Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā |
พฺรหฺมวิหารกถา
Brahmavihārakathā
๒๕๑. อิทานิ เมตฺตาทิพฺรหฺมวิหารวเสน ปวตฺตมานํ รูปาวจรกุสลํ ทเสฺสตุํ ปุน กตเม ธมฺมา กุสลาติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ เมตฺตาสหคตนฺติ เมตฺตาย สมนฺนาคตํฯ ปรโต กรุณาสหคตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เยน ปเนส วิธาเนน ปฎิปโนฺน เมตฺตาทิสหคตานิ ฌานานิ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ตํ เมตฺตาทีนํ ภาวนาวิธานํ สพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๔๐) วิตฺถาริตเมวฯ อวเสสาย ปาฬิยา อโตฺถ ปถวีกสิเณ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
251. Idāni mettādibrahmavihāravasena pavattamānaṃ rūpāvacarakusalaṃ dassetuṃ puna katame dhammā kusalātiādi āraddhaṃ. Tattha mettāsahagatanti mettāya samannāgataṃ. Parato karuṇāsahagatādīsupi eseva nayo. Yena panesa vidhānena paṭipanno mettādisahagatāni jhānāni upasampajja viharati, taṃ mettādīnaṃ bhāvanāvidhānaṃ sabbaṃ visuddhimagge (visuddhi. 1.240) vitthāritameva. Avasesāya pāḷiyā attho pathavīkasiṇe vuttanayeneva veditabbo.
เกวลญฺหิ ปถวีกสิเณ ปญฺจวีสติ นวกา, อิธ ปุริมาสุ ตีสุ ติกจตุกฺกชฺฌานิกวเสน ปญฺจวีสติ สตฺตกา, อุเปกฺขาย จตุตฺถชฺฌานวเสน ปญฺจวีสติ เอกกา, กรุณามุทิตาสุ จ ฉนฺทาทีหิ จตูหิ สทฺธิํ กรุณามุทิตาติ อิเมปิ เยวาปนกา ลพฺภนฺติฯ ทุกฺขปฎิปทาทิภาโว เจตฺถ เมตฺตาย ตาว พฺยาปาทวิกฺขมฺภนวเสน, กรุณาย วิหิํสาวิกฺขมฺภนวเสน, มุทิตาย อรติวิกฺขมฺภนวเสน, อุเปกฺขาย ราคปฎิฆวิกฺขมฺภนวเสน เวทิตโพฺพฯ ปริตฺตารมฺมณตา ปน นพหุสตฺตารมฺมณวเสน; อปฺปมาณารมฺมณตา พหุสตฺตารมฺมณวเสน โหตีติ อยํ วิเสโสฯ เสสํ ตาทิสเมวฯ
Kevalañhi pathavīkasiṇe pañcavīsati navakā, idha purimāsu tīsu tikacatukkajjhānikavasena pañcavīsati sattakā, upekkhāya catutthajjhānavasena pañcavīsati ekakā, karuṇāmuditāsu ca chandādīhi catūhi saddhiṃ karuṇāmuditāti imepi yevāpanakā labbhanti. Dukkhapaṭipadādibhāvo cettha mettāya tāva byāpādavikkhambhanavasena, karuṇāya vihiṃsāvikkhambhanavasena, muditāya arativikkhambhanavasena, upekkhāya rāgapaṭighavikkhambhanavasena veditabbo. Parittārammaṇatā pana nabahusattārammaṇavasena; appamāṇārammaṇatā bahusattārammaṇavasena hotīti ayaṃ viseso. Sesaṃ tādisameva.
เอวํ ตาว ปาฬิวเสเนว –
Evaṃ tāva pāḷivaseneva –
พฺรหฺมุตฺตเมน กถิเต, พฺรหฺมวิหาเร อิเม อิติ วิทิตฺวา;
Brahmuttamena kathite, brahmavihāre ime iti viditvā;
ภิโยฺย เอเตสุ อยํ, ปกิณฺณกกถาปิ วิเญฺญยฺยาฯ
Bhiyyo etesu ayaṃ, pakiṇṇakakathāpi viññeyyā.
เอตาสุ หิ เมตฺตากรุณามุทิตาอุเปกฺขาสุ อตฺถโต ตาว เมชฺชตีติ เมตฺตา, สินิยฺหตีติ อโตฺถฯ มิเตฺต วา ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสา ปวตฺตตีปิ เมตฺตาฯ ปรทุเกฺข สติ สาธูนํ หทยกมฺปนํ กโรตีติ กรุณาฯ กิณาติ วา ปรทุกฺขํ หิํสติ วินาเสตีติ กรุณา ฯ กิรียติ วา ทุกฺขิเตสุ ผรณวเสน ปสาริยตีติ กรุณาฯ โมทนฺติ ตาย ตํสมงฺคิโน, สยํ วา โมทติ, โมทนมตฺตเมว วา ตนฺติ มุทิตาฯ ‘อเวรา โหนฺตู’ติอาทิพฺยาปารปฺปหาเนน มชฺฌตฺตภาวูปคมเนน จ อุเปกฺขตีติ อุเปกฺขาฯ
Etāsu hi mettākaruṇāmuditāupekkhāsu atthato tāva mejjatīti mettā, siniyhatīti attho. Mitte vā bhavā, mittassa vā esā pavattatīpi mettā. Paradukkhe sati sādhūnaṃ hadayakampanaṃ karotīti karuṇā. Kiṇāti vā paradukkhaṃ hiṃsati vināsetīti karuṇā. Kirīyati vā dukkhitesu pharaṇavasena pasāriyatīti karuṇā. Modanti tāya taṃsamaṅgino, sayaṃ vā modati, modanamattameva vā tanti muditā. ‘Averā hontū’tiādibyāpārappahānena majjhattabhāvūpagamanena ca upekkhatīti upekkhā.
ลกฺขณาทิโต ปเนตฺถ หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา ‘เมตฺตา’, หิตูปสํหารรสา, อาฆาตวินยปจฺจุปฎฺฐานา, สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฎฺฐานาฯ พฺยาปาทูปสโม เอติสฺสา สมฺปตฺติ, สิเนหสมฺภโว วิปตฺติฯ ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติลกฺขณา ‘กรุณา’, ปรทุกฺขาสหนรสา, อวิหิํสาปจฺจุปฎฺฐานา , ทุกฺขาภิภูตานํ อนาถภาวทสฺสนปทฎฺฐานาฯ วิหิํสูปสโม ตสฺสา สมฺปตฺติ, โสกสมฺภโว วิปตฺติฯ สเตฺตสุ ปโมทนลกฺขณา ‘มุทิตา’, อนิสฺสายนรสา, อรติวิฆาตปจฺจุปฎฺฐานา, สตฺตานํ สมฺปตฺติทสฺสนปทฎฺฐานาฯ อรติวูปสโม ตสฺสา สมฺปตฺติ, ปหาสสมฺภโว วิปตฺติฯ สเตฺตสุ มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺติลกฺขณา ‘อุเปกฺขา’, สเตฺตสุ สมภาวทสฺสนรสา, ปฎิฆานุนยวูปสมปจฺจุปฎฺฐานา, ‘‘กมฺมสฺสกา สตฺตา, เต กสฺส รุจิยา สุขิตา วา ภวิสฺสนฺติ, ทุกฺขโต วา มุจฺจิสฺสนฺติ, ปตฺตสมฺปตฺติโต วา น ปริหายิสฺสนฺตี’’ติ? เอวํ ปวตฺตกมฺมสฺสกตาทสฺสนปทฎฺฐานาฯ ปฎิฆานุนยวูปสโม ตสฺสา สมฺปตฺติ, เคหสฺสิตาย อญฺญาณุเปกฺขาย สมฺภโว วิปตฺติฯ
Lakkhaṇādito panettha hitākārappavattilakkhaṇā ‘mettā’, hitūpasaṃhārarasā, āghātavinayapaccupaṭṭhānā, sattānaṃ manāpabhāvadassanapadaṭṭhānā. Byāpādūpasamo etissā sampatti, sinehasambhavo vipatti. Dukkhāpanayanākārappavattilakkhaṇā ‘karuṇā’, paradukkhāsahanarasā, avihiṃsāpaccupaṭṭhānā , dukkhābhibhūtānaṃ anāthabhāvadassanapadaṭṭhānā. Vihiṃsūpasamo tassā sampatti, sokasambhavo vipatti. Sattesu pamodanalakkhaṇā ‘muditā’, anissāyanarasā, arativighātapaccupaṭṭhānā, sattānaṃ sampattidassanapadaṭṭhānā. Arativūpasamo tassā sampatti, pahāsasambhavo vipatti. Sattesu majjhattākārappavattilakkhaṇā ‘upekkhā’, sattesu samabhāvadassanarasā, paṭighānunayavūpasamapaccupaṭṭhānā, ‘‘kammassakā sattā, te kassa ruciyā sukhitā vā bhavissanti, dukkhato vā muccissanti, pattasampattito vā na parihāyissantī’’ti? Evaṃ pavattakammassakatādassanapadaṭṭhānā. Paṭighānunayavūpasamo tassā sampatti, gehassitāya aññāṇupekkhāya sambhavo vipatti.
จตุนฺนมฺปิ ปเนเตสํ พฺรหฺมวิหารานํ วิปสฺสนาสุขเญฺจว ภวสมฺปตฺติ จ สาธารณปฺปโยชนํ, พฺยาปาทาทิปฎิฆาโต อาเวณิกํฯ พฺยาปาทปฎิฆาตปฺปโยชนา เหตฺถ เมตฺตา, วิหิํสาอรติราคปฎิฆาตปฺปโยชนา อิตราฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Catunnampi panetesaṃ brahmavihārānaṃ vipassanāsukhañceva bhavasampatti ca sādhāraṇappayojanaṃ, byāpādādipaṭighāto āveṇikaṃ. Byāpādapaṭighātappayojanā hettha mettā, vihiṃsāaratirāgapaṭighātappayojanā itarā. Vuttampi cetaṃ –
‘‘นิสฺสรณเญฺหตํ, อาวุโส, พฺยาปาทสฺส ยทิทํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ, นิสฺสรณเญฺหตํ, อาวุโส, วิเหสาย ยทิทํ กรุณาเจโตวิมุตฺติ; นิสฺสรณเญฺหตํ, อาวุโส, อรติยา ยทิทํ มุทิตาเจโตวิมุตฺติ, นิสฺสรณเญฺหตํ, อาวุโส, ราคสฺส ยทิทํ อุเปกฺขาเจโตวิมุตฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๖; อ. นิ. ๖.๑๓)ฯ
‘‘Nissaraṇañhetaṃ, āvuso, byāpādassa yadidaṃ mettācetovimutti, nissaraṇañhetaṃ, āvuso, vihesāya yadidaṃ karuṇācetovimutti; nissaraṇañhetaṃ, āvuso, aratiyā yadidaṃ muditācetovimutti, nissaraṇañhetaṃ, āvuso, rāgassa yadidaṃ upekkhācetovimuttī’’ti (dī. ni. 3.326; a. ni. 6.13).
เอกเมกสฺส เจตฺถ อาสนฺนทูรวเสน เทฺว เทฺว ปจฺจตฺถิกาฯ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารสฺส หิ, สมีปจาโร วิย ปุริสสฺส สปโตฺต, คุณทสฺสนสภาคตาย ราโค อาสนฺนปจฺจตฺถิโกฯ โส ลหุํ โอตารํ ลภติฯ ตสฺมา ตโต สุฎฺฐุ เมตฺตา รกฺขิตพฺพาฯ ปพฺพตาทิคหนนิสฺสิโต วิย ปุริสสฺส สปโตฺต สภาววิสภาคตาย พฺยาปาโท ทูรปจฺจตฺถิโกฯ ตสฺมา ตโต นิพฺภเยน เมตฺตายิตพฺพํฯ เมตฺตายิสฺสติ จ นาม โกปญฺจ กริสฺสตีติ อฎฺฐานเมตํฯ
Ekamekassa cettha āsannadūravasena dve dve paccatthikā. Mettābrahmavihārassa hi, samīpacāro viya purisassa sapatto, guṇadassanasabhāgatāya rāgo āsannapaccatthiko. So lahuṃ otāraṃ labhati. Tasmā tato suṭṭhu mettā rakkhitabbā. Pabbatādigahananissito viya purisassa sapatto sabhāvavisabhāgatāya byāpādo dūrapaccatthiko. Tasmā tato nibbhayena mettāyitabbaṃ. Mettāyissati ca nāma kopañca karissatīti aṭṭhānametaṃ.
กรุณาพฺรหฺมวิหารสฺส ‘‘จกฺขุวิเญฺญยฺยานํ รูปานํ อิฎฺฐานํ กนฺตานํ มนาปานํ มโนรมานํ โลกามิสปฎิสํยุตฺตานํ อปฺปฎิลาภํ วา อปฺปฎิลาภโต สมนุปสฺสโต ปุเพฺพ วา ปฎิลทฺธปุพฺพํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ สมนุสฺสรโต อุปฺปชฺชติ โทมนสฺสํฯ ยํ เอวรูปํ โทมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ เคหสฺสิตํ โทมนสฺส’’นฺติอาทินา นเยน อาคตํ เคหสฺสิตํ โทมนสฺสํ วิปตฺติทสฺสนสภาคตาย อาสนฺนปจฺจตฺถิกํฯ สภาววิสภาคตาย วิเหสา ทูรปจฺจตฺถิกาฯ ตสฺมา ตโต นิพฺภเยน กรุณายิตพฺพํฯ กรุณญฺจ นาม กริสฺสติ ปาณิอาทีหิ จ วิเหสิสฺสตีติ อฎฺฐานเมตํฯ
Karuṇābrahmavihārassa ‘‘cakkhuviññeyyānaṃ rūpānaṃ iṭṭhānaṃ kantānaṃ manāpānaṃ manoramānaṃ lokāmisapaṭisaṃyuttānaṃ appaṭilābhaṃ vā appaṭilābhato samanupassato pubbe vā paṭiladdhapubbaṃ atītaṃ niruddhaṃ vipariṇataṃ samanussarato uppajjati domanassaṃ. Yaṃ evarūpaṃ domanassaṃ idaṃ vuccati gehassitaṃ domanassa’’ntiādinā nayena āgataṃ gehassitaṃ domanassaṃ vipattidassanasabhāgatāya āsannapaccatthikaṃ. Sabhāvavisabhāgatāya vihesā dūrapaccatthikā. Tasmā tato nibbhayena karuṇāyitabbaṃ. Karuṇañca nāma karissati pāṇiādīhi ca vihesissatīti aṭṭhānametaṃ.
มุทิตาพฺรหฺมวิหารสฺส ‘‘จกฺขุวิเญฺญยฺยานํ รูปานํ อิฎฺฐานํ กนฺตานํ มนาปานํ มโนรมานํ โลกามิสปฎิสํยุตฺตานํ ปฎิลาภํ วา ปฎิลาภโต สมนุปสฺสโต ปุเพฺพ วา ปฎิลทฺธปุพฺพํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ สมนุสฺสรโต อุปฺปชฺชติ โสมนสฺสํฯ ยํ เอวรูปํ โสมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ เคหสฺสิตํ โสมนสฺส’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๖) นเยน อาคตํ เคหสฺสิตํ โสมนสฺสํ สมฺปตฺติทสฺสนสภาคตาย อาสนฺนปจฺจตฺถิกํฯ สภาววิสภาคตาย อรติ ทูรปจฺจตฺถิกาฯ ตสฺมา ตโต นิพฺภเยน มุทิตา ภาเวตพฺพาฯ ปมุทิโต จ นาม ภวิสฺสติ ปนฺตเสนาสเนสุ จ อธิกุสลธเมฺมสุ จ อุกฺกณฺฐิสฺสตีติ อฎฺฐานเมตํฯ
Muditābrahmavihārassa ‘‘cakkhuviññeyyānaṃ rūpānaṃ iṭṭhānaṃ kantānaṃ manāpānaṃ manoramānaṃ lokāmisapaṭisaṃyuttānaṃ paṭilābhaṃ vā paṭilābhato samanupassato pubbe vā paṭiladdhapubbaṃ atītaṃ niruddhaṃ vipariṇataṃ samanussarato uppajjati somanassaṃ. Yaṃ evarūpaṃ somanassaṃ idaṃ vuccati gehassitaṃ somanassa’’ntiādinā (ma. ni. 3.306) nayena āgataṃ gehassitaṃ somanassaṃ sampattidassanasabhāgatāya āsannapaccatthikaṃ. Sabhāvavisabhāgatāya arati dūrapaccatthikā. Tasmā tato nibbhayena muditā bhāvetabbā. Pamudito ca nāma bhavissati pantasenāsanesu ca adhikusaladhammesu ca ukkaṇṭhissatīti aṭṭhānametaṃ.
อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารสฺส ปน ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺส อโนธิชินสฺส อวิปากชินสฺส อนาทีนวทสฺสาวิโน อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺสฯ ยา เอวรูปา อุเปกฺขา รูปํ สา นาติวตฺตติฯ ตสฺมา สา อุเปกฺขา เคหสฺสิตาติ วุจฺจตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๘) นเยน อาคตา เคหสฺสิตา อญฺญาณุเปกฺขา โทสคุณานํ อวิจารณวเสน สภาคตฺตา อาสนฺนปจฺจตฺถิกาฯ สภาววิสภาคตาย ราคปฎิฆา ทูรปจฺจตฺถิกาฯ ตสฺมา ตโต นิพฺภเยน อุเปกฺขิตพฺพํฯ อุเปกฺขิสฺสติ จ นาม รชฺชิสฺสติ จ ปฎิหญฺญิสฺสติ จาติ อฎฺฐานเมตํฯ
Upekkhābrahmavihārassa pana ‘‘cakkhunā rūpaṃ disvā uppajjati upekkhā bālassa mūḷhassa puthujjanassa anodhijinassa avipākajinassa anādīnavadassāvino assutavato puthujjanassa. Yā evarūpā upekkhā rūpaṃ sā nātivattati. Tasmā sā upekkhā gehassitāti vuccatī’’tiādinā (ma. ni. 3.308) nayena āgatā gehassitā aññāṇupekkhā dosaguṇānaṃ avicāraṇavasena sabhāgattā āsannapaccatthikā. Sabhāvavisabhāgatāya rāgapaṭighā dūrapaccatthikā. Tasmā tato nibbhayena upekkhitabbaṃ. Upekkhissati ca nāma rajjissati ca paṭihaññissati cāti aṭṭhānametaṃ.
สเพฺพสมฺปิ จ เอเตสํ กตฺตุกามตาฉโนฺท อาทิ, นีวรณาทิวิกฺขมฺภนํ มชฺฌํ, อปฺปนา ปริโยสานํ, ปญฺญตฺติธมฺมวเสน เอโก วา สโตฺต อเนกา วา สตฺตา อารมฺมณํ, อุปจาเร วา อปฺปนาย วา ปตฺตาย อารมฺมณวฑฺฒนํฯ
Sabbesampi ca etesaṃ kattukāmatāchando ādi, nīvaraṇādivikkhambhanaṃ majjhaṃ, appanā pariyosānaṃ, paññattidhammavasena eko vā satto anekā vā sattā ārammaṇaṃ, upacāre vā appanāya vā pattāya ārammaṇavaḍḍhanaṃ.
ตตฺรายํ วฑฺฒนกฺกโม – ยถา หิ กุสโล กสฺสโก กสิตพฺพฎฺฐานํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา กสติ, เอวํ ปฐมเมว เอกํ อาวาสํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตตฺถ สเตฺตสุ ‘อิมสฺมิํ อาวาเส สตฺตา อเวรา โหนฺตู’ติอาทินา นเยน เมตฺตา ภาเวตพฺพาฯ ตตฺถ จิตฺตํ มุทุํ กมฺมนิยํ กตฺวา เทฺว อาวาสา ปริจฺฉินฺทิตพฺพา ฯ ตโต อนุกฺกเมน ตโย จตฺตาโร ปญฺจ ฉ สตฺต อฎฺฐ นว ทส, เอกา รจฺฉา, อุปฑฺฒคาโม, คาโม, ชนปโท, รชฺชํ, เอกา ทิสาติ เอวํ ยาว เอกํ จกฺกวาฬํ, ตโต วา ปน ภิโยฺย ตตฺถ ตตฺถ สเตฺตสุ เมตฺตา ภาเวตพฺพาฯ ตถา กรุณาทโยติฯ อยเมตฺถ อารมฺมณวฑฺฒนกฺกโมฯ
Tatrāyaṃ vaḍḍhanakkamo – yathā hi kusalo kassako kasitabbaṭṭhānaṃ paricchinditvā kasati, evaṃ paṭhamameva ekaṃ āvāsaṃ paricchinditvā tattha sattesu ‘imasmiṃ āvāse sattā averā hontū’tiādinā nayena mettā bhāvetabbā. Tattha cittaṃ muduṃ kammaniyaṃ katvā dve āvāsā paricchinditabbā . Tato anukkamena tayo cattāro pañca cha satta aṭṭha nava dasa, ekā racchā, upaḍḍhagāmo, gāmo, janapado, rajjaṃ, ekā disāti evaṃ yāva ekaṃ cakkavāḷaṃ, tato vā pana bhiyyo tattha tattha sattesu mettā bhāvetabbā. Tathā karuṇādayoti. Ayamettha ārammaṇavaḍḍhanakkamo.
ยถา ปน กสิณานํ นิสฺสโนฺท อารุปฺปา, สมาธีนํ นิสฺสโนฺท เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ, วิปสฺสนานํ นิสฺสโนฺท ผลสมาปตฺติ, สมถวิปสฺสนานํ นิสฺสโนฺท นิโรธสมาปตฺติ, เอวํ ปุริมพฺรหฺมวิหารตฺตยสฺส นิสฺสโนฺท เอตฺถ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาโรฯ ยถา หิ ถเมฺภ อนุสฺสาเปตฺวา ตุลาสงฺฆาฎํ อนาโรเปตฺวา น สกฺกา อากาเส กูฎโคปานสิโย ฐเปตุํ, เอวํ ปุริเมสุ ตติยชฺฌานํ วินา น สกฺกา จตุตฺถํ ภาเวตุํฯ กสิเณสุ ปน อุปฺปนฺนตติยชฺฌานสฺสเปสา นุปฺปชฺชติ วิสภาคารมฺมณตฺตาติฯ
Yathā pana kasiṇānaṃ nissando āruppā, samādhīnaṃ nissando nevasaññānāsaññāyatanaṃ, vipassanānaṃ nissando phalasamāpatti, samathavipassanānaṃ nissando nirodhasamāpatti, evaṃ purimabrahmavihārattayassa nissando ettha upekkhābrahmavihāro. Yathā hi thambhe anussāpetvā tulāsaṅghāṭaṃ anāropetvā na sakkā ākāse kūṭagopānasiyo ṭhapetuṃ, evaṃ purimesu tatiyajjhānaṃ vinā na sakkā catutthaṃ bhāvetuṃ. Kasiṇesu pana uppannatatiyajjhānassapesā nuppajjati visabhāgārammaṇattāti.
เอตฺถ สิยา – ‘กสฺมา ปเนตา เมตฺตา กรุณา มุทิตา อุเปกฺขา พฺรหฺมวิหาราติ วุจฺจนฺติ? กสฺมา จ, จตโสฺสว? โก จ เอตาสํ กโม? วิภเงฺค จ กสฺมา อปฺปมญฺญาติ วุตฺตา’ติ? วุจฺจเต – เสฎฺฐเฎฺฐน ตาว นิโทฺทสภาเวน เจตฺถ พฺรหฺมวิหารตา เวทิตพฺพาฯ สเตฺตสุ สมฺมาปฎิปตฺติภาเวน หิ เสฎฺฐา เอเต วิหาราฯ ยถา จ พฺรหฺมาโน นิโทฺทสจิตฺตา วิหรนฺติ, เอวํ เอเตหิ สมฺปยุตฺตา โยคิโน พฺรหฺมสมาว หุตฺวา วิหรนฺตีติ เสฎฺฐเฎฺฐน นิโทฺทสภาเวน จ พฺรหฺมวิหาราติ วุจฺจนฺติฯ
Ettha siyā – ‘kasmā panetā mettā karuṇā muditā upekkhā brahmavihārāti vuccanti? Kasmā ca, catassova? Ko ca etāsaṃ kamo? Vibhaṅge ca kasmā appamaññāti vuttā’ti? Vuccate – seṭṭhaṭṭhena tāva niddosabhāvena cettha brahmavihāratā veditabbā. Sattesu sammāpaṭipattibhāvena hi seṭṭhā ete vihārā. Yathā ca brahmāno niddosacittā viharanti, evaṃ etehi sampayuttā yogino brahmasamāva hutvā viharantīti seṭṭhaṭṭhena niddosabhāvena ca brahmavihārāti vuccanti.
กสฺมา จ จตโสฺสติอาทิปญฺหสฺส ปน อิทํ วิสฺสชฺชนํ –
Kasmā ca catassotiādipañhassa pana idaṃ vissajjanaṃ –
วิสุทฺธิมคฺคาทิวสา จตโสฺส,
Visuddhimaggādivasā catasso,
หิตาทิอาการวสา ปนาสํ;
Hitādiākāravasā panāsaṃ;
กโม ปวตฺตนฺติ จ อปฺปมาเณ,
Kamo pavattanti ca appamāṇe,
ตา โคจเร เยน ตทปฺปมญฺญาฯ
Tā gocare yena tadappamaññā.
เอตาสุ หิ ยสฺมา เมตฺตา พฺยาปาทพหุลสฺส, กรุณา วิหิํสาพหุลสฺส, มุทิตา อรติพหุลสฺส, อุเปกฺขา ราคพหุลสฺส วิสุทฺธิมโคฺค; ยสฺมา จ หิตูปสํหารอหิตาปนยนสมฺปตฺติโมทนอนาโภควเสน จตุพฺพิโธเยว สเตฺตสุ มนสิกาโร; ยสฺมา จ ยถา มาตา ทหรคิลานโยพฺพนปฺปตฺตสกิจฺจปสุเตสุ จตูสุ ปุเตฺตสุ ทหรสฺส อภิวุฑฺฒิกามา โหติ, คิลานสฺส เคลญฺญาปนยนกามา, โยพฺพนปฺปตฺตสฺส โยพฺพนสมฺปตฺติยา จิรฎฺฐิติกามา, สกิจฺจปสุตสฺส กิสฺมิญฺจิปิ ปริยาเย อพฺยาวฎา โหติ, ตถา อปฺปมญฺญาวิหาริเกนาปิ สพฺพสเตฺตสุ เมตฺตาทิวเสน ภวิตพฺพํ, ตสฺมา อิโต วิสุทฺธิมคฺคาทิวสา จตโสฺสว อปฺปมญฺญาฯ
Etāsu hi yasmā mettā byāpādabahulassa, karuṇā vihiṃsābahulassa, muditā aratibahulassa, upekkhā rāgabahulassa visuddhimaggo; yasmā ca hitūpasaṃhāraahitāpanayanasampattimodanaanābhogavasena catubbidhoyeva sattesu manasikāro; yasmā ca yathā mātā daharagilānayobbanappattasakiccapasutesu catūsu puttesu daharassa abhivuḍḍhikāmā hoti, gilānassa gelaññāpanayanakāmā, yobbanappattassa yobbanasampattiyā ciraṭṭhitikāmā, sakiccapasutassa kismiñcipi pariyāye abyāvaṭā hoti, tathā appamaññāvihārikenāpi sabbasattesu mettādivasena bhavitabbaṃ, tasmā ito visuddhimaggādivasā catassova appamaññā.
ยสฺมา ปน จตโสฺสเปตา ภาเวตุกาเมน ปฐมํ หิตาการปฺปวตฺติวเสน สเตฺตสุ ปฎิปชฺชิตพฺพํ, หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา จ เมตฺตา; ตโต เอวํ ปตฺถิตหิตานํ สตฺตานํ ทุกฺขาภิภวํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา สมฺภาเวตฺวา วา ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติวเสน, ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติลกฺขณา จ กรุณา; อเถวํ ปตฺถิตหิตานํ ปตฺถิตทุกฺขาปคมานญฺจ เนสํ สมฺปตฺติํ ทิสฺวา สมฺปตฺติปฺปโมทนวเสน, ปโมทนลกฺขณา จ มุทิตา; ตโต ปรํ ปน กตฺตพฺพาภาวโต อชฺฌุเปกฺขกตาสงฺขาเตน มชฺฌตฺตากาเรน ปฎิปชฺชิตพฺพํ, มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺติลกฺขณา จ อุเปกฺขา; ตสฺมา อิโต หิตาทิอาการวสา ปนาสํ ปฐมํ เมตฺตา วุตฺตาฯ อถ กรุณา มุทิตา อุเปกฺขาติ อยํ กโม เวทิตโพฺพฯ
Yasmā pana catassopetā bhāvetukāmena paṭhamaṃ hitākārappavattivasena sattesu paṭipajjitabbaṃ, hitākārappavattilakkhaṇā ca mettā; tato evaṃ patthitahitānaṃ sattānaṃ dukkhābhibhavaṃ disvā vā sutvā vā sambhāvetvā vā dukkhāpanayanākārappavattivasena, dukkhāpanayanākārappavattilakkhaṇā ca karuṇā; athevaṃ patthitahitānaṃ patthitadukkhāpagamānañca nesaṃ sampattiṃ disvā sampattippamodanavasena, pamodanalakkhaṇā ca muditā; tato paraṃ pana kattabbābhāvato ajjhupekkhakatāsaṅkhātena majjhattākārena paṭipajjitabbaṃ, majjhattākārappavattilakkhaṇā ca upekkhā; tasmā ito hitādiākāravasā panāsaṃ paṭhamaṃ mettā vuttā. Atha karuṇā muditā upekkhāti ayaṃ kamo veditabbo.
ยสฺมา ปน สพฺพาเปตา อปฺปมาเณ โคจเร ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา อปฺปมญฺญาติ วุจฺจนฺติฯ อปฺปมาณา หิ สตฺตา เอตาสํ โคจรภูตา, ‘เอกสตฺตสฺสาปิ จ เอตฺตเก ปเทเส เมตฺตาทโย ภาเวตพฺพา’ติ เอวํ ปมาณํ อคฺคเหตฺวา สกลผรณวเสเนว ปวตฺตาติ, เตน วุตฺตํ –
Yasmā pana sabbāpetā appamāṇe gocare pavattanti, tasmā appamaññāti vuccanti. Appamāṇā hi sattā etāsaṃ gocarabhūtā, ‘ekasattassāpi ca ettake padese mettādayo bhāvetabbā’ti evaṃ pamāṇaṃ aggahetvā sakalapharaṇavaseneva pavattāti, tena vuttaṃ –
วิสุทฺธิมคฺคาทิวสา จตโสฺส,
Visuddhimaggādivasā catasso,
หิตาทิอาการวสา ปนาสํ;
Hitādiākāravasā panāsaṃ;
กโม ปวตฺตนฺติ จ อปฺปมาเณ,
Kamo pavattanti ca appamāṇe,
ตา โคจเร เยน ตทปฺปมญฺญาติฯ
Tā gocare yena tadappamaññāti.
เอวํ อปฺปมาณโคจรตาย เอกลกฺขณาสุ จาปิ เอตาสุ ปุริมา ติโสฺส ติกจตุกฺกชฺฌานิกาว โหนฺติฯ กสฺมา? โสมนสฺสาวิปฺปโยคโตฯ กสฺมา ปนาสํ โสมนเสฺสน อวิปฺปโยโคติ? โทมนสฺสสมุฎฺฐิตานํ พฺยาปาทาทีนํ นิสฺสรณตฺตาฯ ปจฺฉิมา ปน อวเสเสกชฺฌานิกาวฯ กสฺมา? อุเปกฺขาเวทนาสมฺปโยคโตฯ น หิ สเตฺตสุ มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺตา พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา อุเปกฺขาเวทนํ วินา วตฺตตีติฯ
Evaṃ appamāṇagocaratāya ekalakkhaṇāsu cāpi etāsu purimā tisso tikacatukkajjhānikāva honti. Kasmā? Somanassāvippayogato. Kasmā panāsaṃ somanassena avippayogoti? Domanassasamuṭṭhitānaṃ byāpādādīnaṃ nissaraṇattā. Pacchimā pana avasesekajjhānikāva. Kasmā? Upekkhāvedanāsampayogato. Na hi sattesu majjhattākārappavattā brahmavihārupekkhā upekkhāvedanaṃ vinā vattatīti.
พฺรหฺมวิหารกถาฯ
Brahmavihārakathā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / รูปาวจรกุสลํ • Rūpāvacarakusalaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / พฺรหฺมวิหารกถาวณฺณนา • Brahmavihārakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / พฺรหฺมวิหารกถาวณฺณนา • Brahmavihārakathāvaṇṇanā