Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๘. พฺราหฺมณราชวาทปโญฺห
8. Brāhmaṇarājavādapañho
๘. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ตถาคเตน ‘อหมสฺมิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ยาจโยโค’ติฯ ปุน จ ภณิตํ ‘ราชาหมสฺมิ เสลา’ติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘อหมสฺมิ, ภิกฺขเว , พฺราหฺมโณ ยาจโยโค’ติ, เตน หิ ‘ราชาหมสฺมิ เสลา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘ราชาหมสฺมิ เสลา’ติ, เตน หิ ‘อหมสฺมิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ยาจโยโค’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ ขตฺติโย วา หิ ภเวยฺย พฺราหฺมโณ วา, นตฺถิ เอกาย ชาติยา เทฺว วณฺณา นาม, อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
8. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ tathāgatena ‘ahamasmi, bhikkhave, brāhmaṇo yācayogo’ti. Puna ca bhaṇitaṃ ‘rājāhamasmi selā’ti. Yadi, bhante nāgasena, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘ahamasmi, bhikkhave , brāhmaṇo yācayogo’ti, tena hi ‘rājāhamasmi selā’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi tathāgatena bhaṇitaṃ ‘rājāhamasmi selā’ti, tena hi ‘ahamasmi, bhikkhave, brāhmaṇo yācayogo’ti tampi vacanaṃ micchā. Khattiyo vā hi bhaveyya brāhmaṇo vā, natthi ekāya jātiyā dve vaṇṇā nāma, ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา ‘อหมสฺมิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ยาจโยโค’ติ, ปุน จ ภณิตํ ‘ราชาหมสฺมิ เสลา’ติ, ตตฺถ การณํ อตฺถิ, เยน การเณน ตถาคโต พฺราหฺมโณ จ ราชา จ โหตี’’ติฯ
‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā ‘ahamasmi, bhikkhave, brāhmaṇo yācayogo’ti, puna ca bhaṇitaṃ ‘rājāhamasmi selā’ti, tattha kāraṇaṃ atthi, yena kāraṇena tathāgato brāhmaṇo ca rājā ca hotī’’ti.
‘‘กิํ ปน ตํ, ภเนฺต นาคเสน, การณํ, เยน การเณน ตถาคโต พฺราหฺมโณ จ ราชา จ โหติ’’? ‘‘สเพฺพ, มหาราช, ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ตถาคตสฺส พาหิตา ปหีนา อปคตา พฺยปคตา อุจฺฉินฺนา ขีณา ขยํ ปตฺตา นิพฺพุตา อุปสนฺตา, ตสฺมา ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติฯ
‘‘Kiṃ pana taṃ, bhante nāgasena, kāraṇaṃ, yena kāraṇena tathāgato brāhmaṇo ca rājā ca hoti’’? ‘‘Sabbe, mahārāja, pāpakā akusalā dhammā tathāgatassa bāhitā pahīnā apagatā byapagatā ucchinnā khīṇā khayaṃ pattā nibbutā upasantā, tasmā tathāgato ‘brāhmaṇo’ti vuccati.
‘‘พฺราหฺมโณ นาม สํสยมเนกํสํ วิมติปถํ วีติวโตฺต, ภควาปิ, มหาราช, สํสยมเนกํสํ วิมติปถํ วีติวโตฺต, เตน การเณน ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติฯ
‘‘Brāhmaṇo nāma saṃsayamanekaṃsaṃ vimatipathaṃ vītivatto, bhagavāpi, mahārāja, saṃsayamanekaṃsaṃ vimatipathaṃ vītivatto, tena kāraṇena tathāgato ‘brāhmaṇo’ti vuccati.
‘‘พฺราหฺมโณ นาม สพฺพภวคติโยนินิสฺสโฎ มลรชคตวิปฺปมุโตฺต อสหาโย, ภควาปิ, มหาราช, สพฺพภวคติโยนินิสฺสโฎ มลรชคตวิปฺปมุโตฺต อสหาโย, เตน การเณน ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติฯ
‘‘Brāhmaṇo nāma sabbabhavagatiyoninissaṭo malarajagatavippamutto asahāyo, bhagavāpi, mahārāja, sabbabhavagatiyoninissaṭo malarajagatavippamutto asahāyo, tena kāraṇena tathāgato ‘brāhmaṇo’ti vuccati.
‘‘พฺราหฺมณา นาม อคฺคเสฎฺฐวรปวรทิพฺพวิหารพหุโล, ภควาปิ, มหาราช, อคฺคเสฎฺฐวรปวรทิพฺพวิหารพหุโล, เตนาปิ กปรเณน ตถาคโต ‘‘พฺราหฺมโณ’’ติ วุจฺจติฯ
‘‘Brāhmaṇā nāma aggaseṭṭhavarapavaradibbavihārabahulo, bhagavāpi, mahārāja, aggaseṭṭhavarapavaradibbavihārabahulo, tenāpi kaparaṇena tathāgato ‘‘brāhmaṇo’’ti vuccati.
‘‘พฺราหฺมโณ นาม อชฺฌยน อชฺฌาปน ทานปฺปฎิคฺคหณ ทม สํยมนิยมปุพฺพมนุสิฎฺฐิ ปเวณิ วํส ธรโณ, ภควาปิ, มหาราช, อชฺฌยน อชฺฌาปน ทานปฺปฎิคฺคหณ ทม สํยม นิยม ปุพฺพชินาจิณฺณ อนุสิฎฺฐิ ปเวณิ วํส ธรโณ เตนาปิ การเณน ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติฯ
‘‘Brāhmaṇo nāma ajjhayana ajjhāpana dānappaṭiggahaṇa dama saṃyamaniyamapubbamanusiṭṭhi paveṇi vaṃsa dharaṇo, bhagavāpi, mahārāja, ajjhayana ajjhāpana dānappaṭiggahaṇa dama saṃyama niyama pubbajināciṇṇa anusiṭṭhi paveṇi vaṃsa dharaṇo tenāpi kāraṇena tathāgato ‘brāhmaṇo’ti vuccati.
‘‘พฺราหฺมโณ นาม พฺรหาสุขวิหารชฺฌานฌายี; ภควาปิ, มหาราช, พฺรหาสุขวิหารชฺฌานฌายี, เตนาปิ การเณน ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติฯ
‘‘Brāhmaṇo nāma brahāsukhavihārajjhānajhāyī; bhagavāpi, mahārāja, brahāsukhavihārajjhānajhāyī, tenāpi kāraṇena tathāgato ‘brāhmaṇo’ti vuccati.
‘‘พฺราหฺมโณ นาม สพฺพภวาภวคตีสุ อภิชาติวตฺติตมนุจริตํ ชานาติ, ภควาปิ, มหาราช, สพฺพภวาภวคตีสุ อภิชาติวตฺติตมนุจริตํ ชานาติ, เตนาปิ การเณน ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติฯ
‘‘Brāhmaṇo nāma sabbabhavābhavagatīsu abhijātivattitamanucaritaṃ jānāti, bhagavāpi, mahārāja, sabbabhavābhavagatīsu abhijātivattitamanucaritaṃ jānāti, tenāpi kāraṇena tathāgato ‘brāhmaṇo’ti vuccati.
‘‘พฺราหฺมโณติ, มหาราช, ภควโต เนตํ นามํ มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามเจฺจหิ กตํ, น ญาติสาโลหิเตหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ นามํ โพธิยา เยว มูเล มารเสนํ วิธมิตฺวา อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺน ปาปเก อกุสเล ธเมฺม พาเหตฺวา สห สพฺพญฺญุตญาณสฺส ปฎิลาภา ปฎิลทฺธปาตุภูตสมุปฺปนฺนมเตฺต สจฺฉิกา ปญฺญตฺติ ยทิทํ พฺราหฺมโณติ, เตน การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘พฺราหฺมโณ’’’ติฯ
‘‘Brāhmaṇoti, mahārāja, bhagavato netaṃ nāmaṃ mātarā kataṃ, na pitarā kataṃ, na bhātarā kataṃ, na bhaginiyā kataṃ, na mittāmaccehi kataṃ, na ñātisālohitehi kataṃ, na samaṇabrāhmaṇehi kataṃ, na devatāhi kataṃ, vimokkhantikametaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ nāmaṃ bodhiyā yeva mūle mārasenaṃ vidhamitvā atītānāgatapaccuppanne pāpake akusale dhamme bāhetvā saha sabbaññutañāṇassa paṭilābhā paṭiladdhapātubhūtasamuppannamatte sacchikā paññatti yadidaṃ brāhmaṇoti, tena kāraṇena tathāgato vuccati ‘brāhmaṇo’’’ti.
‘‘เกน ปน, ภเนฺต นาคเสน, การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’’’ติ? ‘‘ราชา นาม, มหาราช, โย โกจิ รชฺชํ กาเรติ โลกมนุสาสติ, ภควาปิ, มหาราช, ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรติ, สเทวกํ โลกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ อนุสาสติ, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติฯ
‘‘Kena pana, bhante nāgasena, kāraṇena tathāgato vuccati ‘rājā’’’ti? ‘‘Rājā nāma, mahārāja, yo koci rajjaṃ kāreti lokamanusāsati, bhagavāpi, mahārāja, dasasahassiyā lokadhātuyā dhammena rajjaṃ kāreti, sadevakaṃ lokaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ anusāsati, tenāpi kāraṇena tathāgato vuccati ‘rājā’ti.
‘‘ราชา นาม, มหาราช, สพฺพชนมนุเสฺส อภิภวิตฺวา นนฺทยโนฺต ญาติสงฺฆํ, โสจยโนฺต อมิตฺตสงฺฆํ, มหติมหายสสิริหรํ ถิรสารทณฺฑํ อนูนสตสลากาลงฺกตํ อุสฺสาเปติ ปณฺฑรวิมลเสตจฺฉตฺตํ, ภควาปิ, มหาราช, โสจยโนฺต มารเสนํ มิจฺฉาปฎิปนฺนํ, นนฺทยโนฺต เทวมนุเสฺส สมฺมาปฎิปเนฺน ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา มหติมหายสสิริหรํ ขนฺติถิรสารทณฺฑํ ญาณวรสตสลากาลงฺกตํ อุสฺสาเปติ อคฺควรวิมุตฺติปณฺฑรวิมลเสตจฺฉตฺตํ, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติฯ
‘‘Rājā nāma, mahārāja, sabbajanamanusse abhibhavitvā nandayanto ñātisaṅghaṃ, socayanto amittasaṅghaṃ, mahatimahāyasasiriharaṃ thirasāradaṇḍaṃ anūnasatasalākālaṅkataṃ ussāpeti paṇḍaravimalasetacchattaṃ, bhagavāpi, mahārāja, socayanto mārasenaṃ micchāpaṭipannaṃ, nandayanto devamanusse sammāpaṭipanne dasasahassiyā lokadhātuyā mahatimahāyasasiriharaṃ khantithirasāradaṇḍaṃ ñāṇavarasatasalākālaṅkataṃ ussāpeti aggavaravimuttipaṇḍaravimalasetacchattaṃ, tenāpi kāraṇena tathāgato vuccati ‘rājā’ti.
‘‘ราชา นาม อุปคตสมฺปตฺตชนานํ พหูนมภิวนฺทนีโย ภวติ, ภควาปิ, มหาราช, อุปคตสมฺปตฺตเทวมนุสฺสานํ พหูนมภิวนฺทนีโย, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติฯ
‘‘Rājā nāma upagatasampattajanānaṃ bahūnamabhivandanīyo bhavati, bhagavāpi, mahārāja, upagatasampattadevamanussānaṃ bahūnamabhivandanīyo, tenāpi kāraṇena tathāgato vuccati ‘rājā’ti.
‘‘ราชา นาม ยสฺส กสฺสจิ อาราธกสฺส ปสีทิตฺวา วริตํ วรํ ทตฺวา กาเมน ตปฺปยติ, ภควาปิ, มหาราช, ยสฺส กสฺสจิ กาเยน วาจาย มนสา อาราธกสฺส ปสีทิตฺวา วริตํ วรมนุตฺตรํ สพฺพทุกฺขปริมุตฺติํ ทตฺวา อเสสกามวเรน จ ตปฺปยติ, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติฯ
‘‘Rājā nāma yassa kassaci ārādhakassa pasīditvā varitaṃ varaṃ datvā kāmena tappayati, bhagavāpi, mahārāja, yassa kassaci kāyena vācāya manasā ārādhakassa pasīditvā varitaṃ varamanuttaraṃ sabbadukkhaparimuttiṃ datvā asesakāmavarena ca tappayati, tenāpi kāraṇena tathāgato vuccati ‘rājā’ti.
‘‘ราชา นาม อาณํ วีติกฺกมนฺตํ วิครหติ ฌาเปติ 1 ธํเสติ, ภควโตปิ, มหาราช, สาสนวเร อาณํ อติกฺกมโนฺต อลชฺชี มงฺกุภาเวน โอญฺญาโต หีฬิโต ครหิโต ภวิตฺวา วชฺชติ ชินสาสนวรมฺหา, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติฯ
‘‘Rājā nāma āṇaṃ vītikkamantaṃ vigarahati jhāpeti 2 dhaṃseti, bhagavatopi, mahārāja, sāsanavare āṇaṃ atikkamanto alajjī maṅkubhāvena oññāto hīḷito garahito bhavitvā vajjati jinasāsanavaramhā, tenāpi kāraṇena tathāgato vuccati ‘rājā’ti.
‘‘ราชา นาม ปุพฺพกานํ ธมฺมิกานํ ราชูนํ ปเวณิมนุสิฎฺฐิยา ธมฺมาธมฺมมนุทีปยิตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ การยมาโน ปิหยิโต ปิโย ปตฺถิโต ภวติ ชนมนุสฺสานํ, จิรํ ราชกุลวํสํ ฐปยติ ธมฺมคุณพเลน, ภควาปิ, มหาราช, ปุพฺพกานํ สยมฺภูนํ ปเวณิมนุสิฎฺฐิยา ธมฺมาธมฺมมนุทีปยิตฺวา ธเมฺมน โลกมนุสาสมาโน ปิหยิโต ปิโย ปตฺถิโต เทวมนุสฺสานํ จิรํ สาสนํ ปวเตฺตติ ธมฺมคุณพเลน, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติฯ เอวมเนกวิธํ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน ตถาคโต พฺราหฺมโณปิ ภเวยฺย ราชาปิ ภเวยฺย, สุนิปุโณ ภิกฺขุ กปฺปมฺปิ โน นํ สมฺปาเทยฺย, กิํ อติพหุํ ภณิเตน, สํขิตฺตํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพ’’นฺติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Rājā nāma pubbakānaṃ dhammikānaṃ rājūnaṃ paveṇimanusiṭṭhiyā dhammādhammamanudīpayitvā dhammena rajjaṃ kārayamāno pihayito piyo patthito bhavati janamanussānaṃ, ciraṃ rājakulavaṃsaṃ ṭhapayati dhammaguṇabalena, bhagavāpi, mahārāja, pubbakānaṃ sayambhūnaṃ paveṇimanusiṭṭhiyā dhammādhammamanudīpayitvā dhammena lokamanusāsamāno pihayito piyo patthito devamanussānaṃ ciraṃ sāsanaṃ pavatteti dhammaguṇabalena, tenāpi kāraṇena tathāgato vuccati ‘rājā’ti. Evamanekavidhaṃ, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena tathāgato brāhmaṇopi bhaveyya rājāpi bhaveyya, sunipuṇo bhikkhu kappampi no naṃ sampādeyya, kiṃ atibahuṃ bhaṇitena, saṃkhittaṃ sampaṭicchitabba’’nti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
พฺราหฺมณราชวาทปโญฺห อฎฺฐโมฯ
Brāhmaṇarājavādapañho aṭṭhamo.
Footnotes: