Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๕. พฺราหฺมณวโคฺค

    5. Brāhmaṇavaggo

    ๑. พฺรหฺมายุสุตฺตวณฺณนา

    1. Brahmāyusuttavaṇṇanā

    ๓๘๓. เอวํ เม สุตนฺติ พฺรหฺมายุสุตฺตํฯ ตตฺถ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธินฺติ มหตาติ คุณมหเตฺตนปิ มหตา, สงฺขฺยามหเตฺตนปิฯ โส หิ ภิกฺขุสเงฺฆ คุเณหิปิ มหา อโหสิ อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคตตฺตา, สงฺขฺยายปิ มหา ปญฺจสตสงฺขฺยตฺตาฯ ภิกฺขูนํ สเงฺฆน ภิกฺขุสเงฺฆน, ทิฎฺฐิสีลสามญฺญสงฺฆาตสงฺขาเตน สมณคเณนาติ อโตฺถฯ สทฺธินฺติ เอกโตฯ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหีติ ปญฺจ มตฺตา เอเตสนฺติ ปญฺจมตฺตานิฯ มตฺตาติ ปมาณํ วุจฺจติ, ตสฺมา ยถา โภชเน มตฺตญฺญูติ วุเตฺต โภชเน มตฺตํ ชานาติ ปมาณํ ชานาตีติ อโตฺถ โหติ, เอวมิธาปิ เตสํ ภิกฺขุสตานํ ปญฺจมตฺตา ปญฺจปมาณนฺติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ภิกฺขูนํ สตานิ ภิกฺขุสตานิฯ เตหิ ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ

    383.Evaṃme sutanti brahmāyusuttaṃ. Tattha mahatā bhikkhusaṅghena saddhinti mahatāti guṇamahattenapi mahatā, saṅkhyāmahattenapi. So hi bhikkhusaṅghe guṇehipi mahā ahosi appicchatādiguṇasamannāgatattā, saṅkhyāyapi mahā pañcasatasaṅkhyattā. Bhikkhūnaṃ saṅghena bhikkhusaṅghena, diṭṭhisīlasāmaññasaṅghātasaṅkhātena samaṇagaṇenāti attho. Saddhinti ekato. Pañcamattehi bhikkhusatehīti pañca mattā etesanti pañcamattāni. Mattāti pamāṇaṃ vuccati, tasmā yathā bhojane mattaññūti vutte bhojane mattaṃ jānāti pamāṇaṃ jānātīti attho hoti, evamidhāpi tesaṃ bhikkhusatānaṃ pañcamattā pañcapamāṇanti evamattho daṭṭhabbo. Bhikkhūnaṃ satāni bhikkhusatāni. Tehi pañcamattehi bhikkhusatehi.

    วีสวสฺสสติโกติ วีสาธิกวสฺสสติโกฯ ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทานํฯ โอฎฺฐปหตกรณวเสน ปารํ คโตติ ปารคูฯ สห นิฆณฺฑุนา จ เกฎุเภน จ สนิฆณฺฑุเกฎุภานํ, นิฆณฺฑูติ นามนิฆณฺฎุรุกฺขาทีนํ เววจนปฺปกาสกํ สตฺถํฯ เกฎุภนฺติ กิริยากปฺปวิกโปฺป กวีนํ อุปการาย สตฺถํฯ สห อกฺขรปฺปเภเทน สกฺขรปฺปเภทานํฯ อกฺขรปฺปเภโทติ สิกฺขา จ นิรุตฺติ จฯ อิติหาสปญฺจมานนฺติ อาถพฺพณเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา ‘‘อิติห อาส อิติห อาสา’’ติ อีทิสวจนปฺปฎิสํยุโตฺต ปุราณกถาสงฺขาโต อิติหาโส ปญฺจโม เอเตสนฺติ อิติหาสปญฺจมา, เตสํ อิติหาสปญฺจมานํฯ ปทญฺจ ตทวเสสญฺจ พฺยากรณํ อธียติ ปเวเทติ จาติ ปทโก เวยฺยากรโณฯ โลกายตํ วุจฺจติ วิตณฺฑวาทสตฺถํฯ มหาปุริสลกฺขณนฺติ มหาปุริสานํ พุทฺธาทีนํ ลกฺขณทีปกํ ทฺวาทสสหสฺสคนฺถปฺปมาณํ สตฺถํ, ยตฺถ โสฬสสหสฺสคาถาปริมาณาย พุทฺธมนฺตา นาม อเหสุํ, เยสํ วเสน ‘‘อิมินา ลกฺขเณน สมนฺนาคตา พุทฺธา นาม โหนฺติ, อิมินา ปเจฺจกพุทฺธา นาม โหนฺติ, อิมินา เทฺว อคฺคสาวกา, อสีติมหาสาวกา, พุทฺธมาตา, พุทฺธปิตา, อคฺคุปฎฺฐาโก, อคฺคุปฎฺฐายิกา, ราชา จกฺกวตฺตี’’ติ อยํ วิเสโส ญายติฯ อนวโยติ อิเมสุ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนูโน ปริปูรการี, อวโย น โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ อวโย นาม โย ตานิ อตฺถโต จ คนฺถโต จ สนฺธาเรตุํ น สโกฺกติฯ อโสฺสสิ โขติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สาเลยฺยกสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๔๓๙ อาทโย) วุตฺตเมวฯ

    Vīsavassasatikoti vīsādhikavassasatiko. Tiṇṇaṃ vedānanti iruvedayajuvedasāmavedānaṃ. Oṭṭhapahatakaraṇavasena pāraṃ gatoti pāragū. Saha nighaṇḍunā ca keṭubhena ca sanighaṇḍukeṭubhānaṃ, nighaṇḍūti nāmanighaṇṭurukkhādīnaṃ vevacanappakāsakaṃ satthaṃ. Keṭubhanti kiriyākappavikappo kavīnaṃ upakārāya satthaṃ. Saha akkharappabhedena sakkharappabhedānaṃ. Akkharappabhedoti sikkhā ca nirutti ca. Itihāsapañcamānanti āthabbaṇavedaṃ catutthaṃ katvā ‘‘itiha āsa itiha āsā’’ti īdisavacanappaṭisaṃyutto purāṇakathāsaṅkhāto itihāso pañcamo etesanti itihāsapañcamā, tesaṃ itihāsapañcamānaṃ. Padañca tadavasesañca byākaraṇaṃ adhīyati pavedeti cāti padako veyyākaraṇo. Lokāyataṃ vuccati vitaṇḍavādasatthaṃ. Mahāpurisalakkhaṇanti mahāpurisānaṃ buddhādīnaṃ lakkhaṇadīpakaṃ dvādasasahassaganthappamāṇaṃ satthaṃ, yattha soḷasasahassagāthāparimāṇāya buddhamantā nāma ahesuṃ, yesaṃ vasena ‘‘iminā lakkhaṇena samannāgatā buddhā nāma honti, iminā paccekabuddhā nāma honti, iminā dve aggasāvakā, asītimahāsāvakā, buddhamātā, buddhapitā, aggupaṭṭhāko, aggupaṭṭhāyikā, rājā cakkavattī’’ti ayaṃ viseso ñāyati. Anavayoti imesu lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anūno paripūrakārī, avayo na hotīti vuttaṃ hoti. Avayo nāma yo tāni atthato ca ganthato ca sandhāretuṃ na sakkoti. Assosi khotiādīsu yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ sāleyyakasutte (ma. ni. 1.439 ādayo) vuttameva.

    ๓๘๔. อยํ ตาตาติ อยํ มหลฺลกตาย คนฺตุํ อสโกฺกโนฺต มาณวํ อามเนฺตตฺวา เอวมาหฯ อปิจ เอส พฺราหฺมโณ จิเนฺตสิ ‘‘อิมสฺมิํ โลเก ‘อหํ พุโทฺธ อหํ พุโทฺธ’ติ อุคฺคตสฺส นามํ คเหตฺวา พหู ชนา วิจรนฺติ, ตสฺมา น เม อนุสฺสวมเตฺตเนว อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตํฯ เอกจฺจญฺหิ อุปสงฺกมนฺตสฺส อปกฺกมนมฺปิ ครุ โหติ, อนโตฺถปิ อุปฺปชฺชติฯ ยํนูนาหํ มม อเนฺตวาสิกํ เปเสตฺวา ‘พุโทฺธ วา โน วา’ติ ชานิตฺวา อุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ ตสฺมา มาณวํ อามเนฺตตฺวา ‘‘อยํ ตาตา’’ติอาทิมาหฯ ตํ ภวนฺตนฺติ ตสฺส ภวโตฯ ตถา สนฺตํเยวาติ ตถา สโตเยวฯ อิทญฺหิ อิตฺถมฺภูตาขฺยานเตฺถ อุปโยควจนํฯ ยถา กถํ ปนาหํ, โภติ เอตฺถ กถํ ปนาหํ, โภ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ชานิสฺสามิ, ยถา สกฺกา โส ญาตุํ, ตถา เม อาจิกฺขาติ อโตฺถฯ ยถาติ วา นิปาตมตฺตเมเวตํฯ กถนฺติ อยํ อาการปุจฺฉา, เกนากาเรนาหํ ภวนฺตํ โคตมํ ชานิสฺสามีติ อโตฺถฯ

    384.Ayaṃ tātāti ayaṃ mahallakatāya gantuṃ asakkonto māṇavaṃ āmantetvā evamāha. Apica esa brāhmaṇo cintesi ‘‘imasmiṃ loke ‘ahaṃ buddho ahaṃ buddho’ti uggatassa nāmaṃ gahetvā bahū janā vicaranti, tasmā na me anussavamatteneva upasaṅkamituṃ yuttaṃ. Ekaccañhi upasaṅkamantassa apakkamanampi garu hoti, anatthopi uppajjati. Yaṃnūnāhaṃ mama antevāsikaṃ pesetvā ‘buddho vā no vā’ti jānitvā upasaṅkameyya’’nti tasmā māṇavaṃ āmantetvā ‘‘ayaṃ tātā’’tiādimāha. Taṃ bhavantanti tassa bhavato. Tathā santaṃyevāti tathā satoyeva. Idañhi itthambhūtākhyānatthe upayogavacanaṃ. Yathākathaṃ panāhaṃ, bhoti ettha kathaṃ panāhaṃ, bho, taṃ bhavantaṃ gotamaṃ jānissāmi, yathā sakkā so ñātuṃ, tathā me ācikkhāti attho. Yathāti vā nipātamattamevetaṃ. Kathanti ayaṃ ākārapucchā, kenākārenāhaṃ bhavantaṃ gotamaṃ jānissāmīti attho.

    เอวํ วุเตฺต กิร นํ อุปชฺฌาโย – ‘‘กิํ ตฺวํ, ตาต, ปถวิยํ ฐิโต ปถวิํ น ปสฺสามีติ วิย จนฺทิมสูริยานํ โอภาเส ฐิโต จนฺทิมสูริเย น ปสฺสามีติ วิย วทสี’’ติอาทีนิ วตฺวา ชานนาการํ ทเสฺสโนฺต อาคตานิ โข ตาตาติอาทิมาหฯ ตตฺถ มเนฺตสูติ เวเทสุฯ ตถาคโต กิร อุปฺปชฺชิสฺสตีติ ปฎิกเจฺจว สุทฺธาวาสา เทวา เวเทสุ ลกฺขณานิ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘พุทฺธมนฺตา นาม เอเต’’ติ พฺราหฺมณเวเสน เวเท วาเจนฺติ ‘‘ตทนุสาเรน มเหสกฺขา สตฺตา ตถาคตํ ชานิสฺสนฺตี’’ติฯ เตน ปุเพฺพ เวเทสุ มหาปุริสลกฺขณานิ อาคจฺฉนฺติฯ ปรินิพฺพุเต ปน ตถาคเต อนุกฺกเมน อนฺตรธายนฺติ, เตน เอตรหิ นตฺถิฯ มหาปุริสสฺสาติ ปณิธิสมาทานญาณกรุณาทิคุณมหโต ปุริสสฺสฯ เทฺวเยว คติโยติ เทฺว เอว นิฎฺฐา ฯ กามญฺจายํ คติสโทฺท – ‘‘ปญฺจ โข อิมา , สาริปุตฺต, คติโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๓) ภวเภเท วตฺตติ, ‘‘คติ มิคานํ ปวน’’นฺติอาทีสุ (ปริ. ๓๓๙) นิวาสฎฺฐาเน, ‘‘เอวํ อธิมตฺตคติมโนฺต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๖๑) ปญฺญาย, ‘‘คติคต’’นฺติอาทีสุ วิสฎภาเว, อิธ ปน นิฎฺฐายํ วตฺตตีติ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ เยหิ สมนฺนาคโต ราชา โหติ, น เตเหว พุโทฺธ โหติ, ชาติสามญฺญโต ปน ตานิเยว ตานีติ วุจฺจนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เยหิ สมนฺนาคตสฺสา’’ติฯ สเจ อคารํ อชฺฌาวสตีติ ยทิ อคาเร วสติ, ราชา โหติ จกฺกวตฺตีฯ จตูหิ อจฺฉริยธเมฺมหิ สงฺคหวตฺถูหิ จ โลกํ รญฺชนโต ราชาฯ จกฺกรตนํ วเตฺตติ, จตูหิ สมฺปตฺติจเกฺกหิ วเตฺตติ, เตหิ จ ปรํ วเตฺตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วโตฺต เอตสฺมิํ อตฺถีติ จกฺกวตฺตีฯ เอตฺถ จ ราชาติ สามญฺญํ, จกฺกวตฺตีติ วิเสสนํฯ ธเมฺมน จรตีติ ธมฺมิโก, ญาเยน สเมน วตฺตตีติ อโตฺถฯ ธเมฺมน รชฺชํ ลภิตฺวา ราชา ชาโตติ ธมฺมราชาฯ ปรหิตธมฺมกรเณน วา ธมฺมิโก, อตฺตหิตธมฺมกรเณน ธมฺมราชาฯ จตุรนฺตาย อิสฺสโรติ จาตุรโนฺต, จตุสมุทฺทนฺตาย จตุพฺพิธทีปภูสิตาย จ ปถวิยา อิสฺสโรติ อโตฺถฯ อชฺฌตฺตํ โกปาทิปจฺจตฺถิเก พหิทฺธา จ สพฺพราชาโน วิเชสีติ วิชิตาวีฯ ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺตติ ชนปเท ถาวรภาวํ ธุวภาวํ ปโตฺต, น สกฺกา เกนจิ จาเลตุํ, ชนปโท วา ตมฺหิ ถาวริยปฺปโตฺต อนุสฺสุโกฺก สกมฺมนิรโต อจโล อสมฺปเวธีติ ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺตฯ เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส ตานิ กตมานีติ อโตฺถฯ จกฺกรตนนฺติอาทีสุ จกฺกญฺจ ตํ รติชนนเตฺถน รตนญฺจาติ จกฺกรตนํฯ เอเสว นโย สพฺพตฺถฯ

    Evaṃ vutte kira naṃ upajjhāyo – ‘‘kiṃ tvaṃ, tāta, pathaviyaṃ ṭhito pathaviṃ na passāmīti viya candimasūriyānaṃ obhāse ṭhito candimasūriye na passāmīti viya vadasī’’tiādīni vatvā jānanākāraṃ dassento āgatāni kho tātātiādimāha. Tattha mantesūti vedesu. Tathāgato kira uppajjissatīti paṭikacceva suddhāvāsā devā vedesu lakkhaṇāni pakkhipitvā ‘‘buddhamantā nāma ete’’ti brāhmaṇavesena vede vācenti ‘‘tadanusārena mahesakkhā sattā tathāgataṃ jānissantī’’ti. Tena pubbe vedesu mahāpurisalakkhaṇāni āgacchanti. Parinibbute pana tathāgate anukkamena antaradhāyanti, tena etarahi natthi. Mahāpurisassāti paṇidhisamādānañāṇakaruṇādiguṇamahato purisassa. Dveyeva gatiyoti dve eva niṭṭhā . Kāmañcāyaṃ gatisaddo – ‘‘pañca kho imā , sāriputta, gatiyo’’tiādīsu (ma. ni. 1.153) bhavabhede vattati, ‘‘gati migānaṃ pavana’’ntiādīsu (pari. 339) nivāsaṭṭhāne, ‘‘evaṃ adhimattagatimanto’’tiādīsu (ma. ni. 1.161) paññāya, ‘‘gatigata’’ntiādīsu visaṭabhāve, idha pana niṭṭhāyaṃ vattatīti veditabbo. Tattha kiñcāpi yehi samannāgato rājā hoti, na teheva buddho hoti, jātisāmaññato pana tāniyeva tānīti vuccanti. Tena vuttaṃ – ‘‘yehi samannāgatassā’’ti. Sace agāraṃ ajjhāvasatīti yadi agāre vasati, rājā hoti cakkavattī. Catūhi acchariyadhammehi saṅgahavatthūhi ca lokaṃ rañjanato rājā. Cakkaratanaṃ vatteti, catūhi sampatticakkehi vatteti, tehi ca paraṃ vatteti, parahitāya ca iriyāpathacakkānaṃ vatto etasmiṃ atthīti cakkavattī. Ettha ca rājāti sāmaññaṃ, cakkavattīti visesanaṃ. Dhammena caratīti dhammiko, ñāyena samena vattatīti attho. Dhammena rajjaṃ labhitvā rājā jātoti dhammarājā. Parahitadhammakaraṇena vā dhammiko, attahitadhammakaraṇena dhammarājā. Caturantāya issaroti cāturanto, catusamuddantāya catubbidhadīpabhūsitāya ca pathaviyā issaroti attho. Ajjhattaṃ kopādipaccatthike bahiddhā ca sabbarājāno vijesīti vijitāvī. Janapadatthāvariyappattoti janapade thāvarabhāvaṃ dhuvabhāvaṃ patto, na sakkā kenaci cāletuṃ, janapado vā tamhi thāvariyappatto anussukko sakammanirato acalo asampavedhīti janapadatthāvariyappatto. Seyyathidanti nipāto, tassa tāni katamānīti attho. Cakkaratanantiādīsu cakkañca taṃ ratijananatthena ratanañcāti cakkaratanaṃ. Eseva nayo sabbattha.

    อิเมสุ ปน รตเนสุ อยํ จกฺกวตฺติราชา จกฺกรตเนน อชิตํ ชินาติ, หตฺถิอสฺสรตเนหิ วิชิเต ยถาสุขํ อนุวิจรติ, ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ, เสเสหิ อุปโภคสุขมนุภวติฯ ปฐเมน จสฺส อุสฺสาหสตฺติโยโค, หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ ปภุสตฺติโยโค, ปจฺฉิเมน มนฺตสตฺติโยโค สุปริปุโณฺณ โหติ, อิตฺถิมณิรตเนหิ ติวิธสตฺติโยคผลํฯ โส อิตฺถิมณิรตเนหิ โภคสุขมนุภวติ, เสเสหิ อิสฺสริยสุขํฯ วิเสสโต จสฺส ปุริมานิ ตีณิ อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ, มชฺฌิมานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน, ปจฺฉิมเมกํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ เวทิตพฺพํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน โพชฺฌงฺคสํยุเตฺต รตนสุตฺตสฺส (สํ. นิ. ๕.๒๒๒-๒๒๓) อุปเทสโต คเหตโพฺพฯ อปิจ พาลปณฺฑิตสุเตฺตปิ (ม. นิ. ๓.๒๕๕) อิเมสํ รตนานํ อุปฺปตฺติกฺกเมน สทฺธิํ วณฺณนา อาคมิสฺสติฯ

    Imesu pana ratanesu ayaṃ cakkavattirājā cakkaratanena ajitaṃ jināti, hatthiassaratanehi vijite yathāsukhaṃ anuvicarati, pariṇāyakaratanena vijitamanurakkhati, sesehi upabhogasukhamanubhavati. Paṭhamena cassa ussāhasattiyogo, hatthiassagahapatiratanehi pabhusattiyogo, pacchimena mantasattiyogo suparipuṇṇo hoti, itthimaṇiratanehi tividhasattiyogaphalaṃ. So itthimaṇiratanehi bhogasukhamanubhavati, sesehi issariyasukhaṃ. Visesato cassa purimāni tīṇi adosakusalamūlajanitakammānubhāvena sampajjanti, majjhimāni alobhakusalamūlajanitakammānubhāvena, pacchimamekaṃ amohakusalamūlajanitakammānubhāvenāti veditabbaṃ. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana bojjhaṅgasaṃyutte ratanasuttassa (saṃ. ni. 5.222-223) upadesato gahetabbo. Apica bālapaṇḍitasuttepi (ma. ni. 3.255) imesaṃ ratanānaṃ uppattikkamena saddhiṃ vaṇṇanā āgamissati.

    ปโรสหสฺสนฺติ อติเรกสหสฺสํฯ สูราติ อภีรุกชาติกาฯ วีรงฺครูปาติ เทวปุตฺตสทิสกายา, เอวํ ตาว เอเก วณฺณยนฺติ, อยํ ปเนตฺถ สภาโว – วีราติ อุตฺตมสูรา วุจฺจนฺติฯ วีรานํ องฺคํ วีรงฺคํ, วีรการณํ วีริยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ วีรงฺคํ รูปํ เอเตสนฺติ วีรงฺครูปา, วีริยมยสรีรา วิยาติ วุตฺตํ โหติฯ ปรเสนปฺปมทฺทนาติ สเจ ปฎิมุขํ ติเฎฺฐยฺย ปรเสนา, ตํ มทฺทิตุํ สมตฺถาติ อธิปฺปาโยฯ ธเมฺมนาติ ‘‘ปาโณ น หนฺตโพฺพ’’ติอาทินา ปญฺจสีลธเมฺมนฯ

    Parosahassanti atirekasahassaṃ. Sūrāti abhīrukajātikā. Vīraṅgarūpāti devaputtasadisakāyā, evaṃ tāva eke vaṇṇayanti, ayaṃ panettha sabhāvo – vīrāti uttamasūrā vuccanti. Vīrānaṃ aṅgaṃ vīraṅgaṃ, vīrakāraṇaṃ vīriyanti vuttaṃ hoti. Vīraṅgaṃ rūpaṃ etesanti vīraṅgarūpā, vīriyamayasarīrā viyāti vuttaṃ hoti. Parasenappamaddanāti sace paṭimukhaṃ tiṭṭheyya parasenā, taṃ maddituṃ samatthāti adhippāyo. Dhammenāti ‘‘pāṇo na hantabbo’’tiādinā pañcasīladhammena.

    อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุโทฺธ โลเก วิวฎฺฎจฺฉโทติ เอตฺถ ราคโทสโมหมานทิฎฺฐิอวิชฺชาทุจฺจริตฉทเนหิ สตฺตหิ ปฎิจฺฉเนฺน กิเลสนฺธการโลเก ตํ ฉทนํ วิวเฎฺฎตฺวา สมนฺตโต สญฺชาตาโลโก หุตฺวา ฐิโตติ วิวฎฺฎจฺฉโทฯ ตตฺถ ปฐเมน ปเทน ปูชารหตา, ทุติเยน ตสฺสา เหตุ ยสฺมา สมฺมาสมฺพุโทฺธติ, ตติเยน พุทฺธตฺตเหตุภูตา วิวฎฺฎจฺฉทตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ อถ วา วิวโฎฺฎ จ วิจฺฉโท จาติ วิวฎฺฎจฺฉโท, วฎฺฎรหิโต ฉทนรหิโต จาติ วุตฺตํ โหติฯ เตน อรหํ วฎฺฎาภาเวน, สมฺมาสมฺพุโทฺธ ฉทนาภาเวนาติ เอวํ ปุริมปททฺวยเสฺสว เหตุทฺวยํ วุตฺตํ โหติฯ ทุติยเวสารเชฺชน เจตฺถ ปุริมสิทฺธิ, ปฐเมน ทุติยสิทฺธิ, ตติยจตุเตฺถหิ ตติยสิทฺธิ โหติฯ ปุริมญฺจ ธมฺมจกฺขุํ, ทุติยํ พุทฺธจกฺขุํ, ตติยํ สมนฺตจกฺขุํ สาเธตีติปิ เวทิตพฺพํฯ ตฺวํ มนฺตานํ ปฎิคฺคเหตาติ อิมินาสฺส สูรภาวํ ชเนติฯ

    Arahaṃ hoti sammāsambuddho loke vivaṭṭacchadoti ettha rāgadosamohamānadiṭṭhiavijjāduccaritachadanehi sattahi paṭicchanne kilesandhakāraloke taṃ chadanaṃ vivaṭṭetvā samantato sañjātāloko hutvā ṭhitoti vivaṭṭacchado. Tattha paṭhamena padena pūjārahatā, dutiyena tassā hetu yasmā sammāsambuddhoti, tatiyena buddhattahetubhūtā vivaṭṭacchadatā vuttāti veditabbā. Atha vā vivaṭṭo ca vicchado cāti vivaṭṭacchado, vaṭṭarahito chadanarahito cāti vuttaṃ hoti. Tena arahaṃ vaṭṭābhāvena, sammāsambuddho chadanābhāvenāti evaṃ purimapadadvayasseva hetudvayaṃ vuttaṃ hoti. Dutiyavesārajjena cettha purimasiddhi, paṭhamena dutiyasiddhi, tatiyacatutthehi tatiyasiddhi hoti. Purimañca dhammacakkhuṃ, dutiyaṃ buddhacakkhuṃ, tatiyaṃ samantacakkhuṃ sādhetītipi veditabbaṃ. Tvaṃ mantānaṃ paṭiggahetāti imināssa sūrabhāvaṃ janeti.

    ๓๘๕. โสปิ ตาย อาจริยกถาย ลกฺขเณสุ วิคตสโมฺมโห เอโกภาสชาโต วิย พุทฺธมเนฺต สมฺปสฺสมาโน เอวํ, โภติ อาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา, โภ, มํ ตฺวํ วทสิ, เอวํ กริสฺสามีติฯ สมเนฺนสีติ คเวสิ, เอกํ เทฺวติ วา คณยโนฺต สมานยิฯ อทฺทสา โขติ กถํ อทฺทส? พุทฺธานญฺหิ นิสินฺนานํ วา นิปนฺนานํ วา โกจิ ลกฺขณํ ปริเยสิตุํ น สโกฺกติ, ฐิตานํ ปน จงฺกมนฺตานํ วา สโกฺกติฯ ตสฺมา ลกฺขณปริเยสนตฺถํ อาคตํ ทิสฺวา พุทฺธา อุฎฺฐายาสนา ติฎฺฐนฺติ วา จงฺกมํ วา อธิฎฺฐหนฺติฯ อิติ ลกฺขณทสฺสนานุรูเป อิริยาปเถ วตฺตมานสฺส อทฺทสฯ เยภุเยฺยนาติ ปาเยน, พหุกานิ อทฺทส, อปฺปานิ น อทฺทสาติ อโตฺถฯ ตโต ยานิ น อทฺทส, เตสํ ทีปนตฺถํ วุตฺตํ ฐเปตฺวา เทฺวติฯ กงฺขตีติ ‘‘อโห วต ปเสฺสยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อุปฺปาเทติฯ วิจิกิจฺฉตีติ ตโต ตโต ตานิ วิจินโนฺต กิจฺฉติ น สโกฺกติ ทฎฺฐุํฯ นาธิมุจฺจตีติ ตาย วิจิกิจฺฉาย สนฺนิฎฺฐานํ น คจฺฉติฯ น สมฺปสีทตีติ ตโต ‘‘ปริปุณฺณลกฺขโณ อย’’นฺติ ภควติ ปสาทํ นาปชฺชติฯ กงฺขาย วา ทุพฺพลา วิมติ วุตฺตา, วิจิกิจฺฉาย มชฺฌิมา, อนธิมุจฺจนตาย พลวตี, อสมฺปสาเทน เตหิ ตีหิ ธเมฺมหิ จิตฺตสฺส กาลุสฺสิยภาโวฯ โกโสหิเตติ วตฺถิโกเสน ปฎิจฺฉเนฺนฯ วตฺถคุเยฺหติ องฺคชาเตฯ ภควโต หิ วารณเสฺสว โกโสหิตวตฺถคุยฺหํ สุวณฺณวณฺณํ ปทุมคพฺภสมานํ, ตํ โส วตฺถปฎิจฺฉนฺนตฺตา, อโนฺตมุขคตาย จ ชิวฺหาย ปหูตภาวํ อสลฺลเกฺขโนฺต เตสุ ทฺวีสุ ลกฺขเณสุ กงฺขี อโหสิ วิจิกิจฺฉีฯ

    385. Sopi tāya ācariyakathāya lakkhaṇesu vigatasammoho ekobhāsajāto viya buddhamante sampassamāno evaṃ, bhoti āha. Tassattho – yathā, bho, maṃ tvaṃ vadasi, evaṃ karissāmīti. Samannesīti gavesi, ekaṃ dveti vā gaṇayanto samānayi. Addasā khoti kathaṃ addasa? Buddhānañhi nisinnānaṃ vā nipannānaṃ vā koci lakkhaṇaṃ pariyesituṃ na sakkoti, ṭhitānaṃ pana caṅkamantānaṃ vā sakkoti. Tasmā lakkhaṇapariyesanatthaṃ āgataṃ disvā buddhā uṭṭhāyāsanā tiṭṭhanti vā caṅkamaṃ vā adhiṭṭhahanti. Iti lakkhaṇadassanānurūpe iriyāpathe vattamānassa addasa. Yebhuyyenāti pāyena, bahukāni addasa, appāni na addasāti attho. Tato yāni na addasa, tesaṃ dīpanatthaṃ vuttaṃ ṭhapetvā dveti. Kaṅkhatīti ‘‘aho vata passeyya’’nti patthanaṃ uppādeti. Vicikicchatīti tato tato tāni vicinanto kicchati na sakkoti daṭṭhuṃ. Nādhimuccatīti tāya vicikicchāya sanniṭṭhānaṃ na gacchati. Na sampasīdatīti tato ‘‘paripuṇṇalakkhaṇo aya’’nti bhagavati pasādaṃ nāpajjati. Kaṅkhāya vā dubbalā vimati vuttā, vicikicchāya majjhimā, anadhimuccanatāya balavatī, asampasādena tehi tīhi dhammehi cittassa kālussiyabhāvo. Kosohiteti vatthikosena paṭicchanne. Vatthaguyheti aṅgajāte. Bhagavato hi vāraṇasseva kosohitavatthaguyhaṃ suvaṇṇavaṇṇaṃ padumagabbhasamānaṃ, taṃ so vatthapaṭicchannattā, antomukhagatāya ca jivhāya pahūtabhāvaṃ asallakkhento tesu dvīsu lakkhaṇesu kaṅkhī ahosi vicikicchī.

    อถ โข ภควาติ อถ ภควา จิเนฺตสิ – ‘‘สจาหํ อิมสฺส เอตานิ เทฺว ลกฺขณานิ น ทเสฺสสฺสามิ, นิกฺกโงฺข น ภวิสฺสติฯ เอตสฺส กงฺขาย สติ อาจริโยปิสฺส นิกฺกโงฺข น ภวิสฺสติ, อถ มํ ทสฺสนาย น อาคมิสฺสติ, อนาคโต ธมฺมํ น โสสฺสติ, ธมฺมํ อสุณโนฺต ตีณิ สามญฺญผลานิ น สจฺฉิกริสฺสติฯ เอตสฺมิํ ปน นิกฺกเงฺข อาจริโยปิสฺส นิกฺกโงฺข มํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ตีณิ สามญฺญผลานิ สจฺฉิกริสฺสติฯ เอตทตฺถํเยว จ มยา ปารมิโย ปูริตาฯ ทเสฺสสฺสามิสฺส ตานิ ลกฺขณานี’’ติฯ

    Atha kho bhagavāti atha bhagavā cintesi – ‘‘sacāhaṃ imassa etāni dve lakkhaṇāni na dassessāmi, nikkaṅkho na bhavissati. Etassa kaṅkhāya sati ācariyopissa nikkaṅkho na bhavissati, atha maṃ dassanāya na āgamissati, anāgato dhammaṃ na sossati, dhammaṃ asuṇanto tīṇi sāmaññaphalāni na sacchikarissati. Etasmiṃ pana nikkaṅkhe ācariyopissa nikkaṅkho maṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ sutvā tīṇi sāmaññaphalāni sacchikarissati. Etadatthaṃyeva ca mayā pāramiyo pūritā. Dassessāmissa tāni lakkhaṇānī’’ti.

    ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารมกาสิฯ กถํรูปํ? กิเมตฺถ อเญฺญน วตฺตพฺพํ? วุตฺตเมตํ นาคเสนเตฺถเรเนว มิลินฺทรญฺญา ปุเฎฺฐน –

    Tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāramakāsi. Kathaṃrūpaṃ? Kimettha aññena vattabbaṃ? Vuttametaṃ nāgasenatthereneva milindaraññā puṭṭhena –

    อาห จ ทุกฺกรํ, ภเนฺต นาคเสน, ภควตา กตนฺติฯ กิํ มหาราชาติ? มหาชเนน หิริกรโณกาสํ พฺรหฺมายุพฺราหฺมณสฺส จ อเนฺตวาสิอุตฺตรสฺส จ พาวริยสฺส อเนฺตวาสีนํ โสฬสพฺราหฺมณานญฺจ เสลสฺส จ พฺราหฺมณสฺส อเนฺตวาสีนํ ติสตมาณวานญฺจ ทเสฺสสิ, ภเนฺตติฯ น, มหาราช, ภควา คุยฺหํ ทเสฺสติ, ฉายํ ภควา ทเสฺสติ, อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา นิวาสนนิวตฺถํ กายพนฺธนพทฺธํ จีวรปารุตํ ฉายารูปกมตฺตํ ทเสฺสสิ มหาราชาติฯ ฉายํ ทิเฎฺฐ สติ ทิโฎฺฐเยวฯ นนุ, ภเนฺตติ? ติฎฺฐเตตํ, มหาราช, หทยรูปํ ทิสฺวา พุชฺฌนกสโตฺต ภเวยฺย, หทยมํสํ นีหริตฺวา ทเสฺสยฺย สมฺมาสมฺพุโทฺธติฯ กโลฺลสิ, ภเนฺต นาคเสนาติฯ

    Āha ca dukkaraṃ, bhante nāgasena, bhagavatā katanti. Kiṃ mahārājāti? Mahājanena hirikaraṇokāsaṃ brahmāyubrāhmaṇassa ca antevāsiuttarassa ca bāvariyassa antevāsīnaṃ soḷasabrāhmaṇānañca selassa ca brāhmaṇassa antevāsīnaṃ tisatamāṇavānañca dassesi, bhanteti. Na, mahārāja, bhagavā guyhaṃ dasseti, chāyaṃ bhagavā dasseti, iddhiyā abhisaṅkharitvā nivāsananivatthaṃ kāyabandhanabaddhaṃ cīvarapārutaṃ chāyārūpakamattaṃ dassesi mahārājāti. Chāyaṃ diṭṭhe sati diṭṭhoyeva. Nanu, bhanteti? Tiṭṭhatetaṃ, mahārāja, hadayarūpaṃ disvā bujjhanakasatto bhaveyya, hadayamaṃsaṃ nīharitvā dasseyya sammāsambuddhoti. Kallosi, bhante nāgasenāti.

    นินฺนาเมตฺวาติ นีหริตฺวาฯ อนุมสีติ กถินสูจิํ วิย กตฺวา อนุมชฺชิฯ ตถา กรเณน เจตฺถ มุทุภาโว, กณฺณโสตานุมสเนน ทีฆภาโว, นาสิกโสตานุมสเนน ตนุภาโว, นลาฎจฺฉาทเนน ปุถุลภาโว ปกาสิโตติ เวทิตโพฺพฯ อุโภปิ กณฺณโสตานีติอาทีสุ เจตฺถ พุทฺธานํ กณฺณโสเตสุ มลํ วา ชลฺลิกา วา นตฺถิ, โธวิตฺวา ฐปิตรชตปนาฬิกา วิย โหนฺติ, ตถา นาสิกโสเตสุ, ตานิปิ หิ สุปริกมฺมกตกญฺจนปนาฬิกา วิย จ มณิปนาฬิกา วิย จ โหนฺติฯ ตสฺมา ชิวฺหํ นีหริตฺวา กถินสูจิํ วิย กตฺวา มุขปริยเนฺต อุปสํหรโนฺต ทกฺขิณกณฺณโสตํ ปเวเสตฺวา ตโต นีหริตฺวา วามกณฺณโสตํ ปเวเสสิ, ตโต นีหริตฺวา ทกฺขิณนาสิกโสตํ ปเวเสตฺวา ตโต นีหริตฺวา วามนาสิกโสตํ ปเวเสสิ, ตโต นีหริตฺวา ปุถุลภาวํ ทเสฺสโนฺต รตฺตวลาหเกน อฑฺฒจนฺทํ วิย จ สุวณฺณปตฺตํ วิย จ รตฺตกมฺพลปฎเลน วิชฺชุโชตสทิสาย ชิวฺหาย เกวลกปฺปํ นลาฎมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทสิฯ

    Ninnāmetvāti nīharitvā. Anumasīti kathinasūciṃ viya katvā anumajji. Tathā karaṇena cettha mudubhāvo, kaṇṇasotānumasanena dīghabhāvo, nāsikasotānumasanena tanubhāvo, nalāṭacchādanena puthulabhāvo pakāsitoti veditabbo. Ubhopi kaṇṇasotānītiādīsu cettha buddhānaṃ kaṇṇasotesu malaṃ vā jallikā vā natthi, dhovitvā ṭhapitarajatapanāḷikā viya honti, tathā nāsikasotesu, tānipi hi suparikammakatakañcanapanāḷikā viya ca maṇipanāḷikā viya ca honti. Tasmā jivhaṃ nīharitvā kathinasūciṃ viya katvā mukhapariyante upasaṃharanto dakkhiṇakaṇṇasotaṃ pavesetvā tato nīharitvā vāmakaṇṇasotaṃ pavesesi, tato nīharitvā dakkhiṇanāsikasotaṃ pavesetvā tato nīharitvā vāmanāsikasotaṃ pavesesi, tato nīharitvā puthulabhāvaṃ dassento rattavalāhakena aḍḍhacandaṃ viya ca suvaṇṇapattaṃ viya ca rattakambalapaṭalena vijjujotasadisāya jivhāya kevalakappaṃ nalāṭamaṇḍalaṃ paṭicchādesi.

    ยํนูนาหนฺติ กสฺมา จิเนฺตสิ? อหญฺหิ มหาปุริสลกฺขณานิ สมเนฺนสิตฺวา คโต ‘‘ทิฎฺฐานิ เต, ตาต, มหาปุริสลกฺขณานี’’ติ อาจริเยน ปุจฺฉิโต ‘‘อาม, อาจริยา’’ติ วตฺตุํ สกฺขิสฺสามิฯ สเจ ปน มํ ‘‘กิริยากรณมสฺส กีทิส’’นฺติ ปุจฺฉิสฺสติ , ตํ วตฺตุํ น สกฺขิสฺสามิ, น ชานามีติ วุเตฺต ปน อาจริโย กุชฺฌิสฺสติ ‘‘นนุ ตฺวํ มยา สพฺพเมฺปตํ ชานนตฺถาย เปสิโต, กสฺมา อชานิตฺวา อาคโตสี’’ติ, ตสฺมา ยนฺนูนาหนฺติ จิเนฺตตฺวา อนุพนฺธิฯ ภควา นฺหานฎฺฐานํ มุขโธวนฎฺฐานํ สรีรปฎิชคฺคนฎฺฐานํ ราชราชมหามตฺตาทีนํ โอโรเธหิ สทฺธิํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนฎฺฐานนฺติ อิมานิ จตฺตาริ ฐานานิ ฐเปตฺวา เสสฎฺฐาเนสุ อนฺตมโส เอกคนฺธกุฎิยมฺปิ โอกาสมกาสิฯ

    Yaṃnūnāhanti kasmā cintesi? Ahañhi mahāpurisalakkhaṇāni samannesitvā gato ‘‘diṭṭhāni te, tāta, mahāpurisalakkhaṇānī’’ti ācariyena pucchito ‘‘āma, ācariyā’’ti vattuṃ sakkhissāmi. Sace pana maṃ ‘‘kiriyākaraṇamassa kīdisa’’nti pucchissati , taṃ vattuṃ na sakkhissāmi, na jānāmīti vutte pana ācariyo kujjhissati ‘‘nanu tvaṃ mayā sabbampetaṃ jānanatthāya pesito, kasmā ajānitvā āgatosī’’ti, tasmā yannūnāhanti cintetvā anubandhi. Bhagavā nhānaṭṭhānaṃ mukhadhovanaṭṭhānaṃ sarīrapaṭijagganaṭṭhānaṃ rājarājamahāmattādīnaṃ orodhehi saddhiṃ parivāretvā nisinnaṭṭhānanti imāni cattāri ṭhānāni ṭhapetvā sesaṭṭhānesu antamaso ekagandhakuṭiyampi okāsamakāsi.

    คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล – ‘‘อยํ กิร พฺรหฺมายุพฺราหฺมณสฺส มาณโว อุตฺตโร นาม ‘พุโทฺธ วา โน วา’ติ ตถาคตสฺส พุทฺธภาวํ วีมํสโนฺต จรติ, พุทฺธวีมํสโก นามาย’’นฺติ ปากโฎ ชาโตฯ ยมฺหิ ยมฺหิ ฐาเน พุทฺธา วสนฺติ, ปญฺจ กิจฺจานิ กตาเนว โหนฺติ, ตานิ เหฎฺฐา ทสฺสิตาเนว ฯ ตตฺถ ปจฺฉาภตฺตํ อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ทนฺตขจิตํ จิตฺตพีชนิํ คเหตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสเนฺต ภควติ อุตฺตโรปิ อวิทูเร นิสีทติฯ ธมฺมสฺสวนปริโยสาเน สทฺธา มนุสฺสา สฺวาตนาย ภควนฺตํ นิมเนฺตตฺวา มาณวมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทนฺติ – ‘‘ตาต, อเมฺหหิ ภควา นิมนฺติโต, ตฺวมฺปิ ภควตา สทฺธิํ อาคนฺตฺวา อมฺหากํ เคเห ภตฺตํ คเณฺหยฺยาสี’’ติฯ ปุนทิวเส ตถาคโต ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต คามํ ปวิสติ, อุตฺตโรปิ ปทวาเร ปทวาเร ปริคฺคณฺหโนฺต ปทานุปทิโก อนุพนฺธติฯ กุลเคหํ ปวิฎฺฐกาเล ทกฺขิโณทกคฺคหณํ อาทิํ กตฺวา สพฺพํ โอโลเกโนฺต นิสีทติฯ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ตถาคตสฺส ปตฺตํ ภูมิยํ ฐเปตฺวา นิสินฺนกาเล มาณวกสฺส ปาตราสภตฺตํ สเชฺชนฺติฯ โส เอกมเนฺต นิสิโนฺน ภุญฺชิตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ฐตฺวา ภตฺตานุโมทนํ สุตฺวา ภควตา สทฺธิํเยว วิหารํ คจฺฉติฯ

    Gacchante gacchante kāle – ‘‘ayaṃ kira brahmāyubrāhmaṇassa māṇavo uttaro nāma ‘buddho vā no vā’ti tathāgatassa buddhabhāvaṃ vīmaṃsanto carati, buddhavīmaṃsako nāmāya’’nti pākaṭo jāto. Yamhi yamhi ṭhāne buddhā vasanti, pañca kiccāni katāneva honti, tāni heṭṭhā dassitāneva . Tattha pacchābhattaṃ alaṅkatadhammāsane nisīditvā dantakhacitaṃ cittabījaniṃ gahetvā mahājanassa dhammaṃ desente bhagavati uttaropi avidūre nisīdati. Dhammassavanapariyosāne saddhā manussā svātanāya bhagavantaṃ nimantetvā māṇavampi upasaṅkamitvā evaṃ vadanti – ‘‘tāta, amhehi bhagavā nimantito, tvampi bhagavatā saddhiṃ āgantvā amhākaṃ gehe bhattaṃ gaṇheyyāsī’’ti. Punadivase tathāgato bhikkhusaṅghaparivuto gāmaṃ pavisati, uttaropi padavāre padavāre pariggaṇhanto padānupadiko anubandhati. Kulagehaṃ paviṭṭhakāle dakkhiṇodakaggahaṇaṃ ādiṃ katvā sabbaṃ olokento nisīdati. Bhattakiccāvasāne tathāgatassa pattaṃ bhūmiyaṃ ṭhapetvā nisinnakāle māṇavakassa pātarāsabhattaṃ sajjenti. So ekamante nisinno bhuñjitvā puna āgantvā satthu santike ṭhatvā bhattānumodanaṃ sutvā bhagavatā saddhiṃyeva vihāraṃ gacchati.

    ตตฺถ ภควา ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสานํ อาคเมโนฺต คนฺธมณฺฑลมาเฬ นิสีทติฯ ภิกฺขูหิ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฎิสาเมตฺวา อาคมฺม วนฺทิตฺวา กาเล อาโรจิเต ภควา คนฺธกุฎิํ ปวิสติ, มาณโวปิ ภควตา สทฺธิํเยว คจฺฉติฯ ภควา ปริวาเรตฺวา อาคตํ ภิกฺขุสงฺฆํ คนฺธกุฎิปฺปมุเข ฐิโต โอวทิตฺวา อุโยฺยเชตฺวา คนฺธกุฎิํ ปวิสติ, มาณโวปิ ปวิสติฯ ภควา ขุทฺทกมเญฺจ อปฺปมตฺตกํ กาลํ นิสีทติ, มาณโวปิ อวิทูเร โอโลเกโนฺต นิสีทติฯ ภควา มุหุตฺตํ นิสีทิตฺวา สีโสกฺกมนํ ทเสฺสติ, – ‘‘โภโต โคตมสฺส วิหารเวลา ภวิสฺสตี’’ติ มาณโว คนฺธกุฎิทฺวารํ ปิทหโนฺต นิกฺขมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทติฯ มนุสฺสา ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ภุตฺตปาตราสา สมาทินฺนอุโปสถงฺคา สุทฺธุตฺตราสงฺคา มาลาคนฺธาทิหตฺถา ธมฺมํ สุณิสฺสามาติ วิหารํ อาคจฺฉนฺติ, จกฺกวตฺติโน ขนฺธาวารฎฺฐานํ วิย โหติฯ

    Tattha bhagavā bhikkhūnaṃ bhattakiccapariyosānaṃ āgamento gandhamaṇḍalamāḷe nisīdati. Bhikkhūhi bhattakiccaṃ katvā pattacīvaraṃ paṭisāmetvā āgamma vanditvā kāle ārocite bhagavā gandhakuṭiṃ pavisati, māṇavopi bhagavatā saddhiṃyeva gacchati. Bhagavā parivāretvā āgataṃ bhikkhusaṅghaṃ gandhakuṭippamukhe ṭhito ovaditvā uyyojetvā gandhakuṭiṃ pavisati, māṇavopi pavisati. Bhagavā khuddakamañce appamattakaṃ kālaṃ nisīdati, māṇavopi avidūre olokento nisīdati. Bhagavā muhuttaṃ nisīditvā sīsokkamanaṃ dasseti, – ‘‘bhoto gotamassa vihāravelā bhavissatī’’ti māṇavo gandhakuṭidvāraṃ pidahanto nikkhamitvā ekamantaṃ nisīdati. Manussā purebhattaṃ dānaṃ datvā bhuttapātarāsā samādinnauposathaṅgā suddhuttarāsaṅgā mālāgandhādihatthā dhammaṃ suṇissāmāti vihāraṃ āgacchanti, cakkavattino khandhāvāraṭṭhānaṃ viya hoti.

    ภควา มุหุตฺตํ สีหเสยฺยํ กเปฺปตฺวา วุฎฺฐาย ปุพฺพภาเคน ปริจฺฉินฺทิตฺวา สมาปตฺติํ สมาปชฺชติฯ สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย มหาชนสฺส อาคตภาวํ ญตฺวา คนฺธกุฎิโต นิกฺขมฺม มหาชนปริวุโต คนฺธมณฺฑลมาฬํ คนฺตฺวา ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสนคโต ปริสาย ธมฺมํ เทเสติฯ มาณโวปิ อวิทูเร นิสีทิตฺวา – ‘‘กิํ นุ โข สมโณ โคตโม เคหสฺสิตวเสน ปริสํ อุสฺสาเทโนฺต วา อปสาเทโนฺต วา ธมฺมํ เทเสติ, อุทาหุ โน’’ติ อกฺขรกฺขรํ ปทํ ปทํ ปริคฺคณฺหาติฯ ภควา ตถาวิธํ กถํ อกเถตฺวาว กาลํ ญตฺวา เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ มาณโว อิมินา นิยาเมน ปริคฺคณฺหโนฺต สตฺต มาเส เอกโต วิจริตฺวา ภควโต กายทฺวาราทีสุ อณุมตฺตมฺปิ อวกฺขลิตํ น อทฺทสฯ อนจฺฉริยเญฺจตํ, ยํ พุทฺธภูตสฺส มนุสฺสภูโต มาณโว น ปเสฺสยฺย, ยสฺส โพธิสตฺตภูตสฺส ฉพฺพสฺสานิ ปธานภูมิยํ อมนุสฺสภูโต มาโร เทวปุโตฺต เคหสฺสิตวิตกฺกมตฺตมฺปิ อทิสฺวา พุทฺธภูตํ เอกสํวจฺฉรํ อนุพนฺธิตฺวา กิญฺจิ อปสฺสโนฺต –

    Bhagavā muhuttaṃ sīhaseyyaṃ kappetvā vuṭṭhāya pubbabhāgena paricchinditvā samāpattiṃ samāpajjati. Samāpattito vuṭṭhāya mahājanassa āgatabhāvaṃ ñatvā gandhakuṭito nikkhamma mahājanaparivuto gandhamaṇḍalamāḷaṃ gantvā paññattavarabuddhāsanagato parisāya dhammaṃ deseti. Māṇavopi avidūre nisīditvā – ‘‘kiṃ nu kho samaṇo gotamo gehassitavasena parisaṃ ussādento vā apasādento vā dhammaṃ deseti, udāhu no’’ti akkharakkharaṃ padaṃ padaṃ pariggaṇhāti. Bhagavā tathāvidhaṃ kathaṃ akathetvāva kālaṃ ñatvā desanaṃ niṭṭhāpesi. Māṇavo iminā niyāmena pariggaṇhanto satta māse ekato vicaritvā bhagavato kāyadvārādīsu aṇumattampi avakkhalitaṃ na addasa. Anacchariyañcetaṃ, yaṃ buddhabhūtassa manussabhūto māṇavo na passeyya, yassa bodhisattabhūtassa chabbassāni padhānabhūmiyaṃ amanussabhūto māro devaputto gehassitavitakkamattampi adisvā buddhabhūtaṃ ekasaṃvaccharaṃ anubandhitvā kiñci apassanto –

    ‘‘สตฺต วสฺสานิ ภควนฺตํ, อนุพนฺธิํ ปทาปทํ;

    ‘‘Satta vassāni bhagavantaṃ, anubandhiṃ padāpadaṃ;

    โอตารํ นาธิคจฺฉิสฺสํ, สมฺพุทฺธสฺส สตีมโต’’ติฯ (สุ. นิ. ๔๔๘) –

    Otāraṃ nādhigacchissaṃ, sambuddhassa satīmato’’ti. (su. ni. 448) –

    อาทิคาถาโย วตฺวา ปกฺกามิฯ ตโต มาณโว จิเนฺตสิ – ‘‘อหํ ภวนฺตํ โคตมํ สตฺต มาเส อนุพนฺธมาโน กิญฺจิ วชฺชํ น ปสฺสามิฯ สเจ ปนาหํ อเญฺญปิ สตฺต มาเส สตฺต วา วสฺสานิ วสฺสสตํ วา วสฺสสหสฺสํ วา อนุพเนฺธยฺยํ, เนวสฺส วชฺชํ ปเสฺสยฺยํฯ อาจริโย โข ปนสฺส เม มหลฺลโก, โยคเกฺขมํ นาม น สกฺกา ชานิตุํฯ สมณสฺส โคตมสฺส สภาวคุเณเนว พุทฺธภาวํ วตฺวา มยฺหํ อาจริยสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ ภควนฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิฯ

    Ādigāthāyo vatvā pakkāmi. Tato māṇavo cintesi – ‘‘ahaṃ bhavantaṃ gotamaṃ satta māse anubandhamāno kiñci vajjaṃ na passāmi. Sace panāhaṃ aññepi satta māse satta vā vassāni vassasataṃ vā vassasahassaṃ vā anubandheyyaṃ, nevassa vajjaṃ passeyyaṃ. Ācariyo kho panassa me mahallako, yogakkhemaṃ nāma na sakkā jānituṃ. Samaṇassa gotamassa sabhāvaguṇeneva buddhabhāvaṃ vatvā mayhaṃ ācariyassa ārocessāmī’’ti bhagavantaṃ āpucchitvā bhikkhusaṅghaṃ vanditvā nikkhami.

    อาจริยสฺส สนฺติกญฺจ ปน คนฺตฺวา – ‘‘กจฺจิ, ตาต อุตฺตร, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถาสนฺตํเยว สโทฺท อพฺภุคฺคโต’’ติ ปุจฺฉิโต, ‘‘อาจริย, กิํ วเทสิ? จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ, ภวคฺคํ อตินีจํ, ตสฺส หิ, โภโต โคตมสฺส อากาสํ วิย อปริยโนฺต คุณคโณฯ ตถาสนฺตํเยว, โภ, ตํ ภวนฺตํ โคตม’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ยถาทิฎฺฐานิ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ ปฎิปาฎิยา อาจิกฺขิตฺวา กิริยสมาจารํ อาจิกฺขิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อุตฺตโร มาณโว…เป.… เอทิโส จ เอทิโส จ ภวํ โคตโม ตโต จ ภิโยฺย’’ติฯ

    Ācariyassa santikañca pana gantvā – ‘‘kacci, tāta uttara, taṃ bhavantaṃ gotamaṃ tathāsantaṃyeva saddo abbhuggato’’ti pucchito, ‘‘ācariya, kiṃ vadesi? Cakkavāḷaṃ atisambādhaṃ, bhavaggaṃ atinīcaṃ, tassa hi, bhoto gotamassa ākāsaṃ viya apariyanto guṇagaṇo. Tathāsantaṃyeva, bho, taṃ bhavantaṃ gotama’’ntiādīni vatvā yathādiṭṭhāni dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni paṭipāṭiyā ācikkhitvā kiriyasamācāraṃ ācikkhi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho uttaro māṇavo…pe… ediso ca ediso ca bhavaṃ gotamo tato ca bhiyyo’’ti.

    ๓๘๖. ตตฺถ สุปฺปติฎฺฐิตปาโทติ ยถา หิ อเญฺญสํ ภูมิยํ ปาทํ ฐเปนฺตานํ อคฺคตลํ วา ปณฺหิ วา ปสฺสํ วา ปฐมํ ผุสติ, เวมชฺฌํ วา ปน ฉิทฺทํ โหติ, อุกฺขิปนฺตานมฺปิ อคฺคตลาทีสุ เอกโกฎฺฐาโสว ปฐมํ อุฎฺฐหติ, น เอวํ ตสฺสฯ ตสฺส ปน สุวณฺณปาทุกตลํ วิย เอกปฺปหาเรเนว สกลํ ปาทตลํ ภูมิํ ผุสติ, ภูมิโต อุฎฺฐหติฯ ตสฺมา ‘‘สุปฺปติฎฺฐิตปาโท โข ปน โส ภวํ โคตโม’’ติ วทติฯ

    386. Tattha suppatiṭṭhitapādoti yathā hi aññesaṃ bhūmiyaṃ pādaṃ ṭhapentānaṃ aggatalaṃ vā paṇhi vā passaṃ vā paṭhamaṃ phusati, vemajjhaṃ vā pana chiddaṃ hoti, ukkhipantānampi aggatalādīsu ekakoṭṭhāsova paṭhamaṃ uṭṭhahati, na evaṃ tassa. Tassa pana suvaṇṇapādukatalaṃ viya ekappahāreneva sakalaṃ pādatalaṃ bhūmiṃ phusati, bhūmito uṭṭhahati. Tasmā ‘‘suppatiṭṭhitapādo kho pana so bhavaṃ gotamo’’ti vadati.

    ตตฺริทํ ภควโต สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาย – สเจปิ หิ ภควา อเนกสตโปริสํ นรกํ อกฺกมิสฺสามีติ ปาทํ นีหรติ, ตาวเทว นินฺนฎฺฐานํ วาตปูริตํ วิย กมฺมารภสฺตํ อุนฺนมิตฺวา ปถวีสมํ โหติ, อุนฺนตฎฺฐานมฺปิ อโนฺต ปวิสติฯ ทูเร อกฺกมิสฺสามีติ อภินีหรนฺตสฺส สิเนรุปฺปมาโณปิ ปพฺพโต เสทิตเวตฺตงฺกุโร วิย นมิตฺวา ปาทสมีปํ อาคจฺฉติฯ ตถา หิสฺส ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวา ยุคนฺธรปพฺพตํ อกฺกมิสฺสามีติ ปาเท อภินีหรโต ปพฺพโต นมิตฺวา ปาทสมีปํ อาคโต, โส ตํ อกฺกมิตฺวา ทุติยปาเทน ตาวติํสภวนํ อกฺกมิฯ น หิ จกฺกลกฺขเณน ปติฎฺฐาตพฺพฎฺฐานํ วิสมํ ภวิตุํ สโกฺกติฯ ขาณุ วา กณฺฑโก วา สกฺขรกถลา วา อุจฺจารปสฺสาโว วา เขฬสิงฺฆาณิกาทีนิ วา ปุริมตราว อปคจฺฉนฺติ, ตตฺถ ตเตฺถว จ ปถวิํ ปวิสนฺติฯ ตถาคตสฺส หิ สีลเตเชน ปญฺญาเตเชน ธมฺมเตเชน ทสนฺนํ ปารมีนํ อานุภาเวน อยํ มหาปถวี สมา มุทุ ปุปฺผาภิกิณฺณา โหติฯ ตตฺร ตถาคโต สมํ ปาทํ นิกฺขิปติ, สมํ อุทฺธรติ, สพฺพาวเนฺตหิ ปาทตเลหิ ภูมิํ ผุสติฯ

    Tatridaṃ bhagavato suppatiṭṭhitapādatāya – sacepi hi bhagavā anekasataporisaṃ narakaṃ akkamissāmīti pādaṃ nīharati, tāvadeva ninnaṭṭhānaṃ vātapūritaṃ viya kammārabhastaṃ unnamitvā pathavīsamaṃ hoti, unnataṭṭhānampi anto pavisati. Dūre akkamissāmīti abhinīharantassa sineruppamāṇopi pabbato seditavettaṅkuro viya namitvā pādasamīpaṃ āgacchati. Tathā hissa yamakapāṭihāriyaṃ katvā yugandharapabbataṃ akkamissāmīti pāde abhinīharato pabbato namitvā pādasamīpaṃ āgato, so taṃ akkamitvā dutiyapādena tāvatiṃsabhavanaṃ akkami. Na hi cakkalakkhaṇena patiṭṭhātabbaṭṭhānaṃ visamaṃ bhavituṃ sakkoti. Khāṇu vā kaṇḍako vā sakkharakathalā vā uccārapassāvo vā kheḷasiṅghāṇikādīni vā purimatarāva apagacchanti, tattha tattheva ca pathaviṃ pavisanti. Tathāgatassa hi sīlatejena paññātejena dhammatejena dasannaṃ pāramīnaṃ ānubhāvena ayaṃ mahāpathavī samā mudu pupphābhikiṇṇā hoti. Tatra tathāgato samaṃ pādaṃ nikkhipati, samaṃ uddharati, sabbāvantehi pādatalehi bhūmiṃ phusati.

    จกฺกานีติ ทฺวีสุ ปาเทสุ เทฺว จกฺกานิฯ เตสํ อรา จ เนมิ จ นาภิ จ ปาฬิยํ วุตฺตาวฯ สพฺพาการปริปูรานีติ อิมินา ปน อยํ วิเสโส เวทิตโพฺพ – เตสํ กิร จกฺกานํ ปาทตลสฺส มเชฺฌ นาภิ ทิสฺสติ, นาภิปริจฺฉินฺนา วฎฺฎเลขา ทิสฺสติ, นาภิมุขปริเกฺขปปโฎฺฎ ทิสฺสติ, ปนาฬิมุขํ ทิสฺสติ, อรา ทิสฺสนฺติ, อเรสุ วฎฺฎเลขา ทิสฺสนฺติ, เนมี ทิสฺสนฺติ, เนมิมณิกา ทิสฺสนฺติฯ อิทํ ตาว ปาฬิอาคตเมวฯ

    Cakkānīti dvīsu pādesu dve cakkāni. Tesaṃ arā ca nemi ca nābhi ca pāḷiyaṃ vuttāva. Sabbākāraparipūrānīti iminā pana ayaṃ viseso veditabbo – tesaṃ kira cakkānaṃ pādatalassa majjhe nābhi dissati, nābhiparicchinnā vaṭṭalekhā dissati, nābhimukhaparikkhepapaṭṭo dissati, panāḷimukhaṃ dissati, arā dissanti, aresu vaṭṭalekhā dissanti, nemī dissanti, nemimaṇikā dissanti. Idaṃ tāva pāḷiāgatameva.

    สมฺพหุลวาโร ปน อนาคโต, โส เอวํ ทฎฺฐโพฺพ – สตฺติ สิริ วโจฺฉ นนฺทิ โสวตฺติโก วฎํสโก วฑฺฒมานกํ มจฺฉยุคลํ ภทฺทปีฐํ องฺกุสํ โตมโร ปาสาโท โตรณํ เสตจฺฉตฺตํ ขโคฺค ตาลวณฺฎํ โมรหตฺถโก วาฬพีชนี อุณฺหีสํ ปโตฺต มณิ กุสุมทามํ นีลุปฺปลํ รตฺตุปฺปลํ เสตุปฺปลํ ปทุมํ ปุณฺฑรีกํ ปุณฺณฆโฎ ปุณฺณปาติ สมุโทฺท จกฺกวาโฬ หิมวา สิเนรุ จนฺทิมสูริยา นกฺขตฺตานิ จตฺตาโร มหาทีปา เทฺวปริตฺตทีปสหสฺสานิ, อนฺตมโส จกฺกวตฺติรโญฺญ ปริสํ อุปาทาย สโพฺพ จกฺกลกฺขณเสฺสว ปริวาโรฯ

    Sambahulavāro pana anāgato, so evaṃ daṭṭhabbo – satti siri vaccho nandi sovattiko vaṭaṃsako vaḍḍhamānakaṃ macchayugalaṃ bhaddapīṭhaṃ aṅkusaṃ tomaro pāsādo toraṇaṃ setacchattaṃ khaggo tālavaṇṭaṃ morahatthako vāḷabījanī uṇhīsaṃ patto maṇi kusumadāmaṃ nīluppalaṃ rattuppalaṃ setuppalaṃ padumaṃ puṇḍarīkaṃ puṇṇaghaṭo puṇṇapāti samuddo cakkavāḷo himavā sineru candimasūriyā nakkhattāni cattāro mahādīpā dveparittadīpasahassāni, antamaso cakkavattirañño parisaṃ upādāya sabbo cakkalakkhaṇasseva parivāro.

    อายตปณฺหีติ ทีฆปณฺหิ, ปริปุณฺณปณฺหีติ อโตฺถฯ ยถา หิ อเญฺญสํ อคฺคปาโท ทีโฆ โหติ, ปณฺหิมตฺถเก ชงฺฆา ปติฎฺฐาติ, ปณฺหิ ตเจฺฉตฺวา ฐปิตา วิย โหติ, น เอวํ ตถาคตสฺส ฯ ตถาคตสฺส ปน จตูสุ โกฎฺฐาเสสุ เทฺว โกฎฺฐาสา อคฺคปาโท โหติ, ตติเย โกฎฺฐาเส ชงฺฆา ปติฎฺฐาติ, จตุเตฺถ โกฎฺฐาเส อารเคฺคน วเฎฺฎตฺวา ฐปิตา วิย รตฺตกมฺพเล เคณฺฑุกสทิสา ปณฺหิ โหติฯ

    Āyatapaṇhīti dīghapaṇhi, paripuṇṇapaṇhīti attho. Yathā hi aññesaṃ aggapādo dīgho hoti, paṇhimatthake jaṅghā patiṭṭhāti, paṇhi tacchetvā ṭhapitā viya hoti, na evaṃ tathāgatassa . Tathāgatassa pana catūsu koṭṭhāsesu dve koṭṭhāsā aggapādo hoti, tatiye koṭṭhāse jaṅghā patiṭṭhāti, catutthe koṭṭhāse āraggena vaṭṭetvā ṭhapitā viya rattakambale geṇḍukasadisā paṇhi hoti.

    ทีฆงฺคุลีติ ยถา อเญฺญสํ กาจิ องฺคุลิ ทีฆา โหติ, กาจิ รสฺสา, น เอวํ ตถาคตสฺสฯ ตถาคตสฺส ปน มกฺกฎเสฺสว ทีฆหตฺถปาทงฺคุลิโย มูเล ถูลา อนุปุเพฺพน คนฺตฺวา อเคฺค ตนุกา นิยฺยาสเตเลน มทฺทิตฺวา วฎฺฎิตหริตาลวฎฺฎิสทิสา โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทีฆงฺคุลี’’ติฯ

    Dīghaṅgulīti yathā aññesaṃ kāci aṅguli dīghā hoti, kāci rassā, na evaṃ tathāgatassa. Tathāgatassa pana makkaṭasseva dīghahatthapādaṅguliyo mūle thūlā anupubbena gantvā agge tanukā niyyāsatelena madditvā vaṭṭitaharitālavaṭṭisadisā honti. Tena vuttaṃ ‘‘dīghaṅgulī’’ti.

    มุทุตลุนหตฺถปาโทติ สปฺปิมเณฺฑ โอสาเทตฺวา ฐปิตํ สตวารวิหตกปฺปาสปฎลํ วิย มุทู, ชาตมตฺตกุมารสฺส วิย จ นิจฺจกาลํ ตลุนา จ หตฺถปาทา อสฺสาติ มุทุตลุนหตฺถปาโทฯ

    Mudutalunahatthapādoti sappimaṇḍe osādetvā ṭhapitaṃ satavāravihatakappāsapaṭalaṃ viya mudū, jātamattakumārassa viya ca niccakālaṃ talunā ca hatthapādā assāti mudutalunahatthapādo.

    ชาลหตฺถปาโทติ น จเมฺมน ปฎิพทฺธองฺคุลนฺตโรฯ เอทิโส หิ ผณหตฺถโก ปุริสโทเสน อุปหโต ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภติฯ ตถาคตสฺส ปน จตโสฺส หตฺถงฺคุลิโย ปญฺจปิ ปาทงฺคุลิโย เอกปฺปมาณา โหนฺติ, ตาสํ เอกปฺปมาณตฺตาย ยวลกฺขณํ อญฺญมญฺญํ ปฎิวิชฺฌิตฺวา ติฎฺฐติฯ อถสฺส หตฺถปาทา กุสเลน วฑฺฒกินา โยชิตชาลวาตปานสทิสา โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ชาลหตฺถปาโท’’ติฯ

    Jālahatthapādoti na cammena paṭibaddhaaṅgulantaro. Ediso hi phaṇahatthako purisadosena upahato pabbajjampi na labhati. Tathāgatassa pana catasso hatthaṅguliyo pañcapi pādaṅguliyo ekappamāṇā honti, tāsaṃ ekappamāṇattāya yavalakkhaṇaṃ aññamaññaṃ paṭivijjhitvā tiṭṭhati. Athassa hatthapādā kusalena vaḍḍhakinā yojitajālavātapānasadisā honti. Tena vuttaṃ ‘‘jālahatthapādo’’ti.

    อุทฺธํ ปติฎฺฐิตโคปฺผกตฺตา อุสฺสงฺขา ปาทา อสฺสาติ อุสฺสงฺขปาโทฯ อเญฺญสญฺหิ ปิฎฺฐิปาเท โคปฺผกา โหนฺติฯ เตน เตสํ ปาทา อาณิพทฺธา วิย ถทฺธา โหนฺติ, น ยถาสุขํ ปริวตฺตนฺติ, คจฺฉนฺตานํ ปาทตลานิ น ทิสฺสนฺติ ฯ ตถาคตสฺส ปน อภิรุหิตฺวา อุปริ โคปฺผกา ปติฎฺฐหนฺติฯ เตนสฺส นาภิโต ปฎฺฐาย อุปริมกาโย นาวาย ฐปิตสุวณฺณปฎิมา วิย นิจฺจโล โหติ, อโธกาโยว อิญฺชติฯ สุเขน ปาทา ปริวตฺตนฺติฯ ปุรโตปิ ปจฺฉโตปิ อุภยปเสฺสสุปิ ฐตฺวา ปสฺสนฺตานํ ปาทตลานิ ปญฺญายนฺติ, น หตฺถีนํ วิย ปจฺฉโตเยวฯ

    Uddhaṃ patiṭṭhitagopphakattā ussaṅkhā pādā assāti ussaṅkhapādo. Aññesañhi piṭṭhipāde gopphakā honti. Tena tesaṃ pādā āṇibaddhā viya thaddhā honti, na yathāsukhaṃ parivattanti, gacchantānaṃ pādatalāni na dissanti . Tathāgatassa pana abhiruhitvā upari gopphakā patiṭṭhahanti. Tenassa nābhito paṭṭhāya uparimakāyo nāvāya ṭhapitasuvaṇṇapaṭimā viya niccalo hoti, adhokāyova iñjati. Sukhena pādā parivattanti. Puratopi pacchatopi ubhayapassesupi ṭhatvā passantānaṃ pādatalāni paññāyanti, na hatthīnaṃ viya pacchatoyeva.

    เอณิชโงฺฆติ เอณิมิคสทิสชโงฺฆ มํสุสฺสเทน ปริปุณฺณชโงฺฆ, น เอกโต พทฺธปิณฺฑิกมํโส , สมนฺตโต สมสณฺฐิเตน มํเสน ปริกฺขิตฺตาหิ สุวฎฺฎิตาหิ สาลิคพฺภสทิสาหิ ชงฺฆาหิ สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ

    Eṇijaṅghoti eṇimigasadisajaṅgho maṃsussadena paripuṇṇajaṅgho, na ekato baddhapiṇḍikamaṃso , samantato samasaṇṭhitena maṃsena parikkhittāhi suvaṭṭitāhi sāligabbhasadisāhi jaṅghāhi samannāgatoti attho.

    อโนนมโนฺตติ อนมโนฺตฯ เอเตนสฺส อขุชฺชอวามนภาโว ทีปิโตฯ อวเสสชนา หิ ขุชฺชา วา โหนฺติ วามนา วา, ขุชฺชานํ อุปริมกาโย อปริปุโณฺณ โหติ, วามนานํ เหฎฺฐิมกาโยฯ เต อปริปุณฺณกายตฺตา น สโกฺกนฺติ อโนนมนฺตา ชณฺณุกานิ ปริมชฺชิตุํฯ ตถาคโต ปน ปริปุณฺณอุภยกายตฺตา สโกฺกติฯ

    Anonamantoti anamanto. Etenassa akhujjaavāmanabhāvo dīpito. Avasesajanā hi khujjā vā honti vāmanā vā, khujjānaṃ uparimakāyo aparipuṇṇo hoti, vāmanānaṃ heṭṭhimakāyo. Te aparipuṇṇakāyattā na sakkonti anonamantā jaṇṇukāni parimajjituṃ. Tathāgato pana paripuṇṇaubhayakāyattā sakkoti.

    อุสภวารณาทีนํ วิย สุวณฺณปทุมกณฺณิกสทิเส โกเส โอหิตํ ปฎิจฺฉนฺนํ วตฺถคุยฺหํ อสฺสาติ โกโสหิตวตฺถคุโยฺหฯ วตฺถคุยฺหนฺติ วเตฺถน คูหิตพฺพํ องฺคชาตํ วุจฺจติฯ

    Usabhavāraṇādīnaṃ viya suvaṇṇapadumakaṇṇikasadise kose ohitaṃ paṭicchannaṃ vatthaguyhaṃ assāti kosohitavatthaguyho. Vatthaguyhanti vatthena gūhitabbaṃ aṅgajātaṃ vuccati.

    สุวณฺณวโณฺณติ ชาติหิงฺคุลเกน มชฺชิตฺวา ทีปิทาฐาย ฆํสิตฺวา เครุกปริกมฺมํ กตฺวา ฐปิตฆนสุวณฺณรูปกสทิโสติ อโตฺถฯ เอเตนสฺส ฆนสินิทฺธสณฺหสรีรตํ ทเสฺสตฺวา ฉวิวณฺณทสฺสนตฺถํ กญฺจนสนฺนิภตฺตโจติ วุตฺตํ, ปุริมสฺส วา เววจนเมว เอตํฯ

    Suvaṇṇavaṇṇoti jātihiṅgulakena majjitvā dīpidāṭhāya ghaṃsitvā gerukaparikammaṃ katvā ṭhapitaghanasuvaṇṇarūpakasadisoti attho. Etenassa ghanasiniddhasaṇhasarīrataṃ dassetvā chavivaṇṇadassanatthaṃ kañcanasannibhattacoti vuttaṃ, purimassa vā vevacanameva etaṃ.

    รโชชลฺลนฺติ รโช วา มลํ วาฯ น อุปลิมฺปตีติ น ลคฺคติ, ปทุมปลาสโต อุทกพินฺทุ วิย วิวฎฺฎติฯ หตฺถโธวนปาทโธวนาทีนิ ปน อุตุคฺคหณตฺถาย เจว ทายกานํ ปุญฺญผลตฺถาย จ พุทฺธา กโรนฺติ, วตฺตสีเสนาปิ จ กโรนฺติเยวฯ เสนาสนํ ปวิสเนฺตน หิ ภิกฺขุนา ปาเท โธวิตฺวา ปวิสิตพฺพนฺติ วุตฺตเมตํฯ

    Rajojallanti rajo vā malaṃ vā. Na upalimpatīti na laggati, padumapalāsato udakabindu viya vivaṭṭati. Hatthadhovanapādadhovanādīni pana utuggahaṇatthāya ceva dāyakānaṃ puññaphalatthāya ca buddhā karonti, vattasīsenāpi ca karontiyeva. Senāsanaṃ pavisantena hi bhikkhunā pāde dhovitvā pavisitabbanti vuttametaṃ.

    อุทฺธคฺคโลโมติ อาวฎฺฎปริโยสาเน อุทฺธคฺคานิ หุตฺวา มุขโสภํ อุโลฺลกยมานานิ วิย ฐิตานิ โลมานิ อสฺสาติ อุทฺธคฺคโลโมฯ

    Uddhaggalomoti āvaṭṭapariyosāne uddhaggāni hutvā mukhasobhaṃ ullokayamānāni viya ṭhitāni lomāni assāti uddhaggalomo.

    พฺรหฺมุชุคโตฺตติ พฺรหฺมา วิย อุชุคโตฺต, อุชุเมว อุคฺคตทีฆสรีโรฯ เยภุเยฺยน หิ สตฺตา ขเนฺธ กฎิยํ ชาณูสูติ ตีสุ ฐาเนสุ นมนฺติฯ เต กฎิยํ นมนฺตา ปจฺฉโต นมนฺติ, อิตเรสุ ทฺวีสุ ฐาเนสุ ปุรโตฯ ทีฆสรีรา ปเนเก ปสฺสวงฺกา โหนฺติ, เอเก มุขํ อุนฺนาเมตฺวา นกฺขตฺตานิ คณยนฺตา วิย จรนฺติ, เอเก อปฺปมํสโลหิตา สูลสทิสา โหนฺติ, ปเวธมานา คจฺฉนฺติฯ ตถาคโต ปน อุชุเมว อุคฺคนฺตฺวา ทีฆปฺปมาโณ เทวนคเร อุสฺสิตสุวณฺณโตรณํ วิย โหติฯ

    Brahmujugattoti brahmā viya ujugatto, ujumeva uggatadīghasarīro. Yebhuyyena hi sattā khandhe kaṭiyaṃ jāṇūsūti tīsu ṭhānesu namanti. Te kaṭiyaṃ namantā pacchato namanti, itaresu dvīsu ṭhānesu purato. Dīghasarīrā paneke passavaṅkā honti, eke mukhaṃ unnāmetvā nakkhattāni gaṇayantā viya caranti, eke appamaṃsalohitā sūlasadisā honti, pavedhamānā gacchanti. Tathāgato pana ujumeva uggantvā dīghappamāṇo devanagare ussitasuvaṇṇatoraṇaṃ viya hoti.

    สตฺตุสฺสโทติ เทฺว หตฺถปิฎฺฐิโย เทฺว ปาทปิฎฺฐิโย เทฺว อํสกูฎานิ ขโนฺธติ อิเมสุ สตฺตสุ ฐาเนสุ ปริปุณฺณมํสุสฺสโท อสฺสาติ สตฺตุสฺสโทฯ อเญฺญสํ ปน หตฺถปาทปิฎฺฐีสุ นฺหารุชาลา ปญฺญายนฺติ, อํสกูฎขเนฺธสุ อฎฺฐิโกฎิโย, เต มนุสฺสเปตา วิย ขายนฺติ, น ตถาคโตฯ ตถาคโต ปน สตฺตสุ ฐาเนสุ ปริปุณฺณมํสุสฺสทตฺตา นิคูฬฺหนฺหารุชาเลหิ หตฺถปิฎฺฐาทีหิ วเฎฺฎตฺวา ฐปิตสุวณฺณวณฺณาลิงฺคสทิเสน ขเนฺธน สิลารูปกํ วิย จิตฺตกมฺมรูปกํ วิย จ ขายติฯ

    Sattussadoti dve hatthapiṭṭhiyo dve pādapiṭṭhiyo dve aṃsakūṭāni khandhoti imesu sattasu ṭhānesu paripuṇṇamaṃsussado assāti sattussado. Aññesaṃ pana hatthapādapiṭṭhīsu nhārujālā paññāyanti, aṃsakūṭakhandhesu aṭṭhikoṭiyo, te manussapetā viya khāyanti, na tathāgato. Tathāgato pana sattasu ṭhānesu paripuṇṇamaṃsussadattā nigūḷhanhārujālehi hatthapiṭṭhādīhi vaṭṭetvā ṭhapitasuvaṇṇavaṇṇāliṅgasadisena khandhena silārūpakaṃ viya cittakammarūpakaṃ viya ca khāyati.

    สีหสฺส ปุพฺพทฺธํ วิย กาโย อสฺสาติ สีหปุพฺพทฺธกาโยฯ สีหสฺส หิ ปุรตฺถิมกาโยว ปริปุโณฺณ โหติ, ปจฺฉิมกาโย อปริปุโณฺณฯ ตถาคตสฺส ปน สีหสฺส ปุพฺพทฺธกาโยว สโพฺพ กาโย ปริปุโณฺณฯ โสปิ สีหเสฺสว น ตตฺถ ตตฺถ วินตุนฺนตาทิวเสน ทุสฺสณฺฐิตวิสณฺฐิโต, ทีฆยุตฺตฐาเน ปน ทีโฆ, รสฺสกิสถูลอนุวฎฺฎิตยุตฺตฎฺฐาเนสุ ตถาวิโธว โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Sīhassa pubbaddhaṃ viya kāyo assāti sīhapubbaddhakāyo. Sīhassa hi puratthimakāyova paripuṇṇo hoti, pacchimakāyo aparipuṇṇo. Tathāgatassa pana sīhassa pubbaddhakāyova sabbo kāyo paripuṇṇo. Sopi sīhasseva na tattha tattha vinatunnatādivasena dussaṇṭhitavisaṇṭhito, dīghayuttaṭhāne pana dīgho, rassakisathūlaanuvaṭṭitayuttaṭṭhānesu tathāvidhova hoti. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘มนาปิเย จ โข, ภิกฺขเว, กมฺมวิปาเก ปจฺจุปฎฺฐิเต เยหิ อเงฺคหิ ทีเฆหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ ทีฆานิ สณฺฐหนฺติฯ เยหิ อเงฺคหิ รเสฺสหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ รสฺสานิ สณฺฐหนฺติฯ เยหิ อเงฺคหิ ถูเลหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ ถูลานิ สณฺฐหนฺติฯ เยหิ อเงฺคหิ กิเสหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ กิสานิ สณฺฐหนฺติฯ เยหิ อเงฺคหิ วเฎฺฎหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ วฎฺฎานิ สณฺฐหนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Manāpiye ca kho, bhikkhave, kammavipāke paccupaṭṭhite yehi aṅgehi dīghehi sobhati, tāni aṅgāni dīghāni saṇṭhahanti. Yehi aṅgehi rassehi sobhati, tāni aṅgāni rassāni saṇṭhahanti. Yehi aṅgehi thūlehi sobhati, tāni aṅgāni thūlāni saṇṭhahanti. Yehi aṅgehi kisehi sobhati, tāni aṅgāni kisāni saṇṭhahanti. Yehi aṅgehi vaṭṭehi sobhati, tāni aṅgāni vaṭṭāni saṇṭhahantī’’ti.

    อิติ นานาจิเตฺตน ปุญฺญจิเตฺตน จิตฺติโต ทสหิ ปารมีหิ สชฺชิโต ตถาคตสฺส อตฺตภาโว, ตสฺส โลเก สพฺพสิปฺปิโน วา อิทฺธิมโนฺต วา ปฎิรูปกมฺปิ กาตุํ น สโกฺกนฺติฯ

    Iti nānācittena puññacittena cittito dasahi pāramīhi sajjito tathāgatassa attabhāvo, tassa loke sabbasippino vā iddhimanto vā paṭirūpakampi kātuṃ na sakkonti.

    จิตนฺตรํโสติ อนฺตรํสํ วุจฺจติ ทฺวินฺนํ โกฎฺฎานมนฺตรํ, ตํ จิตํ ปริปุณฺณมสฺสาติ จิตนฺตรํโสฯ อเญฺญสญฺหิ ตํ ฐานํ นินฺนํ โหติ, เทฺว ปิฎฺฐิโกฎฺฎา ปาฎิเยกฺกํ ปญฺญายนฺติฯ ตถาคตสฺส ปน กฎิโต ปฎฺฐาย มํสปฎลํ ยาว ขนฺธา อุคฺคมฺม สมุสฺสิตสุวณฺณผลกํ วิย ปิฎฺฐิํ ฉาเทตฺวา ปติฎฺฐิตํฯ

    Citantaraṃsoti antaraṃsaṃ vuccati dvinnaṃ koṭṭānamantaraṃ, taṃ citaṃ paripuṇṇamassāti citantaraṃso. Aññesañhi taṃ ṭhānaṃ ninnaṃ hoti, dve piṭṭhikoṭṭā pāṭiyekkaṃ paññāyanti. Tathāgatassa pana kaṭito paṭṭhāya maṃsapaṭalaṃ yāva khandhā uggamma samussitasuvaṇṇaphalakaṃ viya piṭṭhiṃ chādetvā patiṭṭhitaṃ.

    นิโคฺรธปริมณฺฑโลติ นิโคฺรโธ วิย ปริมณฺฑโลฯ ยถา ปณฺณาสหตฺถตาย วา สตหตฺถตาย วา สมกฺขนฺธสาโข นิโคฺรโธ ทีฆโตปิ วิตฺถารโตปิ เอกปฺปมาโณว โหติ, เอวํ กายโตปิ พฺยามโตปิ เอกปฺปมาโณฯ ยถา อเญฺญสํ กาโย วา ทีโฆ โหติ พฺยาโม วา, น เอวํ วิสมปฺปมาโณติ อโตฺถฯ เตเนว ‘‘ยาวตกฺวสฺส กาโย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยาวตโก อสฺสาติ ยาวตกฺวสฺส

    Nigrodhaparimaṇḍaloti nigrodho viya parimaṇḍalo. Yathā paṇṇāsahatthatāya vā satahatthatāya vā samakkhandhasākho nigrodho dīghatopi vitthāratopi ekappamāṇova hoti, evaṃ kāyatopi byāmatopi ekappamāṇo. Yathā aññesaṃ kāyo vā dīgho hoti byāmo vā, na evaṃ visamappamāṇoti attho. Teneva ‘‘yāvatakvassa kāyo’’tiādi vuttaṃ. Tattha yāvatako assāti yāvatakvassa.

    สมวฎฺฎกฺขโนฺธติ สมวฎฺฎิตกฺขโนฺธฯ ยถา เอเก โกญฺจา วิย พกา วิย วราหา วิย จ ทีฆคลา วงฺกคลา ปุถุลคลา จ โหนฺติ, กถนกาเล สิราชาลํ ปญฺญายติ, มโนฺท สโร นิกฺขมติ, น เอวํ ตสฺสฯ ตถาคตสฺส ปน สุวฎฺฎิตสุวณฺณาลิงฺคสทิโส ขโนฺธ โหติ, กถนกาเล สิราชาลํ น ปญฺญายติ, เมฆสฺส วิย คชฺชโต สโร มหา โหติฯ

    Samavaṭṭakkhandhoti samavaṭṭitakkhandho. Yathā eke koñcā viya bakā viya varāhā viya ca dīghagalā vaṅkagalā puthulagalā ca honti, kathanakāle sirājālaṃ paññāyati, mando saro nikkhamati, na evaṃ tassa. Tathāgatassa pana suvaṭṭitasuvaṇṇāliṅgasadiso khandho hoti, kathanakāle sirājālaṃ na paññāyati, meghassa viya gajjato saro mahā hoti.

    รสคฺคสคฺคีติ เอตฺถ รสํ คสนฺตีติ รสคฺคสา , รสหรณีนเมตํ อธิวจนํ, ตา อคฺคา อสฺสาติ รสคฺคสคฺคีฯ ตถาคตสฺส หิ สตฺต รสหรณิสหสฺสานิ อุทฺธคฺคานิ หุตฺวา คีวายเมว ปฎิมุกฺกานิฯ ติลผลมโตฺตปิ อาหาโร ชิวฺหเคฺค ฐปิโต สพฺพํ กายํ อนุผรติ, เตเนว มหาปธานํ ปทหนฺตสฺส เอกตณฺฑุลาทีหิปิ กาฬายยูสปสเตนาปิ กายสฺส ยาปนํ อโหสิฯ อเญฺญสํ ปน ตถา อภาวา น สกลกายํ โอชา ผรติ, เตน เต พหฺวาพาธา โหนฺติฯ อิทํ ลกฺขณํ อปฺปาพาธตาสงฺขาตสฺส นิสฺสนฺทผลสฺส วเสน ปากฎํ โหติฯ

    Rasaggasaggīti ettha rasaṃ gasantīti rasaggasā , rasaharaṇīnametaṃ adhivacanaṃ, tā aggā assāti rasaggasaggī. Tathāgatassa hi satta rasaharaṇisahassāni uddhaggāni hutvā gīvāyameva paṭimukkāni. Tilaphalamattopi āhāro jivhagge ṭhapito sabbaṃ kāyaṃ anupharati, teneva mahāpadhānaṃ padahantassa ekataṇḍulādīhipi kāḷāyayūsapasatenāpi kāyassa yāpanaṃ ahosi. Aññesaṃ pana tathā abhāvā na sakalakāyaṃ ojā pharati, tena te bahvābādhā honti. Idaṃ lakkhaṇaṃ appābādhatāsaṅkhātassa nissandaphalassa vasena pākaṭaṃ hoti.

    สีหเสฺสว หนุ อสฺสาติ สีหหนุฯ ตตฺถ สีหสฺส เหฎฺฐิมหนุเมว ปริปุณฺณํ โหติ, น อุปริมํฯ ตถาคตสฺส ปน สีหสฺส เหฎฺฐิมํ วิย เทฺวปิ ปริปุณฺณานิ ทฺวาทสิยํ ปกฺขสฺส จนฺทสทิสานิ โหนฺติฯ

    Sīhasseva hanu assāti sīhahanu. Tattha sīhassa heṭṭhimahanumeva paripuṇṇaṃ hoti, na uparimaṃ. Tathāgatassa pana sīhassa heṭṭhimaṃ viya dvepi paripuṇṇāni dvādasiyaṃ pakkhassa candasadisāni honti.

    จตฺตาลีสทโนฺตติอาทีสุ อุปริมหนุเก ปติฎฺฐิตา วีสติ, เหฎฺฐิเม วีสตีติ จตฺตาลีส ทนฺตา อสฺสาติ จตฺตาลีสทโนฺตฯ อเญฺญสญฺหิ ปริปุณฺณทนฺตานมฺปิ ทฺวตฺติํส ทนฺตา โหนฺติ, ตถาคตสฺส จตฺตาลีสํฯ

    Cattālīsadantotiādīsu uparimahanuke patiṭṭhitā vīsati, heṭṭhime vīsatīti cattālīsa dantā assāti cattālīsadanto. Aññesañhi paripuṇṇadantānampi dvattiṃsa dantā honti, tathāgatassa cattālīsaṃ.

    อเญฺญสญฺจ เกจิ ทนฺตา อุจฺจา เกจิ นีจาติ วิสมา โหนฺติ, ตถาคตสฺส ปน อยปฎฺฎฉินฺนสงฺขปฎลํ วิย สมาฯ

    Aññesañca keci dantā uccā keci nīcāti visamā honti, tathāgatassa pana ayapaṭṭachinnasaṅkhapaṭalaṃ viya samā.

    อเญฺญสํ กุมฺภีลานํ วิย ทนฺตา วิรฬา โหนฺติ, มจฺฉมํสาทีนิ ขาทนฺตานํ ทนฺตนฺตรํ ปูรติฯ ตถาคตสฺส ปน กนกลตาย สมุสฺสาปิตวชิรปนฺติ วิย อวิรฬา ตุลิกาย ทสฺสิตปริเจฺฉทา วิย ทนฺตา โหนฺติฯ

    Aññesaṃ kumbhīlānaṃ viya dantā viraḷā honti, macchamaṃsādīni khādantānaṃ dantantaraṃ pūrati. Tathāgatassa pana kanakalatāya samussāpitavajirapanti viya aviraḷā tulikāya dassitaparicchedā viya dantā honti.

    สุสุกฺกทาโฐติ อเญฺญสญฺจ ปูติทนฺตา อุฎฺฐหนฺติ, เตน กาจิ ทาฐา กาฬาปิ วิวณฺณาปิ โหนฺติฯ ตถาคโต สุสุกฺกทาโฐ โอสธิตารกมฺปิ อติกฺกมฺม วิโรจมานาย ปภาย สมนฺนาคตทาโฐ, เตน วุตฺตํ ‘‘สุสุกฺกทาโฐ’’ติฯ

    Susukkadāṭhoti aññesañca pūtidantā uṭṭhahanti, tena kāci dāṭhā kāḷāpi vivaṇṇāpi honti. Tathāgato susukkadāṭho osadhitārakampi atikkamma virocamānāya pabhāya samannāgatadāṭho, tena vuttaṃ ‘‘susukkadāṭho’’ti.

    ปหูตชิโวฺหติ อเญฺญสํ ชิวฺหา ถูลาปิ โหติ กิสาปิ รสฺสาปิ ถทฺธาปิ วิสมาปิ, ตถาคตสฺส ปน มุทุ ทีฆา ปุถุลา วณฺณสมฺปนฺนา โหติฯ โส ตํ ลกฺขณํ ปริเยสิตุํ อาคตานํ กงฺขาวิโนทนตฺถํ มุทุกตฺตา ตํ ชิวฺหํ กถินสูจิํ วิย วเฎฺฎตฺวา อุโภ นาสิกโสตานิ ปรามสติ, ทีฆตฺตา อุโภ กณฺณโสตานิ ปรามสติ, ปุถุลตฺตา เกสนฺตปริโยสานํ เกวลมฺปิ นลาฎํ ปฎิจฺฉาเทติฯ เอวํ ตสฺสา มุทุทีฆปุถุลภาวํ ปกาเสโนฺต กงฺขํ วิโนเทติฯ เอวํ ติลกฺขณสมฺปนฺนํ ชิวฺหํ สนฺธาย ‘‘ปหูตชิโวฺห’’ติ วุตฺตํฯ

    Pahūtajivhoti aññesaṃ jivhā thūlāpi hoti kisāpi rassāpi thaddhāpi visamāpi, tathāgatassa pana mudu dīghā puthulā vaṇṇasampannā hoti. So taṃ lakkhaṇaṃ pariyesituṃ āgatānaṃ kaṅkhāvinodanatthaṃ mudukattā taṃ jivhaṃ kathinasūciṃ viya vaṭṭetvā ubho nāsikasotāni parāmasati, dīghattā ubho kaṇṇasotāni parāmasati, puthulattā kesantapariyosānaṃ kevalampi nalāṭaṃ paṭicchādeti. Evaṃ tassā mududīghaputhulabhāvaṃ pakāsento kaṅkhaṃ vinodeti. Evaṃ tilakkhaṇasampannaṃ jivhaṃ sandhāya ‘‘pahūtajivho’’ti vuttaṃ.

    พฺรหฺมสฺสโรติ อเญฺญ ฉินฺนสฺสราปิ ภินฺนสฺสราปิ กากสฺสราปิ โหนฺติ, ตถาคโต ปน มหาพฺรหฺมุโน สรสทิเสน สเรน สมนฺนาคโตฯ มหาพฺรหฺมุโน หิ ปิตฺตเสเมฺหหิ อปลิพุทฺธตฺตา สโร วิสุโทฺธ โหติฯ ตถาคเตนาปิ กตกมฺมํ วตฺถุํ โสเธติ, วตฺถุสฺส สุทฺธตฺตา นาภิโต ปฎฺฐาย สมุฎฺฐหโนฺต สโร วิสุโทฺธ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคโตว สมุฎฺฐาติฯ กรวิโก วิย ภณตีติ กรวิกภาณี, มตฺตกรวิกรุตมญฺชุโฆโสติ อโตฺถฯ

    Brahmassaroti aññe chinnassarāpi bhinnassarāpi kākassarāpi honti, tathāgato pana mahābrahmuno sarasadisena sarena samannāgato. Mahābrahmuno hi pittasemhehi apalibuddhattā saro visuddho hoti. Tathāgatenāpi katakammaṃ vatthuṃ sodheti, vatthussa suddhattā nābhito paṭṭhāya samuṭṭhahanto saro visuddho aṭṭhaṅgasamannāgatova samuṭṭhāti. Karaviko viya bhaṇatīti karavikabhāṇī, mattakaravikarutamañjughosoti attho.

    ตตฺริทํ กรวิกรุตสฺส มญฺชุตาย – กรวิกสกุเณ กิร มธุรรสํ อมฺพปกฺกํ มุขตุณฺฑเกน ปหริตฺวา ปคฺฆริตํ รสํ สายิตฺวา ปเกฺขน ตาลํ ทตฺวา วิกูชมาเน จตุปฺปทาทีนิ มตฺตานิ วิย ลฬิตุํ อารภนฺติฯ โคจรปฺปสุตาปิ จตุปฺปทา มุขคตานิปิ ติณานิ ฉเฑฺฑตฺวา ตํ สทฺทํ สุณนฺติ, วาฬมิคา ขุทฺทกมิเค อนุพนฺธมานา อุกฺขิตฺตปาทํ อนุกฺขิปิตฺวาว ติฎฺฐนฺติ, อนุพทฺธมิคาปิ มรณภยํ หิตฺวาปิ ติฎฺฐนฺติ, อากาเส ปกฺขนฺทปกฺขิโนปิ ปเกฺข ปสาเรตฺวา ติฎฺฐนฺติ, อุทเก มจฺฉาปิ กณฺณปฎลํ อโปฺผเฎนฺตา ตํ สทฺทํ สุณมานาว ติฎฺฐนฺติฯ เอวํ มญฺชุรุตา กรวิกาฯ

    Tatridaṃ karavikarutassa mañjutāya – karavikasakuṇe kira madhurarasaṃ ambapakkaṃ mukhatuṇḍakena paharitvā paggharitaṃ rasaṃ sāyitvā pakkhena tālaṃ datvā vikūjamāne catuppadādīni mattāni viya laḷituṃ ārabhanti. Gocarappasutāpi catuppadā mukhagatānipi tiṇāni chaḍḍetvā taṃ saddaṃ suṇanti, vāḷamigā khuddakamige anubandhamānā ukkhittapādaṃ anukkhipitvāva tiṭṭhanti, anubaddhamigāpi maraṇabhayaṃ hitvāpi tiṭṭhanti, ākāse pakkhandapakkhinopi pakkhe pasāretvā tiṭṭhanti, udake macchāpi kaṇṇapaṭalaṃ apphoṭentā taṃ saddaṃ suṇamānāva tiṭṭhanti. Evaṃ mañjurutā karavikā.

    อสนฺธิมิตฺตาปิ ธมฺมาโสกสฺส เทวี – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภเนฺต, พุทฺธสเทฺทน สทิโส กสฺสจิ สโทฺท’’ติ สงฺฆํ ปุจฺฉิฯ อตฺถิ กรวิกสกุณสฺสาติฯ กุหิํ, ภเนฺต, สกุณาติ? หิมวเนฺตติฯ สา ราชานํ อาห, – ‘‘เทว, กรวิกสกุณํ ทฎฺฐุกามา’’ติฯ ราชา ‘‘อิมสฺมิํ ปญฺชเร นิสีทิตฺวา กรวิโก อาคจฺฉตู’’ติ สุวณฺณปญฺชรํ วิสฺสเชฺชสิฯ ปญฺชโร คนฺตฺวา เอกสฺส กรวิกสฺส ปุรโต อฎฺฐาสิฯ โส ‘‘ราชาณาย อาคโต ปญฺชโร, น สกฺกา อคนฺตุ’’นฺติ ตตฺถ นิสีทิฯ ปญฺชโร อาคนฺตฺวา รโญฺญ ปุรโตว อฎฺฐาสิฯ กรวิกํ สทฺทํ การาเปตุํ น สโกฺกนฺติฯ อถ ราชา ‘‘กถํ ภเณ อิเม สทฺทํ กโรนฺตี’’ติ อาห? ญาตเก ทิสฺวา เทวาติฯ อถ นํ ราชา อาทาเสหิ ปริกฺขิปาเปสิฯ โส อตฺตโนว ฉายํ ทิสฺวา ‘‘ญาตกา เม อาคตา’’ติ มญฺญมาโน ปเกฺขน ตาฬํ ทตฺวา มญฺชุสฺสเรน มณิวํสํ ธมมาโน วิย วิรวิฯ สกลนคเร มนุสฺสา มตฺตา วิย ลฬิํสุฯ อสนฺธิมิตฺตา จิเนฺตสิ – ‘‘อิมสฺส ตาว ติรจฺฉานสฺส เอวํ มธุโร สโทฺท, กีทิโส นุ โข สพฺพญฺญุตญฺญาณสิริปฺปตฺตสฺส ภควโต อโหสี’’ติ ปีติํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ปีติํ อวิชหิตฺวา สตฺตหิ ชงฺฆสเตหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิฯ เอวํ มธุโร กรวิกสโทฺทฯ ตโต สตภาเคน สหสฺสภาเคน จ มธุรตโร ตถาคตสฺส สโทฺท, โลเก ปน กรวิกโต อญฺญสฺส มธุรรสฺส อภาวโต ‘‘กรวิกภาณี’’ติ วุตฺตํฯ

    Asandhimittāpi dhammāsokassa devī – ‘‘atthi nu kho, bhante, buddhasaddena sadiso kassaci saddo’’ti saṅghaṃ pucchi. Atthi karavikasakuṇassāti. Kuhiṃ, bhante, sakuṇāti? Himavanteti. Sā rājānaṃ āha, – ‘‘deva, karavikasakuṇaṃ daṭṭhukāmā’’ti. Rājā ‘‘imasmiṃ pañjare nisīditvā karaviko āgacchatū’’ti suvaṇṇapañjaraṃ vissajjesi. Pañjaro gantvā ekassa karavikassa purato aṭṭhāsi. So ‘‘rājāṇāya āgato pañjaro, na sakkā agantu’’nti tattha nisīdi. Pañjaro āgantvā rañño puratova aṭṭhāsi. Karavikaṃ saddaṃ kārāpetuṃ na sakkonti. Atha rājā ‘‘kathaṃ bhaṇe ime saddaṃ karontī’’ti āha? Ñātake disvā devāti. Atha naṃ rājā ādāsehi parikkhipāpesi. So attanova chāyaṃ disvā ‘‘ñātakā me āgatā’’ti maññamāno pakkhena tāḷaṃ datvā mañjussarena maṇivaṃsaṃ dhamamāno viya viravi. Sakalanagare manussā mattā viya laḷiṃsu. Asandhimittā cintesi – ‘‘imassa tāva tiracchānassa evaṃ madhuro saddo, kīdiso nu kho sabbaññutaññāṇasirippattassa bhagavato ahosī’’ti pītiṃ uppādetvā taṃ pītiṃ avijahitvā sattahi jaṅghasatehi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhāsi. Evaṃ madhuro karavikasaddo. Tato satabhāgena sahassabhāgena ca madhurataro tathāgatassa saddo, loke pana karavikato aññassa madhurarassa abhāvato ‘‘karavikabhāṇī’’ti vuttaṃ.

    อภินีลเนโตฺตติ น สกลนีลเนโตฺตว, นีลยุตฺตฎฺฐาเน ปนสฺส อุมาปุปฺผสทิเสน อติวิสุเทฺธน นีลวเณฺณน สมนฺนาคตานิ อกฺขีนิ โหนฺติฯ ปีตยุตฺตฎฺฐาเน กณิการปุปฺผสทิเสน ปีตวเณฺณน, โลหิตยุตฺตฎฺฐาเน พนฺธุชีวกปุปฺผสทิเสน โลหิตวเณฺณน, เสตยุตฺตฎฺฐาเน โอสธิตารกสทิเสน เสตวเณฺณน, กาฬยุตฺตฎฺฐาเน อทฺทาริฎฺฐกสทิเสน กาฬวเณฺณน สมนฺนาคตานิ สุวณฺณวิมาเน อุคฺฆาฎิตมณิสีหปญฺชรสทิสานิ ขายนฺติฯ

    Abhinīlanettoti na sakalanīlanettova, nīlayuttaṭṭhāne panassa umāpupphasadisena ativisuddhena nīlavaṇṇena samannāgatāni akkhīni honti. Pītayuttaṭṭhāne kaṇikārapupphasadisena pītavaṇṇena, lohitayuttaṭṭhāne bandhujīvakapupphasadisena lohitavaṇṇena, setayuttaṭṭhāne osadhitārakasadisena setavaṇṇena, kāḷayuttaṭṭhāne addāriṭṭhakasadisena kāḷavaṇṇena samannāgatāni suvaṇṇavimāne ugghāṭitamaṇisīhapañjarasadisāni khāyanti.

    โคปขุโมติ เอตฺถ ปขุมนฺติ สกลํ จกฺขุภณฺฑํ อธิเปฺปตํฯ ตํ กาฬวจฺฉกสฺส พหลธาตุกํ โหติ, รตฺตวจฺฉกสฺส วิปฺปสนฺนํ, ตํมุหุตฺตชาตรตฺตวจฺฉสทิสจกฺขุภโณฺฑติ อโตฺถฯ อเญฺญสญฺหิ อกฺขิภณฺฑา อปริปุณฺณา โหนฺติ, หตฺถิมูสิกกากาทีนํ อกฺขิสทิเสหิ วินิคฺคเตหิ คมฺภีเรหิปิ อกฺขีหิ สมนฺนาคตา โหนฺติฯ ตถาคตสฺส ปน โธวิตฺวา มชฺชิตฺวา ฐปิตมณิคุฬิกา วิย มุทุสินิทฺธนีลสุขุมปขุมาจิตานิ อกฺขีนิฯ

    Gopakhumoti ettha pakhumanti sakalaṃ cakkhubhaṇḍaṃ adhippetaṃ. Taṃ kāḷavacchakassa bahaladhātukaṃ hoti, rattavacchakassa vippasannaṃ, taṃmuhuttajātarattavacchasadisacakkhubhaṇḍoti attho. Aññesañhi akkhibhaṇḍā aparipuṇṇā honti, hatthimūsikakākādīnaṃ akkhisadisehi viniggatehi gambhīrehipi akkhīhi samannāgatā honti. Tathāgatassa pana dhovitvā majjitvā ṭhapitamaṇiguḷikā viya mudusiniddhanīlasukhumapakhumācitāni akkhīni.

    อุณฺณาติ อุณฺณโลมํฯ ภมุกนฺตเรติ ทฺวินฺนํ ภมุกานํ เวมเชฺฌ นาสิกมตฺถเกเยว ชาตาฯ อุคฺคนฺตฺวา ปน นลาฎมชฺฌชาตาฯ โอทาตาติ ปริสุทฺธา โอสธิตารกวณฺณาฯ มุทูติ สปฺปิมเณฺฑ โอสาเทตฺวา ฐปิตสตวารวิหตกปฺปาสปฎลสทิสาฯ ตูลสนฺนิภาติ สิมฺพลิตูลลตาตูลสมานา, อยมสฺสา โอทาตตาย อุปมาฯ สา ปเนสา โกฎิยํ คเหตฺวา อากฑฺฒิยมานา อุปฑฺฒพาหุปฺปมาณา โหติ, วิสฺสฎฺฐา ทกฺขิณาวฎฺฎวเสน อาวฎฺฎิตฺวา อุทฺธคฺคา หุตฺวา สนฺติฎฺฐติ, สุวณฺณผลกมเชฺฌ ฐปิตรชตปุปฺผุฬกา วิย สุวณฺณฆฎโต นิกฺขมมานา ขีรธารา วิย อรุณปฺปภารญฺชิเต คมนตเล โอสธิตารกา วิย จ อติมโนหราย สิริยา วิโรจติฯ

    Uṇṇāti uṇṇalomaṃ. Bhamukantareti dvinnaṃ bhamukānaṃ vemajjhe nāsikamatthakeyeva jātā. Uggantvā pana nalāṭamajjhajātā. Odātāti parisuddhā osadhitārakavaṇṇā. Mudūti sappimaṇḍe osādetvā ṭhapitasatavāravihatakappāsapaṭalasadisā. Tūlasannibhāti simbalitūlalatātūlasamānā, ayamassā odātatāya upamā. Sā panesā koṭiyaṃ gahetvā ākaḍḍhiyamānā upaḍḍhabāhuppamāṇā hoti, vissaṭṭhā dakkhiṇāvaṭṭavasena āvaṭṭitvā uddhaggā hutvā santiṭṭhati, suvaṇṇaphalakamajjhe ṭhapitarajatapupphuḷakā viya suvaṇṇaghaṭato nikkhamamānā khīradhārā viya aruṇappabhārañjite gamanatale osadhitārakā viya ca atimanoharāya siriyā virocati.

    อุณฺหีสสีโสติ อิทํ ปริปุณฺณนลาฎตเญฺจว ปริปุณฺณสีสตญฺจาติ เทฺว อตฺถวเส ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ ตถาคตสฺส หิ ทกฺขิณกณฺณจูฬิกโต ปฎฺฐาย มํสปฎลํ อุฎฺฐหิตฺวา สกลํ นลาฎํ ฉาทยมานํ ปูรยมานํ คนฺตฺวา วามกณฺณจูฬิกาย ปติฎฺฐิตํ, รโญฺญ พทฺธอุณฺหีสปโฎฺฎ วิย วิโรจติฯ ปจฺฉิมภวิกโพธิสตฺตานํ กิร อิมํ ลกฺขณํ วิทิตฺวา ราชูนํ อุณฺหีสปฎฺฎํ อกํสุ, อยํ ตาว เอโก อโตฺถฯ อเญฺญ ปน ชนา อปริปุณฺณสีสา โหนฺติ, เกจิ กปฺปสีสา, เกจิ ผลสีสา, เกจิ อฎฺฐิสีสา, เกจิ ตุมฺพสีสา, เกจิ ปพฺภารสีสาฯ ตถาคตสฺส ปน อารเคฺคน วเฎฺฎตฺวา ฐปิตํ วิย สุปริปุณฺณํ อุทกปุปฺผุฬสทิสํ สีสํ โหติฯ ตตฺถ ปุริมนเยน อุณฺหีสเวฐิตสีโส วิยาติ อุณฺหีสสีโสฯ ทุติยนเยน อุณฺหีสํ วิย สพฺพตฺถ ปริมณฺฑลสีโสติ อุณฺหีสสีโสฯ

    Uṇhīsasīsoti idaṃ paripuṇṇanalāṭatañceva paripuṇṇasīsatañcāti dve atthavase paṭicca vuttaṃ. Tathāgatassa hi dakkhiṇakaṇṇacūḷikato paṭṭhāya maṃsapaṭalaṃ uṭṭhahitvā sakalaṃ nalāṭaṃ chādayamānaṃ pūrayamānaṃ gantvā vāmakaṇṇacūḷikāya patiṭṭhitaṃ, rañño baddhauṇhīsapaṭṭo viya virocati. Pacchimabhavikabodhisattānaṃ kira imaṃ lakkhaṇaṃ viditvā rājūnaṃ uṇhīsapaṭṭaṃ akaṃsu, ayaṃ tāva eko attho. Aññe pana janā aparipuṇṇasīsā honti, keci kappasīsā, keci phalasīsā, keci aṭṭhisīsā, keci tumbasīsā, keci pabbhārasīsā. Tathāgatassa pana āraggena vaṭṭetvā ṭhapitaṃ viya suparipuṇṇaṃ udakapupphuḷasadisaṃ sīsaṃ hoti. Tattha purimanayena uṇhīsaveṭhitasīso viyāti uṇhīsasīso. Dutiyanayena uṇhīsaṃ viya sabbattha parimaṇḍalasīsoti uṇhīsasīso.

    อิมานิ ปน มหาปุริสลกฺขณานิ กมฺมํ กมฺมสริกฺขกํ ลกฺขณํ ลกฺขณานิสํสนฺติ อิเม จตฺตาโร โกฎฺฐาเส เอเกกสฺมิํ ลกฺขเณ ทเสฺสตฺวา กถิตานิ สุกถิตานิ โหนฺติฯ ตสฺมา ภควตา ลกฺขณสุเตฺต (ที. นิ. ๓.๒๐๐-๒๐๒) วุตฺตานิ อิมานิ กมฺมาทีนิ ทเสฺสตฺวา กเถตพฺพานิ ฯ สุตฺตวเสน วินิจฺฉิตุํ อสโกฺกเนฺตน สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย ตเสฺสว สุตฺตสฺส วณฺณนาย วุตฺตนเยน คเหตพฺพานิฯ

    Imāni pana mahāpurisalakkhaṇāni kammaṃ kammasarikkhakaṃ lakkhaṇaṃ lakkhaṇānisaṃsanti ime cattāro koṭṭhāse ekekasmiṃ lakkhaṇe dassetvā kathitāni sukathitāni honti. Tasmā bhagavatā lakkhaṇasutte (dī. ni. 3.200-202) vuttāni imāni kammādīni dassetvā kathetabbāni . Suttavasena vinicchituṃ asakkontena sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya tasseva suttassa vaṇṇanāya vuttanayena gahetabbāni.

    อิเมหิ โข, โภ, โส ภวํ โคตโมติ, โภ อาจริย, อิเมหิ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ โส ภวํ โคตโม สมนฺนาคโต เทวนคเร สมุสฺสิตรตนวิจิตฺตํ สุวณฺณโตรณํ วิย โยชนสตุเพฺพโธ สพฺพปาลิผุโลฺล ปาริจฺฉตฺตโก วิย เสลนฺตรมฺหิ สุปุปฺผิตสาลรุโกฺข วิย ตาราคณปฎิมณฺฑิตคคนตลมิว จ อตฺตโน สิริวิภเวน โลกํ อาโลกํ กุรุมาโน วิย จรตีติ อิมตฺถมฺปิ ทีเปตฺวา กิริยาจารํ อาจิกฺขิตุํ คจฺฉโนฺต โข ปนาติอาทิมาหฯ

    Imehi kho, bho, so bhavaṃ gotamoti, bho ācariya, imehi dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇehi so bhavaṃ gotamo samannāgato devanagare samussitaratanavicittaṃ suvaṇṇatoraṇaṃ viya yojanasatubbedho sabbapāliphullo pāricchattako viya selantaramhi supupphitasālarukkho viya tārāgaṇapaṭimaṇḍitagaganatalamiva ca attano sirivibhavena lokaṃ ālokaṃ kurumāno viya caratīti imatthampi dīpetvā kiriyācāraṃ ācikkhituṃ gacchanto kho panātiādimāha.

    ๓๘๗. ทกฺขิเณนาติ พุทฺธานญฺหิ ฐตฺวา วา นิสีทิตฺวา วา นิปชฺชิตฺวา วา คมนํ อภินีหรนฺตานํ ทกฺขิณปาโทว ปุรโต โหติฯ สตตปาฎิหาริยํ กิเรตํฯ นาติทูเร ปาทํ อุทฺธรตีติ ตํ ทกฺขิณปาทํ น อติทูเร ฐเปสฺสามีติ อุทฺธรติฯ อติทูรญฺหิ อภิหริยมาเน ทกฺขิณปาเทน วามปาโท อากฑฺฒิยมาโน คเจฺฉยฺย, ทกฺขิณปาโทปิ ทูรํ คนฺตุํ น สกฺกุเณยฺย, อาสเนฺนเยว ปติฎฺฐเหยฺย, เอวํ สติ ปทวิเจฺฉโท นาม โหติฯ ทกฺขิณปาเท ปน ปมาเณเนว อุทฺธเต วามปาโทปิ ปมาเณเนว อุทฺธริยติ, ปมาเณน อุทฺธโต ปติฎฺฐหโนฺตปิ ปมาเณเยว ปติฎฺฐาติฯ เอวมเนน ตถาคตสฺส ทกฺขิณปาทกิจฺจํ วามปาเทน นิยมิตํ, วามปาทกิจฺจํ ทกฺขิณปาเทน นิยมิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    387.Dakkhiṇenāti buddhānañhi ṭhatvā vā nisīditvā vā nipajjitvā vā gamanaṃ abhinīharantānaṃ dakkhiṇapādova purato hoti. Satatapāṭihāriyaṃ kiretaṃ. Nātidūrepādaṃ uddharatīti taṃ dakkhiṇapādaṃ na atidūre ṭhapessāmīti uddharati. Atidūrañhi abhihariyamāne dakkhiṇapādena vāmapādo ākaḍḍhiyamāno gaccheyya, dakkhiṇapādopi dūraṃ gantuṃ na sakkuṇeyya, āsanneyeva patiṭṭhaheyya, evaṃ sati padavicchedo nāma hoti. Dakkhiṇapāde pana pamāṇeneva uddhate vāmapādopi pamāṇeneva uddhariyati, pamāṇena uddhato patiṭṭhahantopi pamāṇeyeva patiṭṭhāti. Evamanena tathāgatassa dakkhiṇapādakiccaṃ vāmapādena niyamitaṃ, vāmapādakiccaṃ dakkhiṇapādena niyamitanti veditabbaṃ.

    นาติสีฆนฺติ ทิวา วิหารภตฺตตฺถาย คจฺฉโนฺต ภิกฺขุ วิย น อติสีฆํ คจฺฉติฯ นาติสณิกนฺติ ยถา ปจฺฉโต อาคจฺฉโนฺต โอกาสํ น ลภติ, เอวํ น อติสณิกํ คจฺฉติฯ อทฺทุเวน อทฺทุวนฺติ ชณฺณุเกน ชณฺณุกํ, สตฺถิํ อุนฺนาเมตีติ คมฺภีเร อุทเก คจฺฉโนฺต วิย น อูรุํ อุนฺนาเมติฯ น โอนาเมตีติ รุกฺขสาขาเฉทนทณฺฑงฺกุสปาโท วิย น ปจฺฉโต โอสกฺกาเปติฯ น สนฺนาเมตีติ โอพทฺธานาพทฺธฎฺฐาเนหิ ปาทํ โกเฎฺฎโนฺต วิย น ถทฺธํ กโรติฯ วินาเมตีติ ยนฺตรูปกํ กีฬาเปโนฺต วิย น อิโต จิโต จ จาเลติฯ อธรกาโยวาติ เหฎฺฐิมกาโยว อิญฺชติ, อุปริมกาโย นาวาย ฐปิตสุวณฺณปฎิมา วิย นิจฺจโล โหติฯ ทูเร ฐตฺวา โอโลเกโนฺต หิ พุทฺธานํ ฐิตภาวํ วา คมนภาวํ วา น ชานาติ ฯ กายพเลนาติ พาหา ขิปโนฺต สรีรโต เสเทหิ มุจฺจเนฺตหิ น กายพเลน คจฺฉติฯ สพฺพกาเยเนวาติ คีวํ อปริวเตฺตตฺวา ราหุโลวาเท วุตฺตนาคาปโลกิตวเสเนว อปโลเกติฯ

    Nātisīghanti divā vihārabhattatthāya gacchanto bhikkhu viya na atisīghaṃ gacchati. Nātisaṇikanti yathā pacchato āgacchanto okāsaṃ na labhati, evaṃ na atisaṇikaṃ gacchati. Adduvena adduvanti jaṇṇukena jaṇṇukaṃ, nasatthiṃ unnāmetīti gambhīre udake gacchanto viya na ūruṃ unnāmeti. Na onāmetīti rukkhasākhāchedanadaṇḍaṅkusapādo viya na pacchato osakkāpeti. Na sannāmetīti obaddhānābaddhaṭṭhānehi pādaṃ koṭṭento viya na thaddhaṃ karoti. Navināmetīti yantarūpakaṃ kīḷāpento viya na ito cito ca cāleti. Adharakāyovāti heṭṭhimakāyova iñjati, uparimakāyo nāvāya ṭhapitasuvaṇṇapaṭimā viya niccalo hoti. Dūre ṭhatvā olokento hi buddhānaṃ ṭhitabhāvaṃ vā gamanabhāvaṃ vā na jānāti . Kāyabalenāti bāhā khipanto sarīrato sedehi muccantehi na kāyabalena gacchati. Sabbakāyenevāti gīvaṃ aparivattetvā rāhulovāde vuttanāgāpalokitavaseneva apaloketi.

    น อุทฺธนฺติอาทีสุ นกฺขตฺตานิ คเณโนฺต วิย น อุทฺธํ อุโลฺลเกติ, นฎฺฐํ กากณิกํ วา มาสกํ วา ปริเยสโนฺต วิย น อโธ โอโลเกติ, น หตฺถิอสฺสาทโย ปสฺสโนฺต วิย อิโต จิโต จ วิเปกฺขมาโน คจฺฉติฯ ยุคมตฺตนฺติ นววิทตฺถิมเตฺต จกฺขูนิ ฐเปตฺวา คจฺฉโนฺต ยุคมตฺตํ เปกฺขติ นาม, ภควาปิ ยุเค ยุโตฺต สุทนฺตอาชานีโย วิย เอตฺตกํ ปสฺสโนฺต คจฺฉติฯ ตโต จสฺส อุตฺตรีติ ยุคมตฺตโต ปรํ น ปสฺสตีติ น วตฺตโพฺพฯ น หิ กุฎฺฎํ วา กวาฎํ วา คโจฺฉ วา ลตา วา อาวริตุํ สโกฺกติ, อถ ขฺวสฺส อนาวรณญาณสฺส อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณาเนว โหนฺติฯ อนฺตรฆรนฺติ เหฎฺฐา มหาสกุลุทายิสุเตฺต อินฺทขีลโต ปฎฺฐาย อนฺตรฆรํ, อิธ ฆรอุมฺมารโต ปฎฺฐาย เวทิตพฺพํฯ กายนฺติอาทิ ปกติอิริยปเถเนว ปวิสตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ทลิทฺทมนุสฺสานํ นีจฆรกํ ปวิสเนฺตปิ หิ ตถาคเต ฉทนํ วา อุคฺคจฺฉติ, ปถวี วา โอคจฺฉติ, ภควา ปน ปกติคมเนเนว คจฺฉติฯ นาติทูเรติ อติทูเร ปริวตฺตเนฺตน หิ เอกํ เทฺว ปทวาเร ปิฎฺฐิภาเคน คนฺตฺวา นิสีทิตพฺพํ โหติฯ นาจฺจาสเนฺนติ อจฺจาสเนฺน ปริวตฺตเนฺตน เอกํ เทฺว ปทวาเร ปุรโต คนฺตฺวา นิสีทิตพฺพํ โหติฯ ตสฺมา ยสฺมิํ ปทวาเร ฐิเตน ปุรโต วา ปจฺฉโต วา อคนฺตฺวา นิสีทิตพฺพํ โหติ, ตตฺถ ปริวตฺตติฯ

    Na uddhantiādīsu nakkhattāni gaṇento viya na uddhaṃ ulloketi, naṭṭhaṃ kākaṇikaṃ vā māsakaṃ vā pariyesanto viya na adho oloketi, na hatthiassādayo passanto viya ito cito ca vipekkhamāno gacchati. Yugamattanti navavidatthimatte cakkhūni ṭhapetvā gacchanto yugamattaṃ pekkhati nāma, bhagavāpi yuge yutto sudantaājānīyo viya ettakaṃ passanto gacchati. Tato cassa uttarīti yugamattato paraṃ na passatīti na vattabbo. Na hi kuṭṭaṃ vā kavāṭaṃ vā gaccho vā latā vā āvarituṃ sakkoti, atha khvassa anāvaraṇañāṇassa anekāni cakkavāḷasahassāni ekaṅgaṇāneva honti. Antaragharanti heṭṭhā mahāsakuludāyisutte indakhīlato paṭṭhāya antaragharaṃ, idha gharaummārato paṭṭhāya veditabbaṃ. Nakāyantiādi pakatiiriyapatheneva pavisatīti dassanatthaṃ vuttaṃ. Daliddamanussānaṃ nīcagharakaṃ pavisantepi hi tathāgate chadanaṃ vā uggacchati, pathavī vā ogacchati, bhagavā pana pakatigamaneneva gacchati. Nātidūreti atidūre parivattantena hi ekaṃ dve padavāre piṭṭhibhāgena gantvā nisīditabbaṃ hoti. Nāccāsanneti accāsanne parivattantena ekaṃ dve padavāre purato gantvā nisīditabbaṃ hoti. Tasmā yasmiṃ padavāre ṭhitena purato vā pacchato vā agantvā nisīditabbaṃ hoti, tattha parivattati.

    ปาณินาติ กฎิวาตาพาธิโก วิย น อาสนํ หเตฺถหิ คเหตฺวา นิสีทติฯ ปกฺขิปตีติ โย กิญฺจิ กมฺมํ กตฺวา กีฬโนฺต ฐิตโกว ปตติ, โยปิ โอริมํ องฺคํ นิสฺสาย นิสิโนฺน ฆํสโนฺต ยาว ปาริมงฺคา คจฺฉติ, ปาริมงฺคํ วา นิสฺสาย นิสิโนฺน ตเถว ยาว โอริมงฺคา อาคจฺฉติ, สโพฺพ โส อาสเน กายํ ปกฺขิปติ นามฯ ภควา ปน เอวํ อกตฺวา อาสนสฺส มเชฺฌ โอลมฺพกํ ธาเรโนฺต วิย ตูลปิจุํ ฐเปโนฺต วิย สณิกํ นิสีทติฯ หตฺถกุกฺกุจฺจนฺติ ปตฺตมุขวฎฺฎิยํ อุทกพินฺทุฐปนํ มกฺขิกพีชนิยา ปณฺณเจฺฉทนผาลนาทิ หเตฺถน อสํยตกรณํฯ ปาทกุกฺกุจฺจนฺติ ปาเทน ภูมิฆํสนาทิ อสํยตกรณํฯ

    Pāṇināti kaṭivātābādhiko viya na āsanaṃ hatthehi gahetvā nisīdati. Pakkhipatīti yo kiñci kammaṃ katvā kīḷanto ṭhitakova patati, yopi orimaṃ aṅgaṃ nissāya nisinno ghaṃsanto yāva pārimaṅgā gacchati, pārimaṅgaṃ vā nissāya nisinno tatheva yāva orimaṅgā āgacchati, sabbo so āsane kāyaṃ pakkhipati nāma. Bhagavā pana evaṃ akatvā āsanassa majjhe olambakaṃ dhārento viya tūlapicuṃ ṭhapento viya saṇikaṃ nisīdati. Hatthakukkuccanti pattamukhavaṭṭiyaṃ udakabinduṭhapanaṃ makkhikabījaniyā paṇṇacchedanaphālanādi hatthena asaṃyatakaraṇaṃ. Pādakukkuccanti pādena bhūmighaṃsanādi asaṃyatakaraṇaṃ.

    น ฉมฺภตีติ น ภายติฯ น กมฺปตีติ น โอสีทติฯ น เวธตีติ น จลติฯ ปริตสฺสตีติ ภยปริตสฺสนายปิ ตณฺหาปริตสฺสนายปิ น ปริตสฺสติฯ เอกโจฺจ หิ ธมฺมกถาทีนํ อตฺถาย อาคนฺตฺวา มนุเสฺสสุ วนฺทิตฺวา ฐิเตสุ ‘‘สกฺขิสฺสามิ นุ โข เตสํ จิตฺตํ คณฺหโนฺต ธมฺมํ วา กเถตุํ, ปญฺหํ วา ปุจฺฉิโต วิสฺสเชฺชตุํ, ภตฺตานุโมทนํ วา กาตุ’’นฺติ ภยปริตสฺสนาย ปริตสฺสติฯ เอกโจฺจ ‘‘มนาปา นุ โข เม ยาคุ อาคจฺฉิสฺสติ, มนาปํ อนฺตรขชฺชก’’นฺติ วา ตณฺหาปริตสฺสนาย ปริตสฺสติฯ ตทุภยมฺปิ ตสฺส นตฺถีติ น ปริตสฺสติฯ วิเวกาวโฎฺฎติ วิเวเก นิพฺพาเน อาวฎฺฎมานโส หุตฺวาฯ วิเวกวโตฺตติปิ ปาโฐ, วิเวกวตฺตยุโตฺต หุตฺวาติ อโตฺถฯ วิเวกวตฺตํ นาม กตภตฺตกิจฺจสฺส ภิกฺขุโน ทิวาวิหาเร สมถวิปสฺสนาวเสน มูลกมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทนํฯ เอวํ นิสินฺนสฺส หิ อิริยาปโถ อุปสโนฺต โหติฯ

    Na chambhatīti na bhāyati. Na kampatīti na osīdati. Na vedhatīti na calati. Naparitassatīti bhayaparitassanāyapi taṇhāparitassanāyapi na paritassati. Ekacco hi dhammakathādīnaṃ atthāya āgantvā manussesu vanditvā ṭhitesu ‘‘sakkhissāmi nu kho tesaṃ cittaṃ gaṇhanto dhammaṃ vā kathetuṃ, pañhaṃ vā pucchito vissajjetuṃ, bhattānumodanaṃ vā kātu’’nti bhayaparitassanāya paritassati. Ekacco ‘‘manāpā nu kho me yāgu āgacchissati, manāpaṃ antarakhajjaka’’nti vā taṇhāparitassanāya paritassati. Tadubhayampi tassa natthīti na paritassati. Vivekāvaṭṭoti viveke nibbāne āvaṭṭamānaso hutvā. Vivekavattotipi pāṭho, vivekavattayutto hutvāti attho. Vivekavattaṃ nāma katabhattakiccassa bhikkhuno divāvihāre samathavipassanāvasena mūlakammaṭṭhānaṃ gahetvā pallaṅkaṃ ābhujitvā nisīdanaṃ. Evaṃ nisinnassa hi iriyāpatho upasanto hoti.

    น ปตฺตํ อุนฺนาเมตีติอาทีสุ เอกโจฺจ ปตฺตมุขวฎฺฎิยา อุทกทานํ อาหรโนฺต วิย ปตฺตํ อุนฺนาเมติ, เอโก ปาทปิฎฺฐิยํ ฐเปโนฺต วิย โอนาเมติ, เอโก พทฺธํ กตฺวา คณฺหาติ, เอโก อิโต จิโต จ ผนฺทาเปติ, เอวํ อกตฺวา อุโภหิ หเตฺถหิ คเหตฺวา อีสกํ นาเมตฺวา อุทกํ ปฎิคฺคณฺหาตีติ อโตฺถฯ น สมฺปริวตฺตกนฺติ ปริวเตฺตตฺวา ปฐมเมว ปตฺตปิฎฺฐิํ น โธวติฯ นาติทูเรติ ยถา นิสินฺนาสนโต ทูเร ปตติ, น เอวํ ฉเฑฺฑติฯ นาจฺจาสเนฺนติ ปาทมูเลเยว น ฉเฑฺฑติฯ วิจฺฉฑฺฑยมาโนติ วิกิรโนฺต, ยถา ปฎิคฺคาหโก เตมติ, น เอวํ ฉเฑฺฑติฯ

    Na pattaṃ unnāmetītiādīsu ekacco pattamukhavaṭṭiyā udakadānaṃ āharanto viya pattaṃ unnāmeti, eko pādapiṭṭhiyaṃ ṭhapento viya onāmeti, eko baddhaṃ katvā gaṇhāti, eko ito cito ca phandāpeti, evaṃ akatvā ubhohi hatthehi gahetvā īsakaṃ nāmetvā udakaṃ paṭiggaṇhātīti attho. Na samparivattakanti parivattetvā paṭhamameva pattapiṭṭhiṃ na dhovati. Nātidūreti yathā nisinnāsanato dūre patati, na evaṃ chaḍḍeti. Nāccāsanneti pādamūleyeva na chaḍḍeti. Vicchaḍḍayamānoti vikiranto, yathā paṭiggāhako temati, na evaṃ chaḍḍeti.

    นาติโถกนฺติ ยถา เอกโจฺจ ปาปิโจฺฉ อปฺปิจฺฉตํ ทเสฺสโนฺต มุฎฺฐิมตฺตเมว คณฺหาติ, น เอวํฯ อติพหุนฺติ ยาปนมตฺตโต อติเรกํฯ พฺยญฺชนมตฺตายาติ พฺยญฺชนสฺส มตฺตา นาม โอทนโต จตุโตฺถ ภาโคฯ เอกโจฺจ หิ ภเตฺต มนาเป ภตฺตํ พหุํ คณฺหาติ, พฺยญฺชเน มนาเป พฺยญฺชนํ พหุํฯ สตฺถา ปน ตถา น คณฺหาติฯ น จ พฺยญฺชเนนาติ อมนาปญฺหิ พฺยญฺชนํ ฐเปตฺวา ภตฺตเมว ภุญฺชโนฺต, ภตฺตํ วา ฐเปตฺวา พฺยญฺชนเมว ขาทโนฺต พฺยญฺชเนน อาโลปํ อตินาเมติ นามฯ สตฺถา เอกนฺตริกํ พฺยญฺชนํ คณฺหาติ, ภตฺตมฺปิ พฺยญฺชนมฺปิ เอกโตว นิฎฺฐนฺติฯ ทฺวตฺติกฺขตฺตุนฺติ ตถาคตสฺส หิ ปุถุชิวฺหาย ทนฺตานํ อุปนีตโภชนํ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ทเนฺตหิ ผุฎฺฐมตฺตเมว สณฺหกรณียปิฎฺฐวิเลปนํ วิย โหติ, ตสฺมา เอวมาหฯ น มุเข อวสิฎฺฐาติ โปกฺขรปเตฺต ปติตอุทกพินฺทุ วิย วินิวตฺติตฺวา ปรคลเมว ยาติ, ตสฺมา อวสิฎฺฐา น โหติฯ รสปฎิสํเวทีติ มธุรติตฺตกทุกาทิรสํ ชานาติฯ พุทฺธานญฺหิ อนฺตมโส ปานีเยปิ ทิโพฺพชา ปกฺขิตฺตาว โหติ, เตน เนสํ สพฺพเตฺถว รโส ปากโฎ โหติ, รสเคโธ ปน นตฺถิฯ

    Nātithokanti yathā ekacco pāpiccho appicchataṃ dassento muṭṭhimattameva gaṇhāti, na evaṃ. Atibahunti yāpanamattato atirekaṃ. Byañjanamattāyāti byañjanassa mattā nāma odanato catuttho bhāgo. Ekacco hi bhatte manāpe bhattaṃ bahuṃ gaṇhāti, byañjane manāpe byañjanaṃ bahuṃ. Satthā pana tathā na gaṇhāti. Na ca byañjanenāti amanāpañhi byañjanaṃ ṭhapetvā bhattameva bhuñjanto, bhattaṃ vā ṭhapetvā byañjanameva khādanto byañjanena ālopaṃ atināmeti nāma. Satthā ekantarikaṃ byañjanaṃ gaṇhāti, bhattampi byañjanampi ekatova niṭṭhanti. Dvattikkhattunti tathāgatassa hi puthujivhāya dantānaṃ upanītabhojanaṃ dvattikkhattuṃ dantehi phuṭṭhamattameva saṇhakaraṇīyapiṭṭhavilepanaṃ viya hoti, tasmā evamāha. Na mukhe avasiṭṭhāti pokkharapatte patitaudakabindu viya vinivattitvā paragalameva yāti, tasmā avasiṭṭhā na hoti. Rasapaṭisaṃvedīti madhuratittakadukādirasaṃ jānāti. Buddhānañhi antamaso pānīyepi dibbojā pakkhittāva hoti, tena nesaṃ sabbattheva raso pākaṭo hoti, rasagedho pana natthi.

    อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตนฺติ ‘‘เนว ทวายา’’ติ วุเตฺตหิ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตํฯ วิสุทฺธิมเคฺค ปนสฺส วินิจฺฉโย อาคโตติ สพฺพาสวสุเตฺต วุตฺตเมตํฯ หเตฺถสุ โธเตสูติ สตฺถา กิํ กโรติ? ปฐมํ ปตฺตสฺส คหณฎฺฐานํ โธวติฯ ตตฺถ ปตฺตํ คเหตฺวา สุขุมชาลหตฺถํ เปเสตฺวา เทฺว วาเร สญฺจาเรติฯ เอตฺตาวตา โปกฺขรปเตฺต ปติตอุทกํ วิย วินิวตฺติตฺวา คจฺฉติฯ น จ อนตฺถิโกติ ยถา เอกโจฺจ ปตฺตํ อาธารเก ฐเปตฺวา ปเตฺต อุทกํ น ปุญฺฉติ, รเช ปตเนฺต อชฺฌุเปกฺขติ, น เอวํ กโรติฯ น จ อติเวลานุรกฺขีติ ยถา เอกโจฺจ ปมาณาติกฺกนฺตํ อารกฺขํ ฐเปติ, ภุญฺชิตฺวา วา ปเตฺต อุทกํ ปุญฺฉิตฺวา จีวรโภคนฺตรํ ปเวเสตฺวา ปตฺตํ อุทเรน อกฺกมิตฺวา คณฺหาติ, น เอวํ กโรติฯ

    Aṭṭhaṅgasamannāgatanti ‘‘neva davāyā’’ti vuttehi aṭṭhahi aṅgehi samannāgataṃ. Visuddhimagge panassa vinicchayo āgatoti sabbāsavasutte vuttametaṃ. Hatthesu dhotesūti satthā kiṃ karoti? Paṭhamaṃ pattassa gahaṇaṭṭhānaṃ dhovati. Tattha pattaṃ gahetvā sukhumajālahatthaṃ pesetvā dve vāre sañcāreti. Ettāvatā pokkharapatte patitaudakaṃ viya vinivattitvā gacchati. Na ca anatthikoti yathā ekacco pattaṃ ādhārake ṭhapetvā patte udakaṃ na puñchati, raje patante ajjhupekkhati, na evaṃ karoti. Na ca ativelānurakkhīti yathā ekacco pamāṇātikkantaṃ ārakkhaṃ ṭhapeti, bhuñjitvā vā patte udakaṃ puñchitvā cīvarabhogantaraṃ pavesetvā pattaṃ udarena akkamitvā gaṇhāti, na evaṃ karoti.

    น จ อนุโมทนสฺสาติ โย หิ ภุตฺตมโตฺตว ทารเกสุ ภตฺตตฺถาย โรทเนฺตสุ ฉาตชฺฌเตฺตสุ มนุเสฺสสุ ภุญฺชิตฺวา อนาคเตเสฺวว อนุโมทนํ อารภติ, ตโต สพฺพกมฺมานิ ฉเฑฺฑตฺวา เอกเจฺจ อาคจฺฉนฺติ, เอกเจฺจ อนาคตาว โหนฺติ, อยํ กาลํ อตินาเมติฯ โยปิ มนุเสฺสสุ อาคนฺตฺวา อนุโมทนตฺถาย วนฺทิตฺวา นิสิเนฺนสุ อนุโมทนํ อกตฺวาว ‘‘กถํ ติสฺส, กถํ ผุสฺส, กถํ สุมน, กถํ ติเสฺส, กถํ ผุเสฺส, กถํ สุมเน, กจฺจิตฺถ อโรคา, สสฺสํ สมฺปนฺน’’นฺติอาทิํ ปาฎิเยกฺกํ กถํ สมุฎฺฐาเปติ, อยํ อนุโมทนสฺส กาลํ อตินาเมติ, มนุสฺสานํ ปน โอกาสํ ญตฺวา อายาจิตกาเล กโรโนฺต นาตินาเมติ นาม, สตฺถา ตถา กโรติฯ

    Na ca anumodanassāti yo hi bhuttamattova dārakesu bhattatthāya rodantesu chātajjhattesu manussesu bhuñjitvā anāgatesveva anumodanaṃ ārabhati, tato sabbakammāni chaḍḍetvā ekacce āgacchanti, ekacce anāgatāva honti, ayaṃ kālaṃ atināmeti. Yopi manussesu āgantvā anumodanatthāya vanditvā nisinnesu anumodanaṃ akatvāva ‘‘kathaṃ tissa, kathaṃ phussa, kathaṃ sumana, kathaṃ tisse, kathaṃ phusse, kathaṃ sumane, kaccittha arogā, sassaṃ sampanna’’ntiādiṃ pāṭiyekkaṃ kathaṃ samuṭṭhāpeti, ayaṃ anumodanassa kālaṃ atināmeti, manussānaṃ pana okāsaṃ ñatvā āyācitakāle karonto nātināmeti nāma, satthā tathā karoti.

    น ตํ ภตฺตนฺติ กิํ ภตฺตํ นาเมตํ อุตฺตณฺฑุลํ อติกิลินฺนนฺติอาทีนิ วตฺวา น ครหติฯ อญฺญํ ภตฺตนฺติ สฺวาตนาย วา ปุนทิวสาย วา ภตฺตํ อุปฺปาเทสฺสามีติ หิ อนุโมทนํ กโรโนฺต อญฺญํ ภตฺตํ ปฎิกงฺขติฯ โย วา – ‘‘ยาว มาตุคามานํ ภตฺตํ ปจฺจติ, ตาว อนุโมทนํ กริสฺสามิ, อถ เม อนุโมทนาวสาเน อตฺตโน ปกฺกภตฺตโตปิ โถกํ ทสฺสนฺตี’’ติ อนุโมทนํ วเฑฺฒติ, อยมฺปิ ปฎิกงฺขติ นามฯ สตฺถา น เอวํ กโรติฯ น จ มุจฺจิตุกาโมติ เอกโจฺจ หิ ปฎิสํมุญฺจิตฺวา คจฺฉติ, เวเคน อนุพนฺธิตโพฺพ โหติฯ สตฺถา ปน น เอวํ คจฺฉติ, ปริสาย มเชฺฌ ฐิโตว คจฺฉติฯ อจฺจุกฺกฎฺฐนฺติ โย หิ ยาว หนุกฎฺฐิโต อุกฺขิปิตฺวา ปารุปติ, ตสฺส อจฺจุกฺกฎฺฐํ นาม โหติฯ โย ยาว โคปฺผกา โอตาเรตฺวาว ปารุปติ, ตสฺส อจฺจุกฺกฎฺฐํ โหติฯ โยปิ อุภโต อุกฺขิปิตฺวา อุทรํ วิวริตฺวา ยาติ, ตสฺสปิ อจฺจุกฺกฎฺฐํ โหติฯ โย เอกํสํ กตฺวา ถนํ วิวริตฺวา ยาติ, ตสฺสปิ อจฺจุกฺกฎฺฐํฯ สตฺถา ตํ สพฺพํ น กโรติฯ

    Na taṃ bhattanti kiṃ bhattaṃ nāmetaṃ uttaṇḍulaṃ atikilinnantiādīni vatvā na garahati. Naaññaṃ bhattanti svātanāya vā punadivasāya vā bhattaṃ uppādessāmīti hi anumodanaṃ karonto aññaṃ bhattaṃ paṭikaṅkhati. Yo vā – ‘‘yāva mātugāmānaṃ bhattaṃ paccati, tāva anumodanaṃ karissāmi, atha me anumodanāvasāne attano pakkabhattatopi thokaṃ dassantī’’ti anumodanaṃ vaḍḍheti, ayampi paṭikaṅkhati nāma. Satthā na evaṃ karoti. Na ca muccitukāmoti ekacco hi paṭisaṃmuñcitvā gacchati, vegena anubandhitabbo hoti. Satthā pana na evaṃ gacchati, parisāya majjhe ṭhitova gacchati. Accukkaṭṭhanti yo hi yāva hanukaṭṭhito ukkhipitvā pārupati, tassa accukkaṭṭhaṃ nāma hoti. Yo yāva gopphakā otāretvāva pārupati, tassa accukkaṭṭhaṃ hoti. Yopi ubhato ukkhipitvā udaraṃ vivaritvā yāti, tassapi accukkaṭṭhaṃ hoti. Yo ekaṃsaṃ katvā thanaṃ vivaritvā yāti, tassapi accukkaṭṭhaṃ. Satthā taṃ sabbaṃ na karoti.

    อลฺลีนนฺติ ยถา อเญฺญสํ เสเทน ตินฺตํ อลฺลียติ, น เอวํ สตฺถุฯ อปกฎฺฐนฺติ ขลิสาฎโก วิย กายโต มุจฺจิตฺวาปิ น ติฎฺฐติฯ วาโตติ เวรมฺภวาโตปิ อุฎฺฐหิตฺวา จาเลตุํ น สโกฺกติฯ ปาทมณฺฑนานุโยคนฺติ อิฎฺฐกาย ฆํสนาทีหิ ปาทโสภานุโยคํฯ ปกฺขาเลตฺวาติ ปาเทเนว ปาทํ โธวิตฺวาฯ โส เนว อตฺตพฺยาพาธายาติอาทีนิ น ปุเพฺพนิวาสเจโตปริยญาณานํ อตฺถิตาย วทติ, อิริยาปถสนฺตตํ ปน ทิสฺวา อนุมาเนน วทติฯ ธมฺมนฺติ ปริยตฺติธมฺมํฯ น อุสฺสาเทตีติ กิํ มหารฎฺฐิก, กิํ มหากุฎุมฺพิกาติอาทีนิ วตฺวา เคหสฺสิตวเสน น อุสฺสาเทติฯ น อปสาเทตีติ ‘‘กิํ, อุปาสก, กถํ เต วิหารมโคฺค ญาโต? กิํ ภเยน นาคจฺฉสิ? น หิ ภิกฺขู กิญฺจิ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺติ, มา ภายี’’ติ วา ‘‘กิํ ตุยฺหํ เอวํ มจฺฉริยชีวิตํ นามา’’ติ วา อาทีนิ วตฺวา เคหสฺสิตเปเมน น อปสาเทติฯ

    Allīnanti yathā aññesaṃ sedena tintaṃ allīyati, na evaṃ satthu. Apakaṭṭhanti khalisāṭako viya kāyato muccitvāpi na tiṭṭhati. Vātoti verambhavātopi uṭṭhahitvā cāletuṃ na sakkoti. Pādamaṇḍanānuyoganti iṭṭhakāya ghaṃsanādīhi pādasobhānuyogaṃ. Pakkhāletvāti pādeneva pādaṃ dhovitvā. So neva attabyābādhāyātiādīni na pubbenivāsacetopariyañāṇānaṃ atthitāya vadati, iriyāpathasantataṃ pana disvā anumānena vadati. Dhammanti pariyattidhammaṃ. Na ussādetīti kiṃ mahāraṭṭhika, kiṃ mahākuṭumbikātiādīni vatvā gehassitavasena na ussādeti. Na apasādetīti ‘‘kiṃ, upāsaka, kathaṃ te vihāramaggo ñāto? Kiṃ bhayena nāgacchasi? Na hi bhikkhū kiñci acchinditvā gaṇhanti, mā bhāyī’’ti vā ‘‘kiṃ tuyhaṃ evaṃ macchariyajīvitaṃ nāmā’’ti vā ādīni vatvā gehassitapemena na apasādeti.

    วิสฺสโฎฺฐติ สินิโทฺธ อปลิพุโทฺธฯ วิเญฺญโยฺยติ วิญฺญาปนีโย ปากโฎ, วิสฺสฎฺฐตฺตาเยว เจส วิเญฺญโยฺย โหติฯ มญฺชูติ มธุโรฯ สวนีโยติ โสตสุโข, มธุรตฺตาเยว เจส สวนีโย โหติฯ พินฺทูติ สมฺปิณฺฑิโตฯ อวิสารีติ อวิสโฎ, พินฺทุตฺตาเยว เจส อวิสารี โหติฯ คมฺภีโรติ คมฺภีรสมุฎฺฐิโตฯ นินฺนาทีติ นินฺนาทวา, คมฺภีรตฺตาเยว เจส นินฺนาที โหติฯ ยถาปริสนฺติ จกฺกวาฬปริยนฺตมฺปิ เอกาพทฺธปริสํ วิญฺญาเปติฯ พหิทฺธาติ องฺคุลิมตฺตมฺปิ ปริสโต พหิทฺธา น คจฺฉติฯ ตสฺมา? โส เอวรูโป มธุรสฺสโร อการณา มา นสฺสีติฯ อิติ ภควโต โฆโส ปริสาย มตฺถเกเนว จรติฯ

    Vissaṭṭhoti siniddho apalibuddho. Viññeyyoti viññāpanīyo pākaṭo, vissaṭṭhattāyeva cesa viññeyyo hoti. Mañjūti madhuro. Savanīyoti sotasukho, madhurattāyeva cesa savanīyo hoti. Bindūti sampiṇḍito. Avisārīti avisaṭo, binduttāyeva cesa avisārī hoti. Gambhīroti gambhīrasamuṭṭhito. Ninnādīti ninnādavā, gambhīrattāyeva cesa ninnādī hoti. Yathāparisanti cakkavāḷapariyantampi ekābaddhaparisaṃ viññāpeti. Bahiddhāti aṅgulimattampi parisato bahiddhā na gacchati. Tasmā? So evarūpo madhurassaro akāraṇā mā nassīti. Iti bhagavato ghoso parisāya matthakeneva carati.

    อวโลกยมานาติ สิรสฺมิํ อญฺชลิํ ฐเปตฺวา ภควนฺตํ โอโลเกนฺตาว ปโจฺจสกฺกิตฺวา ทสฺสนวิชหนฎฺฐาเน วนฺทิตฺวา คจฺฉนฺติฯ อวิชหิตตฺตาติ โย หิ กถํ สุตฺวา วุฎฺฐิโต อญฺญํ ทิฎฺฐสุตาทิกํ กถํ กเถโนฺต คจฺฉติ, เอส สภาเวน วิชหติ นามฯ โย ปน สุตธมฺมกถาย วณฺณํ กเถโนฺตว คจฺฉติ, อยํ น วิชหติ นาม, เอวํ อวิชหนฺตภาเวน ปกฺกมนฺติฯ คจฺฉนฺตนฺติ รชฺชุยนฺตวเสน รตนสตฺตุเพฺพธํ สุวณฺณคฺฆิกํ วิย คจฺฉนฺตํฯ อทฺทสาม ฐิตนฺติ สมุสฺสิตกญฺจนปพฺพตํ วิย ฐิตํ อทฺทสามฯ ตโต จ ภิโยฺยติ วิตฺถาเรตฺวา คุเณ กเถตุํ อสโกฺกโนฺต อวเสเส คุเณ สํขิปิตฺวา กลาปํ วิย สุตฺตกพทฺธํ วิย จ กตฺวา วิสฺสเชฺชโนฺต เอวมาหฯ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – มยา กถิตคุเณหิ อกถิตาว พหุตราฯ มหาปถวิมหาสมุทฺทาทโย วิย หิ ตสฺส โภโต อนนฺตา อปฺปเมยฺยา คุณา อากาสมิว วิตฺถาริตาติฯ

    Avalokayamānāti sirasmiṃ añjaliṃ ṭhapetvā bhagavantaṃ olokentāva paccosakkitvā dassanavijahanaṭṭhāne vanditvā gacchanti. Avijahitattāti yo hi kathaṃ sutvā vuṭṭhito aññaṃ diṭṭhasutādikaṃ kathaṃ kathento gacchati, esa sabhāvena vijahati nāma. Yo pana sutadhammakathāya vaṇṇaṃ kathentova gacchati, ayaṃ na vijahati nāma, evaṃ avijahantabhāvena pakkamanti. Gacchantanti rajjuyantavasena ratanasattubbedhaṃ suvaṇṇagghikaṃ viya gacchantaṃ. Addasāma ṭhitanti samussitakañcanapabbataṃ viya ṭhitaṃ addasāma. Tato ca bhiyyoti vitthāretvā guṇe kathetuṃ asakkonto avasese guṇe saṃkhipitvā kalāpaṃ viya suttakabaddhaṃ viya ca katvā vissajjento evamāha. Ayamettha adhippāyo – mayā kathitaguṇehi akathitāva bahutarā. Mahāpathavimahāsamuddādayo viya hi tassa bhoto anantā appameyyā guṇā ākāsamiva vitthāritāti.

    ๓๙๐. อปฺปฎิสํวิทิโตติ อวิญฺญาตอาคมโนฯ ปพฺพชิเต อุปสงฺกมเนฺตน หิ จีวรปริกมฺมาทิสมเย วา เอกํ นิวาเสตฺวา สรีรภญฺชนสมเย วา อุปสงฺกมิตฺวา ตโตว ปฎินิวตฺติตพฺพํ โหติ, ปฎิสนฺถารมตฺตมฺปิ น ชายติฯ ปุเรตรํ ปน โอกาเส การิเต ทิวาฎฺฐานํ สมฺมชฺชิตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ภิกฺขุ วิวิเตฺต ฐาเน นิสีทติ, ตํ อาคนฺตฺวา ปสฺสนฺตา ทสฺสเนนปิ ปสีทนฺติ, ปฎิสนฺถาโร ชายติ, ปญฺหพฺยากรณํ วา ธมฺมกถา วา ลพฺภติฯ ตสฺมา ปณฺฑิตา โอกาสํ กาเรนฺติฯ โส จ เนสํ อญฺญตโร, เตนสฺส เอตทโหสิฯ ชิโณฺณ วุโฑฺฒติ อตฺตโน อุคฺคตภาวํ อกเถตฺวา กสฺมา เอวมาห? พุทฺธา นาม อนุทฺทยสมฺปนฺนา โหนฺติ, มหลฺลกภาวํ ญตฺวา สีฆํ โอกาสํ กริสฺสตีติ เอวมาหฯ

    390.Appaṭisaṃviditoti aviññātaāgamano. Pabbajite upasaṅkamantena hi cīvaraparikammādisamaye vā ekaṃ nivāsetvā sarīrabhañjanasamaye vā upasaṅkamitvā tatova paṭinivattitabbaṃ hoti, paṭisanthāramattampi na jāyati. Puretaraṃ pana okāse kārite divāṭṭhānaṃ sammajjitvā cīvaraṃ pārupitvā bhikkhu vivitte ṭhāne nisīdati, taṃ āgantvā passantā dassanenapi pasīdanti, paṭisanthāro jāyati, pañhabyākaraṇaṃ vā dhammakathā vā labbhati. Tasmā paṇḍitā okāsaṃ kārenti. So ca nesaṃ aññataro, tenassa etadahosi. Jiṇṇo vuḍḍhoti attano uggatabhāvaṃ akathetvā kasmā evamāha? Buddhā nāma anuddayasampannā honti, mahallakabhāvaṃ ñatvā sīghaṃ okāsaṃ karissatīti evamāha.

    ๓๙๑. โอรมิย โอกาสมกาสีติ เวเคน อุฎฺฐาย ทฺวิธา ภิชฺชิตฺวา โอกาสมกาสิฯ

    391.Oramiya okāsamakāsīti vegena uṭṭhāya dvidhā bhijjitvā okāsamakāsi.

    เย เมติ เย มยาฯ นารีสมานสวฺหยาติ นารีสมานนามํ อิตฺถิลิงฺคํ, เตน อวฺหาตพฺพาติ นารีสมานสวฺหยา, อิตฺถิลิเงฺคน วตฺตพฺพาติ โวหารกุสลตาย เอวํ วทติฯ ปหูตชิโวฺหติ ปุถุลชิโวฺหฯ นินฺนามเยตนฺติ นีหร เอตํฯ

    Ye meti ye mayā. Nārīsamānasavhayāti nārīsamānanāmaṃ itthiliṅgaṃ, tena avhātabbāti nārīsamānasavhayā, itthiliṅgena vattabbāti vohārakusalatāya evaṃ vadati. Pahūtajivhoti puthulajivho. Ninnāmayetanti nīhara etaṃ.

    ๓๙๓. เกวลีติ สกลคุณสมฺปโนฺนฯ

    393.Kevalīti sakalaguṇasampanno.

    ๓๙๔. ปจฺจภาสีติ เอกปฺปหาเรน ปุจฺฉิเต อฎฺฐ ปเญฺห พฺยากโรโนฺต ปติอภาสิฯ โย เวทีติ โย วิทติ ชานาติ, ยสฺส ปุเพฺพนิวาโส ปากโฎฯ สคฺคาปายญฺจ ปสฺสตีติ ทิพฺพจกฺขุญาณํ กถิตํฯ ชาติกฺขยํ ปโตฺตติ อรหตฺตํ ปโตฺตฯ อภิญฺญา โวสิโตติ ตํ อรหตฺตํ อภิชานิตฺวา โวสิโต โวสานปฺปโตฺตฯ มุนีติ อรหตฺตญาณโมเนเยฺยน สมนฺนาคโตฯ

    394.Paccabhāsīti ekappahārena pucchite aṭṭha pañhe byākaronto patiabhāsi. Yo vedīti yo vidati jānāti, yassa pubbenivāso pākaṭo. Saggāpāyañca passatīti dibbacakkhuñāṇaṃ kathitaṃ. Jātikkhayaṃpattoti arahattaṃ patto. Abhiññā vositoti taṃ arahattaṃ abhijānitvā vosito vosānappatto. Munīti arahattañāṇamoneyyena samannāgato.

    วิสุทฺธนฺติ ปณฺฑรํฯ มุตฺตํ ราเคหีติ กิเลสราเคหิ มุตฺตํฯ ปหีนชาติมรโณติ ชาติกฺขยปฺปตฺตตฺตา ปหีนชาติโก, ชาติปหาเนเนว ปหีนมรโณฯ พฺรหฺมจริยสฺส เกวลีติ ยํ พฺรหฺมจริยสฺส เกวลี สกลภาโว, เตน สมนฺนาคโต, สกลจตุมคฺคพฺรหฺมจริยวาโสติ อโตฺถฯ ปารคู สพฺพธมฺมานนฺติ สเพฺพสํ โลกิยโลกุตฺตรธมฺมานํ อภิญฺญาย ปารํ คโต, สพฺพธเมฺม อภิชานิตฺวา ฐิโตติ อโตฺถฯ ปารคูติ วา เอตฺตาวตา ปริญฺญาปารคู ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ, ปหานปารคู สพฺพกิเลสานํ , ภาวนาปารคู จตุนฺนํ มคฺคานํ, สจฺฉิกิริยาปารคู นิโรธสฺส, สมาปตฺติปารคู สพฺพสมาปตฺตีนนฺติ อยมโตฺถ วุโตฺตฯ ปุน สพฺพธมฺมานนฺติ อิมินา อภิญฺญาปารคู วุโตฺตติฯ พุโทฺธ ตาที ปวุจฺจตีติ ตาทิโส ฉหิ อากาเรหิ ปารํ คโต สพฺพากาเรน จตุนฺนํ สจฺจานํ พุทฺธตฺตา พุโทฺธติ ปวุจฺจตีติฯ

    Visuddhanti paṇḍaraṃ. Muttaṃ rāgehīti kilesarāgehi muttaṃ. Pahīnajātimaraṇoti jātikkhayappattattā pahīnajātiko, jātipahāneneva pahīnamaraṇo. Brahmacariyassa kevalīti yaṃ brahmacariyassa kevalī sakalabhāvo, tena samannāgato, sakalacatumaggabrahmacariyavāsoti attho. Pāragū sabbadhammānanti sabbesaṃ lokiyalokuttaradhammānaṃ abhiññāya pāraṃ gato, sabbadhamme abhijānitvā ṭhitoti attho. Pāragūti vā ettāvatā pariññāpāragū pañcannaṃ khandhānaṃ, pahānapāragū sabbakilesānaṃ , bhāvanāpāragū catunnaṃ maggānaṃ, sacchikiriyāpāragū nirodhassa, samāpattipāragū sabbasamāpattīnanti ayamattho vutto. Puna sabbadhammānanti iminā abhiññāpāragū vuttoti. Buddho tādī pavuccatīti tādiso chahi ākārehi pāraṃ gato sabbākārena catunnaṃ saccānaṃ buddhattā buddhoti pavuccatīti.

    กิํ ปน เอตฺตาวตา สเพฺพ ปญฺหา วิสฺสชฺชิตา โหนฺตีติ? อาม วิสฺสชฺชิตา, จิตฺตํ วิสุทฺธํ ชานาติ, มุตฺตํ ราเคหีติ อิมินา ตาว พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณติ ปฐมปโญฺห วิสฺสชฺชิโต โหติฯ ปารคูติ อิมินา เวเทหิ คตตฺตา เวทคูติ ทุติยปโญฺห วิสฺสชฺชิโต โหติฯ ปุเพฺพนิวาสนฺติอาทีหิ อิมาสํ ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ อตฺถิตาย เตวิโชฺชติ ตติยปโญฺห วิสฺสชฺชิโต โหติฯ มุตฺตํ ราเคหิ สพฺพโสติ อิมินาว นิสฺสฎตฺตา ปาปธมฺมานํ โสตฺติโยติ จตุตฺถปโญฺห วิสฺสชฺชิโต โหติฯ ชาติกฺขยํ ปโตฺตติ อิมินา ปน อรหตฺตเสฺสว วุตฺตตฺตา ปญฺจมปโญฺห วิสฺสชฺชิโต โหติฯ โวสิโตติ จ พฺรหฺมจริยสฺส เกวลีติ จ อิเมหิ ฉฎฺฐปโญฺห วิสฺสชฺชิโต โหติฯ อภิญฺญา โวสิโต มุนีติ อิมินา สตฺตมปโญฺห วิสฺสชฺชิโต โหติฯ ปารคู สพฺพธมฺมานํ, พุโทฺธ ตาที ปวุจฺจตีติ อิมินา อฎฺฐมปโญฺห วิสฺสชฺชิโต โหติฯ

    Kiṃ pana ettāvatā sabbe pañhā vissajjitā hontīti? Āma vissajjitā, cittaṃ visuddhaṃ jānāti, muttaṃ rāgehīti iminā tāva bāhitapāpattā brāhmaṇoti paṭhamapañho vissajjito hoti. Pāragūti iminā vedehi gatattā vedagūti dutiyapañho vissajjito hoti. Pubbenivāsantiādīhi imāsaṃ tissannaṃ vijjānaṃ atthitāya tevijjoti tatiyapañho vissajjito hoti. Muttaṃ rāgehi sabbasoti imināva nissaṭattā pāpadhammānaṃ sottiyoti catutthapañho vissajjito hoti. Jātikkhayaṃ pattoti iminā pana arahattasseva vuttattā pañcamapañho vissajjito hoti. Vositoti ca brahmacariyassa kevalīti ca imehi chaṭṭhapañho vissajjito hoti. Abhiññā vosito munīti iminā sattamapañho vissajjito hoti. Pāragū sabbadhammānaṃ, buddho tādī pavuccatīti iminā aṭṭhamapañho vissajjito hoti.

    ๓๙๕. ทานกถนฺติอาทีนิ เหฎฺฐา สุเตฺต วิตฺถาริตาเนวฯ ปจฺจปาทีติ ปฎิปชฺชิฯ ธมฺมสฺสานุธมฺมนฺติ อิมสฺมิํ สุเตฺต ธโมฺม นาม อรหตฺตมโคฺค, อนุธโมฺม นาม เหฎฺฐิมา ตโย มคฺคา ตีณิ จ สามญฺญผลานิ, ตานิ ปฎิปาฎิยา ปฎิลภีติ อโตฺถฯ น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสีติ มญฺจ ธมฺมการณา น กิลเมสิ, น ปุนปฺปุนํ กถาเปสีติ วุตฺตํ โหติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวฯ ตตฺถ ปรินิพฺพายีติ ปน ปเทน เทสนาย อรหเตฺตเนว กูฎํ คหิตนฺติฯ

    395.Dānakathantiādīni heṭṭhā sutte vitthāritāneva. Paccapādīti paṭipajji. Dhammassānudhammanti imasmiṃ sutte dhammo nāma arahattamaggo, anudhammo nāma heṭṭhimā tayo maggā tīṇi ca sāmaññaphalāni, tāni paṭipāṭiyā paṭilabhīti attho. Na ca maṃ dhammādhikaraṇaṃ vihesesīti mañca dhammakāraṇā na kilamesi, na punappunaṃ kathāpesīti vuttaṃ hoti. Sesaṃ sabbattha uttānameva. Tattha parinibbāyīti pana padena desanāya arahatteneva kūṭaṃ gahitanti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    พฺรหฺมายุสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Brahmāyusuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. พฺรหฺมายุสุตฺตํ • 1. Brahmāyusuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑. พฺรหฺมายุสุตฺตวณฺณนา • 1. Brahmāyusuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact