, ราชมหามตฺตานํ, ขตฺติยานํ, พฺราหฺมณานํ, คหปติกานํ, กุมารานํ ‘‘อิธ คจฺฉ, อมุตฺราคจฺฉ, อิทํ หร, อมุตฺร อิทํ อาหรา’’ติ อิติ วา อิติ เอวรูปา ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    19. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpaṃ dūteyyapahiṇagamanānuyogaṃ anuyuttā viharanti, seyyathidaṃ – raññaṃ, rājamahāmattānaṃ, khattiyānaṃ, brāhmaṇānaṃ, gahapatikānaṃ, kumārānaṃ ‘‘idha gaccha, amutrāgaccha, idaṃ hara, amutra idaṃ āharā’’ti iti vā iti evarūpā dūteyyapahiṇagamanānuyogā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๒๐. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต กุหกา จ โหนฺติ, ลปกา จ เนมิตฺติกา จ นิเปฺปสิกา จ, ลาเภน ลาภํ นิชิคีํสิตาโร จ 41 อิติ 42 เอวรูปา กุหนลปนา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    20. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te kuhakā ca honti, lapakā ca nemittikā ca nippesikā ca, lābhena lābhaṃ nijigīṃsitāro ca 43 iti 44 evarūpā kuhanalapanā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    มชฺฌิมสีลํ นิฎฺฐิตํฯ

    Majjhimasīlaṃ niṭṭhitaṃ.

    มหาสีลํ

    Mahāsīlaṃ

    ๒๑. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กเปฺปนฺติ , เสยฺยถิทํ – องฺคํ นิมิตฺตํ อุปฺปาตํ สุปินํ ลกฺขณํ มูสิกจฺฉินฺนํ อคฺคิโหมํ ทพฺพิโหมํ ถุสโหมํ กณโหมํ ตณฺฑุลโหมํ สปฺปิโหมํ เตลโหมํ มุขโหมํ โลหิตโหมํ องฺควิชฺชา วตฺถุวิชฺชา ขตฺตวิชฺชา 45 สิววิชฺชา ภูตวิชฺชา ภูริวิชฺชา อหิวิชฺชา วิสวิชฺชา วิจฺฉิกวิชฺชา มูสิกวิชฺชา สกุณวิชฺชา วายสวิชฺชา ปกฺกชฺฌานํ สรปริตฺตาณํ มิคจกฺกํ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    21. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvena jīvitaṃ kappenti , seyyathidaṃ – aṅgaṃ nimittaṃ uppātaṃ supinaṃ lakkhaṇaṃ mūsikacchinnaṃ aggihomaṃ dabbihomaṃ thusahomaṃ kaṇahomaṃ taṇḍulahomaṃ sappihomaṃ telahomaṃ mukhahomaṃ lohitahomaṃ aṅgavijjā vatthuvijjā khattavijjā 46 sivavijjā bhūtavijjā bhūrivijjā ahivijjā visavijjā vicchikavijjā mūsikavijjā sakuṇavijjā vāyasavijjā pakkajjhānaṃ saraparittāṇaṃ migacakkaṃ iti vā iti evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๒๒. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กเปฺปนฺติ, เสยฺยถิทํ – มณิลกฺขณํ วตฺถลกฺขณํ ทณฺฑลกฺขณํ สตฺถลกฺขณํ อสิลกฺขณํ อุสุลกฺขณํ ธนุลกฺขณํ อาวุธลกฺขณํ อิตฺถิลกฺขณํ ปุริสลกฺขณํ กุมารลกฺขณํ กุมาริลกฺขณํ ทาสลกฺขณํ ทาสิลกฺขณํ หตฺถิลกฺขณํ อสฺสลกฺขณํ มหิํสลกฺขณํ 47 อุสภลกฺขณํ โคลกฺขณํ อชลกฺขณํ เมณฺฑลกฺขณํ กุกฺกุฎลกฺขณํ วฎฺฎกลกฺขณํ โคธาลกฺขณํ กณฺณิกาลกฺขณํ กจฺฉปลกฺขณํ มิคลกฺขณํ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    22. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvena jīvitaṃ kappenti, seyyathidaṃ – maṇilakkhaṇaṃ vatthalakkhaṇaṃ daṇḍalakkhaṇaṃ satthalakkhaṇaṃ asilakkhaṇaṃ usulakkhaṇaṃ dhanulakkhaṇaṃ āvudhalakkhaṇaṃ itthilakkhaṇaṃ purisalakkhaṇaṃ kumāralakkhaṇaṃ kumārilakkhaṇaṃ dāsalakkhaṇaṃ dāsilakkhaṇaṃ hatthilakkhaṇaṃ assalakkhaṇaṃ mahiṃsalakkhaṇaṃ 48 usabhalakkhaṇaṃ golakkhaṇaṃ ajalakkhaṇaṃ meṇḍalakkhaṇaṃ kukkuṭalakkhaṇaṃ vaṭṭakalakkhaṇaṃ godhālakkhaṇaṃ kaṇṇikālakkhaṇaṃ kacchapalakkhaṇaṃ migalakkhaṇaṃ iti vā iti evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๒๓. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กเปฺปนฺติ, เสยฺยถิทํ – รญฺญํ นิยฺยานํ ภวิสฺสติ, รญฺญํ อนิยฺยานํ ภวิสฺสติ, อพฺภนฺตรานํ รญฺญํ อุปยานํ ภวิสฺสติ, พาหิรานํ รญฺญํ อปยานํ ภวิสฺสติ, พาหิรานํ รญฺญํ อุปยานํ ภวิสฺสติ, อพฺภนฺตรานํ รญฺญํ อปยานํ ภวิสฺสติ, อพฺภนฺตรานํ รญฺญํ ชโย ภวิสฺสติ, พาหิรานํ รญฺญํ ปราชโย ภวิสฺสติ, พาหิรานํ รญฺญํ ชโย ภวิสฺสติ, อพฺภนฺตรานํ รญฺญํ ปราชโย ภวิสฺสติ, อิติ อิมสฺส ชโย ภวิสฺสติ, อิมสฺส ปราชโย ภวิสฺสติ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    23. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvena jīvitaṃ kappenti, seyyathidaṃ – raññaṃ niyyānaṃ bhavissati, raññaṃ aniyyānaṃ bhavissati, abbhantarānaṃ raññaṃ upayānaṃ bhavissati, bāhirānaṃ raññaṃ apayānaṃ bhavissati, bāhirānaṃ raññaṃ upayānaṃ bhavissati, abbhantarānaṃ raññaṃ apayānaṃ bhavissati, abbhantarānaṃ raññaṃ jayo bhavissati, bāhirānaṃ raññaṃ parājayo bhavissati, bāhirānaṃ raññaṃ jayo bhavissati, abbhantarānaṃ raññaṃ parājayo bhavissati, iti imassa jayo bhavissati, imassa parājayo bhavissati iti vā iti evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๒๔. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กเปฺปนฺติ, เสยฺยถิทํ – จนฺทคฺคาโห ภวิสฺสติ, สูริยคฺคาโห 49 ภวิสฺสติ, นกฺขตฺตคฺคาโห ภวิสฺสติ, จนฺทิมสูริยานํ ปถคมนํ ภวิสฺสติ, จนฺทิมสูริยานํ อุปฺปถคมนํ ภวิสฺสติ, นกฺขตฺตานํ ปถคมนํ ภวิสฺสติ, นกฺขตฺตานํ อุปฺปถคมนํ ภวิสฺสติ, อุกฺกาปาโต ภวิสฺสติ, ทิสาฑาโห ภวิสฺสติ, ภูมิจาโล ภวิสฺสติ, เทวทุทฺรภิ 50 ภวิสฺสติ, จนฺทิมสูริยนกฺขตฺตานํ อุคฺคมนํ โอคมนํ สํกิเลสํ โวทานํ ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก จนฺทคฺคาโห ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก สูริยคฺคาโห ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก นกฺขตฺตคฺคาโห ภวิสฺสติ, เอวํวิปากํ จนฺทิมสูริยานํ ปถคมนํ ภวิสฺสติ, เอวํวิปากํ จนฺทิมสูริยานํ อุปฺปถคมนํ ภวิสฺสติ, เอวํวิปากํ นกฺขตฺตานํ ปถคมนํ ภวิสฺสติ, เอวํวิปากํ นกฺขตฺตานํ อุปฺปถคมนํ ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก อุกฺกาปาโต ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก ทิสาฑาโห ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก ภูมิจาโล ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก เทวทุทฺรภิ ภวิสฺสติ, เอวํวิปากํ จนฺทิมสูริยนกฺขตฺตานํ อุคฺคมนํ โอคมนํ สํกิเลสํ โวทานํ ภวิสฺสติ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    24. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvena jīvitaṃ kappenti, seyyathidaṃ – candaggāho bhavissati, sūriyaggāho 51 bhavissati, nakkhattaggāho bhavissati, candimasūriyānaṃ pathagamanaṃ bhavissati, candimasūriyānaṃ uppathagamanaṃ bhavissati, nakkhattānaṃ pathagamanaṃ bhavissati, nakkhattānaṃ uppathagamanaṃ bhavissati, ukkāpāto bhavissati, disāḍāho bhavissati, bhūmicālo bhavissati, devadudrabhi 52 bhavissati, candimasūriyanakkhattānaṃ uggamanaṃ ogamanaṃ saṃkilesaṃ vodānaṃ bhavissati, evaṃvipāko candaggāho bhavissati, evaṃvipāko sūriyaggāho bhavissati, evaṃvipāko nakkhattaggāho bhavissati, evaṃvipākaṃ candimasūriyānaṃ pathagamanaṃ bhavissati, evaṃvipākaṃ candimasūriyānaṃ uppathagamanaṃ bhavissati, evaṃvipākaṃ nakkhattānaṃ pathagamanaṃ bhavissati, evaṃvipākaṃ nakkhattānaṃ uppathagamanaṃ bhavissati, evaṃvipāko ukkāpāto bhavissati, evaṃvipāko disāḍāho bhavissati, evaṃvipāko bhūmicālo bhavissati, evaṃvipāko devadudrabhi bhavissati, evaṃvipākaṃ candimasūriyanakkhattānaṃ uggamanaṃ ogamanaṃ saṃkilesaṃ vodānaṃ bhavissati iti vā iti evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๒๕. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กเปฺปนฺติ, เสยฺยถิทํ – สุวุฎฺฐิกา ภวิสฺสติ, ทุพฺพุฎฺฐิกา ภวิสฺสติ, สุภิกฺขํ ภวิสฺสติ, ทุพฺภิกฺขํ ภวิสฺสติ, เขมํ ภวิสฺสติ, ภยํ ภวิสฺสติ, โรโค ภวิสฺสติ, อาโรคฺยํ ภวิสฺสติ, มุทฺทา, คณนา, สงฺขานํ, กาเวยฺยํ, โลกายตํ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    25. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvena jīvitaṃ kappenti, seyyathidaṃ – suvuṭṭhikā bhavissati, dubbuṭṭhikā bhavissati, subhikkhaṃ bhavissati, dubbhikkhaṃ bhavissati, khemaṃ bhavissati, bhayaṃ bhavissati, rogo bhavissati, ārogyaṃ bhavissati, muddā, gaṇanā, saṅkhānaṃ, kāveyyaṃ, lokāyataṃ iti vā iti evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๒๖. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กเปฺปนฺติ , เสยฺยถิทํ – อาวาหนํ วิวาหนํ สํวรณํ วิวรณํ สํกิรณํ วิกิรณํ สุภคกรณํ ทุพฺภคกรณํ วิรุทฺธคพฺภกรณํ ชิวฺหานิพนฺธนํ หนุสํหนนํ หตฺถาภิชปฺปนํ หนุชปฺปนํ กณฺณชปฺปนํ อาทาสปญฺหํ กุมาริกปญฺหํ เทวปญฺหํ อาทิจฺจุปฎฺฐานํ มหตุปฎฺฐานํ อพฺภุชฺชลนํ สิริวฺหายนํ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    26. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvena jīvitaṃ kappenti , seyyathidaṃ – āvāhanaṃ vivāhanaṃ saṃvaraṇaṃ vivaraṇaṃ saṃkiraṇaṃ vikiraṇaṃ subhagakaraṇaṃ dubbhagakaraṇaṃ viruddhagabbhakaraṇaṃ jivhānibandhanaṃ hanusaṃhananaṃ hatthābhijappanaṃ hanujappanaṃ kaṇṇajappanaṃ ādāsapañhaṃ kumārikapañhaṃ devapañhaṃ ādiccupaṭṭhānaṃ mahatupaṭṭhānaṃ abbhujjalanaṃ sirivhāyanaṃ iti vā iti evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ๒๗. ‘‘‘ยถา วา ปเนเก โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กเปฺปนฺติ, เสยฺยถิทํ – สนฺติกมฺมํ ปณิธิกมฺมํ ภูตกมฺมํ ภูริกมฺมํ วสฺสกมฺมํ โวสฺสกมฺมํ วตฺถุกมฺมํ วตฺถุปริกมฺมํ อาจมนํ นฺหาปนํ ชุหนํ วมนํ วิเรจนํ อุทฺธํวิเรจนํ อโธวิเรจนํ สีสวิเรจนํ กณฺณเตลํ เนตฺตตปฺปนํ นตฺถุกมฺมํ อญฺชนํ ปจฺจญฺชนํ สาลากิยํ สลฺลกตฺติยํ ทารกติกิจฺฉา มูลเภสชฺชานํ อนุปฺปทานํ โอสธีนํ ปฎิโมโกฺข อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฎิวิรโต สมโณ โคตโม’ติ – อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    27. ‘‘‘Yathā vā paneke bhonto samaṇabrāhmaṇā saddhādeyyāni bhojanāni bhuñjitvā te evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvena jīvitaṃ kappenti, seyyathidaṃ – santikammaṃ paṇidhikammaṃ bhūtakammaṃ bhūrikammaṃ vassakammaṃ vossakammaṃ vatthukammaṃ vatthuparikammaṃ ācamanaṃ nhāpanaṃ juhanaṃ vamanaṃ virecanaṃ uddhaṃvirecanaṃ adhovirecanaṃ sīsavirecanaṃ kaṇṇatelaṃ nettatappanaṃ natthukammaṃ añjanaṃ paccañjanaṃ sālākiyaṃ sallakattiyaṃ dārakatikicchā mūlabhesajjānaṃ anuppadānaṃ osadhīnaṃ paṭimokkho iti vā iti evarūpāya tiracchānavijjāya micchājīvā paṭivirato samaṇo gotamo’ti – iti vā hi, bhikkhave, puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    ‘‘อิทํ โข, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตกํ โอรมตฺตกํ สีลมตฺตกํ, เยน ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยฯ

    ‘‘Idaṃ kho, bhikkhave, appamattakaṃ oramattakaṃ sīlamattakaṃ, yena puthujjano tathāgatassa vaṇṇaṃ vadamāno vadeyya.

    มหาสีลํ นิฎฺฐิตํฯ

    Mahāsīlaṃ niṭṭhitaṃ.

    ปุพฺพนฺตกปฺปิกา

    Pubbantakappikā

    ๒๘. ‘‘อตฺถิ , ภิกฺขเว, อเญฺญว ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา ทุรนุโพธา สนฺตา ปณีตา อตกฺกาวจรา นิปุณา ปณฺฑิตเวทนียา, เย ตถาคโต สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ, เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ กตเม จ เต, ภิกฺขเว, ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา ทุรนุโพธา สนฺตา ปณีตา อตกฺกาวจรา นิปุณา ปณฺฑิตเวทนียา, เย ตถาคโต สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ, เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํ?

    28. ‘‘Atthi , bhikkhave, aññeva dhammā gambhīrā duddasā duranubodhā santā paṇītā atakkāvacarā nipuṇā paṇḍitavedanīyā, ye tathāgato sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti, yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ. Katame ca te, bhikkhave, dhammā gambhīrā duddasā duranubodhā santā paṇītā atakkāvacarā nipuṇā paṇḍitavedanīyā, ye tathāgato sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti, yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ?

    ๒๙. ‘‘สนฺติ , ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิโน, ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ 53 อภิวทนฺติ อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิ?

    29. ‘‘Santi , bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā pubbantānudiṭṭhino, pubbantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni 54 abhivadanti aṭṭhārasahi vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha pubbantakappikā pubbantānudiṭṭhino pubbantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti aṭṭhārasahi vatthūhi?

    สสฺสตวาโท

    Sassatavādo

    ๓๐. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา, สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ?

    30. ‘‘Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā sassatavādā, sassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi?

    ๓๑. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต ( ) 55 อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ติํสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปญฺญาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนกานิปิ ชาติสตานิ อเนกานิปิ ชาติสหสฺสานิ อเนกานิปิ ชาติสตสหสฺสานิ – ‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺน’ติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ

    31. ‘‘Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte ( ) 56 anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Seyyathidaṃ – ekampi jātiṃ dvepi jātiyo tissopi jātiyo catassopi jātiyo pañcapi jātiyo dasapi jātiyo vīsampi jātiyo tiṃsampi jātiyo cattālīsampi jātiyo paññāsampi jātiyo jātisatampi jātisahassampi jātisatasahassampi anekānipi jātisatāni anekānipi jātisahassāni anekānipi jātisatasahassāni – ‘amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapanno’ti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati.

    ‘‘โส เอวมาห – ‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วโญฺฌ กูฎโฎฺฐ เอสิกฎฺฐายิฎฺฐิโต; เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิเตฺวว สสฺสติสมํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อหญฺหิ อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสามิ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิ เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ติํสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปญฺญาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนกานิปิ ชาติสตานิ อเนกานิปิ ชาติสหสฺสานิ อเนกานิปิ ชาติสตสหสฺสานิ – อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺนติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิฯ อิมินามหํ เอตํ ชานามิ ‘‘ยถา สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วโญฺฌ กูฎโฎฺฐ เอสิกฎฺฐายิฎฺฐิโต; เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิเตฺวว สสฺสติสม’’นฺติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปฐมํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติฯ

    ‘‘So evamāha – ‘sassato attā ca loko ca vañjho kūṭaṭṭho esikaṭṭhāyiṭṭhito; te ca sattā sandhāvanti saṃsaranti cavanti upapajjanti, atthitveva sassatisamaṃ. Taṃ kissa hetu? Ahañhi ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusāmi, yathāsamāhite citte anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi seyyathidaṃ – ekampi jātiṃ dvepi jātiyo tissopi jātiyo catassopi jātiyo pañcapi jātiyo dasapi jātiyo vīsampi jātiyo tiṃsampi jātiyo cattālīsampi jātiyo paññāsampi jātiyo jātisatampi jātisahassampi jātisatasahassampi anekānipi jātisatāni anekānipi jātisahassāni anekānipi jātisatasahassāni – amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapannoti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi. Imināmahaṃ etaṃ jānāmi ‘‘yathā sassato attā ca loko ca vañjho kūṭaṭṭho esikaṭṭhāyiṭṭhito; te ca sattā sandhāvanti saṃsaranti cavanti upapajjanti, atthitveva sassatisama’’nti. Idaṃ, bhikkhave, paṭhamaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti.

    ๓๒. ‘‘ทุติเย จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎํ เทฺวปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ตีณิปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ จตฺตาริปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ปญฺจปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ทสปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ – ‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺน’ติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ

    32. ‘‘Dutiye ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti? Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Seyyathidaṃ – ekampi saṃvaṭṭavivaṭṭaṃ dvepi saṃvaṭṭavivaṭṭāni tīṇipi saṃvaṭṭavivaṭṭāni cattāripi saṃvaṭṭavivaṭṭāni pañcapi saṃvaṭṭavivaṭṭāni dasapi saṃvaṭṭavivaṭṭāni – ‘amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapanno’ti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati.

    ‘‘โส เอวมาห – ‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วโญฺฌ กูฎโฎฺฐ เอสิกฎฺฐายิฎฺฐิโต; เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิเตฺวว สสฺสติสมํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อหญฺหิ อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสามิ ยถาสมาหิเต จิเตฺต อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิฯ เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎํ เทฺวปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ตีณิปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ จตฺตาริปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ปญฺจปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ทสปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิฯ อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺนติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิฯ อิมินามหํ เอตํ ชานามิ ‘‘ยถา สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วโญฺฌ กูฎโฎฺฐ เอสิกฎฺฐายิฎฺฐิโต, เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิเตฺวว สสฺสติสม’’นฺติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติฯ

    ‘‘So evamāha – ‘sassato attā ca loko ca vañjho kūṭaṭṭho esikaṭṭhāyiṭṭhito; te ca sattā sandhāvanti saṃsaranti cavanti upapajjanti, atthitveva sassatisamaṃ. Taṃ kissa hetu? Ahañhi ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusāmi yathāsamāhite citte anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi. Seyyathidaṃ – ekampi saṃvaṭṭavivaṭṭaṃ dvepi saṃvaṭṭavivaṭṭāni tīṇipi saṃvaṭṭavivaṭṭāni cattāripi saṃvaṭṭavivaṭṭāni pañcapi saṃvaṭṭavivaṭṭāni dasapi saṃvaṭṭavivaṭṭāni. Amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapannoti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi. Imināmahaṃ etaṃ jānāmi ‘‘yathā sassato attā ca loko ca vañjho kūṭaṭṭho esikaṭṭhāyiṭṭhito, te ca sattā sandhāvanti saṃsaranti cavanti upapajjanti, atthitveva sassatisama’’nti. Idaṃ, bhikkhave, dutiyaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti.

    ๓๓. ‘‘ตติเย จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ – ทสปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ วีสมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ติํสมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ จตฺตาลีสมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ – ‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺน’ติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ

    33. ‘‘Tatiye ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti? Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Seyyathidaṃ – dasapi saṃvaṭṭavivaṭṭāni vīsampi saṃvaṭṭavivaṭṭāni tiṃsampi saṃvaṭṭavivaṭṭāni cattālīsampi saṃvaṭṭavivaṭṭāni – ‘amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapanno’ti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati.

    ‘‘โส เอวมาห – ‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วโญฺฌ กูฎโฎฺฐ เอสิกฎฺฐายิฎฺฐิโต; เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิเตฺวว สสฺสติสมํฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อหญฺหิ อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสามิ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิฯ เสยฺยถิทํ – ทสปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ วีสมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ติํสมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ จตฺตาลีสมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ – ‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺนติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิฯ อิมินามหํ เอตํ ชานามิ ‘‘ยถา สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วโญฺฌ กูฎโฎฺฐ เอสิกฎฺฐายิฎฺฐิโต, เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิเตฺวว สสฺสติสม’’นฺติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติฯ

    ‘‘So evamāha – ‘sassato attā ca loko ca vañjho kūṭaṭṭho esikaṭṭhāyiṭṭhito; te ca sattā sandhāvanti saṃsaranti cavanti upapajjanti, atthitveva sassatisamaṃ. Taṃ kissa hetu? Ahañhi ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusāmi, yathāsamāhite citte anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi. Seyyathidaṃ – dasapi saṃvaṭṭavivaṭṭāni vīsampi saṃvaṭṭavivaṭṭāni tiṃsampi saṃvaṭṭavivaṭṭāni cattālīsampi saṃvaṭṭavivaṭṭāni – ‘amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapannoti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi. Imināmahaṃ etaṃ jānāmi ‘‘yathā sassato attā ca loko ca vañjho kūṭaṭṭho esikaṭṭhāyiṭṭhito, te ca sattā sandhāvanti saṃsaranti cavanti upapajjanti, atthitveva sassatisama’’nti. Idaṃ, bhikkhave, tatiyaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti.

    ๓๔. ‘‘จตุเตฺถ จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ตกฺกี โหติ วีมํสี, โส ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํ ปฎิภานํ เอวมาห – ‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วโญฺฌ กูฎโฎฺฐ เอสิกฎฺฐายิฎฺฐิโต; เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิเตฺวว สสฺสติสม’นฺติ ฯ อิทํ, ภิกฺขเว, จตุตฺถํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติฯ

    34. ‘‘Catutthe ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti? Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā takkī hoti vīmaṃsī, so takkapariyāhataṃ vīmaṃsānucaritaṃ sayaṃ paṭibhānaṃ evamāha – ‘sassato attā ca loko ca vañjho kūṭaṭṭho esikaṭṭhāyiṭṭhito; te ca sattā sandhāvanti saṃsaranti cavanti upapajjanti, atthitveva sassatisama’nti . Idaṃ, bhikkhave, catutthaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti.

    ๓๕. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว จตูหิ วตฺถูหิ, เอเตสํ วา อญฺญตเรน; นตฺถิ อิโต พหิทฺธาฯ

    35. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti, sabbe te imeheva catūhi vatthūhi, etesaṃ vā aññatarena; natthi ito bahiddhā.

    ๓๖. ‘‘ตยิทํ , ภิกฺขเว, ตถาคโต ปชานาติ – ‘อิเม ทิฎฺฐิฎฺฐานา เอวํคหิตา เอวํปรามฎฺฐา เอวํคติกา ภวนฺติ เอวํอภิสมฺปรายา’ติ, ตญฺจ ตถาคโต ปชานาติ, ตโต จ อุตฺตริตรํ ปชานาติ; ตญฺจ ปชานนํ 57 น ปรามสติ, อปรามสโต จสฺส ปจฺจตฺตเญฺญว นิพฺพุติ วิทิตาฯ เวทนานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา อนุปาทาวิมุโตฺต, ภิกฺขเว, ตถาคโตฯ

    36. ‘‘Tayidaṃ , bhikkhave, tathāgato pajānāti – ‘ime diṭṭhiṭṭhānā evaṃgahitā evaṃparāmaṭṭhā evaṃgatikā bhavanti evaṃabhisamparāyā’ti, tañca tathāgato pajānāti, tato ca uttaritaraṃ pajānāti; tañca pajānanaṃ 58 na parāmasati, aparāmasato cassa paccattaññeva nibbuti viditā. Vedanānaṃ samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā anupādāvimutto, bhikkhave, tathāgato.

    ๓๗. ‘‘อิเม โข เต, ภิกฺขเว, ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา ทุรนุโพธา สนฺตา ปณีตา อตกฺกาวจรา นิปุณา ปณฺฑิตเวทนียา, เย ตถาคโต สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ, เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    37. ‘‘Ime kho te, bhikkhave, dhammā gambhīrā duddasā duranubodhā santā paṇītā atakkāvacarā nipuṇā paṇḍitavedanīyā, ye tathāgato sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti, yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    ปฐมภาณวาโรฯ

    Paṭhamabhāṇavāro.

    เอกจฺจสสฺสตวาโท

    Ekaccasassatavādo

    ๓๘. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ?

    38. ‘‘Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi?

    ๓๙. ‘‘โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย, ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน อยํ โลโก สํวฎฺฎติฯ สํวฎฺฎมาเน โลเก เยภุเยฺยน สตฺตา อาภสฺสรสํวตฺตนิกา โหนฺติฯ เต ตตฺถ โหนฺติ มโนมยา ปีติภกฺขา สยํปภา อนฺตลิกฺขจรา สุภฎฺฐายิโน, จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฎฺฐนฺติฯ

    39. ‘‘Hoti kho so, bhikkhave, samayo, yaṃ kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena ayaṃ loko saṃvaṭṭati. Saṃvaṭṭamāne loke yebhuyyena sattā ābhassarasaṃvattanikā honti. Te tattha honti manomayā pītibhakkhā sayaṃpabhā antalikkhacarā subhaṭṭhāyino, ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭhanti.

    ๔๐. ‘‘โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย, ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน อยํ โลโก วิวฎฺฎติฯ วิวฎฺฎมาเน โลเก สุญฺญํ พฺรหฺมวิมานํ ปาตุภวติฯ อถ โข อญฺญตโร สโตฺต อายุกฺขยา วา ปุญฺญกฺขยา วา อาภสฺสรกายา จวิตฺวา สุญฺญํ พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชติฯ โส ตตฺถ โหติ มโนมโย ปีติภโกฺข สยํปโภ อนฺตลิกฺขจโร สุภฎฺฐายี, จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฎฺฐติฯ

    40. ‘‘Hoti kho so, bhikkhave, samayo, yaṃ kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena ayaṃ loko vivaṭṭati. Vivaṭṭamāne loke suññaṃ brahmavimānaṃ pātubhavati. Atha kho aññataro satto āyukkhayā vā puññakkhayā vā ābhassarakāyā cavitvā suññaṃ brahmavimānaṃ upapajjati. So tattha hoti manomayo pītibhakkho sayaṃpabho antalikkhacaro subhaṭṭhāyī, ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭhati.

    ๔๑. ‘‘ตสฺส ตตฺถ เอกกสฺส ทีฆรตฺตํ นิวุสิตตฺตา อนภิรติ ปริตสฺสนา อุปปชฺชติ – ‘อโห วต อเญฺญปิ สตฺตา อิตฺถตฺตํ อาคเจฺฉยฺยุ’นฺติฯ อถ อเญฺญปิ สตฺตา อายุกฺขยา วา ปุญฺญกฺขยา วา อาภสฺสรกายา จวิตฺวา พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชนฺติ ตสฺส สตฺตสฺส สหพฺยตํฯ เตปิ ตตฺถ โหนฺติ มโนมยา ปีติภกฺขา สยํปภา อนฺตลิกฺขจรา สุภฎฺฐายิโน, จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฎฺฐนฺติฯ

    41. ‘‘Tassa tattha ekakassa dīgharattaṃ nivusitattā anabhirati paritassanā upapajjati – ‘aho vata aññepi sattā itthattaṃ āgaccheyyu’nti. Atha aññepi sattā āyukkhayā vā puññakkhayā vā ābhassarakāyā cavitvā brahmavimānaṃ upapajjanti tassa sattassa sahabyataṃ. Tepi tattha honti manomayā pītibhakkhā sayaṃpabhā antalikkhacarā subhaṭṭhāyino, ciraṃ dīghamaddhānaṃ tiṭṭhanti.

    ๔๒. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, โย โส สโตฺต ปฐมํ อุปปโนฺน ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหมสฺมิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสโฎฺฐ สชิตา 59 วสี ปิตา ภูตภพฺยานํฯ มยา อิเม สตฺตา นิมฺมิตาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? มมญฺหิ ปุเพฺพ เอตทโหสิ – ‘‘อโห วต อเญฺญปิ สตฺตา อิตฺถตฺตํ อาคเจฺฉยฺยุ’’นฺติฯ อิติ มม จ มโนปณิธิ, อิเม จ สตฺตา อิตฺถตฺตํ อาคตา’ติฯ

    42. ‘‘Tatra , bhikkhave, yo so satto paṭhamaṃ upapanno tassa evaṃ hoti – ‘ahamasmi brahmā mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī issaro kattā nimmātā seṭṭho sajitā 60 vasī pitā bhūtabhabyānaṃ. Mayā ime sattā nimmitā. Taṃ kissa hetu? Mamañhi pubbe etadahosi – ‘‘aho vata aññepi sattā itthattaṃ āgaccheyyu’’nti. Iti mama ca manopaṇidhi, ime ca sattā itthattaṃ āgatā’ti.

    ‘‘เยปิ เต สตฺตา ปจฺฉา อุปปนฺนา, เตสมฺปิ เอวํ โหติ – ‘อยํ โข ภวํ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสโฎฺฐ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยานํฯ อิมินา มยํ โภตา พฺรหฺมุนา นิมฺมิตาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อิมญฺหิ มยํ อทฺทสาม อิธ ปฐมํ อุปปนฺนํ, มยํ ปนมฺห ปจฺฉา อุปปนฺนา’ติฯ

    ‘‘Yepi te sattā pacchā upapannā, tesampi evaṃ hoti – ‘ayaṃ kho bhavaṃ brahmā mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī issaro kattā nimmātā seṭṭho sajitā vasī pitā bhūtabhabyānaṃ. Iminā mayaṃ bhotā brahmunā nimmitā. Taṃ kissa hetu? Imañhi mayaṃ addasāma idha paṭhamaṃ upapannaṃ, mayaṃ panamha pacchā upapannā’ti.

    ๔๓. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, โย โส สโตฺต ปฐมํ อุปปโนฺน, โส ทีฆายุกตโร จ โหติ วณฺณวนฺตตโร จ มเหสกฺขตโร จฯ เย ปน เต สตฺตา ปจฺฉา อุปปนฺนา, เต อปฺปายุกตรา จ โหนฺติ ทุพฺพณฺณตรา จ อเปฺปสกฺขตรา จฯ

    43. ‘‘Tatra, bhikkhave, yo so satto paṭhamaṃ upapanno, so dīghāyukataro ca hoti vaṇṇavantataro ca mahesakkhataro ca. Ye pana te sattā pacchā upapannā, te appāyukatarā ca honti dubbaṇṇatarā ca appesakkhatarā ca.

    ๔๔. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ, ยํ อญฺญตโร สโตฺต ตมฺหา กายา จวิตฺวา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติฯ อิตฺถตฺตํ อาคโต สมาโน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต ตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ , ตโต ปรํ นานุสฺสรติฯ

    44. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, bhikkhave, vijjati, yaṃ aññataro satto tamhā kāyā cavitvā itthattaṃ āgacchati. Itthattaṃ āgato samāno agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Agārasmā anagāriyaṃ pabbajito samāno ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte taṃ pubbenivāsaṃ anussarati , tato paraṃ nānussarati.

    ‘‘โส เอวมาห – ‘โย โข โส ภวํ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อญฺญทตฺถุทโส วสวตฺตี อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา เสโฎฺฐ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยานํ, เยน มยํ โภตา พฺรหฺมุนา นิมฺมิตา, โส นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธโมฺม สสฺสติสมํ ตเถว ฐสฺสติฯ เย ปน มยํ อหุมฺหา เตน โภตา พฺรหฺมุนา นิมฺมิตา, เต มยํ อนิจฺจา อทฺธุวา อปฺปายุกา จวนธมฺมา อิตฺถตฺตํ อาคตา’ติฯ อิทํ โข, ภิกฺขเว, ปฐมํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติฯ

    ‘‘So evamāha – ‘yo kho so bhavaṃ brahmā mahābrahmā abhibhū anabhibhūto aññadatthudaso vasavattī issaro kattā nimmātā seṭṭho sajitā vasī pitā bhūtabhabyānaṃ, yena mayaṃ bhotā brahmunā nimmitā, so nicco dhuvo sassato avipariṇāmadhammo sassatisamaṃ tatheva ṭhassati. Ye pana mayaṃ ahumhā tena bhotā brahmunā nimmitā, te mayaṃ aniccā addhuvā appāyukā cavanadhammā itthattaṃ āgatā’ti. Idaṃ kho, bhikkhave, paṭhamaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti.

    ๔๕. ‘‘ทุติเย จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ? สนฺติ, ภิกฺขเว, ขิฑฺฑาปโทสิกา นาม เทวา, เต อติเวลํ หสฺสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนา 61 วิหรนฺติฯ เตสํ อติเวลํ หสฺสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนานํ วิหรตํ สติ สมฺมุสฺสติ 62ฯ สติยา สโมฺมสา เต เทวา ตมฺหา กายา จวนฺติฯ

    45. ‘‘Dutiye ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti? Santi, bhikkhave, khiḍḍāpadosikā nāma devā, te ativelaṃ hassakhiḍḍāratidhammasamāpannā 63 viharanti. Tesaṃ ativelaṃ hassakhiḍḍāratidhammasamāpannānaṃ viharataṃ sati sammussati 64. Satiyā sammosā te devā tamhā kāyā cavanti.

    ๔๖. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ ยํ อญฺญตโร สโตฺต ตมฺหา กายา จวิตฺวา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติฯ อิตฺถตฺตํ อาคโต สมาโน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต ตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, ตโต ปรํ นานุสฺสรติฯ

    46. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, bhikkhave, vijjati yaṃ aññataro satto tamhā kāyā cavitvā itthattaṃ āgacchati. Itthattaṃ āgato samāno agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Agārasmā anagāriyaṃ pabbajito samāno ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte taṃ pubbenivāsaṃ anussarati, tato paraṃ nānussarati.

    ‘‘โส เอวมาห – ‘เย โข เต โภโนฺต เทวา น ขิฑฺฑาปโทสิกา, เต น อติเวลํ หสฺสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนา วิหรนฺติฯ เตสํ น อติเวลํ หสฺสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนานํ วิหรตํ สติ น สมฺมุสฺสติฯ สติยา อสโมฺมสา เต เทวา ตมฺหา กายา น จวนฺติ; นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา สสฺสติสมํ ตเถว ฐสฺสนฺติ ฯ เย ปน มยํ อหุมฺหา ขิฑฺฑาปโทสิกา, เต มยํ อติเวลํ หสฺสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนา วิหริมฺหาฯ เตสํ โน อติเวลํ หสฺสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนานํ วิหรตํ สติ สมฺมุสฺสติฯ สติยา สโมฺมสา เอวํ มยํ ตมฺหา กายา จุตา อนิจฺจา อทฺธุวา อปฺปายุกา จวนธมฺมา อิตฺถตฺตํ อาคตา’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติฯ

    ‘‘So evamāha – ‘ye kho te bhonto devā na khiḍḍāpadosikā, te na ativelaṃ hassakhiḍḍāratidhammasamāpannā viharanti. Tesaṃ na ativelaṃ hassakhiḍḍāratidhammasamāpannānaṃ viharataṃ sati na sammussati. Satiyā asammosā te devā tamhā kāyā na cavanti; niccā dhuvā sassatā avipariṇāmadhammā sassatisamaṃ tatheva ṭhassanti . Ye pana mayaṃ ahumhā khiḍḍāpadosikā, te mayaṃ ativelaṃ hassakhiḍḍāratidhammasamāpannā viharimhā. Tesaṃ no ativelaṃ hassakhiḍḍāratidhammasamāpannānaṃ viharataṃ sati sammussati. Satiyā sammosā evaṃ mayaṃ tamhā kāyā cutā aniccā addhuvā appāyukā cavanadhammā itthattaṃ āgatā’ti. Idaṃ, bhikkhave, dutiyaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti.

    ๔๗. ‘‘ตติเย จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ? สนฺติ, ภิกฺขเว, มโนปโทสิกา นาม เทวา, เต อติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายนฺติฯ เต อติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายนฺตา อญฺญมญฺญมฺหิ จิตฺตานิ ปทูเสนฺติฯ เต อญฺญมญฺญํ ปทุฎฺฐจิตฺตา กิลนฺตกายา กิลนฺตจิตฺตา ฯ เต เทวา ตมฺหา กายา จวนฺติฯ

    47. ‘‘Tatiye ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti? Santi, bhikkhave, manopadosikā nāma devā, te ativelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyanti. Te ativelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyantā aññamaññamhi cittāni padūsenti. Te aññamaññaṃ paduṭṭhacittā kilantakāyā kilantacittā . Te devā tamhā kāyā cavanti.

    ๔๘. ‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ ยํ อญฺญตโร สโตฺต ตมฺหา กายา จวิตฺวา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติฯ อิตฺถตฺตํ อาคโต สมาโน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต ตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ, ตโต ปรํ นานุสฺสรติฯ

    48. ‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, bhikkhave, vijjati yaṃ aññataro satto tamhā kāyā cavitvā itthattaṃ āgacchati. Itthattaṃ āgato samāno agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Agārasmā anagāriyaṃ pabbajito samāno ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte taṃ pubbenivāsaṃ anussarati, tato paraṃ nānussarati.

    ‘‘โส เอวมาห – ‘เย โข เต โภโนฺต เทวา น มโนปโทสิกา, เต นาติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายนฺติฯ เต นาติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายนฺตา อญฺญมญฺญมฺหิ จิตฺตานิ นปฺปทูเสนฺติฯ เต อญฺญมญฺญํ อปฺปทุฎฺฐจิตฺตา อกิลนฺตกายา อกิลนฺตจิตฺตาฯ เต เทวา ตมฺหา กายา น จวนฺติ, นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา สสฺสติสมํ ตเถว ฐสฺสนฺติฯ เย ปน มยํ อหุมฺหา มโนปโทสิกา, เต มยํ อติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายิมฺหาฯ เต มยํ อติเวลํ อญฺญมญฺญํ อุปนิชฺฌายนฺตา อญฺญมญฺญมฺหิ จิตฺตานิ ปทูสิมฺหา, เต มยํ อญฺญมญฺญํ ปทุฎฺฐจิตฺตา กิลนฺตกายา กิลนฺตจิตฺตาฯ เอวํ มยํ ตมฺหา กายา จุตา อนิจฺจา อทฺธุวา อปฺปายุกา จวนธมฺมา อิตฺถตฺตํ อาคตา’ติ ฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติฯ

    ‘‘So evamāha – ‘ye kho te bhonto devā na manopadosikā, te nātivelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyanti. Te nātivelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyantā aññamaññamhi cittāni nappadūsenti. Te aññamaññaṃ appaduṭṭhacittā akilantakāyā akilantacittā. Te devā tamhā kāyā na cavanti, niccā dhuvā sassatā avipariṇāmadhammā sassatisamaṃ tatheva ṭhassanti. Ye pana mayaṃ ahumhā manopadosikā, te mayaṃ ativelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyimhā. Te mayaṃ ativelaṃ aññamaññaṃ upanijjhāyantā aññamaññamhi cittāni padūsimhā, te mayaṃ aññamaññaṃ paduṭṭhacittā kilantakāyā kilantacittā. Evaṃ mayaṃ tamhā kāyā cutā aniccā addhuvā appāyukā cavanadhammā itthattaṃ āgatā’ti . Idaṃ, bhikkhave, tatiyaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti.

    ๔๙. ‘‘จตุเตฺถ จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ตกฺกี โหติ วีมํสีฯ โส ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฎิภานํ เอวมาห – ‘ยํ โข อิทํ วุจฺจติ จกฺขุํ อิติปิ โสตํ อิติปิ ฆานํ อิติปิ ชิวฺหา อิติปิ กาโย อิติปิ, อยํ อตฺตา อนิโจฺจ อทฺธุโว อสสฺสโต วิปริณามธโมฺมฯ ยญฺจ โข อิทํ วุจฺจติ จิตฺตนฺติ วา มโนติ วา วิญฺญาณนฺติ วา อยํ อตฺตา นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธโมฺม สสฺสติสมํ ตเถว ฐสฺสตี’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, จตุตฺถํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติฯ

    49. ‘‘Catutthe ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti? Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā takkī hoti vīmaṃsī. So takkapariyāhataṃ vīmaṃsānucaritaṃ sayaṃpaṭibhānaṃ evamāha – ‘yaṃ kho idaṃ vuccati cakkhuṃ itipi sotaṃ itipi ghānaṃ itipi jivhā itipi kāyo itipi, ayaṃ attā anicco addhuvo asassato vipariṇāmadhammo. Yañca kho idaṃ vuccati cittanti vā manoti vā viññāṇanti vā ayaṃ attā nicco dhuvo sassato avipariṇāmadhammo sassatisamaṃ tatheva ṭhassatī’ti. Idaṃ, bhikkhave, catutthaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti.

    ๕๐. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว จตูหิ วตฺถูหิ, เอเตสํ วา อญฺญตเรน; นตฺถิ อิโต พหิทฺธาฯ

    50. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti, sabbe te imeheva catūhi vatthūhi, etesaṃ vā aññatarena; natthi ito bahiddhā.

    ๕๑. ‘‘ตยิทํ , ภิกฺขเว, ตถาคโต ปชานาติ – ‘อิเม ทิฎฺฐิฎฺฐานา เอวํคหิตา เอวํปรามฎฺฐา เอวํคติกา ภวนฺติ เอวํอภิสมฺปรายา’ติฯ ตญฺจ ตถาคโต ปชานาติ, ตโต จ อุตฺตริตรํ ปชานาติ, ตญฺจ ปชานนํ น ปรามสติ, อปรามสโต จสฺส ปจฺจตฺตเญฺญว นิพฺพุติ วิทิตาฯ เวทนานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา อนุปาทาวิมุโตฺต, ภิกฺขเว, ตถาคโตฯ

    51. ‘‘Tayidaṃ , bhikkhave, tathāgato pajānāti – ‘ime diṭṭhiṭṭhānā evaṃgahitā evaṃparāmaṭṭhā evaṃgatikā bhavanti evaṃabhisamparāyā’ti. Tañca tathāgato pajānāti, tato ca uttaritaraṃ pajānāti, tañca pajānanaṃ na parāmasati, aparāmasato cassa paccattaññeva nibbuti viditā. Vedanānaṃ samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā anupādāvimutto, bhikkhave, tathāgato.

    ๕๒. ‘‘อิเม โข เต, ภิกฺขเว, ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา ทุรนุโพธา สนฺตา ปณีตา อตกฺกาวจรา นิปุณา ปณฺฑิตเวทนียา, เย ตถาคโต สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ, เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    52. ‘‘Ime kho te, bhikkhave, dhammā gambhīrā duddasā duranubodhā santā paṇītā atakkāvacarā nipuṇā paṇḍitavedanīyā, ye tathāgato sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti, yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    อนฺตานนฺตวาโท

    Antānantavādo

    ๕๓. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ?

    53. ‘‘Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti catūhi vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti catūhi vatthūhi?

    ๕๔. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อนฺตสญฺญี โลกสฺมิํ วิหรติฯ

    54. ‘‘Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte antasaññī lokasmiṃ viharati.

    ‘‘โส เอวมาห – ‘อนฺตวา อยํ โลโก ปริวฎุโมฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อหญฺหิ อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสามิ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อนฺตสญฺญี โลกสฺมิํ วิหรามิฯ อิมินามหํ เอตํ ชานามิ – ยถา อนฺตวา อยํ โลโก ปริวฎุโม’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปฐมํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติฯ

    ‘‘So evamāha – ‘antavā ayaṃ loko parivaṭumo. Taṃ kissa hetu? Ahañhi ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusāmi, yathāsamāhite citte antasaññī lokasmiṃ viharāmi. Imināmahaṃ etaṃ jānāmi – yathā antavā ayaṃ loko parivaṭumo’ti. Idaṃ, bhikkhave, paṭhamaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti.

    ๕๕. ‘‘ทุติเย จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อนนฺตสญฺญี โลกสฺมิํ วิหรติฯ

    55. ‘‘Dutiye ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti? Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte anantasaññī lokasmiṃ viharati.

    ‘‘โส เอวมาห – ‘อนโนฺต อยํ โลโก อปริยโนฺตฯ เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘‘อนฺตวา อยํ โลโก ปริวฎุโม’’ติ, เตสํ มุสาฯ อนโนฺต อยํ โลโก อปริยโนฺตฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อหญฺหิ อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสามิ , ยถาสมาหิเต จิเตฺต อนนฺตสญฺญี โลกสฺมิํ วิหรามิฯ อิมินามหํ เอตํ ชานามิ – ยถา อนโนฺต อยํ โลโก อปริยโนฺต’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติฯ

    ‘‘So evamāha – ‘ananto ayaṃ loko apariyanto. Ye te samaṇabrāhmaṇā evamāhaṃsu – ‘‘antavā ayaṃ loko parivaṭumo’’ti, tesaṃ musā. Ananto ayaṃ loko apariyanto. Taṃ kissa hetu? Ahañhi ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusāmi , yathāsamāhite citte anantasaññī lokasmiṃ viharāmi. Imināmahaṃ etaṃ jānāmi – yathā ananto ayaṃ loko apariyanto’ti. Idaṃ, bhikkhave, dutiyaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti.

    ๕๖. ‘‘ตติเย จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อุทฺธมโธ อนฺตสญฺญี โลกสฺมิํ วิหรติ, ติริยํ อนนฺตสญฺญีฯ

    56. ‘‘Tatiye ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti? Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte uddhamadho antasaññī lokasmiṃ viharati, tiriyaṃ anantasaññī.

    ‘‘โส เอวมาห – ‘อนฺตวา จ อยํ โลโก อนโนฺต จฯ เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘‘อนฺตวา อยํ โลโก ปริวฎุโม’’ติ, เตสํ มุสาฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘‘อนโนฺต อยํ โลโก อปริยโนฺต’’ติ, เตสมฺปิ มุสาฯ อนฺตวา จ อยํ โลโก อนโนฺต จฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อหญฺหิ อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสามิ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อุทฺธมโธ อนฺตสญฺญี โลกสฺมิํ วิหรามิ, ติริยํ อนนฺตสญฺญีฯ อิมินามหํ เอตํ ชานามิ – ยถา อนฺตวา จ อยํ โลโก อนโนฺต จา’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติฯ

    ‘‘So evamāha – ‘antavā ca ayaṃ loko ananto ca. Ye te samaṇabrāhmaṇā evamāhaṃsu – ‘‘antavā ayaṃ loko parivaṭumo’’ti, tesaṃ musā. Yepi te samaṇabrāhmaṇā evamāhaṃsu – ‘‘ananto ayaṃ loko apariyanto’’ti, tesampi musā. Antavā ca ayaṃ loko ananto ca. Taṃ kissa hetu? Ahañhi ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusāmi, yathāsamāhite citte uddhamadho antasaññī lokasmiṃ viharāmi, tiriyaṃ anantasaññī. Imināmahaṃ etaṃ jānāmi – yathā antavā ca ayaṃ loko ananto cā’ti. Idaṃ, bhikkhave, tatiyaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti.

    ๕๗. ‘‘จตุเตฺถ จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ตกฺกี โหติ วีมํสีฯ โส ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฎิภานํ เอวมาห – ‘เนวายํ โลโก อนฺตวา, น ปนานโนฺตฯ เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘‘อนฺตวา อยํ โลโก ปริวฎุโม’’ติ, เตสํ มุสาฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘‘อนโนฺต อยํ โลโก อปริยโนฺต’’ติ, เตสมฺปิ มุสาฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘‘อนฺตวา จ อยํ โลโก อนโนฺต จา’’ติ, เตสมฺปิ มุสาฯ เนวายํ โลโก อนฺตวา , น ปนานโนฺต’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว , จตุตฺถํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติฯ

    57. ‘‘Catutthe ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti? Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā takkī hoti vīmaṃsī. So takkapariyāhataṃ vīmaṃsānucaritaṃ sayaṃpaṭibhānaṃ evamāha – ‘nevāyaṃ loko antavā, na panānanto. Ye te samaṇabrāhmaṇā evamāhaṃsu – ‘‘antavā ayaṃ loko parivaṭumo’’ti, tesaṃ musā. Yepi te samaṇabrāhmaṇā evamāhaṃsu – ‘‘ananto ayaṃ loko apariyanto’’ti, tesampi musā. Yepi te samaṇabrāhmaṇā evamāhaṃsu – ‘‘antavā ca ayaṃ loko ananto cā’’ti, tesampi musā. Nevāyaṃ loko antavā , na panānanto’ti. Idaṃ, bhikkhave , catutthaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti.

    ๕๘. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว จตูหิ วตฺถูหิ, เอเตสํ วา อญฺญตเรน; นตฺถิ อิโต พหิทฺธาฯ

    58. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti catūhi vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti, sabbe te imeheva catūhi vatthūhi, etesaṃ vā aññatarena; natthi ito bahiddhā.

    ๕๙. ‘‘ตยิทํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ปชานาติ – ‘อิเม ทิฎฺฐิฎฺฐานา เอวํคหิตา เอวํปรามฎฺฐา เอวํคติกา ภวนฺติ เอวํอภิสมฺปรายา’ติฯ ตญฺจ ตถาคโต ปชานาติ, ตโต จ อุตฺตริตรํ ปชานาติ, ตญฺจ ปชานนํ น ปรามสติ, อปรามสโต จสฺส ปจฺจตฺตเญฺญว นิพฺพุติ วิทิตาฯ เวทนานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา อนุปาทาวิมุโตฺต, ภิกฺขเว, ตถาคโตฯ

    59. ‘‘Tayidaṃ, bhikkhave, tathāgato pajānāti – ‘ime diṭṭhiṭṭhānā evaṃgahitā evaṃparāmaṭṭhā evaṃgatikā bhavanti evaṃabhisamparāyā’ti. Tañca tathāgato pajānāti, tato ca uttaritaraṃ pajānāti, tañca pajānanaṃ na parāmasati, aparāmasato cassa paccattaññeva nibbuti viditā. Vedanānaṃ samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā anupādāvimutto, bhikkhave, tathāgato.

    ๖๐. ‘‘อิเม โข เต, ภิกฺขเว, ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา ทุรนุโพธา สนฺตา ปณีตา อตกฺกาวจรา นิปุณา ปณฺฑิตเวทนียา, เย ตถาคโต สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ, เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    60. ‘‘Ime kho te, bhikkhave, dhammā gambhīrā duddasā duranubodhā santā paṇītā atakkāvacarā nipuṇā paṇḍitavedanīyā, ye tathāgato sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti, yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    อมราวิเกฺขปวาโท

    Amarāvikkhepavādo

    ๖๑. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา อมราวิเกฺขปิกา, ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํ จตูหิ วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํ จตูหิ วตฺถูหิ?

    61. ‘‘Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā amarāvikkhepikā, tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ catūhi vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ catūhi vatthūhi?

    ๖๒. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ‘อิทํ กุสล’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ‘อิทํ อกุสล’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานามิ, ‘‘อิทํ อกุสล’’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานามิฯ อหเญฺจ โข ปน ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ ยถาภูตํ อปฺปชานโนฺต, ‘‘อิทํ อกุสล’’นฺติ ยถาภูตํ อปฺปชานโนฺต, ‘อิทํ กุสล’นฺติ วา พฺยากเรยฺยํ, ‘อิทํ อกุสล’นฺติ วา พฺยากเรยฺยํ, ตํ มมสฺส มุสาฯ ยํ มมสฺส มุสา , โส มมสฺส วิฆาโตฯ โย มมสฺส วิฆาโต โส มมสฺส อนฺตราโย’ติฯ อิติ โส มุสาวาทภยา มุสาวาทปริเชคุจฺฉา เนวิทํ กุสลนฺติ พฺยากโรติ, น ปนิทํ อกุสลนฺติ พฺยากโรติ, ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ สมาโน วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชติ อมราวิเกฺขปํ – ‘เอวนฺติปิ เม โน; ตถาติปิ เม โน; อญฺญถาติปิ เม โน; โนติปิ เม โน; โน โนติปิ เม โน’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปฐมํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํฯ

    62. ‘‘Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ‘idaṃ kusala’nti yathābhūtaṃ nappajānāti, ‘idaṃ akusala’nti yathābhūtaṃ nappajānāti. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho ‘‘idaṃ kusala’’nti yathābhūtaṃ nappajānāmi, ‘‘idaṃ akusala’’nti yathābhūtaṃ nappajānāmi. Ahañce kho pana ‘‘idaṃ kusala’’nti yathābhūtaṃ appajānanto, ‘‘idaṃ akusala’’nti yathābhūtaṃ appajānanto, ‘idaṃ kusala’nti vā byākareyyaṃ, ‘idaṃ akusala’nti vā byākareyyaṃ, taṃ mamassa musā. Yaṃ mamassa musā , so mamassa vighāto. Yo mamassa vighāto so mamassa antarāyo’ti. Iti so musāvādabhayā musāvādaparijegucchā nevidaṃ kusalanti byākaroti, na panidaṃ akusalanti byākaroti, tattha tattha pañhaṃ puṭṭho samāno vācāvikkhepaṃ āpajjati amarāvikkhepaṃ – ‘evantipi me no; tathātipi me no; aññathātipi me no; notipi me no; no notipi me no’ti. Idaṃ, bhikkhave, paṭhamaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ.

    ๖๓. ‘‘ทุติเย จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ‘อิทํ กุสล’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ‘อิทํ อกุสล’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานามิ, ‘‘อิทํ อกุสล’’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานามิฯ อหเญฺจ โข ปน ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ ยถาภูตํ อปฺปชานโนฺต, ‘‘อิทํ อกุสล’’นฺติ ยถาภูตํ อปฺปชานโนฺต, ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ วา พฺยากเรยฺยํ, ‘‘อิทํ อกุสล’นฺติ วา พฺยากเรยฺยํ, ตตฺถ เม อสฺส ฉโนฺท วา ราโค วา โทโส วา ปฎิโฆ วาฯ ยตฺถ 65 เม อสฺส ฉโนฺท วา ราโค วา โทโส วา ปฎิโฆ วา, ตํ มมสฺส อุปาทานํฯ ยํ มมสฺส อุปาทานํ, โส มมสฺส วิฆาโตฯ โย มมสฺส วิฆาโต, โส มมสฺส อนฺตราโย’ติฯ อิติ โส อุปาทานภยา อุปาทานปริเชคุจฺฉา เนวิทํ กุสลนฺติ พฺยากโรติ, น ปนิทํ อกุสลนฺติ พฺยากโรติ, ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ สมาโน วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชติ อมราวิเกฺขปํ – ‘เอวนฺติปิ เม โน; ตถาติปิ เม โน; อญฺญถาติปิ เม โน; โนติปิ เม โน; โน โนติปิ เม โน’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํฯ

    63. ‘‘Dutiye ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ‘idaṃ kusala’nti yathābhūtaṃ nappajānāti, ‘idaṃ akusala’nti yathābhūtaṃ nappajānāti. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho ‘‘idaṃ kusala’’nti yathābhūtaṃ nappajānāmi, ‘‘idaṃ akusala’’nti yathābhūtaṃ nappajānāmi. Ahañce kho pana ‘‘idaṃ kusala’’nti yathābhūtaṃ appajānanto, ‘‘idaṃ akusala’’nti yathābhūtaṃ appajānanto, ‘‘idaṃ kusala’’nti vā byākareyyaṃ, ‘‘idaṃ akusala’nti vā byākareyyaṃ, tattha me assa chando vā rāgo vā doso vā paṭigho vā. Yattha 66 me assa chando vā rāgo vā doso vā paṭigho vā, taṃ mamassa upādānaṃ. Yaṃ mamassa upādānaṃ, so mamassa vighāto. Yo mamassa vighāto, so mamassa antarāyo’ti. Iti so upādānabhayā upādānaparijegucchā nevidaṃ kusalanti byākaroti, na panidaṃ akusalanti byākaroti, tattha tattha pañhaṃ puṭṭho samāno vācāvikkhepaṃ āpajjati amarāvikkhepaṃ – ‘evantipi me no; tathātipi me no; aññathātipi me no; notipi me no; no notipi me no’ti. Idaṃ, bhikkhave, dutiyaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ.

    ๖๔. ‘‘ตติเย จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ‘อิทํ กุสล’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ‘อิทํ อกุสล’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานามิ, ‘‘อิทํ อกุสล’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานามิฯ อหเญฺจ โข ปน ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ ยถาภูตํ อปฺปชานโนฺต ‘‘อิทํ อกุสล’’นฺติ ยถาภูตํ อปฺปชานโนฺต ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ วา พฺยากเรยฺยํ, ‘‘อิทํ อกุสล’’นฺติ วา พฺยากเรยฺยํฯ สนฺติ หิ โข สมณพฺราหฺมณา ปณฺฑิตา นิปุณา กตปรปฺปวาทา วาลเวธิรูปา, เต ภินฺทนฺตา 67 มเญฺญ จรนฺติ ปญฺญาคเตน ทิฎฺฐิคตานิ, เต มํ ตตฺถ สมนุยุเญฺชยฺยุํ สมนุคาเหยฺยุํ สมนุภาเสยฺยุํฯ เย มํ ตตฺถ สมนุยุเญฺชยฺยุํ สมนุคาเหยฺยุํ สมนุภาเสยฺยุํ, เตสาหํ น สมฺปาเยยฺยํฯ เยสาหํ น สมฺปาเยยฺยํ, โส มมสฺส วิฆาโตฯ โย มมสฺส วิฆาโต, โส มมสฺส อนฺตราโย’ติฯ อิติ โส อนุโยคภยา อนุโยคปริเชคุจฺฉา เนวิทํ กุสลนฺติ พฺยากโรติ, น ปนิทํ อกุสลนฺติ พฺยากโรติ, ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ สมาโน วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชติ อมราวิเกฺขปํ – ‘เอวนฺติปิ เม โน; ตถาติปิ เม โน; อญฺญถาติปิ เม โน; โนติปิ เม โน; โน โนติปิ เม โน’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํฯ

    64. ‘‘Tatiye ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ‘idaṃ kusala’nti yathābhūtaṃ nappajānāti, ‘idaṃ akusala’nti yathābhūtaṃ nappajānāti. Tassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho ‘‘idaṃ kusala’’nti yathābhūtaṃ nappajānāmi, ‘‘idaṃ akusala’nti yathābhūtaṃ nappajānāmi. Ahañce kho pana ‘‘idaṃ kusala’’nti yathābhūtaṃ appajānanto ‘‘idaṃ akusala’’nti yathābhūtaṃ appajānanto ‘‘idaṃ kusala’’nti vā byākareyyaṃ, ‘‘idaṃ akusala’’nti vā byākareyyaṃ. Santi hi kho samaṇabrāhmaṇā paṇḍitā nipuṇā kataparappavādā vālavedhirūpā, te bhindantā 68 maññe caranti paññāgatena diṭṭhigatāni, te maṃ tattha samanuyuñjeyyuṃ samanugāheyyuṃ samanubhāseyyuṃ. Ye maṃ tattha samanuyuñjeyyuṃ samanugāheyyuṃ samanubhāseyyuṃ, tesāhaṃ na sampāyeyyaṃ. Yesāhaṃ na sampāyeyyaṃ, so mamassa vighāto. Yo mamassa vighāto, so mamassa antarāyo’ti. Iti so anuyogabhayā anuyogaparijegucchā nevidaṃ kusalanti byākaroti, na panidaṃ akusalanti byākaroti, tattha tattha pañhaṃ puṭṭho samāno vācāvikkhepaṃ āpajjati amarāvikkhepaṃ – ‘evantipi me no; tathātipi me no; aññathātipi me no; notipi me no; no notipi me no’ti. Idaṃ, bhikkhave, tatiyaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ.

    ๖๕. ‘‘จตุเตฺถ จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา มโนฺท โหติ โมมูโหฯ โส มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ สมาโน วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชติ อมราวิเกฺขปํ – ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ อิติ เจ มํ ปุจฺฉสิ, ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ อิติ เจ เม อสฺส, ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ อิติ เต นํ พฺยากเรยฺยํ, ‘เอวนฺติปิ เม โน, ตถาติปิ เม โน, อญฺญถาติปิ เม โน, โนติปิ เม โน, โน โนติปิ เม โน’ติฯ ‘นตฺถิ ปโร โลโก…เป.… ‘อตฺถิ จ นตฺถิ จ ปโร โลโก…เป.… ‘เนวตฺถิ น นตฺถิ ปโร โลโก…เป.… ‘อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา …เป.… ‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา…เป.… ‘อตฺถิ จ นตฺถิ จ สตฺตา โอปปาติกา…เป.… ‘เนวตฺถิ น นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา…เป.… ‘อตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ 69 กมฺมานํ ผลํ วิปาโก…เป.… ‘นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก…เป.… ‘อตฺถิ จ นตฺถิ จ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก…เป.… ‘เนวตฺถิ น นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก…เป.… ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา…เป.… ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา…เป.… ‘โหติ จ น จ โหติ 70 ตถาคโต ปรํ มรณา…เป.… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ อิติ เจ มํ ปุจฺฉสิ, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ อิติ เจ เม อสฺส, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ อิติ เต นํ พฺยากเรยฺยํ, ‘เอวนฺติปิ เม โน, ตถาติปิ เม โน, อญฺญถาติปิ เม โน, โนติปิ เม โน, โน โนติปิ เม โน’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, จตุตฺถํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํฯ

    65. ‘‘Catutthe ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā mando hoti momūho. So mandattā momūhattā tattha tattha pañhaṃ puṭṭho samāno vācāvikkhepaṃ āpajjati amarāvikkhepaṃ – ‘atthi paro loko’ti iti ce maṃ pucchasi, ‘atthi paro loko’ti iti ce me assa, ‘atthi paro loko’ti iti te naṃ byākareyyaṃ, ‘evantipi me no, tathātipi me no, aññathātipi me no, notipi me no, no notipi me no’ti. ‘Natthi paro loko…pe… ‘atthi ca natthi ca paro loko…pe… ‘nevatthi na natthi paro loko…pe… ‘atthi sattā opapātikā …pe… ‘natthi sattā opapātikā…pe… ‘atthi ca natthi ca sattā opapātikā…pe… ‘nevatthi na natthi sattā opapātikā…pe… ‘atthi sukatadukkaṭānaṃ 71 kammānaṃ phalaṃ vipāko…pe… ‘natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko…pe… ‘atthi ca natthi ca sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko…pe… ‘nevatthi na natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko…pe… ‘hoti tathāgato paraṃ maraṇā…pe… ‘na hoti tathāgato paraṃ maraṇā…pe… ‘hoti ca na ca hoti 72 tathāgato paraṃ maraṇā…pe… ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇāti iti ce maṃ pucchasi, ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti iti ce me assa, ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā’ti iti te naṃ byākareyyaṃ, ‘evantipi me no, tathātipi me no, aññathātipi me no, notipi me no, no notipi me no’ti. Idaṃ, bhikkhave, catutthaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ.

    ๖๖. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํ จตูหิ วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํ , สเพฺพ เต อิเมเหว จตูหิ วตฺถูหิ, เอเตสํ วา อญฺญตเรน, นตฺถิ อิโต พหิทฺธา…เป.… เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    66. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ catūhi vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ , sabbe te imeheva catūhi vatthūhi, etesaṃ vā aññatarena, natthi ito bahiddhā…pe… yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาโท

    Adhiccasamuppannavādo

    ๖๗. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ ทฺวีหิ วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ ทฺวีหิ วตฺถูหิ?

    67. ‘‘Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā adhiccasamuppannikā adhiccasamuppannaṃ attānañca lokañca paññapenti dvīhi vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha adhiccasamuppannikā adhiccasamuppannaṃ attānañca lokañca paññapenti dvīhi vatthūhi?

    ๖๘. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, อสญฺญสตฺตา นาม เทวาฯ สญฺญุปฺปาทา จ ปน เต เทวา ตมฺหา กายา จวนฺติฯ ฐานํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ, ยํ อญฺญตโร สโตฺต ตมฺหา กายา จวิตฺวา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติฯ อิตฺถตฺตํ อาคโต สมาโน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต สญฺญุปฺปาทํ อนุสฺสรติ, ตโต ปรํ นานุสฺสรติฯ โส เอวมาห – ‘อธิจฺจสมุปฺปโนฺน อตฺตา จ โลโก จฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อหญฺหิ ปุเพฺพ นาโหสิํ, โสมฺหิ เอตรหิ อหุตฺวา สนฺตตาย ปริณโต’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปฐมํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติฯ

    68. ‘‘Santi, bhikkhave, asaññasattā nāma devā. Saññuppādā ca pana te devā tamhā kāyā cavanti. Ṭhānaṃ kho panetaṃ, bhikkhave, vijjati, yaṃ aññataro satto tamhā kāyā cavitvā itthattaṃ āgacchati. Itthattaṃ āgato samāno agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Agārasmā anagāriyaṃ pabbajito samāno ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte saññuppādaṃ anussarati, tato paraṃ nānussarati. So evamāha – ‘adhiccasamuppanno attā ca loko ca. Taṃ kissa hetu? Ahañhi pubbe nāhosiṃ, somhi etarahi ahutvā santatāya pariṇato’ti. Idaṃ, bhikkhave, paṭhamaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā adhiccasamuppannikā adhiccasamuppannaṃ attānañca lokañca paññapenti.

    ๖๙. ‘‘ทุติเย จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ตกฺกี โหติ วีมํสีฯ โส ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฎิภานํ เอวมาห – ‘อธิจฺจสมุปฺปโนฺน อตฺตา จ โลโก จา’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ ฐานํ, ยํ อาคมฺม ยํ อารพฺภ เอเก สมณพฺราหฺมณา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติฯ

    69. ‘‘Dutiye ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha adhiccasamuppannikā adhiccasamuppannaṃ attānañca lokañca paññapenti? Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā takkī hoti vīmaṃsī. So takkapariyāhataṃ vīmaṃsānucaritaṃ sayaṃpaṭibhānaṃ evamāha – ‘adhiccasamuppanno attā ca loko cā’ti. Idaṃ, bhikkhave, dutiyaṃ ṭhānaṃ, yaṃ āgamma yaṃ ārabbha eke samaṇabrāhmaṇā adhiccasamuppannikā adhiccasamuppannaṃ attānañca lokañca paññapenti.

    ๗๐. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ ทฺวีหิ วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว ทฺวีหิ วตฺถูหิ, เอเตสํ วา อญฺญตเรน, นตฺถิ อิโต พหิทฺธา…เป.… เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    70. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā adhiccasamuppannikā adhiccasamuppannaṃ attānañca lokañca paññapenti dvīhi vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā adhiccasamuppannikā adhiccasamuppannaṃ attānañca lokañca paññapenti, sabbe te imeheva dvīhi vatthūhi, etesaṃ vā aññatarena, natthi ito bahiddhā…pe… yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    ๗๑. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตมารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิ, เอเตสํ วา อญฺญตเรน, นตฺถิ อิโต พหิทฺธาฯ

    71. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā pubbantānudiṭṭhino pubbantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti aṭṭhārasahi vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā pubbantakappikā pubbantānudiṭṭhino pubbantamārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti, sabbe te imeheva aṭṭhārasahi vatthūhi, etesaṃ vā aññatarena, natthi ito bahiddhā.

    ๗๒. ‘‘ตยิทํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ปชานาติ – ‘อิเม ทิฎฺฐิฎฺฐานา เอวํคหิตา เอวํปรามฎฺฐา เอวํคติกา ภวนฺติ เอวํอภิสมฺปรายา’ติฯ ตญฺจ ตถาคโต ปชานาติ, ตโต จ อุตฺตริตรํ ปชานาติ, ตญฺจ ปชานนํ น ปรามสติ, อปรามสโต จสฺส ปจฺจตฺตเญฺญว นิพฺพุติ วิทิตาฯ เวทนานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา อนุปาทาวิมุโตฺต, ภิกฺขเว, ตถาคโตฯ

    72. ‘‘Tayidaṃ, bhikkhave, tathāgato pajānāti – ‘ime diṭṭhiṭṭhānā evaṃgahitā evaṃparāmaṭṭhā evaṃgatikā bhavanti evaṃabhisamparāyā’ti. Tañca tathāgato pajānāti, tato ca uttaritaraṃ pajānāti, tañca pajānanaṃ na parāmasati, aparāmasato cassa paccattaññeva nibbuti viditā. Vedanānaṃ samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā anupādāvimutto, bhikkhave, tathāgato.

    ๗๓. ‘‘อิเม โข เต, ภิกฺขเว, ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา ทุรนุโพธา สนฺตา ปณีตา อตกฺกาวจรา นิปุณา ปณฺฑิตเวทนียา, เย ตถาคโต สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ , เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    73. ‘‘Ime kho te, bhikkhave, dhammā gambhīrā duddasā duranubodhā santā paṇītā atakkāvacarā nipuṇā paṇḍitavedanīyā, ye tathāgato sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti , yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    ทุติยภาณวาโรฯ

    Dutiyabhāṇavāro.

    อปรนฺตกปฺปิกา

    Aparantakappikā

    ๗๔. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา อปรนฺตกปฺปิกา อปรนฺตานุทิฎฺฐิโน, อปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ จตุจตฺตารีสาย 73 วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อปรนฺตกปฺปิกา อปรนฺตานุทิฎฺฐิโน อปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ จตุจตฺตารีสาย วตฺถูหิ?

    74. ‘‘Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā aparantakappikā aparantānudiṭṭhino, aparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti catucattārīsāya 74 vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha aparantakappikā aparantānudiṭṭhino aparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti catucattārīsāya vatthūhi?

    สญฺญีวาโท

    Saññīvādo

    ๗๕. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา สญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ สญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ โสฬสหิ วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อุทฺธมาฆาตนิกา สญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ สญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ โสฬสหิ วตฺถูหิ?

    75. ‘‘Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā saññīvādā uddhamāghātanaṃ saññiṃ attānaṃ paññapenti soḷasahi vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha uddhamāghātanikā saññīvādā uddhamāghātanaṃ saññiṃ attānaṃ paññapenti soḷasahi vatthūhi?

    ๗๖. ‘‘‘รูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา สญฺญี’ติ นํ ปญฺญเปนฺติฯ ‘อรูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา สญฺญี’ติ นํ ปญฺญเปนฺติฯ ‘รูปี จ อรูปี จ อตฺตา โหติ…เป.… เนวรูปี นารูปี อตฺตา โหติ… อนฺตวา อตฺตา โหติ… อนนฺตวา อตฺตา โหติ… อนฺตวา จ อนนฺตวา จ อตฺตา โหติ… เนวนฺตวา นานนฺตวา อตฺตา โหติ… เอกตฺตสญฺญี อตฺตา โหติ… นานตฺตสญฺญี อตฺตา โหติ… ปริตฺตสญฺญี อตฺตา โหติ… อปฺปมาณสญฺญี อตฺตา โหติ… เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ… เอกนฺตทุกฺขี อตฺตา โหติฯ สุขทุกฺขี อตฺตา โหติฯ อทุกฺขมสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา สญฺญี’ติ นํ ปญฺญเปนฺติฯ

    76. ‘‘‘Rūpī attā hoti arogo paraṃ maraṇā saññī’ti naṃ paññapenti. ‘Arūpī attā hoti arogo paraṃ maraṇā saññī’ti naṃ paññapenti. ‘Rūpī ca arūpī ca attā hoti…pe… nevarūpī nārūpī attā hoti… antavā attā hoti… anantavā attā hoti… antavā ca anantavā ca attā hoti… nevantavā nānantavā attā hoti… ekattasaññī attā hoti… nānattasaññī attā hoti… parittasaññī attā hoti… appamāṇasaññī attā hoti… ekantasukhī attā hoti… ekantadukkhī attā hoti. Sukhadukkhī attā hoti. Adukkhamasukhī attā hoti arogo paraṃ maraṇā saññī’ti naṃ paññapenti.

    ๗๗. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา สญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ สญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ โสฬสหิ วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อุทฺธมาฆาตนิกา สญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ สญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว โสฬสหิ วตฺถูหิ, เอเตสํ วา อญฺญตเรน, นตฺถิ อิโต พหิทฺธา…เป.… เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    77. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā saññīvādā uddhamāghātanaṃ saññiṃ attānaṃ paññapenti soḷasahi vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā uddhamāghātanikā saññīvādā uddhamāghātanaṃ saññiṃ attānaṃ paññapenti, sabbe te imeheva soḷasahi vatthūhi, etesaṃ vā aññatarena, natthi ito bahiddhā…pe… yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    อสญฺญีวาโท

    Asaññīvādo

    ๗๘. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา อสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ อสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อุทฺธมาฆาตนิกา อสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ อสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิ?

    78. ‘‘Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā asaññīvādā uddhamāghātanaṃ asaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha uddhamāghātanikā asaññīvādā uddhamāghātanaṃ asaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi?

    ๗๙. ‘‘‘รูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา อสญฺญี’ติ นํ ปญฺญเปนฺติฯ ‘อรูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา อสญฺญี’ติ นํ ปญฺญเปนฺติฯ ‘รูปี จ อรูปี จ อตฺตา โหติ…เป.… เนวรูปี นารูปี อตฺตา โหติ… อนฺตวา อตฺตา โหติ… อนนฺตวา อตฺตา โหติ… อนฺตวา จ อนนฺตวา จ อตฺตา โหติ… เนวนฺตวา นานนฺตวา อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา อสญฺญี’ติ นํ ปญฺญเปนฺติฯ

    79. ‘‘‘Rūpī attā hoti arogo paraṃ maraṇā asaññī’ti naṃ paññapenti. ‘Arūpī attā hoti arogo paraṃ maraṇā asaññī’ti naṃ paññapenti. ‘Rūpī ca arūpī ca attā hoti…pe… nevarūpī nārūpī attā hoti… antavā attā hoti… anantavā attā hoti… antavā ca anantavā ca attā hoti… nevantavā nānantavā attā hoti arogo paraṃ maraṇā asaññī’ti naṃ paññapenti.

    ๘๐. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา อสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ อสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อุทฺธมาฆาตนิกา อสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ อสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว อฎฺฐหิ วตฺถูหิ, เอเตสํ วา อญฺญตเรน, นตฺถิ อิโต พหิทฺธา…เป.… เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    80. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā asaññīvādā uddhamāghātanaṃ asaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā uddhamāghātanikā asaññīvādā uddhamāghātanaṃ asaññiṃ attānaṃ paññapenti, sabbe te imeheva aṭṭhahi vatthūhi, etesaṃ vā aññatarena, natthi ito bahiddhā…pe… yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    เนวสญฺญีนาสญฺญีวาโท

    Nevasaññīnāsaññīvādo

    ๘๑. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา, อุทฺธมาฆาตนํ เนวสญฺญีนาสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อุทฺธมาฆาตนิกา เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ เนวสญฺญีนาสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิ?

    81. ‘‘Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā nevasaññīnāsaññīvādā, uddhamāghātanaṃ nevasaññīnāsaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha uddhamāghātanikā nevasaññīnāsaññīvādā uddhamāghātanaṃ nevasaññīnāsaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi?

    ๘๒. ‘‘‘รูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา เนวสญฺญีนาสญฺญี’ติ นํ ปญฺญเปนฺติ ‘อรูปี อตฺตา โหติ…เป.… รูปี จ อรูปี จ อตฺตา โหติ… เนวรูปี นารูปี อตฺตา โหติ… อนฺตวา อตฺตา โหติ… อนนฺตวา อตฺตา โหติ… อนฺตวา จ อนนฺตวา จ อตฺตา โหติ… เนวนฺตวา นานนฺตวา อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา เนวสญฺญีนาสญฺญี’ติ นํ ปญฺญเปนฺติฯ

    82. ‘‘‘Rūpī attā hoti arogo paraṃ maraṇā nevasaññīnāsaññī’ti naṃ paññapenti ‘arūpī attā hoti…pe… rūpī ca arūpī ca attā hoti… nevarūpī nārūpī attā hoti… antavā attā hoti… anantavā attā hoti… antavā ca anantavā ca attā hoti… nevantavā nānantavā attā hoti arogo paraṃ maraṇā nevasaññīnāsaññī’ti naṃ paññapenti.

    ๘๓. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ เนวสญฺญีนาสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อุทฺธมาฆาตนิกา เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ เนวสญฺญีนาสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว อฎฺฐหิ วตฺถูหิ…เป.… เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    83. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā nevasaññīnāsaññīvādā uddhamāghātanaṃ nevasaññīnāsaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā uddhamāghātanikā nevasaññīnāsaññīvādā uddhamāghātanaṃ nevasaññīnāsaññiṃ attānaṃ paññapenti, sabbe te imeheva aṭṭhahi vatthūhi…pe… yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    อุเจฺฉทวาโท

    Ucchedavādo

    ๘๔. ‘‘สนฺติ , ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา อุเจฺฉทวาทา สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติ สตฺตหิ วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ อุเจฺฉทวาทา สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติ สตฺตหิ วตฺถูหิ?

    84. ‘‘Santi , bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā ucchedavādā sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti sattahi vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha ucchedavādā sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti sattahi vatthūhi?

    ๘๕. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที โหติ เอวํทิฎฺฐิ 75 – ‘ยโต โข, โภ, อยํ อตฺตา รูปี จาตุมหาภูติโก มาตาเปตฺติกสมฺภโว กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหตี’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติฯ

    85. ‘‘Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā evaṃvādī hoti evaṃdiṭṭhi 76 – ‘yato kho, bho, ayaṃ attā rūpī cātumahābhūtiko mātāpettikasambhavo kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā sammā samucchinno hotī’ti. Ittheke sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti.

    ๘๖. ‘‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘อตฺถิ โข, โภ, เอโส อตฺตา, ยํ ตฺวํ วเทสิ, เนโส นตฺถีติ วทามิ; โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหติฯ อตฺถิ โข, โภ, อโญฺญ อตฺตา ทิโพฺพ รูปี กามาวจโร กพฬีการาหารภโกฺขฯ ตํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิฯ ตมหํ ชานามิ ปสฺสามิฯ โส โข, โภ, อตฺตา ยโต กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหตี’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติฯ

    86. ‘‘Tamañño evamāha – ‘atthi kho, bho, eso attā, yaṃ tvaṃ vadesi, neso natthīti vadāmi; no ca kho, bho, ayaṃ attā ettāvatā sammā samucchinno hoti. Atthi kho, bho, añño attā dibbo rūpī kāmāvacaro kabaḷīkārāhārabhakkho. Taṃ tvaṃ na jānāsi na passasi. Tamahaṃ jānāmi passāmi. So kho, bho, attā yato kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā sammā samucchinno hotī’ti. Ittheke sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti.

    ๘๗. ‘‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘อตฺถิ โข, โภ, เอโส อตฺตา, ยํ ตฺวํ วเทสิ, เนโส นตฺถีติ วทามิ; โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหติฯ อตฺถิ โข, โภ, อโญฺญ อตฺตา ทิโพฺพ รูปี มโนมโย สพฺพงฺคปจฺจงฺคี อหีนินฺทฺริโยฯ ตํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิฯ ตมหํ ชานามิ ปสฺสามิฯ โส โข, โภ, อตฺตา ยโต กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหตี’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติฯ

    87. ‘‘Tamañño evamāha – ‘atthi kho, bho, eso attā, yaṃ tvaṃ vadesi, neso natthīti vadāmi; no ca kho, bho, ayaṃ attā ettāvatā sammā samucchinno hoti. Atthi kho, bho, añño attā dibbo rūpī manomayo sabbaṅgapaccaṅgī ahīnindriyo. Taṃ tvaṃ na jānāsi na passasi. Tamahaṃ jānāmi passāmi. So kho, bho, attā yato kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā sammā samucchinno hotī’ti. Ittheke sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti.

    ๘๘. ‘‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘อตฺถิ โข, โภ, เอโส อตฺตา, ยํ ตฺวํ วเทสิ, เนโส นตฺถีติ วทามิ; โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหติฯ อตฺถิ โข , โภ, อโญฺญ อตฺตา สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘‘อนโนฺต อากาโส’’ติ อากาสานญฺจายตนูปโคฯ ตํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิฯ ตมหํ ชานามิ ปสฺสามิฯ โส โข, โภ, อตฺตา ยโต กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหตี’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติฯ

    88. ‘‘Tamañño evamāha – ‘atthi kho, bho, eso attā, yaṃ tvaṃ vadesi, neso natthīti vadāmi; no ca kho, bho, ayaṃ attā ettāvatā sammā samucchinno hoti. Atthi kho , bho, añño attā sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘‘ananto ākāso’’ti ākāsānañcāyatanūpago. Taṃ tvaṃ na jānāsi na passasi. Tamahaṃ jānāmi passāmi. So kho, bho, attā yato kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā sammā samucchinno hotī’ti. Ittheke sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti.

    ๘๙. ‘‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘อตฺถิ โข, โภ, เอโส อตฺตา ยํ ตฺวํ วเทสิ, เนโส นตฺถีติ วทามิ; โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหติฯ อตฺถิ โข, โภ, อโญฺญ อตฺตา สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนูปโคฯ ตํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิฯ ตมหํ ชานามิ ปสฺสามิฯ โส โข, โภ, อตฺตา ยโต กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหตี’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติฯ

    89. ‘‘Tamañño evamāha – ‘atthi kho, bho, eso attā yaṃ tvaṃ vadesi, neso natthīti vadāmi; no ca kho, bho, ayaṃ attā ettāvatā sammā samucchinno hoti. Atthi kho, bho, añño attā sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘‘anantaṃ viññāṇa’’nti viññāṇañcāyatanūpago. Taṃ tvaṃ na jānāsi na passasi. Tamahaṃ jānāmi passāmi. So kho, bho, attā yato kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā sammā samucchinno hotī’ti. Ittheke sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti.

    ๙๐. ‘‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘อตฺถิ โข, โภ, โส อตฺตา, ยํ ตฺวํ วเทสิ, เนโส นตฺถีติ วทามิ; โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหติฯ อตฺถิ โข, โภ, อโญฺญ อตฺตา สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘‘นตฺถิ กิญฺจี’’ติ อากิญฺจญฺญายตนูปโคฯ ตํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิฯ ตมหํ ชานามิ ปสฺสามิฯ โส โข, โภ, อตฺตา ยโต กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา, เอตฺตาวตา โข , โภ, อยํ อตฺตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหตี’’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติฯ

    90. ‘‘Tamañño evamāha – ‘atthi kho, bho, so attā, yaṃ tvaṃ vadesi, neso natthīti vadāmi; no ca kho, bho, ayaṃ attā ettāvatā sammā samucchinno hoti. Atthi kho, bho, añño attā sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘‘natthi kiñcī’’ti ākiñcaññāyatanūpago. Taṃ tvaṃ na jānāsi na passasi. Tamahaṃ jānāmi passāmi. So kho, bho, attā yato kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā, ettāvatā kho , bho, ayaṃ attā sammā samucchinno hotī’’ti. Ittheke sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti.

    ๙๑. ‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘‘อตฺถิ โข, โภ, เอโส อตฺตา, ยํ ตฺวํ วเทสิ, เนโส นตฺถีติ วทามิ; โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหติฯ อตฺถิ โข, โภ, อโญฺญ อตฺตา สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม ‘‘สนฺตเมตํ ปณีตเมต’’นฺติ เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปโคฯ ตํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิฯ ตมหํ ชานามิ ปสฺสามิฯ โส โข, โภ, อตฺตา ยโต กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา สมฺมา สมุจฺฉิโนฺน โหตี’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติฯ

    91. ‘Tamañño evamāha – ‘‘atthi kho, bho, eso attā, yaṃ tvaṃ vadesi, neso natthīti vadāmi; no ca kho, bho, ayaṃ attā ettāvatā sammā samucchinno hoti. Atthi kho, bho, añño attā sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma ‘‘santametaṃ paṇītameta’’nti nevasaññānāsaññāyatanūpago. Taṃ tvaṃ na jānāsi na passasi. Tamahaṃ jānāmi passāmi. So kho, bho, attā yato kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā sammā samucchinno hotī’ti. Ittheke sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti.

    ๙๒. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา อุเจฺฉทวาทา สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติ สตฺตหิ วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อุเจฺฉทวาทา สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว สตฺตหิ วตฺถูหิ…เป.… เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    92. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā ucchedavādā sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti sattahi vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā ucchedavādā sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti, sabbe te imeheva sattahi vatthūhi…pe… yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาโท

    Diṭṭhadhammanibbānavādo

    ๙๓. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติ ปญฺจหิ วตฺถูหิฯ เต จ โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา กิมาคมฺม กิมารพฺภ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติ ปญฺจหิ วตฺถูหิ?

    93. ‘‘Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā diṭṭhadhammanibbānavādā sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti pañcahi vatthūhi. Te ca bhonto samaṇabrāhmaṇā kimāgamma kimārabbha diṭṭhadhammanibbānavādā sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti pañcahi vatthūhi?

    ๙๔. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที โหติ เอวํทิฎฺฐิ – ‘‘ยโต โข, โภ, อยํ อตฺตา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติ, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปโตฺต โหตี’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติฯ

    94. ‘‘Idha, bhikkhave, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā evaṃvādī hoti evaṃdiṭṭhi – ‘‘yato kho, bho, ayaṃ attā pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāreti, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ patto hotī’ti. Ittheke sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti.

    ๙๕. ‘‘ตมโญฺญ เอวมาห –‘อตฺถิ โข, โภ, เอโส อตฺตา, ยํ ตฺวํ วเทสิ, เนโส นตฺถีติ วทามิ; โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปโตฺต โหติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? กามา หิ, โภ, อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา, เตสํ วิปริณามญฺญถาภาวา อุปฺปชฺชนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาฯ ยโต โข , โภ, อยํ อตฺตา วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปโตฺต โหตี’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติฯ

    95. ‘‘Tamañño evamāha –‘atthi kho, bho, eso attā, yaṃ tvaṃ vadesi, neso natthīti vadāmi; no ca kho, bho, ayaṃ attā ettāvatā paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ patto hoti. Taṃ kissa hetu? Kāmā hi, bho, aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā, tesaṃ vipariṇāmaññathābhāvā uppajjanti sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā. Yato kho , bho, ayaṃ attā vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ patto hotī’ti. Ittheke sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti.

    ๙๖. ‘‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘อตฺถิ โข, โภ, เอโส อตฺตา, ยํ ตฺวํ วเทสิ, เนโส นตฺถีติ วทามิ; โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปโตฺต โหติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยเทว ตตฺถ วิตกฺกิตํ วิจาริตํ, เอเตเนตํ โอฬาริกํ อกฺขายติฯ ยโต โข, โภ, อยํ อตฺตา วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปโตฺต โหตี’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติฯ

    96. ‘‘Tamañño evamāha – ‘atthi kho, bho, eso attā, yaṃ tvaṃ vadesi, neso natthīti vadāmi; no ca kho, bho, ayaṃ attā ettāvatā paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ patto hoti. Taṃ kissa hetu? Yadeva tattha vitakkitaṃ vicāritaṃ, etenetaṃ oḷārikaṃ akkhāyati. Yato kho, bho, ayaṃ attā vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ patto hotī’ti. Ittheke sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti.

    ๙๗. ‘‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘อตฺถิ โข, โภ, เอโส อตฺตา, ยํ ตฺวํ วเทสิ, เนโส นตฺถีติ วทามิ; โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปโตฺต โหติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยเทว ตตฺถ ปีติคตํ เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ, เอเตเนตํ โอฬาริกํ อกฺขายติฯ ยโต โข, โภ, อยํ อตฺตา ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ, สโต จ สมฺปชาโน, สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ, ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปโตฺต โหตี’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติฯ

    97. ‘‘Tamañño evamāha – ‘atthi kho, bho, eso attā, yaṃ tvaṃ vadesi, neso natthīti vadāmi; no ca kho, bho, ayaṃ attā ettāvatā paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ patto hoti. Taṃ kissa hetu? Yadeva tattha pītigataṃ cetaso uppilāvitattaṃ, etenetaṃ oḷārikaṃ akkhāyati. Yato kho, bho, ayaṃ attā pītiyā ca virāgā upekkhako ca viharati, sato ca sampajāno, sukhañca kāyena paṭisaṃvedeti, yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti ‘‘upekkhako satimā sukhavihārī’’ti, tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ patto hotī’ti. Ittheke sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti.

    ๙๘. ‘‘ตมโญฺญ เอวมาห – ‘อตฺถิ โข, โภ, เอโส อตฺตา, ยํ ตฺวํ วเทสิ, เนโส นตฺถีติ วทามิ; โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปโตฺต โหติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ยเทว ตตฺถ สุขมิติ เจตโส อาโภโค, เอเตเนตํ โอฬาริกํ อกฺขายติฯ ยโต โข, โภ, อยํ อตฺตา สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปโตฺต โหตี’ติฯ อิเตฺถเก สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติฯ

    98. ‘‘Tamañño evamāha – ‘atthi kho, bho, eso attā, yaṃ tvaṃ vadesi, neso natthīti vadāmi; no ca kho, bho, ayaṃ attā ettāvatā paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ patto hoti. Taṃ kissa hetu? Yadeva tattha sukhamiti cetaso ābhogo, etenetaṃ oḷārikaṃ akkhāyati. Yato kho, bho, ayaṃ attā sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, ettāvatā kho, bho, ayaṃ attā paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ patto hotī’ti. Ittheke sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti.

    ๙๙. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติ ปญฺจหิ วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว ปญฺจหิ วตฺถูหิ…เป.… เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    99. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā diṭṭhadhammanibbānavādā sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti pañcahi vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā diṭṭhadhammanibbānavādā sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti, sabbe te imeheva pañcahi vatthūhi…pe… yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    ๑๐๐. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา อปรนฺตกปฺปิกา อปรนฺตานุทิฎฺฐิโน อปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ จตุจตฺตารีสาย วตฺถูหิฯ เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อปรนฺตกปฺปิกา อปรนฺตานุทิฎฺฐิโน อปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว จตุจตฺตารีสาย วตฺถูหิ…เป.… เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    100. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā aparantakappikā aparantānudiṭṭhino aparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti catucattārīsāya vatthūhi. Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā aparantakappikā aparantānudiṭṭhino aparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti, sabbe te imeheva catucattārīsāya vatthūhi…pe… yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    ๑๐๑. ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา จ อปรนฺตกปฺปิกา จ ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกา จ ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตาปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ ทฺวาสฎฺฐิยา วตฺถูหิฯ

    101. ‘‘Imehi kho te, bhikkhave, samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā ca aparantakappikā ca pubbantāparantakappikā ca pubbantāparantānudiṭṭhino pubbantāparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti dvāsaṭṭhiyā vatthūhi.

    ๑๐๒. ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา วา อปรนฺตกปฺปิกา วา ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกา วา ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตาปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว ทฺวาสฎฺฐิยา วตฺถูหิ, เอเตสํ วา อญฺญตเรน; นตฺถิ อิโต พหิทฺธาฯ

    102. ‘‘Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā pubbantakappikā vā aparantakappikā vā pubbantāparantakappikā vā pubbantāparantānudiṭṭhino pubbantāparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti, sabbe te imeheva dvāsaṭṭhiyā vatthūhi, etesaṃ vā aññatarena; natthi ito bahiddhā.

    ๑๐๓. ‘‘ตยิทํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ปชานาติ – ‘อิเม ทิฎฺฐิฎฺฐานา เอวํคหิตา เอวํปรามฎฺฐา เอวํคติกา ภวนฺติ เอวํอภิสมฺปรายา’ติฯ ตญฺจ ตถาคโต ปชานาติ, ตโต จ อุตฺตริตรํ ปชานาติ, ตญฺจ ปชานนํ น ปรามสติ, อปรามสโต จสฺส ปจฺจตฺตเญฺญว นิพฺพุติ วิทิตาฯ เวทนานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา อนุปาทาวิมุโตฺต, ภิกฺขเว, ตถาคโตฯ

    103. ‘‘Tayidaṃ, bhikkhave, tathāgato pajānāti – ‘ime diṭṭhiṭṭhānā evaṃgahitā evaṃparāmaṭṭhā evaṃgatikā bhavanti evaṃabhisamparāyā’ti. Tañca tathāgato pajānāti, tato ca uttaritaraṃ pajānāti, tañca pajānanaṃ na parāmasati, aparāmasato cassa paccattaññeva nibbuti viditā. Vedanānaṃ samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ viditvā anupādāvimutto, bhikkhave, tathāgato.

    ๑๐๔. ‘‘อิเม โข เต, ภิกฺขเว, ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา ทุรนุโพธา สนฺตา ปณีตา อตกฺกาวจรา นิปุณา ปณฺฑิตเวทนียา, เย ตถาคโต สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ, เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุํฯ

    104. ‘‘Ime kho te, bhikkhave, dhammā gambhīrā duddasā duranubodhā santā paṇītā atakkāvacarā nipuṇā paṇḍitavedanīyā, ye tathāgato sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti, yehi tathāgatassa yathābhuccaṃ vaṇṇaṃ sammā vadamānā vadeyyuṃ.

    ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตวาโร

    Paritassitavipphanditavāro

    ๑๐๕. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ , ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    105. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi , tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๐๖. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    106. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๐๗. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    107. ‘‘Tatra , bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti catūhi vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๐๘. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํ จตูหิ วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    108. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ catūhi vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๐๙. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ ทฺวีหิ วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    109. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā adhiccasamuppannikā adhiccasamuppannaṃ attānañca lokañca paññapenti dvīhi vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๑๐. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    110. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā pubbantānudiṭṭhino pubbantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti aṭṭhārasahi vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๑๑. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา สญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ สญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ โสฬสหิ วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    111. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā saññīvādā uddhamāghātanaṃ saññiṃ attānaṃ paññapenti soḷasahi vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๑๒. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา อสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ อสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    112. ‘‘Tatra , bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā asaññīvādā uddhamāghātanaṃ asaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๑๓. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ เนวสญฺญีนาสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    113. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā nevasaññīnāsaññīvādā uddhamāghātanaṃ nevasaññīnāsaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๑๔. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุเจฺฉทวาทา สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติ สตฺตหิ วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    114. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā ucchedavādā sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti sattahi vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๑๕. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติ ปญฺจหิ วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    115. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā diṭṭhadhammanibbānavādā sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti pañcahi vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๑๖. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อปรนฺตกปฺปิกา อปรนฺตานุทิฎฺฐิโน อปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ จตุจตฺตารีสาย วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    116. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā aparantakappikā aparantānudiṭṭhino aparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti catucattārīsāya vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ๑๑๗. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา จ อปรนฺตกปฺปิกา จ ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกา จ ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตาปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ ทฺวาสฎฺฐิยา วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวฯ

    117. ‘‘Tatra , bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā ca aparantakappikā ca pubbantāparantakappikā ca pubbantāparantānudiṭṭhino pubbantāparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti dvāsaṭṭhiyā vatthūhi, tadapi tesaṃ bhavataṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ ajānataṃ apassataṃ vedayitaṃ taṇhāgatānaṃ paritassitavipphanditameva.

    ผสฺสปจฺจยาวาโร

    Phassapaccayāvāro

    ๑๑๘. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    118. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๑๙. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    119. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā ekaccasassatikā ekaccaasassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๒๐. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    120. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti catūhi vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๒๑. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํ จตูหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    121. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ catūhi vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๒๒. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ ทฺวีหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    122. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā adhiccasamuppannikā adhiccasamuppannaṃ attānañca lokañca paññapenti dvīhi vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๒๓. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    123. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā pubbantānudiṭṭhino pubbantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti aṭṭhārasahi vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๒๔. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา สญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ สญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ โสฬสหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    124. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā saññīvādā uddhamāghātanaṃ saññiṃ attānaṃ paññapenti soḷasahi vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๒๕. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา อสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ อสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    125. ‘‘Tatra , bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā asaññīvādā uddhamāghātanaṃ asaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๒๖. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ เนวสญฺญีนาสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    126. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā nevasaññīnāsaññīvādā uddhamāghātanaṃ nevasaññīnāsaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๒๗. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุเจฺฉทวาทา สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติ สตฺตหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    127. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā ucchedavādā sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti sattahi vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๒๘. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติ ปญฺจหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    128. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā diṭṭhadhammanibbānavādā sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti pañcahi vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๒๙. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อปรนฺตกปฺปิกา อปรนฺตานุทิฎฺฐิโน อปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ จตุจตฺตารีสาย วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    129. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā aparantakappikā aparantānudiṭṭhino aparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti catucattārīsāya vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    ๑๓๐. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา จ อปรนฺตกปฺปิกา จ ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกา จ ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตาปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ ทฺวาสฎฺฐิยา วตฺถูหิ, ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    130. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā ca aparantakappikā ca pubbantāparantakappikā ca pubbantāparantānudiṭṭhino pubbantāparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti dvāsaṭṭhiyā vatthūhi, tadapi phassapaccayā.

    เนตํ ฐานํ วิชฺชติวาโร

    Netaṃ ṭhānaṃ vijjativāro

    ๑๓๑. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    131. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๓๒. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจ อสสฺสติกา เอกจฺจํ สสฺสตํ เอกจฺจํ อสสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    132. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā ekaccasassatikā ekacca asassatikā ekaccaṃ sassataṃ ekaccaṃ asassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๓๓. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    133. ‘‘Tatra , bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā antānantikā antānantaṃ lokassa paññapenti catūhi vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๓๔. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อมราวิเกฺขปิกา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺหํ ปุฎฺฐา สมานา วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ อมราวิเกฺขปํ จตูหิ วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    134. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā amarāvikkhepikā tattha tattha pañhaṃ puṭṭhā samānā vācāvikkhepaṃ āpajjanti amarāvikkhepaṃ catūhi vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๓๕. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ ทฺวีหิ วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    135. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā adhiccasamuppannikā adhiccasamuppannaṃ attānañca lokañca paññapenti dvīhi vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๓๖. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    136. ‘‘Tatra , bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā pubbantānudiṭṭhino pubbantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti aṭṭhārasahi vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๓๗. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา สญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ สญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ โสฬสหิ วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    137. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā saññīvādā uddhamāghātanaṃ saññiṃ attānaṃ paññapenti soḷasahi vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๓๘. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา อสญฺญีวาทา, อุทฺธมาฆาตนํ อสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    138. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā asaññīvādā, uddhamāghātanaṃ asaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๓๙. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา อุทฺธมาฆาตนํ เนวสญฺญีนาสญฺญิํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ อฎฺฐหิ วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    139. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā nevasaññīnāsaññīvādā uddhamāghātanaṃ nevasaññīnāsaññiṃ attānaṃ paññapenti aṭṭhahi vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๔๐. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อุเจฺฉทวาทา สโต สตฺตสฺส อุเจฺฉทํ วินาสํ วิภวํ ปญฺญเปนฺติ สตฺตหิ วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    140. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā ucchedavādā sato sattassa ucchedaṃ vināsaṃ vibhavaṃ paññapenti sattahi vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๔๑. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา สโต สตฺตสฺส ปรมทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ ปญฺญเปนฺติ ปญฺจหิ วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    141. ‘‘Tatra , bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā diṭṭhadhammanibbānavādā sato sattassa paramadiṭṭhadhammanibbānaṃ paññapenti pañcahi vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๔๒. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา อปรนฺตกปฺปิกา อปรนฺตานุทิฎฺฐิโน อปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ จตุจตฺตารีสาย วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    142. ‘‘Tatra , bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā aparantakappikā aparantānudiṭṭhino aparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti catucattārīsāya vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ๑๔๓. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา จ อปรนฺตกปฺปิกา จ ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกา จ ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตาปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ ทฺวาสฎฺฐิยา วตฺถูหิ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    143. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā ca aparantakappikā ca pubbantāparantakappikā ca pubbantāparantānudiṭṭhino pubbantāparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti dvāsaṭṭhiyā vatthūhi, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ทิฎฺฐิคติกาธิฎฺฐานวฎฺฎกถา

    Diṭṭhigatikādhiṭṭhānavaṭṭakathā

    ๑๔๔. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา เอกจฺจสสฺสติกา เอกจฺจอสสฺสติกา…เป.… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา อนฺตานนฺติกา… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา อมราวิเกฺขปิกา… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา สญฺญีวาทา… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา อสญฺญีวาทา… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา อุทฺธมาฆาตนิกา เนวสญฺญีนาสญฺญีวาทา… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา อุเจฺฉทวาทา… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทา… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา อปรนฺตกปฺปิกา… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา จ อปรนฺตกปฺปิกา จ ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกา จ ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตาปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ ทฺวาสฎฺฐิยา วตฺถูหิ, สเพฺพ เต ฉหิ ผสฺสายตเนหิ ผุสฺส ผุสฺส ปฎิสํเวเทนฺติ เตสํ เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติฯ

    144. ‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā sassatavādā sassataṃ attānañca lokañca paññapenti catūhi vatthūhi, yepi te samaṇabrāhmaṇā ekaccasassatikā ekaccaasassatikā…pe… yepi te samaṇabrāhmaṇā antānantikā… yepi te samaṇabrāhmaṇā amarāvikkhepikā… yepi te samaṇabrāhmaṇā adhiccasamuppannikā… yepi te samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā… yepi te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā saññīvādā… yepi te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā asaññīvādā… yepi te samaṇabrāhmaṇā uddhamāghātanikā nevasaññīnāsaññīvādā… yepi te samaṇabrāhmaṇā ucchedavādā… yepi te samaṇabrāhmaṇā diṭṭhadhammanibbānavādā… yepi te samaṇabrāhmaṇā aparantakappikā… yepi te samaṇabrāhmaṇā pubbantakappikā ca aparantakappikā ca pubbantāparantakappikā ca pubbantāparantānudiṭṭhino pubbantāparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti dvāsaṭṭhiyā vatthūhi, sabbe te chahi phassāyatanehi phussa phussa paṭisaṃvedenti tesaṃ vedanāpaccayā taṇhā, taṇhāpaccayā upādānaṃ, upādānapaccayā bhavo, bhavapaccayā jāti, jātipaccayā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā sambhavanti.

    วิวฎฺฎกถาทิ

    Vivaṭṭakathādi

    ๑๔๕. ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ ปชานาติ, อยํ อิเมหิ สเพฺพเหว อุตฺตริตรํ ปชานาติฯ

    145. ‘‘Yato kho, bhikkhave, bhikkhu channaṃ phassāyatanānaṃ samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ pajānāti, ayaṃ imehi sabbeheva uttaritaraṃ pajānāti.

    ๑๔๖. ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา วา อปรนฺตกปฺปิกา วา ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกา วา ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตาปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว ทฺวาสฎฺฐิยา วตฺถูหิ อโนฺตชาลีกตา, เอตฺถ สิตาว อุมฺมุชฺชมานา อุมฺมุชฺชนฺติ, เอตฺถ ปริยาปนฺนา อโนฺตชาลีกตาว อุมฺมุชฺชมานา อุมฺมุชฺชนฺติฯ

    146. ‘‘Ye hi keci, bhikkhave, samaṇā vā brāhmaṇā vā pubbantakappikā vā aparantakappikā vā pubbantāparantakappikā vā pubbantāparantānudiṭṭhino pubbantāparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti, sabbe te imeheva dvāsaṭṭhiyā vatthūhi antojālīkatā, ettha sitāva ummujjamānā ummujjanti, ettha pariyāpannā antojālīkatāva ummujjamānā ummujjanti.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทโกฺข เกวโฎฺฎ วา เกวฎฺฎเนฺตวาสี วา สุขุมจฺฉิเกน ชาเลน ปริตฺตํ อุทกทหํ 77 โอตฺถเรยฺยฯ ตสฺส เอวมสฺส – ‘เย โข เกจิ อิมสฺมิํ อุทกทเห โอฬาริกา ปาณา, สเพฺพ เต อโนฺตชาลีกตาฯ เอตฺถ สิตาว อุมฺมุชฺชมานา อุมฺมุชฺชนฺติ; เอตฺถ ปริยาปนฺนา อโนฺตชาลีกตาว อุมฺมุชฺชมานา อุมฺมุชฺชนฺตี’ติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา วา อปรนฺตกปฺปิกา วา ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกา วา ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฎฺฐิโน ปุพฺพนฺตาปรนฺตํ อารพฺภ อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ, สเพฺพ เต อิเมเหว ทฺวาสฎฺฐิยา วตฺถูหิ อโนฺตชาลีกตา เอตฺถ สิตาว อุมฺมุชฺชมานา อุมฺมุชฺชนฺติ, เอตฺถ ปริยาปนฺนา อโนฺตชาลีกตาว อุมฺมุชฺชมานา อุมฺมุชฺชนฺติฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, dakkho kevaṭṭo vā kevaṭṭantevāsī vā sukhumacchikena jālena parittaṃ udakadahaṃ 78 otthareyya. Tassa evamassa – ‘ye kho keci imasmiṃ udakadahe oḷārikā pāṇā, sabbe te antojālīkatā. Ettha sitāva ummujjamānā ummujjanti; ettha pariyāpannā antojālīkatāva ummujjamānā ummujjantī’ti; evameva kho, bhikkhave, ye hi keci samaṇā vā brāhmaṇā vā pubbantakappikā vā aparantakappikā vā pubbantāparantakappikā vā pubbantāparantānudiṭṭhino pubbantāparantaṃ ārabbha anekavihitāni adhimuttipadāni abhivadanti, sabbe te imeheva dvāsaṭṭhiyā vatthūhi antojālīkatā ettha sitāva ummujjamānā ummujjanti, ettha pariyāpannā antojālīkatāva ummujjamānā ummujjanti.

    ๑๔๗. ‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส กาโย ติฎฺฐติฯ ยาวสฺส กาโย ฐสฺสติ, ตาว นํ ทกฺขนฺติ เทวมนุสฺสาฯ กายสฺส เภทา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา น นํ ทกฺขนฺติ เทวมนุสฺสาฯ

    147. ‘‘Ucchinnabhavanettiko, bhikkhave, tathāgatassa kāyo tiṭṭhati. Yāvassa kāyo ṭhassati, tāva naṃ dakkhanti devamanussā. Kāyassa bhedā uddhaṃ jīvitapariyādānā na naṃ dakkhanti devamanussā.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อมฺพปิณฺฑิยา วณฺฎจฺฉินฺนาย ยานิ กานิจิ อมฺพานิ วณฺฎปฎิพนฺธานิ 79, สพฺพานิ ตานิ ตทนฺวยานิ ภวนฺติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก ตถาคตสฺส กาโย ติฎฺฐติ, ยาวสฺส กาโย ฐสฺสติ, ตาว นํ ทกฺขนฺติ เทวมนุสฺสา, กายสฺส เภทา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา น นํ ทกฺขนฺติ เทวมนุสฺสา’’ติฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, ambapiṇḍiyā vaṇṭacchinnāya yāni kānici ambāni vaṇṭapaṭibandhāni 80, sabbāni tāni tadanvayāni bhavanti; evameva kho, bhikkhave, ucchinnabhavanettiko tathāgatassa kāyo tiṭṭhati, yāvassa kāyo ṭhassati, tāva naṃ dakkhanti devamanussā, kāyassa bhedā uddhaṃ jīvitapariyādānā na naṃ dakkhanti devamanussā’’ti.

    ๑๔๘. เอวํ วุเตฺต อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต, โก นาโม อยํ, ภเนฺต, ธมฺมปริยาโย’’ติ? ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อานนฺท, อิมํ ธมฺมปริยายํ อตฺถชาลนฺติปิ นํ ธาเรหิ, ธมฺมชาลนฺติปิ นํ ธาเรหิ, พฺรหฺมชาลนฺติปิ นํ ธาเรหิ, ทิฎฺฐิชาลนฺติปิ นํ ธาเรหิ, อนุตฺตโร สงฺคามวิชโยติปิ นํ ธาเรหี’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ

    148. Evaṃ vutte āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante, ko nāmo ayaṃ, bhante, dhammapariyāyo’’ti? ‘‘Tasmātiha tvaṃ, ānanda, imaṃ dhammapariyāyaṃ atthajālantipi naṃ dhārehi, dhammajālantipi naṃ dhārehi, brahmajālantipi naṃ dhārehi, diṭṭhijālantipi naṃ dhārehi, anuttaro saṅgāmavijayotipi naṃ dhārehī’’ti. Idamavoca bhagavā.

    ๑๔๙. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ อิมสฺมิญฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมิํ ภญฺญมาเน ทสสหสฺสี 81 โลกธาตุ อกมฺปิตฺถาติฯ

    149. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti. Imasmiñca pana veyyākaraṇasmiṃ bhaññamāne dasasahassī 82 lokadhātu akampitthāti.

    พฺรหฺมชาลสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ปฐมํฯ

    Brahmajālasuttaṃ niṭṭhitaṃ paṭhamaṃ.







    Footnotes:
    1. อนุพทฺธา (ก. สี. ปี.)
    2. anubaddhā (ka. sī. pī.)
    3. อุปคญฺฉิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    4. อุปคญฺฉิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    5. upagañchi (sī. syā. kaṃ. pī.)
    6. upagañchi (sī. syā. kaṃ. pī.)
    7. อนาจารี (ก.)
    8. ปฎิวิรโต (กตฺถจิ)
    9. anācārī (ka.)
    10. paṭivirato (katthaci)
    11. เฐโต (สฺยา. กํ.)
    12. ṭheto (syā. kaṃ.)
    13. สมารพฺภา (สี. ก.)
    14. samārabbhā (sī. ka.)
    15. ปฎิวิรโต (กตฺถจิ)
    16. paṭivirato (katthaci)
    17. นจฺจคีตวาทิตวิสุกทสฺสนา (ก.)
    18. naccagītavāditavisukadassanā (ka.)
    19. สาวิโยคา (สฺยา. กํ. ก.)
    20. sāviyogā (syā. kaṃ. ka.)
    21. เสยฺยถีทํ (สี. สฺยา.)
    22. ปญฺจมํ อิติ วา (สี. สฺยา. ก.)
    23. seyyathīdaṃ (sī. syā.)
    24. pañcamaṃ iti vā (sī. syā. ka.)
    25. กุมฺภถูนํ (สฺยา. ก.), กุมฺภถูณํ (สี.)
    26. โสภนฆรกํ (สี.), โสภนครกํ (สฺยา. กํ. ปี.)
    27. มหิสยุทฺธํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    28. kumbhathūnaṃ (syā. ka.), kumbhathūṇaṃ (sī.)
    29. sobhanagharakaṃ (sī.), sobhanagarakaṃ (syā. kaṃ. pī.)
    30. mahisayuddhaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    31. จิงฺคุลกํ (ก. สี.)
    32. ciṅgulakaṃ (ka. sī.)
    33. หตฺถตฺถรณํ อสฺสตฺถรณํ รถตฺถรณํ (สี. ก. ปี.)
    34. hatthattharaṇaṃ assattharaṇaṃ rathattharaṇaṃ (sī. ka. pī.)
    35. มาลาวิเลปนํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    36. ขคฺคํ (สี. ปี.), อสิํ ขคฺคํ (สฺยา. กํ.)
    37. mālāvilepanaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    38. khaggaṃ (sī. pī.), asiṃ khaggaṃ (syā. kaṃ.)
    39. อิตฺถิกถํ ปุริสกถํ (สฺยา. กํ. ก.)
    40. itthikathaṃ purisakathaṃ (syā. kaṃ. ka.)
    41. ลาเภน ลาภํ นิชิคิํ ภิตาโร (สี. สฺยา.), ลาเภน จ ลาภํ นิชิคีสิตาโร (ปี.)
    42. อิติ วา, อิติ (สฺยา. กํ. ก.)
    43. lābhena lābhaṃ nijigiṃ bhitāro (sī. syā.), lābhena ca lābhaṃ nijigīsitāro (pī.)
    44. iti vā, iti (syā. kaṃ. ka.)
    45. เขตฺตวิชฺชา (พหูสุ)
    46. khettavijjā (bahūsu)
    47. มหิสลกฺขณํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    48. mahisalakkhaṇaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    49. สุริยคฺคาโห (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    50. เทวทุนฺทุภิ (สฺยา. กํ. ปี.)
    51. suriyaggāho (sī. syā. kaṃ. pī.)
    52. devadundubhi (syā. kaṃ. pī.)
    53. อธิวุตฺติปทานิ (สี. ปี.)
    54. adhivuttipadāni (sī. pī.)
    55. (ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปตฺติเลเส) (สฺยา. ก.)
    56. (parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpattilese) (syā. ka.)
    57. ปชานํ (?) ที. นิ. ๓.๓๖ ปาฬิอฎฺฐกถา ปสฺสิตพฺพํ
    58. pajānaṃ (?) dī. ni. 3.36 pāḷiaṭṭhakathā passitabbaṃ
    59. สชฺชิตา (สฺยา. กํ.)
    60. sajjitā (syā. kaṃ.)
    61. หสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนา (ก.)
    62. ปมุสฺสติ (สี. สฺยา.)
    63. hasakhiḍḍāratidhammasamāpannā (ka.)
    64. pamussati (sī. syā.)
    65. โย (?)
    66. yo (?)
    67. โวภินฺทนฺตา (สี. ปี.)
    68. vobhindantā (sī. pī.)
    69. สุกฎทุกฺกฎานํ (สี. สฺยา. กํ.)
    70. น โหติ จ (สี. ก.)
    71. sukaṭadukkaṭānaṃ (sī. syā. kaṃ.)
    72. na hoti ca (sī. ka.)
    73. จตุจตฺตาลีสาย (สฺยา. กํ.)
    74. catucattālīsāya (syā. kaṃ.)
    75. เอวํทิฎฺฐี (ก. ปี.)
    76. evaṃdiṭṭhī (ka. pī.)
    77. อุทกรหทํ (สี. สฺยา. ปี.)
    78. udakarahadaṃ (sī. syā. pī.)
    79. วณฺฎูปนิพนฺธนานิ (สี. ปี.), วณฺฑปฎิพทฺธานิ (ก.)
    80. vaṇṭūpanibandhanāni (sī. pī.), vaṇḍapaṭibaddhāni (ka.)
    81. สหสฺสี (กตฺถจิ)
    82. sahassī (katthaci)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๑. พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนา • 1. Brahmajālasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑. พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนา • 1. Brahmajālasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact