Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā |
๗. พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา
7. Brāhmaṇadhammikasuttavaṇṇanā
เอวํ เม สุตนฺติ พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน ‘‘อถ โข สมฺพหุลา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตาฯ ตตฺถ สมฺพหุลาติ พหู อเนเกฯ โกสลกาติ โกสลรฎฺฐวาสิโนฯ พฺราหฺมณมหาสาลาติ ชาติยา พฺราหฺมณา มหาสารตาย มหาสาลาฯ เยสํ กิร นิทหิตฺวา ฐปิตํเยว อสีติโกฎิสงฺขฺยํ ธนมตฺถิ, เต ‘‘พฺราหฺมณมหาสาลา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อิเม จ ตาทิสา, เตน วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณมหาสาลา’’ติฯ ชิณฺณาติ ชชฺชรีภูตา ชราย ขณฺฑิจฺจาทิภาวมาปาทิตาฯ วุฑฺฒาติ องฺคปจฺจงฺคานํ วุฑฺฒิมริยาทํ ปตฺตาฯ มหลฺลกาติ ชาติมหลฺลกตาย สมนฺนาคตา, จิรกาลปฺปสุตาติ วุตฺตํ โหติฯ อทฺธคตาติ อทฺธานํ คตา, เทฺว ตโย ราชปริวเฎฺฎ อตีตาติ อธิปฺปาโยฯ วโย อนุปฺปตฺตาติ ปจฺฉิมวยํ สมฺปตฺตาฯ อปิจ ชิณฺณาติ โปราณา, จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวยาติ วุตฺตํ โหติฯ วุฑฺฒาติ สีลาจาราทิคุณวุฑฺฒิยุตฺตาฯ มหลฺลกาติ วิภวมหนฺตตาย สมนฺนาคตา มหทฺธนา มหาโภคาฯ อทฺธคตาติ มคฺคปฎิปนฺนา พฺราหฺมณานํ วตจริยาทิมริยาทํ อวีติกฺกมฺม จรมานาฯ วโย อนุปฺปตฺตาติ ชาติวุฑฺฒภาวมฺปิ อนฺติมวยํ อนุปฺปตฺตาติ เอวเมฺปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพาฯ เสสเมตฺถ ปากฎเมวฯ
Evaṃme sutanti brāhmaṇadhammikasuttaṃ. Kā uppatti? Ayameva yāssa nidāne ‘‘atha kho sambahulā’’tiādinā nayena vuttā. Tattha sambahulāti bahū aneke. Kosalakāti kosalaraṭṭhavāsino. Brāhmaṇamahāsālāti jātiyā brāhmaṇā mahāsāratāya mahāsālā. Yesaṃ kira nidahitvā ṭhapitaṃyeva asītikoṭisaṅkhyaṃ dhanamatthi, te ‘‘brāhmaṇamahāsālā’’ti vuccanti. Ime ca tādisā, tena vuttaṃ ‘‘brāhmaṇamahāsālā’’ti. Jiṇṇāti jajjarībhūtā jarāya khaṇḍiccādibhāvamāpāditā. Vuḍḍhāti aṅgapaccaṅgānaṃ vuḍḍhimariyādaṃ pattā. Mahallakāti jātimahallakatāya samannāgatā, cirakālappasutāti vuttaṃ hoti. Addhagatāti addhānaṃ gatā, dve tayo rājaparivaṭṭe atītāti adhippāyo. Vayo anuppattāti pacchimavayaṃ sampattā. Apica jiṇṇāti porāṇā, cirakālappavattakulanvayāti vuttaṃ hoti. Vuḍḍhāti sīlācārādiguṇavuḍḍhiyuttā. Mahallakāti vibhavamahantatāya samannāgatā mahaddhanā mahābhogā. Addhagatāti maggapaṭipannā brāhmaṇānaṃ vatacariyādimariyādaṃ avītikkamma caramānā. Vayo anuppattāti jātivuḍḍhabhāvampi antimavayaṃ anuppattāti evampettha yojanā veditabbā. Sesamettha pākaṭameva.
ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสูติ ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺตา อญฺญมญฺญํ สมปฺปวตฺตโมทา อเหสุํฯ ยาย จ ‘‘กจฺจิ โภโต โคตมสฺส ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, อปฺปาพาธํ, อปฺปาตงฺกํ, พลํ, ลหุฎฺฐานํ, ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สโมฺมทิํสุ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตสโมฺมทชนนโต สโมฺมทิตุํ อรหโต จ สโมฺมทนียํ, อตฺถพฺยญฺชนมธุรตาย สุจิรมฺปิ กาลํ สาเรตุํ นิรนฺตรํ ปวเตฺตตุํ อรหโต สริตพฺพภาวโต จ สารณียํฯ สุยฺยมานสุขโต จ สโมฺมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต สารณียํ, ตถา พฺยญฺชนปริสุทฺธตาย สโมฺมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียนฺติ เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฎฺฐาเปตฺวา เยนเตฺถน อาคตา, ตํ ปุจฺฉิตุกามา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ ตํ –
Bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsūti khamanīyādīni pucchantā aññamaññaṃ samappavattamodā ahesuṃ. Yāya ca ‘‘kacci bhoto gotamassa khamanīyaṃ, kacci yāpanīyaṃ, appābādhaṃ, appātaṅkaṃ, balaṃ, lahuṭṭhānaṃ, phāsuvihāro’’tiādikāya kathāya sammodiṃsu, taṃ pītipāmojjasaṅkhātasammodajananato sammodituṃ arahato ca sammodanīyaṃ, atthabyañjanamadhuratāya sucirampi kālaṃ sāretuṃ nirantaraṃ pavattetuṃ arahato saritabbabhāvato ca sāraṇīyaṃ. Suyyamānasukhato ca sammodanīyaṃ, anussariyamānasukhato sāraṇīyaṃ, tathā byañjanaparisuddhatāya sammodanīyaṃ, atthaparisuddhatāya sāraṇīyanti evaṃ anekehi pariyāyehi sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā pariyosāpetvā niṭṭhāpetvā yenatthena āgatā, taṃ pucchitukāmā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Taṃ –
‘‘น ปจฺฉโต น ปุรโต, นาปิ อาสนฺนทูรโต;
‘‘Na pacchato na purato, nāpi āsannadūrato;
น ปเสฺส นาปิ ปฎิวาเต, น จาปิ โอณตุณฺณเต’’ติฯ –
Na passe nāpi paṭivāte, na cāpi oṇatuṇṇate’’ti. –
อาทินา นเยน มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตเมวฯ
Ādinā nayena maṅgalasuttavaṇṇanāyaṃ vuttameva.
เอวํ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต พฺราหฺมณมหาสาลา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘กิํ ต’’นฺติ? ‘‘สนฺทิสฺสนฺติ นุ โข’’ติอาทิฯ ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมวฯ เกวลเญฺหตฺถ พฺราหฺมณานํ พฺราหฺมณธเมฺมติ เทสกาลาทิธเมฺม ฉเฑฺฑตฺวา โย พฺราหฺมณธโมฺม, ตสฺมิํเยวฯ เตน หิ พฺราหฺมณาติ ยสฺมา มํ ตุเมฺห ยาจิตฺถ, ตสฺมา พฺราหฺมณา สุณาถ, โสตํ โอทหถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, โยนิโส มนสิ กโรถฯ ตถา ปโยคสุทฺธิยา สุณาถ, อาสยสุทฺธิยา สาธุกํ มนสิ กโรถฯ อวิเกฺขเปน สุณาถ, ปคฺคเหน สาธุกํ มนสิ กโรถาติอาทินา นเยน เอเตสํ ปทานํ ปุเพฺพ อวุโตฺตปิ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ อถ ภควตา วุตฺตํ ตํ วจนํ สมฺปฎิจฺฉนฺตา ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข เต พฺราหฺมณมหาสาลา ภควโต ปจฺจโสฺสสุํ, ภควโต วจนํ อภิมุขา หุตฺวา อโสฺสสุํฯ อถ วา ปฎิสฺสุณิํสุฯ ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ วุตฺตมตฺถํ กตฺตุกามตาย ปฎิชานิํสูติ วุตฺตํ โหติฯ อถ เตสํ เอวํ ปฎิสฺสุตวตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กิํ ต’’นฺติ? ‘‘อิสโย ปุพฺพกา’’ติอาทิฯ
Evaṃ ekamantaṃ nisinnā kho te brāhmaṇamahāsālā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘kiṃ ta’’nti? ‘‘Sandissanti nu kho’’tiādi. Taṃ sabbaṃ uttānatthameva. Kevalañhettha brāhmaṇānaṃ brāhmaṇadhammeti desakālādidhamme chaḍḍetvā yo brāhmaṇadhammo, tasmiṃyeva. Tena hi brāhmaṇāti yasmā maṃ tumhe yācittha, tasmā brāhmaṇā suṇātha, sotaṃ odahatha, sādhukaṃ manasi karotha, yoniso manasi karotha. Tathā payogasuddhiyā suṇātha, āsayasuddhiyā sādhukaṃ manasi karotha. Avikkhepena suṇātha, paggahena sādhukaṃ manasi karothātiādinā nayena etesaṃ padānaṃ pubbe avuttopi adhippāyo veditabbo. Atha bhagavatā vuttaṃ taṃ vacanaṃ sampaṭicchantā ‘‘evaṃ bho’’ti kho te brāhmaṇamahāsālā bhagavato paccassosuṃ, bhagavato vacanaṃ abhimukhā hutvā assosuṃ. Atha vā paṭissuṇiṃsu. ‘‘Suṇātha sādhukaṃ manasi karothā’’ti vuttamatthaṃ kattukāmatāya paṭijāniṃsūti vuttaṃ hoti. Atha tesaṃ evaṃ paṭissutavataṃ bhagavā etadavoca – ‘‘kiṃ ta’’nti? ‘‘Isayo pubbakā’’tiādi.
๒๘๗. ตตฺถ ปฐมคาถาย ตาว สญฺญตตฺตาติ สีลสํยเมน สํยตจิตฺตาฯ ตปสฺสิโนติ อินฺทฺริยสํวรตปยุตฺตาฯ อตฺตทตฺถมจาริสุนฺติ มนฺตเชฺฌนพฺรหฺมวิหารภาวนาทิํ อตฺตโน อตฺถํ อกํสุฯ เสสํ ปากฎเมวฯ
287. Tattha paṭhamagāthāya tāva saññatattāti sīlasaṃyamena saṃyatacittā. Tapassinoti indriyasaṃvaratapayuttā. Attadatthamacārisunti mantajjhenabrahmavihārabhāvanādiṃ attano atthaṃ akaṃsu. Sesaṃ pākaṭameva.
๒๘๘. ทุติยคาถาทีสุปิ อยํ สเงฺขปวณฺณนา – น ปสู พฺราหฺมณานาสุนฺติ โปราณานํ พฺราหฺมณานํ ปสู น อาสุํ, น เต ปสุปริคฺคหมกํสุฯ น หิรญฺญํ น ธานิยนฺติ หิรญฺญญฺจ พฺราหฺมณานํ อนฺตมโส ชตุมาสโกปิ นาโหสิ , ตถา วีหิสาลิยวโคธูมาทิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณเภทํ ธานิยมฺปิ เตสํ นาโหสิฯ เต หิ นิกฺขิตฺตชาตรูปรชตา อสนฺนิธิการกาว หุตฺวา เกวลํ สชฺฌายธนธญฺญา อตฺตโน มนฺตเชฺฌนสงฺขาเตเนว ธเนน ธเญฺญน จ สมนฺนาคตา อเหสุํฯ โย จายํ เมตฺตาทิวิหาโร เสฎฺฐตฺตา อนุคามิกตฺตา จ พฺรหฺมนิธีติ วุจฺจติ, ตญฺจ พฺรหฺมํ นิธิมปาลยุํ สทา ตสฺส ภาวนานุโยเคนฯ
288. Dutiyagāthādīsupi ayaṃ saṅkhepavaṇṇanā – na pasū brāhmaṇānāsunti porāṇānaṃ brāhmaṇānaṃ pasū na āsuṃ, na te pasupariggahamakaṃsu. Na hiraññaṃ na dhāniyanti hiraññañca brāhmaṇānaṃ antamaso jatumāsakopi nāhosi , tathā vīhisāliyavagodhūmādi pubbaṇṇāparaṇṇabhedaṃ dhāniyampi tesaṃ nāhosi. Te hi nikkhittajātarūparajatā asannidhikārakāva hutvā kevalaṃ sajjhāyadhanadhaññā attano mantajjhenasaṅkhāteneva dhanena dhaññena ca samannāgatā ahesuṃ. Yo cāyaṃ mettādivihāro seṭṭhattā anugāmikattā ca brahmanidhīti vuccati, tañca brahmaṃ nidhimapālayuṃ sadā tassa bhāvanānuyogena.
๒๘๙. เอวํ วิหารีนํ ยํ เนสํ ปกตํ อาสิ, ยํ เอเตสํ ปกตํ เอเต พฺราหฺมเณ อุทฺทิสฺส กตํ อโหสิฯ ทฺวารภตฺตํ อุปฎฺฐิตนฺติ ‘‘พฺราหฺมณานํ ทสฺสามา’’ติ สเชฺชตฺวา เตหิ เตหิ ทายเกหิ อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเร ฐปิตภตฺตํฯ สทฺธาปกตนฺติ สทฺธาย ปกตํ, สทฺธาเทยฺยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เอสานนฺติ เอสนฺตีติ เอสา, เตสํ เอสานํ, เอสมานานํ ปริเยสมานานนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ทาตเวติ ทาตพฺพํฯ ตทมญฺญิสุนฺติ ตํ อมญฺญิํสุ, ตํ ทฺวาเร สเชฺชตฺวา ฐปิตํ ภตฺตํ สทฺธาเทยฺยํ ปริเยสมานานํ เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ทาตพฺพํ อมญฺญิํสุ ทายกา ชนา, น ตโต ปรํฯ อนตฺถิกา หิ เต อเญฺญน อเหสุํ, เกวลํ ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฎฺฐาติ อธิปฺปาโยฯ
289. Evaṃ vihārīnaṃ yaṃ nesaṃ pakataṃ āsi, yaṃ etesaṃ pakataṃ ete brāhmaṇe uddissa kataṃ ahosi. Dvārabhattaṃ upaṭṭhitanti ‘‘brāhmaṇānaṃ dassāmā’’ti sajjetvā tehi tehi dāyakehi attano attano gharadvāre ṭhapitabhattaṃ. Saddhāpakatanti saddhāya pakataṃ, saddhādeyyanti vuttaṃ hoti. Esānanti esantīti esā, tesaṃ esānaṃ, esamānānaṃ pariyesamānānanti vuttaṃ hoti. Dātaveti dātabbaṃ. Tadamaññisunti taṃ amaññiṃsu, taṃ dvāre sajjetvā ṭhapitaṃ bhattaṃ saddhādeyyaṃ pariyesamānānaṃ etesaṃ brāhmaṇānaṃ dātabbaṃ amaññiṃsu dāyakā janā, na tato paraṃ. Anatthikā hi te aññena ahesuṃ, kevalaṃ ghāsacchādanaparamatāya santuṭṭhāti adhippāyo.
๒๙๐. นานารเตฺตหีติ นานาวิธราครเตฺตหิ วเตฺถหิ วิจิตฺรตฺถรณตฺถเตหิ, สยเนหิ เอกภูมิกทฺวิภูมิกาทิปาสาทวเรหิฯ อาวสเถหีติ เอวรูเปหิ อุปกรเณหิฯ ผีตา ชนปทา รฎฺฐา เอเกกปฺปเทสภูตา ชนปทา จ เกจิ เกจิ สกลรฎฺฐา จ ‘‘นโม พฺราหฺมณาน’’นฺติ สายํ ปาตํ พฺราหฺมเณ เทเว วิย นมสฺสิํสุฯ
290.Nānārattehīti nānāvidharāgarattehi vatthehi vicitrattharaṇatthatehi, sayanehi ekabhūmikadvibhūmikādipāsādavarehi. Āvasathehīti evarūpehi upakaraṇehi. Phītā janapadā raṭṭhā ekekappadesabhūtā janapadā ca keci keci sakalaraṭṭhā ca ‘‘namo brāhmaṇāna’’nti sāyaṃ pātaṃ brāhmaṇe deve viya namassiṃsu.
๒๙๑. เต เอวํ นมสฺสิยมานา โลเกน อวชฺฌา พฺราหฺมณา อาสุํ, น เกวลญฺจ อวชฺฌา, อเชยฺยา วิหิํสิตุมฺปิ อนภิภวนียตฺตา อเชยฺยา จ อเหสุํฯ กิํ การณา? ธมฺมรกฺขิตา, ยสฺมา ธเมฺมน รกฺขิตาฯ เต หิ ปญฺจ วรสีลธเมฺม รกฺขิํสุ, ‘‘ธโมฺม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริ’’นฺติ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑.๑๕.๓๘๕) ธมฺมรกฺขิตา หุตฺวา อวชฺฌา อเชยฺยา จ อเหสุนฺติ อธิปฺปาโยฯ น เน โกจิ นิวาเรสีติ เต พฺราหฺมเณ กุลานํ ทฺวาเรสุ สพฺพโส พาหิเรสุ จ อพฺภนฺตเรสุ จ สพฺพทฺวาเรสุ ยสฺมา เตสุ ปิยสมฺมเตสุ วรสีลสมนฺนาคเตสุ มาตาปิตูสุ วิย อติวิสฺสตฺถา มนุสฺสา อเหสุํ, ตสฺมา ‘‘อิทํ นาม ฐานํ ตยา น ปวิสิตพฺพ’’นฺติ น โกจิ นิวาเรสิฯ
291. Te evaṃ namassiyamānā lokena avajjhā brāhmaṇā āsuṃ, na kevalañca avajjhā, ajeyyā vihiṃsitumpi anabhibhavanīyattā ajeyyā ca ahesuṃ. Kiṃ kāraṇā? Dhammarakkhitā, yasmā dhammena rakkhitā. Te hi pañca varasīladhamme rakkhiṃsu, ‘‘dhammo have rakkhati dhammacāri’’nti (jā. 1.10.102; 1.15.385) dhammarakkhitā hutvā avajjhā ajeyyā ca ahesunti adhippāyo. Na ne koci nivāresīti te brāhmaṇe kulānaṃ dvāresu sabbaso bāhiresu ca abbhantaresu ca sabbadvāresu yasmā tesu piyasammatesu varasīlasamannāgatesu mātāpitūsu viya ativissatthā manussā ahesuṃ, tasmā ‘‘idaṃ nāma ṭhānaṃ tayā na pavisitabba’’nti na koci nivāresi.
๒๙๒. เอวํ ธมฺมรกฺขิตา กุลทฺวาเรสุ อนิวาริตา จรนฺตา อฎฺฐ จ จตฺตาลีสญฺจาติ อฎฺฐจตฺตาลีสํ วสฺสานิ กุมารภาวโต ปภุติ จรเณน โกมารํ พฺรหฺมจริยํ จริํสุ เตฯ เยปิ พฺราหฺมณจณฺฑาลา อเหสุํ, โก ปน วาโท พฺรหฺมสมาทีสูติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ เอวํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตา เอว หิ วิชฺชาจรณปริเยฎฺฐิํ อจรุํ พฺราหฺมณา ปุเร, น อพฺรหฺมจาริโน หุตฺวาฯ ตตฺถ วิชฺชาปริเยฎฺฐีติ มนฺตเชฺฌนํฯ วุตฺตเญฺจตํ ‘‘โส อฎฺฐจตฺตาลีส วสฺสานิ โกมารํ พฺรหฺมจริยํ จรติ มเนฺต อธียมาโน’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๙๒)ฯ จรณปริเยฎฺฐีติ สีลรกฺขณํฯ ‘‘วิชฺชาจรณปริเยฎฺฐุ’’นฺติปิ ปาโฐ, วิชฺชาจรณํ ปริเยสิตุํ อจรุนฺติ อโตฺถฯ
292. Evaṃ dhammarakkhitā kuladvāresu anivāritā carantā aṭṭha ca cattālīsañcāti aṭṭhacattālīsaṃ vassāni kumārabhāvato pabhuti caraṇena komāraṃ brahmacariyaṃ cariṃsu te. Yepi brāhmaṇacaṇḍālā ahesuṃ, ko pana vādo brahmasamādīsūti evamettha adhippāyo veditabbo. Evaṃ brahmacariyaṃ carantā eva hi vijjācaraṇapariyeṭṭhiṃ acaruṃ brāhmaṇā pure, na abrahmacārino hutvā. Tattha vijjāpariyeṭṭhīti mantajjhenaṃ. Vuttañcetaṃ ‘‘so aṭṭhacattālīsa vassāni komāraṃ brahmacariyaṃ carati mante adhīyamāno’’ti (a. ni. 5.192). Caraṇapariyeṭṭhīti sīlarakkhaṇaṃ. ‘‘Vijjācaraṇapariyeṭṭhu’’ntipi pāṭho, vijjācaraṇaṃ pariyesituṃ acarunti attho.
๒๙๓. ยถาวุตฺตญฺจ กาลํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา ตโต ปรํ ฆราวาสํ กเปฺปนฺตาปิ น พฺราหฺมณา อญฺญมคมุํ ขตฺติยํ วา เวสฺสาทีสุ อญฺญตรํ วา, เย อเหสุํ เทวสมา วา มริยาทา วาติ อธิปฺปาโยฯ ตถา สตํ วา สหสฺสํ วา ทตฺวา นปิ ภริยํ กิณิํสุ เต, เสยฺยถาปิ เอตรหิ เอกเจฺจ กิณนฺติฯ เต หิ ธเมฺมน ทารํ ปริเยสนฺติฯ กถํ? อฎฺฐจตฺตาลีสํ วสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา พฺราหฺมณา กญฺญาภิกฺขํ อาหิณฺฑนฺติ – ‘‘อหํ อฎฺฐจตฺตาลีส วสฺสานิ จิณฺณพฺรหฺมจริโย, ยทิ วยปฺปตฺตา ทาริกา อตฺถิ, เทถ เม’’ติฯ ตโต ยสฺส วยปฺปตฺตา ทาริกา โหติ, โส ตํ อลงฺกริตฺวา นีหริตฺวา ทฺวาเร ฐิตเสฺสว พฺราหฺมณสฺส หเตฺถ อุทกํ อาสิญฺจโนฺต ‘‘อิมํ เต, พฺราหฺมณ, ภริยํ โปสาวนตฺถาย ทมฺมี’’ติ วตฺวา เทติฯ
293. Yathāvuttañca kālaṃ brahmacariyaṃ caritvā tato paraṃ gharāvāsaṃ kappentāpi na brāhmaṇā aññamagamuṃ khattiyaṃ vā vessādīsu aññataraṃ vā, ye ahesuṃ devasamā vā mariyādā vāti adhippāyo. Tathā sataṃ vā sahassaṃ vā datvā napi bhariyaṃ kiṇiṃsu te, seyyathāpi etarahi ekacce kiṇanti. Te hi dhammena dāraṃ pariyesanti. Kathaṃ? Aṭṭhacattālīsaṃ vassāni brahmacariyaṃ caritvā brāhmaṇā kaññābhikkhaṃ āhiṇḍanti – ‘‘ahaṃ aṭṭhacattālīsa vassāni ciṇṇabrahmacariyo, yadi vayappattā dārikā atthi, detha me’’ti. Tato yassa vayappattā dārikā hoti, so taṃ alaṅkaritvā nīharitvā dvāre ṭhitasseva brāhmaṇassa hatthe udakaṃ āsiñcanto ‘‘imaṃ te, brāhmaṇa, bhariyaṃ posāvanatthāya dammī’’ti vatvā deti.
กสฺมา ปน เต เอวํ จิรํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวาปิ ทารํ ปริเยสนฺติ, น ยาวชีวํ พฺรหฺมจาริโน โหนฺตีติ? มิจฺฉาทิฎฺฐิวเสนฯ เตสญฺหิ เอวํทิฎฺฐิ โหติ – ‘‘โย ปุตฺตํ น อุปฺปาเทติ, โส กุลวํสเจฺฉทกโร โหติ, ตโต นิรเย ปจฺจตี’’ติฯ จตฺตาโร กิร อภายิตพฺพํ ภายนฺติ คณฺฑุปฺปาโท กิกี กุนฺตนี พฺราหฺมณาติฯ คณฺฑุปฺปาทา กิร มหาปถวิยา ขยภเยน มตฺตโภชิโน โหนฺติ, น พหุํ มตฺติกํ ขาทนฺติฯ กิกี สกุณิกา อากาสปตนภเยน อณฺฑสฺส อุปริ อุตฺตานา เสติฯ กุนฺตนี สกุณิกา ปถวิกมฺปนภเยน ปาเทหิ ภูมิํ น สุฎฺฐุ อกฺกมติฯ พฺราหฺมณา กุลวํสูปเจฺฉทภเยน ทารํ ปริเยสนฺติฯ อาห เจตฺถ –
Kasmā pana te evaṃ ciraṃ brahmacariyaṃ caritvāpi dāraṃ pariyesanti, na yāvajīvaṃ brahmacārino hontīti? Micchādiṭṭhivasena. Tesañhi evaṃdiṭṭhi hoti – ‘‘yo puttaṃ na uppādeti, so kulavaṃsacchedakaro hoti, tato niraye paccatī’’ti. Cattāro kira abhāyitabbaṃ bhāyanti gaṇḍuppādo kikī kuntanī brāhmaṇāti. Gaṇḍuppādā kira mahāpathaviyā khayabhayena mattabhojino honti, na bahuṃ mattikaṃ khādanti. Kikī sakuṇikā ākāsapatanabhayena aṇḍassa upari uttānā seti. Kuntanī sakuṇikā pathavikampanabhayena pādehi bhūmiṃ na suṭṭhu akkamati. Brāhmaṇā kulavaṃsūpacchedabhayena dāraṃ pariyesanti. Āha cettha –
‘‘คณฺฑุปฺปาโท กิกี เจว, กุนฺตี พฺราหฺมณธมฺมิโก;
‘‘Gaṇḍuppādo kikī ceva, kuntī brāhmaṇadhammiko;
เอเต อภยํ ภายนฺติ, สมฺมูฬฺหา จตุโร ชนา’’ติฯ
Ete abhayaṃ bhāyanti, sammūḷhā caturo janā’’ti.
เอวํ ธเมฺมน ทารํ ปริเยสิตฺวาปิ จ สมฺปิเยเนว สํวาสํ สงฺคนฺตฺวา สมโรจยุํ, สมฺปิเยเนว อญฺญมญฺญํ เปเมเนว กาเยน จ จิเตฺตน จ มิสฺสีภูตา สงฺฆฎิตา สํสฎฺฐา หุตฺวา สํวาสํ สมโรจยุํ, น อปฺปิเยน น นิคฺคเหน จาติ วุตฺตํ โหติฯ
Evaṃ dhammena dāraṃ pariyesitvāpi ca sampiyeneva saṃvāsaṃ saṅgantvā samarocayuṃ, sampiyeneva aññamaññaṃ pemeneva kāyena ca cittena ca missībhūtā saṅghaṭitā saṃsaṭṭhā hutvā saṃvāsaṃ samarocayuṃ, na appiyena na niggahena cāti vuttaṃ hoti.
๒๙๔. เอวํ สมฺปิเยเนว สํวาสํ กโรนฺตาปิ จ อญฺญตฺร ตมฺหาติ, โย โส อุตุสมโย, ยมฺหิ สมเย พฺราหฺมณี พฺราหฺมเณน อุปคนฺตพฺพา, อญฺญตฺร ตมฺหา สมยา ฐเปตฺวา ตํ สมยํ อุตุโต วิรตํ อุตุเวรมณิํ ปติ ภริยํ, ยาว ปุน โส สมโย อาคจฺฉติ, ตาว อฎฺฐตฺวา อนฺตราเยวฯ เมถุนํ ธมฺมนฺติ เมถุนาย ธมฺมายฯ สมฺปทานวจนปตฺติยา กิเรตํ อุปโยควจนํฯ นาสฺสุ คจฺฉนฺตีติ เนว คจฺฉนฺติฯ พฺราหฺมณาติ เย โหนฺติ เทวสมา จ มริยาทา จาติ อธิปฺปาโยฯ
294. Evaṃ sampiyeneva saṃvāsaṃ karontāpi ca aññatra tamhāti, yo so utusamayo, yamhi samaye brāhmaṇī brāhmaṇena upagantabbā, aññatra tamhā samayā ṭhapetvā taṃ samayaṃ ututo virataṃ utuveramaṇiṃ pati bhariyaṃ, yāva puna so samayo āgacchati, tāva aṭṭhatvā antarāyeva. Methunaṃ dhammanti methunāya dhammāya. Sampadānavacanapattiyā kiretaṃ upayogavacanaṃ. Nāssu gacchantīti neva gacchanti. Brāhmaṇāti ye honti devasamā ca mariyādā cāti adhippāyo.
๒๙๕. อวิเสเสน ปน สเพฺพปิ พฺรหฺมจริยญฺจ…เป.… อวณฺณยุํฯ ตตฺถ พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติฯ สีลนฺติ เสสานิ จตฺตาริ สิกฺขาปทานิฯ อชฺชวนฺติ อุชุภาโว, อตฺถโต อสฐตา อมายาวิตา จฯ มทฺทวนฺติ มุทุภาโว, อตฺถโต อตฺถทฺธตา อนติมานิตา จฯ ตโปติ อินฺทฺริยสํวโรฯ โสรจฺจนฺติ สุรตภาโว สุขสีลตา อปฺปฎิกูลสมาจารตาฯ อวิหิํสาติ ปาณิอาทีหิ อวิเหสิกชาติกตา สกรุณภาโวฯ ขนฺตีติ อธิวาสนกฺขนฺติฯ อิเจฺจเต คุเณ อวณฺณยุํฯ เยปิ นาสกฺขิํสุ สพฺพโส ปฎิปตฺติยา อาราเธตุํ, เตปิ ตตฺถ สารทสฺสิโน หุตฺวา วาจาย วณฺณยิํสุ ปสํสิํสุฯ
295. Avisesena pana sabbepi brahmacariyañca…pe… avaṇṇayuṃ. Tattha brahmacariyanti methunavirati. Sīlanti sesāni cattāri sikkhāpadāni. Ajjavanti ujubhāvo, atthato asaṭhatā amāyāvitā ca. Maddavanti mudubhāvo, atthato atthaddhatā anatimānitā ca. Tapoti indriyasaṃvaro. Soraccanti suratabhāvo sukhasīlatā appaṭikūlasamācāratā. Avihiṃsāti pāṇiādīhi avihesikajātikatā sakaruṇabhāvo. Khantīti adhivāsanakkhanti. Iccete guṇe avaṇṇayuṃ. Yepi nāsakkhiṃsu sabbaso paṭipattiyā ārādhetuṃ, tepi tattha sāradassino hutvā vācāya vaṇṇayiṃsu pasaṃsiṃsu.
๒๙๖. เอวํ วเณฺณนฺตานญฺจ โย เนสํ…เป.… นาคมา, โย เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ปรโม พฺรหฺมา อโหสิ, พฺรหฺมสโม นาม อุตฺตโม พฺราหฺมโณ อโหสิ, ทเฬฺหน ปรกฺกเมน สมนฺนาคตตฺตา ทฬฺหปรกฺกโมฯ ส วาติ วิภาวเน วา-สโทฺท, เตน โส เอวรูโป พฺราหฺมโณติ ตเมว วิภาเวติฯ เมถุนํ ธมฺมนฺติ เมถุนสมาปตฺติํฯ สุปินเนฺตปิ นาคมาติ สุปิเนปิ น อคมาสิฯ
296. Evaṃ vaṇṇentānañca yo nesaṃ…pe… nāgamā, yo etesaṃ brāhmaṇānaṃ paramo brahmā ahosi, brahmasamo nāma uttamo brāhmaṇo ahosi, daḷhena parakkamena samannāgatattā daḷhaparakkamo. Sa vāti vibhāvane vā-saddo, tena so evarūpo brāhmaṇoti tameva vibhāveti. Methunaṃ dhammanti methunasamāpattiṃ. Supinantepi nāgamāti supinepi na agamāsi.
๒๙๗. ตโต ตสฺส วตฺตํ…เป.… อวณฺณยุํฯ อิมาย คาถาย นวมคาถาย วุตฺตคุเณเยว อาทิอนฺตวเสน นิทฺทิสโนฺต เทวสเม พฺราหฺมเณ ปกาเสติฯ เต หิ วิญฺญุชาติกา ปณฺฑิตา ตสฺส พฺรหฺมสมสฺส พฺราหฺมณสฺส วตฺตํ อนุสิกฺขนฺติ ปพฺพชฺชาย ฌานภาวนาย จ, เต จ อิเม พฺรหฺมจริยาทิคุเณ ปฎิปตฺติยา เอว วณฺณยนฺตีติฯ เต สเพฺพปิ พฺราหฺมณา ปญฺจกนิปาเต โทณสุเตฺต (อ. นิ. ๕.๑๙๒) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ
297. Tato tassa vattaṃ…pe… avaṇṇayuṃ. Imāya gāthāya navamagāthāya vuttaguṇeyeva ādiantavasena niddisanto devasame brāhmaṇe pakāseti. Te hi viññujātikā paṇḍitā tassa brahmasamassa brāhmaṇassa vattaṃ anusikkhanti pabbajjāya jhānabhāvanāya ca, te ca ime brahmacariyādiguṇe paṭipattiyā eva vaṇṇayantīti. Te sabbepi brāhmaṇā pañcakanipāte doṇasutte (a. ni. 5.192) vuttanayeneva veditabbā.
๒๙๘. อิทานิ มริยาเท พฺราหฺมเณ ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘ตณฺฑุลํ สยน’’นฺติฯ ตสฺสโตฺถ – เตสุ เย โหนฺติ มริยาทา, เต พฺราหฺมณา สเจ ยญฺญํ กเปฺปตุกามา โหนฺติ, อถ อามกธญฺญปฎิคฺคหณา ปฎิวิรตตฺตา นานปฺปการกํ ตณฺฑุลญฺจ, มญฺจปีฐาทิเภทํ สยนญฺจ, โขมาทิเภทํ วตฺถญฺจ, โคสปฺปิติลเตลาทิเภทํ สปฺปิเตลญฺจ ยาจิย ธเมฺมน, ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฎฺฐนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติ เอวํ วุเตฺตน อุทฺทิสฺสฐานสงฺขาเตน ธเมฺมน ยาจิตฺวา, อถ โย ยํ อิจฺฉติ ทาตุํ, เตน ตํ ทินฺนตณฺฑุลาทิํ สโมธาเนตฺวา สํกฑฺฒิตฺวาฯ ‘‘สมุทาเนตฺวา’’ติปิ ปาโฐ, เอโกเยวโตฺถฯ ตโต ยญฺญมกปฺปยุนฺติ ตโต คเหตฺวา ทานมกํสุ ฯ
298. Idāni mariyāde brāhmaṇe dassento āha – ‘‘taṇḍulaṃ sayana’’nti. Tassattho – tesu ye honti mariyādā, te brāhmaṇā sace yaññaṃ kappetukāmā honti, atha āmakadhaññapaṭiggahaṇā paṭiviratattā nānappakārakaṃ taṇḍulañca, mañcapīṭhādibhedaṃ sayanañca, khomādibhedaṃ vatthañca, gosappitilatelādibhedaṃ sappitelañca yāciya dhammena, ‘‘uddissa ariyā tiṭṭhanti, esā ariyāna yācanā’’ti evaṃ vuttena uddissaṭhānasaṅkhātena dhammena yācitvā, atha yo yaṃ icchati dātuṃ, tena taṃ dinnataṇḍulādiṃ samodhānetvā saṃkaḍḍhitvā. ‘‘Samudānetvā’’tipi pāṭho, ekoyevattho. Tato yaññamakappayunti tato gahetvā dānamakaṃsu .
๒๙๙. กโรนฺตา จ เอวเมตสฺมิํ อุปฎฺฐิตสฺมิํ ทานสงฺขาเต ยญฺญสฺมิํ นาสฺสุ คาโว หนิํสุ เต, น เต คาวิโย หนิํสุฯ คาวีมุเขน เจตฺถ สพฺพปาณา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ กิํการณา น หนิํสูติ? พฺรหฺมจริยาทิคุณยุตฺตตฺตาฯ อปิจ วิเสสโต ยถา มาตา…เป.… นาสฺสุ คาโว หนิํสุ เตฯ ตตฺถ ยาสุ ชายนฺติ โอสธาติ ยาสุ ปิตฺตาทีนํ เภสชฺชภูตา ปญฺจ โครสา ชายนฺติฯ
299. Karontā ca evametasmiṃ upaṭṭhitasmiṃ dānasaṅkhāte yaññasmiṃ nāssu gāvo haniṃsu te, na te gāviyo haniṃsu. Gāvīmukhena cettha sabbapāṇā vuttāti veditabbā. Kiṃkāraṇā na haniṃsūti? Brahmacariyādiguṇayuttattā. Apica visesato yathā mātā…pe… nāssu gāvo haniṃsu te. Tattha yāsu jāyanti osadhāti yāsu pittādīnaṃ bhesajjabhūtā pañca gorasā jāyanti.
๓๐๐. อนฺนทาติอาทีสุ ยสฺมา ปญฺจ โครเส ปริภุญฺชนฺตานํ ขุทา วูปสมฺมติ, พลํ วฑฺฒติ, ฉวิวโณฺณ วิปฺปสีทติ, กายิกมานสิกํ สุขํ อุปฺปชฺชติ , ตสฺมา อนฺนทา พลทา วณฺณทา สุขทา เจตาติ เวทิตพฺพาฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ
300.Annadātiādīsu yasmā pañca gorase paribhuñjantānaṃ khudā vūpasammati, balaṃ vaḍḍhati, chavivaṇṇo vippasīdati, kāyikamānasikaṃ sukhaṃ uppajjati , tasmā annadā baladā vaṇṇadā sukhadā cetāti veditabbā. Sesamettha uttānatthameva.
๓๐๑. เอวํ เต ยเญฺญสุ คาโว อหนนฺตา ปุญฺญปฺปภาวานุคฺคหิตสรีรา สุขุมาลา…เป.… สุขเมธิตฺถ ยํ ปชาฯ ตตฺถ สุขุมาลา มุทุตลุณหตฺถปาทาทิตาย, มหากายา อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา, วณฺณวโนฺต สุวณฺณวณฺณตาย สณฺฐานยุตฺตตาย จ, ยสสฺสิโน ลาภปริวารสมฺปทายฯ เสหิ ธเมฺมหีติ สเกหิ จาริเตฺตหิฯ กิจฺจากิเจฺจสุ อุสฺสุกาติ กิเจฺจสุ ‘‘อิทํ กาตพฺพํ’’, อกิเจฺจสุ ‘‘อิทํ น กาตพฺพ’’นฺติ อุสฺสุกฺกมาปนฺนา หุตฺวาติ อโตฺถฯ เอวํ เต โปราณา พฺราหฺมณา เอวรูปา หุตฺวา ทสฺสนียา ปสาทนียา โลกสฺส ปรมทกฺขิเณยฺยา อิมาย ปฎิปตฺติยา ยาว โลเก อวตฺติํสุ, ตาว วิคตอีติภยุปทฺทวา หุตฺวา นานปฺปการกํ สุขํ เอธิตฺถ ปาปุณิ, สุขํ วา เอธิตฺถ สุขํ วุฑฺฒิํ อคมาสิฯ อยํ ปชาติ สตฺตโลกํ นิทเสฺสติฯ
301. Evaṃ te yaññesu gāvo ahanantā puññappabhāvānuggahitasarīrā sukhumālā…pe… sukhamedhittha yaṃ pajā. Tattha sukhumālā mudutaluṇahatthapādāditāya, mahākāyā ārohapariṇāhasampattiyā, vaṇṇavanto suvaṇṇavaṇṇatāya saṇṭhānayuttatāya ca, yasassino lābhaparivārasampadāya. Sehi dhammehīti sakehi cārittehi. Kiccākiccesu ussukāti kiccesu ‘‘idaṃ kātabbaṃ’’, akiccesu ‘‘idaṃ na kātabba’’nti ussukkamāpannā hutvāti attho. Evaṃ te porāṇā brāhmaṇā evarūpā hutvā dassanīyā pasādanīyā lokassa paramadakkhiṇeyyā imāya paṭipattiyā yāva loke avattiṃsu, tāva vigataītibhayupaddavā hutvā nānappakārakaṃ sukhaṃ edhittha pāpuṇi, sukhaṃ vā edhittha sukhaṃ vuḍḍhiṃ agamāsi. Ayaṃ pajāti sattalokaṃ nidasseti.
๓๐๒-๓. กาลจฺจเยน ปน สมฺภินฺนมริยาทภาวํ อาปชฺชิตุกามานํ เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส…เป.… ภาคโส มิเตฯ ตตฺถ วิปลฺลาโสติ วิปรีตสญฺญาฯ อณุโต อณุนฺติ ลามกเฎฺฐน ปริตฺตเฎฺฐน อปฺปสฺสาทเฎฺฐน อณุภูตโต กามคุณโต อุปฺปนฺนํ ฌานสามญฺญนิพฺพานสุขานิ อุปนิธาย สงฺขฺยมฺปิ อนุปคมเนน อณุํ กามสุขํ, โลกุตฺตรสุขํ วา อุปนิธาย อณุภูตโต อตฺตนา ปฎิลทฺธโลกิยสมาปตฺติสุขโต อณุํ อปฺปกโตปิ อปฺปกํ กามสุขํ ทิสฺวาติ อธิปฺปาโยฯ ราชิโน จาติ รโญฺญ จฯ วิยาการนฺติ สมฺปตฺติํฯ อาชญฺญสํยุเตฺตติ อสฺสาชานียสํยุเตฺตฯ สุกเตติ ทารุกมฺมโลหกเมฺมน สุนิฎฺฐิเตฯ จิตฺตสิพฺพเนติ สีหจมฺมาทีหิ อลงฺกรณวเสน จิตฺรสิพฺพเนฯ นิเวสเนติ ฆรวตฺถูนิฯ นิเวเสติ ตตฺถ ปติฎฺฐาปิตฆรานิฯ วิภเตฺตติ อายามวิตฺถารวเสน วิภตฺตานิฯ ภาคโส มิเตติ องฺคณทฺวารปาสาทกูฎาคาราทิวเสน โกฎฺฐาสํ โกฎฺฐาสํ กตฺวา มิตานิฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? เตสํ พฺราหฺมณานํ อณุโต อณุสญฺญิตํ กามสุขญฺจ รโญฺญ พฺยาการญฺจ อลงฺกตนาริโย จ วุตฺตปฺปกาเร รเถ จ นิเวสเน นิเวเส จ ทิสฺวา ทุเกฺขสุเยว เอเตสุ วตฺถูสุ ‘‘สุข’’นฺติ ปวตฺตตฺตา ปุเพฺพ ปวตฺตเนกฺขมฺมสญฺญาวิปลฺลาสสงฺขาตา วิปรีตสญฺญา อาสิฯ
302-3. Kālaccayena pana sambhinnamariyādabhāvaṃ āpajjitukāmānaṃ tesaṃ āsi vipallāso…pe… bhāgaso mite. Tattha vipallāsoti viparītasaññā. Aṇuto aṇunti lāmakaṭṭhena parittaṭṭhena appassādaṭṭhena aṇubhūtato kāmaguṇato uppannaṃ jhānasāmaññanibbānasukhāni upanidhāya saṅkhyampi anupagamanena aṇuṃ kāmasukhaṃ, lokuttarasukhaṃ vā upanidhāya aṇubhūtato attanā paṭiladdhalokiyasamāpattisukhato aṇuṃ appakatopi appakaṃ kāmasukhaṃ disvāti adhippāyo. Rājino cāti rañño ca. Viyākāranti sampattiṃ. Ājaññasaṃyutteti assājānīyasaṃyutte. Sukateti dārukammalohakammena suniṭṭhite. Cittasibbaneti sīhacammādīhi alaṅkaraṇavasena citrasibbane. Nivesaneti gharavatthūni. Niveseti tattha patiṭṭhāpitagharāni. Vibhatteti āyāmavitthāravasena vibhattāni. Bhāgaso miteti aṅgaṇadvārapāsādakūṭāgārādivasena koṭṭhāsaṃ koṭṭhāsaṃ katvā mitāni. Kiṃ vuttaṃ hoti? Tesaṃ brāhmaṇānaṃ aṇuto aṇusaññitaṃ kāmasukhañca rañño byākārañca alaṅkatanāriyo ca vuttappakāre rathe ca nivesane nivese ca disvā dukkhesuyeva etesu vatthūsu ‘‘sukha’’nti pavattattā pubbe pavattanekkhammasaññāvipallāsasaṅkhātā viparītasaññā āsi.
๓๐๔. เต เอวํ วิปรีตสญฺญา หุตฺวา โคมณฺฑลปริพฺยูฬฺหํ…เป.… พฺราหฺมณาฯ ตตฺถ โคมณฺฑลปริพฺยูฬฺหนฺติ โคยูเถหิ ปริกิณฺณํฯ นารีวรคณายุตนฺติ วรนารีคณสํยุตฺตํฯ อุฬารนฺติ วิปุลํ ฯ มานุสํ โภคนฺติ มนุสฺสานํ นิเวสนาทิโภควตฺถุํฯ อภิชฺฌายิํสูติ ‘‘อโห วติทํ อมฺหากํ อสฺสา’’ติ ตณฺหํ วเฑฺฒตฺวา อภิปตฺถยมานา ฌายิํสุฯ
304. Te evaṃ viparītasaññā hutvā gomaṇḍalaparibyūḷhaṃ…pe… brāhmaṇā. Tattha gomaṇḍalaparibyūḷhanti goyūthehi parikiṇṇaṃ. Nārīvaragaṇāyutanti varanārīgaṇasaṃyuttaṃ. Uḷāranti vipulaṃ . Mānusaṃ bhoganti manussānaṃ nivesanādibhogavatthuṃ. Abhijjhāyiṃsūti ‘‘aho vatidaṃ amhākaṃ assā’’ti taṇhaṃ vaḍḍhetvā abhipatthayamānā jhāyiṃsu.
๓๐๕. เอวํ อภิชฺฌายนฺตา จ ‘‘เอเต มนุสฺสา สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุตฺตมณิอาภรณา ปญฺจหิ กามคุเณหิ ปริจาเรนฺติ, มยํ ปน เอวํ เตหิ นมสฺสิยมานาปิ เสทมลกิลิฎฺฐคตฺตา ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมา โภครหิตา ปรมการุญฺญตํ ปตฺตา วิหรามฯ เอเต จ หตฺถิกฺขนฺธอสฺสปิฎฺฐิสิวิกาสุวณฺณรถาทีหิ วิจรนฺติ, มยํ ปาเทหิฯ เอเต ทฺวิภูมิกาทิปาสาทตเลสุ วสนฺติ, มยํ อรญฺญรุกฺขมูลาทีสุฯ เอเต จ โคนกาทีหิ อตฺถรเณหิ อตฺถตาสุ วรเสยฺยาสุ สยนฺติ, มยํ ตฎฺฎิกาจมฺมขณฺฑาทีนิ อตฺถริตฺวา ภูมิยํฯ เอเต นานารสานิ โภชนานิ ภุญฺชนฺติ, มยํ อุญฺฉาจริยาย ยาเปมฯ กถํ นุ โข มยมฺปิ เอเตหิ สทิสา ภเวยฺยามา’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘ธนํ อิจฺฉิตพฺพํ, น สกฺกา ธนรหิเตหิ อยํ สมฺปตฺติ ปาปุณิตุ’’นฺติ จ อวธาเรตฺวา เวเท ภินฺทิตฺวา ธมฺมยุเตฺต ปุราณมเนฺต นาเสตฺวา อธมฺมยุเตฺต กูฎมเนฺต คเนฺถตฺวา ธนตฺถิกา โอกฺกากราชานมุปสงฺกมฺม โสตฺถิวจนาทีนิ ปยุญฺชิตฺวา ‘‘อมฺหากํ, มหาราช, พฺราหฺมณวํเส ปเวณิยา อาคตํ โปราณมนฺตปทํ อตฺถิ, ตํ มยํ อาจริยมุฎฺฐิตาย น กสฺสจิ ภณิมฺหา, ตํ มหาราชา โสตุมรหตี’’ติ จ วตฺวา อสฺสเมธาทิยญฺญํ วณฺณยิํสุฯ วณฺณยิตฺวา จ ราชานํ อุสฺสาเหนฺตา ‘‘ยช, มหาราช, เอวํ ปหูตธนธโญฺญ ตฺวํ, นตฺถิ เต ยญฺญสมฺภารเวกลฺลํ, เอวญฺหิ เต ยชโต สตฺตกุลปริวฎฺฎา สเคฺค อุปฺปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ อโวจุํฯ เตน เนสํ ตํ ปวตฺติํ ทเสฺสโนฺต อาห ภควา ‘‘เต ตตฺถ มเนฺต…เป.… พหุ เต ธน’’นฺติฯ
305. Evaṃ abhijjhāyantā ca ‘‘ete manussā sunhātā suvilittā kappitakesamassū āmuttamaṇiābharaṇā pañcahi kāmaguṇehi paricārenti, mayaṃ pana evaṃ tehi namassiyamānāpi sedamalakiliṭṭhagattā parūḷhakacchanakhalomā bhogarahitā paramakāruññataṃ pattā viharāma. Ete ca hatthikkhandhaassapiṭṭhisivikāsuvaṇṇarathādīhi vicaranti, mayaṃ pādehi. Ete dvibhūmikādipāsādatalesu vasanti, mayaṃ araññarukkhamūlādīsu. Ete ca gonakādīhi attharaṇehi atthatāsu varaseyyāsu sayanti, mayaṃ taṭṭikācammakhaṇḍādīni attharitvā bhūmiyaṃ. Ete nānārasāni bhojanāni bhuñjanti, mayaṃ uñchācariyāya yāpema. Kathaṃ nu kho mayampi etehi sadisā bhaveyyāmā’’ti cintetvā ‘‘dhanaṃ icchitabbaṃ, na sakkā dhanarahitehi ayaṃ sampatti pāpuṇitu’’nti ca avadhāretvā vede bhinditvā dhammayutte purāṇamante nāsetvā adhammayutte kūṭamante ganthetvā dhanatthikā okkākarājānamupasaṅkamma sotthivacanādīni payuñjitvā ‘‘amhākaṃ, mahārāja, brāhmaṇavaṃse paveṇiyā āgataṃ porāṇamantapadaṃ atthi, taṃ mayaṃ ācariyamuṭṭhitāya na kassaci bhaṇimhā, taṃ mahārājā sotumarahatī’’ti ca vatvā assamedhādiyaññaṃ vaṇṇayiṃsu. Vaṇṇayitvā ca rājānaṃ ussāhentā ‘‘yaja, mahārāja, evaṃ pahūtadhanadhañño tvaṃ, natthi te yaññasambhāravekallaṃ, evañhi te yajato sattakulaparivaṭṭā sagge uppajjissantī’’ti avocuṃ. Tena nesaṃ taṃ pavattiṃ dassento āha bhagavā ‘‘te tattha mante…pe… bahu te dhana’’nti.
ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ, ยํ โภคมภิชฺฌายิํสุ, ตนฺนิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ นิมิตฺตเตฺถ หิ เอตํ ภุมฺมวจนํฯ ตทุปาคมุนฺติ ตทา อุปาคมุํฯ ปหูตธนธโญฺญสีติ ปหูตธนธโญฺญ ภวิสฺสสิ, อภิสมฺปรายนฺติ อธิปฺปาโยฯ อาสํสายญฺหิ อนาคเตปิ วตฺตมานวจนํ อิจฺฉนฺติ สทฺทโกวิทาฯ ยชสฺสูติ ยชาหิฯ วิตฺตํ ธนนฺติ ชาตรูปาทิรตนเมว วิตฺติการณโต วิตฺตํ, สมิทฺธิการณโต ธนนฺติ วุตฺตํฯ อถ วา วิตฺตนฺติ วิตฺติการณภูตเมว อาภรณาทิ อุปกรณํ, ยํ ‘‘ปหูตวิตฺตูปกรโณ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๓๑) อาคจฺฉติฯ ธนนฺติ หิรญฺญสุวณฺณาทิฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? เต พฺราหฺมณา มเนฺต คเนฺถตฺวา ตทา โอกฺกากํ อุปาคมุํฯ กินฺติ? ‘‘มหาราช, พหู เต วิตฺตญฺจ ธนญฺจ, ยชสฺสุ, อายติมฺปิ ปหูตธนธโญฺญ ภวิสฺสสี’’ติฯ
Tattha tatthāti tasmiṃ, yaṃ bhogamabhijjhāyiṃsu, tannimittanti vuttaṃ hoti. Nimittatthe hi etaṃ bhummavacanaṃ. Tadupāgamunti tadā upāgamuṃ. Pahūtadhanadhaññosīti pahūtadhanadhañño bhavissasi, abhisamparāyanti adhippāyo. Āsaṃsāyañhi anāgatepi vattamānavacanaṃ icchanti saddakovidā. Yajassūti yajāhi. Vittaṃ dhananti jātarūpādiratanameva vittikāraṇato vittaṃ, samiddhikāraṇato dhananti vuttaṃ. Atha vā vittanti vittikāraṇabhūtameva ābharaṇādi upakaraṇaṃ, yaṃ ‘‘pahūtavittūpakaraṇo’’tiādīsu (dī. ni. 1.331) āgacchati. Dhananti hiraññasuvaṇṇādi. Kiṃ vuttaṃ hoti? Te brāhmaṇā mante ganthetvā tadā okkākaṃ upāgamuṃ. Kinti? ‘‘Mahārāja, bahū te vittañca dhanañca, yajassu, āyatimpi pahūtadhanadhañño bhavissasī’’ti.
๓๐๖. เอวํ การณํ วตฺวา สญฺญาเปเนฺตหิ ตโต จ ราชา…เป.… อทา ธนํฯ ตตฺถ สญฺญโตฺตติ ญาปิโตฯ รเถสโภติ มหารเถสุ ขตฺติเยสุ อกมฺปิยเฎฺฐน อุสภสทิโสฯ ‘‘อสฺสเมธ’’นฺติอาทีสุ อสฺสเมตฺถ เมธนฺตีติ อสฺสเมโธ, ทฺวีหิ ปริยเญฺญหิ ยชิตพฺพสฺส เอกวีสติยูปสฺส ฐเปตฺวา ภูมิญฺจ ปุริเส จ อวเสสสพฺพวิภวทกฺขิณสฺส ยญฺญเสฺสตํ อธิวจนํฯ ปุริสเมตฺถ เมธนฺตีติ ปุริสเมโธ, จตูหิ ปริยเญฺญหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธิํ ภูมิยา อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส ยญฺญเสฺสตํ อธิวจนํฯ สมฺมเมตฺถ ปาสนฺตีติ สมฺมาปาโส, ทิวเส ทิวเส สมฺมํ ขิปิตฺวา ตสฺส ปติโตกาเส เวทิํ กตฺวา สํหาริเมหิ ยูปาทีหิ สรสฺสตินทิยา นิมุโคฺคกาสโต ปภุติ ปฎิโลมํ คจฺฉเนฺตน ยชิตพฺพสฺส สตฺรยาคเสฺสตํ อธิวจนํฯ วาชเมตฺถ ปิวนฺตีติ วาชเปโยฺยฯ เอเกน ปริยเญฺญน สตฺตรสหิ ปสูหิ ยชิตพฺพสฺส เพลุวยูปสฺส สตฺตรสกทกฺขิณสฺส ยญฺญเสฺสตํ อธิวจนํฯ นตฺถิ เอตฺถ อคฺคฬาติ นิรคฺคโฬ, นวหิ ปริยเญฺญหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธิํ ภูมิยา จ ปุริเสหิ จ อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส สพฺพเมธปริยายนามสฺส อสฺสเมธวิกปฺปเสฺสตํ อธิวจนํฯ เสสเมตฺถ ปากฎเมวฯ
306. Evaṃ kāraṇaṃ vatvā saññāpentehi tato ca rājā…pe… adā dhanaṃ. Tattha saññattoti ñāpito. Rathesabhoti mahārathesu khattiyesu akampiyaṭṭhena usabhasadiso. ‘‘Assamedha’’ntiādīsu assamettha medhantīti assamedho, dvīhi pariyaññehi yajitabbassa ekavīsatiyūpassa ṭhapetvā bhūmiñca purise ca avasesasabbavibhavadakkhiṇassa yaññassetaṃ adhivacanaṃ. Purisamettha medhantīti purisamedho, catūhi pariyaññehi yajitabbassa saddhiṃ bhūmiyā assamedhe vuttavibhavadakkhiṇassa yaññassetaṃ adhivacanaṃ. Sammamettha pāsantīti sammāpāso, divase divase sammaṃ khipitvā tassa patitokāse vediṃ katvā saṃhārimehi yūpādīhi sarassatinadiyā nimuggokāsato pabhuti paṭilomaṃ gacchantena yajitabbassa satrayāgassetaṃ adhivacanaṃ. Vājamettha pivantīti vājapeyyo. Ekena pariyaññena sattarasahi pasūhi yajitabbassa beluvayūpassa sattarasakadakkhiṇassa yaññassetaṃ adhivacanaṃ. Natthi ettha aggaḷāti niraggaḷo, navahi pariyaññehi yajitabbassa saddhiṃ bhūmiyā ca purisehi ca assamedhe vuttavibhavadakkhiṇassa sabbamedhapariyāyanāmassa assamedhavikappassetaṃ adhivacanaṃ. Sesamettha pākaṭameva.
๓๐๗-๘. อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณานมทา ธน’’นฺติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘คาโว สยนญฺจา’’ติ คาถาทฺวยมาหฯ โส หิ ราชา ‘‘ทีฆรตฺตํ ลูขาหาเรน กิลนฺตา ปญฺจ โครเส ปริภุญฺชนฺตู’’ติ เนสํ สปุงฺควานิ โคยูถาเนว อทาสิ, ตถา ‘‘ทีฆรตฺตํ ถณฺฑิลสายิตาย ถูลสาฎกนิวาสเนน เอกเสยฺยาย ปาทจาเรน รุกฺขมูลาทิวาเสน จ กิลนฺตา โคนกาทิอตฺถตวรสยนาทีสุ สุขํ อนุโภนฺตู’’ติ เนสํ มหคฺฆานิ สยนาทีนิ จ อทาสิฯ เอวเมตํ นานปฺปการกํ อญฺญญฺจ หิรญฺญสุวณฺณาทิธนํ อทาสิฯ เตนาห ภควา – ‘‘คาโว สยนญฺจ วตฺถญฺจ…เป.… พฺราหฺมณานมทา ธน’’นฺติฯ
307-8. Idāni yaṃ vuttaṃ ‘‘brāhmaṇānamadā dhana’’nti, taṃ dassento ‘‘gāvo sayanañcā’’ti gāthādvayamāha. So hi rājā ‘‘dīgharattaṃ lūkhāhārena kilantā pañca gorase paribhuñjantū’’ti nesaṃ sapuṅgavāni goyūthāneva adāsi, tathā ‘‘dīgharattaṃ thaṇḍilasāyitāya thūlasāṭakanivāsanena ekaseyyāya pādacārena rukkhamūlādivāsena ca kilantā gonakādiatthatavarasayanādīsu sukhaṃ anubhontū’’ti nesaṃ mahagghāni sayanādīni ca adāsi. Evametaṃ nānappakārakaṃ aññañca hiraññasuvaṇṇādidhanaṃ adāsi. Tenāha bhagavā – ‘‘gāvo sayanañca vatthañca…pe… brāhmaṇānamadā dhana’’nti.
๓๐๙-๑๐. เอวํ ตสฺส รโญฺญ สนฺติกา เต จ ตตฺถ…เป.… ปุน มุปาคมุํฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ตสฺส รโญฺญ สนฺติกา เต พฺราหฺมณา เตสุ ยาเคสุ ธนํ ลภิตฺวา ทีฆรตฺตํ ทิวเส ทิวเส เอวเมว ฆาสจฺฉาทนํ ปริเยสิตฺวา นานปฺปการกํ วตฺถุกาม สนฺนิธิํ สมโรจยุํฯ ตโต เตสํ อิจฺฉาวติณฺณานํ ขีราทิปญฺจโครสสฺสาทวเสน รสตณฺหาย โอติณฺณจิตฺตานํ ‘‘ขีราทีนิปิ ตาว คุนฺนํ สาทูนิ, อทฺธา อิมาสํ มํสํ สาทุตรํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ มํสํ ปฎิจฺจ ภิโยฺย ตณฺหา ปวฑฺฒถฯ ตโต จิเนฺตสุํ – ‘‘สเจ มยํ มาเรตฺวา ขาทิสฺสาม, คารยฺหา ภวิสฺสาม, ยํนูน มเนฺต คเนฺถยฺยามา’’ติฯ อถ ปุนปิ เวทํ ภินฺทิตฺวา ตทนุรูเป เต ตตฺถ มเนฺต คเนฺถตฺวา เต พฺราหฺมณา ตนฺนิมิตฺตํ กูฎมเนฺต คเนฺถตฺวา โอกฺกากราชานํ ปุน อุปาคมิํสุฯ อิมมตฺถํ ภาสมานา ‘‘ยถา อาโป จ…เป.… พหุ เต ธน’’นฺติฯ
309-10. Evaṃ tassa rañño santikā te ca tattha…pe… puna mupāgamuṃ. Kiṃ vuttaṃ hoti? Tassa rañño santikā te brāhmaṇā tesu yāgesu dhanaṃ labhitvā dīgharattaṃ divase divase evameva ghāsacchādanaṃ pariyesitvā nānappakārakaṃ vatthukāma sannidhiṃsamarocayuṃ. Tato tesaṃ icchāvatiṇṇānaṃ khīrādipañcagorasassādavasena rasataṇhāya otiṇṇacittānaṃ ‘‘khīrādīnipi tāva gunnaṃ sādūni, addhā imāsaṃ maṃsaṃ sādutaraṃ bhavissatī’’ti evaṃ maṃsaṃ paṭicca bhiyyo taṇhā pavaḍḍhatha. Tato cintesuṃ – ‘‘sace mayaṃ māretvā khādissāma, gārayhā bhavissāma, yaṃnūna mante gantheyyāmā’’ti. Atha punapi vedaṃ bhinditvā tadanurūpe te tattha mante ganthetvā te brāhmaṇā tannimittaṃ kūṭamante ganthetvā okkākarājānaṃ puna upāgamiṃsu. Imamatthaṃ bhāsamānā ‘‘yathā āpo ca…pe… bahu te dhana’’nti.
กิํ วุตฺตํ โหติ? อมฺหากํ, มหาราช, มเนฺตสุ เอตทาคตํ ยถา อาโป หตฺถโธวนาทิสพฺพกิเจฺจสุ ปาณีนํ อุปโยคํ คจฺฉติ, นตฺถิ เตสํ ตโตนิทานํ ปาปํฯ กสฺมา? ยสฺมา ปริกฺขาโร โส หิ ปาณินํ, อุปกรณตฺถาย อุปฺปโนฺนติ อธิปฺปาโยฯ ยถา จายํ มหาปถวี คมนฎฺฐานาทิสพฺพกิเจฺจสุ กหาปณสงฺขาตํ หิรญฺญํ สุวณฺณรชตาทิเภทํ ธนํ, ยวโคธูมาทิเภทํ ธานิยญฺจ, สํโวหาราทิสพฺพกิเจฺจสุ อุปโยคํ คจฺฉติ, เอวํ คาโว มนุสฺสานํ สพฺพกิเจฺจสุ อุปโยคคมนตฺถาย อุปฺปนฺนาฯ ตสฺมา เอตา หนิตฺวา นานปฺปการเก ยาเค ยชสฺสุ พหุ เต วิตฺตํ, ยชสฺสุ พหุ เต ธนนฺติฯ
Kiṃ vuttaṃ hoti? Amhākaṃ, mahārāja, mantesu etadāgataṃ yathā āpo hatthadhovanādisabbakiccesu pāṇīnaṃ upayogaṃ gacchati, natthi tesaṃ tatonidānaṃ pāpaṃ. Kasmā? Yasmā parikkhāro so hi pāṇinaṃ, upakaraṇatthāya uppannoti adhippāyo. Yathā cāyaṃ mahāpathavī gamanaṭṭhānādisabbakiccesu kahāpaṇasaṅkhātaṃ hiraññaṃ suvaṇṇarajatādibhedaṃ dhanaṃ, yavagodhūmādibhedaṃ dhāniyañca, saṃvohārādisabbakiccesu upayogaṃ gacchati, evaṃ gāvo manussānaṃ sabbakiccesu upayogagamanatthāya uppannā. Tasmā etā hanitvā nānappakārake yāge yajassu bahu te vittaṃ, yajassu bahu te dhananti.
๓๑๑-๑๒. เอวํ ปุริมนเยเนว ตโต จ ราชา…เป.… อฆาตยิ, ยํ ตโต ปุเพฺพ กญฺจิ สตฺตํ น ปาทา…เป.… ฆาตยิฯ ตทา กิร พฺราหฺมณา ยญฺญาวาฎํ คาวีนํ ปูเรตฺวา มงฺคลอุสภํ พนฺธิตฺวา รโญฺญ มูลํ เนตฺวา ‘‘มหาราช, โคเมธยญฺญํ ยชสฺสุ, เอวํ เต พฺรหฺมโลกสฺส มโคฺค วิสุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ อาหํสุฯ ราชา กตมงฺคลกิโจฺจ ขคฺคํ คเหตฺวา ปุงฺคเวน สห อเนกสตสหสฺสา คาโว มาเรสิฯ พฺราหฺมณา ยญฺญาวาเฎ มํสานิ ฉินฺทิตฺวา ขาทิํสุ, ปีตโกทาตรตฺตกมฺพเล จ ปารุปิตฺวา มาเรสุํฯ ตทุปาทาย กิร คาโว ปารุเต ทิสฺวา อุพฺพิชฺชนฺติฯ เตนาห ภควา – ‘‘น ปาทา…เป.… ฆาตยี’’ติฯ
311-12. Evaṃ purimanayeneva tato ca rājā…pe… aghātayi, yaṃ tato pubbe kañci sattaṃ na pādā…pe… ghātayi. Tadā kira brāhmaṇā yaññāvāṭaṃ gāvīnaṃ pūretvā maṅgalausabhaṃ bandhitvā rañño mūlaṃ netvā ‘‘mahārāja, gomedhayaññaṃ yajassu, evaṃ te brahmalokassa maggo visuddho bhavissatī’’ti āhaṃsu. Rājā katamaṅgalakicco khaggaṃ gahetvā puṅgavena saha anekasatasahassā gāvo māresi. Brāhmaṇā yaññāvāṭe maṃsāni chinditvā khādiṃsu, pītakodātarattakambale ca pārupitvā māresuṃ. Tadupādāya kira gāvo pārute disvā ubbijjanti. Tenāha bhagavā – ‘‘na pādā…pe… ghātayī’’ti.
๓๑๓. ตโต เทวาติ เอวํ ตสฺมิํ ราชินิ คาวิโย ฆาเตตุมารเทฺธ อถ ตทนนฺตรเมว ตํ โคฆาตกํ ทิสฺวา เอเต จาตุมหาราชิกาทโย เทวา จ, ปิตโรติ พฺราหฺมเณสุ ลทฺธโวหารา พฺรหฺมาโน จ, สโกฺก เทวานมิโนฺท จ, ปพฺพตปาทนิวาสิโน ทานวยกฺขสญฺญิตา อสุรรกฺขสา จ ‘‘อธโมฺม อธโมฺม’’ติ เอวํ วาจํ นิจฺฉาเรนฺตา ‘‘ธิ มนุสฺสา, ธิ มนุสฺสา’’ติ จ วทนฺตา ปกฺกนฺทุํฯ เอวํ ภูมิโต ปภุติ โส สโทฺท มุหุเตฺตน ยาว พฺรหฺมโลกา อคมาสิ, เอกธิกฺการปริปุโณฺณ โลโก อโหสิฯ กิํ การณํ? ยํ สตฺถํ นิปตี คเว, ยสฺมา คาวิมฺหิ สตฺถํ นิปตีติ วุตฺตํ โหติฯ
313.Tato devāti evaṃ tasmiṃ rājini gāviyo ghātetumāraddhe atha tadanantarameva taṃ goghātakaṃ disvā ete cātumahārājikādayo devā ca, pitaroti brāhmaṇesu laddhavohārā brahmāno ca, sakko devānamindo ca, pabbatapādanivāsino dānavayakkhasaññitā asurarakkhasā ca ‘‘adhammo adhammo’’ti evaṃ vācaṃ nicchārentā ‘‘dhi manussā, dhi manussā’’ti ca vadantā pakkanduṃ. Evaṃ bhūmito pabhuti so saddo muhuttena yāva brahmalokā agamāsi, ekadhikkāraparipuṇṇo loko ahosi. Kiṃ kāraṇaṃ? Yaṃ satthaṃ nipatī gave, yasmā gāvimhi satthaṃ nipatīti vuttaṃ hoti.
๓๑๔. น เกวลญฺจ เทวาทโย ปกฺกนฺทุํ, อยมโญฺญปิ โลเก อนโตฺถ อุทปาทิ – เย หิ เต ตโย โรคา ปุเร อาสุํ, อิจฺฉา อนสนํ ชรา, กิญฺจิ กิญฺจิเทว ปตฺถนตณฺหา จ ขุทา จ ปริปากชรา จาติ วุตฺตํ โหติฯ เต ปสูนญฺจ สมารมฺภา, อฎฺฐานวุติมาคมุํ, จกฺขุโรคาทินา เภเทน อฎฺฐนวุติภาวํ ปาปุณิํสูติ อโตฺถฯ
314. Na kevalañca devādayo pakkanduṃ, ayamaññopi loke anattho udapādi – ye hi te tayo rogā pure āsuṃ, icchā anasanaṃ jarā, kiñci kiñcideva patthanataṇhā ca khudā ca paripākajarā cāti vuttaṃ hoti. Te pasūnañca samārambhā, aṭṭhānavutimāgamuṃ, cakkhurogādinā bhedena aṭṭhanavutibhāvaṃ pāpuṇiṃsūti attho.
๓๑๕. อิทานิ ภควา ตํ ปสุสมารมฺภํ นินฺทโนฺต อาห ‘‘เอโส อธโมฺม’’ติฯ ตสฺสโตฺถ เอโส ปสุสมารมฺภสงฺขาโต กายทณฺฑาทีนํ ติณฺณํ ทณฺฑานํ อญฺญตรทณฺฑภูโต ธมฺมโต อเปตตฺตา อธโมฺม โอกฺกโนฺต อหุ, ปวโตฺต อาสิ, โส จ โข ตโต ปภุติ ปวตฺตตฺตา ปุราโณ, ยสฺส โอกฺกมนโต ปภุติ เกนจิ ปาทาทินา อหิํสนโต อทูสิกาโย คาโว หญฺญนฺติฯ ยา ฆาเตนฺตา ธมฺมา ธํสนฺติ จวนฺติ ปริหายนฺติ ยาชกา ยญฺญยาชิโน ชนาติฯ
315. Idāni bhagavā taṃ pasusamārambhaṃ nindanto āha ‘‘eso adhammo’’ti. Tassattho eso pasusamārambhasaṅkhāto kāyadaṇḍādīnaṃ tiṇṇaṃ daṇḍānaṃ aññataradaṇḍabhūto dhammato apetattā adhammo okkanto ahu, pavatto āsi, so ca kho tato pabhuti pavattattā purāṇo, yassa okkamanato pabhuti kenaci pādādinā ahiṃsanato adūsikāyo gāvo haññanti. Yā ghātentā dhammā dhaṃsanti cavanti parihāyanti yājakā yaññayājino janāti.
๓๑๖. เอวเมโส อณุธโมฺมติ เอวํ เอโส ลามกธโมฺม หีนธโมฺม, อธโมฺมติ วุตฺตํ โหติฯ ยสฺมา วา เอตฺถ ทานธโมฺมปิ อปฺปโก อตฺถิ , ตสฺมา ตํ สนฺธายาห ‘‘อณุธโมฺม’’ติฯ โปราโณติ ตาว จิรกาลโต ปภุติ ปวตฺตตฺตา โปราโณฯ วิญฺญูหิ ปน ครหิตตฺตา วิญฺญูครหิโตติ เวทิตโพฺพฯ ยสฺมา จ วิญฺญุครหิโต, ตสฺมา ยตฺถ เอทิสกํ ปสฺสติ, ยาชกํ ครหตี ชโนฯ กถํ? ‘‘อพฺพุทํ พฺราหฺมเณหิ อุปฺปาทิตํ, คาโว วธิตฺวา มํสํ ขาทนฺตี’’ติ เอวมาทีนิ วตฺวาติ อยเมตฺถ อนุสฺสโวฯ
316.Evameso aṇudhammoti evaṃ eso lāmakadhammo hīnadhammo, adhammoti vuttaṃ hoti. Yasmā vā ettha dānadhammopi appako atthi , tasmā taṃ sandhāyāha ‘‘aṇudhammo’’ti. Porāṇoti tāva cirakālato pabhuti pavattattā porāṇo. Viññūhi pana garahitattā viññūgarahitoti veditabbo. Yasmā ca viññugarahito, tasmā yattha edisakaṃ passati, yājakaṃ garahatī jano. Kathaṃ? ‘‘Abbudaṃ brāhmaṇehi uppāditaṃ, gāvo vadhitvā maṃsaṃ khādantī’’ti evamādīni vatvāti ayamettha anussavo.
๓๑๗. เอวํ ธเมฺม วิยาปเนฺนติ เอวํ โปราเณ พฺราหฺมณธเมฺม นเฎฺฐฯ ‘‘วิยาวเตฺต’’ติปิ ปาโฐ, วิปริวตฺติตฺวา อญฺญถา ภูเตติ อโตฺถฯ วิภินฺนา สุทฺทเวสฺสิกาติ ปุเพฺพ สมคฺคา วิหรนฺตา สุทฺทา จ เวสฺสา จ เต วิภินฺนาฯ ปุถู วิภินฺนา ขตฺติยาติ ขตฺติยาปิ พหู อญฺญมญฺญํ ภินฺนาฯ ปติํ ภริยาวมญฺญถาติ ภริยา จ ฆราวาสตฺถํ อิสฺสริยพเล ฐปิตา ปุตฺตพลาทีหิ อุเปตา หุตฺวา ปติํ อวมญฺญถ, ปริภวิ อวมญฺญิ น สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐาสิฯ
317.Evaṃ dhamme viyāpanneti evaṃ porāṇe brāhmaṇadhamme naṭṭhe. ‘‘Viyāvatte’’tipi pāṭho, viparivattitvā aññathā bhūteti attho. Vibhinnā suddavessikāti pubbe samaggā viharantā suddā ca vessā ca te vibhinnā. Puthū vibhinnā khattiyāti khattiyāpi bahū aññamaññaṃ bhinnā. Patiṃ bhariyāvamaññathāti bhariyā ca gharāvāsatthaṃ issariyabale ṭhapitā puttabalādīhi upetā hutvā patiṃ avamaññatha, paribhavi avamaññi na sakkaccaṃ upaṭṭhāsi.
๓๑๘. เอวํ อญฺญมญฺญํ วิภินฺนา สมานา ขตฺติยา พฺรหฺมพนฺธู จ…เป.… กามานํ วสมนฺวคุนฺติฯ ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ เย จเญฺญ เวสฺสสุทฺทา ยถา สงฺกรํ นาปชฺชนฺติ, เอวํ อตฺตโน อตฺตโน โคเตฺตน รกฺขิตตฺตา โคตฺตรกฺขิตาฯ เต สเพฺพปิ ตํ ชาติวาทํ นิรํกตฺวา, ‘‘อหํ ขตฺติโย, อหํ พฺราหฺมโณ’’ติ เอตํ สพฺพมฺปิ นาเสตฺวา ปญฺจกามคุณสงฺขาตานํ กามานํ วสํ อนฺวคุํ อาสตฺตํ ปาปุณิํสุ, กามเหตุ น กิญฺจิ อกตฺตพฺพํ นากํสูติ วุตฺตํ โหติฯ
318. Evaṃ aññamaññaṃ vibhinnā samānā khattiyā brahmabandhū ca…pe… kāmānaṃ vasamanvagunti. Khattiyā ca brāhmaṇā ca ye caññe vessasuddā yathā saṅkaraṃ nāpajjanti, evaṃ attano attano gottena rakkhitattā gottarakkhitā. Te sabbepi taṃ jātivādaṃ niraṃkatvā, ‘‘ahaṃ khattiyo, ahaṃ brāhmaṇo’’ti etaṃ sabbampi nāsetvā pañcakāmaguṇasaṅkhātānaṃ kāmānaṃ vasaṃ anvaguṃ āsattaṃ pāpuṇiṃsu, kāmahetu na kiñci akattabbaṃ nākaṃsūti vuttaṃ hoti.
เอวเมตฺถ ภควา ‘‘อิสโย ปุพฺพกา’’ติอาทีหิ นวหิ คาถาหิ โปราณานํ พฺราหฺมณานํ วณฺณํ ภาสิตฺวา ‘‘โย เนสํ ปรโม’’ติ คาถาย พฺรหฺมสมํ, ‘‘ตสฺส วตฺตมนุสิกฺขนฺตา’’ติ คาถาย เทวสมํ, ‘‘ตณฺฑุลํ สยน’’นฺติอาทิกาหิ จตูหิ คาถาหิ มริยาทํ, ‘‘เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส’’ติอาทีหิ สตฺตรสหิ คาถาหิ สมฺภินฺนมริยาทํ, ตสฺส วิปฺปฎิปตฺติยา เทวาทีนํ ปกฺกนฺทนาทิทีปนตฺถญฺจ ทเสฺสตฺวา เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ พฺราหฺมณจณฺฑาโล ปน อิธ อวุโตฺตเยวฯ กสฺมา? ยสฺมา วิปตฺติยา อการณํฯ พฺราหฺมณธมฺมสมฺปตฺติยา หิ พฺรหฺมสมเทวสมมริยาทา การณํ โหนฺติ, วิปตฺติยา สมฺภินฺนมริยาโทฯ อยํ ปน โทณสุเตฺต (อ. นิ. ๕.๑๙๒) วุตฺตปฺปกาโร พฺราหฺมณจณฺฑาโล พฺราหฺมณธมฺมวิปตฺติยาปิ อการณํฯ กสฺมา? วิปเนฺน ธเมฺม อุปฺปนฺนตฺตาฯ ตสฺมา ตํ อทเสฺสตฺวาว เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ เอตรหิ ปน โสปิ พฺราหฺมณจณฺฑาโล ทุลฺลโภฯ เอวมยํ พฺราหฺมณานํ ธโมฺม วินโฎฺฐฯ เตเนวาห โทโณ พฺราหฺมโณ – ‘‘เอวํ สเนฺต มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณจณฺฑาลมฺปิ น ปูเรมา’’ติฯ เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมวฯ
Evamettha bhagavā ‘‘isayo pubbakā’’tiādīhi navahi gāthāhi porāṇānaṃ brāhmaṇānaṃ vaṇṇaṃ bhāsitvā ‘‘yo nesaṃ paramo’’ti gāthāya brahmasamaṃ, ‘‘tassa vattamanusikkhantā’’ti gāthāya devasamaṃ, ‘‘taṇḍulaṃ sayana’’ntiādikāhi catūhi gāthāhi mariyādaṃ, ‘‘tesaṃ āsi vipallāso’’tiādīhi sattarasahi gāthāhi sambhinnamariyādaṃ, tassa vippaṭipattiyā devādīnaṃ pakkandanādidīpanatthañca dassetvā desanaṃ niṭṭhāpesi. Brāhmaṇacaṇḍālo pana idha avuttoyeva. Kasmā? Yasmā vipattiyā akāraṇaṃ. Brāhmaṇadhammasampattiyā hi brahmasamadevasamamariyādā kāraṇaṃ honti, vipattiyā sambhinnamariyādo. Ayaṃ pana doṇasutte (a. ni. 5.192) vuttappakāro brāhmaṇacaṇḍālo brāhmaṇadhammavipattiyāpi akāraṇaṃ. Kasmā? Vipanne dhamme uppannattā. Tasmā taṃ adassetvāva desanaṃ niṭṭhāpesi. Etarahi pana sopi brāhmaṇacaṇḍālo dullabho. Evamayaṃ brāhmaṇānaṃ dhammo vinaṭṭho. Tenevāha doṇo brāhmaṇo – ‘‘evaṃ sante mayaṃ, bho gotama, brāhmaṇacaṇḍālampi na pūremā’’ti. Sesamettha vuttanayameva.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย
Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya
สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttanipāta-aṭṭhakathāya brāhmaṇadhammikasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๗. พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตํ • 7. Brāhmaṇadhammikasuttaṃ