Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๖. พฺรหฺมสํยุตฺตํ

    6. Brahmasaṃyuttaṃ

    ๑. ปฐมวโคฺค

    1. Paṭhamavaggo

    ๑. พฺรหฺมายาจนสุตฺตวณฺณนา

    1. Brahmāyācanasuttavaṇṇanā

    ๑๗๒. พฺรหฺมสํยุตฺตสฺส ปฐเม ปริวิตโกฺก อุทปาทีติ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิโณฺณ อยํ เจตโส วิตโกฺก อุทปาทิฯ กทา อุทปาทีติ? พุทฺธภูตสฺส อฎฺฐเม สตฺตาเห ราชายตนมูเล สเกฺกน เทวานมิเนฺทน อาภตํ ทนฺตกฎฺฐญฺจ โอสธหรีตกญฺจ ขาทิตฺวา มุขํ โธวิตฺวา จตูหิ โลกปาเลหิ อุปนีเต ปจฺจเคฺฆ เสลมยปเตฺต ตปุสฺสภลฺลิกานํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา ปุน ปจฺจาคนฺตฺวา อชปาลนิโคฺรเธ นิสินฺนมตฺตสฺสฯ

    172. Brahmasaṃyuttassa paṭhame parivitakko udapādīti sabbabuddhānaṃ āciṇṇasamāciṇṇo ayaṃ cetaso vitakko udapādi. Kadā udapādīti? Buddhabhūtassa aṭṭhame sattāhe rājāyatanamūle sakkena devānamindena ābhataṃ dantakaṭṭhañca osadhaharītakañca khāditvā mukhaṃ dhovitvā catūhi lokapālehi upanīte paccagghe selamayapatte tapussabhallikānaṃ piṇḍapātaṃ paribhuñjitvā puna paccāgantvā ajapālanigrodhe nisinnamattassa.

    อธิคโตติ ปฎิวิโทฺธฯ ธโมฺมติ จตุสจฺจธโมฺมฯ คมฺภีโรติ อุตฺตานปฎิเกฺขปวจนเมตํฯ ทุทฺทโสติ คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส ทุเกฺขน ทฎฺฐโพฺพ, น สกฺกา สุเขน ทฎฺฐุํฯ ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ ทุเกฺขน อวพุชฺฌิตโพฺพ, น สกฺกา สุเขน อวพุชฺฌิตุํฯ สโนฺตติ นิพฺพุโตฯ ปณีโตติ อตปฺปโกฯ อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ อตกฺกาวจโรติ ตเกฺกน อวจริตโพฺพ โอคาหิตโพฺพ น โหติ, ญาเณเนว อวจริตโพฺพฯ นิปุโณติ สโณฺหฯ ปณฺฑิตเวทนีโยติ สมฺมาปฎิปทํ ปฎิปเนฺนหิ ปณฺฑิเตหิ เวทิตโพฺพฯ อาลยรามาติ สตฺตา ปญฺจสุ กามคุเณสุ อลฺลียนฺติ, ตสฺมา เต อาลยาติ วุจฺจนฺติฯ อฎฺฐสตตณฺหาวิจริตานิ วา อลฺลียนฺติ, ตสฺมาปิ อาลยาติ วุจฺจนฺติฯ เตหิ อาลเยหิ รมนฺตีติ อาลยรามาฯ อาลเยสุ รตาติ อาลยรตาฯ อาลเยสุ สุฎฺฐุ มุทิตาติ อาลยสมฺมุทิตาฯ ยเถว หิ สุสชฺชิตํ ปุปฺผผลภริตรุกฺขาทิสมฺปนฺนํ อุยฺยานํ ปวิโฎฺฐ ราชา ตาย ตาย สมฺปตฺติยา รมติ, สมฺมุทิโต อาโมทิตปโมทิโต โหติ, น อุกฺกณฺฐติ, สายมฺปิ นิกฺขมิตุํ น อิจฺฉติ, เอวมิเมหิปิ กามาลยตณฺหาลเยหิ สตฺตา รมนฺติ, สํสารวเฎฺฎ สมฺมุทิตา อนุกฺกณฺฐิตา วสนฺติฯ เตน เตสํ ภควา ทุวิธํ อาลยํ อุยฺยานภูมิํ วิย ทเสฺสโนฺต ‘‘อาลยรามา’’ติอาทิมาหฯ

    Adhigatoti paṭividdho. Dhammoti catusaccadhammo. Gambhīroti uttānapaṭikkhepavacanametaṃ. Duddasoti gambhīrattāva duddaso dukkhena daṭṭhabbo, na sakkā sukhena daṭṭhuṃ. Duddasattāva duranubodho dukkhena avabujjhitabbo, na sakkā sukhena avabujjhituṃ. Santoti nibbuto. Paṇītoti atappako. Idaṃ dvayaṃ lokuttarameva sandhāya vuttaṃ. Atakkāvacaroti takkena avacaritabbo ogāhitabbo na hoti, ñāṇeneva avacaritabbo. Nipuṇoti saṇho. Paṇḍitavedanīyoti sammāpaṭipadaṃ paṭipannehi paṇḍitehi veditabbo. Ālayarāmāti sattā pañcasu kāmaguṇesu allīyanti, tasmā te ālayāti vuccanti. Aṭṭhasatataṇhāvicaritāni vā allīyanti, tasmāpi ālayāti vuccanti. Tehi ālayehi ramantīti ālayarāmā. Ālayesu ratāti ālayaratā. Ālayesu suṭṭhu muditāti ālayasammuditā. Yatheva hi susajjitaṃ pupphaphalabharitarukkhādisampannaṃ uyyānaṃ paviṭṭho rājā tāya tāya sampattiyā ramati, sammudito āmoditapamodito hoti, na ukkaṇṭhati, sāyampi nikkhamituṃ na icchati, evamimehipi kāmālayataṇhālayehi sattā ramanti, saṃsāravaṭṭe sammuditā anukkaṇṭhitā vasanti. Tena tesaṃ bhagavā duvidhaṃ ālayaṃ uyyānabhūmiṃ viya dassento ‘‘ālayarāmā’’tiādimāha.

    ตตฺถ ยทิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส ฐานํ สนฺธาย ‘‘ยํ อิท’’นฺติ, ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ สนฺธาย ‘‘โย อย’’นฺติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปาโทติ อิเมสํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา, อิทปฺปจฺจยตา จ สา ปฎิจฺจสมุปฺปาโท จาติ อิทปฺปจฺจยตาปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ สงฺขาราทิปจฺจยานํ เอตํ อธิวจนํฯ สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพํ นิพฺพานเมวฯ ยสฺมา หิ ตํ อาคมฺม สพฺพสงฺขารวิปฺผนฺทิตานิ สมนฺติ, วูปสมฺมนฺติ, ตสฺมา สพฺพสงฺขารสมโถติ วุจฺจติฯ ยสฺมา จ ตํ อาคมฺม สเพฺพ อุปธโย ปฎินิสฺสฎฺฐา โหนฺติ, สพฺพา ตณฺหา ขียนฺติ, สเพฺพ กิเลสราคา วิรชฺชนฺติ, สพฺพํ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา สพฺพูปธิปฎินิสฺสโคฺค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธติ วุจฺจติฯ ยา ปเนสา ตณฺหา ภเวน ภวํ, ผเลน วา สทฺธิํ กมฺมํ วินติ สํสิพฺพตีติ กตฺวา วานนฺติ วุจฺจติ, ตโต นิกฺขนฺตํ วานโตติ นิพฺพานํฯ โส มมสฺส กิลมโถติ ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺส, สา มม วิเหสา อสฺสาติ อโตฺถฯ กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา จ อสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ จิเตฺต ปน อุภยเมฺปตํ พุทฺธานํ นตฺถิฯ อปิสฺสูติ อนุพฺรูหนเตฺถ นิปาโตฯ โส ‘‘น เกวลํ อยํ ปริวิตโกฺก อุทปาทิ, อิมาปิ คาถา ปฎิภํสู’’ติ ทีเปติฯ อนจฺฉริยาติ อนุอจฺฉริยาฯ ปฎิภํสูติ ปฎิภานสงฺขาตสฺส ญาณสฺส โคจรา อเหสุํ, ปริวิตกฺกยิตพฺพตํ ปาปุณิํสุฯ

    Tattha yadidanti nipāto, tassa ṭhānaṃ sandhāya ‘‘yaṃ ida’’nti, paṭiccasamuppādaṃ sandhāya ‘‘yo aya’’nti evamattho daṭṭhabbo. Idappaccayatāpaṭiccasamuppādoti imesaṃ paccayā idappaccayā, idappaccayā eva idappaccayatā, idappaccayatā ca sā paṭiccasamuppādo cāti idappaccayatāpaṭiccasamuppādo. Saṅkhārādipaccayānaṃ etaṃ adhivacanaṃ. Sabbasaṅkhārasamathotiādi sabbaṃ nibbānameva. Yasmā hi taṃ āgamma sabbasaṅkhāravipphanditāni samanti, vūpasammanti, tasmā sabbasaṅkhārasamathoti vuccati. Yasmā ca taṃ āgamma sabbe upadhayo paṭinissaṭṭhā honti, sabbā taṇhā khīyanti, sabbe kilesarāgā virajjanti, sabbaṃ dukkhaṃ nirujjhati, tasmā sabbūpadhipaṭinissaggo taṇhākkhayo virāgo nirodhoti vuccati. Yā panesā taṇhā bhavena bhavaṃ, phalena vā saddhiṃ kammaṃ vinati saṃsibbatīti katvā vānanti vuccati, tato nikkhantaṃ vānatoti nibbānaṃ. So mamassa kilamathoti yā ajānantānaṃ desanā nāma, so mama kilamatho assa, sā mama vihesā assāti attho. Kāyakilamatho ceva kāyavihesā ca assāti vuttaṃ hoti. Citte pana ubhayampetaṃ buddhānaṃ natthi. Apissūti anubrūhanatthe nipāto. So ‘‘na kevalaṃ ayaṃ parivitakko udapādi, imāpi gāthā paṭibhaṃsū’’ti dīpeti. Anacchariyāti anuacchariyā. Paṭibhaṃsūti paṭibhānasaṅkhātassa ñāṇassa gocarā ahesuṃ, parivitakkayitabbataṃ pāpuṇiṃsu.

    กิเจฺฉนาติ ทุเกฺขน, น ทุกฺขาย ปฎิปทายฯ พุทฺธานํ หิ จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขปฎิปทาว โหนฺติฯ ปารมีปูรณกาเล ปน สราคสโทสสโมหเสฺสว สโต อาคตาคตานํ ยาจกานํ อลงฺกตปฎิยตฺตํ สีสํ กนฺติตฺวา คลโลหิตํ นีหริตฺวา สุอญฺชิตานิ อกฺขีนิ อุปฺปาเฎตฺวา กุลวํสปฺปทีปํ ปุตฺตํ มนาปจารินิํ ภริยนฺติ เอวมาทีนิ เทนฺตสฺส อญฺญานิ จ ขนฺติวาทิสทิเสสุ อตฺตภาเวสุ เฉชฺชเภชฺชาทีนิ ปาปุณนฺตสฺส อาคมนียปฎิปทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ หลนฺติ เอตฺถ -กาโร นิปาตมโตฺต, อลนฺติ อโตฺถฯ ปกาสิตุนฺติ เทสิตุํ, เอวํ กิเจฺฉน อธิคตสฺส อลํ เทสิตุํ ปริยตฺตํ เทสิตุํฯ โก อโตฺถ เทสิเตนาติ วุตฺตํ โหติ? ราคโทสปเรเตหีติ ราคโทสผุเฎฺฐหิ ราคโทสานุคเตหิ วาฯ

    Kicchenāti dukkhena, na dukkhāya paṭipadāya. Buddhānaṃ hi cattāropi maggā sukhapaṭipadāva honti. Pāramīpūraṇakāle pana sarāgasadosasamohasseva sato āgatāgatānaṃ yācakānaṃ alaṅkatapaṭiyattaṃ sīsaṃ kantitvā galalohitaṃ nīharitvā suañjitāni akkhīni uppāṭetvā kulavaṃsappadīpaṃ puttaṃ manāpacāriniṃ bhariyanti evamādīni dentassa aññāni ca khantivādisadisesu attabhāvesu chejjabhejjādīni pāpuṇantassa āgamanīyapaṭipadaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Halanti ettha ha-kāro nipātamatto, alanti attho. Pakāsitunti desituṃ, evaṃ kicchena adhigatassa alaṃ desituṃ pariyattaṃ desituṃ. Ko attho desitenāti vuttaṃ hoti? Rāgadosaparetehīti rāgadosaphuṭṭhehi rāgadosānugatehi vā.

    ปฎิโสตคามินฺติ นิจฺจาทีนํ ปฎิโสตํ, ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภ’’นฺติ เอวํ คตํ จตุสจฺจธมฺมํฯ ราครตฺตาติ กามราเคน ภวราเคน ทิฎฺฐิราเคน จ รตฺตาฯ น ทกฺขนฺตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ อิมินา สภาเวน น ปสฺสิสฺสนฺติ , เต อปสฺสเนฺต โก สกฺขิสฺสติ เอวํ คาหาเปตุํฯ ตโมขเนฺธน อาวุฎาติ อวิชฺชาราสินา อโชฺฌตฺถฎาฯ

    Paṭisotagāminti niccādīnaṃ paṭisotaṃ, ‘‘aniccaṃ dukkhamanattā asubha’’nti evaṃ gataṃ catusaccadhammaṃ. Rāgarattāti kāmarāgena bhavarāgena diṭṭhirāgena ca rattā. Na dakkhantīti aniccaṃ dukkhamanattā asubhanti iminā sabhāvena na passissanti , te apassante ko sakkhissati evaṃ gāhāpetuṃ. Tamokhandhena āvuṭāti avijjārāsinā ajjhotthaṭā.

    อโปฺปสฺสุกฺกตายาติ นิรุสฺสุกฺกภาเวน, อเทเสตุกามตายาติ อโตฺถฯ กสฺมา ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ? นนุ เอส มุโตฺต โมเจสฺสามิ, ติโณฺณ ตาเรสฺสามิ –

    Appossukkatāyāti nirussukkabhāvena, adesetukāmatāyāti attho. Kasmā panassa evaṃ cittaṃ nami? Nanu esa mutto mocessāmi, tiṇṇo tāressāmi –

    ‘‘กิํ เม อญฺญาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;

    ‘‘Kiṃ me aññātavesena, dhammaṃ sacchikatenidha;

    สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา, ตารยิสฺสํ สเทวก’’นฺติฯ (พุ. วํ. ๒.๕๖) –

    Sabbaññutaṃ pāpuṇitvā, tārayissaṃ sadevaka’’nti. (bu. vaṃ. 2.56) –

    ปตฺถนํ กตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปโตฺตติ? สจฺจเมตํ, ตเทวํ ปจฺจเวกฺขณานุภาเวน ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิฯ ตสฺส หิ สพฺพญฺญุตํ ปตฺวา สตฺตานํ กิเลสคหนตํ, ธมฺมสฺส จ คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สตฺตานํ กิเลสคหนตา จ ธมฺมคมฺภีรตา จ สพฺพากาเรน ปากฎา ชาตาฯ อถสฺส – ‘‘อิเม สตฺตา กญฺชิยปุณฺณา ลาพุ วิย, ตกฺกภริตา จาฎิ วิย, วสาเตลปีตปิโลติกา วิย, อญฺชนมกฺขิตหโตฺถ วิย จ กิเลสภริตา อติสํกิลิฎฺฐา ราครตฺตา โทสทุฎฺฐา โมหมูฬฺหา, เต กิํ นาม ปฎิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ? จินฺตยโต กิเลสคหนปจฺจเวกฺขณานุภาเวนาปิ เอวํ จิตฺตํ นมิฯ

    Patthanaṃ katvā pāramiyo pūretvā sabbaññutaṃ pattoti? Saccametaṃ, tadevaṃ paccavekkhaṇānubhāvena panassa evaṃ cittaṃ nami. Tassa hi sabbaññutaṃ patvā sattānaṃ kilesagahanataṃ, dhammassa ca gambhīrataṃ paccavekkhantassa sattānaṃ kilesagahanatā ca dhammagambhīratā ca sabbākārena pākaṭā jātā. Athassa – ‘‘ime sattā kañjiyapuṇṇā lābu viya, takkabharitā cāṭi viya, vasātelapītapilotikā viya, añjanamakkhitahattho viya ca kilesabharitā atisaṃkiliṭṭhā rāgarattā dosaduṭṭhā mohamūḷhā, te kiṃ nāma paṭivijjhissantī’’ti? Cintayato kilesagahanapaccavekkhaṇānubhāvenāpi evaṃ cittaṃ nami.

    ‘‘อยญฺจ ธโมฺม ปถวีสนฺธารกอุทกกฺขโนฺธ วิย คมฺภีโร, ปพฺพเตน ปฎิจฺฉาเทตฺวา ฐปิโต สาสโป วิย ทุทฺทโส, สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฎิยา โกฎิปฎิปาทนํ วิย ทุรนุโพโธฯ นนุ มยา หิ อิมํ ธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิตุํ วายมเนฺตน อทินฺนํ ทานํ นาม นตฺถิ, อรกฺขิตํ สีลํ นาม นตฺถิ, อปริปูริตา กาจิ ปารมี นาม นตฺถิ, ตสฺส เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺสาปิ ปถวี น กมฺปิตฺถ, ปฐมยาเม ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ น กมฺปิตฺถ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺตสฺสาปิ น กมฺปิตฺถ, ปจฺฉิมยาเม ปน ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ ปฎิวิชฺฌนฺตเสฺสว เม ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถฯ อิติ มาทิเสนาปิ ติกฺขญาเณน กิเจฺฉเนวายํ ธโมฺม ปฎิวิโทฺธฯ ตํ โลกิยมหาชนา กถํ ปฎิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ? ธมฺมคมฺภีรปจฺจเวกฺขณานุภาเวนาปิ เอวํ จิตฺตํ นมีติ เวทิตพฺพํฯ

    ‘‘Ayañca dhammo pathavīsandhārakaudakakkhandho viya gambhīro, pabbatena paṭicchādetvā ṭhapito sāsapo viya duddaso, satadhā bhinnassa vālassa koṭiyā koṭipaṭipādanaṃ viya duranubodho. Nanu mayā hi imaṃ dhammaṃ paṭivijjhituṃ vāyamantena adinnaṃ dānaṃ nāma natthi, arakkhitaṃ sīlaṃ nāma natthi, aparipūritā kāci pāramī nāma natthi, tassa me nirussāhaṃ viya mārabalaṃ vidhamantassāpi pathavī na kampittha, paṭhamayāme pubbenivāsaṃ anussarantassāpi na kampittha, majjhimayāme dibbacakkhuṃ visodhentassāpi na kampittha, pacchimayāme pana paṭiccasamuppādaṃ paṭivijjhantasseva me dasasahassilokadhātu kampittha. Iti mādisenāpi tikkhañāṇena kicchenevāyaṃ dhammo paṭividdho. Taṃ lokiyamahājanā kathaṃ paṭivijjhissantī’’ti? Dhammagambhīrapaccavekkhaṇānubhāvenāpi evaṃ cittaṃ namīti veditabbaṃ.

    อปิจ พฺรหฺมุนา ยาจิเต เทเสตุกามตายปิสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิฯ ชานาติ หิ ภควา – ‘‘มม อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิเตฺต นมมาเน มํ มหาพฺรหฺมา ธมฺมเทสนํ ยาจิสฺสติ, อิเม จ สตฺตา พฺรหฺมครุกาฯ เต ‘สตฺถา กิร ธมฺมํ น เทเสตุกาโม อโหสิฯ อถ นํ มหาพฺรหฺมา ยาจิตฺวา เทสาเปสิฯ สโนฺต วต โภ ธโมฺม, ปณีโต วต โภ ธโมฺม’ติ มญฺญมานา สุสฺสูสิสฺสนฺตี’’ติฯ อิทมฺปิสฺส การณํ ปฎิจฺจ อโปฺปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายาติ เวทิตพฺพํฯ

    Apica brahmunā yācite desetukāmatāyapissa evaṃ cittaṃ nami. Jānāti hi bhagavā – ‘‘mama appossukkatāya citte namamāne maṃ mahābrahmā dhammadesanaṃ yācissati, ime ca sattā brahmagarukā. Te ‘satthā kira dhammaṃ na desetukāmo ahosi. Atha naṃ mahābrahmā yācitvā desāpesi. Santo vata bho dhammo, paṇīto vata bho dhammo’ti maññamānā sussūsissantī’’ti. Idampissa kāraṇaṃ paṭicca appossukkatāya cittaṃ nami, no dhammadesanāyāti veditabbaṃ.

    สหมฺปติสฺสาติ โส กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สหโก นาม เถโร ปฐมชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ปฐมชฺฌานภูมิยํ กปฺปายุกพฺรหฺมา หุตฺวา นิพฺพโตฺตฯ ตตฺร นํ ‘‘สหมฺปติพฺรหฺมา’’ติ ปฎิสญฺชานนฺติฯ ตํ สนฺธายาห ‘‘พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺสา’’ติฯ นสฺสติ วต โภติ โส กิร อิมํ สทฺทํ ตถา นิจฺฉาเรสิ, ยถา ทสสหสฺสิโลกธาตุพฺรหฺมาโน สุตฺวา สเพฺพ สนฺนิปติํสุฯ ยตฺร หิ นามาติ ยสฺมิํ นาม โลเกฯ ปุรโต ปาตุรโหสีติ เตหิ ทสหิ พฺรหฺมสหเสฺสหิ สทฺธิํ ปาตุรโหสิฯ อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปญฺญามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสํ เอวํสภาวาติ อปฺปรชกฺขชาติกาฯ อสฺสวนตาติ อสฺสวนตายฯ ภวิสฺสนฺตีติ ปุริมพุเทฺธสุ ทสปุญฺญกิริยวเสน กตาธิการา ปริปากคตา ปทุมานิ วิย สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ, ธมฺมเทสนํเยว อากงฺขมานา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อริยภูมิํ โอกฺกมนารหา น เอโก, น เทฺว, อเนกสตสหสฺสา ธมฺมสฺส อญฺญาตาโร ภวิสฺสนฺตีติ ทเสฺสติฯ

    Sahampatissāti so kira kassapassa bhagavato sāsane sahako nāma thero paṭhamajjhānaṃ nibbattetvā paṭhamajjhānabhūmiyaṃ kappāyukabrahmā hutvā nibbatto. Tatra naṃ ‘‘sahampatibrahmā’’ti paṭisañjānanti. Taṃ sandhāyāha ‘‘brahmuno sahampatissā’’ti. Nassati vata bhoti so kira imaṃ saddaṃ tathā nicchāresi, yathā dasasahassilokadhātubrahmāno sutvā sabbe sannipatiṃsu. Yatra hi nāmāti yasmiṃ nāma loke. Purato pāturahosīti tehi dasahi brahmasahassehi saddhiṃ pāturahosi. Apparajakkhajātikāti paññāmaye akkhimhi appaṃ parittaṃ rāgadosamoharajaṃ etesaṃ evaṃsabhāvāti apparajakkhajātikā. Assavanatāti assavanatāya. Bhavissantīti purimabuddhesu dasapuññakiriyavasena katādhikārā paripākagatā padumāni viya sūriyarasmisamphassaṃ, dhammadesanaṃyeva ākaṅkhamānā catuppadikagāthāvasāne ariyabhūmiṃ okkamanārahā na eko, na dve, anekasatasahassā dhammassa aññātāro bhavissantīti dasseti.

    ปาตุรโหสีติ ปาตุภวิฯ สมเลหิ จินฺติโตติ สมเลหิ ฉหิ สตฺถาเรหิ จินฺติโตฯ เต หิ ปุเรตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลชมฺพุทีเป กณฺฎเก ปตฺถรมานา วิย, วิสํ สิญฺจมานา วิย จ สมลํ มิจฺฉาทิฎฺฐิธมฺมํ เทสยิํสุฯ อปาปุเรตนฺติ วิวรํ เอตํฯ อมตสฺส ทฺวารนฺติ อมตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารภูตํ อริยมคฺคํฯ สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธนฺติ อิเม สตฺตา ราคาทิมลานํ อภาวโต วิมเลน สมฺมาสมฺพุเทฺธน อนุพุทฺธํ จตุสจฺจธมฺมํ สุณนฺตุ ตาว ภควาติ ยาจติฯ

    Pāturahosīti pātubhavi. Samalehi cintitoti samalehi chahi satthārehi cintito. Te hi puretaraṃ uppajjitvā sakalajambudīpe kaṇṭake pattharamānā viya, visaṃ siñcamānā viya ca samalaṃ micchādiṭṭhidhammaṃ desayiṃsu. Apāpuretanti vivaraṃ etaṃ. Amatassa dvāranti amatassa nibbānassa dvārabhūtaṃ ariyamaggaṃ. Suṇantu dhammaṃ vimalenānubuddhanti ime sattā rāgādimalānaṃ abhāvato vimalena sammāsambuddhena anubuddhaṃ catusaccadhammaṃ suṇantu tāva bhagavāti yācati.

    เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฎฺฐิโตติ เสลมเย เอกคฺฆเน ปพฺพตมุทฺธนิ ยถาฐิโตวฯ น หิ ตสฺส ฐิตสฺส ทสฺสนตฺถํ คีวุกฺขิปนปสารณาทิกิจฺจํ อตฺถิฯ ตถูปมนฺติ ตปฺปฎิภาคํ เสลปพฺพตูปมํฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ยถา เสลปพฺพตมุทฺธนิ ฐิโตว จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปเสฺสยฺย , ตถา ตฺวมฺปิ สุเมธ สุนฺทรปญฺญ สพฺพญฺญุตญาเณน สมนฺตจกฺขุ ภควา ธมฺมมยํ ปาสาทมารุยฺห สยํ อเปตโสโก โสกาวติณฺณํ ชาติชราภิภูตํ ชนตํ อเวกฺขสฺสุ อุปธารย อุปปริกฺขฯ อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา หิ ปพฺพตปาเท สมนฺตา มหนฺตํ เขตฺตํ กตฺวา, ตตฺถ เกทารปาฬีสุ กุฎิกาโย กตฺวา รตฺติํ อคฺคิํ ชาเลยฺยุํ, จตุรงฺคสมนฺนาคตญฺจ อนฺธการํ อสฺส, อถ ตสฺส ปพฺพตสฺส มตฺถเก ฐตฺวา จกฺขุมโต ปุริสสฺส ภูมิํ โอโลกยโต เนว เขตฺตํ น เกทารปาฬิโย น กุฎิโย น ตตฺถ สยิตมนุสฺสา ปญฺญาเยยฺยุํฯ กุฎิกาสุ ปน อคฺคิชาลามตฺตกเมว ปญฺญาเยยฺย, เอวํ ธมฺมปาสาทํ อารุยฺห สตฺตนิกายํ โอโลกยโต ตถาคตสฺส เย เต อกตกลฺยาณา สตฺตา, เต เอกวิหาเร ทกฺขิณชาณุปเสฺส นิสินฺนาปิ พุทฺธจกฺขุสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ, รตฺติํ ขิตฺตา สรา วิย โหนฺติฯ เย ปน กตกลฺยาณา เวเนยฺยปุคฺคลา, เต เอวสฺส ทูเรปิ ฐิตา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ โส อคฺคิ วิย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Sele yathā pabbatamuddhaniṭṭhitoti selamaye ekagghane pabbatamuddhani yathāṭhitova. Na hi tassa ṭhitassa dassanatthaṃ gīvukkhipanapasāraṇādikiccaṃ atthi. Tathūpamanti tappaṭibhāgaṃ selapabbatūpamaṃ. Ayaṃ panettha saṅkhepattho – yathā selapabbatamuddhani ṭhitova cakkhumā puriso samantato janataṃ passeyya , tathā tvampi sumedha sundarapañña sabbaññutañāṇena samantacakkhu bhagavā dhammamayaṃ pāsādamāruyha sayaṃ apetasoko sokāvatiṇṇaṃ jātijarābhibhūtaṃ janataṃ avekkhassu upadhāraya upaparikkha. Ayaṃ panettha adhippāyo – yathā hi pabbatapāde samantā mahantaṃ khettaṃ katvā, tattha kedārapāḷīsu kuṭikāyo katvā rattiṃ aggiṃ jāleyyuṃ, caturaṅgasamannāgatañca andhakāraṃ assa, atha tassa pabbatassa matthake ṭhatvā cakkhumato purisassa bhūmiṃ olokayato neva khettaṃ na kedārapāḷiyo na kuṭiyo na tattha sayitamanussā paññāyeyyuṃ. Kuṭikāsu pana aggijālāmattakameva paññāyeyya, evaṃ dhammapāsādaṃ āruyha sattanikāyaṃ olokayato tathāgatassa ye te akatakalyāṇā sattā, te ekavihāre dakkhiṇajāṇupasse nisinnāpi buddhacakkhussa āpāthaṃ nāgacchanti, rattiṃ khittā sarā viya honti. Ye pana katakalyāṇā veneyyapuggalā, te evassa dūrepi ṭhitā āpāthaṃ āgacchanti so aggi viya himavantapabbato viya ca. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘ทูเร สโนฺต ปกาเสนฺติ, หิมวโนฺตว ปพฺพโต;

    ‘‘Dūre santo pakāsenti, himavantova pabbato;

    อสเนฺตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺติํ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติฯ (ธ. ป. ๓๐๔);

    Asantettha na dissanti, rattiṃ khittā yathā sarā’’ti. (dha. pa. 304);

    อเชฺฌสนนฺติ ยาจนํฯ พุทฺธจกฺขุนาติ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาเณน จ อาสยานุสยญาเณน จฯ อิเมสํ หิ ทฺวินฺนํ ญาณานํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ นามํ, สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส ‘‘สมนฺตจกฺขู’’ติ, ติณฺณํ มคฺคญาณานํ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติฯ อปฺปรชเกฺขติอาทีสุ เยสํ วุตฺตนเยเนว ปญฺญาจกฺขุมฺหิ ราคาทิรชํ อปฺปํ, เต อปฺปรชกฺขาฯ เยสํ ตํ มหนฺตํ, เต มหารชกฺขาฯ เยสํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ, เต ติกฺขินฺทฺริยาฯ เยสํ ตานิ มุทูนิ, เต มุทินฺทฺริยาฯ เยสํ เตเยว สทฺธาทโย อาการา สุนฺทรา, เต สฺวาการาฯ เย กถิตการณํ สลฺลเกฺขนฺติ, สุเขน สกฺกา โหนฺติ วิญฺญาเปตุํ, เต สุวิญฺญาปยาฯ เย ปรโลกเญฺจว วชฺชญฺจ ภยโต ปสฺสนฺติ, เต ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิโน นามฯ

    Ajjhesananti yācanaṃ. Buddhacakkhunāti indriyaparopariyattañāṇena ca āsayānusayañāṇena ca. Imesaṃ hi dvinnaṃ ñāṇānaṃ ‘‘buddhacakkhū’’ti nāmaṃ, sabbaññutaññāṇassa ‘‘samantacakkhū’’ti, tiṇṇaṃ maggañāṇānaṃ ‘‘dhammacakkhū’’ti. Apparajakkhetiādīsu yesaṃ vuttanayeneva paññācakkhumhi rāgādirajaṃ appaṃ, te apparajakkhā. Yesaṃ taṃ mahantaṃ, te mahārajakkhā. Yesaṃ saddhādīni indriyāni tikkhāni, te tikkhindriyā. Yesaṃ tāni mudūni, te mudindriyā. Yesaṃ teyeva saddhādayo ākārā sundarā, te svākārā. Ye kathitakāraṇaṃ sallakkhenti, sukhena sakkā honti viññāpetuṃ, te suviññāpayā. Ye paralokañceva vajjañca bhayato passanti, te paralokavajjabhayadassāvino nāma.

    อยํ ปเนตฺถ ปาฬิ – ‘‘สโทฺธ ปุคฺคโล อปฺปรชโกฺข, อสฺสโทฺธ ปุคฺคโล มหารชโกฺขฯ อารทฺธวีริโย, กุสีโตฯ อุปฎฺฐิตสฺสติ, มุฎฺฐสฺสติฯ สมาหิโต , อสมาหิโตฯ ปญฺญวา, ทุปฺปโญฺญ ปุคฺคโล มหารชโกฺขฯ ตถา สโทฺธ ปุคฺคโล ติกฺขินฺทฺริโย…เป.… ปญฺญวา ปุคฺคโล ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวี, ทุปฺปโญฺญ ปุคฺคโล น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวีฯ โลโกติ ขนฺธโลโก, อายตนโลโก, ธาตุโลโก, สมฺปตฺติภวโลโก, สมฺปตฺติสมฺภวโลโก, วิปตฺติภวโลโก, วิปตฺติสมฺภวโลโกฯ เอโก โลโก สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกาฯ เทฺว โลกา นามญฺจ รูปญฺจฯ ตโย โลกา ติโสฺส เวทนาฯ จตฺตาโร โลกา จตฺตาโร อาหาราฯ ปญฺจ โลกา ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาฯ ฉ โลกา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิฯ สตฺต โลกา สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโยฯ อฎฺฐ โลกา อฎฺฐ โลกธมฺมาฯ นว โลกา นว สตฺตาวาสาฯ ทส โลกา ทสายตนานิฯ ทฺวาทส โลกา ทฺวาทสายตนานิฯ อฎฺฐารส โลกา อฎฺฐารส ธาตุโยฯ วชฺชนฺติ สเพฺพ กิเลสา วชฺชา, สเพฺพ ทุจฺจริตา วชฺชา, สเพฺพ อภิสงฺขารา วชฺชา, สเพฺพ ภวคามิกมฺมา วชฺชา, อิติ อิมสฺมิญฺจ โลเก อิมสฺมิญฺจ วเชฺช ติพฺพา ภยสญฺญา ปจฺจุปฎฺฐิตา โหติ, เสยฺยถาปิ อุกฺขิตฺตาสิเก วธเกฯ อิเมหิ ปญฺญาสาย อากาเรหิ อิมานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ ชานาติ ปสฺสติ อญฺญาสิ ปฎิวิชฺฌิฯ อิทํ ตถาคตสฺส อินฺทฺริยปโรปริยเตฺต ญาณ’’นฺติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๒)ฯ

    Ayaṃ panettha pāḷi – ‘‘saddho puggalo apparajakkho, assaddho puggalo mahārajakkho. Āraddhavīriyo, kusīto. Upaṭṭhitassati, muṭṭhassati. Samāhito , asamāhito. Paññavā, duppañño puggalo mahārajakkho. Tathā saddho puggalo tikkhindriyo…pe… paññavā puggalo paralokavajjabhayadassāvī, duppañño puggalo na paralokavajjabhayadassāvī. Lokoti khandhaloko, āyatanaloko, dhātuloko, sampattibhavaloko, sampattisambhavaloko, vipattibhavaloko, vipattisambhavaloko. Eko loko sabbe sattā āhāraṭṭhitikā. Dve lokā nāmañca rūpañca. Tayo lokā tisso vedanā. Cattāro lokā cattāro āhārā. Pañca lokā pañcupādānakkhandhā. Cha lokā cha ajjhattikāni āyatanāni. Satta lokā satta viññāṇaṭṭhitiyo. Aṭṭha lokā aṭṭha lokadhammā. Nava lokā nava sattāvāsā. Dasa lokā dasāyatanāni. Dvādasa lokā dvādasāyatanāni. Aṭṭhārasa lokā aṭṭhārasa dhātuyo. Vajjanti sabbe kilesā vajjā, sabbe duccaritā vajjā, sabbe abhisaṅkhārā vajjā, sabbe bhavagāmikammā vajjā, iti imasmiñca loke imasmiñca vajje tibbā bhayasaññā paccupaṭṭhitā hoti, seyyathāpi ukkhittāsike vadhake. Imehi paññāsāya ākārehi imāni pañcindriyāni jānāti passati aññāsi paṭivijjhi. Idaṃ tathāgatassa indriyaparopariyatte ñāṇa’’nti (paṭi. ma. 1.112).

    อุปฺปลินิยนฺติ อุปฺปลวเนฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ อโนฺตนิมุคฺคโปสีนีติ ยานิ อโนฺต นิมุคฺคาเนว โปสิยนฺติฯ อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ฐิตานี ติ อุทกํ อติกฺกมิตฺวา ฐิตานิฯ ตตฺถ ยานิ อจฺจุคฺคมฺม ฐิตานิ, ตานิ สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ อาคมยมานานิ ฐิตานิ อชฺช ปุปฺผนกานิฯ ยานิ ปน สโมทกํ ฐิตานิ, ตานิ เสฺว ปุปฺผนกานิฯ ยานิ อุทกานุคฺคตานิ อโนฺตนิมุคฺคโปสีนิ, ตานิ ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิฯ อุทกา ปน อนุคฺคตานิ อญฺญานิปิ สโรคอุปฺปลาทีนิ นาม อตฺถิ, ยานิ เนว ปุปฺผิสฺสนฺติ, มจฺฉกจฺฉปภกฺขาเนว ภวิสฺสนฺติ, ตานิ ปาฬิํ นารุฬฺหานิฯ อาหริตฺวา ปน ทีเปตพฺพานีติ ทีปิตานิฯ ยเถว หิ ตานิ จตุพฺพิธานิ ปุปฺผานิ, เอวเมวํ อุคฺฆฎิตญฺญู วิปญฺจิตญฺญู เนโยฺย ปทปรโมติ จตฺตาโร ปุคฺคลาฯ

    Uppaliniyanti uppalavane. Itaresupi eseva nayo. Antonimuggaposīnīti yāni anto nimuggāneva posiyanti. Udakaṃ accuggamma ṭhitānī ti udakaṃ atikkamitvā ṭhitāni. Tattha yāni accuggamma ṭhitāni, tāni sūriyarasmisamphassaṃ āgamayamānāni ṭhitāni ajja pupphanakāni. Yāni pana samodakaṃ ṭhitāni, tāni sve pupphanakāni. Yāni udakānuggatāni antonimuggaposīni, tāni tatiyadivase pupphanakāni. Udakā pana anuggatāni aññānipi sarogauppalādīni nāma atthi, yāni neva pupphissanti, macchakacchapabhakkhāneva bhavissanti, tāni pāḷiṃ nāruḷhāni. Āharitvā pana dīpetabbānīti dīpitāni. Yatheva hi tāni catubbidhāni pupphāni, evamevaṃ ugghaṭitaññū vipañcitaññū neyyo padaparamoti cattāro puggalā.

    ตตฺถ ‘‘ยสฺส ปุคฺคลสฺส สห อุทาหฎเวลาย ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล อุคฺฆฎิตญฺญูฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อเตฺถ วิภชิยมาเน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล วิปญฺจิตญฺญูฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุเทฺทสโต ปริปุจฺฉโต โยนิโส มนสิกโรโต กลฺยาณมิเตฺต เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต อนุปุเพฺพน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เนโยฺยฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต พหุมฺปิ ภณโต พหุมฺปิ ธารยโต พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโม (ปุ. ป. ๑๔๘-๑๕๑)ฯ ตตฺถ ภควา อุปฺปลวนาทิสทิสํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกโนฺต – ‘‘อชฺช ปุปฺผนกานิ วิย อุคฺฆฎิตญฺญู, เสฺว ปุปฺผนกานิ วิย วิปญฺจิตญฺญู, ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ วิย เนโยฺย, มจฺฉกจฺฉปภกฺขานิ ปุปฺผานิ วิย ปทปรโม’’ติ อทฺทสฺสฯ ปสฺสโนฺต จ ‘‘เอตฺตกา อปฺปรชกฺขา, เอตฺตกา มหารชกฺขา, ตตฺราปิ เอตฺตกา อุคฺฆฎิตญฺญู’’ติ เอวํ สพฺพาการโตว อทฺทสฯ

    Tattha ‘‘yassa puggalassa saha udāhaṭavelāya dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo ugghaṭitaññū. Yassa puggalassa saṃkhittena bhāsitassa vitthārena atthe vibhajiyamāne dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo vipañcitaññū. Yassa puggalassa uddesato paripucchato yoniso manasikaroto kalyāṇamitte sevato bhajato payirupāsato anupubbena dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo neyyo. Yassa puggalassa bahumpi suṇato bahumpi bhaṇato bahumpi dhārayato bahumpi vācayato na tāya jātiyā dhammābhisamayo hoti, ayaṃ vuccati puggalo padaparamo (pu. pa. 148-151). Tattha bhagavā uppalavanādisadisaṃ dasasahassilokadhātuṃ olokento – ‘‘ajja pupphanakāni viya ugghaṭitaññū, sve pupphanakāni viya vipañcitaññū, tatiyadivase pupphanakāni viya neyyo, macchakacchapabhakkhāni pupphāni viya padaparamo’’ti addassa. Passanto ca ‘‘ettakā apparajakkhā, ettakā mahārajakkhā, tatrāpi ettakā ugghaṭitaññū’’ti evaṃ sabbākāratova addasa.

    ตตฺถ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว ภควโต ธมฺมเทสนา อตฺถํ สาเธติฯ ปทปรมานํ อนาคตตฺถาย วาสนา โหติฯ อถ ภควา อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถาวหํ ธมฺมเทสนํ วิทิตฺวา เทเสตุกมฺยตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน สเพฺพปิ ตีสุ ภเวสุ สเตฺต ภพฺพาภพฺพวเสน เทฺว โกฎฺฐาเส อกาสิฯ เย สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘กตเม สตฺตา อภพฺพา? เย เต สตฺตา กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตา กิเลสาวรเณน สมนฺนาคตา วิปากาวรเณน สมนฺนาคตา อสฺสทฺธา อจฺฉนฺทิกา ทุปฺปญฺญา อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตํ, อิเม เต สตฺตา อภพฺพาฯ กตเม สตฺตา ภพฺพา? เย เต สตฺตา น กมฺมาวรเณน…เป.… อิเม เต สตฺตา ภพฺพา’’ติ (วิภ. ๘๒๗; ปฎิ. ม. ๑.๑๑๕)ฯ ตตฺถ สเพฺพปิ อภพฺพปุคฺคเล ปหาย ภพฺพปุคฺคเลเยว ญาเณน ปริคฺคเหตฺวา, ‘‘เอตฺตกา ราคจริตา เอตฺตกา โทส-โมหจริตา วิตกฺก-สทฺธา-พุทฺธิจริตา’’ติ ฉ โกฎฺฐาเส อกาสิฯ เอวํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ จิเนฺตสิฯ

    Tattha tiṇṇaṃ puggalānaṃ imasmiṃyeva attabhāve bhagavato dhammadesanā atthaṃ sādheti. Padaparamānaṃ anāgatatthāya vāsanā hoti. Atha bhagavā imesaṃ catunnaṃ puggalānaṃ atthāvahaṃ dhammadesanaṃ viditvā desetukamyataṃ uppādetvā puna sabbepi tīsu bhavesu satte bhabbābhabbavasena dve koṭṭhāse akāsi. Ye sandhāya vuttaṃ – ‘‘katame sattā abhabbā? Ye te sattā kammāvaraṇena samannāgatā kilesāvaraṇena samannāgatā vipākāvaraṇena samannāgatā assaddhā acchandikā duppaññā abhabbā niyāmaṃ okkamituṃ kusalesu dhammesu sammattaṃ, ime te sattā abhabbā. Katame sattā bhabbā? Ye te sattā na kammāvaraṇena…pe… ime te sattā bhabbā’’ti (vibha. 827; paṭi. ma. 1.115). Tattha sabbepi abhabbapuggale pahāya bhabbapuggaleyeva ñāṇena pariggahetvā, ‘‘ettakā rāgacaritā ettakā dosa-mohacaritā vitakka-saddhā-buddhicaritā’’ti cha koṭṭhāse akāsi. Evaṃ katvā dhammaṃ desessāmīti cintesi.

    ปจฺจภาสีติ ปติอภาสิฯ อปารุตาติ วิวฎาฯ อมตสฺส ทฺวาราติ อริยมโคฺคฯ โส หิ อมตสงฺขาตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารํ, โส มยา วิวริตฺวา ฐปิโตติ ทเสฺสติฯ ปมุญฺจนฺตุ สทฺธนฺติ สเพฺพ อตฺตโน สทฺธํ ปมุญฺจนฺตุ วิสฺสเชฺชนฺตุฯ ปจฺฉิมปททฺวเย อยมโตฺถ – อหญฺหิ อตฺตโน ปคุณํ สุปฺปวตฺติตมฺปิ อิมํ ปณีตํ อุตฺตมํ ธมฺมํ กายวาจากิลมถสญฺญี หุตฺวา น ภาสิํฯ อิทานิ ปน สโพฺพ ชโน สทฺธาภาชนํ อุปเนตุ, ปูเรสฺสามิ เตสํ สงฺกปฺปนฺติฯ

    Paccabhāsīti patiabhāsi. Apārutāti vivaṭā. Amatassa dvārāti ariyamaggo. So hi amatasaṅkhātassa nibbānassa dvāraṃ, so mayā vivaritvā ṭhapitoti dasseti. Pamuñcantu saddhanti sabbe attano saddhaṃ pamuñcantu vissajjentu. Pacchimapadadvaye ayamattho – ahañhi attano paguṇaṃ suppavattitampi imaṃ paṇītaṃ uttamaṃ dhammaṃ kāyavācākilamathasaññī hutvā na bhāsiṃ. Idāni pana sabbo jano saddhābhājanaṃ upanetu, pūressāmi tesaṃ saṅkappanti.

    อนฺตรธายีติ สตฺถารํ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา อนฺตรหิโต, สกฎฺฐานเมว คโตติ อโตฺถฯ คเต จ ปน ตสฺมิํ ภควา ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปฐมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ? อาฬารุทกานํ กาลงฺกตภาวํ, ปญฺจวคฺคิยานญฺจ พหูปการภาวํ ญตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสตุกาโม พาราณสิยํ อิสิปตนํ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสีติฯ ปฐมํฯ

    Antaradhāyīti satthāraṃ gandhamālādīhi pūjetvā antarahito, sakaṭṭhānameva gatoti attho. Gate ca pana tasmiṃ bhagavā ‘‘kassa nu kho ahaṃ paṭhamaṃ dhammaṃ deseyya’’nti? Āḷārudakānaṃ kālaṅkatabhāvaṃ, pañcavaggiyānañca bahūpakārabhāvaṃ ñatvā tesaṃ dhammaṃ desetukāmo bārāṇasiyaṃ isipatanaṃ gantvā dhammacakkaṃ pavattesīti. Paṭhamaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. พฺรหฺมายาจนสุตฺตํ • 1. Brahmāyācanasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. พฺรหฺมายาจนสุตฺตวณฺณนา • 1. Brahmāyācanasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact