Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๖. พฺรหฺมสํยุตฺตํ
6. Brahmasaṃyuttaṃ
๑. ปฐมวโคฺค
1. Paṭhamavaggo
๑. พฺรหฺมายาจนสุตฺตวณฺณนา
1. Brahmāyācanasuttavaṇṇanā
๑๗๒. ปริวิตโกฺก อุทปาทีติ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณเหตุโก ธมฺมเทสนาย อโปฺปสฺสุโกฺก อุปฺปชฺชิฯ อยํ ปริวิตโกฺก กสฺมา อุทปาทิ? กตฺถ จ อุทปาทีติ ตํ สพฺพํ วิภาเวตุํ ‘‘สพฺพพุทฺธาน’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ อาจิณฺณสมาจิโณฺณติ อาจริโต เจว อาจรเนฺตหิ จ สมฺมเทว อาจริโตติ อโตฺถฯ เอเตน อยํ ปริวิตโกฺก สพฺพพุทฺธานํ ปฐมาภิสโมฺพธิยํ อุปฺปชฺชเตวาติ อยเมตฺถ ธมฺมตาติ ทเสฺสติฯ ตตฺถ อฎฺฐเม สตฺตาเหติ อิทํ สตฺตมสตฺตาหโต ปรํ สตฺตาหพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนตฺตา วุตฺตํ, น ปน อิตเรสํ วิย อฎฺฐมสฺส นาม สตฺตาหสฺส ปวตฺติตสฺส สพฺภาวาฯ สปจฺจเคฺฆติ มหเคฺฆฯ ‘‘ปจฺจเคฺฆ’’ติ วา ปาโฐ, อภินเวติ อโตฺถฯ เสลมเยติ มุคฺควณฺณสิลามเยฯ
172.Parivitakkoudapādīti dhammagambhīratāpaccavekkhaṇahetuko dhammadesanāya appossukko uppajji. Ayaṃ parivitakko kasmā udapādi? Kattha ca udapādīti taṃ sabbaṃ vibhāvetuṃ ‘‘sabbabuddhāna’’ntiādi āraddhaṃ. Tattha āciṇṇasamāciṇṇoti ācarito ceva ācarantehi ca sammadeva ācaritoti attho. Etena ayaṃ parivitakko sabbabuddhānaṃ paṭhamābhisambodhiyaṃ uppajjatevāti ayamettha dhammatāti dasseti. Tattha aṭṭhame sattāheti idaṃ sattamasattāhato paraṃ sattāhabbhantare uppannattā vuttaṃ, na pana itaresaṃ viya aṭṭhamassa nāma sattāhassa pavattitassa sabbhāvā. Sapaccaggheti mahagghe. ‘‘Paccagghe’’ti vā pāṭho, abhinaveti attho. Selamayeti muggavaṇṇasilāmaye.
ปฎิวิโทฺธติ สยมฺภุญาเณน ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ปฎิมุขํ นิพฺพิชฺฌนวเสน ปโตฺต, ยาถาวโต อวพุโทฺธติ อโตฺถฯ ธโมฺมติ จตุสจฺจธโมฺม ตพฺพินิมุตฺตสฺส ปฎิวิชฺฌิตพฺพธมฺมสฺส อภาวโตฯ คมฺภีโรติ มหาสมุโทฺท วิย มกสตุณฺฑสูจิยา อญฺญตฺร สมุปจิตปริปกฺกญาณสมฺภาเรหิ อเญฺญสํ ญาเณน อลพฺภเนยฺยปติโฎฺฐฯ เตนาห ‘‘อุตฺตานปฎิเกฺขปวจนเมต’’นฺติฯ โย อลพฺภเนยฺยปติโฎฺฐ, โส โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย สรูปโต วิเสสโต จ ปสฺสิตุํ น สกฺกาติ อาห ‘‘คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส’’ติฯ ทุเกฺขน ทฎฺฐโพฺพติ กิเจฺฉน เกนจิ กทาจิเทว ทฎฺฐโพฺพฯ ยํ ปน ทฎฺฐุเมว น สกฺกา, ตสฺส โอคาเหตฺวา อนุ อนุ พุชฺฌนโก กทาจิ นตฺถีติ อาห ‘‘ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ’’ติฯ ทุเกฺขน อวพุชฺฌิตโพฺพ อวโพธสฺส ทุกฺกรภาวโตฯ อิมสฺมิํ ฐาเน ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕) สุตฺตปทํ วตฺตพฺพํฯ สนฺตารมฺมณตาย วา สโนฺตฯ นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตาย นิพฺพุโตฯ อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปธานภาวํ นีโตติ วา ปณีโต ฯ อติตฺติกรณเฎฺฐน อตปฺปโก สาทุรสโภชนํ วิยฯ ตตฺถ จ นิโรธสจฺจํ สนฺตํ อารมฺมณนฺติ สนฺตารมฺมณํ, มคฺคสจฺจํ สนฺตํ สนฺตารมฺมณญฺจาติ สนฺตารมฺมณํ, อนุปสนฺตสภาวานํ กิเลสานํ สงฺขารานญฺจ อภาวโต สโนฺตฯ นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตฺตา นิพฺพุโตฯ สนฺตปณีตภาเวเนว ตทตฺถาย อเสจนกตาย อตปฺปกตา ทฎฺฐพฺพาฯ เตนาห ‘‘อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ อุตฺตมญาณสฺส วิสยตฺตา น ตเกฺกน อวจริตโพฺพฯ ตโต เอว นิปุณญาณโคจรตาย สณฺหสุขุมสภาวตฺตา จ นิปุโณฯ พาลานํ อวิสยตฺตา ยถาวุเตฺตหิ ปณฺฑิเตหิ เอว เวทิตโพฺพติ ปณฺฑิตเวทนีโยฯ อาลียนฺติ อภิรมิตพฺพเฎฺฐน เสวียนฺตีติ อาลยา, ปญฺจ กามคุณาฯ อาลยนฺติ อลฺลียนฺติ อภิรมณวเสน เสวนฺตีติ อาลยา, ตณฺหาวิจริตานิฯ รมนฺตีติ รติํ วินฺทนฺติ กีฬนฺติ ลฬนฺติฯ อาลยรตาติ อาลยนิรตาฯ
Paṭividdhoti sayambhuñāṇena ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādinā paṭimukhaṃ nibbijjhanavasena patto, yāthāvato avabuddhoti attho. Dhammoti catusaccadhammo tabbinimuttassa paṭivijjhitabbadhammassa abhāvato. Gambhīroti mahāsamuddo viya makasatuṇḍasūciyā aññatra samupacitaparipakkañāṇasambhārehi aññesaṃ ñāṇena alabbhaneyyapatiṭṭho. Tenāha ‘‘uttānapaṭikkhepavacanameta’’nti. Yo alabbhaneyyapatiṭṭho, so ogāhituṃ asakkuṇeyyatāya sarūpato visesato ca passituṃ na sakkāti āha ‘‘gambhīrattāva duddaso’’ti. Dukkhena daṭṭhabboti kicchena kenaci kadācideva daṭṭhabbo. Yaṃ pana daṭṭhumeva na sakkā, tassa ogāhetvā anu anu bujjhanako kadāci natthīti āha ‘‘duddasattāva duranubodho’’ti. Dukkhena avabujjhitabbo avabodhassa dukkarabhāvato. Imasmiṃ ṭhāne ‘‘taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamaṃ nu kho dukkarataraṃ vā durabhisambhavataraṃ vā’’ti (saṃ. ni. 5.1115) suttapadaṃ vattabbaṃ. Santārammaṇatāya vā santo. Nibbutasabbapariḷāhatāya nibbuto. Attano paccayehi padhānabhāvaṃ nītoti vā paṇīto. Atittikaraṇaṭṭhena atappako sādurasabhojanaṃ viya. Tattha ca nirodhasaccaṃ santaṃ ārammaṇanti santārammaṇaṃ, maggasaccaṃ santaṃ santārammaṇañcāti santārammaṇaṃ, anupasantasabhāvānaṃ kilesānaṃ saṅkhārānañca abhāvato santo. Nibbutasabbapariḷāhattā nibbuto. Santapaṇītabhāveneva tadatthāya asecanakatāya atappakatā daṭṭhabbā. Tenāha ‘‘idaṃ dvayaṃ lokuttarameva sandhāya vutta’’nti. Uttamañāṇassa visayattā na takkena avacaritabbo. Tato eva nipuṇañāṇagocaratāya saṇhasukhumasabhāvattā ca nipuṇo. Bālānaṃ avisayattā yathāvuttehi paṇḍitehi eva veditabboti paṇḍitavedanīyo. Ālīyanti abhiramitabbaṭṭhena sevīyantīti ālayā, pañca kāmaguṇā. Ālayanti allīyanti abhiramaṇavasena sevantīti ālayā, taṇhāvicaritāni. Ramantīti ratiṃ vindanti kīḷanti laḷanti. Ālayaratāti ālayaniratā.
ฐานํ สนฺธายาติ ฐานสทฺทํ สนฺธาย, อตฺถโก ปน ฐานนฺติ จ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เอว อธิเปฺปโตฯ ติฎฺฐติ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ หิ ฐานํ, สงฺขาราทีนํ ปจฺจยภูตา อวิชฺชาทโยฯ อิเมสํ สงฺขาราทีนํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อวิชฺชาทโยฯ อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา ยถา ‘‘เทโว เอว เทวตา’’ฯ อิทปฺปจฺจยานํ วา อวิชฺชาทีนํ อตฺตโน ผลํ ปติ ปจฺจยภาโว อุปฺปาทนสมตฺถตา อิทปฺปจฺจยตาฯ เตน ปรมตฺถปจฺจยลกฺขโณ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต โหติฯ ปฎิจฺจ สมุปฺปชฺชติ ผลํ เอตสฺมาติ ปฎิจฺจสมุปฺปาโทฯ ปททฺวเยนปิ ธมฺมานํ ปจฺจยโฎฺฐ เอว วิภาวิโตฯ เตนาห ‘‘สงฺขาราทิปจฺจยานํ เอตํ อธิวจน’’นฺติฯ สงฺขาราทีนํ ปจฺจยา สงฺขาราทิปจฺจยา, อวิชฺชาทโยฯ เตสํ สงฺขาราทิปจฺจยานํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๕๗๒-๕๗๓) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพนฺติ สพฺพสงฺขารสมถาทิอภิเธยฺยํ สพฺพํ อตฺถโต นิพฺพานเมวฯ อิทานิ อสฺส นิพฺพานภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺมา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตนฺติ นิพฺพานํฯ อาคมฺมาติ ปฎิจฺจ อริยมคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยเหตุฯ สมฺมนฺตีติ ปฎิปฺปสฺสทฺธิวูปสมวเสน สมฺมนฺติฯ ตถา สนฺตา จ สวิเสสํ อุปสนฺตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘วูปสมฺมนฺตี’’ติฯ เอเตน สเพฺพ สงฺขารา สมฺมนฺติ เอตฺถาติ สพฺพสงฺขารสมโถ, นิพฺพานนฺติ ทเสฺสติฯ สพฺพสงฺขารวิสํยุเตฺต หิ นิพฺพาเน สพฺพสงฺขารวูปสมปริยาโย อฎฺฐกถายํ วุโตฺต เอวฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ
Ṭhānaṃ sandhāyāti ṭhānasaddaṃ sandhāya, atthako pana ṭhānanti ca paṭiccasamuppādo eva adhippeto. Tiṭṭhati phalaṃ tadāyattavuttitāyāti hi ṭhānaṃ, saṅkhārādīnaṃ paccayabhūtā avijjādayo. Imesaṃ saṅkhārādīnaṃ paccayā idappaccayā, avijjādayo. Idappaccayā eva idappaccayatā yathā ‘‘devo eva devatā’’. Idappaccayānaṃ vā avijjādīnaṃ attano phalaṃ pati paccayabhāvo uppādanasamatthatā idappaccayatā. Tena paramatthapaccayalakkhaṇo paṭiccasamuppādo dassito hoti. Paṭicca samuppajjati phalaṃ etasmāti paṭiccasamuppādo. Padadvayenapi dhammānaṃ paccayaṭṭho eva vibhāvito. Tenāha ‘‘saṅkhārādipaccayānaṃ etaṃ adhivacana’’nti. Saṅkhārādīnaṃ paccayā saṅkhārādipaccayā, avijjādayo. Tesaṃ saṅkhārādipaccayānaṃ. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ (visuddhi. mahāṭī. 2.572-573) vuttanayena veditabbo. Sabbasaṅkhārasamathotiādi sabbanti sabbasaṅkhārasamathādiabhidheyyaṃ sabbaṃ atthato nibbānameva. Idāni assa nibbānabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘yasmā hī’’tiādi vuttaṃ. Tanti nibbānaṃ. Āgammāti paṭicca ariyamaggassa ārammaṇapaccayahetu. Sammantīti paṭippassaddhivūpasamavasena sammanti. Tathā santā ca savisesaṃ upasantā nāma hontīti āha ‘‘vūpasammantī’’ti. Etena sabbe saṅkhārā sammanti etthāti sabbasaṅkhārasamatho, nibbānanti dasseti. Sabbasaṅkhāravisaṃyutte hi nibbāne sabbasaṅkhāravūpasamapariyāyo aṭṭhakathāyaṃ vutto eva. Sesapadesupi eseva nayo.
อุปธียติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ อุปธิ, ขนฺธาทโยฯ ปฎินิสฺสฎฺฐาติ สมุเจฺฉทวเสน ปริจฺจตฺตา โหนฺติฯ สพฺพา ตณฺหาติ อฎฺฐสตปฺปเภทา สพฺพาปิ ตณฺหาฯ สเพฺพ กิเลสราคาติ กามราครูปราคาทิเภทา สเพฺพปิ กิเลสภูตา ราคา, สเพฺพปิ วา กิเลสา อิธ ‘‘กิเลสราคา’’ติ อธิเปฺปตา, น โลภวิเสสา เอว จิตฺตสฺส ปริฬาหภาวาปาทนโตฯ ยถาห ‘‘รตฺตมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ , ทุฎฺฐมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ, มูฬฺหมฺปิ จิตฺตํ วิปริณต’’นฺติ (ปารา. ๒๗๑)ฯ วิรชฺชนฺตีติ ปลุชฺชนฺติ วิกฺขมฺภนโต สพฺพโส เตน วิสํยุตฺตภาวโตฯ สพฺพํ ทุกฺขนฺติ ชรามรณาทิเภทํ สพฺพํ วฎฺฎทุกฺขํฯ ภเวน ภวนฺติ เตน เตน ภเวน ภวนฺตรํ ภวนิกนฺติภาเวน สํสิพฺพติฯ ผเลน วา สทฺธิํ กมฺมํ สตณฺหเสฺสว อายติํ ปุนพฺภวภาวโตฯ ตโต วานโต นิกฺขนฺตํ ตตฺถ ตสฺส สพฺพโส อภาวโตฯ จิรนิสชฺชาจิรภาสเนหิ ปิฎฺฐิอาคิลายนตาลุคลโสสาทิวเสน กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา จ เวทิตพฺพาฯ สา จ โข เทสนาย อตฺถมชานนฺตานํ อปฎิปชฺชนฺตานญฺจ วเสน, ชานนฺตานํ ปน ปฎิปชฺชนฺตานญฺจ เทสนาย กายปริสฺสโมปิ สตฺถุ อปริสฺสโมเยวฯ เตนาห ภควา – ‘‘น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสี’’ติ (อุทา. ๑๐)ฯ เตเนวาห – ‘‘ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺสา’’ติฯ อุภยนฺติ จิตฺตกิลมโถ จิตฺตวิเหสา จาติ อุภยเมฺปตํ พุทฺธานํ นตฺถิ โพธิมูเล เอว สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ อนุพฺรูหนํ สมฺปิณฺฑนํฯ โสติ อปิสฺสูติ นิปาโตฯ วุทฺธิปฺปตฺตา วา อจฺฉริยา อนจฺฉริยา, วุทฺธิอโตฺถปิ หิ -กาโร โหติ ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติฯ กปฺปานํ สตสหสฺสํ จตฺตาริ จ อสเงฺขฺยยฺยานิ สเทวกสฺส โลกสฺส ธมฺมสํวิภาคกรณตฺถเมว ปารมิโย ปูเรตฺวา อิทานิ สมธิคตธมฺมรชฺชสฺส ตตฺถ อโปฺปสฺสุกฺกตาปตฺติทีปนตา คาถตฺถสฺส จ อจฺฉริยตา ตสฺส วุทฺธิปฺปตฺตีติ เวทิตพฺพํฯ อตฺถทฺวาเรน หิ คาถานํ อนจฺฉริยตาฯ โคจรา อเหสุนฺติ อุปฎฺฐหิํสุฯ อุปฎฺฐานญฺจ วิตเกฺกตพฺพตาวาติ อาห ‘‘ปริวิตกฺกยิตพฺพตํ ปาปุณิํสู’’ติฯ
Upadhīyati ettha dukkhanti upadhi, khandhādayo. Paṭinissaṭṭhāti samucchedavasena pariccattā honti. Sabbā taṇhāti aṭṭhasatappabhedā sabbāpi taṇhā. Sabbe kilesarāgāti kāmarāgarūparāgādibhedā sabbepi kilesabhūtā rāgā, sabbepi vā kilesā idha ‘‘kilesarāgā’’ti adhippetā, na lobhavisesā eva cittassa pariḷāhabhāvāpādanato. Yathāha ‘‘rattampi cittaṃ vipariṇataṃ , duṭṭhampi cittaṃ vipariṇataṃ, mūḷhampi cittaṃ vipariṇata’’nti (pārā. 271). Virajjantīti palujjanti vikkhambhanato sabbaso tena visaṃyuttabhāvato. Sabbaṃ dukkhanti jarāmaraṇādibhedaṃ sabbaṃ vaṭṭadukkhaṃ. Bhavena bhavanti tena tena bhavena bhavantaraṃ bhavanikantibhāvena saṃsibbati. Phalena vā saddhiṃ kammaṃ sataṇhasseva āyatiṃ punabbhavabhāvato. Tato vānato nikkhantaṃ tattha tassa sabbaso abhāvato. Ciranisajjācirabhāsanehi piṭṭhiāgilāyanatālugalasosādivasena kāyakilamatho ceva kāyavihesā ca veditabbā. Sā ca kho desanāya atthamajānantānaṃ apaṭipajjantānañca vasena, jānantānaṃ pana paṭipajjantānañca desanāya kāyaparissamopi satthu aparissamoyeva. Tenāha bhagavā – ‘‘na ca maṃ dhammādhikaraṇaṃ vihesesī’’ti (udā. 10). Tenevāha – ‘‘yā ajānantānaṃ desanā nāma, so mama kilamatho assā’’ti. Ubhayanti cittakilamatho cittavihesā cāti ubhayampetaṃ buddhānaṃ natthi bodhimūle eva samucchinnattā. Anubrūhanaṃ sampiṇḍanaṃ. Soti apissūti nipāto. Vuddhippattā vā acchariyā anacchariyā, vuddhiatthopi hi -kāro hoti yathā ‘‘asekkhā dhammā’’ti. Kappānaṃ satasahassaṃ cattāri ca asaṅkhyeyyāni sadevakassa lokassa dhammasaṃvibhāgakaraṇatthameva pāramiyo pūretvā idāni samadhigatadhammarajjassa tattha appossukkatāpattidīpanatā gāthatthassa ca acchariyatā tassa vuddhippattīti veditabbaṃ. Atthadvārena hi gāthānaṃ anacchariyatā. Gocarā ahesunti upaṭṭhahiṃsu. Upaṭṭhānañca vitakketabbatāvāti āha ‘‘parivitakkayitabbataṃ pāpuṇiṃsū’’ti.
ยทิ สุขาปฎิปทาว, กถํ กิจฺฉตาติ อาห ‘‘ปารมีปูรณกาเล ปนา’’ติอาทิฯ เอวมาทีนิ ทุปฺปริจฺจชานิ เทนฺตสฺสฯ ห-อิติ วา พฺยตฺตนฺติ เอตสฺมิํ อเตฺถ นิปาโตฯ ‘‘เอกํสเตฺถ’’ติ เกจิฯ ห พฺยตฺตํ, เอกํเสน วา อลํ นิปฺปโยชนํ เอวํ กิเจฺฉน อธิคตสฺส ปกาสิตุํ เทสิตุนฺติ โยชนาฯ หลนฺติ วา อลนฺติ อิมินา สมานตฺถปทํ ‘‘หลนฺติ วทามี’’ติอาทีสุ วิยฯ ราคโทสผุเฎฺฐหีติ ผุฎฺฐวิเสน วิย สเปฺปน ราเคน โทเสน จ ผุเฎฺฐหิ อภิภูเตหิฯ ราคโทสานุคเตหีติ ราคโทเสหิ อนุพเนฺธหิฯ
Yadi sukhāpaṭipadāva, kathaṃ kicchatāti āha ‘‘pāramīpūraṇakāle panā’’tiādi. Evamādīni duppariccajāni dentassa. Ha-iti vā byattanti etasmiṃ atthe nipāto. ‘‘Ekaṃsatthe’’ti keci. Ha byattaṃ, ekaṃsena vā alaṃ nippayojanaṃ evaṃ kicchena adhigatassa pakāsituṃ desitunti yojanā. Halanti vā alanti iminā samānatthapadaṃ ‘‘halanti vadāmī’’tiādīsu viya. Rāgadosaphuṭṭhehīti phuṭṭhavisena viya sappena rāgena dosena ca phuṭṭhehi abhibhūtehi. Rāgadosānugatehīti rāgadosehi anubandhehi.
นิจฺจาทีนนฺติ นิจฺจาทีนํ จตุนฺนํ วิปลฺลาสานํฯ เอวํคตนฺติ เอวํ อนิจฺจนฺติอาทินา อากาเรน ปวตฺตํ พุชฺฌิตพฺพํฯ กามราครตฺตา จ ภวราครตฺตา จ นีวรเณหิ นิวุตจิตฺตตาย ทิฎฺฐิราครตฺตา วิปรีตาภินิเวเสน น ทกฺขนฺติ ยาถาวโต ธมฺมํ น ปฎิวิชฺฌิสฺสนฺติฯ สภาเวนาติ อวิปรีตสภาเวนฯ เอวํ คาหาเปตุนฺติ อนิจฺจนฺติอาทินา สภาเวน ยาถาวโต ธมฺมํ ชานาเปตุํฯ ราคโทสปเรตตาปิ เนสํ สมฺมูฬฺหภาเวเนวาติ อาห ‘‘ตโมขเนฺธน อาวุฎา’’ติฯ
Niccādīnanti niccādīnaṃ catunnaṃ vipallāsānaṃ. Evaṃgatanti evaṃ aniccantiādinā ākārena pavattaṃ bujjhitabbaṃ. Kāmarāgarattā ca bhavarāgarattā ca nīvaraṇehi nivutacittatāya diṭṭhirāgarattā viparītābhinivesena na dakkhanti yāthāvato dhammaṃ na paṭivijjhissanti. Sabhāvenāti aviparītasabhāvena. Evaṃ gāhāpetunti aniccantiādinā sabhāvena yāthāvato dhammaṃ jānāpetuṃ. Rāgadosaparetatāpi nesaṃ sammūḷhabhāvenevāti āha ‘‘tamokhandhena āvuṭā’’ti.
ธมฺมเทสนาย อโปฺปสฺสุกฺกตาปตฺติยา การณํ วิภาเวตุํ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทินา สยเมว โจทนํ สมุฎฺฐาเปติฯ อญฺญาตเวเสนาติ อิมสฺส ภควโต สาวกภาวูปคมเนน อญฺญาตเวเสนฯ ‘‘อญฺญตรตาปสเวเสนา’’ติ เกจิ, โส ปนสฺส อรหตฺตาธิคมเนเนว วิคเจฺฉยฺยฯ ติวิธํ การณํ อโปฺปสฺสุกฺกตาปตฺติยา ปฎิปกฺขสฺส พลวภาโว, ธมฺมสฺส คมฺภีรตา, ตตฺถ จ ภควโต สาติสยํ คารวนฺติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ปฎิปกฺขา นาม ราคาทโย กิเลสา สมฺมาปฎิปตฺติยา อนฺตรายกรตฺตาฯ เตสํ พลวภาวโต จิรปริภาวนาย สตฺตสนฺตานโต ทุพฺพิโสธิยตาย เต สเตฺต มตฺตหตฺถิโน วิย ทุพฺพลปุริสํ อธิภวิตฺวา อโชฺฌตฺถริตฺวา อนยพฺยสนํ อาปาเทนฺตา อเนกสตโยชนายามวิตฺถารํ สุนิจิตํ ฆนสนฺนิเวสํ กณฺฎกทุคฺคมฺปิ อธิเสนฺติฯ ทูรปเภททุเจฺฉชฺชตาหิ ทุพฺพิโสธิยตํ ปน ทเสฺสตุํ ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ จ อโนฺต อมฎฺฐตาย กญฺชิยปุณฺณา ลาพุ, จิรปาริวาสิกตาย ตกฺกภริตา จาฎิ, เสฺนหตินฺตทุพฺพลภาเวน วสาปีตปิโลติกา, เตลมิสฺสิตตาย อญฺชนมกฺขิตหโตฺถ ทุพฺพิโสธนียา วุตฺตาฯ หีนูปมา เจตา รูปปพนฺธภาวโต อจิรกาลิกตฺตา จ มลีนตาย, กิเลสสํกิเลโส เอว ปน ทุพฺพิโสธนียตโร อนาทิกาลิกตฺตา อรูปนิสฺสิตตฺตา จฯ เตนาห ‘‘อติสํกิลิฎฺฐา’’ติฯ
Dhammadesanāya appossukkatāpattiyā kāraṇaṃ vibhāvetuṃ ‘‘kasmā panā’’tiādinā sayameva codanaṃ samuṭṭhāpeti. Aññātavesenāti imassa bhagavato sāvakabhāvūpagamanena aññātavesena. ‘‘Aññataratāpasavesenā’’ti keci, so panassa arahattādhigamaneneva vigaccheyya. Tividhaṃ kāraṇaṃ appossukkatāpattiyā paṭipakkhassa balavabhāvo, dhammassa gambhīratā, tattha ca bhagavato sātisayaṃ gāravanti taṃ dassetuṃ ‘‘tassa hī’’tiādi āraddhaṃ. Tattha paṭipakkhā nāma rāgādayo kilesā sammāpaṭipattiyā antarāyakarattā. Tesaṃ balavabhāvato ciraparibhāvanāya sattasantānato dubbisodhiyatāya te satte mattahatthino viya dubbalapurisaṃ adhibhavitvā ajjhottharitvā anayabyasanaṃ āpādentā anekasatayojanāyāmavitthāraṃ sunicitaṃ ghanasannivesaṃ kaṇṭakaduggampi adhisenti. Dūrapabhedaducchejjatāhi dubbisodhiyataṃ pana dassetuṃ ‘‘athassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ca anto amaṭṭhatāya kañjiyapuṇṇā lābu, cirapārivāsikatāya takkabharitā cāṭi, snehatintadubbalabhāvena vasāpītapilotikā, telamissitatāya añjanamakkhitahattho dubbisodhanīyā vuttā. Hīnūpamā cetā rūpapabandhabhāvato acirakālikattā ca malīnatāya, kilesasaṃkileso eva pana dubbisodhanīyataro anādikālikattā arūpanissitattā ca. Tenāha ‘‘atisaṃkiliṭṭhā’’ti.
ยถา จ ทุพฺพิโสธนียตรตาย, เอวํ คมฺภีรทุทฺทสทุรนุโพธานมฺปิ วุตฺตอุปมา หีนูปมาวฯ คมฺภีโรปิ ธโมฺม ปฎิปกฺขวิธมเนน ญาเณน วิสทภาวํ อาปเนฺนน สุปากโฎ ภเวยฺย, ปฎิปกฺขวิธมนํ ปน สมฺมาปฎิปตฺติปฎิพทฺธํ, สา สทฺธมฺมสฺสวนาธีนา, ตํ สตฺถริ ธเมฺม จ ปสาทายตฺตํฯ โส ครุฎฺฐานิยานํ อเชฺฌสนเหตุโกติ ปณาลิกาย สตฺตานํ ธมฺมสมฺปฎิปตฺติยา พฺรหฺมายาจนานิมิตฺตนฺติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ
Yathā ca dubbisodhanīyataratāya, evaṃ gambhīraduddasaduranubodhānampi vuttaupamā hīnūpamāva. Gambhīropi dhammo paṭipakkhavidhamanena ñāṇena visadabhāvaṃ āpannena supākaṭo bhaveyya, paṭipakkhavidhamanaṃ pana sammāpaṭipattipaṭibaddhaṃ, sā saddhammassavanādhīnā, taṃ satthari dhamme ca pasādāyattaṃ. So garuṭṭhāniyānaṃ ajjhesanahetukoti paṇālikāya sattānaṃ dhammasampaṭipattiyā brahmāyācanānimittanti taṃ dassento ‘‘apicā’’tiādimāha.
อุปกฺกิเลสภูตํ อปฺปํ ราคาทิรชํ เอตสฺสาติ อปฺปรชํ, อปฺปรชํ อกฺขิ ปญฺญาจกฺขุ เยสํ เต ตํสภาวาติ กตฺวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺญามเย’’ติอาทิมาหฯ อปฺปํ ราคาทิรชํ เยสํ ตํสภาวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อสฺสวนตาติ ‘‘สยํ อภิญฺญา’’ติอาทีสุ วิย กรเณ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘อสฺสวนตายา’’ติฯ ทสปุญฺญกิริยวเสนาติ ทานาทิทสวิธปุญฺญกิริยวตฺถูนํ วเสนฯ เตนาห ‘‘กตาธิการา’’ติอาทิฯ ปปญฺจสูทนิยํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๘๒) ปน ‘‘ทฺวาทสปุญฺญกิริยวเสนา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ทานาทีสุ สรณคมน-ปรหิตปริณามนาทิปกฺขิปนวเสน วุตฺตํฯ
Upakkilesabhūtaṃ appaṃ rāgādirajaṃ etassāti apparajaṃ, apparajaṃ akkhi paññācakkhu yesaṃ te taṃsabhāvāti katvā apparajakkhajātikāti imamatthaṃ dassento ‘‘paññāmaye’’tiādimāha. Appaṃ rāgādirajaṃ yesaṃ taṃsabhāvā apparajakkhajātikāti evamettha attho veditabbo. Assavanatāti ‘‘sayaṃ abhiññā’’tiādīsu viya karaṇe paccattavacananti āha ‘‘assavanatāyā’’ti. Dasapuññakiriyavasenāti dānādidasavidhapuññakiriyavatthūnaṃ vasena. Tenāha ‘‘katādhikārā’’tiādi. Papañcasūdaniyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 1.282) pana ‘‘dvādasapuññakiriyavasenā’’ti vuttaṃ, taṃ dānādīsu saraṇagamana-parahitapariṇāmanādipakkhipanavasena vuttaṃ.
ราคาทิมเลน สมเลหิ ปูรณาทีหิ ฉหิ สตฺถาเรหิ สตฺถุปฎิเญฺญหิ กพฺพรจนาวเสน จินฺตากวิอาทิภาเว ฐตฺวา ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฎิภานํ จินฺติโตฯ เต กิร พุทฺธโกลาหลานุสฺสเวน สญฺชาตกุตูหลํ โลกํ วเญฺจนฺตา โกหเญฺญ ฐตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปฎิชานนฺตา ยํ กญฺจิ อธมฺมเมว ‘‘ธโมฺม’’ติ ทีเปสุํฯ เตนาห ‘‘เต หิ ปุเรตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา’’ติอาทิฯ อปาปุเรตนฺติ เอตํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ ปิหิตํ นิพฺพานมหาทฺวารํ อริยมคฺคํ สทฺธมฺมเทสนาหเตฺถน อปาปุร วิวรฯ
Rāgādimalena samalehi pūraṇādīhi chahi satthārehi satthupaṭiññehi kabbaracanāvasena cintākaviādibhāve ṭhatvā takkapariyāhataṃ vīmaṃsānucaritaṃ sayaṃpaṭibhānaṃ cintito. Te kira buddhakolāhalānussavena sañjātakutūhalaṃ lokaṃ vañcentā kohaññe ṭhatvā sabbaññutaṃ paṭijānantā yaṃ kañci adhammameva ‘‘dhammo’’ti dīpesuṃ. Tenāha ‘‘te hi puretaraṃ uppajjitvā’’tiādi. Apāpuretanti etaṃ kassapassa bhagavato sāsanantaradhānato pabhuti pihitaṃ nibbānamahādvāraṃ ariyamaggaṃ saddhammadesanāhatthena apāpura vivara.
เสโล ปพฺพโต อุโจฺจ โหติ ถิโร จ, น ปํสุปพฺพโต มิสฺสกปพฺพโต จาติ อาห ‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนี’’ติฯ ธมฺมมยํ ปาสาทนฺติ โลกุตฺตรธมฺมมาหฯ โส หิ สพฺพโส ปสาทาวโห, สพฺพธเมฺม อติกฺกมฺม อพฺภุคฺคตเฎฺฐน ปาสาทสทิโส จฯ ปญฺญาปริยาโย วา อิธ ธมฺม-สโทฺทติ วุตฺตํ ‘‘ปญฺญามย’’นฺติฯ สา หิ อพฺภุคฺคตเฎฺฐน ปาสาโทติ อภิธเมฺม อาคตาฯ ตถา จาห –
Selo pabbato ucco hoti thiro ca, na paṃsupabbato missakapabbato cāti āha ‘‘sele yathā pabbatamuddhanī’’ti. Dhammamayaṃ pāsādanti lokuttaradhammamāha. So hi sabbaso pasādāvaho, sabbadhamme atikkamma abbhuggataṭṭhena pāsādasadiso ca. Paññāpariyāyo vā idha dhamma-saddoti vuttaṃ ‘‘paññāmaya’’nti. Sā hi abbhuggataṭṭhena pāsādoti abhidhamme āgatā. Tathā cāha –
‘‘ปญฺญาปาสาทมารุยฺห, อโสโก โสกินิํ ปชํ;
‘‘Paññāpāsādamāruyha, asoko sokiniṃ pajaṃ;
ปพฺพตโฎฺฐว ภูมเฎฺฐ, ธีโร พาเล อเวกฺขตี’’ติฯ (ธ. ป. ๒๘);
Pabbataṭṭhova bhūmaṭṭhe, dhīro bāle avekkhatī’’ti. (dha. pa. 28);
ยถา หีติอาทีสุ ยถา จ ปพฺพเต ฐตฺวา อนฺธกาเร เหฎฺฐา โอโลเกนฺตสฺส ปุริสสฺส เขตฺตเกทารปาฬิกุฎิกาโย ตตฺถ สยิตมนุสฺสา จ น ปญฺญายนฺติ อนุชฺชลภาวโต, กุฎิกาสุ ปน อคฺคิชาลา ปญฺญายติ สมุชฺชลภาวโต, เอวํ ธมฺมปาสาทมารุยฺห สตฺตโลกํ โอโลกยโต ภควโต ญาณสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ อกตกลฺยาณา สตฺตา, ญาณคฺคินา อนุชฺชลภาวโต อนุฬารภาวโต จ รตฺติํ ขิตฺตา สรา วิย โหนฺติ, กตกลฺยาณา ปน ภพฺพปุคฺคลา ทูเร ฐิตาปิ ภควโต อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ ปริปกฺกญาณคฺคิตาย สมุชฺชลภาวโต อุฬารสนฺตานตาย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จาติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาฯ
Yathā hītiādīsu yathā ca pabbate ṭhatvā andhakāre heṭṭhā olokentassa purisassa khettakedārapāḷikuṭikāyo tattha sayitamanussā ca na paññāyanti anujjalabhāvato, kuṭikāsu pana aggijālā paññāyati samujjalabhāvato, evaṃ dhammapāsādamāruyha sattalokaṃ olokayato bhagavato ñāṇassa āpāthaṃ nāgacchanti akatakalyāṇā sattā, ñāṇagginā anujjalabhāvato anuḷārabhāvato ca rattiṃ khittā sarā viya honti, katakalyāṇā pana bhabbapuggalā dūre ṭhitāpi bhagavato āpāthaṃ āgacchanti paripakkañāṇaggitāya samujjalabhāvato uḷārasantānatāya himavantapabbato viya cāti evaṃ yojanā veditabbā.
ครุฎฺฐานียํ ปยิรุปาสิตฺวา ครุตรํ ปโยชนํ อุทฺทิสฺส อภิปตฺถนา อเชฺฌสนา, สาปิ อตฺถโต ยาจนาว โหตีติ อาห ‘‘อเชฺฌสนนฺติ ยาจน’’นฺติฯ ปเทสวิสยํ ญาณทสฺสนํ อหุตฺวา พุทฺธานํเยว อาเวณิกภาวโต อิทํ ญาณทฺวยํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อิเมสญฺหิ ทฺวินฺนํ ญาณานํ ‘พุทฺธจกฺขู’ติ นาม’’นฺติฯ ติณฺณํ มคฺคฺคญาณานนฺติ เหฎฺฐิมานํ ติณฺณํ มคฺคญาณานํ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ นามํ จตุสจฺจธมฺมทสฺสนมตฺตภาวโตฯ ยโต ตานิ ญาณานิ วิชฺชูปมภาเวน วุตฺตานิ, อคฺคมคฺคญาณํ ปน ญาณกิจฺจสฺส สิขาปฺปตฺติยา ทสฺสนมตฺตํ น โหตีติ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ น วุจฺจติ, ยโต ตํ วชิรูปมภาเวน วุตฺตํฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘อปฺปรชกฺขชาติกา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยนฯ ยสฺมา มนฺทกิเลสา ‘‘อปฺปรชกฺขา’’ติ วุตฺตา, ตสฺมา พหลกิเลสา ‘‘มหารชกฺขา’’ติ เวทิตพฺพาฯ ปฎิปกฺขวิธมนสมตฺถตาย ติกฺขานิ สูรานิ วิสทานิ, วุตฺตวิปริยาเยน มุทูนิฯ สทฺธาทโย อาการาติ สทฺทหนาทิปฺปกาเร วทติฯ สุนฺทราติ กลฺยาณาฯ สโมฺมหวิโนทนิยํ ปน ‘‘เยสํ อาสยาทโย โกฎฺฐาสา สุนฺทรา, เต สฺวาการา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อิมาย อตฺถวณฺณนาย อญฺญทตฺถุ สํสนฺทตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ การณํ นาม ปจฺจยากาโร, สจฺจานิ วาฯ ปรโลกนฺติ สมฺปรายํฯ ตํ ทุกฺขาวหํ วชฺชํ วิย ภยโต ปสฺสิตพฺพนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปรโลกเญฺจว วชฺชญฺจ ภยโต ปสฺสนฺตี’’ติฯ สมฺปตฺติภวโต วา อญฺญตฺตา วิปตฺติภโว ปรโลโกติ วุตฺตํ ‘‘ปร…เป.… ปสฺสนฺตี’’ติฯ
Garuṭṭhānīyaṃ payirupāsitvā garutaraṃ payojanaṃ uddissa abhipatthanā ajjhesanā, sāpi atthato yācanāva hotīti āha ‘‘ajjhesananti yācana’’nti. Padesavisayaṃ ñāṇadassanaṃ ahutvā buddhānaṃyeva āveṇikabhāvato idaṃ ñāṇadvayaṃ ‘‘buddhacakkhū’’ti vuccatīti āha ‘‘imesañhi dvinnaṃ ñāṇānaṃ ‘buddhacakkhū’ti nāma’’nti. Tiṇṇaṃ magggañāṇānanti heṭṭhimānaṃ tiṇṇaṃ maggañāṇānaṃ ‘‘dhammacakkhū’’ti nāmaṃ catusaccadhammadassanamattabhāvato. Yato tāni ñāṇāni vijjūpamabhāvena vuttāni, aggamaggañāṇaṃ pana ñāṇakiccassa sikhāppattiyā dassanamattaṃ na hotīti ‘‘dhammacakkhū’’ti na vuccati, yato taṃ vajirūpamabhāvena vuttaṃ. Vuttanayenāti ‘‘apparajakkhajātikā’’ti ettha vuttanayena. Yasmā mandakilesā ‘‘apparajakkhā’’ti vuttā, tasmā bahalakilesā ‘‘mahārajakkhā’’ti veditabbā. Paṭipakkhavidhamanasamatthatāya tikkhāni sūrāni visadāni, vuttavipariyāyena mudūni. Saddhādayo ākārāti saddahanādippakāre vadati. Sundarāti kalyāṇā. Sammohavinodaniyaṃ pana ‘‘yesaṃ āsayādayo koṭṭhāsā sundarā, te svākārā’’ti vuttaṃ, taṃ imāya atthavaṇṇanāya aññadatthu saṃsandatīti daṭṭhabbaṃ. Kāraṇaṃ nāma paccayākāro, saccāni vā. Paralokanti samparāyaṃ. Taṃ dukkhāvahaṃ vajjaṃ viya bhayato passitabbanti vuttaṃ ‘‘paralokañceva vajjañca bhayato passantī’’ti. Sampattibhavato vā aññattā vipattibhavo paralokoti vuttaṃ ‘‘para…pe… passantī’’ti.
อยํ ปเนตฺถ ปาฬีติ เอตฺถ ‘‘อปฺปรชกฺขา’’ติ ปทานํ อตฺถวิภาวเน อยํ ตสฺส ตถาภาวสาธนปาฬิฯ สทฺธาทีนญฺหิ วิมุตฺตปริปาจกธมฺมานํ พลวภาโว ตปฺปฎิปกฺขานํ ปาปธมฺมานํ ทุพฺพลภาเว สติ โหติฯ เตสญฺจ พลวภาโว สทฺธาทีนํ ทุพฺพลภาเวติ วิมุตฺติปริปาจกธมฺมานํ สวิเสสํ อตฺถิตานตฺถิตาวเสน อปฺปรชกฺขา มหารชกฺขาติอาทโย ปาฬิยํ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๑) วิภชิตฺวา ทสฺสิตา ‘‘สโทฺธ ปุคฺคโล อปฺปรชโกฺข’’ติอาทินาฯ ขนฺธาทโย เอว ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโก สมฺปตฺติภวภูโต โลโก สมฺปตฺติภวโลโก, สุคติสงฺขาโต อุปปตฺติภโวฯ สมฺปตฺติ ภวติ เอเตนาติ สมฺปตฺติสมฺภวโลโก, สุคติสํวตฺตนิโย กมฺมภโวฯ ทุคฺคติสงฺขาตอุปปตฺติภว-ทุคฺคติสํวตฺตนิยกมฺมภวา วิปตฺติภวโลก-วิปตฺติสมฺภวโลกาฯ ปุน เอกกทุกาทิวเสน โลกํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘เอโก โลโก’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อาหาราทโย วิย หิ อาหารฎฺฐิติกา สงฺขารา สเพฺพ ลุชฺชนเฎฺฐน โลโกติฯ ตตฺถ เอโก โลโก สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกาติ ยายํ ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย กถาย สเพฺพสํ สงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตา วุตฺตา, ตาย สโพฺพ สงฺขารโลโก เอโก เอกวิโธ ปการนฺตรสฺส อภาวโตฯ เทฺว โลกาติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ นามคฺคหเณน เจตฺถ นิพฺพานสฺส อคฺคหณํ ตสฺส อโลกสภาวตฺตาฯ
Ayaṃ panettha pāḷīti ettha ‘‘apparajakkhā’’ti padānaṃ atthavibhāvane ayaṃ tassa tathābhāvasādhanapāḷi. Saddhādīnañhi vimuttaparipācakadhammānaṃ balavabhāvo tappaṭipakkhānaṃ pāpadhammānaṃ dubbalabhāve sati hoti. Tesañca balavabhāvo saddhādīnaṃ dubbalabhāveti vimuttiparipācakadhammānaṃ savisesaṃ atthitānatthitāvasena apparajakkhā mahārajakkhātiādayo pāḷiyaṃ (paṭi. ma. 1.111) vibhajitvā dassitā ‘‘saddho puggalo apparajakkho’’tiādinā. Khandhādayo eva lujjanapalujjanaṭṭhena loko sampattibhavabhūto loko sampattibhavaloko, sugatisaṅkhāto upapattibhavo. Sampatti bhavati etenāti sampattisambhavaloko, sugatisaṃvattaniyo kammabhavo. Duggatisaṅkhātaupapattibhava-duggatisaṃvattaniyakammabhavā vipattibhavaloka-vipattisambhavalokā. Puna ekakadukādivasena lokaṃ vibhajitvā dassetuṃ ‘‘eko loko’’tiādi vuttaṃ. Āhārādayo viya hi āhāraṭṭhitikā saṅkhārā sabbe lujjanaṭṭhena lokoti. Tattha eko loko sabbe sattā āhāraṭṭhitikāti yāyaṃ puggalādhiṭṭhānāya kathāya sabbesaṃ saṅkhārānaṃ paccayāyattavuttitā vuttā, tāya sabbo saṅkhāraloko eko ekavidho pakārantarassa abhāvato. Dve lokātiādīsupi iminā nayena attho veditabbo. Nāmaggahaṇena cettha nibbānassa aggahaṇaṃ tassa alokasabhāvattā.
นนุ จ ‘‘อาหารฎฺฐิติกา’’ติ เอตฺถ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย มคฺคผลานมฺปิ โลกตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, ปริเญฺญยฺยานํ ทุกฺขสจฺจธมฺมานํ อิธ ‘‘โลโก’’ติ อธิเปฺปตตฺตาฯ อถ วา น ลุชฺชติ น ปลุชฺชตีติ โย คหิโต ตถา น โหติ, โส โลโกติ ตํคหณรหิตานํ โลกุตฺตรานํ นตฺถิ โลกตาฯ อุปาทานานํ อารมฺมณภูตา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธาฯ อนุโรธาทิวตฺถุภูตา ลาภาทโย อฎฺฐ โลกธมฺมาฯ ทสายตนานีติ ทส รูปายตนานิฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ วิวฎฺฎชฺฌาสยสฺส อธิเปฺปตตฺตา ตสฺส จ สพฺพํ เตภูมกกมฺมํ ครหิตพฺพํ วชฺชิตพฺพญฺจ หุตฺวา อุปฎฺฐาตีติ วุตฺตํ ‘‘สเพฺพ อภิสงฺขารา วชฺชา, สเพฺพ ภวคามิกมฺมา วชฺชา’’ติ ฯ อปฺปรชกฺขตาทีสุ ปญฺจสุ ทุเกสุ เอเกกสฺมิํ ทส ทส กตฺวา ‘‘ปญฺญาสาย อากาเรหิ อิมานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํฯ อถ วา อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปโรปริยตฺตํ ชานาตีติ กตฺวา ตถา วุตฺตํฯ เอตฺถ จ อปฺปรชกฺขาทิภพฺพาทิวเสน อาวเชฺชนฺตสฺส ภควโต เต สตฺตา ปุญฺชปุญฺชาว หุตฺวา อุปฎฺฐหนฺติ, น เอเกกาฯ
Nanu ca ‘‘āhāraṭṭhitikā’’ti ettha paccayāyattavuttitāya maggaphalānampi lokatā āpajjatīti? Nāpajjati, pariññeyyānaṃ dukkhasaccadhammānaṃ idha ‘‘loko’’ti adhippetattā. Atha vā na lujjati na palujjatīti yo gahito tathā na hoti, so lokoti taṃgahaṇarahitānaṃ lokuttarānaṃ natthi lokatā. Upādānānaṃ ārammaṇabhūtā khandhā upādānakkhandhā. Anurodhādivatthubhūtā lābhādayo aṭṭhalokadhammā. Dasāyatanānīti dasa rūpāyatanāni. Sesaṃ suviññeyyameva. Vivaṭṭajjhāsayassa adhippetattā tassa ca sabbaṃ tebhūmakakammaṃ garahitabbaṃ vajjitabbañca hutvā upaṭṭhātīti vuttaṃ ‘‘sabbe abhisaṅkhārā vajjā, sabbe bhavagāmikammā vajjā’’ti . Apparajakkhatādīsu pañcasu dukesu ekekasmiṃ dasa dasa katvā ‘‘paññāsāya ākārehi imāni pañcindriyāni jānātī’’ti vuttaṃ. Atha vā anvayato byatirekato ca saddhādīnaṃ indriyānaṃ paropariyattaṃ jānātīti katvā tathā vuttaṃ. Ettha ca apparajakkhādibhabbādivasena āvajjentassa bhagavato te sattā puñjapuñjāva hutvā upaṭṭhahanti, na ekekā.
อุปฺปลานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินีฯ อุปฺปลคโจฺฉปิ ชลาสโยปิ จฯ อิธ ปน ชลาสโย อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘อุปฺปลวเน’’ติฯ ยานิ หิ อุทกสฺส อโนฺต นิมุคฺคาเนว หุตฺวา ปุสนฺติ วฑฺฒนฺติ, ตานิ อโนฺตนิมุคฺคโปสีนิฯ ทีปิตานีติ อฎฺฐกถายํ ปกาสิตานิ, อิเธว วา ‘‘อญฺญานิปี’’ติอาทินา ทสฺสิตานิฯ อุคฺฆฎิตญฺญูติ อุคฺฆฎนํ นาม ญาณุคฺฆฎนํ, ญาเณน อุคฺฆฎิตมเตฺตเนว ชานาตีติ อโตฺถฯ วิปญฺจิตํ วิตฺถาริตเมว อตฺถํ ชานาตีติ วิปญฺจิตญฺญูฯ นิเทฺทสาทีหิ ธมฺมาภิสมยาย เนตโพฺพติ เนโยฺยฯ ปชฺชติ อโตฺถ เอเตนาติ ปทํ, ปชฺชเต ญายเตติ วา ปทํ, ตทโตฺถฯ ปทํ ปรมํ เอตสฺส, น สจฺจาภิสโมฺพโธติ ปทปรโมฯ
Uppalāni ettha santīti uppalinī. Uppalagacchopi jalāsayopi ca. Idha pana jalāsayo adhippetoti āha ‘‘uppalavane’’ti. Yāni hi udakassa anto nimuggāneva hutvā pusanti vaḍḍhanti, tāni antonimuggaposīni. Dīpitānīti aṭṭhakathāyaṃ pakāsitāni, idheva vā ‘‘aññānipī’’tiādinā dassitāni. Ugghaṭitaññūti ugghaṭanaṃ nāma ñāṇugghaṭanaṃ, ñāṇena ugghaṭitamatteneva jānātīti attho. Vipañcitaṃ vitthāritameva atthaṃ jānātīti vipañcitaññū. Niddesādīhi dhammābhisamayāya netabboti neyyo. Pajjati attho etenāti padaṃ, pajjate ñāyateti vā padaṃ, tadattho. Padaṃ paramaṃ etassa, na saccābhisambodhoti padaparamo.
อุทาหฎเวลายาติ อุทาหาเร ธมฺมสฺส อุเทฺทเส อุทาหฎมเตฺตเยวฯ ธมฺมาภิสมโยติ จตุสจฺจธมฺมสฺส ญาเณน สทฺธิํ อภิสมโยฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติอาทินา นเยน สํขิเตฺตน มาติกาย ฐปิยมานาย เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ สมโตฺถ ปุคฺคโล ‘‘อุคฺฆฎิตญฺญู’’ติ วุจฺจติฯ อยํ วุจฺจตีติ สํขิเตฺตน มาติกํ ฐเปตฺวา วิตฺถาเรน อเตฺถ วิภชิยมาเน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมโตฺถ ปุคฺคโล ‘‘วิปญฺจิตญฺญู’’ติ วุจฺจติฯ อุเทฺทสโตติ อุเทฺทสเหตุฯ อุทฺทิสนฺตสฺส อุทฺทิสาเปนฺตสฺส วาติ อโตฺถฯ ปริปุจฺฉโตติ อตฺถํ ปริปุจฺฉนฺตสฺสฯ อนุปุเพฺพน ธมฺมาภิสมโย โหตีติ อนุกฺกเมน อรหตฺตปฺปตฺติ โหติฯ น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหตีติ เตน อตฺตภาเวน มคฺคํ วา ผลํ วา อนฺตมโส ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา นิพฺพเตฺตตุํ น สโกฺกติฯ อยํ วุจฺจติ ปทปรโมติ อยํ ปุคฺคโล ฉพฺพิธํ พฺยญฺชนปทํ ฉพฺพิธํ อตฺถปทนฺติ อิทํ ปทเมว ปรมํ อสฺสาติ ปทปรโมติ วุจฺจตีติ อโตฺถฯ
Udāhaṭavelāyāti udāhāre dhammassa uddese udāhaṭamatteyeva. Dhammābhisamayoti catusaccadhammassa ñāṇena saddhiṃ abhisamayo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ ‘‘cattāro satipaṭṭhānā’’tiādinā nayena saṃkhittena mātikāya ṭhapiyamānāya desanānusārena ñāṇaṃ pesetvā arahattaṃ gaṇhituṃ samattho puggalo ‘‘ugghaṭitaññū’’ti vuccati. Ayaṃ vuccatīti saṃkhittena mātikaṃ ṭhapetvā vitthārena atthe vibhajiyamāne arahattaṃ pāpuṇituṃ samattho puggalo ‘‘vipañcitaññū’’ti vuccati. Uddesatoti uddesahetu. Uddisantassa uddisāpentassa vāti attho. Paripucchatoti atthaṃ paripucchantassa. Anupubbena dhammābhisamayo hotīti anukkamena arahattappatti hoti. Na tāya jātiyā dhammābhisamayo hotīti tena attabhāvena maggaṃ vā phalaṃ vā antamaso jhānaṃ vā vipassanaṃ vā nibbattetuṃ na sakkoti. Ayaṃ vuccati padaparamoti ayaṃ puggalo chabbidhaṃ byañjanapadaṃ chabbidhaṃ atthapadanti idaṃ padameva paramaṃ assāti padaparamoti vuccatīti attho.
วาสนา โหตีติ เทสนา ผลโวหาเรน วาสนา โหตีติ วุตฺตาฯ น หิ กาจิ พุทฺธานํ เทสนา นิรตฺถกาฯ เยติ เย ทุวิเธ ปุคฺคเลฯ วิภเงฺค กมฺมาวรเณนาติ ปญฺจวิเธน อานนฺตริยกเมฺมนฯ วิปากาวรเณนาติ อเหตุกปฎิสนฺธิยาฯ ยสฺมา ปน ทุเหตุกานมฺปิ อริยมคฺคปฎิเวโธ นตฺถิ, ตสฺมา ทุเหตุกา ปฎิสนฺธิปิ วิปากาวรณเมวาติ เวทิตพฺพาฯ กิเลสาวรเณนาติ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิยาฯ อสฺสทฺธาติ พุทฺธาทีสุ สทฺธารหิตาฯ อจฺฉนฺทิกาติ กตฺตุกมฺยตาฉนฺทรหิตาฯ อุตฺตรกุรุกา มนุสฺสา อจฺฉนฺทิกฎฺฐานํ ปวิฎฺฐาฯ ทุปฺปญฺญาติ ภวงฺคปญฺญาย ปริหีนาฯ ภวงฺคปญฺญาย ปน ปริปุณฺณายปิ ยสฺส ภวงฺคจลนํ โลกุตฺตรสฺส ปจฺจโย น โหติ, โสปิ ทุปฺปโญฺญ เอว นามฯ อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตนฺติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ มคฺคํ โอกฺกมิตุํ อธิคนฺตุํ อภพฺพาฯ น กมฺมาวรเณนาติอาทีนิ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพานิฯ ราคจริตาทิอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๑.๔๓) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ
Vāsanāhotīti desanā phalavohārena vāsanā hotīti vuttā. Na hi kāci buddhānaṃ desanā niratthakā. Yeti ye duvidhe puggale. Vibhaṅge kammāvaraṇenāti pañcavidhena ānantariyakammena. Vipākāvaraṇenāti ahetukapaṭisandhiyā. Yasmā pana duhetukānampi ariyamaggapaṭivedho natthi, tasmā duhetukā paṭisandhipi vipākāvaraṇamevāti veditabbā. Kilesāvaraṇenāti niyatamicchādiṭṭhiyā. Assaddhāti buddhādīsu saddhārahitā. Acchandikāti kattukamyatāchandarahitā. Uttarakurukā manussā acchandikaṭṭhānaṃ paviṭṭhā. Duppaññāti bhavaṅgapaññāya parihīnā. Bhavaṅgapaññāya pana paripuṇṇāyapi yassa bhavaṅgacalanaṃ lokuttarassa paccayo na hoti, sopi duppañño eva nāma. Abhabbā niyāmaṃ okkamituṃ kusalesu dhammesu sammattanti kusalesu dhammesu sammattaniyāmasaṅkhātaṃ maggaṃ okkamituṃ adhigantuṃ abhabbā. Na kammāvaraṇenātiādīni vuttavipariyāyena veditabbāni. Rāgacaritādiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ paramatthadīpaniyaṃ visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ (visuddhi. mahāṭī. 1.43) vuttanayena veditabbaṃ.
นิพฺพานสฺส ทฺวารํ ปวิสนมโคฺค วิวริตฺวา ฐปิโต มหากรุณูปนิสฺสเยน สยมฺภุญาเณน อธิคตตฺตาฯ สทฺธํ ปมุญฺจนฺตูติ อตฺตโน สทฺธํ ธมฺมสมฺปฎิจฺฉนโยคฺยํ กตฺวา วิสฺสเชฺชนฺตุ, สทฺทหนากาเรน นํ อุปฎฺฐเปนฺตูติ อโตฺถฯ สุเขน อกิเจฺฉน ปวตฺตนียตาย สุปฺปวตฺติตํฯ น ภาสิํ น ภาสิสฺสามีติ จิเนฺตสิํฯ
Nibbānassa dvāraṃ pavisanamaggo vivaritvā ṭhapito mahākaruṇūpanissayena sayambhuñāṇena adhigatattā. Saddhaṃ pamuñcantūti attano saddhaṃ dhammasampaṭicchanayogyaṃ katvā vissajjentu, saddahanākārena naṃ upaṭṭhapentūti attho. Sukhena akicchena pavattanīyatāya suppavattitaṃ. Na bhāsiṃ na bhāsissāmīti cintesiṃ.
สตฺถุ สนฺติกํ อุปคตานํ เทวานํ พฺรหฺมานญฺจ ตสฺส ปุรโต อนฺตรธานํ นาม อติฎฺฐนนฺติ อาห ‘‘สกฎฺฐานเมว คโต’’ติฯ สทฺธินฺทฺริยาทิ สมฺมาทิฎฺฐิอาทิโก ธโมฺม เอว วิเนยฺยสนฺตาเน ปวตฺตนเฎฺฐน จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํฯ อถ วา จกฺกนฺติ อาณาฯ ธมฺมนฺติ เทสนาฯ อถ วา อตฺถธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมญฺจ ตํ ปวตฺตนเฎฺฐน จกฺกญฺจาติ ธมฺมจกฺกํฯ ธเมฺมน ญาเยน จกฺกนฺติปิ ธมฺมจกฺกํฯ ยถาห ‘‘ธมฺมญฺจ ปวเตฺตติ จกฺกญฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, จกฺกญฺจ ปวเตฺตติ ธมฺมญฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, ธเมฺมน ปวเตฺตตีติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺมจริยาย ปวเตฺตตีติ ธมฺมจกฺก’’นฺติอาทิ (ปฎิ. ม. ๒.๔๐-๔๑)ฯ ปวเตฺตสีติ ปฎฺฐเปสิฯ
Satthu santikaṃ upagatānaṃ devānaṃ brahmānañca tassa purato antaradhānaṃ nāma atiṭṭhananti āha ‘‘sakaṭṭhānameva gato’’ti. Saddhindriyādi sammādiṭṭhiādiko dhammo eva vineyyasantāne pavattanaṭṭhena cakkanti dhammacakkaṃ. Atha vā cakkanti āṇā. Dhammanti desanā. Atha vā atthadhammato anapetattā dhammañca taṃ pavattanaṭṭhena cakkañcāti dhammacakkaṃ. Dhammena ñāyena cakkantipi dhammacakkaṃ. Yathāha ‘‘dhammañca pavatteti cakkañcāti dhammacakkaṃ, cakkañca pavatteti dhammañcāti dhammacakkaṃ, dhammena pavattetīti dhammacakkaṃ, dhammacariyāya pavattetīti dhammacakka’’ntiādi (paṭi. ma. 2.40-41). Pavattesīti paṭṭhapesi.
พฺรหฺมายาจนสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Brahmāyācanasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. พฺรหฺมายาจนสุตฺตํ • 1. Brahmāyācanasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. พฺรหฺมายาจนสุตฺตวณฺณนา • 1. Brahmāyācanasuttavaṇṇanā