Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา

    Brahmayācanakathāvaṇṇanā

    . อาจิณฺณสมาจิโณฺณติ อาจริโต เจว อาจรเนฺตหิ จ สมฺมเทว อาจริโตติ อโตฺถฯ เอเตน อยํ ปริวิตโกฺก สพฺพพุทฺธานํ ปฐมาภิสโมฺพธิยํ อุปฺปชฺชเตวาติ อยเมตฺถ ธมฺมตาติ ทเสฺสติฯ คมฺภีโรปิ ธโมฺม ปฎิปกฺขวิธมเนน สุปากโฎ ภเวยฺย, ปฎิปกฺขวิธมนํ ปน สมฺมาปฎิปตฺติปฎิพทฺธํ, สา สทฺธมฺมสวนาธีนา, ตํ สตฺถริ ธเมฺม จ ปสาทายตฺตํฯ โส วิเสสโต โลเก สมฺภาวนียสฺส ครุกาตพฺพสฺส อภิปตฺถนาเหตุโกติ ปรมฺปราย สตฺตานํ ธมฺมสมฺปฎิปตฺติยา พฺรหฺมุโน ยาจนานิมิตฺตนฺติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘พฺรหฺมุนา ยาจิเต เทเสตุกามตายา’’ติอาทิมาหฯ

    7.Āciṇṇasamāciṇṇoti ācarito ceva ācarantehi ca sammadeva ācaritoti attho. Etena ayaṃ parivitakko sabbabuddhānaṃ paṭhamābhisambodhiyaṃ uppajjatevāti ayamettha dhammatāti dasseti. Gambhīropi dhammo paṭipakkhavidhamanena supākaṭo bhaveyya, paṭipakkhavidhamanaṃ pana sammāpaṭipattipaṭibaddhaṃ, sā saddhammasavanādhīnā, taṃ satthari dhamme ca pasādāyattaṃ. So visesato loke sambhāvanīyassa garukātabbassa abhipatthanāhetukoti paramparāya sattānaṃ dhammasampaṭipattiyā brahmuno yācanānimittanti taṃ dassento ‘‘brahmunā yācite desetukāmatāyā’’tiādimāha.

    อธิคโตติ ปฎิวิโทฺธ, สยมฺภูญาเณน ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ยถาภูตํ อวพุโทฺธติ อโตฺถฯ ธโมฺมติ จตุสจฺจธโมฺม ตพฺพินิมุตฺตสฺส ปฎิวิชฺฌิตพฺพธมฺมสฺส อภาวโตฯ คมฺภีโรติ มหาสมุโทฺท วิย มกสตุณฺฑสูจิยา อญฺญตฺร สมุปจิตปริปกฺกญาณสมฺภาเรหิ อเญฺญสํ ญาเณน อลพฺภเนยฺยปติโฎฺฐฯ คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส ทุเกฺขน ทฎฺฐโพฺพ, น สกฺกา สุเขน ทฎฺฐุํฯ โย หิ อลพฺภเนยฺยปติโฎฺฐ, โส โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย สรูปโต จ วิเสสโต จ สุเขน ปสฺสิตุํ น สกฺกา, อถ โข กิเจฺฉน เกนจิ กทาจิเทว ทฎฺฐโพฺพฯ ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ ทุเกฺขน อวพุชฺฌิตโพฺพ, น สกฺกา สุเขน อวพุชฺฌิตุํฯ ยญฺหิ ทฎฺฐุเมว น สกฺกา, ตสฺส โอคาเหตฺวา อนุพุชฺฌเน กถา เอว นตฺถิ อวโพธสฺส ทุกฺกรภาวโตฯ อิมสฺมิํ ฐาเน ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕) สุตฺตปทํ วตฺตพฺพํฯ

    Adhigatoti paṭividdho, sayambhūñāṇena ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādinā yathābhūtaṃ avabuddhoti attho. Dhammoti catusaccadhammo tabbinimuttassa paṭivijjhitabbadhammassa abhāvato. Gambhīroti mahāsamuddo viya makasatuṇḍasūciyā aññatra samupacitaparipakkañāṇasambhārehi aññesaṃ ñāṇena alabbhaneyyapatiṭṭho. Gambhīrattāva duddaso dukkhena daṭṭhabbo, na sakkā sukhena daṭṭhuṃ. Yo hi alabbhaneyyapatiṭṭho, so ogāhituṃ asakkuṇeyyatāya sarūpato ca visesato ca sukhena passituṃ na sakkā, atha kho kicchena kenaci kadācideva daṭṭhabbo. Duddasattāva duranubodho dukkhena avabujjhitabbo, na sakkā sukhena avabujjhituṃ. Yañhi daṭṭhumeva na sakkā, tassa ogāhetvā anubujjhane kathā eva natthi avabodhassa dukkarabhāvato. Imasmiṃ ṭhāne ‘‘taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamaṃ nu kho dukkarataraṃ vā durabhisambhavataraṃ vā’’ti (saṃ. ni. 5.1115) suttapadaṃ vattabbaṃ.

    สโนฺตติ อนุปสนฺตสภาวานํ กิเลสานํ สงฺขารานญฺจ อภาวโต วูปสนฺตสพฺพปริฬาหตาย สโนฺต นิพฺพุโต, สนฺตารมฺมณตาย วา สโนฺตฯ เอตฺถ จ นิโรธสจฺจํ สนฺตํ อารมฺมณนฺติ สนฺตารมฺมณํ, มคฺคสจฺจํ สนฺตํ สนฺตารมฺมณญฺจาติ สนฺตารมฺมณํฯ ปธานภาวํ นีโตติ ปณีโตฯ อถ วา ปณีโตติ อติตฺติกรณเฎฺฐน อตปฺปโก สาทุรสโภชนํ วิยฯ สนฺตปณีตภาเวเนว เจตฺถ อเสจนกตาย อตปฺปกตา ทฎฺฐพฺพาฯ อิทญฺหิ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ อตกฺกาวจโรติ อุตฺตมญาณวิสยตฺตา ตเกฺกน อวจริตโพฺพ โอคาหิตโพฺพ น โหติ, ญาเณเนว อวจริตโพฺพฯ ตโต เอว นิปุณญาณโคจรตาย สณฺหสุขุมสภาวตฺตา จ นิปุโณ สโณฺหฯ ปณฺฑิตเวทนีโยติ พาลานํ อวิสยตฺตา สมฺมาปฎิปทํ ปฎิปเนฺนหิ ปณฺฑิเตหิ เอว เวทิตโพฺพฯ

    Santoti anupasantasabhāvānaṃ kilesānaṃ saṅkhārānañca abhāvato vūpasantasabbapariḷāhatāya santo nibbuto, santārammaṇatāya vā santo. Ettha ca nirodhasaccaṃ santaṃ ārammaṇanti santārammaṇaṃ, maggasaccaṃ santaṃ santārammaṇañcāti santārammaṇaṃ. Padhānabhāvaṃ nītoti paṇīto. Atha vā paṇītoti atittikaraṇaṭṭhena atappako sādurasabhojanaṃ viya. Santapaṇītabhāveneva cettha asecanakatāya atappakatā daṭṭhabbā. Idañhi dvayaṃ lokuttarameva sandhāya vuttaṃ. Atakkāvacaroti uttamañāṇavisayattā takkena avacaritabbo ogāhitabbo na hoti, ñāṇeneva avacaritabbo. Tato eva nipuṇañāṇagocaratāya saṇhasukhumasabhāvattā ca nipuṇo saṇho. Paṇḍitavedanīyoti bālānaṃ avisayattā sammāpaṭipadaṃ paṭipannehi paṇḍitehi eva veditabbo.

    อลฺลียนฺติ อภิรมิตพฺพเฎฺฐน เสวิยนฺตีติ อาลยา, ปญฺจ กามคุณาติ อาห ‘‘สตฺตา ปญฺจกามคุเณ อลฺลียนฺติ, ตสฺมา เต อาลยาติ วุจฺจนฺตี’’ติฯ ตตฺถ ปญฺจกามคุเณ อลฺลียนฺตีติ ปญฺจกามคุเณ เสวนฺตีติ อโตฺถฯ เตติ ปญฺจ กามคุณาฯ รมนฺตีติ รติํ วินฺทนฺติ กีฬนฺติ ลฬนฺติฯ อาลียนฺติ อภิรมณวเสน เสวนฺตีติ อาลยา, อฎฺฐสตํ ตณฺหาวิจริตานิ, เตหิ อาลเยหิ รมนฺตีติ อาลยรามาติ เอวเมฺปตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อิเม หิ สตฺตา ยถา กามคุเณ, เอวํ ราคมฺปิ อสฺสาเทนฺติ อภินนฺทนฺติเยวฯ ยเถว หิ สุสชฺชิตปุปฺผผลภริตรุกฺขาทิสมฺปนฺนํ อุยฺยานํ ปวิโฎฺฐ ราชา ตาย ตาย สมฺปตฺติยา รมติ, สมฺมุทิโต อาโมทิตปโมทิโต โหติ, น อุกฺกณฺฐติ, สายมฺปิ นิกฺขมิตุํ น อิจฺฉติ, เอวมิเมหิ กามาลยตณฺหาลเยหิ สตฺตา รมนฺติ, สํสารวเฎฺฎ สโมฺมทิตา อนุกฺกณฺฐิตา วสนฺติฯ เตน เนสํ ภควา ทุวิธมฺปิ อาลยํ อุยฺยานภูมิํ วิย ทเสฺสโนฺต ‘‘อาลยรามา’’ติอาทิมาหฯ รตาติ นิรตาฯ สุฎฺฐุ มุทิตาติ อติวิย มุทิตา อนุกฺกณฺฐนโตฯ

    Allīyanti abhiramitabbaṭṭhena seviyantīti ālayā, pañca kāmaguṇāti āha ‘‘sattā pañcakāmaguṇe allīyanti, tasmā te ālayāti vuccantī’’ti. Tattha pañcakāmaguṇe allīyantīti pañcakāmaguṇe sevantīti attho. Teti pañca kāmaguṇā. Ramantīti ratiṃ vindanti kīḷanti laḷanti. Ālīyanti abhiramaṇavasena sevantīti ālayā, aṭṭhasataṃ taṇhāvicaritāni, tehi ālayehi ramantīti ālayarāmāti evampettha attho daṭṭhabbo. Ime hi sattā yathā kāmaguṇe, evaṃ rāgampi assādenti abhinandantiyeva. Yatheva hi susajjitapupphaphalabharitarukkhādisampannaṃ uyyānaṃ paviṭṭho rājā tāya tāya sampattiyā ramati, sammudito āmoditapamodito hoti, na ukkaṇṭhati, sāyampi nikkhamituṃ na icchati, evamimehi kāmālayataṇhālayehi sattā ramanti, saṃsāravaṭṭe sammoditā anukkaṇṭhitā vasanti. Tena nesaṃ bhagavā duvidhampi ālayaṃ uyyānabhūmiṃ viya dassento ‘‘ālayarāmā’’tiādimāha. Ratāti niratā. Suṭṭhu muditāti ativiya muditā anukkaṇṭhanato.

    ฐานํ สนฺธายาติ ฐานสทฺทํ สนฺธายฯ อตฺถโต ปน ฐานนฺติ จ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เอว อธิเปฺปโต ฯ ติฎฺฐติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ฐานํ, สงฺขาราทีนํ ปจฺจยภูตา อวิชฺชาทโยฯ อิเมสํ สงฺขาราทีนํ ปจฺจยาติ อิทปฺปจฺจยา, อวิชฺชาทโยวฯ อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา ยถา เทโว เอว เทวตาฯ อิทปฺปจฺจยานํ วา อวิชฺชาทีนํ อตฺตโน ผลํ ปฎิจฺจ ปจฺจยภาโว อุปฺปาทนสมตฺถตา อิทปฺปจฺจยตาฯ เตน สมตฺถปจฺจยลกฺขโณ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต โหติฯ ปฎิจฺจ สมุปฺปชฺชติ ผลํ เอตสฺมาติ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ ปททฺวเยนปิ ธมฺมานํ ปจฺจยโฎฺฐ เอว วิภาวิโตฯ สงฺขาราทิปจฺจยานญฺหิ อวิชฺชาทีนํ เอตํ อธิวจนํ อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปาโทติฯ สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพํ อตฺถโต นิพฺพานเมวฯ ยสฺมา หิ ตํ อาคมฺม ปฎิจฺจ อริยมคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยภาวเหตุ สพฺพสงฺขารวิปฺผนฺทิตานิ สมฺมนฺติ วูปสมฺมนฺติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติ วุจฺจติฯ สพฺพสงฺขตวิสํยุเตฺต หิ นิพฺพาเน สงฺขารวูปสมปริยาโย ญายาคโตเยวาติฯ อิทํ ปเนตฺถ นิพฺพจนํ – สเพฺพ สงฺขารา สมฺมนฺติ เอตฺถาติ สพฺพสงฺขารสมโถติฯ

    Ṭhānaṃ sandhāyāti ṭhānasaddaṃ sandhāya. Atthato pana ṭhānanti ca paṭiccasamuppādo eva adhippeto . Tiṭṭhati ettha phalaṃ tadāyattavuttitāyāti ṭhānaṃ, saṅkhārādīnaṃ paccayabhūtā avijjādayo. Imesaṃ saṅkhārādīnaṃ paccayāti idappaccayā, avijjādayova. Idappaccayā eva idappaccayatā yathā devo eva devatā. Idappaccayānaṃ vā avijjādīnaṃ attano phalaṃ paṭicca paccayabhāvo uppādanasamatthatā idappaccayatā. Tena samatthapaccayalakkhaṇo paṭiccasamuppādo dassito hoti. Paṭicca samuppajjati phalaṃ etasmāti paṭiccasamuppādo. Padadvayenapi dhammānaṃ paccayaṭṭho eva vibhāvito. Saṅkhārādipaccayānañhi avijjādīnaṃ etaṃ adhivacanaṃ idappaccayatāpaṭiccasamuppādoti. Sabbasaṅkhārasamathotiādi sabbaṃ atthato nibbānameva. Yasmā hi taṃ āgamma paṭicca ariyamaggassa ārammaṇapaccayabhāvahetu sabbasaṅkhāravipphanditāni sammanti vūpasammanti, tasmā ‘‘sabbasaṅkhārasamatho’’ti vuccati. Sabbasaṅkhatavisaṃyutte hi nibbāne saṅkhāravūpasamapariyāyo ñāyāgatoyevāti. Idaṃ panettha nibbacanaṃ – sabbe saṅkhārā sammanti etthāti sabbasaṅkhārasamathoti.

    ยสฺมา จ ตํ อาคมฺม สเพฺพ อุปธโย ปฎินิสฺสฎฺฐา สมุเจฺฉทวเสน ปริจฺจตฺตา โหนฺติ, อฎฺฐสตปฺปเภทา สพฺพาปิ ตณฺหา ขียนฺติ, สเพฺพ กิเลสราคา วิรชฺชนฺติ, ชรามรณาทิเภทํ สพฺพํ วฎฺฎทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ’’ติ วุจฺจติ, ยา ปเนสา ตณฺหา เตน เตน ภเวน ภวนฺตรํ ภวนิกนฺติภาเวน วินติ สํสิพฺพติ, ผเลน วา สทฺธิํ กมฺมํ วินติ สํสิพฺพตีติ กตฺวา วานนฺติ วุจฺจติ, ตโต นิกฺขนฺตํ วานโตติ นิพฺพานํฯ กิลมโถติ กายกิลมโถฯ วิเหสาปิ กายวิเหสาเยว, จิเตฺต ปน อุภยเมฺปตํ พุทฺธานํ นตฺถิ โพธิมูเลเยว สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ เอตฺถ จ จิรนิสชฺชาจิรภาสเนหิ ปิฎฺฐิอาคิลายนตาลุคลโสสาทิวเสน กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา จ เวทิตพฺพา, สา จ โข เทสนาย อตฺถํ อชานนฺตานญฺจ อปฺปฎิปชฺชนฺตานญฺจ วเสนฯ ชานนฺตานํ ปน ปฎิปชฺชนฺตานญฺจ เทสนาย กายปริสฺสโมปิ สตฺถุ อปริสฺสโมว, เตนาห ภควา ‘‘น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสตี’’ติฯ เตเนว วุตฺตํ ‘‘ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺสา’’ติฯ

    Yasmā ca taṃ āgamma sabbe upadhayo paṭinissaṭṭhā samucchedavasena pariccattā honti, aṭṭhasatappabhedā sabbāpi taṇhā khīyanti, sabbe kilesarāgā virajjanti, jarāmaraṇādibhedaṃ sabbaṃ vaṭṭadukkhaṃ nirujjhati, tasmā ‘‘sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhākkhayo virāgo nirodho’’ti vuccati, yā panesā taṇhā tena tena bhavena bhavantaraṃ bhavanikantibhāvena vinati saṃsibbati, phalena vā saddhiṃ kammaṃ vinati saṃsibbatīti katvā vānanti vuccati, tato nikkhantaṃ vānatoti nibbānaṃ. Kilamathoti kāyakilamatho. Vihesāpi kāyavihesāyeva, citte pana ubhayampetaṃ buddhānaṃ natthi bodhimūleyeva samucchinnattā. Ettha ca ciranisajjācirabhāsanehi piṭṭhiāgilāyanatālugalasosādivasena kāyakilamatho ceva kāyavihesā ca veditabbā, sā ca kho desanāya atthaṃ ajānantānañca appaṭipajjantānañca vasena. Jānantānaṃ pana paṭipajjantānañca desanāya kāyaparissamopi satthu aparissamova, tenāha bhagavā ‘‘na ca maṃ dhammādhikaraṇaṃ vihesetī’’ti. Teneva vuttaṃ ‘‘yā ajānantānaṃ desanā nāma, so mama kilamatho assā’’ti.

    อปิสฺสูติ สมฺปิณฺฑนเตฺถ นิปาโตฯ โส น เกวลํ เอตทโหสิ, อิมาปิ คาถา ปฎิภํสูติ ทีเปติฯ ภควนฺตนฺติ ปฎิสทฺทโยเคน สามิอเตฺถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘ภควโต’’ติฯ วุทฺธิปฺปตฺตา อจฺฉริยา วา อนจฺฉริยาฯ วุทฺธิอโตฺถปิ หิ อ-กาโร โหติ ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติฯ กปฺปานํ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ สตสหสฺสญฺจ สเทวกสฺส โลกสฺส ธมฺมสํวิภาคกรณตฺถเมว ปารมิโย ปูเรตฺวา อิทานิ สมธิคตธมฺมรชฺชสฺส ตตฺถ อโปฺปสฺสุกฺกตาปตฺติทีปนตฺตา คาถาตฺถสฺส อนุอจฺฉริยตา ตสฺส วุทฺธิปฺปตฺติ จ เวทิตพฺพาฯ อตฺถทฺวาเรน หิ คาถานํ อนจฺฉริยตาฯ โคจรา อเหสุนฺติ อุปฎฺฐหํสุ, อุปฎฺฐานญฺจ วิตกฺกยิตพฺพตาติ อาห ‘‘ปริวิตกฺกยิตพฺพภาวํ ปาปุณิํสู’’ติฯ

    Apissūti sampiṇḍanatthe nipāto. So na kevalaṃ etadahosi, imāpi gāthā paṭibhaṃsūti dīpeti. Bhagavantanti paṭisaddayogena sāmiatthe upayogavacananti āha ‘‘bhagavato’’ti. Vuddhippattā acchariyā vā anacchariyā. Vuddhiatthopi hi a-kāro hoti yathā ‘‘asekkhā dhammā’’ti. Kappānaṃ cattāri asaṅkhyeyyāni satasahassañca sadevakassa lokassa dhammasaṃvibhāgakaraṇatthameva pāramiyo pūretvā idāni samadhigatadhammarajjassa tattha appossukkatāpattidīpanattā gāthātthassa anuacchariyatā tassa vuddhippatti ca veditabbā. Atthadvārena hi gāthānaṃ anacchariyatā. Gocarā ahesunti upaṭṭhahaṃsu, upaṭṭhānañca vitakkayitabbatāti āha ‘‘parivitakkayitabbabhāvaṃ pāpuṇiṃsū’’ti.

    กิเจฺฉนาติ น ทุกฺขปฺปฎิปทายฯ พุทฺธานญฺหิ จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขปฺปฎิปทาว โหนฺติฯ ปารมีปูรณกาเล ปน สราคสโทสสโมหเสฺสว สโต อาคตาคตานํ ยาจกานํ อลงฺกตปฺปฎิยตฺตํ สีสํ กนฺติตฺวา คลโลหิตํ นีหริตฺวา สุอญฺชิตานิ อกฺขีนิ อุปฺปาเฎตฺวา กุลวํสปฺปทีปํ ปุตฺตํ มนาปจารินิํ ภริยนฺติ เอวมาทีนิ เทนฺตสฺส อญฺญานิ จ ขนฺติวาทิสทิเสสุ อตฺตภาเวสุ เฉชฺชเภชฺชาทีนิ ปาปุณนฺตสฺส อาคมนียปฎิปทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ -อิติ วา พฺยตฺตนฺติ เอตสฺมิํ อเตฺถ นิปาโตฯ เอกํสเตฺถติ เกจิฯ พฺยตฺตํ เอกํเสน วา อลํ นิปฺปโยชนํ เอวํ กิเจฺฉน อธิคตํ ธมฺมํ เทเสตุนฺติ โยชนาฯ หลนฺติ วา อลนฺติ อิมินา สมานตฺถํ ปทํ ‘‘หลนฺติ วทามี’’ติอาทีสุ วิยฯ ‘‘ปกาสิต’’นฺติปิ ปฐนฺติ, เทสิตนฺติ อโตฺถฯ เอวํ กิเจฺฉน อธิคตสฺส ธมฺมสฺส อลํ เทสิตํ ปริยตฺตํ เทสิตํ, โก อโตฺถ เทสิเตนาติ วุตฺตํ โหติฯ ราคโทสปเรเตหีติ ราคโทสผุเฎฺฐหิ, ผุฎฺฐวิเสน วิย สเปฺปน ราเคน โทเสน จ สมฺผุเฎฺฐหิ อภิภูเตหีติ อโตฺถฯ อถ วา ราคโทสปเรเตหีติ ราคโทสานุคเตหิ, ราเคน จ โทเสน จ อนุพเนฺธหีติ อโตฺถฯ

    Kicchenāti na dukkhappaṭipadāya. Buddhānañhi cattāropi maggā sukhappaṭipadāva honti. Pāramīpūraṇakāle pana sarāgasadosasamohasseva sato āgatāgatānaṃ yācakānaṃ alaṅkatappaṭiyattaṃ sīsaṃ kantitvā galalohitaṃ nīharitvā suañjitāni akkhīni uppāṭetvā kulavaṃsappadīpaṃ puttaṃ manāpacāriniṃ bhariyanti evamādīni dentassa aññāni ca khantivādisadisesu attabhāvesu chejjabhejjādīni pāpuṇantassa āgamanīyapaṭipadaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Ha-iti vā byattanti etasmiṃ atthe nipāto. Ekaṃsattheti keci. Ha byattaṃ ekaṃsena vā alaṃ nippayojanaṃ evaṃ kicchena adhigataṃ dhammaṃ desetunti yojanā. Halanti vā alanti iminā samānatthaṃ padaṃ ‘‘halanti vadāmī’’tiādīsu viya. ‘‘Pakāsita’’ntipi paṭhanti, desitanti attho. Evaṃ kicchena adhigatassa dhammassa alaṃ desitaṃ pariyattaṃ desitaṃ, ko attho desitenāti vuttaṃ hoti. Rāgadosaparetehīti rāgadosaphuṭṭhehi, phuṭṭhavisena viya sappena rāgena dosena ca samphuṭṭhehi abhibhūtehīti attho. Atha vā rāgadosaparetehīti rāgadosānugatehi, rāgena ca dosena ca anubandhehīti attho.

    ปฎิโสตคามินฺติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๖๕; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๘๑; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๑๗๒) นิจฺจคาหาทีนํ ปฎิโสตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ เอวํ คตํ ปวตฺตํ จตุสจฺจธมฺมนฺติ อโตฺถฯ ราครตฺตาติ กามราเคน ภวราเคน ทิฎฺฐิราเคน จ รตฺตาฯ น ทกฺขนฺตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ อิมินา สภาเวน น ปสฺสิสฺสนฺติ, เต อปสฺสเนฺต โก สกฺขิสฺสติ อนิจฺจนฺติอาทินา สภาเวน ยาถาวโต ธมฺมํ ชานาเปตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ ราคโทสปเรตตาปิ เนสํ สมฺมุฬฺหภาเวเนวาติ อาห ‘‘ตโมขเนฺธน อาวุฎา’’ติ, อวิชฺชาราสินา อโชฺฌตฺถฎาติ อโตฺถฯ

    Paṭisotagāminti (dī. ni. aṭṭha. 2.65; ma. ni. aṭṭha. 1.281; saṃ. ni. aṭṭha. 1.1.172) niccagāhādīnaṃ paṭisotaṃ aniccaṃ dukkhamanattā asubhanti evaṃ gataṃ pavattaṃ catusaccadhammanti attho. Rāgarattāti kāmarāgena bhavarāgena diṭṭhirāgena ca rattā. Na dakkhantīti aniccaṃ dukkhamanattā asubhanti iminā sabhāvena na passissanti, te apassante ko sakkhissati aniccantiādinā sabhāvena yāthāvato dhammaṃ jānāpetunti adhippāyo. Rāgadosaparetatāpi nesaṃ sammuḷhabhāvenevāti āha ‘‘tamokhandhena āvuṭā’’ti, avijjārāsinā ajjhotthaṭāti attho.

    อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมตีติ กสฺมา ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ, นนุ เอส ‘‘มุโตฺตหํ โมเจสฺสามิ, ติโณฺณหํ ตาเรสฺสามิ,

    Appossukkatāya cittaṃ namatīti kasmā panassa evaṃ cittaṃ nami, nanu esa ‘‘muttohaṃ mocessāmi, tiṇṇohaṃ tāressāmi,

    กิํ เม อญฺญาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;

    Kiṃ me aññātavesena, dhammaṃ sacchikatenidha;

    สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, ตารยิสฺสํ สเทวก’’นฺติฯ (พุ. วํ. ๒.๕๕) –

    Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, tārayissaṃ sadevaka’’nti. (bu. vaṃ. 2.55) –

    ปตฺถนํ กตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปโตฺตติ? สจฺจเมว, ตเทว ปจฺจเวกฺขณานุภาเวน ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิฯ ตสฺส หิ สพฺพญฺญุตํ ปตฺวา สตฺตานํ กิเลสคหนตํ ธมฺมสฺส จ คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สตฺตานํ กิเลสคหนตา จ ธมฺมคมฺภีรตา จ สพฺพากาเรน ปากฎา ชาตาฯ อถสฺส ‘‘อิเม สตฺตา กญฺชิยปุณฺณลาพุ วิย ตกฺกภริตจาฎิ วิย วสาเตลปีตปิโลติกา วิย อญฺชนมกฺขิตหโตฺถ วิย จ กิเลสภริตา อติสํกิลิฎฺฐา ราครตฺตา โทสทุฎฺฐา โมหมุฬฺหา, เต กิํ นาม ปฎิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ จินฺตยโต กิเลสคหนปจฺจเวกฺขณานุภาเวนปิ เอวํ จิตฺตํ นมิฯ

    Patthanaṃ katvā pāramiyo pūretvā sabbaññutaṃ pattoti? Saccameva, tadeva paccavekkhaṇānubhāvena panassa evaṃ cittaṃ nami. Tassa hi sabbaññutaṃ patvā sattānaṃ kilesagahanataṃ dhammassa ca gambhīrataṃ paccavekkhantassa sattānaṃ kilesagahanatā ca dhammagambhīratā ca sabbākārena pākaṭā jātā. Athassa ‘‘ime sattā kañjiyapuṇṇalābu viya takkabharitacāṭi viya vasātelapītapilotikā viya añjanamakkhitahattho viya ca kilesabharitā atisaṃkiliṭṭhā rāgarattā dosaduṭṭhā mohamuḷhā, te kiṃ nāma paṭivijjhissantī’’ti cintayato kilesagahanapaccavekkhaṇānubhāvenapi evaṃ cittaṃ nami.

    ‘‘อยํ ธโมฺม ปถวีสนฺธารกอุทกกฺขโนฺธ วิย คมฺภีโร, ปพฺพเตน ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฐปิโต สาสโป วิย ทุทฺทโส, สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฎิ วิย อณุฯ มยา หิ อิมํ ธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิตุํ วายมเนฺตน อทินฺนํ ทานํ นาม นตฺถิ, อรกฺขิตํ สีลํ นาม นตฺถิ, อปริปูริตา กาจิ ปารมี นาม นตฺถิ, ตสฺส เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺสปิ ปถวี น กมฺปิตฺถ, ปฐมยาเม ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตสฺสปิ น กมฺปิตฺถ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺตสฺสปิ น กมฺปิตฺถ, ปจฺฉิมยาเม ปน ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ ปฎิวิชฺฌนฺตเสฺสว เม ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถฯ อิติ มาทิเสนปิ ติกฺขญาเณน กิเจฺฉเนวายํ ธโมฺม ปฎิวิโทฺธ, ตํ โลกิยมหาชนา กถํ ปฎิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ ธมฺมคมฺภีรตาย ปจฺจเวกฺขณานุภาเวนปิ เอวํ จิตฺตํ นมีติ เวทิตพฺพํฯ

    ‘‘Ayaṃ dhammo pathavīsandhārakaudakakkhandho viya gambhīro, pabbatena paṭicchādetvā ṭhapito sāsapo viya duddaso, satadhā bhinnassa vālassa koṭi viya aṇu. Mayā hi imaṃ dhammaṃ paṭivijjhituṃ vāyamantena adinnaṃ dānaṃ nāma natthi, arakkhitaṃ sīlaṃ nāma natthi, aparipūritā kāci pāramī nāma natthi, tassa me nirussāhaṃ viya mārabalaṃ vidhamantassapi pathavī na kampittha, paṭhamayāme pubbenivāsaṃ anussarantassapi na kampittha, majjhimayāme dibbacakkhuṃ visodhentassapi na kampittha, pacchimayāme pana paṭiccasamuppādaṃ paṭivijjhantasseva me dasasahassilokadhātu kampittha. Iti mādisenapi tikkhañāṇena kicchenevāyaṃ dhammo paṭividdho, taṃ lokiyamahājanā kathaṃ paṭivijjhissantī’’ti dhammagambhīratāya paccavekkhaṇānubhāvenapi evaṃ cittaṃ namīti veditabbaṃ.

    อปิจ พฺรหฺมุนา ยาจิเต เทเสตุกามตายปิสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิฯ ชานาติ หิ ภควา ‘‘มม อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิเตฺต นมมาเน มหาพฺรหฺมา ธมฺมเทสนํ ยาจิสฺสติ, อิเม จ สตฺตา พฺรหฺมครุกา, เต ‘สตฺถา กิร ธมฺมํ น เทเสตุกาโม อโหสิ, อถ นํ มหาพฺรหฺมา ยาจิตฺวา เทสาเปติ, สโนฺต วต โภ ธโมฺม ปณีโต’ติ มญฺญมานา สุสฺสูสิสฺสนฺตี’’ติฯ อิทมฺปิสฺส การณํ ปฎิจฺจ อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายาติ เวทิตพฺพํฯ

    Apica brahmunā yācite desetukāmatāyapissa evaṃ cittaṃ nami. Jānāti hi bhagavā ‘‘mama appossukkatāya citte namamāne mahābrahmā dhammadesanaṃ yācissati, ime ca sattā brahmagarukā, te ‘satthā kira dhammaṃ na desetukāmo ahosi, atha naṃ mahābrahmā yācitvā desāpeti, santo vata bho dhammo paṇīto’ti maññamānā sussūsissantī’’ti. Idampissa kāraṇaṃ paṭicca appossukkatāya cittaṃ nami, no dhammadesanāyāti veditabbaṃ.

    . สหมฺปติสฺสาติ โส กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สหโก นาม เถโร ปฐมชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ปฐมชฺฌานภูมิยํ กปฺปายุกพฺรหฺมา หุตฺวา นิพฺพโตฺต, ตตฺร นํ สหมฺปติ พฺรหฺมาติ สญฺชานนฺติฯ ตํ สนฺธายาห ‘‘พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺสา’’ติฯ นสฺสติ วตาติ โส กิร อิมํ สทฺทํ ตถา นิจฺฉาเรติ, ยถา ทสสหสฺสิโลกธาตุพฺรหฺมาโน สุตฺวา สเพฺพ สนฺนิปติํสุฯ อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปญฺญามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสํ เอวํสภาวาติ อปฺปรชกฺขชาติกาฯ อปฺปํ ราคาทิรชํ เยสํ เต สภาวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อสฺสวนตาติ ‘‘สยํ อภิญฺญา’’ติอาทีสุ วิย กรณเตฺถ ปจฺจตฺตวจนํ, อสฺสวนตายาติ อโตฺถฯ ภวิสฺสนฺตีติ ปุริมพุเทฺธสุ ทสปุญฺญกิริยวเสน กตาธิการา ปริปากคตปทุมานิ วิย สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ ธมฺมเทสนํเยว อากงฺขมานา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อริยภูมิํ โอกฺกมนารหา น เอโก, น เทฺว, อเนกสตสหสฺสา ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร ภวิสฺสนฺตีติ ทเสฺสติฯ

    8.Sahampatissāti so kira kassapassa bhagavato sāsane sahako nāma thero paṭhamajjhānaṃ nibbattetvā paṭhamajjhānabhūmiyaṃ kappāyukabrahmā hutvā nibbatto, tatra naṃ sahampati brahmāti sañjānanti. Taṃ sandhāyāha ‘‘brahmuno sahampatissā’’ti. Nassati vatāti so kira imaṃ saddaṃ tathā nicchāreti, yathā dasasahassilokadhātubrahmāno sutvā sabbe sannipatiṃsu. Apparajakkhajātikāti paññāmaye akkhimhi appaṃ parittaṃ rāgadosamoharajaṃ etesaṃ evaṃsabhāvāti apparajakkhajātikā. Appaṃ rāgādirajaṃ yesaṃ te sabhāvā apparajakkhajātikāti evamettha attho daṭṭhabbo. Assavanatāti ‘‘sayaṃ abhiññā’’tiādīsu viya karaṇatthe paccattavacanaṃ, assavanatāyāti attho. Bhavissantīti purimabuddhesu dasapuññakiriyavasena katādhikārā paripākagatapadumāni viya sūriyarasmisamphassaṃ dhammadesanaṃyeva ākaṅkhamānā catuppadikagāthāvasāne ariyabhūmiṃ okkamanārahā na eko, na dve, anekasatasahassā dhammassa aññātāro bhavissantīti dasseti.

    ปาตุรโหสีติ ปาตุภวิฯ สมเลหิ จินฺติโตติ สมเลหิ ปูรณกสฺสปาทีหิ ฉหิ สตฺถาเรหิ จินฺติโตฯ เต หิ ปุเรตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลชมฺพุทีเป กณฺฎเก ปตฺถรมานา วิย วิสํ สิญฺจมานา วิย จ สมลํ มิจฺฉาทิฎฺฐิธมฺมํ เทสยิํสุฯ เต กิร พุทฺธโกลาหลานุสฺสเวน สญฺชาตกุตูหลา โลกํ วเญฺจตฺวา โกหเญฺญ ฐตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปฎิชานนฺตา ยํ กิญฺจิ อธมฺมํเยว ธโมฺมติ ทีเปสุํฯ อปาปุเรตนฺติ วิวร เอตํฯ อมตสฺส ทฺวารนฺติ อมตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารภูตํ อริยมคฺคํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอตํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ ปิหิตํ นิพฺพานนครสฺส มหาทฺวารํ อริยมคฺคํ สทฺธมฺมเทสนาหเตฺถน อปาปุร วิวร อุคฺฆาเฎหีติฯ สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธนฺติ อิเม สตฺตา ราคาทิมลานํ อภาวโต วิมเลน สมฺมาสมฺพุเทฺธน อนุพุทฺธํ จตุสจฺจธมฺมํ สุณนฺตุ ตาว ภควาติ ยาจติฯ

    Pāturahosīti pātubhavi. Samalehi cintitoti samalehi pūraṇakassapādīhi chahi satthārehi cintito. Te hi puretaraṃ uppajjitvā sakalajambudīpe kaṇṭake pattharamānā viya visaṃ siñcamānā viya ca samalaṃ micchādiṭṭhidhammaṃ desayiṃsu. Te kira buddhakolāhalānussavena sañjātakutūhalā lokaṃ vañcetvā kohaññe ṭhatvā sabbaññutaṃ paṭijānantā yaṃ kiñci adhammaṃyeva dhammoti dīpesuṃ. Apāpuretanti vivara etaṃ. Amatassa dvāranti amatassa nibbānassa dvārabhūtaṃ ariyamaggaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – etaṃ kassapassa bhagavato sāsanantaradhānato pabhuti pihitaṃ nibbānanagarassa mahādvāraṃ ariyamaggaṃ saddhammadesanāhatthena apāpura vivara ugghāṭehīti. Suṇantu dhammaṃ vimalenānubuddhanti ime sattā rāgādimalānaṃ abhāvato vimalena sammāsambuddhena anubuddhaṃ catusaccadhammaṃ suṇantu tāva bhagavāti yācati.

    เสลปพฺพโต อุโจฺจ โหติ ถิโร จ, น ปํสุปพฺพโต มิสฺสกปพฺพโต วาติ อาห ‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฎฺฐิโต’’ติฯ ตสฺสโตฺถ ‘‘เสลมเย เอกคฺฆเน ปพฺพตมุทฺธนิ ยถาฐิโตวฯ น หิ ตตฺถ ฐิตสฺส ทสฺสนตฺถํ คีวุกฺขิปนปสารณาทิกิจฺจํ อตฺถี’’ติฯ ตถูปมนฺติ ตปฺปฎิภาคํ เสลปพฺพตูปมํฯ ธมฺมมยํ ปาสาทนฺติ โลกุตฺตรธมฺมมาหฯ โส หิ สพฺพโส ปสาทาวโห สพฺพธเมฺม อติกฺกมฺม อพฺภุคฺคตเฎฺฐน ปาสาทสทิโส จ, ปญฺญาปริยาโย วา อิธ ธมฺม-สโทฺทฯ ปญฺญา หิ อพฺภุคฺคตเฎฺฐน ปาสาโทติ อภิธเมฺม นิทฺทิฎฺฐาฯ ตถา จาห –

    Selapabbato ucco hoti thiro ca, na paṃsupabbato missakapabbato vāti āha ‘‘sele yathā pabbatamuddhaniṭṭhito’’ti. Tassattho ‘‘selamaye ekagghane pabbatamuddhani yathāṭhitova. Na hi tattha ṭhitassa dassanatthaṃ gīvukkhipanapasāraṇādikiccaṃ atthī’’ti. Tathūpamanti tappaṭibhāgaṃ selapabbatūpamaṃ. Dhammamayaṃ pāsādanti lokuttaradhammamāha. So hi sabbaso pasādāvaho sabbadhamme atikkamma abbhuggataṭṭhena pāsādasadiso ca, paññāpariyāyo vā idha dhamma-saddo. Paññā hi abbhuggataṭṭhena pāsādoti abhidhamme niddiṭṭhā. Tathā cāha –

    ‘‘ปญฺญาปาสาทมารุยฺห, อโสโก โสกินิํ ปชํ;

    ‘‘Paññāpāsādamāruyha, asoko sokiniṃ pajaṃ;

    ปพฺพตโฎฺฐว ภูมเฎฺฐ, ธีโร พาเล อเวกฺขตี’’ติฯ (ธ. ป. ๒๘);

    Pabbataṭṭhova bhūmaṭṭhe, dhīro bāle avekkhatī’’ti. (dha. pa. 28);

    อยํ ปเนตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ยถา เสลปพฺพตมุทฺธนิ ยถาฐิโตว จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปเสฺสยฺย, ตถา ตฺวมฺปิ สุเมธ สุนฺทรปญฺญ สพฺพญฺญุตญฺญาเณน สมนฺตจกฺขุ ภควา ธมฺมมยํ ปญฺญามยํ ปาสาทมารุยฺห สยํ อเปตโสโก โสกาวติณฺณํ ชาติชราภิภูตํ ชนตํ อเวกฺขสฺสุ อุปธารย อุปปริกฺขาติฯ อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา หิ ปพฺพตปาเท สมนฺตา มหนฺตํ เขตฺตํ กตฺวา ตตฺถ เกทารปาฬีสุ กุฎิกาโย กตฺวา รตฺติํ อคฺคิํ ชาเลยฺยุํ, จตุรงฺคสมนฺนาคตญฺจ อนฺธการํ อสฺส, อถ ตสฺส ปพฺพตสฺส มตฺถเก ฐตฺวา จกฺขุมโต ปุริสสฺส ภูมิํ โอโลกยโต เนว เขตฺตํ, น เกทารปาฬิโย, น กุฎิโย, น ตตฺถ สยิตมนุสฺสา ปญฺญาเยยฺยุํ อนุชฺชลภาวโต, กุฎิกาสุ ปน อคฺคิชาลามตฺตเมว ปญฺญาเยยฺย อุชฺชลภาวโต, เอวํ ธมฺมปาสาทํ อารุยฺห สตฺตนิกายํ โอโลกยโต ตถาคตสฺส เย เต อกตกลฺยาณา สตฺตา, เต เอกวิหาเร ทกฺขิณชาณุปเสฺส นิสินฺนาปิ พุทฺธจกฺขุสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ ญาณคฺคินา อนุชฺชลภาวโต อนุฬารภาวโต จ, รตฺติํ ขิตฺตา สรา วิย โหนฺติฯ เย ปน กตกลฺยาณา เวเนยฺยปุคฺคลา, เต เอวสฺส ทูเรปิ ฐิตา อาปาถมาคจฺฉนฺติ ปริปกฺกญาณคฺคิตาย สมุชฺชลภาวโต อุฬารสนฺตานตาย จ, โส อคฺคิ วิย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Ayaṃ panettha saṅkhepattho – yathā selapabbatamuddhani yathāṭhitova cakkhumā puriso samantato janataṃ passeyya, tathā tvampi sumedha sundarapañña sabbaññutaññāṇena samantacakkhu bhagavā dhammamayaṃ paññāmayaṃ pāsādamāruyha sayaṃ apetasoko sokāvatiṇṇaṃ jātijarābhibhūtaṃ janataṃ avekkhassu upadhāraya upaparikkhāti. Ayaṃ panettha adhippāyo – yathā hi pabbatapāde samantā mahantaṃ khettaṃ katvā tattha kedārapāḷīsu kuṭikāyo katvā rattiṃ aggiṃ jāleyyuṃ, caturaṅgasamannāgatañca andhakāraṃ assa, atha tassa pabbatassa matthake ṭhatvā cakkhumato purisassa bhūmiṃ olokayato neva khettaṃ, na kedārapāḷiyo, na kuṭiyo, na tattha sayitamanussā paññāyeyyuṃ anujjalabhāvato, kuṭikāsu pana aggijālāmattameva paññāyeyya ujjalabhāvato, evaṃ dhammapāsādaṃ āruyha sattanikāyaṃ olokayato tathāgatassa ye te akatakalyāṇā sattā, te ekavihāre dakkhiṇajāṇupasse nisinnāpi buddhacakkhussa āpāthaṃ nāgacchanti ñāṇagginā anujjalabhāvato anuḷārabhāvato ca, rattiṃ khittā sarā viya honti. Ye pana katakalyāṇā veneyyapuggalā, te evassa dūrepi ṭhitā āpāthamāgacchanti paripakkañāṇaggitāya samujjalabhāvato uḷārasantānatāya ca, so aggi viya himavantapabbato viya ca. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘ทูเร สโนฺต ปกาเสนฺติ, หิมวโนฺตว ปพฺพโต;

    ‘‘Dūre santo pakāsenti, himavantova pabbato;

    อสเนฺตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺติํ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติฯ (ธ. ป. ๓๐๔);

    Asantettha na dissanti, rattiṃ khittā yathā sarā’’ti. (dha. pa. 304);

    อุเฎฺฐหีติ ภควโต ธมฺมเทสนตฺถํ จาริกจรณํ ยาจโนฺต ภณติฯ อุเฎฺฐหีติ วา ธมฺมเทสนาย อโปฺปสฺสุกฺกตาสงฺขาตสโงฺกจาปตฺติโต กิลาสุภาวโต อุฎฺฐหฯ วีราติอาทีสุ ภควา สาติสยจตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยวนฺตตาย วีโร, เทวปุตฺตมจฺจุกิเลสาภิสงฺขารานํ วิชิตตฺตา วิชิตสงฺคาโม, ชาติกนฺตาราทิโต เวเนยฺยสตฺถํ วาหนสมตฺถตาย นิพฺพานสงฺขาตํ เขมปฺปเทสํ สมฺปาปนสมตฺถตาย สตฺถวาโห, กามจฺฉนฺทอิณสฺส อภาวโต อณโณติ เวทิตโพฺพฯ โย หิ ปเรสํ อิณํ คเหตฺวา วินาเสติ, โส เตหิ ‘‘อิณํ เทหี’’ติ ตชฺชมาโนปิ ผรุสํ วุจฺจมาโนปิ วมฺภมาโนปิ วธิยมาโนปิ กิญฺจิ ปฎิปฺปหริตุํ น สโกฺกติ, สพฺพํ ติติกฺขติฯ ติติกฺขการณญฺหิสฺส ตํ อิณํ โหติ, เอวเมว โย ยมฺหิ กามจฺฉเนฺทน รชฺชติ, ตณฺหาคหเณน ตํ วตฺถุํ คณฺหาติ, โส เตน ผรุสํ วุจฺจมาโนปิ วมฺภมาโนปิ วธิยมาโนปิ กิญฺจิ ปฎิปฺปหริตุํ น สโกฺกติ, สพฺพํ ติติกฺขติฯ ติติกฺขการณญฺหิสฺส โส กามจฺฉโนฺท โหติ ฆรสามิเกหิ วิเหฐิยมานานํ อิตฺถีนํ วิยฯ กสฺมา? อิณสทิสตฺตา กามจฺฉนฺทสฺสฯ

    Uṭṭhehīti bhagavato dhammadesanatthaṃ cārikacaraṇaṃ yācanto bhaṇati. Uṭṭhehīti vā dhammadesanāya appossukkatāsaṅkhātasaṅkocāpattito kilāsubhāvato uṭṭhaha. Vīrātiādīsu bhagavā sātisayacatubbidhasammappadhānavīriyavantatāya vīro, devaputtamaccukilesābhisaṅkhārānaṃ vijitattā vijitasaṅgāmo, jātikantārādito veneyyasatthaṃ vāhanasamatthatāya nibbānasaṅkhātaṃ khemappadesaṃ sampāpanasamatthatāya satthavāho, kāmacchandaiṇassa abhāvato aṇaṇoti veditabbo. Yo hi paresaṃ iṇaṃ gahetvā vināseti, so tehi ‘‘iṇaṃ dehī’’ti tajjamānopi pharusaṃ vuccamānopi vambhamānopi vadhiyamānopi kiñci paṭippaharituṃ na sakkoti, sabbaṃ titikkhati. Titikkhakāraṇañhissa taṃ iṇaṃ hoti, evameva yo yamhi kāmacchandena rajjati, taṇhāgahaṇena taṃ vatthuṃ gaṇhāti, so tena pharusaṃ vuccamānopi vambhamānopi vadhiyamānopi kiñci paṭippaharituṃ na sakkoti, sabbaṃ titikkhati. Titikkhakāraṇañhissa so kāmacchando hoti gharasāmikehi viheṭhiyamānānaṃ itthīnaṃ viya. Kasmā? Iṇasadisattā kāmacchandassa.

    . อเชฺฌสนนฺติ ครุฎฺฐานียํ ปยิรุปาสิตฺวา ครุตรํ ปโยชนํ อุทฺทิสฺส อภิปตฺถนา อเชฺฌสนา, สาปิ อตฺถโต ยาจนา เอวฯ พุทฺธจกฺขุนาติ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาเณน จ อาสยานุสยญาเณน จฯ อิเมสญฺหิ ทฺวินฺนํ ญาณานํ พุทฺธจกฺขูติ นามํ, สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส สมนฺตจกฺขูติ ฯ เหฎฺฐิมานํ ติณฺณํ มคฺคญาณานํ ธมฺมจกฺขูติฯ อปฺปรชเกฺขติอาทีสุ เยสํ วุตฺตนเยเนว ปญฺญาจกฺขุมฺหิ ราคาทิรชํ อปฺปํ, เต อปฺปรชกฺขาฯ เยสํ ตํ มหนฺตํ, เต มหารชกฺขาฯ เยสํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ, เต ติกฺขินฺทฺริยาฯ เยสํ ตานิ มุทูนิ, เต มุทินฺทฺริยาฯ เยสํ เตเยว สทฺธาทโย อาการา สุนฺทรา, เต สฺวาการาฯ เย กถิตการณํ สลฺลเกฺขนฺติ, สุเขน สกฺกา โหนฺติ วิญฺญาเปตุํ, เต สุวิญฺญาปยาฯ เย ปรโลกเญฺจว วชฺชญฺจ ภยโต ปสฺสนฺติ, เต ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิโน นามฯ

    9.Ajjhesananti garuṭṭhānīyaṃ payirupāsitvā garutaraṃ payojanaṃ uddissa abhipatthanā ajjhesanā, sāpi atthato yācanā eva. Buddhacakkhunāti indriyaparopariyattañāṇena ca āsayānusayañāṇena ca. Imesañhi dvinnaṃ ñāṇānaṃ buddhacakkhūti nāmaṃ, sabbaññutaññāṇassa samantacakkhūti . Heṭṭhimānaṃ tiṇṇaṃ maggañāṇānaṃ dhammacakkhūti. Apparajakkhetiādīsu yesaṃ vuttanayeneva paññācakkhumhi rāgādirajaṃ appaṃ, te apparajakkhā. Yesaṃ taṃ mahantaṃ, te mahārajakkhā. Yesaṃ saddhādīni indriyāni tikkhāni, te tikkhindriyā. Yesaṃ tāni mudūni, te mudindriyā. Yesaṃ teyeva saddhādayo ākārā sundarā, te svākārā. Ye kathitakāraṇaṃ sallakkhenti, sukhena sakkā honti viññāpetuṃ, te suviññāpayā. Ye paralokañceva vajjañca bhayato passanti, te paralokavajjabhayadassāvino nāma.

    อุปฺปลานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินี, คโจฺฉปิ ชลาสโยปิ, อิธ ปน ชลาสโย อธิเปฺปโต, ตสฺมา อุปฺปลินิยนฺติ อุปฺปลวเนติ เอวมโตฺถ คเหตโพฺพฯ อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโยฯ อโนฺตนิมุคฺคโปสีนีติ ยานิ อุทกสฺส อโนฺต นิมุคฺคาเนว หุตฺวา ปุสฺสนฺติ วฑฺฒนฺติ, ตานิ อโนฺตนิมุคฺคโปสีนิฯ อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ติฎฺฐนฺตีติ อุทกํ อติกฺกมิตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ ตตฺถ ยานิ อจฺจุคฺคมฺม ฐิตานิ สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ อาคมยมานานิ, ตานิ อชฺช ปุปฺผนกานิฯ ยานิ สโมทกํ ฐิตานิ, ตานิ เสฺว ปุปฺผนกานิฯ ยานิ อุทกา อนุคฺคตานิ อโนฺตนิมุคฺคโปสีนิ, ตานิ ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิฯ อุทกา ปน อนุคฺคตานิ อญฺญานิปิ สโรคอุปฺปลาทีนิ นาม อตฺถิ, ยานิ เนว ปุปฺผิสฺสนฺติ มจฺฉกจฺฉปภกฺขาเนว ภวิสฺสนฺติ, ตานิ ปาฬิํ นารุฬฺหานิ, อาหริตฺวา ปน ทีเปตพฺพานีติ อฎฺฐกถายํ ปกาสิตานิฯ ยเถว หิ ตานิ จตุพฺพิธานิ ปุปฺผานิ, เอวเมว อุคฺฆฎิตญฺญู วิปญฺจิตญฺญู เนโยฺย ปทปรโมติ จตฺตาโร ปุคฺคลาฯ

    Uppalāni ettha santīti uppalinī, gacchopi jalāsayopi, idha pana jalāsayo adhippeto, tasmā uppaliniyanti uppalavaneti evamattho gahetabbo. Ito paresupi eseva nayo. Antonimuggaposīnīti yāni udakassa anto nimuggāneva hutvā pussanti vaḍḍhanti, tāni antonimuggaposīni. Udakaṃ accuggamma tiṭṭhantīti udakaṃ atikkamitvā tiṭṭhanti. Tattha yāni accuggamma ṭhitāni sūriyarasmisamphassaṃ āgamayamānāni, tāni ajja pupphanakāni. Yāni samodakaṃ ṭhitāni, tāni sve pupphanakāni. Yāni udakā anuggatāni antonimuggaposīni, tāni tatiyadivase pupphanakāni. Udakā pana anuggatāni aññānipi sarogauppalādīni nāma atthi, yāni neva pupphissanti macchakacchapabhakkhāneva bhavissanti, tāni pāḷiṃ nāruḷhāni, āharitvā pana dīpetabbānīti aṭṭhakathāyaṃ pakāsitāni. Yatheva hi tāni catubbidhāni pupphāni, evameva ugghaṭitaññū vipañcitaññū neyyo padaparamoti cattāro puggalā.

    ตตฺถ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สห อุทาหฎเวลาย ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติอาทินา นเยน สงฺขิเตฺตน มาติกาย ฐปิยมานาย เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ สมโตฺถ ปุคฺคโล อุคฺฆฎิตญฺญูติ วุจฺจติฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สงฺขิเตฺตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อเตฺถ วิภชิยมาเน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล วิปญฺจิตญฺญูฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุเทฺทสโต ปริปุจฺฉโต โยนิโส มนสิกโรโต กลฺยาณมิเตฺต เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต อนุปุเพฺพน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เนโยฺยฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต พหุมฺปิ ภณโต พหุมฺปิ ธารยโต พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ, เตน อตฺตภาเวน มคฺคํ วา ผลํ วา อนฺตมโส ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโมฯ ตตฺถ ภควา อุปฺปลวนาทิสทิสํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกโนฺต อชฺช ปุปฺผนกานิ วิย อุคฺฆฎิตญฺญู, เสฺว ปุปฺผนกานิ วิย วิปญฺจิตญฺญู, ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ วิย เนเยฺย, มจฺฉกจฺฉปภกฺขปุปฺผานิ วิย ปทปรเม จ อทฺทส, ปสฺสโนฺต จ ‘‘เอตฺตกา อปฺปรชกฺขา, เอตฺตกา มหารชกฺขา, ตตฺราปิ เอตฺตกา อุคฺฆฎิตญฺญู’’ติ เอวํ สพฺพาการโตว อทฺทสฯ

    Tattha yassa puggalassa saha udāhaṭavelāya dhammābhisamayo hoti, ayaṃ ‘‘cattāro satipaṭṭhānā’’tiādinā nayena saṅkhittena mātikāya ṭhapiyamānāya desanānusārena ñāṇaṃ pesetvā arahattaṃ gaṇhituṃ samattho puggalo ugghaṭitaññūti vuccati. Yassa puggalassa saṅkhittena bhāsitassa vitthārena atthe vibhajiyamāne dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo vipañcitaññū. Yassa puggalassa uddesato paripucchato yoniso manasikaroto kalyāṇamitte sevato bhajato payirupāsato anupubbena dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo neyyo. Yassa puggalassa bahumpi suṇato bahumpi bhaṇato bahumpi dhārayato bahumpi vācayato na tāya jātiyā dhammābhisamayo hoti, tena attabhāvena maggaṃ vā phalaṃ vā antamaso jhānaṃ vā vipassanaṃ vā nibbattetuṃ na sakkoti, ayaṃ vuccati puggalo padaparamo. Tattha bhagavā uppalavanādisadisaṃ dasasahassilokadhātuṃ olokento ajja pupphanakāni viya ugghaṭitaññū, sve pupphanakāni viya vipañcitaññū, tatiyadivase pupphanakāni viya neyye, macchakacchapabhakkhapupphāni viya padaparame ca addasa, passanto ca ‘‘ettakā apparajakkhā, ettakā mahārajakkhā, tatrāpi ettakā ugghaṭitaññū’’ti evaṃ sabbākāratova addasa.

    ตตฺถ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อิมสฺมิเญฺญว อตฺตภาเว ภควโต ธมฺมเทสนา อตฺถํ สาเธติฯ ปทปรมานํ อนาคตตฺถาย วาสนา โหติฯ อถ ภควา อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถาวหํ ธมฺมเทสนํ วิทิตฺวา เทเสตุกมฺยตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน สเพฺพปิ ตีสุ ภเวสุ สเตฺต ภพฺพาภพฺพวเสน เทฺว โกฎฺฐาเส อกาสิฯ เย สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เย เต สตฺตา กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตา วิปากาวรเณน สมนฺนาคตา กิเลสาวรเณน สมนฺนาคตา อสฺสทฺธา อจฺฉนฺทิกา ทุปฺปญฺญา อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตํ, อิเม เต สตฺตา อภพฺพาฯ กตเม เต สตฺตา ภพฺพา? เย เต สตฺตา น กมฺมาวรเณน…เป.… อิเม เต สตฺตา ภพฺพา’’ติ (วิภ. ๘๒๖-๘๒๗)ฯ ตตฺถ สเพฺพปิ อภพฺพปุคฺคเล ปหาย ภพฺพปุคฺคเลเยว ญาเณน ปริคฺคเหตฺวา ‘‘เอตฺตกา ราคจริตา, เอตฺตกา โทส, โมห, วิตกฺก, สทฺธา, พุทฺธิจริตา’’ติ ฉ โกฎฺฐาเส อกาสิ, เอวํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ จิเนฺตสิฯ เอตฺถ จ อปฺปรชกฺขาทิภพฺพาทิวเสน อาวเชฺชนฺตสฺส ภควโต เต สตฺตา ปุญฺชปุญฺชาว หุตฺวา อุปฎฺฐหนฺติ, น เอเกกาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Tattha tiṇṇaṃ puggalānaṃ imasmiññeva attabhāve bhagavato dhammadesanā atthaṃ sādheti. Padaparamānaṃ anāgatatthāya vāsanā hoti. Atha bhagavā imesaṃ catunnaṃ puggalānaṃ atthāvahaṃ dhammadesanaṃ viditvā desetukamyataṃ uppādetvā puna sabbepi tīsu bhavesu satte bhabbābhabbavasena dve koṭṭhāse akāsi. Ye sandhāya vuttaṃ ‘‘ye te sattā kammāvaraṇena samannāgatā vipākāvaraṇena samannāgatā kilesāvaraṇena samannāgatā assaddhā acchandikā duppaññā abhabbā niyāmaṃ okkamituṃ kusalesu dhammesu sammattaṃ, ime te sattā abhabbā. Katame te sattā bhabbā? Ye te sattā na kammāvaraṇena…pe… ime te sattā bhabbā’’ti (vibha. 826-827). Tattha sabbepi abhabbapuggale pahāya bhabbapuggaleyeva ñāṇena pariggahetvā ‘‘ettakā rāgacaritā, ettakā dosa, moha, vitakka, saddhā, buddhicaritā’’ti cha koṭṭhāse akāsi, evaṃ katvā dhammaṃ desessāmīti cintesi. Ettha ca apparajakkhādibhabbādivasena āvajjentassa bhagavato te sattā puñjapuñjāva hutvā upaṭṭhahanti, na ekekāti daṭṭhabbaṃ.

    ปจฺจภาสีติ ปติอภาสิฯ อปารุตาติ วิวฎาฯ อมตสฺส ทฺวาราติ อริยมโคฺคฯ โส หิ อมตสงฺขาตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารํ, โส มยา วิวริตฺวา ฐปิโต มหากรุณูปนิสฺสเยน สยมฺภูญาเณน อธิคตตฺตาติ ทเสฺสติฯ ‘‘อปารุตํ เตสํ อมตสฺส ทฺวาร’’นฺติ เกจิ ปฐนฺติฯ ปมุญฺจนฺตุ สทฺธนฺติ สเพฺพ อตฺตโน สทฺธํ มุญฺจนฺตุ วิสฺสเชฺชนฺตุ ปเวเทนฺตุ, มยา เทสิเต ธเมฺม มยิ จ อตฺตโน สทฺทหนาการํ อุฎฺฐาเปนฺตูติ อโตฺถฯ ปจฺฉิมปททฺวเย อยมโตฺถ – อหญฺหิ อตฺตโน ปคุณํ สุปฺปวตฺติตมฺปิ อิมํ ปณีตํ อุตฺตมํ ธมฺมํ กายวาจากิลมถสญฺญี หุตฺวา น ภาสิํ, น ภาสิสฺสามีติ จิเนฺตสิํ, อิทานิ ปน สโพฺพ ชโน สทฺธาภาชนํ อุปเนตุ, ปูเรสฺสามิ เนสํ สงฺกปฺปนฺติฯ อนฺตรธายีติ สตฺถารํ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา อนฺตรหิโต, สกฎฺฐานเมว คโตติ อโตฺถฯ สตฺถุสนฺติกญฺหิ อุปคตานํ เทวานํ พฺรหฺมานญฺจ ตสฺส ปุรโต อนฺตรธานํ นาม สกฎฺฐานคมนเมวฯ

    Paccabhāsīti patiabhāsi. Apārutāti vivaṭā. Amatassa dvārāti ariyamaggo. So hi amatasaṅkhātassa nibbānassa dvāraṃ, so mayā vivaritvā ṭhapito mahākaruṇūpanissayena sayambhūñāṇena adhigatattāti dasseti. ‘‘Apārutaṃ tesaṃ amatassa dvāra’’nti keci paṭhanti. Pamuñcantu saddhanti sabbe attano saddhaṃ muñcantu vissajjentu pavedentu, mayā desite dhamme mayi ca attano saddahanākāraṃ uṭṭhāpentūti attho. Pacchimapadadvaye ayamattho – ahañhi attano paguṇaṃ suppavattitampi imaṃ paṇītaṃ uttamaṃ dhammaṃ kāyavācākilamathasaññī hutvā na bhāsiṃ, na bhāsissāmīti cintesiṃ, idāni pana sabbo jano saddhābhājanaṃ upanetu, pūressāmi nesaṃ saṅkappanti. Antaradhāyīti satthāraṃ gandhamālādīhi pūjetvā antarahito, sakaṭṭhānameva gatoti attho. Satthusantikañhi upagatānaṃ devānaṃ brahmānañca tassa purato antaradhānaṃ nāma sakaṭṭhānagamanameva.

    พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Brahmayācanakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๕. พฺรหฺมยาจนกถา • 5. Brahmayācanakathā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / พฺรหฺมยาจนกถา • Brahmayācanakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา • Brahmayācanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา • Brahmayācanakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๕. พฺรหฺมยาจนกถา • 5. Brahmayācanakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact