Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๙. พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺตวณฺณนา

    9. Brahmanimantanikasuttavaṇṇanā

    ๕๐๑. ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๐) เอวํ ปวตฺตา ทิฎฺฐิ สสฺสตทิฎฺฐิ (สํ. นิ. ฎี. ๑.๑.๑๗๕)ฯ สห กาเยนาติ สห เตน พฺรหฺมตฺตภาเวนฯ พฺรหฺมฎฺฐานนฺติ อตฺตโน พฺรหฺมวตฺถุํฯ ‘‘อนิจฺจํ นิจฺจ’’นฺติ วทติ อนิจฺจตาย อตฺตโน อปญฺญายมานตฺตาฯ ถิรนฺติ ทฬฺหํ, วินาสาภาวโต สารภูตนฺติ อโตฺถฯ อุปฺปาทวิปริณามาภาวโต สทา วิชฺชมานํฯ เกวลนฺติ ปริปุณฺณํฯ เตนาห ‘‘อขณฺฑ’’นฺติฯ เกวลนฺติ วา ชาติอาทีหิ อมิสฺสํ, วิรหิตนฺติ อธิปฺปาโยฯ อุปฺปาทาทีนํ อภาวโต เอว อจวนธมฺมํฯ โกจิ ชายนโก วา…เป.… อุปปชฺชนโก วา นตฺถิ นิจฺจภาวโตฯ ฐาเนน สทฺธิํ ตนฺนิวาสีนํ นิจฺจภาวญฺหิ โส ปฎิชานาติฯ ติโสฺส ฌานภูมิโยติ ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานภูมิโยฯ จตุตฺถชฺฌานภูมิวิเสสา หิ อสญฺญสุทฺธาวาสารุปฺปภวาฯ ปฎิพาหตีติ สนฺตํเยว สมานํ อชานโนฺตว นตฺถีติ ปฎิกฺขิปติฯ อวิชฺชาย คโตติ อวิชฺชาย สห คโต ปวโตฺตฯ สหโยเค หิ อิทํ กรณวจนํฯ เตนาห ‘‘สมนฺนาคโต’’ติฯ อญฺญาณีติ อวิทฺวาฯ ปญฺญาจกฺขุวิรหโต อโนฺธ ภูโต, อนฺธภาวํ วา ปโตฺตติ อนฺธีภูโต

    501. ‘‘Sassato attā ca loko cā’’ti (dī. ni. 1.30) evaṃ pavattā diṭṭhi sassatadiṭṭhi (saṃ. ni. ṭī. 1.1.175). Saha kāyenāti saha tena brahmattabhāvena. Brahmaṭṭhānanti attano brahmavatthuṃ. ‘‘Aniccaṃ nicca’’nti vadati aniccatāya attano apaññāyamānattā. Thiranti daḷhaṃ, vināsābhāvato sārabhūtanti attho. Uppādavipariṇāmābhāvato sadā vijjamānaṃ. Kevalanti paripuṇṇaṃ. Tenāha ‘‘akhaṇḍa’’nti. Kevalanti vā jātiādīhi amissaṃ, virahitanti adhippāyo. Uppādādīnaṃ abhāvato eva acavanadhammaṃ. Koci jāyanako vā…pe… upapajjanako vā natthi niccabhāvato. Ṭhānena saddhiṃ tannivāsīnaṃ niccabhāvañhi so paṭijānāti. Tisso jhānabhūmiyoti dutiyatatiyacatutthajjhānabhūmiyo. Catutthajjhānabhūmivisesā hi asaññasuddhāvāsāruppabhavā. Paṭibāhatīti santaṃyeva samānaṃ ajānantova natthīti paṭikkhipati. Avijjāya gatoti avijjāya saha gato pavatto. Sahayoge hi idaṃ karaṇavacanaṃ. Tenāha ‘‘samannāgato’’ti. Aññāṇīti avidvā. Paññācakkhuvirahato andho bhūto, andhabhāvaṃ vā pattoti andhībhūto.

    ๕๐๒. ตทา ภควโต สุภควเน วิหรณสฺส อวิจฺฉินฺนตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สุภควเน วิหรตีติ ญตฺวา’’ติฯ ตตฺถ ปน ตทาสฺส ภควโต อทสฺสนํ สนฺธายาห ‘‘กตฺถ นุ โข คโตติ โอโลเกโนฺต’’ติฯ พฺรหฺมโลกํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวาติ อิมินา กติปยจิตฺตวารวเสน ตทา ภควโต พฺรหฺมโลกคมนํ ชาตํ, น เอกจิตฺตกฺขเณนาติ ทเสฺสติฯ น เจตฺถ กายคติยา จิตฺตปริณามนํ อธิเปฺปตํ – ‘‘เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺยา’’ติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๑.๕๐๑)ฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ วิฉนฺทนฺติ ฉนฺทวิคมํฯ อปสาทิโตติ ทิฎฺฐิยา คาหสฺส วิปริวตฺตเนน สนฺตชฺชิโตฯ ‘‘เมตมาสโท’’ติ วจเนน อุปตฺถโมฺภ หุตฺวา

    502. Tadā bhagavato subhagavane viharaṇassa avicchinnataṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘subhagavane viharatīti ñatvā’’ti. Tattha pana tadāssa bhagavato adassanaṃ sandhāyāha ‘‘kattha nu kho gatoti olokento’’ti. Brahmalokaṃ gacchantaṃ disvāti iminā katipayacittavāravasena tadā bhagavato brahmalokagamanaṃ jātaṃ, na ekacittakkhaṇenāti dasseti. Na cettha kāyagatiyā cittapariṇāmanaṃ adhippetaṃ – ‘‘seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyyā’’tiādivacanato (ma. ni. 1.501). Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Vichandanti chandavigamaṃ. Apasāditoti diṭṭhiyā gāhassa viparivattanena santajjito. ‘‘Metamāsado’’ti vacanena upatthambho hutvā.

    อนฺวาวิสิตฺวาติ อาวิสนวเสน ตสฺส อตฺตภาวํ อธิภวิตฺวาฯ ตถา อภิภวโต หิ ตสฺส สรีรํ ปวิโฎฺฐ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สรีรํ ปวิสิตฺวา’’ติฯ ยญฺหิ สตฺตํ เทวยกฺขนาคาทโย อาวิสนฺติ, ตสฺส ปากติกกิริยมยํ จิตฺตปฺปวตฺติํ นิวาเรตฺวา อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน ยํ อิจฺฉิตํ หสิตลปิตาทิ, ตํ เตน การาเปนฺติ, กาเรนฺตา จ อาวิฎฺฐปุคฺคลสฺส จิตฺตวเสน กาเรนฺติฯ ‘‘อตฺตโนวา’’ติ น วตฺตพฺพเมตํ อจิเนฺตยฺยตฺตา กมฺมชสฺส อิทฺธานุภาวสฺสาติ เกจิฯ อปเร ปน ยถา ตทา จกฺขุวิญฺญาณาทิปวตฺติ อาวิฎฺฐปุคฺคลเสฺสว, เอวํ กิริยมยจิตฺตปวตฺติปิ ตเสฺสว, อาเวสกานุภาเวน ปน สามญฺญตา ปริวตฺตติฯ ตถา หิ มหานุภาวํ ปุคฺคลํ เต อาวิสิตุํ น สโกฺกนฺติ, ติกิจฺฉาวุฎฺฐาปเน ปน ฉวสรีรํ อนุปวิสิตฺวา สตนฺตํ กโรติ วิชฺชานุภาเวนฯ โกรขตฺติยาทีนํ ปน ฉวสรีรสฺส อุฎฺฐานํ วจีนิจฺฉารณญฺจ เกวลํ พุทฺธานุภาเวนฯ อจิเนฺตยฺยา หิ พุทฺธานํ พุทฺธานุภาวาติฯ อภิภวิตฺวา ฐิโตติ สกลโลกํ อตฺตโน อานุภาเวน อภิภวิตฺวา ฐิโตฯ เชฎฺฐโกติ ปธาโน, ตาทิสํ วา อานุภาวสมฺปนฺนตฺตา อุตฺตโมฯ ปสฺสตีติ ทโสฯ วิเสสวจนิจฺฉาย อภาวโต อนวเสสวิสโย ทโส-สโทฺทติ อาห ‘‘สพฺพํ ปสฺสตี’’ติฯ สพฺพชนนฺติ ลทฺธนามํ สพฺพสตฺตกายํฯ วเส วเตฺตติ, เสฎฺฐตฺตา นิมฺมาปกตฺตา จ อตฺตโน วเส วเตฺตติฯ โลกสฺส อีสนสีลตาย อิสฺสโรฯ สตฺตานํ กมฺมสฺส การกภาเวน กตฺตาฯ ถาวรชงฺคมวิภาคํ สกลํ โลกํ นิมฺมาเนตีติ นิมฺมาตา

    Anvāvisitvāti āvisanavasena tassa attabhāvaṃ adhibhavitvā. Tathā abhibhavato hi tassa sarīraṃ paviṭṭho viya hotīti vuttaṃ ‘‘sarīraṃ pavisitvā’’ti. Yañhi sattaṃ devayakkhanāgādayo āvisanti, tassa pākatikakiriyamayaṃ cittappavattiṃ nivāretvā attano iddhānubhāvena yaṃ icchitaṃ hasitalapitādi, taṃ tena kārāpenti, kārentā ca āviṭṭhapuggalassa cittavasena kārenti. ‘‘Attanovā’’ti na vattabbametaṃ acinteyyattā kammajassa iddhānubhāvassāti keci. Apare pana yathā tadā cakkhuviññāṇādipavatti āviṭṭhapuggalasseva, evaṃ kiriyamayacittapavattipi tasseva, āvesakānubhāvena pana sāmaññatā parivattati. Tathā hi mahānubhāvaṃ puggalaṃ te āvisituṃ na sakkonti, tikicchāvuṭṭhāpane pana chavasarīraṃ anupavisitvā satantaṃ karoti vijjānubhāvena. Korakhattiyādīnaṃ pana chavasarīrassa uṭṭhānaṃ vacīnicchāraṇañca kevalaṃ buddhānubhāvena. Acinteyyā hi buddhānaṃ buddhānubhāvāti. Abhibhavitvā ṭhitoti sakalalokaṃ attano ānubhāvena abhibhavitvā ṭhito. Jeṭṭhakoti padhāno, tādisaṃ vā ānubhāvasampannattā uttamo. Passatīti daso. Visesavacanicchāya abhāvato anavasesavisayo daso-saddoti āha ‘‘sabbaṃ passatī’’ti. Sabbajananti laddhanāmaṃ sabbasattakāyaṃ. Vase vatteti, seṭṭhattā nimmāpakattā ca attano vase vatteti. Lokassa īsanasīlatāya issaro. Sattānaṃ kammassa kārakabhāvena kattā. Thāvarajaṅgamavibhāgaṃ sakalaṃ lokaṃ nimmānetīti nimmātā.

    คุณวิเสเสน โลเก ปาสํสตฺตา เสโฎฺฐฯ ตาทิโส จ อุกฺกฎฺฐตโม โหตีติ อาห ‘‘อุตฺตโม’’ติฯ สตฺตานํ นิมฺมานํ ตถา ตถา สชนํ วิสชนํ วิย โหตีติ อาห ‘‘ตฺวํ ขตฺติโย’’ติอาทิฯ ฌานาทีสุ อตฺตโน จิเตฺต จ จิณฺณวสิตฺตา วสีฯ ภูตานนฺติ นิพฺพตฺตานํฯ ภวํ อภิชาตํ อรหนฺตีติ ภพฺยา, สมฺภเวสิโน, เตสํ ภพฺยานํฯ เตนาห ‘‘อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา’’ติอาทิฯ

    Guṇavisesena loke pāsaṃsattā seṭṭho. Tādiso ca ukkaṭṭhatamo hotīti āha ‘‘uttamo’’ti. Sattānaṃ nimmānaṃ tathā tathā sajanaṃ visajanaṃ viya hotīti āha ‘‘tvaṃ khattiyo’’tiādi. Jhānādīsu attano citte ca ciṇṇavasittā vasī. Bhūtānanti nibbattānaṃ. Bhavaṃ abhijātaṃ arahantīti bhabyā, sambhavesino, tesaṃ bhabyānaṃ. Tenāha ‘‘aṇḍajajalābujā sattā’’tiādi.

    ปถวีอาทโย นิจฺจา ธุวา สสฺสตาฯ เย เตสํ ‘‘อนิจฺจา’’ติอาทินา ครหกา ชิคุจฺฉา สตฺตา, เต อยถาภูตวาทิตาย มตกาเล อปายนิฎฺฐา อเหสุํฯ เย ปน ปถวีอาทีนํ ‘‘นิจฺจา ธุวา’’ติอาทินา ปสํสกา, เต ยถาภูตวาทิตาย พฺรหฺมกายูปคา อเหสุนฺติ มาโร ปาปิมา อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ ปถวีอาทิมุเขน สงฺขารานํ ปริญฺญาปญฺญาปเน อาทีนวํ วิภาเวติ ตโต วิเวเจตุกาโมฯ เตนาห ‘‘ปถวีครหกา’’ติอาทิฯ เอตฺถ จ มาโร ปถวีอาทิธาตุมหาภูตคฺคหเณน มนุสฺสโลกํ, ภูตคฺคหเณน จาตุมหาราชิเก, เทวคฺคหเณน อวเสสกามเทวโลกํ, ปชาปติคฺคหเณน อตฺตโน ฐานํ, พฺรหฺมคฺคหเณน พฺรหฺมกายิเก คณฺหิฯ อาภสฺสราทโย ปน อวิสยตาย เอว อเนน อคฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสนาติ ตณฺหาภินนฺทนาย ทิฎฺฐาภินนฺทนาย จ วเสนฯ ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อภินนฺทิโน อภินนฺทกา, อภินนฺทนสีลา วาฯ พฺรหฺมุโน โอวาเท ฐิตานํ อิทฺธานุภาวํ ทเสฺสตีติ เตสํ ตตฺถ สนฺนิปติตพฺรหฺมานํ อิทฺธานุภาวํ ตสฺส มหาพฺรหฺมุโน โอวาเท ฐิตตฺตา นิพฺพตฺตํ กตฺวา ทเสฺสติฯ ยเสนาติ อานุภาเวนฯ สิริยาติ โสภายฯ มํ พฺรหฺมปริสํ อุปเนสีติ ยาทิสา พฺรหฺมปริสา อิสฺสริยาทิสมฺปตฺติยา, ตตฺถ มํ อุโยฺยเชสิฯ มหาชนสฺส มารณโตติ มหาชนสฺส วิวฎฺฎูปนิสฺสยคุณวินาสเนน อานุภาเวน มารณโตฯ อยสนฺติ ยสปฎิปกฺขํ อกิตฺติกมฺมานุภาวญฺจาติ อโตฺถฯ

    Pathavīādayo niccā dhuvā sassatā. Ye tesaṃ ‘‘aniccā’’tiādinā garahakā jigucchā sattā, te ayathābhūtavāditāya matakāle apāyaniṭṭhā ahesuṃ. Ye pana pathavīādīnaṃ ‘‘niccā dhuvā’’tiādinā pasaṃsakā, te yathābhūtavāditāya brahmakāyūpagā ahesunti māro pāpimā anvayato byatirekato ca pathavīādimukhena saṅkhārānaṃ pariññāpaññāpane ādīnavaṃ vibhāveti tato vivecetukāmo. Tenāha ‘‘pathavīgarahakā’’tiādi. Ettha ca māro pathavīādidhātumahābhūtaggahaṇena manussalokaṃ, bhūtaggahaṇena cātumahārājike, devaggahaṇena avasesakāmadevalokaṃ, pajāpatiggahaṇena attano ṭhānaṃ, brahmaggahaṇena brahmakāyike gaṇhi. Ābhassarādayo pana avisayatāya eva anena aggahitāti daṭṭhabbaṃ. Taṇhādiṭṭhivasenāti taṇhābhinandanāya diṭṭhābhinandanāya ca vasena. ‘‘Etaṃ mama, eso me attā’’ti abhinandino abhinandakā, abhinandanasīlā vā. Brahmuno ovāde ṭhitānaṃ iddhānubhāvaṃ dassetīti tesaṃ tattha sannipatitabrahmānaṃ iddhānubhāvaṃ tassa mahābrahmuno ovāde ṭhitattā nibbattaṃ katvā dasseti. Yasenāti ānubhāvena. Siriyāti sobhāya. Maṃ brahmaparisaṃ upanesīti yādisā brahmaparisā issariyādisampattiyā, tattha maṃ uyyojesi. Mahājanassa māraṇatoti mahājanassa vivaṭṭūpanissayaguṇavināsanena ānubhāvena māraṇato. Ayasanti yasapaṭipakkhaṃ akittikammānubhāvañcāti attho.

    ๕๐๓. กสิณํ อายุนฺติ วสฺสสตํ สนฺธาย วทติฯ อุปนิสฺสาย เสตีติ อุปสโย, อุปสโยว โอปสายิโก ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๖; อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘) อาห ‘‘สมีปสโย’’ติฯ สยคฺคหณเญฺจตฺถ นิทสฺสนมตฺตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘มํ คจฺฉนฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ วตฺตนโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ มม วตฺถุสฺมิํ สยนโกติ มยฺหํ ฐาเน วิสเย วตฺตนโกฯ พาหิตฺวาติ นีจํ กตฺวา, อภิภวิตฺวา วาฯ ชชฺฌริกาคุมฺพโตติ เอตฺถ ชชฺฌริกา นาม ปถวิํ ปตฺถริตฺวา ชาตา เอกา คจฺฉชาติฯ

    503.Kasiṇaṃ āyunti vassasataṃ sandhāya vadati. Upanissāya setīti upasayo, upasayova opasāyiko yathā ‘‘venayiko’’ti (ma. ni. 1.246; a. ni. 8.11; pārā. 8) āha ‘‘samīpasayo’’ti. Sayaggahaṇañcettha nidassanamattanti dassetuṃ ‘‘maṃ gacchanta’’ntiādi vuttaṃ. Anekatthattā dhātūnaṃ vattanattho daṭṭhabbo. Mama vatthusmiṃ sayanakoti mayhaṃ ṭhāne visaye vattanako. Bāhitvāti nīcaṃ katvā, abhibhavitvā vā. Jajjharikāgumbatoti ettha jajjharikā nāma pathaviṃ pattharitvā jātā ekā gacchajāti.

    อิมินาติ ‘‘สเจ โข ตฺวํ ภิกฺขู’’ติอาทิวจเนนฯ เอส พฺรหฺมาฯ อุปลาเปตีติ สงฺคณฺหาติฯ อปสาเทตีติ นิคฺคณฺหาติฯ เสสปเทหีติ วตฺถุสายิโก ยถากามกรณีโย พาหิเตโยฺยติ อิเมหิ ปเทหิฯ มยฺหํ อารกฺขํ คณฺหิสฺสสีติ มม อารกฺขโก ภวิสฺสสิฯ ลกุณฺฑกตรนฺติ นีจตรํ นิหีนวุตฺติสรีรํฯ

    Imināti ‘‘sace kho tvaṃ bhikkhū’’tiādivacanena. Esa brahmā. Upalāpetīti saṅgaṇhāti. Apasādetīti niggaṇhāti. Sesapadehīti vatthusāyiko yathākāmakaraṇīyo bāhiteyyoti imehi padehi. Mayhaṃ ārakkhaṃ gaṇhissasīti mama ārakkhako bhavissasi. Lakuṇḍakataranti nīcataraṃ nihīnavuttisarīraṃ.

    ผุสิตุมฺปิ สมตฺถํ กิญฺจิ น ปสฺสติ, ปเคว ญาณวิภวนฺติ อธิปฺปาโยฯ นิปฺผตฺตินฺติ นิปฺผชฺชนํ, ผลนฺติ อโตฺถฯ ตญฺหิ การณวเสน คนฺตพฺพโต อธิคนฺตพฺพโต คตีติ วุจฺจติฯ อานุภาวนฺติ ปภาวํฯ โส หิ โชตนเฎฺฐน วิโรจนเฎฺฐน ชุตีติ วุจฺจติฯ มหตา อานุภาเวน ปเรสํ อภิภวนโต มเหโสติ อกฺขายตีติ มเหสโกฺขฯ ตยิทํ อภิภวนํ กิตฺติสมฺปตฺติยา ปริวารสมฺปตฺติยา จาติ อาห ‘‘มหายโส มหาปริวาโร’’ติฯ

    Phusitumpi samatthaṃ kiñci na passati, pageva ñāṇavibhavanti adhippāyo. Nipphattinti nipphajjanaṃ, phalanti attho. Tañhi kāraṇavasena gantabbato adhigantabbato gatīti vuccati. Ānubhāvanti pabhāvaṃ. So hi jotanaṭṭhena virocanaṭṭhena jutīti vuccati. Mahatā ānubhāvena paresaṃ abhibhavanato mahesoti akkhāyatīti mahesakkho. Tayidaṃ abhibhavanaṃ kittisampattiyā parivārasampattiyā cāti āha ‘‘mahāyaso mahāparivāro’’ti.

    ปริหรนฺตีติ สิเนรุํ ทกฺขิณโต กตฺวา ปริวตฺตนฺติฯ ทิสาติ ภุมฺมเตฺถ เอตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘ทิสาสุ วิโรจมานา’’ติฯ อตฺตโน ชุติยา ทิพฺพมานาย วาฯ เตหีติ จนฺทิมสูริเยหิฯ ตตฺตเกน ปมาเณนาติ ยตฺตเก จนฺทิมสูริเยหิ โอภาสิยมาโน โลกธาตุสงฺขาโต เอโก โลโก, ตตฺตเกน ปมาเณนฯ อิทํ จกฺกวาฬํ พุทฺธานํ อุปฺปตฺติฎฺฐานภูตํ เสฎฺฐํ อุตฺตมํ ปธานํ, ตสฺมา เยภุเยฺยน เอตฺถุปปนฺนา เทวตา อเญฺญสุ จกฺกวาเฬสุ เทวตา อภิภุยฺย วตฺตนฺติฯ ตถา หิ พฺรหฺมา สหมฺปติ ทสสหสฺสพฺรหฺมปริวาโร ภควโต สนฺติกํ อุปคญฺฉิฯ เตนาห ‘‘เอตฺถ จกฺกวาฬสหเสฺส ตุยฺหํ วโส วตฺตตี’’ติฯ อิทานิ ‘‘เอตฺถ เต วตฺตเต วโส’’ติ วุตฺตํ วเส วตฺตนํ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ปโรปรญฺจ ชานาสี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปฐมคาถายํ วุตฺตํ เอตฺถ-สทฺทํ อาเนตฺวา อโตฺถ เวทิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอตฺถ จกฺกวาฬสหเสฺส’’ติ อาหฯ อุจฺจนีเจติ ชาติกุลรูปโภคปริวาราทิวเสน อุฬาเร จ อนุฬาเร จฯ อยํ อิโทฺธ อยํ ปกติมนุโสฺสติ อิมินา ‘‘สรูปโต เอวสฺส สตฺตานํ ปโรปรชานนํ, น สมุทาคมโต’’ติ ทเสฺสติฯ ยํ ปน วกฺขติ ‘‘สตฺตานํ อาคติํ คตินฺติ, ตํ กามโลเก สตฺตานํ อาทานนิเกฺขปชานนมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น กมฺมวิปากชานนํฯ ยทิ หิ สมุทาคมโต ชาเนยฺย, อตฺตโนปิ ชาเนยฺย, น จสฺส ตํ อตฺถีติ, ตถา อาห ‘‘อิตฺถมฺภาโวติ อิทํ จกฺกวาฬ’’นฺติอาทิฯ ราคโยคโต ราโค เอตสฺส อตฺถีติ วา ราโค, วิรชฺชนสีโล วิราคี, ตํ ราควิราคินํฯ สหสฺสิพฺรหฺมา นาม ตฺวํ จูฬนิยา เอว โลกธาตุยา ชานนโตฯ ตยาติ นิสฺสเกฺก กรณวจนํฯ จตุหตฺถายาติ อเนกหเตฺถน สาณิปากาเรน กาตพฺพปฎปฺปมาณํ ทีฆโต จตุหตฺถาย, วิตฺถารโต ทฺวิหตฺถาย ปิโลติกาย กาตุํ วายมโนฺต วิย โคปฺผเก อุทเก นิมุชฺชิตุกาโม วิย จ ปมาณํ อชานโนฺต วิหญฺญตีติ นิคฺคณฺหาติฯ

    Pariharantīti sineruṃ dakkhiṇato katvā parivattanti. Disāti bhummatthe etaṃ paccattavacananti āha ‘‘disāsu virocamānā’’ti. Attano jutiyā dibbamānāya vā. Tehīti candimasūriyehi. Tattakena pamāṇenāti yattake candimasūriyehi obhāsiyamāno lokadhātusaṅkhāto eko loko, tattakena pamāṇena. Idaṃ cakkavāḷaṃ buddhānaṃ uppattiṭṭhānabhūtaṃ seṭṭhaṃ uttamaṃ padhānaṃ, tasmā yebhuyyena etthupapannā devatā aññesu cakkavāḷesu devatā abhibhuyya vattanti. Tathā hi brahmā sahampati dasasahassabrahmaparivāro bhagavato santikaṃ upagañchi. Tenāha ‘‘ettha cakkavāḷasahasse tuyhaṃ vaso vattatī’’ti. Idāni ‘‘ettha te vattate vaso’’ti vuttaṃ vase vattanaṃ sarūpato dassetuṃ ‘‘paroparañca jānāsī’’tiādi vuttaṃ. Tattha paṭhamagāthāyaṃ vuttaṃ ettha-saddaṃ ānetvā attho veditabboti dassento ‘‘ettha cakkavāḷasahasse’’ti āha. Uccanīceti jātikularūpabhogaparivārādivasena uḷāre ca anuḷāre ca. Ayaṃ iddhoayaṃ pakatimanussoti iminā ‘‘sarūpato evassa sattānaṃ paroparajānanaṃ, na samudāgamato’’ti dasseti. Yaṃ pana vakkhati ‘‘sattānaṃ āgatiṃ gatinti, taṃ kāmaloke sattānaṃ ādānanikkhepajānanamattaṃ sandhāya vuttaṃ, na kammavipākajānanaṃ. Yadi hi samudāgamato jāneyya, attanopi jāneyya, na cassa taṃ atthīti, tathā āha ‘‘itthambhāvotiidaṃ cakkavāḷa’’ntiādi. Rāgayogato rāgo etassa atthīti vā rāgo, virajjanasīlo virāgī, taṃ rāgavirāginaṃ. Sahassibrahmā nāma tvaṃ cūḷaniyā eva lokadhātuyā jānanato. Tayāti nissakke karaṇavacanaṃ. Catuhatthāyāti anekahatthena sāṇipākārena kātabbapaṭappamāṇaṃ dīghato catuhatthāya, vitthārato dvihatthāya pilotikāya kātuṃ vāyamanto viya gopphake udake nimujjitukāmo viya ca pamāṇaṃ ajānanto vihaññatīti niggaṇhāti.

    ๕๐๔. ตํ กายนฺติ ตเทว นิกายํฯ ชานิตพฺพฎฺฐานํ ปตฺวาปีติ อนญฺญสาธารณา มยฺหํ สีลาทโย คุณวิเสสา ตาว ติฎฺฐนฺตุ, อีทิสํ โลกิยํ ปริตฺตกํ ชานิตพฺพฎฺฐานมฺปิ ปตฺวาฯ อยํ อิเมสํ อติสเยน นีโจติ นีเจโยฺย, ตสฺส ภาโว นีเจยฺยนฺติ อาห ‘‘ตยา นีจตรภาโว ปน มยฺหํ กุโต’’ติฯ

    504.Taṃ kāyanti tadeva nikāyaṃ. Jānitabbaṭṭhānaṃ patvāpīti anaññasādhāraṇā mayhaṃ sīlādayo guṇavisesā tāva tiṭṭhantu, īdisaṃ lokiyaṃ parittakaṃ jānitabbaṭṭhānampi patvā. Ayaṃ imesaṃ atisayena nīcoti nīceyyo, tassa bhāvo nīceyyanti āha ‘‘tayā nīcatarabhāvo pana mayhaṃ kuto’’ti.

    เหฎฺฐูปปตฺติโกติ อุปรูปริโต จวิตฺวา เหฎฺฐา ลทฺธูปปตฺติโกฯ เอวํ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘อนุปฺปเนฺน พุทฺธุปฺปาเท’’ติ อาหฯ เหฎฺฐูปปตฺติกํ กตฺวาติ เหฎฺฐูปปตฺติกํ ปตฺถนํ กตฺวาฯ ยถา เกนจิ พหูสุ อานนฺตริเยสุ กเตสุ ยํ ตตฺถ ครุตรํ พลวํ, ตเทว ปฎิสนฺธิํ เทติ, อิตรานิ ปน ตสฺส อนุพลปฺปทายกานิ โหนฺติ, น ปฎิสนฺธิทายกานิ, เอวํ จตูสุ รูปชฺฌาเนสุ ภาวิเตสุ ยํ ตตฺถ ครุตรํ ฉนฺทปณิธิอธิโมกฺขาทิวเสน สาภิสงฺขารญฺจ, ตเทว จ ปฎิสนฺธิํ เทติ, อิตรานิ ปน อลโทฺธกาสตาย ตสฺส อนุพลปฺปทายกานิ โหนฺติ, น ปฎิสนฺธิทายกานิ, ตนฺนิพฺพตฺติตชฺฌาเนเนว อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหตีติ อาห ‘‘ตติยชฺฌานํ ปณีตํ ภาเวตฺวา’’ติฯ ตตฺถาติ สุภกิณฺหพฺรหฺมโลเกฯ ปุน ตตฺถาติ อาภสฺสรพฺรหฺมโลเกฯ ปฐมกาเลติ ตสฺมิํ ภเว ปฐมสฺมิํ กาเลฯ อุภยนฺติ อตีตํ อตฺตโน นิพฺพตฺตฎฺฐานํ, ตตฺถ นิพฺพตฺติยา เหตุภูตํ อตฺตโน กตกมฺมนฺติ อุภยํฯ ปมุสฺสิตฺวา กาลสฺส จิรตรภาวโตฯ วีตินาเมติ ปฎิปชฺชนฺตีติ จ ตทา ตสฺสา กิริยาย ปวตฺติกฺขณํ อุปาทาย ปวตฺตมานปโยโคฯ

    Heṭṭhūpapattikoti uparūparito cavitvā heṭṭhā laddhūpapattiko. Evaṃ saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘anuppanne buddhuppāde’’ti āha. Heṭṭhūpapattikaṃ katvāti heṭṭhūpapattikaṃ patthanaṃ katvā. Yathā kenaci bahūsu ānantariyesu katesu yaṃ tattha garutaraṃ balavaṃ, tadeva paṭisandhiṃ deti, itarāni pana tassa anubalappadāyakāni honti, na paṭisandhidāyakāni, evaṃ catūsu rūpajjhānesu bhāvitesu yaṃ tattha garutaraṃ chandapaṇidhiadhimokkhādivasena sābhisaṅkhārañca, tadeva ca paṭisandhiṃ deti, itarāni pana aladdhokāsatāya tassa anubalappadāyakāni honti, na paṭisandhidāyakāni, tannibbattitajjhāneneva āyatiṃ punabbhavābhinibbatti hotīti āha ‘‘tatiyajjhānaṃ paṇītaṃ bhāvetvā’’ti. Tatthāti subhakiṇhabrahmaloke. Puna tatthāti ābhassarabrahmaloke. Paṭhamakāleti tasmiṃ bhave paṭhamasmiṃ kāle. Ubhayanti atītaṃ attano nibbattaṭṭhānaṃ, tattha nibbattiyā hetubhūtaṃ attano katakammanti ubhayaṃ. Pamussitvā kālassa ciratarabhāvato. Vītināmeti paṭipajjantīti ca tadā tassā kiriyāya pavattikkhaṇaṃ upādāya pavattamānapayogo.

    อปาเยสีติ ปาเยสิฯ ปิปาสิเตติ ตสิเตฯ ฆมฺมนีติ ฆมฺมกาเลฯ สมฺปเรเตติ ฆมฺมปริฬาเหน ปิปาสาย อภิภูเตฯ นฺติ ปานียทานํฯ วตสีลวตฺตนฺติ สมาทานวเสน วตภูตํ จาริตฺตสีลภาเวน สมาจิณฺณตฺตา สีลวตฺตํฯ สุตฺตปฺปพุโทฺธว อนุสฺสรามีติ สุปิตฺวา ปพุทฺธมโตฺต วิย สุปินํ ตว ปุพฺพนิวุตฺถํ มม ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณน อนุสฺสรามิ, สพฺพญฺญุตญฺญาเณน วิย ปจฺจกฺขโต ปสฺสามีติ อโตฺถฯ

    Apāyesīti pāyesi. Pipāsiteti tasite. Ghammanīti ghammakāle. Sampareteti ghammapariḷāhena pipāsāya abhibhūte. Nti pānīyadānaṃ. Vatasīlavattanti samādānavasena vatabhūtaṃ cārittasīlabhāvena samāciṇṇattā sīlavattaṃ. Suttappabuddhova anussarāmīti supitvā pabuddhamatto viya supinaṃ tava pubbanivutthaṃ mama pubbenivāsānussatiñāṇena anussarāmi, sabbaññutaññāṇena viya paccakkhato passāmīti attho.

    กรมเรติ วิลุมฺปิตฺวา อานีเตฯ กมฺมสชฺชนฺติ ยุทฺธสชฺชํ, อาวุธาทายินินฺติ อโตฺถฯ

    Karamareti vilumpitvā ānīte. Kammasajjanti yuddhasajjaṃ, āvudhādāyininti attho.

    เอณีกูลสฺมินฺติ เอณีมิคพาหุเลฺลน ‘‘เอณีกูล’’นฺติ สงฺขํ คเต คงฺคาย ตีรปฺปเทเสฯ คยฺหก นียมานนฺติ คยฺหวเสน กรมรภาเวน โจเรหิ อตฺตโน ฐานํ นียมานํฯ

    Eṇīkūlasminti eṇīmigabāhullena ‘‘eṇīkūla’’nti saṅkhaṃ gate gaṅgāya tīrappadese. Gayhaka nīyamānanti gayhavasena karamarabhāvena corehi attano ṭhānaṃ nīyamānaṃ.

    อาวาหวิวาหวเสน มิตฺตสนฺถวํ กตฺวาฯ ‘‘เอวํ อเมฺหสุ กีฬเนฺตสุ คเงฺคยฺยโก นาโค กุปิโต’’ติ มยิ สญฺญมฺปิ น กโรนฺตีติฯ สุสุการนฺติ สุสูติ ปวตฺตํ เภรวนาคนิสฺสาสํฯ

    Āvāhavivāhavasena mittasanthavaṃ katvā. ‘‘Evaṃ amhesu kīḷantesu gaṅgeyyako nāgo kupito’’ti mayi saññampi na karontīti. Susukāranti susūti pavattaṃ bheravanāganissāsaṃ.

    คหีตนาวนฺติ วิเหเฐตุกามตาย คตินิวารณวเสน คหิตํ นิคฺคหิตํ นาวํฯ ลุเทฺทนาติ กุรูเรนฯ มนุสฺสกปฺปาติ นาวาคตานํ มนุสฺสานํ วิเหเฐตุกามตายฯ

    Gahītanāvanti viheṭhetukāmatāya gatinivāraṇavasena gahitaṃ niggahitaṃ nāvaṃ. Luddenāti kurūrena. Manussakappāti nāvāgatānaṃ manussānaṃ viheṭhetukāmatāya.

    พทฺธจโรติ ปฎิพทฺธจริโยฯ เตนาห ‘‘อเนฺตวาสิโก’’ติฯ ตํ นิสฺสาเยวาติ รญฺญา อุปฎฺฐิยมาโนปิ ราชานํ ปหาย ตํ กปฺปํ อเนฺตวาสิํ นิสฺสาเยวฯ

    Baddhacaroti paṭibaddhacariyo. Tenāha ‘‘antevāsiko’’ti. Taṃ nissāyevāti raññā upaṭṭhiyamānopi rājānaṃ pahāya taṃ kappaṃ antevāsiṃ nissāyeva.

    สมฺพุทฺธิมนฺตํ วตินํ อมญฺญีติ อยํ สมฺมเทว พุทฺธิมา วตสมฺปโนฺนติ อมญฺญิ สมฺภาเวสิ จฯ

    Sambuddhimantaṃ vatinaṃ amaññīti ayaṃ sammadeva buddhimā vatasampannoti amaññi sambhāvesi ca.

    นานตฺตภาเวสูติ นานา วิสุํ วิสุํ อตฺตภาเวสุฯ

    Nānattabhāvesūti nānā visuṃ visuṃ attabhāvesu.

    อทฺธาติ เอกํเสนฯ มเมตมายุนฺติ มยฺหํ เอตํ ยถาวุตฺตํ ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปวตฺตํ อายุํฯ น เกวลํ มม อายุเมว, อถ โข อญฺญมฺปิ สพฺพเญฺญยฺยํ ชานาสิ, น ตุยฺหํ อวิทิตํ นาม อตฺถิฯ ตถา หิ พุโทฺธ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ตุวํฯ โน เจ กถมยมโตฺถ ญาโต? ตถา หิ สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา เอว เต อยํ ชลิโต โชตมาโน อานุภาโว โอภาสยํ สพฺพมฺปิ พฺรหฺมโลกํ โอภาเสโนฺต ทิพฺพมาโน ติฎฺฐตีติ สตฺถุ อสมสมตํ ปเวเทสิฯ

    Addhāti ekaṃsena. Mametamāyunti mayhaṃ etaṃ yathāvuttaṃ tattha tattha bhave pavattaṃ āyuṃ. Na kevalaṃ mama āyumeva, atha kho aññampi sabbaññeyyaṃ jānāsi, na tuyhaṃ aviditaṃ nāma atthi. Tathā hi buddho sammāsambuddho tuvaṃ. No ce kathamayamattho ñāto? Tathā hi sammāsambuddhattā eva te ayaṃ jalito jotamāno ānubhāvo obhāsayaṃ sabbampi brahmalokaṃ obhāsento dibbamāno tiṭṭhatīti satthu asamasamataṃ pavedesi.

    ปถวเตฺตนาติ ปถวีอเตฺตนฯ เตนาห ‘‘ปถวีสภาเวนา’’ติฯ เอตฺถ จ ยสฺมา – ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถติ’’อาทินา (มหาว. ๗; ที. นิ. ๒.๖๔, ๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๒) สาธารณโต, ‘‘ยตฺถ เนว ปถวี’’ติ อสาธารณโต จ ปถวิยา อสภาเวน นิพฺพานสฺส คเหตพฺพตา อตฺถิ, ตํ นิวเตฺตตฺวา ปถวิยา อนญฺญสาธารณํ สภาวํ คเหตุํ ‘‘ปถวิยา ปถวเตฺตนา’’ติ วุตฺตํฯ นาปโหสินฺติ น ปาปุณิํฯ อิธ ปถวิยา ปาปุณนํ นาม ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา คหณนฺติ อาห ‘‘ตณฺหาทิฎฺฐิมานคฺคาเหหิ น คณฺหิ’’นฺติฯ

    Pathavattenāti pathavīattena. Tenāha ‘‘pathavīsabhāvenā’’ti. Ettha ca yasmā – ‘‘sabbasaṅkhārasamathoti’’ādinā (mahāva. 7; dī. ni. 2.64, 67; ma. ni. 1.281; saṃ. ni. 1.172) sādhāraṇato, ‘‘yattha neva pathavī’’ti asādhāraṇato ca pathaviyā asabhāvena nibbānassa gahetabbatā atthi, taṃ nivattetvā pathaviyā anaññasādhāraṇaṃ sabhāvaṃ gahetuṃ ‘‘pathaviyā pathavattenā’’ti vuttaṃ. Nāpahosinti na pāpuṇiṃ. Idha pathaviyā pāpuṇanaṃ nāma ‘‘etaṃ mamā’’tiādinā gahaṇanti āha ‘‘taṇhādiṭṭhimānaggāhehi na gaṇhi’’nti.

    วาทิตายาติ วาทสีลตายฯ สพฺพนฺติ อกฺขรํ นิทฺทิสิตฺวาติ ‘‘สพฺพํ โข อหํ พฺรเหฺม’’ติอาทินา ภควตา วุตฺตํ สพฺพ-สทฺทํ – ‘‘สเจ โข เต มาริส สพฺพสฺส สพฺพเตฺตน อนนุภูต’’นฺติ ปจฺจนุภาสนวเสน นิทฺทิสิตฺวาฯ อกฺขเร โทสํ คณฺหโนฺตติ ภควตา สกฺกายสพฺพํ สนฺธาย สพฺพ-สเทฺท คหิเต สพฺพสพฺพวเสน ตทตฺถปริวตฺตเนน สพฺพ-สทฺทวจนียตาสามเญฺญน จ โทสํ คณฺหโนฺตฯ เตนาห ‘‘สตฺถา ปนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ยทิ สพฺพํ อนนุภูตํ ‘‘นตฺถิ สพฺพ’’นฺติ โลเก อนวเสสํ ปุจฺฉติฯ สเจ สพฺพสฺส สพฺพเตฺตน อนวเสสสภาเวน อนนุภูตํ อปฺปตฺตํ, ตํ คคนกุสุมํ วิย กิญฺจิ น สิยาฯ อถสฺส อนนุภูตํ อตฺถีติ อสฺส สพฺพเตฺตน อนนุภูตํ ยทิ อตฺถิ, ‘‘สพฺพ’’นฺติ อิทํ วจนํ มิจฺฉา, สพฺพํ นาม ตํ น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘มา เหว เต ริตฺตกเมวา’’ติอาทิฯ

    Vāditāyāti vādasīlatāya. Sabbanti akkharaṃ niddisitvāti ‘‘sabbaṃ kho ahaṃ brahme’’tiādinā bhagavatā vuttaṃ sabba-saddaṃ – ‘‘sace kho te mārisa sabbassa sabbattena ananubhūta’’nti paccanubhāsanavasena niddisitvā. Akkhare dosaṃ gaṇhantoti bhagavatā sakkāyasabbaṃ sandhāya sabba-sadde gahite sabbasabbavasena tadatthaparivattanena sabba-saddavacanīyatāsāmaññena ca dosaṃ gaṇhanto. Tenāha ‘‘satthā panā’’tiādi. Tattha yadi sabbaṃ ananubhūtaṃ ‘‘natthi sabba’’nti loke anavasesaṃ pucchati. Sace sabbassa sabbattena anavasesasabhāvena ananubhūtaṃ appattaṃ, taṃ gaganakusumaṃ viya kiñci na siyā. Athassa ananubhūtaṃ atthīti assa sabbattena ananubhūtaṃ yadi atthi, ‘‘sabba’’nti idaṃ vacanaṃ micchā, sabbaṃ nāma taṃ na hotīti adhippāyo. Tenāha ‘‘mā heva te rittakamevā’’tiādi.

    อหํ สพฺพญฺจ วกฺขามิ, อนนุภูตญฺจ วกฺขามีติ อหํ ‘‘สพฺพ’’นฺติ จ วกฺขามิ, ‘‘อนนุภูต’’นฺติ จ วกฺขามิ, เอตฺถ โก โทโสติ อธิปฺปาโยฯ การณํ อาหรโนฺตติ สพฺพสฺส สพฺพเตฺตน อนนุภูตสฺส อตฺถิภาเว การณํ นิทฺทิสโนฺตฯ วิชานิตพฺพนฺติ มคฺคผลปจฺจเวกฺขณญาเณหิ วิเสสโต สพฺพสงฺขตวิสิฎฺฐตาย ชานิตพฺพํฯ อนิทสฺสนนฺติ อิทํ นิพฺพานสฺส สนิทสฺสนทุเก ทุติยปทสหิตตาทสฺสนนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘จกฺขุวิญฺญาณสฺส อาปาถํ อนุปคมนโต อนิทสฺสนํ นามา’’ติ วุตฺตํฯ สพฺพสงฺขตวิธุรตาย วา นตฺถิ เอตสฺส นิทสฺสนนฺติ อนิทสฺสนํฯ นตฺถิ เอตสฺส อโนฺตติ อนนฺตํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตยิท’’นฺติอาทิฯ

    Ahaṃ sabbañca vakkhāmi, ananubhūtañca vakkhāmīti ahaṃ ‘‘sabba’’nti ca vakkhāmi, ‘‘ananubhūta’’nti ca vakkhāmi, ettha ko dosoti adhippāyo. Kāraṇaṃ āharantoti sabbassa sabbattena ananubhūtassa atthibhāve kāraṇaṃ niddisanto. Vijānitabbanti maggaphalapaccavekkhaṇañāṇehi visesato sabbasaṅkhatavisiṭṭhatāya jānitabbaṃ. Anidassananti idaṃ nibbānassa sanidassanaduke dutiyapadasahitatādassananti adhippāyena ‘‘cakkhuviññāṇassa āpāthaṃ anupagamanato anidassanaṃ nāmā’’ti vuttaṃ. Sabbasaṅkhatavidhuratāya vā natthi etassa nidassananti anidassanaṃ. Natthi etassa antoti anantaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘tayida’’ntiādi.

    ภูตานีติ ปจฺจยสมฺภูตานิฯ อสมฺภูตนฺติ ปจฺจเยหิ อสมฺภูตํ, นิพฺพานนฺติ อโตฺถฯ อปภสฺสรภาวเหตูนํ สพฺพโส อภาวา สพฺพโต ปภาติ สพฺพโตปภํฯ เตนาห ‘‘นิพฺพานโต หี’’ติอาทิฯ ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘ตโม ตตฺถ น วิชฺชตี’’ติฯ (เนตฺติ. ๑๐๔) ปภูตเมวาติ ปกฎฺฐภาเวน อุกฺกฎฺฐภาเวน วิชฺชมานเมวฯ อรูปีภาเวน อเทสิกตฺตา สพฺพโต ปภวติ วิชฺชตีติ สพฺพโตปภํฯ เตนาห ‘‘ปุรตฺถิมทิสาทีสู’’ติอาทิฯ ปวิสนฺติ เอตฺถาติ ปวิสํ, ตเทว ส-การสฺส ภ-การํ, วิ-การสฺส จ โลปํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปภ’’นฺติฯ เตนาห ‘‘ติตฺถสฺส นาม’’นฺติฯ วาทํ ปติฎฺฐเปสีติ เอวํ มยา สพฺพญฺจ วุตฺตํ, อนนุภูตญฺจ วุตฺตํ, ตตฺถ ยํ ตยา อธิปฺปายํ อชานเนฺตน สหสา อปฺปฎิสงฺขาย โทสคฺคหณํ, ตํ มิจฺฉาติ พฺรหฺมานํ นิคฺคณฺหโนฺต ภควา อตฺตโน วาทํ ปติฎฺฐเปสิฯ

    Bhūtānīti paccayasambhūtāni. Asambhūtanti paccayehi asambhūtaṃ, nibbānanti attho. Apabhassarabhāvahetūnaṃ sabbaso abhāvā sabbato pabhāti sabbatopabhaṃ. Tenāha ‘‘nibbānato hī’’tiādi. Tathā hi vuttaṃ – ‘‘tamo tattha na vijjatī’’ti. (Netti. 104) pabhūtamevāti pakaṭṭhabhāvena ukkaṭṭhabhāvena vijjamānameva. Arūpībhāvena adesikattā sabbato pabhavati vijjatīti sabbatopabhaṃ. Tenāha ‘‘puratthimadisādīsū’’tiādi. Pavisanti etthāti pavisaṃ, tadeva sa-kārassa bha-kāraṃ, vi-kārassa ca lopaṃ katvā vuttaṃ ‘‘pabha’’nti. Tenāha ‘‘titthassa nāma’’nti. Vādaṃ patiṭṭhapesīti evaṃ mayā sabbañca vuttaṃ, ananubhūtañca vuttaṃ, tattha yaṃ tayā adhippāyaṃ ajānantena sahasā appaṭisaṅkhāya dosaggahaṇaṃ, taṃ micchāti brahmānaṃ niggaṇhanto bhagavā attano vādaṃ patiṭṭhapesi.

    คหิตคหิตนฺติ ‘‘อิทํ นิจฺจ’’นฺติอาทินา คหิตคหิตํ คาหํฯ ตตฺถ ตตฺถ โทสทสฺสนมุเขน นิคฺคณฺหเนฺตน สตฺถารา วิสฺสชฺชาปิโต กิญฺจิ คเหตพฺพํ อตฺตโน ปฎิสรณํ อทิสฺวา ปราชยํ ปฎิจฺฉาเทตุํ ลฬิตกํ กาตุกาโม วาทํ ปหาย อิทฺธิยา ปาฎิหาริยลีฬํ ทเสฺสตุกาโมฯ ยทิ สโกฺกสิ มยฺหํ อนฺตรธายิตุํ, น ปน สกฺขิสฺสสีติ อธิปฺปาโยฯ มูลปฎิสนฺธิํ คนฺตุกาโมติ อตฺตโน ปากติเกน อตฺตภาเวน ฐาตุกาโมฯ โส หิ ปฎิสนฺธิกาเล นิพฺพตฺตสทิสตาย มูลปฎิสนฺธีติ วุโตฺตฯ อเญฺญสนฺติ เหฎฺฐา อญฺญกายิกานํ พฺรหฺมูนํฯ น อทาสิ อภิสงฺขตกาเยเนวายํ ติฎฺฐตุ, น ปากติกรูเปนาติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ เตน โส อภิสงฺขตกายํ อปเนตุํ อวิสหโนฺต อตฺตภาวปฎิจฺฉาทกํ อนฺธการํ นิมฺมินิตุํ อารภิฯ สตฺถา ตํ ตมํ วิทฺธํเสติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘มูลปฎิสนฺธิํ วา’’ติอาทิฯ

    Gahitagahitanti ‘‘idaṃ nicca’’ntiādinā gahitagahitaṃ gāhaṃ. Tattha tattha dosadassanamukhena niggaṇhantena satthārā vissajjāpito kiñci gahetabbaṃ attano paṭisaraṇaṃ adisvā parājayaṃ paṭicchādetuṃ laḷitakaṃkātukāmo vādaṃ pahāya iddhiyā pāṭihāriyalīḷaṃ dassetukāmo. Yadi sakkosi mayhaṃ antaradhāyituṃ, na pana sakkhissasīti adhippāyo. Mūlapaṭisandhiṃ gantukāmoti attano pākatikena attabhāvena ṭhātukāmo. So hi paṭisandhikāle nibbattasadisatāya mūlapaṭisandhīti vutto. Aññesanti heṭṭhā aññakāyikānaṃ brahmūnaṃ. Na adāsi abhisaṅkhatakāyenevāyaṃ tiṭṭhatu, na pākatikarūpenāti cittaṃ uppādesi. Tena so abhisaṅkhatakāyaṃ apanetuṃ avisahanto attabhāvapaṭicchādakaṃ andhakāraṃ nimminituṃ ārabhi. Satthā taṃ tamaṃ viddhaṃseti. Tena vuttaṃ ‘‘mūlapaṭisandhiṃ vā’’tiādi.

    ภเววาหนฺติ ภเว เอว อหํฯ อยญฺจ เอว-สโทฺท อฎฺฐานปยุโตฺตติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อหํ ภเว ภยํ ทิสฺวาเยวา’’ติ, สพฺพสฺมิํ ภเว ชาติอาทิภยํ ญาณจกฺขุนา ยาถาวโต ทิสฺวาฯ สตฺตภวนฺติ สตฺตสงฺขาตํ ภวํฯ กมฺมภวปจฺจเย หิ อุปปตฺติภเว สตฺตสมญฺญาฯ วิภวนฺติ วิมุตฺติํฯ ปริเยสมานมฺปิ อุปายสฺส อนธิคตตฺตา ภเวเยว ทิสฺวาภวญฺจ วิภเวสินํ วิภวํ นิพฺพุติํ เอสมานานํ สตฺตานํ ภวํ, ภเวสุ อุปฺปตฺติญฺจ ทิสฺวาติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ น อภิวทินฺติ ‘‘อโห วต สุข’’นฺติ เอวํ อภิวทาปนาการาภาวโต น อภินิวิสิํ, ลกฺขณวจนเมตํฯ คาหโตฺถ เอว วา อภิวาท-สโทฺทติ อาห ‘‘นาภิวทิ’’นฺติ, ‘‘น คเวสิ’’นฺติฯ ภวคฺคหเณเนตฺถ ทุกฺขสจฺจํ, นนฺทีคหเณน สมุทยสจฺจํ, วิภวคฺคหเณน นิโรธสจฺจํ, นนฺทิญฺจ น อุปาทิยินฺติ อิมินา มคฺคสจฺจํ ปกาสิตนฺติ อาห ‘‘อิติ จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสโนฺต’’ติฯ ตทิทํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ คาถาย วิภาวนทสฺสนํฯ สตฺถา ปน เตสํ พฺรหฺมูนํ อชฺฌาสยานุรูปํ สจฺจานิ วิตฺถารโต ปกาเสโนฺต วิปสฺสนํ ปาเปตฺวา อรหเตฺตน เทสนาย กูฎํ คณฺหิฯ เต จ พฺรหฺมาโน เกจิ โสตาปตฺติผเล, เกจิ สกทาคามิผเล, เกจิ อนาคามิผเล, เกจิ อรหเตฺต จ ปติฎฺฐหิํสุฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สจฺจานิ ปกาเสโนฺต สตฺถา ธมฺมํ เทเสสี’’ติอาทิฯ อจฺฉริยชาตาติ สญฺชาตจฺฉริยาฯ สมูลํ ภวนฺติ ตณฺหาวิชฺชาหิ สมูลํ ภวํฯ

    Bhavevāhanti bhave eva ahaṃ. Ayañca eva-saddo aṭṭhānapayuttoti dassento āha ‘‘ahaṃ bhave bhayaṃ disvāyevā’’ti, sabbasmiṃ bhave jātiādibhayaṃ ñāṇacakkhunā yāthāvato disvā. Sattabhavanti sattasaṅkhātaṃ bhavaṃ. Kammabhavapaccaye hi upapattibhave sattasamaññā. Vibhavanti vimuttiṃ. Pariyesamānampi upāyassa anadhigatattā bhaveyeva disvā. Bhavañca vibhavesinaṃ vibhavaṃ nibbutiṃ esamānānaṃ sattānaṃ bhavaṃ, bhavesu uppattiñca disvāti evaṃ vā ettha attho daṭṭhabbo. Na abhivadinti ‘‘aho vata sukha’’nti evaṃ abhivadāpanākārābhāvato na abhinivisiṃ, lakkhaṇavacanametaṃ. Gāhattho eva vā abhivāda-saddoti āha ‘‘nābhivadi’’nti, ‘‘nagavesi’’nti. Bhavaggahaṇenettha dukkhasaccaṃ, nandīgahaṇena samudayasaccaṃ, vibhavaggahaṇena nirodhasaccaṃ, nandiñca na upādiyinti iminā maggasaccaṃ pakāsitanti āha ‘‘iti cattāri saccāni pakāsento’’ti. Tadidaṃ catunnaṃ ariyasaccānaṃ gāthāya vibhāvanadassanaṃ. Satthā pana tesaṃ brahmūnaṃ ajjhāsayānurūpaṃ saccāni vitthārato pakāsento vipassanaṃ pāpetvā arahattena desanāya kūṭaṃ gaṇhi. Te ca brahmāno keci sotāpattiphale, keci sakadāgāmiphale, keci anāgāmiphale, keci arahatte ca patiṭṭhahiṃsu. Tena vuttaṃ ‘‘saccāni pakāsento satthā dhammaṃ desesī’’tiādi. Acchariyajātāti sañjātacchariyā. Samūlaṃ bhavanti taṇhāvijjāhi samūlaṃ bhavaṃ.

    ๕๐๕. มม วสํ อติวตฺติตานีติ สพฺพโส กามธาตุสมติกฺกมนปฎิปทาย มยฺหํ วิสยํ อติกฺกมิตานิฯ กถํ ปนายํ เตสํ อริยภูมิสโมกฺกมนํ ชานาตีติ? นยคฺคาหโต – ‘‘สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสโนฺต สํสาเร อาทีนวํ, นิพฺพาเน จ อานิสํสํ ปกาเสโนฺต เวเนยฺยชนํ นิพฺพานํ ทิฎฺฐเมว กโรติ, ตสฺส เทสนา อวญฺฌา อโมฆา อิเนฺทน วิสฺสฎฺฐวชิรสทิสา, ตสฺส จ อาณาย ฐิตา สํสาเร น ทิสฺสเนฺตวา’’ติ นยคฺคาเหน อนุมาเนน ชานาติฯ สเจ ตฺวํ เอวํ อนุพุโทฺธติ ยถา ตฺวํ ปเรสํ สจฺจาภิสโมฺพธํ วทติ, เอวํ ตฺวํ อตฺตโน อนุรูปโต สยมฺภุญาเณน พุโทฺธ ธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ฐิโตฯ ตํ ธมฺมํ มา อุปนยสีติ ตยา ปฎิวิทฺธธมฺมํ มา สาวกปฎิเวธํ ปาเปสิฯ อิทนฺติ อิทํ อนนฺตรํ วุตฺตํ พฺรหฺมโลเก ปติฎฺฐานํเยว สนฺธาย มาโร วทติ, เต ทเสฺสโนฺต ‘‘อนุปฺปเนฺน หี’’ติอาทิมาหฯ อปายปติฎฺฐานํ ปน อาชีวกนิคณฺฐาทิปพฺพชฺชํ อุปคเต ติตฺถกเร, เย เกจิ วา ปพฺพชิตฺวา มิจฺฉาปฎิปเนฺน ชเน สนฺธาย วทติฯ อนุปฺปเนฺนติ อสญฺชาเต, อปฺปเตฺตติ อโตฺถฯ อนุลฺลปนตายาติ ยถา มาโร อุปริ กิญฺจิ อุตฺตรํ ลปิตุํ น สโกฺกติ, เอวํ ตถา อุตฺตรภาสเนนฯ นิมนฺตนวจเนนาติ วิญฺญาปนวจเนนฯ พฺรหฺมํ เสฎฺฐํ นิมนฺตนํ, พฺรหฺมุโน วา นิมนฺตนํ เอตฺถ อตฺถีติ พฺรหฺมนิมนฺตนิกํ, สุตฺตํฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    505.Mamavasaṃ ativattitānīti sabbaso kāmadhātusamatikkamanapaṭipadāya mayhaṃ visayaṃ atikkamitāni. Kathaṃ panāyaṃ tesaṃ ariyabhūmisamokkamanaṃ jānātīti? Nayaggāhato – ‘‘samaṇo gotamo dhammaṃ desento saṃsāre ādīnavaṃ, nibbāne ca ānisaṃsaṃ pakāsento veneyyajanaṃ nibbānaṃ diṭṭhameva karoti, tassa desanā avañjhā amoghā indena vissaṭṭhavajirasadisā, tassa ca āṇāya ṭhitā saṃsāre na dissantevā’’ti nayaggāhena anumānena jānāti. Sace tvaṃ evaṃ anubuddhoti yathā tvaṃ paresaṃ saccābhisambodhaṃ vadati, evaṃ tvaṃ attano anurūpato sayambhuñāṇena buddho dhammaṃ paṭivijjhitvā ṭhito. Taṃ dhammaṃ mā upanayasīti tayā paṭividdhadhammaṃ mā sāvakapaṭivedhaṃ pāpesi. Idanti idaṃ anantaraṃ vuttaṃ brahmaloke patiṭṭhānaṃyeva sandhāya māro vadati, te dassento ‘‘anuppanne hī’’tiādimāha. Apāyapatiṭṭhānaṃ pana ājīvakanigaṇṭhādipabbajjaṃ upagate titthakare, ye keci vā pabbajitvā micchāpaṭipanne jane sandhāya vadati. Anuppanneti asañjāte, appatteti attho. Anullapanatāyāti yathā māro upari kiñci uttaraṃ lapituṃ na sakkoti, evaṃ tathā uttarabhāsanena. Nimantanavacanenāti viññāpanavacanena. Brahmaṃ seṭṭhaṃ nimantanaṃ, brahmuno vā nimantanaṃ ettha atthīti brahmanimantanikaṃ, suttaṃ. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.

    พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Brahmanimantanikasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๙. พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺตํ • 9. Brahmanimantanikasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺตวณฺณนา • 9. Brahmanimantanikasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact