Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi

    ๕. พฺรหฺมยาจนกถา

    5. Brahmayācanakathā

    . 1 อถ โข ภควา สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐหิตฺวา ราชายตนมูลา เยน อชปาลนิโคฺรโธ เตนุปสงฺกมิฯ ตตฺร สุทํ ภควา อชปาลนิโคฺรธมูเล วิหรติฯ อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธโมฺม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สโนฺต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโยฯ อาลยรามา โข ปนายํ ปชา อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตาฯ อาลยรามาย โข ปน ปชาย อาลยรตาย อาลยสมฺมุทิตาย ทุทฺทสํ อิทํ ฐานํ ยทิทํ อิทปฺปจฺจยตาปอจฺจสมุปฺปาโท; อิทมฺปิ โข ฐานํ สุทุทฺทสํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํฯ อหเญฺจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุํ, โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’’ติฯ อปิสฺสุ ภควนฺตํ อิมา อนจฺฉริยา คาถาโย ปฎิภํสุ ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพา –

    7.2 Atha kho bhagavā sattāhassa accayena tamhā samādhimhā vuṭṭhahitvā rājāyatanamūlā yena ajapālanigrodho tenupasaṅkami. Tatra sudaṃ bhagavā ajapālanigrodhamūle viharati. Atha kho bhagavato rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘adhigato kho myāyaṃ dhammo gambhīro duddaso duranubodho santo paṇīto atakkāvacaro nipuṇo paṇḍitavedanīyo. Ālayarāmā kho panāyaṃ pajā ālayaratā ālayasammuditā. Ālayarāmāya kho pana pajāya ālayaratāya ālayasammuditāya duddasaṃ idaṃ ṭhānaṃ yadidaṃ idappaccayatāpaaccasamuppādo; idampi kho ṭhānaṃ sududdasaṃ yadidaṃ sabbasaṅkhārasamatho sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhākkhayo virāgo nirodho nibbānaṃ. Ahañceva kho pana dhammaṃ deseyyaṃ, pare ca me na ājāneyyuṃ, so mamassa kilamatho, sā mamassa vihesā’’ti. Apissu bhagavantaṃ imā anacchariyā gāthāyo paṭibhaṃsu pubbe assutapubbā –

    ‘‘กิเจฺฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุํ;

    ‘‘Kicchena me adhigataṃ, halaṃ dāni pakāsituṃ;

    ราคโทสปเรเตหิ, นายํ ธโมฺม สุสมฺพุโธฯ

    Rāgadosaparetehi, nāyaṃ dhammo susambudho.

    ‘‘ปฎิโสตคามิํ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;

    ‘‘Paṭisotagāmiṃ nipuṇaṃ, gambhīraṃ duddasaṃ aṇuṃ;

    ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขเนฺธน อาวุฎา 3’’ติฯ

    Rāgarattā na dakkhanti, tamokhandhena āvuṭā 4’’ti.

    อิติห ภควโต ปฎิสญฺจิกฺขโต อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ, โน ธมฺมเทสนายฯ

    Itiha bhagavato paṭisañcikkhato appossukkatāya cittaṃ namati, no dhammadesanāya.

    . อถ โข พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺส ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เอตทโหสิ – ‘‘นสฺสติ วต โภ โลโก, วินสฺสติ วต โภ โลโก, ยตฺร หิ นาม ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ 5, โน ธมฺมเทสนายา’’ติฯ อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย เอวเมว – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต ภควโต ปุรโต ปาตุรโหสิฯ อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ นิหนฺตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เทเสตุ, ภเนฺต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํฯ สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ , ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร’’ติฯ อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวาน อถาปรํ เอตทโวจ –

    8. Atha kho brahmuno sahampatissa bhagavato cetasā cetoparivitakkamaññāya etadahosi – ‘‘nassati vata bho loko, vinassati vata bho loko, yatra hi nāma tathāgatassa arahato sammāsambuddhassa appossukkatāya cittaṃ namati 6, no dhammadesanāyā’’ti. Atha kho brahmā sahampati – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya evameva – brahmaloke antarahito bhagavato purato pāturahosi. Atha kho brahmā sahampati ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā dakkhiṇajāṇumaṇḍalaṃ pathaviyaṃ nihantvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘desetu, bhante, bhagavā dhammaṃ, desetu sugato dhammaṃ. Santi sattā apparajakkhajātikā, assavanatā dhammassa parihāyanti , bhavissanti dhammassa aññātāro’’ti. Idamavoca brahmā sahampati, idaṃ vatvāna athāparaṃ etadavoca –

    ‘‘ปาตุรโหสิ มคเธสุ ปุเพฺพ;

    ‘‘Pāturahosi magadhesu pubbe;

    ธโมฺม อสุโทฺธ สมเลหิ จินฺติโต;

    Dhammo asuddho samalehi cintito;

    อปาปุเรตํ 7 อมตสฺส ทฺวารํ;

    Apāpuretaṃ 8 amatassa dvāraṃ;

    สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธํฯ

    Suṇantu dhammaṃ vimalenānubuddhaṃ.

    ‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฎฺฐิโต;

    ‘‘Sele yathā pabbatamuddhaniṭṭhito;

    ยถาปิ ปเสฺส ชนตํ สมนฺตโต;

    Yathāpi passe janataṃ samantato;

    ตถูปมํ ธมฺมมยํ สุเมธ;

    Tathūpamaṃ dhammamayaṃ sumedha;

    ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขุ;

    Pāsādamāruyha samantacakkhu;

    โสกาวติณฺณํ ชนตมเปตโสโก;

    Sokāvatiṇṇaṃ janatamapetasoko;

    อเวกฺขสฺสุ ชาติชราภิภูตํฯ

    Avekkhassu jātijarābhibhūtaṃ.

    ‘‘อุเฎฺฐหิ วีร วิชิตสงฺคาม;

    ‘‘Uṭṭhehi vīra vijitasaṅgāma;

    สตฺถวาห อณณ 9 วิจร โลเก;

    Satthavāha aṇaṇa 10 vicara loke;

    เทสสฺสุ 11 ภควา ธมฺมํ;

    Desassu 12 bhagavā dhammaṃ;

    อญฺญาตาโร ภวิสฺสนฺตี’’ติฯ

    Aññātāro bhavissantī’’ti.

    13 [ เอวํ วุเตฺต ภควา พฺรหฺมานํ สหมฺปติํ เอตทโวจ – ‘‘มยฺหมฺปิ โข, พฺรเหฺม, เอตทโหสิ – ‘อธิคโต โข มฺยายํ ธโมฺม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สโนฺต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโยฯ อาลยรามา โข ปนายํ ปชา อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตาฯ อาลยรามาย โข ปน ปชาย อาลยรตาย อาลยสมฺมุทิตาย ทุทฺทสํ อิทํ ฐานํ ยทิทํ อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปาโท; อิทมฺปิ โข ฐานํ สุทุทฺทสํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํฯ อหเญฺจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุํ, โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’ติฯ อปิสฺสุ มํ, พฺรเหฺม, อิมา อนจฺฉริยา คาถาโย ปฎิภํสุ ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพา –

    14 [ Evaṃ vutte bhagavā brahmānaṃ sahampatiṃ etadavoca – ‘‘mayhampi kho, brahme, etadahosi – ‘adhigato kho myāyaṃ dhammo gambhīro duddaso duranubodho santo paṇīto atakkāvacaro nipuṇo paṇḍitavedanīyo. Ālayarāmā kho panāyaṃ pajā ālayaratā ālayasammuditā. Ālayarāmāya kho pana pajāya ālayaratāya ālayasammuditāya duddasaṃ idaṃ ṭhānaṃ yadidaṃ idappaccayatāpaṭiccasamuppādo; idampi kho ṭhānaṃ sududdasaṃ yadidaṃ sabbasaṅkhārasamatho sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhākkhayo virāgo nirodho nibbānaṃ. Ahañceva kho pana dhammaṃ deseyyaṃ, pare ca me na ājāneyyuṃ, so mamassa kilamatho, sā mamassa vihesā’ti. Apissu maṃ, brahme, imā anacchariyā gāthāyo paṭibhaṃsu pubbe assutapubbā –

    ‘กิเจฺฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุํ;

    ‘Kicchena me adhigataṃ, halaṃ dāni pakāsituṃ;

    ราคโทสปเรเตหิ, นายํ ธโมฺม สุสมฺพุโธฯ

    Rāgadosaparetehi, nāyaṃ dhammo susambudho.

    ‘ปฎิโสตคามิํ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;

    ‘Paṭisotagāmiṃ nipuṇaṃ, gambhīraṃ duddasaṃ aṇuṃ;

    ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขเนฺธน อาวุฎา’ติฯ

    Rāgarattā na dakkhanti, tamokhandhena āvuṭā’ti.

    อิติห เม, พฺรเหฺม, ปฎิสญฺจิกฺขโต อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ โน ธมฺมเทสนายา’’ติฯ

    Itiha me, brahme, paṭisañcikkhato appossukkatāya cittaṃ namati no dhammadesanāyā’’ti.

    ทุติยมฺปิ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เทเสตุ, ภเนฺต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํ; สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ, ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร’’ติฯ อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวาน อถาปรํ เอตทโวจ –

    Dutiyampi kho brahmā sahampati bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘desetu, bhante, bhagavā dhammaṃ, desetu sugato dhammaṃ; santi sattā apparajakkhajātikā, assavanatā dhammassa parihāyanti, bhavissanti dhammassa aññātāro’’ti. Idamavoca brahmā sahampati, idaṃ vatvāna athāparaṃ etadavoca –

    ‘‘ปาตุรโหสิ มคเธสุ ปุเพฺพ;

    ‘‘Pāturahosi magadhesu pubbe;

    ธโมฺม อสุโทฺธ สมเลหิ จินฺติโต;

    Dhammo asuddho samalehi cintito;

    อปาปุเรตํ อมตสฺส ทฺวารํ;

    Apāpuretaṃ amatassa dvāraṃ;

    สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธํฯ

    Suṇantu dhammaṃ vimalenānubuddhaṃ.

    ‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฎฺฐิโต;

    ‘‘Sele yathā pabbatamuddhaniṭṭhito;

    ยถาปิ ปเสฺส ชนตํ สมนฺตโต;

    Yathāpi passe janataṃ samantato;

    ตถูปมํ ธมฺมมยํ สุเมธ;

    Tathūpamaṃ dhammamayaṃ sumedha;

    ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขุ;

    Pāsādamāruyha samantacakkhu;

    โสกาวติณฺณํ ชนตมเปตโสโก;

    Sokāvatiṇṇaṃ janatamapetasoko;

    อเวกฺขสฺสุ ชาติชราภิภูตํฯ

    Avekkhassu jātijarābhibhūtaṃ.

    ‘‘อุเฎฺฐหิ วีร วิชิตสงฺคาม;

    ‘‘Uṭṭhehi vīra vijitasaṅgāma;

    สตฺถวาห อณณ วิจร โลเก;

    Satthavāha aṇaṇa vicara loke;

    เทสสฺสุ ภควา ธมฺมํ;

    Desassu bhagavā dhammaṃ;

    อญฺญาตาโร ภวิสฺสนฺตี’’ติฯ

    Aññātāro bhavissantī’’ti.

    ทุติยมฺปิ โข ภควา พฺรหฺมานํ สหมฺปติํ เอตทโวจ – ‘‘มยฺหมฺปิ โข, พฺรเหฺม, เอตทโหสิ – ‘อธิคโต โข มฺยายํ ธโมฺม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สโนฺต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโยฯ อาลยรามา โข ปนายํ ปชา อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตาฯ อาลยรามาย โข ปน ปชาย อาลยรตาย อาลยสมฺมุทิตาย ทุทฺทสํ อิทํ ฐานํ ยทิทํ อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปาโท; อิทมฺปิ โข ฐานํ สุทุทฺทสํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํฯ อหเญฺจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุํ, โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’ติฯ อปิสฺสุ มํ, พฺรเหฺม, อิมา อนจฺฉริยา คาถาโย ปฎิภํสุ ปุเพฺพ อสฺสุตปุพฺพา –

    Dutiyampi kho bhagavā brahmānaṃ sahampatiṃ etadavoca – ‘‘mayhampi kho, brahme, etadahosi – ‘adhigato kho myāyaṃ dhammo gambhīro duddaso duranubodho santo paṇīto atakkāvacaro nipuṇo paṇḍitavedanīyo. Ālayarāmā kho panāyaṃ pajā ālayaratā ālayasammuditā. Ālayarāmāya kho pana pajāya ālayaratāya ālayasammuditāya duddasaṃ idaṃ ṭhānaṃ yadidaṃ idappaccayatāpaṭiccasamuppādo; idampi kho ṭhānaṃ sududdasaṃ yadidaṃ sabbasaṅkhārasamatho sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhākkhayo virāgo nirodho nibbānaṃ. Ahañceva kho pana dhammaṃ deseyyaṃ, pare ca me na ājāneyyuṃ, so mamassa kilamatho, sā mamassa vihesā’ti. Apissu maṃ, brahme, imā anacchariyā gāthāyo paṭibhaṃsu pubbe assutapubbā –

    ‘กิเจฺฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุํ;

    ‘Kicchena me adhigataṃ, halaṃ dāni pakāsituṃ;

    ราคโทสปเรเตหิ, นายํ ธโมฺม สุสมฺพุโธฯ

    Rāgadosaparetehi, nāyaṃ dhammo susambudho.

    ‘ปฎิโสตคามิํ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;

    ‘Paṭisotagāmiṃ nipuṇaṃ, gambhīraṃ duddasaṃ aṇuṃ;

    ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขเนฺธน อาวุฎา’ติฯ

    Rāgarattā na dakkhanti, tamokhandhena āvuṭā’ti.

    อิติห เม, พฺรเหฺม, ปฎิสญฺจิกฺขโต อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ, โน ธมฺมเทสนายา’’ติฯ

    Itiha me, brahme, paṭisañcikkhato appossukkatāya cittaṃ namati, no dhammadesanāyā’’ti.

    ตติยมฺปิ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เทเสตุ, ภเนฺต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํฯ สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ, ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร’’ติฯ อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวาน อถาปรํ เอตทโวจ –

    Tatiyampi kho brahmā sahampati bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘desetu, bhante, bhagavā dhammaṃ, desetu sugato dhammaṃ. Santi sattā apparajakkhajātikā, assavanatā dhammassa parihāyanti, bhavissanti dhammassa aññātāro’’ti. Idamavoca brahmā sahampati, idaṃ vatvāna athāparaṃ etadavoca –

    ‘‘ปาตุรโหสิ มคเธสุ ปุเพฺพ;

    ‘‘Pāturahosi magadhesu pubbe;

    ธโมฺม อสุโทฺธ สมเลหิ จินฺติโต;

    Dhammo asuddho samalehi cintito;

    อปาปุเรตํ อมตสฺส ทฺวารํ;

    Apāpuretaṃ amatassa dvāraṃ;

    สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธํฯ

    Suṇantu dhammaṃ vimalenānubuddhaṃ.

    ‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฎฺฐิโต;

    ‘‘Sele yathā pabbatamuddhaniṭṭhito;

    ยถาปิ ปเสฺส ชนตํ สมนฺตโต;

    Yathāpi passe janataṃ samantato;

    ตถูปมํ ธมฺมมยํ สุเมธ;

    Tathūpamaṃ dhammamayaṃ sumedha;

    ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขุ;

    Pāsādamāruyha samantacakkhu;

    โสกาวติณฺณํ ชนตมเปตโสโก;

    Sokāvatiṇṇaṃ janatamapetasoko;

    อเวกฺขสฺสุ ชาติชราภิภูตํฯ

    Avekkhassu jātijarābhibhūtaṃ.

    ‘‘อุเฎฺฐหิ วีร วิชิตสงฺคาม;

    ‘‘Uṭṭhehi vīra vijitasaṅgāma;

    สตฺถวาห อณณ วิจร โลเก;

    Satthavāha aṇaṇa vicara loke;

    เทสสฺสุ ภควา ธมฺมํ;

    Desassu bhagavā dhammaṃ;

    อญฺญาตาโร ภวิสฺสนฺตี’’ติฯ

    Aññātāro bhavissantī’’ti.

    . อถ โข ภควา พฺรหฺมุโน จ อเชฺฌสนํ วิทิตฺวา สเตฺตสุ จ การุญฺญตํ ปฎิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสิฯ อทฺทสา โข ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกโนฺต สเตฺต อปฺปรชเกฺข มหารชเกฺข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิญฺญาปเย ทุวิญฺญาปเย, อเปฺปกเจฺจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน 15 วิหรเนฺต, อเปฺปกเจฺจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรเนฺตฯ เสยฺยถาปิ นาม อุปฺปลินิยํ วา ปทุมินิยํ วา ปุณฺฑรีกินิยํ วา อเปฺปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อโนฺต นิมุคฺคโปสีนิ , อเปฺปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ สโมทกํ ฐิตานิ, อเปฺปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ฐิตานิ 16 อนุปลิตฺตานิ อุทเกน, เอวเมวํ ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกโนฺต อทฺทส สเตฺต อปฺปรชเกฺข มหารชเกฺข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิญฺญาปเย ทุวิญฺญาปเย, อเปฺปกเจฺจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรเนฺต, อเปฺปกเจฺจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรเนฺต; ทิสฺวาน พฺรหฺมานํ สหมฺปติํ คาถาย ปจฺจภาสิ –

    9. Atha kho bhagavā brahmuno ca ajjhesanaṃ viditvā sattesu ca kāruññataṃ paṭicca buddhacakkhunā lokaṃ volokesi. Addasā kho bhagavā buddhacakkhunā lokaṃ volokento satte apparajakkhe mahārajakkhe tikkhindriye mudindriye svākāre dvākāre suviññāpaye duviññāpaye, appekacce paralokavajjabhayadassāvine 17 viharante, appekacce na paralokavajjabhayadassāvine viharante. Seyyathāpi nāma uppaliniyaṃ vā paduminiyaṃ vā puṇḍarīkiniyaṃ vā appekaccāni uppalāni vā padumāni vā puṇḍarīkāni vā udake jātāni udake saṃvaḍḍhāni udakānuggatāni anto nimuggaposīni , appekaccāni uppalāni vā padumāni vā puṇḍarīkāni vā udake jātāni udake saṃvaḍḍhāni samodakaṃ ṭhitāni, appekaccāni uppalāni vā padumāni vā puṇḍarīkāni vā udake jātāni udake saṃvaḍḍhāni udakaṃ accuggamma ṭhitāni 18 anupalittāni udakena, evamevaṃ bhagavā buddhacakkhunā lokaṃ volokento addasa satte apparajakkhe mahārajakkhe tikkhindriye mudindriye svākāre dvākāre suviññāpaye duviññāpaye, appekacce paralokavajjabhayadassāvine viharante, appekacce na paralokavajjabhayadassāvine viharante; disvāna brahmānaṃ sahampatiṃ gāthāya paccabhāsi –

    ‘‘อปารุตา เตสํ อมตสฺส ทฺวารา;

    ‘‘Apārutā tesaṃ amatassa dvārā;

    เย โสตวโนฺต ปมุญฺจนฺตุ สทฺธํ;

    Ye sotavanto pamuñcantu saddhaṃ;

    วิหิํสสญฺญี ปคุณํ น ภาสิํ;

    Vihiṃsasaññī paguṇaṃ na bhāsiṃ;

    ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรเหฺม’’ติฯ

    Dhammaṃ paṇītaṃ manujesu brahme’’ti.

    อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภควตา ธมฺมเทสนายา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายิฯ

    Atha kho brahmā sahampati ‘‘katāvakāso khomhi bhagavatā dhammadesanāyā’’ti bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā tatthevantaradhāyi.

    พฺรหฺมยาจนกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Brahmayācanakathā niṭṭhitā.







    Footnotes:
    1. อยํ พฺรหฺมยาจนกถา ที. นิ. ๒.๖๔ อาทโย; ม. นิ. ๑.๒๘๑ อาทโย; ม. นิ. ๒.๓๓๖ อาทโย; สํ. นิ. ๑.๑๗๒ อาทโย
    2. ayaṃ brahmayācanakathā dī. ni. 2.64 ādayo; ma. ni. 1.281 ādayo; ma. ni. 2.336 ādayo; saṃ. ni. 1.172 ādayo
    3. อาวฎา (สี.)
    4. āvaṭā (sī.)
    5. นมิสฺสติ (?)
    6. namissati (?)
    7. อวาปุเรตํ (สี.)
    8. avāpuretaṃ (sī.)
    9. อนณ (ก.)
    10. anaṇa (ka.)
    11. เทเสตุ (ก.)
    12. desetu (ka.)
    13. [ ] สี. สฺยา. โปตฺถเกสุ นตฺถิ, มูลปณฺณาสเกสุ ปาสราสิสุเตฺถ พฺรหฺมยาจนา สกิํ เยว อาคตา
    14. [ ] sī. syā. potthakesu natthi, mūlapaṇṇāsakesu pāsarāsisutthe brahmayācanā sakiṃ yeva āgatā
    15. ทสฺสาวิโน (สี. สฺยา. กํ.)
    16. ติฎฺฐนฺติ (สี. สฺยา.)
    17. dassāvino (sī. syā. kaṃ.)
    18. tiṭṭhanti (sī. syā.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / พฺรหฺมยาจนกถา • Brahmayācanakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา • Brahmayācanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา • Brahmayācanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา • Brahmayācanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๕. พฺรหฺมยาจนกถา • 5. Brahmayācanakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact