Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๖. พฺรหฺมโลกสุตฺตํ
6. Brahmalokasuttaṃ
๑๗๗. สาวตฺถินิทานํฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา ทิวาวิหารคโต โหติ ปฎิสลฺลีโนฯ อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปเจฺจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาโส จ ปเจฺจกพฺรหฺมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปเจฺจกํ ทฺวารพาหํ 1 อุปนิสฺสาย อฎฺฐํสุฯ อถ โข สุพฺรหฺมา ปเจฺจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาสํ ปเจฺจกพฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘อกาโล โข ตาว, มาริส, ภควนฺตํ ปยิรุปาสิตุํ; ทิวาวิหารคโต ภควา ปฎิสลฺลีโน จฯ อสุโก จ พฺรหฺมโลโก อิโทฺธ เจว ผีโต จ, พฺรหฺมา จ ตตฺร ปมาทวิหารํ วิหรติฯ อายาม, มาริส, เยน โส พฺรหฺมโลโก เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ พฺรหฺมานํ สํเวเชยฺยามา’’ติฯ ‘‘เอวํ , มาริสา’’ติ โข สุทฺธาวาโส ปเจฺจกพฺรหฺมา สุพฺรหฺมุโน ปเจฺจกพฺรหฺมุโน ปจฺจโสฺสสิฯ
177. Sāvatthinidānaṃ. Tena kho pana samayena bhagavā divāvihāragato hoti paṭisallīno. Atha kho subrahmā ca paccekabrahmā suddhāvāso ca paccekabrahmā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā paccekaṃ dvārabāhaṃ 2 upanissāya aṭṭhaṃsu. Atha kho subrahmā paccekabrahmā suddhāvāsaṃ paccekabrahmānaṃ etadavoca – ‘‘akālo kho tāva, mārisa, bhagavantaṃ payirupāsituṃ; divāvihāragato bhagavā paṭisallīno ca. Asuko ca brahmaloko iddho ceva phīto ca, brahmā ca tatra pamādavihāraṃ viharati. Āyāma, mārisa, yena so brahmaloko tenupasaṅkamissāma; upasaṅkamitvā taṃ brahmānaṃ saṃvejeyyāmā’’ti. ‘‘Evaṃ , mārisā’’ti kho suddhāvāso paccekabrahmā subrahmuno paccekabrahmuno paccassosi.
อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปเจฺจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาโส จ ปเจฺจกพฺรหฺมา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป.… เอวเมว – ภควโต ปุรโต อนฺตรหิตา ตสฺมิํ พฺรหฺมโลเก ปาตุรเหสุํฯ อทฺทสา โข โส พฺรหฺมา เต พฺรหฺมาโน ทูรโตว อาคจฺฉเนฺตฯ ทิสฺวาน เต พฺรหฺมาโน เอตทโวจ – ‘‘หนฺท กุโต นุ ตุเมฺห, มาริสา, อาคจฺฉถา’’ติ? ‘‘อาคตา โข มยํ, มาริส, อมฺห ตสฺส ภควโต สนฺติกา อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ คเจฺฉยฺยาสิ ปน ตฺวํ, มาริส, ตสฺส ภควโต อุปฎฺฐานํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ?
Atha kho subrahmā ca paccekabrahmā suddhāvāso ca paccekabrahmā – seyyathāpi nāma balavā puriso…pe… evameva – bhagavato purato antarahitā tasmiṃ brahmaloke pāturahesuṃ. Addasā kho so brahmā te brahmāno dūratova āgacchante. Disvāna te brahmāno etadavoca – ‘‘handa kuto nu tumhe, mārisā, āgacchathā’’ti? ‘‘Āgatā kho mayaṃ, mārisa, amha tassa bhagavato santikā arahato sammāsambuddhassa. Gaccheyyāsi pana tvaṃ, mārisa, tassa bhagavato upaṭṭhānaṃ arahato sammāsambuddhassā’’ti?
เอวํ วุโตฺต 3 โข โส พฺรหฺมา ตํ วจนํ อนธิวาเสโนฺต สหสฺสกฺขตฺตุํ อตฺตานํ อภินิมฺมินิตฺวา สุพฺรหฺมานํ ปเจฺจกพฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘ปสฺสสิ เม โน ตฺวํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติ? ‘‘ปสฺสามิ โข ตฺยาหํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติฯ ‘‘โส ขฺวาหํ, มาริส, เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว กสฺส อญฺญสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อุปฎฺฐานํ คมิสฺสามี’’ติ?
Evaṃ vutto 4 kho so brahmā taṃ vacanaṃ anadhivāsento sahassakkhattuṃ attānaṃ abhinimminitvā subrahmānaṃ paccekabrahmānaṃ etadavoca – ‘‘passasi me no tvaṃ, mārisa, evarūpaṃ iddhānubhāva’’nti? ‘‘Passāmi kho tyāhaṃ, mārisa, evarūpaṃ iddhānubhāva’’nti. ‘‘So khvāhaṃ, mārisa, evaṃmahiddhiko evaṃmahānubhāvo kassa aññassa samaṇassa vā brāhmaṇassa vā upaṭṭhānaṃ gamissāmī’’ti?
อถ โข สุพฺรหฺมา ปเจฺจกพฺรหฺมา ทฺวิสหสฺสกฺขตฺตุํ อตฺตานํ อภินิมฺมินิตฺวา ตํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘ปสฺสสิ เม โน ตฺวํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติ? ‘‘ปสฺสามิ โข ตฺยาหํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติฯ ‘‘ตยา จ โข, มาริส, มยา จ เสฺวว ภควา มหิทฺธิกตโร เจว มหานุภาวตโร จฯ คเจฺฉยฺยาสิ ตฺวํ, มาริส, ตสฺส ภควโต อุปฎฺฐานํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ? อถ โข โส พฺรหฺมา สุพฺรหฺมานํ ปเจฺจกพฺรหฺมานํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
Atha kho subrahmā paccekabrahmā dvisahassakkhattuṃ attānaṃ abhinimminitvā taṃ brahmānaṃ etadavoca – ‘‘passasi me no tvaṃ, mārisa, evarūpaṃ iddhānubhāva’’nti? ‘‘Passāmi kho tyāhaṃ, mārisa, evarūpaṃ iddhānubhāva’’nti. ‘‘Tayā ca kho, mārisa, mayā ca sveva bhagavā mahiddhikataro ceva mahānubhāvataro ca. Gaccheyyāsi tvaṃ, mārisa, tassa bhagavato upaṭṭhānaṃ arahato sammāsambuddhassā’’ti? Atha kho so brahmā subrahmānaṃ paccekabrahmānaṃ gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘ตโย สุปณฺณา จตุโร จ หํสา,
‘‘Tayo supaṇṇā caturo ca haṃsā,
พฺยคฺฆีนิสา ปญฺจสตา จ ฌายิโน;
Byagghīnisā pañcasatā ca jhāyino;
โอภาสยํ อุตฺตรสฺสํ ทิสาย’’นฺติฯ
Obhāsayaṃ uttarassaṃ disāya’’nti.
‘‘กิญฺจาปิ เต ตํ ชลเต วิมานํ,
‘‘Kiñcāpi te taṃ jalate vimānaṃ,
โอภาสยํ อุตฺตรสฺสํ ทิสายํ;
Obhāsayaṃ uttarassaṃ disāyaṃ;
รูเป รณํ ทิสฺวา สทา ปเวธิตํ,
Rūpe raṇaṃ disvā sadā pavedhitaṃ,
ตสฺมา น รูเป รมตี สุเมโธ’’ติฯ
Tasmā na rūpe ramatī sumedho’’ti.
อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปเจฺจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาโส จ ปเจฺจกพฺรหฺมา ตํ พฺรหฺมานํ สํเวเชตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายิํสุ ฯ อคมาสิ จ โข โส พฺรหฺมา อปเรน สมเยน ภควโต อุปฎฺฐานํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสาติฯ
Atha kho subrahmā ca paccekabrahmā suddhāvāso ca paccekabrahmā taṃ brahmānaṃ saṃvejetvā tatthevantaradhāyiṃsu . Agamāsi ca kho so brahmā aparena samayena bhagavato upaṭṭhānaṃ arahato sammāsambuddhassāti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. พฺรหฺมโลกสุตฺตวณฺณนา • 6. Brahmalokasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๖. พฺรหฺมโลกสุตฺตวณฺณนา • 6. Brahmalokasuttavaṇṇanā