Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๔. จตุกฺกนิปาโต

    4. Catukkanipāto

    ๑. พฺราหฺมณธมฺมยาคสุตฺตวณฺณนา

    1. Brāhmaṇadhammayāgasuttavaṇṇanā

    ๑๐๐. จตุกฺกนิปาตสฺส ปฐเม อหนฺติ อตฺตนิเทฺทโสฯ โย หิ ปโร น โหติ, โส นิยกชฺฌตฺตสงฺขาโต อตฺตา ‘‘อห’’นฺติ วุจฺจติฯ อสฺมีติ ปฎิชานนาฯ โย ปรมตฺถพฺราหฺมณภาโว ‘‘อห’’นฺติ วุจฺจมาโน, ตสฺส อตฺตนิ อตฺถิภาวํ ปฎิชานโนฺต หิ สตฺถา ‘‘อสฺมี’’ติ อโวจฯ ‘‘อหมสฺมี’’ติ จ ยถา ‘‘อหมสฺมิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา, เสโยฺยหมสฺมี’’ติ จ อปฺปหีนทิฎฺฐิมานานุสยา ปุถุชฺชนา อตฺตโน ทิฎฺฐิมานมญฺญนาภินิเวสวเสน อภิวทนฺติ, น เอวํ วุตฺตํฯ สพฺพโส ปน ปหีนทิฎฺฐิมานานุสโย ภควา สมญฺญํ อนติธาวโนฺต โลกสมญฺญานุโรเธน เวเนยฺยสนฺตาเนสุ ธมฺมํ ปติฎฺฐเปโนฺต เกวลํ ตาทิสสฺส คุณสฺส อตฺตนิ วิชฺชมานตํ ปฎิชานโนฺต ‘‘อหมสฺมี’’ติ อาหฯ พฺราหฺมโณติ พาหิตปาปตฺตา พฺรหฺมสฺส จ อณนโต พฺราหฺมโณฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ภิกฺขเว, อหํ ปรมตฺถโต พฺราหฺมโณสฺมีติฯ ภควา สพฺพาการปริปุณฺณสฺส ทานสํยมาทิวตสมาทานสฺส นิรวเสสาย ตปจริยาย ปารํ คโต สมฺมเทว วุสิตพฺรหฺมจริยวาโส สกลเวทนฺตคู สุวิสุทฺธวิชฺชาจรโณ สพฺพถา นินฺหาตปาปมโล อนุตฺตรสฺส อริยมคฺคสงฺขาตสฺส พฺราหฺมณสฺส วตฺตา ปวตฺตา, สุปริสุทฺธสฺส จ สาสนพฺรหฺมจริยสฺส ปเวเทตา, ตสฺมา สพฺพโส พาหิตปาปตฺตา พฺรหฺมสฺส จ อณนโต กถนโต ปรมเตฺถน พฺราหฺมโณติ วุจฺจติฯ

    100. Catukkanipātassa paṭhame ahanti attaniddeso. Yo hi paro na hoti, so niyakajjhattasaṅkhāto attā ‘‘aha’’nti vuccati. Asmīti paṭijānanā. Yo paramatthabrāhmaṇabhāvo ‘‘aha’’nti vuccamāno, tassa attani atthibhāvaṃ paṭijānanto hi satthā ‘‘asmī’’ti avoca. ‘‘Ahamasmī’’ti ca yathā ‘‘ahamasmi brahmā mahābrahmā, seyyohamasmī’’ti ca appahīnadiṭṭhimānānusayā puthujjanā attano diṭṭhimānamaññanābhinivesavasena abhivadanti, na evaṃ vuttaṃ. Sabbaso pana pahīnadiṭṭhimānānusayo bhagavā samaññaṃ anatidhāvanto lokasamaññānurodhena veneyyasantānesu dhammaṃ patiṭṭhapento kevalaṃ tādisassa guṇassa attani vijjamānataṃ paṭijānanto ‘‘ahamasmī’’ti āha. Brāhmaṇoti bāhitapāpattā brahmassa ca aṇanato brāhmaṇo. Ayañhettha attho – bhikkhave, ahaṃ paramatthato brāhmaṇosmīti. Bhagavā sabbākāraparipuṇṇassa dānasaṃyamādivatasamādānassa niravasesāya tapacariyāya pāraṃ gato sammadeva vusitabrahmacariyavāso sakalavedantagū suvisuddhavijjācaraṇo sabbathā ninhātapāpamalo anuttarassa ariyamaggasaṅkhātassa brāhmaṇassa vattā pavattā, suparisuddhassa ca sāsanabrahmacariyassa pavedetā, tasmā sabbaso bāhitapāpattā brahmassa ca aṇanato kathanato paramatthena brāhmaṇoti vuccati.

    อิติ ภควา สเทวเก โลเก อตฺตโน อนุตฺตรํ พฺราหฺมณภาวํ ปเวเทตฺวา ยานิ ตานิ พฺราหฺมณทานาทีนิ ฉ กมฺมานิ พฺราหฺมณสฺส ปญฺญาเปนฺติ, เตสมฺปิ สุปริสุทฺธานํ อุกฺกํสโต อตฺตนิ สํวิชฺชมานตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยาจโยโค’’ติอาทิมาหฯ

    Iti bhagavā sadevake loke attano anuttaraṃ brāhmaṇabhāvaṃ pavedetvā yāni tāni brāhmaṇadānādīni cha kammāni brāhmaṇassa paññāpenti, tesampi suparisuddhānaṃ ukkaṃsato attani saṃvijjamānataṃ dassetuṃ ‘‘yācayogo’’tiādimāha.

    ตตฺถ ยาจโยโคติ ยาเจหิ ยุโตฺตฯ ยาจนฺตีติ ยาจา, ยาจกา , เต ปเนตฺถ เวเนยฺยา เวทิตพฺพาฯ เต หิ ‘‘เทเสตุ, ภเนฺต ภควา , ธมฺมํ; เทเสตุ, สุคโต, ธมฺม’’นฺติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมเทสนํ ยาจนฺติฯ ภควา จ เตสํ อิจฺฉาวิฆาตํ อกโรโนฺต ยถารุจิ ธมฺมํ เทเสโนฺต ธมฺมทานํ เทตีติ ยาจโยโค, สทา สพฺพกาลํ เตหิ อวิรหิโตฯ อถ วา ยาจโยโคติ ยาจนโยโคฺค, อธิปฺปายปูรณโต ยาจิตุํ ยุโตฺตติ อโตฺถ ‘‘ยาชโยโค’’ติปิ ปาโฐฯ ตตฺถ ยาโช วุจฺจติ มหาทานํ, ยิฎฺฐนฺติ อโตฺถฯ อิธ ปน ธมฺมทานํ เวทิตพฺพํ, ยาเช นิยุโตฺตติ ยาชโยคาฯ สทาติ สพฺพทา, อนวรตปฺปวตฺตสทฺธมฺมมหาทาโนติ อโตฺถฯ อถ วา ยาเชน โยเชตีติปิ ยาชโยโคฯ ติวิธทานสงฺขาเตน ยาเชน สเตฺต ยถารหํ โยเชติ, ตตฺถ ทาเน นิโยเชตีติ อโตฺถฯ ‘‘ยาชโยโค สตต’’นฺติปิ ปฐนฺติฯ ปยตปาณีติ ปริสุทฺธหโตฺถฯ โย หิ ทานาธิมุโตฺต อามิสทานํ เทโนฺต สกฺกจฺจํ สหเตฺถน เทยฺยธมฺมํ ทาตุํ สทา โธตหโตฺถเยว โหติ, โส ‘‘ปยตปาณี’’ติ วุจฺจติฯ ภควาปิ ธมฺมทานาธิมุโตฺต สกฺกจฺจํ สพฺพกาลํ ธมฺมทาเน ยุตฺตปฺปยุโตฺตติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปยตปาณี’’ติฯ ‘‘สทา’’ติ จ ปทํ อิมินาปิ สทฺธิํ โยเชตพฺพํ ‘‘สทา ปยตปาณี’’ติฯ อวิภาเคน หิ สตฺถา เวเนยฺยโลกสฺส สทฺธมฺมทานํ สทา สพฺพกาลํ ปวเตฺตโนฺต ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุโตฺต หุตฺวา วิหรติฯ

    Tattha yācayogoti yācehi yutto. Yācantīti yācā, yācakā , te panettha veneyyā veditabbā. Te hi ‘‘desetu, bhante bhagavā , dhammaṃ; desetu, sugato, dhamma’’nti bhagavantaṃ upasaṅkamitvā dhammadesanaṃ yācanti. Bhagavā ca tesaṃ icchāvighātaṃ akaronto yathāruci dhammaṃ desento dhammadānaṃ detīti yācayogo, sadā sabbakālaṃ tehi avirahito. Atha vā yācayogoti yācanayoggo, adhippāyapūraṇato yācituṃ yuttoti attho ‘‘yājayogo’’tipi pāṭho. Tattha yājo vuccati mahādānaṃ, yiṭṭhanti attho. Idha pana dhammadānaṃ veditabbaṃ, yāje niyuttoti yājayogā. Sadāti sabbadā, anavaratappavattasaddhammamahādānoti attho. Atha vā yājena yojetītipi yājayogo. Tividhadānasaṅkhātena yājena satte yathārahaṃ yojeti, tattha dāne niyojetīti attho. ‘‘Yājayogo satata’’ntipi paṭhanti. Payatapāṇīti parisuddhahattho. Yo hi dānādhimutto āmisadānaṃ dento sakkaccaṃ sahatthena deyyadhammaṃ dātuṃ sadā dhotahatthoyeva hoti, so ‘‘payatapāṇī’’ti vuccati. Bhagavāpi dhammadānādhimutto sakkaccaṃ sabbakālaṃ dhammadāne yuttappayuttoti katvā vuttaṃ ‘‘payatapāṇī’’ti. ‘‘Sadā’’ti ca padaṃ imināpi saddhiṃ yojetabbaṃ ‘‘sadā payatapāṇī’’ti. Avibhāgena hi satthā veneyyalokassa saddhammadānaṃ sadā sabbakālaṃ pavattento tattha yuttappayutto hutvā viharati.

    อปโร นโย – โยโค วุจฺจติ ภาวนาฯ ยถาห ‘‘โยคา เว ชายเต ภูรี’’ติ (ธ. ป. ๒๘๒)ฯ ตสฺมา ยาชโยโคติ ยาชภาวนํ, ปริจฺจาคภาวนํ อนุยุโตฺตติ อโตฺถฯ ภควา หิ อภิสโมฺพธิโต ปุเพฺพ โพธิสตฺตภูโตปิ กรุณาสมุสฺสาหิโต อนวเสสโต ทานํ ปริพฺรูเหโนฺต ตตฺถ อุกฺกํสปารมิปฺปโตฺต หุตฺวา อภิสโมฺพธิํ ปาปุณิ, พุโทฺธ หุตฺวาปิ ติวิธํ ทานํ ปริพฺรูเหสิ วิเสสโต ธมฺมทานํ, ปเรปิ ตตฺถ นิโยเชสิฯ ตถา หิ โส เวเนยฺยยาจกานํ กสฺสจิ สรณานิ อทาสิ, กสฺสจิ ปญฺจ สีลานิ, กสฺสจิ ทส สีลานิ, กสฺสจิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ, กสฺสจิ ธุตธเมฺม, กสฺสจิ จตฺตาริ ฌานานิ, กสฺสจิ อฎฺฐ สมาปตฺติโย, กสฺสจิ ปญฺจาภิญฺญาโย, จตฺตาโร มเคฺค, จตฺตาริ สามญฺญผลานิ, ติโสฺส วิชฺชา, จตโสฺส ปฎิสมฺภิทาติ เอวมาทิโลกิยโลกุตฺตรเภทํ คุณธนํ ธมฺมทานวเสน ยถาธิปฺปายํ เทโนฺต ปเร จ ‘‘เทถา’’ติ นิโยเชโนฺต ปริจฺจาคภาวนํ ปริพฺรูเหสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปริจฺจาคภาวนํ อนุยุโตฺต’’ติฯ

    Aparo nayo – yogo vuccati bhāvanā. Yathāha ‘‘yogā ve jāyate bhūrī’’ti (dha. pa. 282). Tasmā yājayogoti yājabhāvanaṃ, pariccāgabhāvanaṃ anuyuttoti attho. Bhagavā hi abhisambodhito pubbe bodhisattabhūtopi karuṇāsamussāhito anavasesato dānaṃ paribrūhento tattha ukkaṃsapāramippatto hutvā abhisambodhiṃ pāpuṇi, buddho hutvāpi tividhaṃ dānaṃ paribrūhesi visesato dhammadānaṃ, parepi tattha niyojesi. Tathā hi so veneyyayācakānaṃ kassaci saraṇāni adāsi, kassaci pañca sīlāni, kassaci dasa sīlāni, kassaci catupārisuddhisīlaṃ, kassaci dhutadhamme, kassaci cattāri jhānāni, kassaci aṭṭha samāpattiyo, kassaci pañcābhiññāyo, cattāro magge, cattāri sāmaññaphalāni, tisso vijjā, catasso paṭisambhidāti evamādilokiyalokuttarabhedaṃ guṇadhanaṃ dhammadānavasena yathādhippāyaṃ dento pare ca ‘‘dethā’’ti niyojento pariccāgabhāvanaṃ paribrūhesi. Tena vuttaṃ ‘‘pariccāgabhāvanaṃ anuyutto’’ti.

    ปยตปาณีติ วา อายตปาณี, หตฺถคตํ กิญฺจิ ทาตุํ ‘‘เอหิ คณฺหา’’ติ ปสาริตหโตฺถ วิย อาจริยมุฎฺฐิํ อกตฺวา สทฺธมฺมทาเน ยุตฺตปฺปยุโตฺตติ อโตฺถฯ ปยตปาณีติ วา อุสฺสาหิตหโตฺถ, อามิสทานํ ทาตุํ อุสฺสาหิตหโตฺถ วิย ธมฺมทาเน กตุสฺสาโหติ อโตฺถฯ อนฺติมเทหธโรติ พฺรหฺมจริยวเสน พฺราหฺมณกรณานํ ธมฺมานํ ปาริปูริยา ปจฺฉิมตฺตภาวธารีฯ อวุสิตวโต หิ วสลกรณานํ ธมฺมานํ อปฺปหาเนน วสลาทิสมญฺญา คติ อายติํ คพฺภเสยฺยา สิยาฯ เตน ภควา อตฺตโน อจฺจนฺตวุสิตพฺราหฺมณภาวํ ทเสฺสติฯ อนุตฺตโร ภิสโกฺก สลฺลกโตฺตติ ทุตฺติกิจฺฉสฺส วฎฺฎทุกฺขโรคสฺส ติกิจฺฉนโต อุตฺตโม ภิสโกฺก, อเญฺญหิ อนุทฺธรณียานํ ราคาทิสลฺลานํ กนฺตนโต สมุเจฺฉทวเสน สมุทฺธรณโต อุตฺตโม สลฺลกนฺตนเวโชฺชฯ อิมินา นิปฺปริยายโต พฺราหฺมณกรณานํ ธมฺมานํ อตฺตนิ ปติฎฺฐิตานํ ปรสนฺตติยํ ปติฎฺฐาปเนน ปเรสมฺปิ พฺราหฺมณกรณมาหฯ

    Payatapāṇīti vā āyatapāṇī, hatthagataṃ kiñci dātuṃ ‘‘ehi gaṇhā’’ti pasāritahattho viya ācariyamuṭṭhiṃ akatvā saddhammadāne yuttappayuttoti attho. Payatapāṇīti vā ussāhitahattho, āmisadānaṃ dātuṃ ussāhitahattho viya dhammadāne katussāhoti attho. Antimadehadharoti brahmacariyavasena brāhmaṇakaraṇānaṃ dhammānaṃ pāripūriyā pacchimattabhāvadhārī. Avusitavato hi vasalakaraṇānaṃ dhammānaṃ appahānena vasalādisamaññā gati āyatiṃ gabbhaseyyā siyā. Tena bhagavā attano accantavusitabrāhmaṇabhāvaṃ dasseti. Anuttaro bhisakkosallakattoti duttikicchassa vaṭṭadukkharogassa tikicchanato uttamo bhisakko, aññehi anuddharaṇīyānaṃ rāgādisallānaṃ kantanato samucchedavasena samuddharaṇato uttamo sallakantanavejjo. Iminā nippariyāyato brāhmaṇakaraṇānaṃ dhammānaṃ attani patiṭṭhitānaṃ parasantatiyaṃ patiṭṭhāpanena paresampi brāhmaṇakaraṇamāha.

    ตสฺส เม ตุเมฺห ปุตฺตาติ ตสฺส เอวรูปสฺส มม ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ปุตฺตา อตฺรชา โหถฯ โอรสาติ อุรสิ สมฺพนฺธาฯ ยถา หิ สตฺตานํ โอรสปุตฺตา อตฺรชา วิเสเสน ปิตุสนฺตกสฺส ทายชฺชสฺส ภาคิโน โหนฺติ, เอวเมเตปิ อริยปุคฺคลา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมสฺสวนเนฺต อริยาย ชาติยา ชาตาฯ ตสฺส สนฺตกสฺส วิมุตฺติสุขสฺส อริยธมฺมรตนสฺส จ เอกํสภาคิยตาย โอรสาฯ อถ วา ภควโต ธมฺมเทสนานุภาเวน อริยภูมิํ โอกฺกมมานา โอกฺกนฺตา จ อริยสาวกา สตฺถุ อุเร วายามชนิตาภิชาติตาย นิปฺปริยาเยน ‘‘โอรสปุตฺตา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติฯ ตถา หิ เต ภควตา อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิโวโลกเนน วชฺชานุจินฺตเนน จ หทเย กตฺวา วชฺชโต นิวาเรตฺวา อนวเชฺช ปติฎฺฐเปเนฺตน สีลาทิธมฺมสรีรโปสเนน สํวฑฺฒิตาฯ มุขโต ชาตาติ มุขโต ชาตาย ธมฺมเทสนาย อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา มุขโต ชาตาฯ อถ วา อนญฺญสาธารณโต สพฺพสฺส กุสลธมฺมสฺส มุขโต ปาติโมกฺขโต วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาสงฺขาตโต วิโมกฺขมุขโต วา อริยมคฺคชาติยา ชาตาติปิ มุขโต ชาตาฯ สิกฺขตฺตยสงฺคเห สาสนธเมฺม อริยมคฺคธเมฺม วา ชาตาติ ธมฺมชาฯ เตเนว ธเมฺมน นิมฺมิตา มาปิตาติ ธมฺมนิมฺมิตาฯ สติธมฺมวิจยาทิ ธมฺมทายาทา, น ลาภสกฺการาทิ อามิสทายาทา, ธมฺมทายาทา โน อามิสทายาทา โหถาติ อโตฺถฯ

    Tassa me tumhe puttāti tassa evarūpassa mama tumhe, bhikkhave, puttā atrajā hotha. Orasāti urasi sambandhā. Yathā hi sattānaṃ orasaputtā atrajā visesena pitusantakassa dāyajjassa bhāgino honti, evametepi ariyapuggalā sammāsambuddhassa dhammassavanante ariyāya jātiyā jātā. Tassa santakassa vimuttisukhassa ariyadhammaratanassa ca ekaṃsabhāgiyatāya orasā. Atha vā bhagavato dhammadesanānubhāvena ariyabhūmiṃ okkamamānā okkantā ca ariyasāvakā satthu ure vāyāmajanitābhijātitāya nippariyāyena ‘‘orasaputtā’’ti vattabbataṃ arahanti. Tathā hi te bhagavatā āsayānusayacariyādhimuttiādivolokanena vajjānucintanena ca hadaye katvā vajjato nivāretvā anavajje patiṭṭhapentena sīlādidhammasarīraposanena saṃvaḍḍhitā. Mukhato jātāti mukhato jātāya dhammadesanāya ariyāya jātiyā jātattā mukhato jātā. Atha vā anaññasādhāraṇato sabbassa kusaladhammassa mukhato pātimokkhato vuṭṭhānagāminivipassanāsaṅkhātato vimokkhamukhato vā ariyamaggajātiyā jātātipi mukhato jātā. Sikkhattayasaṅgahe sāsanadhamme ariyamaggadhamme vā jātāti dhammajā. Teneva dhammena nimmitā māpitāti dhammanimmitā. Satidhammavicayādi dhammadāyādā, na lābhasakkārādi āmisadāyādā, dhammadāyādā no āmisadāyādā hothāti attho.

    ตตฺถ ธโมฺม ทุวิโธ – นิปฺปริยายธโมฺม, ปริยายธโมฺมติฯ อามิสมฺปิ ทุวิธํ – นิปฺปริยายามิสํ, ปริยายามิสนฺติฯ กถํ? มคฺคผลนิพฺพานปฺปเภโท หิ นววิโธ โลกุตฺตรธโมฺม นิปฺปริยายธโมฺม, นิพฺพตฺติตธโมฺมเยว, น เกนจิ ปริยาเยน การเณน วา เลเสน วา ธโมฺมฯ ยํ ปนิทํ วิวฎฺฎูปนิสฺสิตํ กุสลํ, เสยฺยถิทํ – อิเธกโจฺจ วิวฎฺฎํ ปเตฺถโนฺต ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, คนฺธมาลาทีหิ วตฺถุปูชํ กโรติ, ธมฺมํ สุณาติ, เทเสติ, ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตติ, เอวํ กโรโนฺต อนุปุเพฺพน นิปฺปริยายํ อมตํ นิพฺพานํ ปฎิลภติ, อยํ ปริยายธโมฺมฯ ตถา จีวราทโย จตฺตาโร ปจฺจยา นิปฺปริยายามิสเมว, น อเญฺญน ปริยาเยน วา การเณน วา เลเสน วา อามิสํฯ ยํ ปนิทํ วฎฺฎคามิกุสลํ, เสยฺยถิทํ – อิเธกโจฺจ วฎฺฎํ ปเตฺถโนฺต สมฺปตฺติภวํ อิจฺฉมาโน ทานํ เทติ…เป.… สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตติ, เอวํ กโรโนฺต อนุปุเพฺพน เทวมนุสฺสสมฺปตฺติโย ปฎิลภติ, อิทํ ปริยายามิสํ นามฯ

    Tattha dhammo duvidho – nippariyāyadhammo, pariyāyadhammoti. Āmisampi duvidhaṃ – nippariyāyāmisaṃ, pariyāyāmisanti. Kathaṃ? Maggaphalanibbānappabhedo hi navavidho lokuttaradhammo nippariyāyadhammo, nibbattitadhammoyeva, na kenaci pariyāyena kāraṇena vā lesena vā dhammo. Yaṃ panidaṃ vivaṭṭūpanissitaṃ kusalaṃ, seyyathidaṃ – idhekacco vivaṭṭaṃ patthento dānaṃ deti, sīlaṃ samādiyati, uposathakammaṃ karoti, gandhamālādīhi vatthupūjaṃ karoti, dhammaṃ suṇāti, deseti, jhānasamāpattiyo nibbatteti, evaṃ karonto anupubbena nippariyāyaṃ amataṃ nibbānaṃ paṭilabhati, ayaṃ pariyāyadhammo. Tathā cīvarādayo cattāro paccayā nippariyāyāmisameva, na aññena pariyāyena vā kāraṇena vā lesena vā āmisaṃ. Yaṃ panidaṃ vaṭṭagāmikusalaṃ, seyyathidaṃ – idhekacco vaṭṭaṃ patthento sampattibhavaṃ icchamāno dānaṃ deti…pe… samāpattiyo nibbatteti, evaṃ karonto anupubbena devamanussasampattiyo paṭilabhati, idaṃ pariyāyāmisaṃ nāma.

    ตตฺถ นิปฺปริยายธโมฺมปิ ภควโตเยว สนฺตโกฯ ภควตา หิ กถิตตฺตา ภิกฺขู มคฺคผลนิพฺพานานิ อธิคจฺฉนฺติฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Tattha nippariyāyadhammopi bhagavatoyeva santako. Bhagavatā hi kathitattā bhikkhū maggaphalanibbānāni adhigacchanti. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘โส, หิ, พฺราหฺมณ, ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสญฺชาตสฺส มคฺคสฺส สญฺชเนตา…เป.… มคฺคานุคา จ ปเนตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๙; จูลนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๘๕)ฯ

    ‘‘So, hi, brāhmaṇa, bhagavā anuppannassa maggassa uppādetā, asañjātassa maggassa sañjanetā…pe… maggānugā ca panetarahi sāvakā viharanti pacchā samannāgatā’’ti (ma. ni. 3.79; cūlani. mogharājamāṇavapucchāniddesa 85).

    ‘‘โส, หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต, วตฺตา ปวตฺตา, อตฺถสฺส นิเนฺนตา , อมตสฺส ทาตา, ธมฺมสฺสามี ตถาคโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๓; ๓.๒๘๑) จฯ

    ‘‘So, hāvuso, bhagavā jānaṃ jānāti, passaṃ passati, cakkhubhūto ñāṇabhūto dhammabhūto brahmabhūto, vattā pavattā, atthassa ninnetā , amatassa dātā, dhammassāmī tathāgato’’ti (ma. ni. 1.203; 3.281) ca.

    ปริยายธโมฺมปิ ภควโตเยว สนฺตโกฯ ภควตา หิ กถิตตฺตา เอว ชานนฺติ ‘‘วิวฎฺฎํ ปเตฺถตฺวา ทานํ เทโนฺต…เป.… สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตโนฺต อนุกฺกเมน อมตํ นิพฺพานํ ปฎิลภตี’’ติฯ นิปฺปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํฯ ภควตา หิ อนุญฺญาตตฺตาเยว ภิกฺขูหิ ชีวกวตฺถุํ อาทิํ กตฺวา ปณีตจีวรํ ลทฺธํฯ ยถาห –

    Pariyāyadhammopi bhagavatoyeva santako. Bhagavatā hi kathitattā eva jānanti ‘‘vivaṭṭaṃ patthetvā dānaṃ dento…pe… samāpattiyo nibbattento anukkamena amataṃ nibbānaṃ paṭilabhatī’’ti. Nippariyāyāmisampi bhagavatoyeva santakaṃ. Bhagavatā hi anuññātattāyeva bhikkhūhi jīvakavatthuṃ ādiṃ katvā paṇītacīvaraṃ laddhaṃ. Yathāha –

    ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คหปติจีวรํฯ โย อิจฺฉติ, ปํสุกูลิโก โหตุฯ โย อิจฺฉติ, คหปติจีวรํ สาทิยตุฯ อิตรีตเรนปาหํ, ภิกฺขเว, สนฺตุฎฺฐิํเยว วเณฺณมี’’ติ (มหาว. ๓๓๗)ฯ

    ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, gahapaticīvaraṃ. Yo icchati, paṃsukūliko hotu. Yo icchati, gahapaticīvaraṃ sādiyatu. Itarītarenapāhaṃ, bhikkhave, santuṭṭhiṃyeva vaṇṇemī’’ti (mahāva. 337).

    เอวํ อิตเรปิ ปจฺจยา ภควตา อนุญฺญาตตฺตา เอว ภิกฺขูหิ ปริภุญฺชิตุํ ลทฺธาฯ ปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํฯ ภควตา หิ กถิตตฺตา เอว ชานนฺติ ‘‘สมฺปตฺติภวํ ปเตฺถโนฺต ทานํ ทตฺวา สีลํ…เป.… สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา อนุกฺกเมน ปริยายามิสํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ มนุสฺสสมฺปตฺติญฺจ ปฎิลภตี’’ติฯ ยเทว ยสฺมา นิปฺปริยายธโมฺมปิ ปริยายธโมฺมปิ นิปฺปริยายามิสมฺปิ ปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํ, ตสฺมา ตตฺถ อตฺตโน สามิภาวํ ทเสฺสโนฺต ตตฺถ จ ยํ เสฎฺฐตรํ อจฺจนฺตหิตสุขาวหํ ตเตฺถว เน นิโยเชโนฺต เอวมาห ‘‘ตสฺส เม ตุเมฺห ปุตฺตา โอรสา…เป.… โน อามิสทายาทา’’ติฯ

    Evaṃ itarepi paccayā bhagavatā anuññātattā eva bhikkhūhi paribhuñjituṃ laddhā. Pariyāyāmisampi bhagavatoyeva santakaṃ. Bhagavatā hi kathitattā eva jānanti ‘‘sampattibhavaṃ patthento dānaṃ datvā sīlaṃ…pe… samāpattiyo nibbattetvā anukkamena pariyāyāmisaṃ dibbasampattiṃ manussasampattiñca paṭilabhatī’’ti. Yadeva yasmā nippariyāyadhammopi pariyāyadhammopi nippariyāyāmisampi pariyāyāmisampi bhagavatoyeva santakaṃ, tasmā tattha attano sāmibhāvaṃ dassento tattha ca yaṃ seṭṭhataraṃ accantahitasukhāvahaṃ tattheva ne niyojento evamāha ‘‘tassa me tumhe puttā orasā…pe… no āmisadāyādā’’ti.

    อิติ ภควา ปริปุณฺณวตสมาทานํ ตปจริยํ สมฺมเทว วุสิตพฺรหฺมจริยํ สุวิสุทฺธวิชฺชาจรณสมฺปนฺนํ อนวเสสเวทนฺตปารคุํ พาหิตสพฺพปาปํ สตตํ ยาจโยคํ สเทวเก โลเก อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวปฺปตฺตํ อตฺตโน ปรมตฺถพฺราหฺมณภาวํ อริยสาวกานญฺจ อตฺตโน โอรสปุตฺตาทิภาวํ ปเวเทสิฯ ภควา หิ ‘‘สีโหติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๕.๙๙) เอตฺถ สีหสทิสํ, ‘‘ปุริโส มคฺคกุสโลติ โข, ติสฺส, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๘๔) เอตฺถ มคฺคเทสกปุริสสทิสํ, ‘‘ราชาหมสฺมิ เสลา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๙) เอตฺถ ราชสทิสํ, ‘‘ภิสโกฺก สลฺลกโตฺตติ โข, สุนกฺขตฺต, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๖๕) เอตฺถ เวชฺชสทิสํ, ‘‘พฺราหฺมโณติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๘๕) เอตฺถ พฺราหฺมณสทิสํ อตฺตานํ กเถสิฯ อิธาปิ พฺราหฺมณ สทิสํ กตฺวา กเถสิฯ

    Iti bhagavā paripuṇṇavatasamādānaṃ tapacariyaṃ sammadeva vusitabrahmacariyaṃ suvisuddhavijjācaraṇasampannaṃ anavasesavedantapāraguṃ bāhitasabbapāpaṃ satataṃ yācayogaṃ sadevake loke anuttaradakkhiṇeyyabhāvappattaṃ attano paramatthabrāhmaṇabhāvaṃ ariyasāvakānañca attano orasaputtādibhāvaṃ pavedesi. Bhagavā hi ‘‘sīhoti kho, bhikkhave, tathāgatassetaṃ adhivacanaṃ arahato sammāsambuddhassā’’ti (a. ni. 5.99) ettha sīhasadisaṃ, ‘‘puriso maggakusaloti kho, tissa, tathāgatassetaṃ adhivacana’’nti (saṃ. ni. 3.84) ettha maggadesakapurisasadisaṃ, ‘‘rājāhamasmi selā’’ti (ma. ni. 2.399; su. ni. 559) ettha rājasadisaṃ, ‘‘bhisakko sallakattoti kho, sunakkhatta, tathāgatassetaṃ adhivacana’’nti (ma. ni. 3.65) ettha vejjasadisaṃ, ‘‘brāhmaṇoti kho, bhikkhave, tathāgatassetaṃ adhivacana’’nti (a. ni. 8.85) ettha brāhmaṇasadisaṃ attānaṃ kathesi. Idhāpi brāhmaṇa sadisaṃ katvā kathesi.

    อิทานิ เยหิ ทานาทีหิ ยุตฺตสฺส อิโต พาหิรกพฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณกิจฺจํ ปริปุณฺณํ มญฺญนฺติ, เตหิ อตฺตโน ทานาทีนํ อคฺคเสฎฺฐภาวํ ปกาเสตุํ ‘‘เทฺวมานิ, ภิกฺขเว, ทานานี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ยาคาติ มหายญฺญา , มหาทานานีติ อโตฺถ, ยานิ ‘‘ยิฎฺฐานี’’ติปิ วุจฺจนฺติฯ ตตฺถ เวลามทานเวสฺสนฺตรทานมหาวิชิตยญฺญสทิสา อามิสยาคา เวทิตพฺพา, มหาสมยสุตฺตมงฺคลสุตฺตจูฬราหุโลวาทสุตฺตสมจิตฺตสุตฺตเทสนาทโย ธมฺมยาคาฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ

    Idāni yehi dānādīhi yuttassa ito bāhirakabrāhmaṇassa brāhmaṇakiccaṃ paripuṇṇaṃ maññanti, tehi attano dānādīnaṃ aggaseṭṭhabhāvaṃ pakāsetuṃ ‘‘dvemāni, bhikkhave, dānānī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha yāgāti mahāyaññā , mahādānānīti attho, yāni ‘‘yiṭṭhānī’’tipi vuccanti. Tattha velāmadānavessantaradānamahāvijitayaññasadisā āmisayāgā veditabbā, mahāsamayasuttamaṅgalasuttacūḷarāhulovādasuttasamacittasuttadesanādayo dhammayāgā. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayameva.

    คาถายํ อยชีติ อทาสิฯ อมจฺฉรีติ สพฺพมจฺฉริยานํ โพธิมูเลเยว สุปฺปหีนตฺตา มเจฺฉรรหิโตฯ สพฺพภูตานุกมฺปีติ มหากรุณาย สพฺพสเตฺต ปิยปุตฺตํ วิย อนุคฺคณฺหนสีโลฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Gāthāyaṃ ayajīti adāsi. Amaccharīti sabbamacchariyānaṃ bodhimūleyeva suppahīnattā maccherarahito. Sabbabhūtānukampīti mahākaruṇāya sabbasatte piyaputtaṃ viya anuggaṇhanasīlo. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘วธเก เทวทเตฺต จ, โจเร องฺคุลิมาลเก;

    ‘‘Vadhake devadatte ca, core aṅgulimālake;

    ธนปาเล ราหุเล เจว, สมจิโตฺต มหามุนี’’ติฯ (มิ. ป. ๖.๖.๕) –

    Dhanapāle rāhule ceva, samacitto mahāmunī’’ti. (mi. pa. 6.6.5) –

    เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Sesaṃ suviññeyyameva.

    ปฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๑. พฺราหฺมณธมฺมยาคสุตฺตํ • 1. Brāhmaṇadhammayāgasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact