Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๕. พฺราหฺมณวโคฺค
5. Brāhmaṇavaggo
๑. พฺรหฺมายุสุตฺตวณฺณนา
1. Brahmāyusuttavaṇṇanā
๓๘๓. ‘‘มหาสโตฺต มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติอาทีสุ (มหาว. ๓๘) อุฬารตา วิสโย, ‘‘มหาชนกาโย สนฺนิปตี’’ติอาทีสุ สมฺพหุลภาววิสโย, อิธ ปน ตทุภยมฺปิสฺส อโตฺถติ ‘‘มหตาติ คุณมหเตฺตนปิ มหตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อปฺปิจฺฉตาทีติ อาทิ-สเทฺทน สนฺตุฎฺฐิสเลฺลขปวิเวกอสํสคฺควีริยารมฺภาทีนํ สงฺคโหฯ ทิฎฺฐิสีลสามญฺญสงฺฆาตสงฺขาเตนาติ เอตฺถ ‘‘นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’’ (สํ. นิ. ๒.๔๑; ๓.๙๙๘, ๑๐๐๔) – ‘‘อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติอาทิวจนโต ทิฎฺฐิสีลานํ นิยตสภาวตฺตา โสตาปนฺนาปิ อญฺญมญฺญํ ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญน สํหตา, ปเคว สกทาคามิอาทโยฯ ‘‘ตถารูปาย ทิฎฺฐิยา ทิฎฺฐิสามญฺญคโต วิหรติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๑; ปริ. ๒๗๔) ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามญฺญคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒; ปริ. ๒๗๔) วจนโต ปุถุชฺชนานมฺปิ ทิฎฺฐิสีลสามเญฺญน สํหตภาโว ลพฺภติเยวฯ
383. ‘‘Mahāsatto mahiddhiko mahānubhāvo’’tiādīsu (mahāva. 38) uḷāratā visayo, ‘‘mahājanakāyo sannipatī’’tiādīsu sambahulabhāvavisayo, idha pana tadubhayampissa atthoti ‘‘mahatāti guṇamahattenapi mahatā’’tiādi vuttaṃ. Appicchatādīti ādi-saddena santuṭṭhisallekhapavivekaasaṃsaggavīriyārambhādīnaṃ saṅgaho. Diṭṭhisīlasāmaññasaṅghātasaṅkhātenāti ettha ‘‘niyato sambodhiparāyaṇo’’ (saṃ. ni. 2.41; 3.998, 1004) – ‘‘aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso, yaṃ diṭṭhisampanno puggalo sañcicca pāṇaṃ jīvitā voropeyyāti netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’tiādivacanato diṭṭhisīlānaṃ niyatasabhāvattā sotāpannāpi aññamaññaṃ diṭṭhisīlasāmaññena saṃhatā, pageva sakadāgāmiādayo. ‘‘Tathārūpāya diṭṭhiyā diṭṭhisāmaññagato viharati (dī. ni. 3.324, 356; ma. ni. 1.492; 3.54; a. ni. 6.11; pari. 274) tathārūpehi sīlehi sīlasāmaññagato viharatī’’ti (dī. ni. 3.324; ma. ni. 1.492; 3.54; a. ni. 6.12; pari. 274) vacanato puthujjanānampi diṭṭhisīlasāmaññena saṃhatabhāvo labbhatiyeva.
โอฎฺฐปหตกรณวเสน อตฺถวิภาควเสนฯ สนิฆณฺฑุเกฎุภานนฺติ เอตฺถ นิฆณฺฑูติ วจนียวาจกภาเวน อตฺถํ สทฺทญฺจ ขณฺฑติ วิภชฺช ทเสฺสตีติ นิขณฺฑุฯ โส เอว อิธ ข-การสฺส ฆ-การํ กตฺวา ‘‘นิฆณฺฑู’’ติ วุโตฺตฯ กิฎติ คเมติ กิริยาทิวิภาคํ, ตํ วา อนวเสสปริยาทานโต คเมโนฺต ปูเรตีติ เกฎุภํฯ เววจนปฺปกาสกนฺติ ปริยายสทฺททีปกํ, เอเกกสฺส อตฺถสฺส อเนกปริยายวจนวิภาวกนฺติ อโตฺถฯ นิทสฺสนมตฺตเญฺจตํ อเนเกสมฺปิ อตฺถานํ เอกสทฺทวจนียตาวิภาวนวเสนปิ ตสฺส คนฺถสฺส ปวตฺตตฺตาฯ วจีเภทาทิลกฺขณา กิริยา กปฺปียติ เอเตนาติ กิริยากโปฺป, โส ปน วณฺณปทสมฺพนฺธปทตฺถวิภาคโต พหุวิกโปฺปติ อาห ‘‘กิริยากปฺปวิกโปฺป’’ติฯ อิทญฺจ มูลกิริยากปฺปคนฺถํ สนฺธาย วุตฺตํฯ โส หิ สตสหสฺสปริมาโณ นลจริยาทิปกรณํฯ ฐานกรณาทิวิภาคโต นิพฺพจนวิภาคโต จ อกฺขรา ปเภทียนฺติ เอเตหีติ อกฺขรปฺปเภทา, สิกฺขานิรุตฺติโยฯ เอเตสนฺติ เวทานํฯ เต เอว เวเท ปทโส กายตีติ ปทโกฯ ตํ ตํ สทฺทํ ตทตฺถญฺจ พฺยากโรติ พฺยาจิกฺขติ เอเตนาติ พฺยากรณํ, สทฺทสตฺถํฯ อายติํ หิตํ เตน โลโก น ยตติ น อีหตีติ โลกายตํฯ ตญฺหิ คนฺถํ นิสฺสาย สตฺตา ปุญฺญกิริยาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติฯ วยตีติ วโย, น วโย อวโย, น อวโย อนวโย, อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ กตฺถจิ อปริกิลโนฺต อวิตฺถายโนฺต เต คเนฺถ สนฺธาเรติ ปูเรตีติ อโตฺถฯ เทฺว ปฎิเสธา ปกติํ คเมนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อวโย น โหตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ อวยํ ทเสฺสตุํ ‘‘อวโย…เป.… น สโกฺกตี’’ติ วุตฺตํฯ
Oṭṭhapahatakaraṇavasena atthavibhāgavasena. Sanighaṇḍukeṭubhānanti ettha nighaṇḍūti vacanīyavācakabhāvena atthaṃ saddañca khaṇḍati vibhajja dassetīti nikhaṇḍu. So eva idha kha-kārassa gha-kāraṃ katvā ‘‘nighaṇḍū’’ti vutto. Kiṭati gameti kiriyādivibhāgaṃ, taṃ vā anavasesapariyādānato gamento pūretīti keṭubhaṃ. Vevacanappakāsakanti pariyāyasaddadīpakaṃ, ekekassa atthassa anekapariyāyavacanavibhāvakanti attho. Nidassanamattañcetaṃ anekesampi atthānaṃ ekasaddavacanīyatāvibhāvanavasenapi tassa ganthassa pavattattā. Vacībhedādilakkhaṇā kiriyā kappīyati etenāti kiriyākappo, so pana vaṇṇapadasambandhapadatthavibhāgato bahuvikappoti āha ‘‘kiriyākappavikappo’’ti. Idañca mūlakiriyākappaganthaṃ sandhāya vuttaṃ. So hi satasahassaparimāṇo nalacariyādipakaraṇaṃ. Ṭhānakaraṇādivibhāgato nibbacanavibhāgato ca akkharā pabhedīyanti etehīti akkharappabhedā, sikkhāniruttiyo. Etesanti vedānaṃ. Te eva vede padaso kāyatīti padako. Taṃ taṃ saddaṃ tadatthañca byākaroti byācikkhati etenāti byākaraṇaṃ, saddasatthaṃ. Āyatiṃ hitaṃ tena loko na yatati na īhatīti lokāyataṃ. Tañhi ganthaṃ nissāya sattā puññakiriyāya cittampi na uppādenti. Vayatīti vayo, na vayo avayo, na avayo anavayo, ādimajjhapariyosānesu katthaci aparikilanto avitthāyanto te ganthe sandhāreti pūretīti attho. Dve paṭisedhā pakatiṃ gamentīti dassento ‘‘avayo na hotī’’ti vatvā tattha avayaṃ dassetuṃ ‘‘avayo…pe… na sakkotī’’ti vuttaṃ.
๓๘๔. ครูติ ภาริยํ อตฺตานํ ตโต โมเจตฺวา คมนํ ทุกฺกรํ โหติฯ อนโตฺถปิ อุปฺปชฺชติ นินฺทาพฺยาโรสอุปารมฺภาทิฯ อพฺภุคฺคโตติ เอตฺถ อภิสทฺทโยเคน อิตฺถมฺภูตาขฺยานเตฺถ อุปโยควจนํฯ
384.Garūti bhāriyaṃ attānaṃ tato mocetvā gamanaṃ dukkaraṃ hoti. Anatthopi uppajjati nindābyārosaupārambhādi. Abbhuggatoti ettha abhisaddayogena itthambhūtākhyānatthe upayogavacanaṃ.
ลกฺขณานีติ ลกฺขณทีปนานิ มนฺตปทานิฯ อนฺตรธายนฺตีติ น เกวลํ ลกฺขณมนฺตานิเยว, อญฺญานิปิ พฺราหฺมณานํ ญาณพลาภาเวน อนุกฺกเมน อนฺตรธายนฺติฯ ตถา หิ วทนฺติ ‘‘เอกสตํ อทฺธริยํ ทิปญฺญาสมตฺตโต สามา’’ติอาทิฯ ปณิธิมหโต สมาทานมหโตติอาทินา ปเจฺจกํ มห-สโทฺท โยเชตโพฺพฯ ปณิธิมหนฺตตาทิ จสฺส พุทฺธวํสจริยาปิฎกวณฺณนาทิวเสเนว เวทิตโพฺพฯ นิฎฺฐาติ นิปฺผตฺติโยฯ ชาติสามญฺญโตติ ลกฺขณชาติยา ลกฺขณภาเวน สมานภาวโตฯ ยถา หิ พุทฺธานํ ลกฺขณานิ สุวิสุทฺธานิ สุปริพฺยตฺตานิ ปริปุณฺณานิ จ โหนฺติ, น เอวํ จกฺกวตฺตีนํฯ เตนาห ‘‘น เตเหว พุโทฺธ โหตี’’ติฯ
Lakkhaṇānīti lakkhaṇadīpanāni mantapadāni. Antaradhāyantīti na kevalaṃ lakkhaṇamantāniyeva, aññānipi brāhmaṇānaṃ ñāṇabalābhāvena anukkamena antaradhāyanti. Tathā hi vadanti ‘‘ekasataṃ addhariyaṃ dipaññāsamattato sāmā’’tiādi. Paṇidhimahato samādānamahatotiādinā paccekaṃ maha-saddo yojetabbo. Paṇidhimahantatādi cassa buddhavaṃsacariyāpiṭakavaṇṇanādivaseneva veditabbo. Niṭṭhāti nipphattiyo. Jātisāmaññatoti lakkhaṇajātiyā lakkhaṇabhāvena samānabhāvato. Yathā hi buddhānaṃ lakkhaṇāni suvisuddhāni suparibyattāni paripuṇṇāni ca honti, na evaṃ cakkavattīnaṃ. Tenāha ‘‘na teheva buddho hotī’’ti.
อภิรูปตา ทีฆายุกตา, อปฺปาตงฺกตา พฺราหฺมณาทีนํ ปิยมนาปตาติ จตูหิ อจฺฉริยธเมฺมหิฯ ทานํ ปิยวจนํ อตฺถจริยา สมานตฺตตาติ อิเมหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิฯ รญฺชนโตติ ปีติชนนโตฯ จกฺกํ จกฺกรตนํ วเตฺตติ ปวเตฺตตีติ จกฺกวตฺตี, สมฺปตฺติจเกฺกหิ สยํ วเตฺตติ, เตหิ จ ปรํ สตฺตนิกายํ วเตฺตติ ปวเตฺตตีติ จกฺกวตฺตี, ปรหิตาวโห อิริยาปถจกฺกานํ วโตฺต วตฺตนํ เอตสฺส อตฺถีติ จกฺกวตฺตี, อปฺปฎิหตํ วา อาณาสงฺขาตํ จกฺกํ วเตฺตตีติ จกฺกวตี, อปฺปฎิหตํ วา อาณาสงฺขาตํ จกฺกํ วเตฺตตีติ จกฺกวตฺตี, ขตฺติยมณฺฑลาทิสญฺญิตํ จกฺกํ สมูหํ อตฺตโน วเส วเตฺตตีติ จกฺกวตฺตีฯ ธมฺมํ จรตีติ ธมฺมิโกฯ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธโมฺม รญฺชนเตฺถน ราชาติ ธมฺมราชาฯ โกปาทีติ อาทิ-สเทฺทน กามโลภมานมทาทิเก สงฺคณฺหาติฯ วิชิตาวีติ วิชิตวาฯ เกนจิ อกมฺปิยเฎฺฐน ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺตฯ ทฬฺหภตฺติภาวโต วา ชนปโท ถาวริยํ ปโตฺต เอตฺถาติ ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺตฯ จิตฺตีกตภาวาทินาปิ (ขุ. ปา. อฎฺฐ. ๖.๓; ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๕.๒๒๓; สุ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฎฺฐ. ๕๐) จกฺกสฺส รตนโฎฺฐ เวทิตโพฺพฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ รตินิมิตฺตตาย วา จิตฺตีกตาทิภาวสฺส รติชนนเฎฺฐน เอกสงฺคหตาย วิสุํ อคฺคหณํฯ
Abhirūpatā dīghāyukatā, appātaṅkatā brāhmaṇādīnaṃ piyamanāpatāti catūhi acchariyadhammehi. Dānaṃ piyavacanaṃ atthacariyā samānattatāti imehi catūhi saṅgahavatthūhi. Rañjanatoti pītijananato. Cakkaṃ cakkaratanaṃ vatteti pavattetīti cakkavattī, sampatticakkehi sayaṃ vatteti, tehi ca paraṃ sattanikāyaṃ vatteti pavattetīti cakkavattī, parahitāvaho iriyāpathacakkānaṃ vatto vattanaṃ etassa atthīti cakkavattī, appaṭihataṃ vā āṇāsaṅkhātaṃ cakkaṃ vattetīti cakkavatī, appaṭihataṃ vā āṇāsaṅkhātaṃ cakkaṃ vattetīti cakkavattī, khattiyamaṇḍalādisaññitaṃ cakkaṃ samūhaṃ attano vase vattetīti cakkavattī. Dhammaṃ caratīti dhammiko. Dhammato anapetattā dhammo rañjanatthena rājāti dhammarājā. Kopādīti ādi-saddena kāmalobhamānamadādike saṅgaṇhāti. Vijitāvīti vijitavā. Kenaci akampiyaṭṭhena janapadatthāvariyappatto. Daḷhabhattibhāvato vā janapado thāvariyaṃ patto etthāti janapadatthāvariyappatto. Cittīkatabhāvādināpi (khu. pā. aṭṭha. 6.3; dī. ni. aṭṭha. 2.33; saṃ. ni. aṭṭha. 3.5.223; su. ni. aṭṭha. 1.226; mahāni. aṭṭha. 50) cakkassa ratanaṭṭho veditabbo. Esa nayo sesesupi. Ratinimittatāya vā cittīkatādibhāvassa ratijananaṭṭhena ekasaṅgahatāya visuṃ aggahaṇaṃ.
อิเมหิ ปน รตเนหิ ราชา จกฺกวตฺตี ยํ ยมตฺถํ ปจฺจนุโภติ, ตํ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อชิตํ ชินาติ มเหสกฺขตาสํวตฺตนิยกมฺมนิสฺสนฺทภาวโตฯ วิชิเต ยถาสุขํ อนุวิจรติ หตฺถิรตนํ อสฺสรตนญฺจ อภิรุหิตฺวา เตสํ อานุภาเวน อโนฺตปาตราเสเยว สกลํ ปถวิํ อนุสํยายิตฺวา ราชธานิยํ ปจฺจาคมนโตฯ ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ เตน ตตฺถ ตตฺถ กตฺตพฺพกิจฺจสฺส สํวิธานโตฯ เสเสหีติ มณิรตนอิตฺถิรตนคหปติรตเนหิฯ ตตฺถ มณิรตเนน โยชนปฺปมาเณ เทเส อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกทสฺสนาทินา สุขมนุภวติ, อิตฺถิรตเนน อติกฺกนฺตมานุสรูปสมฺปตฺติทสฺสนาทิวเสน, คหปติรตเนน อิจฺฉิติจฺฉิตมณิกนกรชตาทิธนปฺปฎิลาภวเสนฯ อุสฺสาหสตฺติโยโค เยน เกนจิ อปฺปฎิหตาณาจกฺกภาวสิทฺธิโตฯ หตฺถิอสฺสรตนาทีนํ มหานุภาวตฺตา โกสสมฺปตฺติยาปิ ปภาวสมฺปตฺติสิทฺธิโต ‘‘หตฺถิ…เป.… โยโค’’ติ วุตฺตํฯ โกโส หิ นาม สติ อุสฺสาหสมฺปตฺติยํ (อุคฺคเตชสฺส สุกุมารปรกฺกมสฺส ปสนฺนมุขสฺส สมฺมุเข ปาปุณาติ)ฯ ปจฺฉิเมนาติ ปริณายกรตเนนฯ ตญฺหิ สพฺพราชกิเจฺจสุ กุสลํ อวิรชฺฌนปโยคํฯ เตนาห ‘‘มนฺตสตฺติโยโค’’ติฯ ติวิธสตฺติโยคผลํ ปริปุณฺณํ โหตีติ สมฺพโนฺธฯ เสเสหีติ เสเสหิ ปญฺจหิ รตเนหิฯ อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ อโทสสงฺขาเตน กุสลมูเลน สหชาตาทิปจฺจยวเสน อุปฺปาทิตกมฺมสฺส อานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ โสมฺมตรรตนชาติกตฺตาฯ มชฺฌิมานิ มณิอิตฺถิคหปติรตนานิฯ อโลภ…เป.… กมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ อุฬารธนสฺส อุฬารธนปฎิลาภการณสฺส จ ปริจฺจาคสมฺปทาเหตุกตฺตาฯ ปจฺฉิมนฺติ ปริณายกรตนํฯ ตญฺหิ อโมห…เป.… กมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชติ มหาปเญฺญเนว จกฺกวตฺติราชกิจฺจสฺส ปริเณตพฺพตฺตาฯ
Imehi pana ratanehi rājā cakkavattī yaṃ yamatthaṃ paccanubhoti, taṃ taṃ dassetuṃ ‘‘imesu panā’’tiādi vuttaṃ. Ajitaṃ jināti mahesakkhatāsaṃvattaniyakammanissandabhāvato. Vijite yathāsukhaṃ anuvicarati hatthiratanaṃ assaratanañca abhiruhitvā tesaṃ ānubhāvena antopātarāseyeva sakalaṃ pathaviṃ anusaṃyāyitvā rājadhāniyaṃ paccāgamanato. Pariṇāyakaratanena vijitamanurakkhati tena tattha tattha kattabbakiccassa saṃvidhānato. Sesehīti maṇiratanaitthiratanagahapatiratanehi. Tattha maṇiratanena yojanappamāṇe dese andhakāraṃ vidhamitvā ālokadassanādinā sukhamanubhavati, itthiratanena atikkantamānusarūpasampattidassanādivasena, gahapatiratanena icchiticchitamaṇikanakarajatādidhanappaṭilābhavasena. Ussāhasattiyogo yena kenaci appaṭihatāṇācakkabhāvasiddhito. Hatthiassaratanādīnaṃ mahānubhāvattā kosasampattiyāpi pabhāvasampattisiddhito ‘‘hatthi…pe… yogo’’ti vuttaṃ. Koso hi nāma sati ussāhasampattiyaṃ (uggatejassa sukumāraparakkamassa pasannamukhassa sammukhe pāpuṇāti). Pacchimenāti pariṇāyakaratanena. Tañhi sabbarājakiccesu kusalaṃ avirajjhanapayogaṃ. Tenāha ‘‘mantasattiyogo’’ti. Tividhasattiyogaphalaṃ paripuṇṇaṃ hotīti sambandho. Sesehīti sesehi pañcahi ratanehi. Adosakusalamūlajanitakammānubhāvenāti adosasaṅkhātena kusalamūlena sahajātādipaccayavasena uppāditakammassa ānubhāvena sampajjanti sommatararatanajātikattā. Majjhimāni maṇiitthigahapatiratanāni. Alobha…pe… kammānubhāvena sampajjanti uḷāradhanassa uḷāradhanapaṭilābhakāraṇassa ca pariccāgasampadāhetukattā. Pacchimanti pariṇāyakaratanaṃ. Tañhi amoha…pe… kammānubhāvena sampajjati mahāpaññeneva cakkavattirājakiccassa pariṇetabbattā.
สรณโต ปฎิปกฺขวิธมนโต สูราฯ เตนาห ‘‘อภีรุกชาติกา’’ติฯ อสุเร วิชินิตฺวา ฐิตตฺตา วีโร, สโกฺก เทวานมิโนฺท, ตสฺส องฺคํ เทวปุโตฺต เสนงฺคภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘วีรงฺครูปาติ เทวปุตฺตสทิสกายา’’ติฯ สภาโวติ สภาวภูโต อโตฺถฯ วีรการณนฺติ วีรภาวการณํฯ วีริยมยสรีรา วิยาติ สวิคฺคหวีริยสทิสา สวิคฺคหเญฺจ วีริยํ สิยา, ตํสทิสาติ อโตฺถฯ นนุ รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ปฎิเสนา นาม นตฺถิ, ยมสฺส ปุตฺตา ปมเทฺทยฺยุํ, อถ กสฺมา ‘‘ปรเสนปมทฺทนา’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘สเจ’’ติอาทิฯ เตน ปรเสนา โหตุ วา มา วา, เต ปน เอวํ มหานุภาวาติ ทเสฺสติฯ ธเมฺมนาติ กตูปจิเตน อตฺตโน ปุญฺญธเมฺมนฯ เตน หิ สโญฺจทิตา ปถวิยํ สพฺพราชาโน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ‘‘สฺวาคตํ เต มหาราชา’’ติอาทิํ วตฺวา อตฺตโน รชฺชํ รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส นิยฺยาเทนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โส อิมํ…เป.… อชฺฌาวสตี’’ติฯ อฎฺฐกถายํ ปน ตสฺส ยถาวุตฺตธมฺมสฺส จิรตรํ วิปจฺจิตุํ ปจฺจยภูตํ จกฺกวตฺติวตฺตสมุทาคตํ ปโยคสมฺปตฺติสงฺขาตํ ธมฺมํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปาโณ น หนฺตโพฺพติอาทินา ปญฺจสีลธเมฺมนา’’ติ วุตฺตํฯ เอวญฺหิ ‘‘อทเณฺฑน อสเตฺถนา’’ติ อิทํ วจนํ สุฎฺฐุตรํ สมตฺถิตํ โหติ, ยสฺมา ราคาทโย ปาปธมฺมา อุปฺปชฺชมานา สตฺตสนฺตานํ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฎฺฐนฺติ, กุสลปวตฺติํ นิวาเรนฺติ, ตสฺมา เต ‘‘ฉทนา, ฉทา’’ติ จ วุตฺตาฯ
Saraṇato paṭipakkhavidhamanato sūrā. Tenāha ‘‘abhīrukajātikā’’ti. Asure vijinitvā ṭhitattā vīro, sakko devānamindo, tassa aṅgaṃ devaputto senaṅgabhāvatoti vuttaṃ ‘‘vīraṅgarūpāti devaputtasadisakāyā’’ti. Sabhāvoti sabhāvabhūto attho. Vīrakāraṇanti vīrabhāvakāraṇaṃ. Vīriyamayasarīrā viyāti saviggahavīriyasadisā saviggahañce vīriyaṃ siyā, taṃsadisāti attho. Nanu rañño cakkavattissa paṭisenā nāma natthi, yamassa puttā pamaddeyyuṃ, atha kasmā ‘‘parasenapamaddanā’’ti vuttanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘sace’’tiādi. Tena parasenā hotu vā mā vā, te pana evaṃ mahānubhāvāti dasseti. Dhammenāti katūpacitena attano puññadhammena. Tena hi sañcoditā pathaviyaṃ sabbarājāno paccuggantvā ‘‘svāgataṃ te mahārājā’’tiādiṃ vatvā attano rajjaṃ rañño cakkavattissa niyyādenti. Tena vuttaṃ ‘‘so imaṃ…pe… ajjhāvasatī’’ti. Aṭṭhakathāyaṃ pana tassa yathāvuttadhammassa cirataraṃ vipaccituṃ paccayabhūtaṃ cakkavattivattasamudāgataṃ payogasampattisaṅkhātaṃ dhammaṃ dassetuṃ ‘‘pāṇo na hantabbotiādinā pañcasīladhammenā’’ti vuttaṃ. Evañhi ‘‘adaṇḍena asatthenā’’ti idaṃ vacanaṃ suṭṭhutaraṃ samatthitaṃ hoti, yasmā rāgādayo pāpadhammā uppajjamānā sattasantānaṃ chādetvā pariyonandhitvā tiṭṭhanti, kusalapavattiṃ nivārenti, tasmā te ‘‘chadanā, chadā’’ti ca vuttā.
วิวเฎฺฎตฺวา ปริวเตฺตตฺวาฯ ปูชารหตา วุตฺตา ‘‘อรหตีติ อรห’’นฺติฯ ตสฺสาติ ปูชารหตายฯ ยสฺมา สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ตสฺมา อรหนฺติฯ พุทฺธตฺตเหตุภูตา วิวฎฺฎจฺฉทตา วุตฺตา สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานปุพฺพกตฺตา พุทฺธภาวสิทฺธิยาฯ อรหํ วฎฺฎาภาเวนาติ ผเลน เหตุอนุมานทสฺสนํฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ฉทนาภาเวนาติ เหตุนา ผลานุมานทสฺสนํฯ เหตุทฺวยํ วุตฺตํ ‘‘วิวโฎฺฎ วิจฺฉโท จา’’ติฯ ทุติยเวสารเชฺชนาติ ‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฎิชานโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๕๐) อาคเตน เวสารเชฺชนฯ ปุริมสิทฺธีติ ปุริมสฺส ปทสฺส อตฺถสิทฺธิฯ ปฐเมนาติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฎิชานโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๕๐) อาคเตน เวสารเชฺชนฯ ทุติยสิทฺธีติ พุทฺธตฺตสิทฺธิฯ ตติยจตุเตฺถหีติ ‘‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๕๐), ‘‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๕๐) จ อาคเตหิ ตติยจตุเตฺถหิ เวสารเชฺชหิฯ ตติยสิทฺธีติ วิวฎฺฎจฺฉทนตา สิทฺธิฯ ยาถาวโต อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺมาปเทเสน หิ สตฺถุ วิวฎฺฎจฺฉทภาโว โลเก ปากโฎ อโหสิฯ ปุริมํ ธมฺมจกฺขุนฺติ ปุริมปทํ ภควโต ธมฺมจกฺขุํ สาเธติ กิเลสารีนํ สํสารจกฺกสฺส จ อรานํ หตภาวทีปนโตฯ ทุติยํ ปทํ พุทฺธจกฺขุํ สาเธติ สมฺมาสมฺพุทฺธเสฺสว ตํ สมฺภวโตฯ ตติยํ ปทํ สมนฺตจกฺขุํ สาเธติ สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานทีปนโตฯ ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ หิ วตฺวา ‘‘วิวฎฺฎจฺฉโท’’ติ วจนํ พุทฺธภาวาวหเมว สพฺพกิเลสปฺปหานํ วิภาเวตีติฯ สูรภาวนฺติ ลกฺขณวิภาวเนน วิสทญาณตํฯ
Vivaṭṭetvā parivattetvā. Pūjārahatā vuttā ‘‘arahatīti araha’’nti. Tassāti pūjārahatāya. Yasmā sammāsambuddho, tasmā arahanti. Buddhattahetubhūtā vivaṭṭacchadatā vuttā savāsanasabbakilesappahānapubbakattā buddhabhāvasiddhiyā. Arahaṃ vaṭṭābhāvenāti phalena hetuanumānadassanaṃ. Sammāsambuddho chadanābhāvenāti hetunā phalānumānadassanaṃ. Hetudvayaṃ vuttaṃ ‘‘vivaṭṭo vicchado cā’’ti. Dutiyavesārajjenāti ‘‘khīṇāsavassa te paṭijānato’’tiādinā (ma. ni. 1.150) āgatena vesārajjena. Purimasiddhīti purimassa padassa atthasiddhi. Paṭhamenāti ‘‘sammāsambuddhassa te paṭijānato’’tiādinā (ma. ni. 1.150) āgatena vesārajjena. Dutiyasiddhīti buddhattasiddhi. Tatiyacatutthehīti ‘‘ye kho pana te antarāyikā dhammā’’tiādinā (ma. ni. 1.150), ‘‘yassa kho pana te atthāyā’’tiādinā (ma. ni. 1.150) ca āgatehi tatiyacatutthehi vesārajjehi. Tatiyasiddhīti vivaṭṭacchadanatā siddhi. Yāthāvato antarāyikaniyyānikadhammāpadesena hi satthu vivaṭṭacchadabhāvo loke pākaṭo ahosi. Purimaṃ dhammacakkhunti purimapadaṃ bhagavato dhammacakkhuṃ sādheti kilesārīnaṃ saṃsāracakkassa ca arānaṃ hatabhāvadīpanato. Dutiyaṃ padaṃ buddhacakkhuṃ sādheti sammāsambuddhasseva taṃ sambhavato. Tatiyaṃ padaṃ samantacakkhuṃ sādheti savāsanasabbakilesappahānadīpanato. ‘‘Sammāsambuddho’’ti hi vatvā ‘‘vivaṭṭacchado’’ti vacanaṃ buddhabhāvāvahameva sabbakilesappahānaṃ vibhāvetīti. Sūrabhāvanti lakkhaṇavibhāvanena visadañāṇataṃ.
๓๘๕. คเวสีติ (ที. นิ. ฎี. ๑.๒๘๗) ญาเณน ปริเยสนํ อกาสิฯ สมานยีติ ญาเณน สงฺกเลโนฺต สมานํ อานยิ สมาหริฯ น สโกฺกติ สํกุจิเต อิริยาปเถ เยภุเยฺยน เตสํ ทุพฺพิภาวนโตฯ กงฺขตีติ ปทสฺส อากงฺขตีติ อยมโตฺถติ อาห – ‘‘อโห วต ปเสฺสยฺยนฺติ ปตฺถนํ อุปฺปาเทตี’’ติฯ กิจฺฉตีติ กิลมติฯ ‘‘กงฺขตี’’ติ ปทสฺส ปุเพฺพ อาสีสนตฺถตํ วตฺวา อิทานิ ตสฺส สํสยตฺถตฺตเมว วิกปฺปนฺตรวเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘กงฺขาย วา ทุพฺพลา วิมติ วุตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตีหิ ธเมฺมหิ ติปฺปกาเรหิ สํสยธเมฺมหิฯ กาลุสฺสิยภาโวติ อปฺปสนฺนตาย เหตุภูโต อาวิลภาโวฯ ยสฺมา ภควโต โกโสหิตํ สพฺพพุทฺธาเวณิกํ วตฺถคุยฺหํ สุวิสุทฺธกญฺจนมณฺฑลสนฺนิกาสํ อตฺตโน สณฺฐานสนฺนิเวสสุนฺทรตาย อาชาเนยฺยคนฺธหตฺถิโน วรงฺคจารุภาวํ วิกสมานตปนิยารวินฺทสมุชฺชลเกสราวตฺตวิลาสํ สญฺฌาปภานุรญฺชิตชลวนนฺตราภิลกฺขิต-สมฺปุณฺณจนฺทมณฺฑลโสภญฺจ อตฺตโน สิริยา อภิภุยฺย วิราชติ, ยํ พาหิรพฺภนฺตรมเลหิ อนุปกฺกิลิฎฺฐตาย จิรกาลํ สุปริจิตพฺรหฺมจริยาธิการตาย สุสณฺฐิตสณฺฐานสมฺปตฺติยา จ โกปีนมฺปิ สนฺตํ อโกปีนเมว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิฯ ปหูตภาวนฺติ ปุถุลภาวํฯ เอเตฺถว หิ ตสฺส สํสโย, ตนุมุทุสุกุมารตาทีสุ ปนสฺส คุเณสุ ตสฺส วิจารณา เอว นาโหสิฯ
385.Gavesīti (dī. ni. ṭī. 1.287) ñāṇena pariyesanaṃ akāsi. Samānayīti ñāṇena saṅkalento samānaṃ ānayi samāhari. Na sakkoti saṃkucite iriyāpathe yebhuyyena tesaṃ dubbibhāvanato. Kaṅkhatīti padassa ākaṅkhatīti ayamatthoti āha – ‘‘aho vata passeyyanti patthanaṃ uppādetī’’ti. Kicchatīti kilamati. ‘‘Kaṅkhatī’’ti padassa pubbe āsīsanatthataṃ vatvā idāni tassa saṃsayatthattameva vikappantaravasena dassento ‘‘kaṅkhāya vā dubbalā vimati vuttā’’tiādi vuttaṃ. Tīhi dhammehi tippakārehi saṃsayadhammehi. Kālussiyabhāvoti appasannatāya hetubhūto āvilabhāvo. Yasmā bhagavato kosohitaṃ sabbabuddhāveṇikaṃ vatthaguyhaṃ suvisuddhakañcanamaṇḍalasannikāsaṃ attano saṇṭhānasannivesasundaratāya ājāneyyagandhahatthino varaṅgacārubhāvaṃ vikasamānatapaniyāravindasamujjalakesarāvattavilāsaṃ sañjhāpabhānurañjitajalavanantarābhilakkhita-sampuṇṇacandamaṇḍalasobhañca attano siriyā abhibhuyya virājati, yaṃ bāhirabbhantaramalehi anupakkiliṭṭhatāya cirakālaṃ suparicitabrahmacariyādhikāratāya susaṇṭhitasaṇṭhānasampattiyā ca kopīnampi santaṃ akopīnameva, tasmā vuttaṃ ‘‘bhagavato hī’’tiādi. Pahūtabhāvanti puthulabhāvaṃ. Ettheva hi tassa saṃsayo, tanumudusukumāratādīsu panassa guṇesu tassa vicāraṇā eva nāhosi.
หิริกรโณกาสนฺติ หิริยิตพฺพฎฺฐานํฯ ฉายนฺติ ปฎิพิมฺพํฯ กีทิสนฺติ อาห ‘‘อิทฺธิยา’’ติอาทิฯ ฉายารูปนฺติ ภควโต ปฎิพิมฺพรูปํฯ ตญฺจ โข พุทฺธสนฺตานโต วินิมุตฺตํ รูปกมตฺตํ ภควโต สรีรวณฺณสณฺฐานาวยวํ อิทฺธิมยํ พิมฺพกมตฺตํ, ตํ ปน ทเสฺสโนฺต ภควา ยถา อตฺตโน พุทฺธรูปํ น ทิสฺสติ, ตถา กตฺวา ทเสฺสติฯ นีหริตฺวาติ ผริตฺวาฯ
Hirikaraṇokāsanti hiriyitabbaṭṭhānaṃ. Chāyanti paṭibimbaṃ. Kīdisanti āha ‘‘iddhiyā’’tiādi. Chāyārūpanti bhagavato paṭibimbarūpaṃ. Tañca kho buddhasantānato vinimuttaṃ rūpakamattaṃ bhagavato sarīravaṇṇasaṇṭhānāvayavaṃ iddhimayaṃ bimbakamattaṃ, taṃ pana dassento bhagavā yathā attano buddharūpaṃ na dissati, tathā katvā dasseti. Nīharitvāti pharitvā.
กณฺณโสตานํ อุปจิตตนุตมฺพโลมตาย โธตรชตปนาฬิกาสทิสตา วุตฺตาฯ มุขปริยเนฺตติ เกสเนฺตฯ
Kaṇṇasotānaṃ upacitatanutambalomatāya dhotarajatapanāḷikāsadisatā vuttā. Mukhapariyanteti kesante.
กิริยากรณนฺติ กิริยาย กายิกสฺส วาจสิกสฺส ปฎิปตฺติฯ ตตฺถาติ เตสุ กิเจฺจสุฯ ธมฺมกถิกานํ วตฺตํ ทเสฺสตุํ พีชนิคฺคหณํ กตํฯ น หิ อญฺญถา สพฺพสฺสปิ โลกสฺส อลงฺการภูตํ ปรมุกฺกํสคตํ สิกฺขาสํยมานํ พุทฺธานํ มุขจนฺทมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทตพฺพํ โหติฯ
Kiriyākaraṇanti kiriyāya kāyikassa vācasikassa paṭipatti. Tatthāti tesu kiccesu. Dhammakathikānaṃ vattaṃ dassetuṃ bījaniggahaṇaṃ kataṃ. Na hi aññathā sabbassapi lokassa alaṅkārabhūtaṃ paramukkaṃsagataṃ sikkhāsaṃyamānaṃ buddhānaṃ mukhacandamaṇḍalaṃ paṭicchādetabbaṃ hoti.
ปตฺถริตวิตานโอลมฺพิตคนฺธทามกุสุมทามเก คนฺธมณฺฑลมาเฬฯ ปุพฺพภาเคน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ‘‘เอตฺตกํ เวลํ สมาปตฺติยา วีตินาเมสฺสามี’’ติ เอวํ ปวเตฺตน ปุพฺพภาเคน กาลํ ปริจฺฉินฺทิตฺวาฯ ปจฺจยทายเกสุ อนุโรธวเสน ปริสํ อุสฺสาเทโนฺต วา ปคฺคณฺหโนฺต, อทายเกสุ วิโรธวเสน ปริสํ อปสาเทโนฺต วาฯ
Pattharitavitānaolambitagandhadāmakusumadāmake gandhamaṇḍalamāḷe. Pubbabhāgena paricchinditvāti ‘‘ettakaṃ velaṃ samāpattiyā vītināmessāmī’’ti evaṃ pavattena pubbabhāgena kālaṃ paricchinditvā. Paccayadāyakesu anurodhavasena parisaṃ ussādento vā paggaṇhanto, adāyakesu virodhavasena parisaṃ apasādento vā.
โยคเกฺขมํ อนฺตรายาภาวํฯ สภาวคุเณเนวาติ ยถาวุตฺตคุเณเนวฯ โภโต โคตมสฺส คุณํ สวิคฺคหํ จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ วิตฺถาเรน สนฺธาเรตุํ อปฺปโหนฺตโตฯ ภวคฺคํ อตินีจํ อุปรูปริ สนฺธาเรตุํ อปฺปโหนฺตโตฯ
Yogakkhemaṃ antarāyābhāvaṃ. Sabhāvaguṇenevāti yathāvuttaguṇeneva. Bhoto gotamassa guṇaṃ saviggahaṃ cakkavāḷaṃ atisambādhaṃ vitthārena sandhāretuṃ appahontato. Bhavaggaṃ atinīcaṃ uparūpari sandhāretuṃ appahontato.
๓๘๖. ฐานคมนาทีสุ (ที. นิ. ฎี. ๒.๓๕) ภูมิยํ สุฎฺฐุ สมํปติฎฺฐิตา ปาทา เอตสฺสาติ สุปฺปติฎฺฐิตปาโทฯ ตํ ปน ภควโต สุปฺปติฎฺฐิตปาทตํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อคฺคตลนฺติ อคฺคปาทตลํฯ ปณฺหีติ ปณฺหิตลํฯ ปสฺสนฺติ ปาทตลสฺส ทฺวีสุ ปเสฺสสุ เอเกกํ, อุภยเมว วา ปริยนฺตํ ปสฺสํฯ สุวณฺณปาทุกตลํ วิย อุชุกํ นิกฺขิปิยมานํฯ เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกกฺขเณเยวฯ สกลํ ปาทตลํ ภูมิํ ผุสติ นิกฺขิปเนฯ เอกปฺปหาเรเนว สกลํ ปาทตลํ ภูมิโต อุฎฺฐหตีติ โยชนาฯ
386. Ṭhānagamanādīsu (dī. ni. ṭī. 2.35) bhūmiyaṃ suṭṭhu samaṃpatiṭṭhitā pādā etassāti suppatiṭṭhitapādo. Taṃ pana bhagavato suppatiṭṭhitapādataṃ byatirekamukhena vibhāvetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha aggatalanti aggapādatalaṃ. Paṇhīti paṇhitalaṃ. Passanti pādatalassa dvīsu passesu ekekaṃ, ubhayameva vā pariyantaṃ passaṃ. Suvaṇṇapādukatalaṃ viya ujukaṃ nikkhipiyamānaṃ. Ekappahārenevāti ekakkhaṇeyeva. Sakalaṃ pādatalaṃ bhūmiṃ phusati nikkhipane. Ekappahāreneva sakalaṃ pādatalaṃ bhūmito uṭṭhahatīti yojanā.
ตตฺราติ ตาย สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาย อนุปุพฺพนินฺนาว อจฺฉริยพฺภุตํ อิทํ วุจฺจมานํ นิสฺสนฺทผลํฯ วุตฺตเมวตฺถํ สตฺถุ ติทิวคมเนน สุปากฎํ กาตุํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทิํ วตฺวา ‘‘น หี’’ติอาทินา ตํ สมเตฺถติฯ เตน ปฐมลกฺขณโตปิ ทุติยลกฺขณํ มหานุภาวนฺติ ทเสฺสติฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อนฺตมโส จกฺกวตฺติรโญฺญ ปริสํ อุปาทาย สโพฺพปิ จกฺกลกฺขณเสฺสว ปริวาโร’’ติฯ ยุคนฺธรปพฺพตสฺส ตาวติํสภวนสฺส จ ปกติปทนิเกฺขปฎฺฐานุปสงฺกมเน เนว พุทฺธานํ, น เทวตานํ อานุภาโว, อถ โข พุทฺธานํ ลกฺขณานุภาโวติ อิมมตฺถํ นิทสฺสิตํฯ สีลเตเชน…เป.… ทสนฺนํ ปารมีนํ อานุภาเวนาติ อิทมฺปิ ลกฺขณนิพฺพตฺตกมฺมวิเสสกิตฺตนเมวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ สพฺพาวเนฺตหีติ สพฺพปเทสวเนฺตหิฯ
Tatrāti tāya suppatiṭṭhitapādatāya anupubbaninnāva acchariyabbhutaṃ idaṃ vuccamānaṃ nissandaphalaṃ. Vuttamevatthaṃ satthu tidivagamanena supākaṭaṃ kātuṃ ‘‘tathā hī’’tiādiṃ vatvā ‘‘na hī’’tiādinā taṃ samattheti. Tena paṭhamalakkhaṇatopi dutiyalakkhaṇaṃ mahānubhāvanti dasseti. Tathā hi vakkhati ‘‘antamaso cakkavattirañño parisaṃ upādāya sabbopi cakkalakkhaṇasseva parivāro’’ti. Yugandharapabbatassa tāvatiṃsabhavanassa ca pakatipadanikkhepaṭṭhānupasaṅkamane neva buddhānaṃ, na devatānaṃ ānubhāvo, atha kho buddhānaṃ lakkhaṇānubhāvoti imamatthaṃ nidassitaṃ. Sīlatejena…pe… dasannaṃ pāramīnaṃ ānubhāvenāti idampi lakkhaṇanibbattakammavisesakittanamevāti daṭṭhabbaṃ. Sabbāvantehīti sabbapadesavantehi.
นาภิปริจฺฉินฺนาติ นาภิยํ ปริจฺฉินฺนา ปริเจฺฉทวเสน ฐิตาฯ นาภิมุขปริเกฺขปปโฎฺฎติ ปกติจกฺกสฺส อกฺขพฺภาหตปริหรณตฺถํ นาภิมุเข ฐเปตพฺพปริเกฺขปปโฎฺฎฯ เนมิมณิกาติ เนมิยํ อาวฬิภาเวน ฐิตมณิกาเลขาฯ
Nābhiparicchinnāti nābhiyaṃ paricchinnā paricchedavasena ṭhitā. Nābhimukhaparikkhepapaṭṭoti pakaticakkassa akkhabbhāhatapariharaṇatthaṃ nābhimukhe ṭhapetabbaparikkhepapaṭṭo. Nemimaṇikāti nemiyaṃ āvaḷibhāvena ṭhitamaṇikālekhā.
สมฺพหุลวาโรติ พหุวิธเลขงฺควิภาวนวาโรฯ สตฺตีติ อาวุธสตฺติฯ สิริวโจฺฉติ สิริมุขํฯ นนฺทีติ ทกฺขิณาวฎฺฎํฯ โสวตฺติโกติ โสวตฺติอโงฺกฯ วฎํสโกติ อาเวฬํฯ วฑฺฒมานกนฺติ ปุริสหาริ ปุริสงฺคํฯ โมรหตฺถโกติ โมรปิญฺฉกลาโป, โมรปิญฺฉ ปริสิพฺพิโต วา พีชนิวิเสโสฯ วาลพีชนีติ จามริวาลํฯ สิทฺธตฺถาทิ ปุณฺณฆฎปุณฺณปาติโยฯ ‘‘จกฺกวาโฬ’’ติ วตฺวา ตสฺส ปธานาวยเว ทเสฺสตุํ ‘‘หิมวา สิเนรุ…เป.… สหสฺสานี’’ติ วุตฺตํฯ
Sambahulavāroti bahuvidhalekhaṅgavibhāvanavāro. Sattīti āvudhasatti. Sirivacchoti sirimukhaṃ. Nandīti dakkhiṇāvaṭṭaṃ. Sovattikoti sovattiaṅko. Vaṭaṃsakoti āveḷaṃ. Vaḍḍhamānakanti purisahāri purisaṅgaṃ. Morahatthakoti morapiñchakalāpo, morapiñcha parisibbito vā bījaniviseso. Vālabījanīti cāmarivālaṃ. Siddhatthādi puṇṇaghaṭapuṇṇapātiyo. ‘‘Cakkavāḷo’’ti vatvā tassa padhānāvayave dassetuṃ ‘‘himavā sineru…pe… sahassānī’’ti vuttaṃ.
อายตปณฺหีติ อิทํ อเญฺญสํ ปณฺหิโต ทีฆตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน อติทีฆตนฺติ อาห ‘‘ปริปุณฺณปณฺหี’’ติฯ ยถา ปน ปณฺหิลกฺขณํ ปริปุณฺณํ นาม โหติ, ตํ พฺยติเรกมุเขน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อารเคฺคนาติ มณฺฑลาย สิขายฯ วเฎฺฎตฺวาติ ยถา สุวฎฺฎํ โหติ, เอวํ วเฎฺฎตฺวาฯ รตฺตกมฺพลเคณฺฑุกสทิสาติ รตฺตกมฺพลมยเคณฺฑุกสทิสาฯ
Āyatapaṇhīti idaṃ aññesaṃ paṇhito dīghataṃ sandhāya vuttaṃ, na pana atidīghatanti āha ‘‘paripuṇṇapaṇhī’’ti. Yathā pana paṇhilakkhaṇaṃ paripuṇṇaṃ nāma hoti, taṃ byatirekamukhena dassetuṃ ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Āraggenāti maṇḍalāya sikhāya. Vaṭṭetvāti yathā suvaṭṭaṃ hoti, evaṃ vaṭṭetvā. Rattakambalageṇḍukasadisāti rattakambalamayageṇḍukasadisā.
มกฺกฎเสฺสวาติ วานรสฺส วิยฯ ทีฆภาเวน สมตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ นิยฺยาสเตเลนาติ ฉทิกนิยฺยาสาทินิยฺยาสสมฺมิเสฺสน เตเลนฯ
Makkaṭassevāti vānarassa viya. Dīghabhāvena samataṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Niyyāsatelenāti chadikaniyyāsādiniyyāsasammissena telena.
ตลุนาติ สุกุมาราฯ
Talunāti sukumārā.
จเมฺมนาติ องฺคุลนฺตรเวฐิตจเมฺมนฯ ปฎิพทฺธองฺคุลนฺตโรติ เอกโต สมฺพทฺธองฺคุลนฺตโรฯ เอกปฺปมาณาติ ทีฆโต สมานปฺปมาณาฯ ยวลกฺขณนฺติ อพฺภนฺตรโต องฺคุลิปเพฺพฐิตํ ยวลกฺขณํฯ ปฎิวิชฺฌิตฺวาติ ตํตํปพฺพานํ สมานเทสตาย องฺคุลีนํ ปสาริตกาเล อญฺญมญฺญํ วิชฺฌิตานิ วิย ผุสิตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ
Cammenāti aṅgulantaraveṭhitacammena. Paṭibaddhaaṅgulantaroti ekato sambaddhaaṅgulantaro. Ekappamāṇāti dīghato samānappamāṇā. Yavalakkhaṇanti abbhantarato aṅgulipabbeṭhitaṃ yavalakkhaṇaṃ. Paṭivijjhitvāti taṃtaṃpabbānaṃ samānadesatāya aṅgulīnaṃ pasāritakāle aññamaññaṃ vijjhitāni viya phusitvā tiṭṭhanti.
สงฺขา วุจฺจนฺติ โคปฺผกา, อุทฺธํ สงฺขา เอเตสนฺติ อุสฺสงฺขา, ปาทาฯ ปิฎฺฐิปาเทติ ปิฎฺฐิปาทสมีเปฯ สุเขน ปาทา ปริวตฺตนฺติ ปาทนามนาทีสุ, เตเนว คจฺฉนฺตานํ เตสํ เหฎฺฐา ปาทตลานิ ทิสฺสนฺติฯ เตนาติ โคปฺผกานํ ปิฎฺฐิปาทโต อุทฺธํ ปติฎฺฐิตตฺตาฯ จตุรงฺคุลมตฺตญฺหิ ตานิ อุทฺธํ อาโรหิตฺวา ปติฎฺฐหนฺติ, นิคุฬฺหานิ จ โหนฺติ, น อเญฺญสํ วิย ปญฺญายมานานิฯ สติปิ เทสนฺตรปฺปวตฺติยํ นิจฺจโลติ ทสฺสนตฺถํ นาภิคฺคหณํฯ
Saṅkhā vuccanti gopphakā, uddhaṃ saṅkhā etesanti ussaṅkhā, pādā. Piṭṭhipādeti piṭṭhipādasamīpe. Sukhena pādā parivattanti pādanāmanādīsu, teneva gacchantānaṃ tesaṃ heṭṭhā pādatalāni dissanti. Tenāti gopphakānaṃ piṭṭhipādato uddhaṃ patiṭṭhitattā. Caturaṅgulamattañhi tāni uddhaṃ ārohitvā patiṭṭhahanti, niguḷhāni ca honti, na aññesaṃ viya paññāyamānāni. Satipi desantarappavattiyaṃ niccaloti dassanatthaṃ nābhiggahaṇaṃ.
ยสฺมา เอณีมิคสฺส สมนฺตโต เอกสทิสมํสา อนุกฺกเมน อุทฺธํ ถูลา ชงฺฆา โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอณีมิคสทิสชงฺฆา’’ติฯ ปริปุณฺณชโงฺฆติ สมนฺตโต มํสูปจเยน ปริปุณฺณชโงฺฆฯ เตนาห ‘‘น เอกโต’’ติอาทิฯ
Yasmā eṇīmigassa samantato ekasadisamaṃsā anukkamena uddhaṃ thūlā jaṅghā honti, tasmā vuttaṃ ‘‘eṇīmigasadisajaṅghā’’ti. Paripuṇṇajaṅghoti samantato maṃsūpacayena paripuṇṇajaṅgho. Tenāha ‘‘na ekato’’tiādi.
เอเตนาติ ‘‘อโนนมโนฺต’’ติอาทิวจเนน, ชาณุผาสุภาวทีปเนนาติ อโตฺถฯ อวเสสชนาติ อิมินา ลกฺขเณน รหิตา ชนาฯ ขุชฺชา วา โหนฺติ เหฎฺฐิมกายโต อุปริมกายสฺส รสฺสตายฯ วามนา วา อุปริมกายโต เหฎฺฐิมกายสฺส รสฺสตายฯ เอเตน ฐเปตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ จกฺกวตฺตินญฺจ อิตเร สตฺตา ขุชฺชา วามนา จาติ ทเสฺสติฯ
Etenāti ‘‘anonamanto’’tiādivacanena, jāṇuphāsubhāvadīpanenāti attho. Avasesajanāti iminā lakkhaṇena rahitā janā. Khujjā vā honti heṭṭhimakāyato uparimakāyassa rassatāya. Vāmanā vā uparimakāyato heṭṭhimakāyassa rassatāya. Etena ṭhapetvā sammāsambuddhaṃ cakkavattinañca itare sattā khujjā vāmanā cāti dasseti.
โอหิตนฺติ สโมหิตํ อโนฺตคธํฯ ตถาภูตํ ปน ตํ เตน ฉนฺนํ โหตีติ อาห ‘‘ปฎิจฺฉนฺน’’นฺติฯ
Ohitanti samohitaṃ antogadhaṃ. Tathābhūtaṃ pana taṃ tena channaṃ hotīti āha ‘‘paṭicchanna’’nti.
สุวณฺณวโณฺณติ สุวณฺณวณฺณวโณฺณติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘ชาติหิงฺคุลเกนา’’ติอาทิฯ สฺวายมโตฺถ อาวุตฺติญาเยน จ เวทิตโพฺพฯ สรีรปริยาโย อิธ วณฺณสโทฺทติ อธิปฺปาเยน ปฐมวิกปฺปํ วตฺวา ตถารูปาย ปน รุฬฺหิยา อภาวํ มนสิ กตฺวา วณฺณธาตุปริยายเมว วณฺณสทฺทํ คเหตฺวา ทุติยวิกโปฺป วุโตฺตฯ
Suvaṇṇavaṇṇoti suvaṇṇavaṇṇavaṇṇoti ayamettha atthoti āha ‘‘jātihiṅgulakenā’’tiādi. Svāyamattho āvuttiñāyena ca veditabbo. Sarīrapariyāyo idha vaṇṇasaddoti adhippāyena paṭhamavikappaṃ vatvā tathārūpāya pana ruḷhiyā abhāvaṃ manasi katvā vaṇṇadhātupariyāyameva vaṇṇasaddaṃ gahetvā dutiyavikappo vutto.
รโชติ สุขุมรโชฯ ชลฺลนฺติ มลีนภาวาวโห เรณุสญฺจโยฯ เตนาห ‘‘มลํ วา’’ติฯ ยทิ วิวฎฺฎติ, กถํ นฺหานาทีติ อาห ‘‘หตฺถโธวนา’’ติอาทิฯ
Rajoti sukhumarajo. Jallanti malīnabhāvāvaho reṇusañcayo. Tenāha ‘‘malaṃ vā’’ti. Yadi vivaṭṭati, kathaṃ nhānādīti āha ‘‘hatthadhovanā’’tiādi.
อาวฎฺฎปริโยสาเนติ ปทกฺขิณาวฎฺฎาย อเนฺตฯ
Āvaṭṭapariyosāneti padakkhiṇāvaṭṭāya ante.
พฺรหฺมุโน สรีรํ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา อโนนมิตฺวา อุชุกเมว อุคฺคตนฺติ อาห ‘‘พฺรหฺมา วิย อุชุคโตฺต’’ติฯ ปสฺสวงฺกาติ ทกฺขิณปเสฺสน วา วามปเสฺสน วา วงฺกาฯ
Brahmuno sarīraṃ purato vā pacchato vā anonamitvā ujukameva uggatanti āha ‘‘brahmā viya ujugatto’’ti. Passavaṅkāti dakkhiṇapassena vā vāmapassena vā vaṅkā.
หตฺถปิฎฺฐิอาทิวเสน สตฺต อุสฺสทา เอตสฺสาติ สตฺตุสฺสโทฯ
Hatthapiṭṭhiādivasena satta ussadā etassāti sattussado.
สีหสฺส ปุพฺพทฺธํ สีหปุพฺพทฺธํ, ปริปุณฺณาวยวตาย สีหปุพฺพทฺธํ วิย สกโล กาโย อสฺสาติ สีหปุพฺพทฺธกาโยฯ สีหเสฺสวาติ สีหสฺส วิยฯ สณฺฐนฺตีติ สณฺฐหนฺติฯ นานาจิเตฺตนาติ วิวิธจิเตฺตนฯ ปุญฺญจิเตฺตนาติ ปารมิตาปุญฺญจิตฺตรูเปนฯ จิตฺติโตติ สญฺชาตจิตฺตภาโวฯ
Sīhassa pubbaddhaṃ sīhapubbaddhaṃ, paripuṇṇāvayavatāya sīhapubbaddhaṃ viya sakalo kāyo assāti sīhapubbaddhakāyo. Sīhassevāti sīhassa viya. Saṇṭhantīti saṇṭhahanti. Nānācittenāti vividhacittena. Puññacittenāti pāramitāpuññacittarūpena. Cittitoti sañjātacittabhāvo.
ทฺวินฺนํ โกฎฺฎานมนฺตรนฺติ ทฺวินฺนํ ปิฎฺฐิพาหานํ เวมชฺฌํ, ปิฎฺฐิมชฺฌสฺส อุปริภาโคฯ จิตํ ปริปุณฺณนฺติ อนินฺนภาเวน จิตํ, ทฺวีหิ โกเฎฺฎหิ สมตลตาย ปริปุณฺณํฯ อุคฺคมฺมาติ อุคฺคนฺตฺวาฯ
Dvinnaṃ koṭṭānamantaranti dvinnaṃ piṭṭhibāhānaṃ vemajjhaṃ, piṭṭhimajjhassa uparibhāgo. Citaṃ paripuṇṇanti aninnabhāvena citaṃ, dvīhi koṭṭehi samatalatāya paripuṇṇaṃ. Uggammāti uggantvā.
นิโคฺรธปริมณฺฑโล วิย ปริมณฺฑโล นิโคฺรธปริมณฺฑโล เอกสฺส ปริมณฺฑลสทฺทสฺส โลปํ กตฺวาฯ น หิ สโพฺพ นิโคฺรโธ มณฺฑโลฯ เตนาห ‘‘สมกฺขนฺธสาโข นิโคฺรโธ’’ติฯ ปริมณฺฑลสทฺทสนฺนิธาเนน วา ปริมณฺฑโลว นิโคฺรโธ คยฺหตีติ ปริมณฺฑลสทฺทสฺส โลเปน วินาปิ อยมโตฺถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘นิโคฺรโธ วิย ปริมณฺฑโล’’ติฯ ยาวตกฺวสฺสาติ โอ-การสฺส ว-การาเทสํ กตฺวา วุตฺตํฯ
Nigrodhaparimaṇḍalo viya parimaṇḍalo nigrodhaparimaṇḍalo ekassa parimaṇḍalasaddassa lopaṃ katvā. Na hi sabbo nigrodho maṇḍalo. Tenāha ‘‘samakkhandhasākho nigrodho’’ti. Parimaṇḍalasaddasannidhānena vā parimaṇḍalova nigrodho gayhatīti parimaṇḍalasaddassa lopena vināpi ayamattho labbhatīti āha ‘‘nigrodho viya parimaṇḍalo’’ti. Yāvatakvassāti o-kārassa va-kārādesaṃ katvā vuttaṃ.
สมวฎฺฎิตกฺขโนฺธติ สมํ สุวฎฺฎิตกฺขโนฺธฯ โกญฺจา วิย ทีฆคลา, พกา วิย วงฺกคลา, วราหา วิย ปุถุลคลาติ โยชนาฯ สุวณฺณาลิงฺคสทิโสติ สุวณฺณมยขุทฺทกมุทิงฺคสทิโสฯ
Samavaṭṭitakkhandhoti samaṃ suvaṭṭitakkhandho. Koñcā viya dīghagalā, bakā viya vaṅkagalā, varāhā viya puthulagalāti yojanā. Suvaṇṇāliṅgasadisoti suvaṇṇamayakhuddakamudiṅgasadiso.
รสคฺคสคฺคีติ มธุราทิเภทํ รสํ คสนฺติ อโนฺต ปเวสนฺตีติ รสคฺคสา, รสคฺคสานํ อคฺคา รสคฺคสคฺคา, ตา เอตสฺส สนฺตีติ รสคฺคสคฺคีฯ เตนาติ โอชาย อผรเณน, หีนธาตุกตฺตา เต พหฺวาพาธา โหนฺติฯ
Rasaggasaggīti madhurādibhedaṃ rasaṃ gasanti anto pavesantīti rasaggasā, rasaggasānaṃ aggā rasaggasaggā, tā etassa santīti rasaggasaggī. Tenāti ojāya apharaṇena, hīnadhātukattā te bahvābādhā honti.
‘‘หนู’’ติ สนฺนิสฺสยทนฺตาธารสฺส สมญฺญา, ตํ ภควโต สีหหนุสทิสํ, ตสฺมา ภควา สีหหนุฯ ตตฺถ ยสฺมา พุทฺธานํ รูปกายสฺส ธมฺมกายสฺส จ อุปมา นาม นิหีนุปมาว, นตฺถิ สมานุปมา, กุโต อธิกูปมา, ตสฺมา อยมฺปิ นิหีนุปมาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ติภาควเสน มณฺฑลตาย ทฺวาทสิยํ ปกฺขสฺส จนฺทสทิสานิฯ
‘‘Hanū’’ti sannissayadantādhārassa samaññā, taṃ bhagavato sīhahanusadisaṃ, tasmā bhagavā sīhahanu. Tattha yasmā buddhānaṃ rūpakāyassa dhammakāyassa ca upamā nāma nihīnupamāva, natthi samānupamā, kuto adhikūpamā, tasmā ayampi nihīnupamāti dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Tibhāgavasena maṇḍalatāya dvādasiyaṃ pakkhassa candasadisāni.
ทนฺตานํ อุจฺจนีจตา อพฺภนฺตรพาหิรปสฺสวเสนปิ เวทิตพฺพา, น อคฺควเสเนวฯ เตนาห ‘‘อยปฎฺฎฉินฺนสงฺขปฎลํ วิยา’’ติฯ อยปฎฺฎนฺติ จ กกจํ อธิเปฺปตํฯ วิสมาติ วิสมสณฺฐานาฯ
Dantānaṃ uccanīcatā abbhantarabāhirapassavasenapi veditabbā, na aggavaseneva. Tenāha ‘‘ayapaṭṭachinnasaṅkhapaṭalaṃ viyā’’ti. Ayapaṭṭanti ca kakacaṃ adhippetaṃ. Visamāti visamasaṇṭhānā.
วิจฺฉินฺทิตฺวา วิจฺฉินฺทิตฺวา ปวตฺตสรตาย ฉินฺนสฺสราปิฯ อเนกาการตาย ภินฺนสฺสราปิฯ กากสฺส วิย อมนุญฺญสรตาย กากสฺสราปิฯ อปลิพุทฺธตฺตาติ อนุปทฺทุตวตฺถุกตฺตาฯ วตฺถุนฺติ จ อกฺขรุปฺปตฺติฎฺฐานมาหฯ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคโตติ เอตฺถ อฎฺฐงฺคานิ ปรโต อาคมิสฺสนฺติฯ มญฺชุโฆโสติ มธุรสฺสโรฯ
Vicchinditvā vicchinditvā pavattasaratāya chinnassarāpi. Anekākāratāya bhinnassarāpi. Kākassa viya amanuññasaratāya kākassarāpi. Apalibuddhattāti anupaddutavatthukattā. Vatthunti ca akkharuppattiṭṭhānamāha. Aṭṭhaṅgasamannāgatoti ettha aṭṭhaṅgāni parato āgamissanti. Mañjughosoti madhurassaro.
กรวีกสโทฺท เยสํ สตฺตานํ โสตปถํ อุปคจฺฉติ, เต อตฺตโน สรสมฺปตฺติยา ปกติํ ชหาเปตฺวา อวเส กโรโนฺต อตฺตโน วเส วเตฺตติ, เอวํ มธุโรติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺริท’’นฺติอาทิมาหฯ ตํ ปีตินฺติ ตํ พุทฺธคตํ ปีติํฯ เตเนว นีหาเรน ปุนปฺปุนํ ปวตฺตนฺตํ อวิชหิตฺวา วิกฺขมฺภิตกิเลสา เถรานํ สนฺติเก ลทฺธธมฺมสฺสวนสปฺปายา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ปริปกฺกญาณตาย ‘‘สตฺตหิ…เป.… ปติฎฺฐาสี’’ติฯ สตฺตสตมเตฺตน โอโรธชเนน สทฺธิํ ปทสาว เถรานํ สนฺติกํ อุปคตตฺตา ‘‘สตฺตหิ ชงฺฆาสเตหิ สทฺธิ’’นฺติ วุตฺตํฯ
Karavīkasaddo yesaṃ sattānaṃ sotapathaṃ upagacchati, te attano sarasampattiyā pakatiṃ jahāpetvā avase karonto attano vase vatteti, evaṃ madhuroti dassento ‘‘tatrida’’ntiādimāha. Taṃ pītinti taṃ buddhagataṃ pītiṃ. Teneva nīhārena punappunaṃ pavattantaṃ avijahitvā vikkhambhitakilesā therānaṃ santike laddhadhammassavanasappāyā upanissayasampattiyā paripakkañāṇatāya ‘‘sattahi…pe… patiṭṭhāsī’’ti. Sattasatamattena orodhajanena saddhiṃ padasāva therānaṃ santikaṃ upagatattā ‘‘sattahi jaṅghāsatehi saddhi’’nti vuttaṃ.
อภินีลเนโตฺตติ อธิกนีลเนโตฺตฯ อธิกนีลตา จ สาติสยํ นีลภาเวน เวทิตพฺพา, น เนเตฺต นีลวณฺณเสฺสว อธิกภาวโตติ อาห ‘‘น สกลนีลเนโตฺตวา’’ติอาทิฯ ปีตโลหิตวณฺณา เสตมณฺฑลคตราชิวเสน, นีลเสตกาฬวณฺณา ปน ตํตํมณฺฑลวเสเนว เวทิตพฺพาฯ
Abhinīlanettoti adhikanīlanetto. Adhikanīlatā ca sātisayaṃ nīlabhāvena veditabbā, na nette nīlavaṇṇasseva adhikabhāvatoti āha ‘‘na sakalanīlanettovā’’tiādi. Pītalohitavaṇṇā setamaṇḍalagatarājivasena, nīlasetakāḷavaṇṇā pana taṃtaṃmaṇḍalavaseneva veditabbā.
จกฺขุภณฺฑนฺติ อกฺขิทลนฺติ เกจิ, อกฺขิทลปตฺตนฺติ อเญฺญฯ อกฺขิทเลหิ ปน สทฺธิํ อกฺขิพิมฺพนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอวญฺหิ วินิคฺคตคมฺภีรโชตนาปิ ยุตฺตา โหติฯ
Cakkhubhaṇḍanti akkhidalanti keci, akkhidalapattanti aññe. Akkhidalehi pana saddhiṃ akkhibimbanti veditabbaṃ. Evañhi viniggatagambhīrajotanāpi yuttā hoti.
อุณฺณาสโทฺท โลเก อวิเสสโต โลมปริยาโย, อิธ ปน โลมวิเสสวาจโกติ อาห ‘‘อุณฺณโลม’’นฺติฯ นลาฎมชฺฌชาตาติ นลาฎมชฺฌคตาฯ โอทาตตาย อุปมา, น มุทุตายฯ รชตปุพฺพุฬกาติ รชตมยตารกาฯ
Uṇṇāsaddo loke avisesato lomapariyāyo, idha pana lomavisesavācakoti āha ‘‘uṇṇaloma’’nti. Nalāṭamajjhajātāti nalāṭamajjhagatā. Odātatāya upamā, na mudutāya. Rajatapubbuḷakāti rajatamayatārakā.
เทฺว อตฺถวเส ปฎิจฺจ วุตฺตนฺติ ยสฺมา พุทฺธา จกฺกวตฺติโน จ ปริปุณฺณนลาฎตาย ปริปุณฺณสีสพิมฺพตาย จ ‘‘อุณฺหีสสีสา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตสฺมา เต เทฺว อตฺถวเส ปฎิจฺจ ‘‘อุณฺหีสสีโส’’ติ อิทํ วุตฺตํฯ อิทานิ ตํ อตฺถทฺวยํ ภควติ สุปฺปติฎฺฐิตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตถาคตสฺสหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สณฺหตมตาย สุวณฺณวณฺณตาย จ รโญฺญ พทฺธอุณฺหีสปโฎฺฎ วิย วิโรจติฯ กปฺปสีสาติ ทฺวิธาภูตสีสาฯ ผลสีสาติ ผลสทิสสีสาฯ อฎฺฐิสีสาติ มํสสฺส อภาวโต ตโจปริโยนทฺธอฎฺฐิมตฺตสีสาฯ ตุมฺพสีสาติ ลาพุสทิสสีสาฯ ปพฺภารสีสาติ ปิฎฺฐิภาเคน โอลมฺพมานสีสาฯ ปุริมนเยนาติ ปริปุณฺณนลาฎตาปเกฺขนฯ อุณฺหีสเวฐิตสีโส วิยาติ อุณฺหีสปเฎฺฎน เวฐิตสีสปเทโส วิยฯ อุณฺหีสํ วิยาติ เฉเกน สิปฺปินา วิรจิตอุณฺหีสมณฺฑลํ วิยฯ
Dve atthavase paṭicca vuttanti yasmā buddhā cakkavattino ca paripuṇṇanalāṭatāya paripuṇṇasīsabimbatāya ca ‘‘uṇhīsasīsā’’ti vuccanti, tasmā te dve atthavase paṭicca ‘‘uṇhīsasīso’’ti idaṃ vuttaṃ. Idāni taṃ atthadvayaṃ bhagavati suppatiṭṭhitanti dassetuṃ ‘‘tathāgatassahī’’tiādi vuttaṃ. Saṇhatamatāya suvaṇṇavaṇṇatāya ca rañño baddhauṇhīsapaṭṭo viya virocati. Kappasīsāti dvidhābhūtasīsā. Phalasīsāti phalasadisasīsā. Aṭṭhisīsāti maṃsassa abhāvato tacopariyonaddhaaṭṭhimattasīsā. Tumbasīsāti lābusadisasīsā. Pabbhārasīsāti piṭṭhibhāgena olambamānasīsā. Purimanayenāti paripuṇṇanalāṭatāpakkhena. Uṇhīsaveṭhitasīso viyāti uṇhīsapaṭṭena veṭhitasīsapadeso viya. Uṇhīsaṃ viyāti chekena sippinā viracitauṇhīsamaṇḍalaṃ viya.
กมฺมนฺติ เยน เยน กเมฺมน ยํ ยํ ลกฺขณํ นิพฺพตฺตํ, ตํ ตํ กมฺมํฯ กมฺมสริกฺขกนฺติ ตสฺส ตสฺส ลกฺขณสฺส ตํกมฺมานุรูปตาฯ ลกฺขณนฺติ ตสฺส มหาปุริสลกฺขณสฺส อวิปรีตสภาโวฯ ลกฺขณานิสํสนฺติ ตํ ลกฺขณปฎิลาเภน ลทฺธพฺพคุโณฯ อิมานิ กมฺมาทีนีติ อิมานิ อนนฺตรํ วุตฺตานิ กมฺมกมฺมสริกฺขกาทีนิ ทเสฺสตฺวา ตํ สรูปโต วิภาเวตฺวา กเถตพฺพานิ สํวณฺณเกนฯ
Kammanti yena yena kammena yaṃ yaṃ lakkhaṇaṃ nibbattaṃ, taṃ taṃ kammaṃ. Kammasarikkhakanti tassa tassa lakkhaṇassa taṃkammānurūpatā. Lakkhaṇanti tassa mahāpurisalakkhaṇassa aviparītasabhāvo. Lakkhaṇānisaṃsanti taṃ lakkhaṇapaṭilābhena laddhabbaguṇo. Imāni kammādīnīti imāni anantaraṃ vuttāni kammakammasarikkhakādīni dassetvā taṃ sarūpato vibhāvetvā kathetabbāni saṃvaṇṇakena.
รตนวิจิตฺตสุวณฺณโตรณํ ตสฺมิํ กาเล มนุสฺสโลเก นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘เทวนคเร’’ติฯ สพฺพโส สุปุปฺผิตสาลรุโกฺข อสาธารณโสโภ มนุสฺสูปจาเร น ลพฺภตีติ อาห ‘‘เสลนฺตรมฺหี’’ติฯ กิริยาจารนฺติ กายิกวาจสิกกิริยาปวตฺติํฯ
Ratanavicittasuvaṇṇatoraṇaṃ tasmiṃ kāle manussaloke natthīti vuttaṃ ‘‘devanagare’’ti. Sabbaso supupphitasālarukkho asādhāraṇasobho manussūpacāre na labbhatīti āha ‘‘selantaramhī’’ti. Kiriyācāranti kāyikavācasikakiriyāpavattiṃ.
๓๘๗. สตตปาฎิหาริยนฺติ สตตํ จริมภเว สพฺพกาลํ ลกฺขณนิพฺพตฺตกกมฺมานุภาวเหตุกํ พุทฺธาเวณิกํ ปาฎิหาริยํฯ พุทฺธานํ อติทูเร ปาทํ นิกฺขิปิตุกามานมฺปิ นาติทูเร เอว นิกฺขิปนํ โหตีติ ‘‘น อติทูเร ฐเปสฺสามีติ อุทฺธรตี’’ติ วุตฺตํฯ ปกติสญฺจรณวเสเนตํ วุตฺตํ, ตาทิเสน ปาเทน อเนกโยชเน ฐเปสฺสามีติ อุทฺธรณมฺปิ โหติเยวฯ อติทูรํ หีติอาทิ ปมาณาติกฺกเม โทสทสฺสนํฯ เอวํ สตีติ เอวํ ทกฺขิณปาทวามปาทานํ ยถาธิเปฺปตปติฎฺฐิตฎฺฐาเน สติฯ ปทวิเจฺฉโทติ ปทวารวิเจฺฉโทฯ ยาทิสํ ปสาเรโนฺต วามปาทสฺส อุทฺธรณํ ปติฎฺฐานญฺจ, ทกฺขิณปาทสฺส ตาทิสเมว, อิติ เนสํ อุทฺธรณปติฎฺฐานานํ สมานโต อญฺญมญฺญภาเวน อนูนานธิกตาย วุตฺตํ ‘‘ทกฺขิณปาทกิจฺจํ วามปาเทน นิยมิตํ, วามปาทกิจฺจํ ทกฺขิณปาเทน นิยมิต’’นฺติฯ
387.Satatapāṭihāriyanti satataṃ carimabhave sabbakālaṃ lakkhaṇanibbattakakammānubhāvahetukaṃ buddhāveṇikaṃ pāṭihāriyaṃ. Buddhānaṃ atidūre pādaṃ nikkhipitukāmānampi nātidūre eva nikkhipanaṃ hotīti ‘‘na atidūre ṭhapessāmītiuddharatī’’ti vuttaṃ. Pakatisañcaraṇavasenetaṃ vuttaṃ, tādisena pādena anekayojane ṭhapessāmīti uddharaṇampi hotiyeva. Atidūraṃ hītiādi pamāṇātikkame dosadassanaṃ. Evaṃ satīti evaṃ dakkhiṇapādavāmapādānaṃ yathādhippetapatiṭṭhitaṭṭhāne sati. Padavicchedoti padavāravicchedo. Yādisaṃ pasārento vāmapādassa uddharaṇaṃ patiṭṭhānañca, dakkhiṇapādassa tādisameva, iti nesaṃ uddharaṇapatiṭṭhānānaṃ samānato aññamaññabhāvena anūnānadhikatāya vuttaṃ ‘‘dakkhiṇapādakiccaṃ vāmapādena niyamitaṃ, vāmapādakiccaṃ dakkhiṇapādena niyamita’’nti.
ทิวาติ อุปกฎฺฐาย เวลายฯ วิหารภตฺตตฺถายาติ วิหาเร ยถาวุทฺธํ คเหตพฺพภตฺตตฺถายฯ ปจฺฉโต อาคจฺฉโนฺตติ ปกติคมเนน ปจฺฉโต อาคจฺฉโนฺตฯ โอกาสํ น ลภตีติ ปทนิเกฺขปฎฺฐานํ น ลภติฯ อูรุปริยาโย อิธ สตฺถิ-สโทฺทติ อาห ‘‘น อูรุํ อุนฺนาเมตี’’ติฯ ทณฺฑงฺกุสํ วุจฺจติ ทีฆทโณฺฑ องฺกุโส, เตน รุกฺขสาขํ ฉินฺทโต ปุริสสฺส ยถา ปจฺฉาภาเคน ปาทานํ โอสกฺกนํ โหติ, เอวํ ภควโต ปาทา น โอสกฺกนฺตีติ อาห ‘‘รุกฺขสาขาเฉทน…เป.… โอสกฺกาเปตี’’ติฯ โอพทฺธานาพทฺธฎฺฐาเนหิ ปาทํ โกเฎฺฎโนฺต วิยาติ อาพทฺธฎฺฐาเนน อนาพทฺธฎฺฐาเนน จ ปาทขณฺฑํ โกเฎฺฎตฺวา ถทฺธํ กโรโนฺต วิยฯ น อิโต จิโต จ จาเลตีติ อปราปรํ น จาเลติฯ อุสฺสงฺขปาทตาย สุเขเนว ปาทานํ ปริวตฺตนโต นาภิโต ปฎฺฐาย อุปริมกาโย น อิญฺชตีติ เหฎฺฐิมกาโยว อิญฺชติฯ เตนาห ‘‘อุปริม…เป.… นิจฺจโล โหตี’’ติฯ น ชานาติ อนิญฺชนโตฯ กายพเลนาติ คมนปโยคสงฺขาเตน กายคเตน วิเสสพเลนฯ ชวคมนเหตุภูเตน วา กายพเลนฯ เตนาห ‘‘พาหา ขิปโนฺต’’ติอาทิฯ ชเวน คจฺฉโนฺต หิ พาหา ขิปติ, สรีรโต เสทา มุจฺจนฺติฯ นาคาปโลกิตวเสนาติ นาคสฺส อปโลกนมิว สกลกาเยเนว ปริวเตฺตตฺวา อปโลกนวเสนฯ
Divāti upakaṭṭhāya velāya. Vihārabhattatthāyāti vihāre yathāvuddhaṃ gahetabbabhattatthāya. Pacchato āgacchantoti pakatigamanena pacchato āgacchanto. Okāsaṃ na labhatīti padanikkhepaṭṭhānaṃ na labhati. Ūrupariyāyo idha satthi-saddoti āha ‘‘na ūruṃ unnāmetī’’ti. Daṇḍaṅkusaṃ vuccati dīghadaṇḍo aṅkuso, tena rukkhasākhaṃ chindato purisassa yathā pacchābhāgena pādānaṃ osakkanaṃ hoti, evaṃ bhagavato pādā na osakkantīti āha ‘‘rukkhasākhāchedana…pe… osakkāpetī’’ti. Obaddhānābaddhaṭṭhānehi pādaṃ koṭṭento viyāti ābaddhaṭṭhānena anābaddhaṭṭhānena ca pādakhaṇḍaṃ koṭṭetvā thaddhaṃ karonto viya. Na ito cito ca cāletīti aparāparaṃ na cāleti. Ussaṅkhapādatāya sukheneva pādānaṃ parivattanato nābhito paṭṭhāya uparimakāyo na iñjatīti heṭṭhimakāyova iñjati. Tenāha ‘‘uparima…pe… niccalo hotī’’ti. Na jānāti aniñjanato. Kāyabalenāti gamanapayogasaṅkhātena kāyagatena visesabalena. Javagamanahetubhūtena vā kāyabalena. Tenāha ‘‘bāhā khipanto’’tiādi. Javena gacchanto hi bāhā khipati, sarīrato sedā muccanti. Nāgāpalokitavasenāti nāgassa apalokanamiva sakalakāyeneva parivattetvā apalokanavasena.
อนาวรณญาณสฺสาติ อนาวรณญาณพเลน ทสฺสนสฺสฯ อนาวรณวาโร ปน กาเย ปติฎฺฐิตรูปทสฺสนมฺปิ อนาวรณเมวาติ ทสฺสนตฺถํ วุโตฺตฯ อินฺทขีลโต ปฎฺฐายาติ นครทฺวาเร อินฺทขีลโต ปฎฺฐายฯ ปกติอิริยาปเถเนวาติ โอนมนาทิํ อกตฺวา อุชุกคมนาทินา เอวฯ ยทิ เอวํ โกฎฺฐกทฺวารเคหปฺปเวเส กถนฺติ อาห ‘‘ทลิทฺทมนุสฺสาน’’นฺติอาทิฯ ปริวเตฺตเนฺตนาติ นิปชฺชนตฺถํ กายํ ปริวเตฺตเนฺตนฯ
Anāvaraṇañāṇassāti anāvaraṇañāṇabalena dassanassa. Anāvaraṇavāro pana kāye patiṭṭhitarūpadassanampi anāvaraṇamevāti dassanatthaṃ vutto. Indakhīlato paṭṭhāyāti nagaradvāre indakhīlato paṭṭhāya. Pakatiiriyāpathenevāti onamanādiṃ akatvā ujukagamanādinā eva. Yadi evaṃ koṭṭhakadvāragehappavese kathanti āha ‘‘daliddamanussāna’’ntiādi. Parivattentenāti nipajjanatthaṃ kāyaṃ parivattentena.
หเตฺถหิ คเหตฺวาติ อุโภหิ หเตฺถหิ อุโภสุ กฎิปฺปเทเสสุ ปริคฺคเหตฺวาฯ ปตติ นิสีทนฎฺฐาเน นิปชฺชนวเสน ปตติฯ โอริมํ องฺคํ นิสฺสาย นิสิโนฺนติ ปลฺลงฺกมาภุชิตฺวา อุกฺกุฎิกนิสชฺชาย อุปริมกายํ เหฎฺฐิมกาเย ปติฎฺฐเปโนฺตเยว ภารีกรณวเสน โอริมงฺคํ นิสฺสาย นิสิโนฺนฯ ฆํสโนฺตติ อานิสทเทเสน อาสนฎฺฐานํ ฆํสโนฺตฯ ปาริมงฺคนฺติ สตฺถิภาคสมฺมทฺทํ อานิสทปเทสํฯ ตเถวาติ ฆํสโนฺต เอวฯ โอลมฺพกํ ธาเรโนฺต วิยาติ โอลมฺพกสุตฺตํ โอตาเรโนฺต วิยฯ เตน อุชุกเมว นิสีทนมาหฯ สรีรสฺส ครุกภาวเหตูนํ ทูรโต สมุปายิตภาเวน สลฺลหุกภาวโต ตูลปิจุํ ฐเปโนฺต วิยฯ
Hatthehi gahetvāti ubhohi hatthehi ubhosu kaṭippadesesu pariggahetvā. Patati nisīdanaṭṭhāne nipajjanavasena patati. Orimaṃ aṅgaṃ nissāya nisinnoti pallaṅkamābhujitvā ukkuṭikanisajjāya uparimakāyaṃ heṭṭhimakāye patiṭṭhapentoyeva bhārīkaraṇavasena orimaṅgaṃ nissāya nisinno. Ghaṃsantoti ānisadadesena āsanaṭṭhānaṃ ghaṃsanto. Pārimaṅganti satthibhāgasammaddaṃ ānisadapadesaṃ. Tathevāti ghaṃsanto eva. Olambakaṃ dhārento viyāti olambakasuttaṃ otārento viya. Tena ujukameva nisīdanamāha. Sarīrassa garukabhāvahetūnaṃ dūrato samupāyitabhāvena sallahukabhāvato tūlapicuṃ ṭhapento viya.
อเปฺปสกฺขานํ มหานุภาวเคหปฺปเวเส สิยา ฉมฺภิตตฺตํ, จิตฺตโกฺขโภ, ทรถวเสน นานปฺปการกปฺปนํ, ภยวเสน ตณฺหาวเสน ปริตสฺสนํ, ตํ สพฺพํ ภควโต นตฺถีติ ทเสฺสตุํ ปาฬิยํ ‘‘น ฉมฺภตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๓๘๗) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘น ฉมฺภตี’’ติอาทิฯ
Appesakkhānaṃ mahānubhāvagehappavese siyā chambhitattaṃ, cittakkhobho, darathavasena nānappakārakappanaṃ, bhayavasena taṇhāvasena paritassanaṃ, taṃ sabbaṃ bhagavato natthīti dassetuṃ pāḷiyaṃ ‘‘na chambhatī’’tiādi (ma. ni. 2.387) vuttanti āha ‘‘na chambhatī’’tiādi.
อุทกํ ทียติ เอเตนาติ อุทกทานํ, ภิงฺการาทิ อุทกภาชนํฯ พทฺธํ กตฺวาติ หตฺถคตมตฺติกํ วิย อตฺตโน วเส อวตฺตนฺตํ กตฺวาฯ ปริวเตฺตตฺวาติ กุชฺชิตฺวาฯ วิฉฑฺฑยมาโน อุทกสฺส วิกฺขิปนวเสน ฉฑฺฑยมาโนฯ
Udakaṃ dīyati etenāti udakadānaṃ, bhiṅkārādi udakabhājanaṃ. Baddhaṃ katvāti hatthagatamattikaṃ viya attano vase avattantaṃ katvā. Parivattetvāti kujjitvā. Vichaḍḍayamāno udakassa vikkhipanavasena chaḍḍayamāno.
ตถา น คณฺหาติ, พฺยญฺชนมตฺตาย เอว คณฺหโนฺตฯ ภตฺตํ วา อมนาปนฺติ อาเนตฺวา โยชนาฯ พฺยญฺชเนน อาโลปอตินามนํ, อาโลเปน พฺยญฺชนอตินามนนฺติ อิเมสุ ปน ทฺวีสุ ปฐมเมว อสารุปฺปตาย อนิฎฺฐํ วเชฺชตพฺพนฺติ ปาฬิยํ ปฎิกฺขิตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ สพฺพเตฺถวาติ สพฺพสฺมิํ อาหริตพฺพวตฺถุสฺมิํ สุปณีตภาเวน รโส ปากโฎ โหติ ญาเณน ปริญฺญาตตฺตาฯ รสเคโธ ปน นตฺถิ เสตุฆาตตฺตาฯ
Tathā na gaṇhāti, byañjanamattāya eva gaṇhanto. Bhattaṃ vā amanāpanti ānetvā yojanā. Byañjanena ālopaatināmanaṃ, ālopena byañjanaatināmananti imesu pana dvīsu paṭhamameva asāruppatāya aniṭṭhaṃ vajjetabbanti pāḷiyaṃ paṭikkhittanti daṭṭhabbaṃ. Sabbatthevāti sabbasmiṃ āharitabbavatthusmiṃ supaṇītabhāvena raso pākaṭo hoti ñāṇena pariññātattā. Rasagedho pana natthi setughātattā.
อสฺสาติ ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทิปทสฺสฯ วุตฺตเมตนฺติ ‘‘วิสุทฺธิมเคฺค วินิจฺฉโย อาคโต’’ติ สพฺพาสวสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๒๓) สํวณฺณยเนฺตน วุตฺตเมตํ, ตสฺมา น เอตฺถ ตํ วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย, ตสฺมา โย ตสฺมิํ ตสฺมิํ วินิจฺฉเย วิเสสวาโท อิจฺฉิตโพฺพฯ โส ปรมตฺถมญฺชูสาย วิสุทฺธิมคฺควณฺณนาย วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ปตฺตสฺส คหณฎฺฐานนฺติ หเตฺถน ปตฺตสฺส คหณปเทสํฯ วินิวตฺติตฺวาติ ปเตฺต สพฺพํ อามิสคตํ สทฺธิํ ภเตฺตน วินิวตฺติตฺวา คจฺฉติฯ ปมาณาติกฺกนฺตนฺติ เกลายนวเสน อติกฺกนฺตปมาณํ อารกฺขํ ฐเปติฯ จีวรโภคนฺตรนฺติ จีวรปฎลนฺตรํฯ อุทเรน อกฺกมิตฺวาติ อุทเรเนว สนฺนิรุมฺภิตฺวาฯ
Assāti ‘‘neva davāyā’’tiādipadassa. Vuttametanti ‘‘visuddhimagge vinicchayo āgato’’ti sabbāsavasutte (ma. ni. 1.23) saṃvaṇṇayantena vuttametaṃ, tasmā na ettha taṃ vattabbanti adhippāyo, tasmā yo tasmiṃ tasmiṃ vinicchaye visesavādo icchitabbo. So paramatthamañjūsāya visuddhimaggavaṇṇanāya vuttanayeneva veditabbo. Pattassa gahaṇaṭṭhānanti hatthena pattassa gahaṇapadesaṃ. Vinivattitvāti patte sabbaṃ āmisagataṃ saddhiṃ bhattena vinivattitvā gacchati. Pamāṇātikkantanti kelāyanavasena atikkantapamāṇaṃ ārakkhaṃ ṭhapeti. Cīvarabhogantaranti cīvarapaṭalantaraṃ. Udarena akkamitvāti udareneva sannirumbhitvā.
อปฺปตฺตกาลํ อภิมุขํ นาเมติ อุปนาเมตีติ อตินาเมติ, ปตฺตกาลํ อติกฺกาเมโนฺต นาเมติ อปเนตีติ อตินาเมติฯ อุภยมฺปิ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ปาฬิยํ ‘‘น จ อนุโมทนสฺส กาลมตินาเมตี’’ติ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย หี’’ติอาทิมาหฯ
Appattakālaṃ abhimukhaṃ nāmeti upanāmetīti atināmeti, pattakālaṃ atikkāmento nāmeti apanetīti atināmeti. Ubhayampi ekajjhaṃ gahetvā pāḷiyaṃ ‘‘na ca anumodanassa kālamatināmetī’’ti vuttanti dassento ‘‘yo hī’’tiādimāha.
เวคคมเนน ปฎิสํมุญฺจิตฺวา ธาวิตฺวา คจฺฉติฯ อจฺจุกฺกฎฺฐนฺติ อติวิย อุทฺธํ กตฺวา กฑฺฒิตปารุตํฯ เตนาห ‘‘โย หิ ยาว หนุกฎฺฐิโต…เป.… โหตี’’ติฯ อโจฺจกฺกฎฺฐนฺติ อติวิย เหฎฺฐา กตฺวา กฑฺฒิตปารุตํฯ เตนาห ‘‘ยาว โคปฺผกา โอตาเรตฺวา’’ติฯ อุภโต อุกฺขิปิตฺวาติ ทกฺขิณโต วามโตติ อุโภสุ ปเสฺสสุ อุตฺตราสงฺคํ อุกฺขิปิตฺวาฯ ถนนฺติ ทกฺขิณถนํฯ
Vegagamanena paṭisaṃmuñcitvā dhāvitvā gacchati. Accukkaṭṭhanti ativiya uddhaṃ katvā kaḍḍhitapārutaṃ. Tenāha ‘‘yo hi yāva hanukaṭṭhito…pe… hotī’’ti. Accokkaṭṭhanti ativiya heṭṭhā katvā kaḍḍhitapārutaṃ. Tenāha ‘‘yāva gopphakā otāretvā’’ti. Ubhato ukkhipitvāti dakkhiṇato vāmatoti ubhosu passesu uttarāsaṅgaṃ ukkhipitvā. Thananti dakkhiṇathanaṃ.
วิสฺสโฎฺฐติ วิมุโตฺตฯ เตนาห ‘‘วิสฺสฎฺฐตฺตาเยว เจส วิเญฺญโยฺย’’ติฯ ยสฺมา อมุตฺตวาทิโน วจนํ อวิสฺสฎฺฐตาย น สินิยฺหติ, น เอวํ มุตฺตวาทิโนติ อาห ‘‘สินิโทฺธ’’ติฯ วิเญฺญโยฺยติ สุปริพฺยตฺตตาย อกฺขรโต จ พฺยญฺชนโต จ วิญฺญาตุํ สกฺกุเณโยฺยฯ เตนาห ‘‘ปากโฎ’’ติฯ วิญฺญาปนิโยติ วิชานิตโพฺพฯ พฺยญฺชนวเสเนว เจตฺถ วิเญฺญยฺยตา เวทิตพฺพา โฆสสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ มธุโรติ ปิโย เปมนีโย อปลิพุโทฺธฯ สวนมรหติ, สวนสฺส โสตสฺส หิโตติ วา สวนีโยฯ สมฺปิณฺฑิโตติ สหิโตฯ ภควโต หิ สโทฺท อุปฺปตฺติฎฺฐานกตาสญฺจิตตฺตา สหิตากาเรเนว อาปาถมาคจฺฉติ, น อโยสลากาย ปหฎกํสถาลํ วิย วิปฺปกิโณฺณฯ เตนาห ‘‘อวิสารี’’ติฯ คมฺภีโรติ ยถา คมฺภีรวตฺถุปริจฺฉินฺทเนน ญาณสฺส คมฺภีรสมญฺญา, เอวํ คมฺภีรฎฺฐานสมฺภวโต สทฺทสฺส คมฺภีรสมญฺญาติ อาห ‘‘คมฺภีโรติ คมฺภีรสมุฎฺฐิโต’’ติ ฯ นินฺนาทวาติ สวิเสสํ นินฺนาทวาฯ สฺวายํ วิเสโส คมฺภีรภาวสิโทฺธติ อาห ‘‘คมฺภีรตฺตาเยว เจส นินฺนาที’’ติฯ เอวเมตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ จตุรงฺคนิปฺผาทีนิ เวทิตพฺพานิฯ อการณา มา นสฺสีติ พุทฺธานุภาเวน วิย สรสฺส ปริสปริยนฺตตา วุตฺตา, ธมฺมตาวเสเนว ปน สา เวทิตพฺพา ตสฺส มูลการณสฺส ตถา อวฎฺฐิตตฺตาฯ
Vissaṭṭhoti vimutto. Tenāha ‘‘vissaṭṭhattāyeva cesa viññeyyo’’ti. Yasmā amuttavādino vacanaṃ avissaṭṭhatāya na siniyhati, na evaṃ muttavādinoti āha ‘‘siniddho’’ti. Viññeyyoti suparibyattatāya akkharato ca byañjanato ca viññātuṃ sakkuṇeyyo. Tenāha ‘‘pākaṭo’’ti. Viññāpaniyoti vijānitabbo. Byañjanavaseneva cettha viññeyyatā veditabbā ghosassa adhippetattā. Madhuroti piyo pemanīyo apalibuddho. Savanamarahati, savanassa sotassa hitoti vā savanīyo. Sampiṇḍitoti sahito. Bhagavato hi saddo uppattiṭṭhānakatāsañcitattā sahitākāreneva āpāthamāgacchati, na ayosalākāya pahaṭakaṃsathālaṃ viya vippakiṇṇo. Tenāha ‘‘avisārī’’ti. Gambhīroti yathā gambhīravatthuparicchindanena ñāṇassa gambhīrasamaññā, evaṃ gambhīraṭṭhānasambhavato saddassa gambhīrasamaññāti āha ‘‘gambhīroti gambhīrasamuṭṭhito’’ti . Ninnādavāti savisesaṃ ninnādavā. Svāyaṃ viseso gambhīrabhāvasiddhoti āha ‘‘gambhīrattāyeva cesa ninnādī’’ti. Evamettha cattāri aṅgāni caturaṅganipphādīni veditabbāni. Akāraṇā mā nassīti buddhānubhāvena viya sarassa parisapariyantatā vuttā, dhammatāvaseneva pana sā veditabbā tassa mūlakāraṇassa tathā avaṭṭhitattā.
ปโจฺจสกฺกิตฺวาติ ปฎินิวตฺติตฺวาฯ สมุสฺสิตกญฺจนปพฺพตํ วิย อุปริ อินฺทนีลรตนวิตตสิขํ วิชฺชุลฺลตาภูสิตํฯ มหาปถวีอาทโย สตฺถุคุณปฎิภาคตาย นิทสฺสนํ, เกวลํ มหนฺตตามตฺตํ อุปาทาย นิทสฺสิตาฯ
Paccosakkitvāti paṭinivattitvā. Samussitakañcanapabbataṃ viya upari indanīlaratanavitatasikhaṃ vijjullatābhūsitaṃ. Mahāpathavīādayo satthuguṇapaṭibhāgatāya nidassanaṃ, kevalaṃ mahantatāmattaṃ upādāya nidassitā.
๓๙๐. อปฺปฎิสํวิทิโตติ อนาโรจิโตฯ อาคมนวเสน เจตฺถ ปฎิสํเวทิตนฺติ อาห ‘‘อวิญฺญาตอาคมโน’’ติฯ อุคฺคตภาวนฺติ กุลโภควิชฺชาทีหิ อุฬารภาวํฯ อนุทฺทยสมฺปนฺนาติ การุณิกาฯ
390.Appaṭisaṃviditoti anārocito. Āgamanavasena cettha paṭisaṃveditanti āha ‘‘aviññātaāgamano’’ti. Uggatabhāvanti kulabhogavijjādīhi uḷārabhāvaṃ. Anuddayasampannāti kāruṇikā.
๓๙๑. สหสาว โอกาสกรเณน อุจฺจกุลีนตา ทีปิตา โหตีติ อาห ‘‘เวเคน อุฎฺฐาย ทฺวิธา ภิชฺชิตฺวา’’ติอาทิฯ
391. Sahasāva okāsakaraṇena uccakulīnatā dīpitā hotīti āha ‘‘vegena uṭṭhāya dvidhā bhijjitvā’’tiādi.
นาริสมานนามนฺติ อิตฺถิอตฺถโชตกนามํฯ เตนาห ‘‘อิตฺถิลิงฺค’’นฺติฯ อวฺหาตพฺพาติ กเถตพฺพาฯ
Nārisamānanāmanti itthiatthajotakanāmaṃ. Tenāha ‘‘itthiliṅga’’nti. Avhātabbāti kathetabbā.
๓๙๔. เอกนีหาเรเนว อฎฺฐ ปเญฺห พฺยากโรโนฺตฯ ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ…เป.… ปวุจฺจตี’’ติ อิมินา ปุเพฺพนิวาสสฺส วิทิตการณํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตสฺส ปุเพฺพนิวาโส ปากโฎ’’ติฯ ทิพฺพจกฺขุญาณํ กถิตํ ตสฺส ปริภณฺฑญาณภาวโต ยถากมฺมูปคญาณสฺสฯ ‘‘ชาติกฺขยํ ปโตฺต, อภิญฺญา โวสิโต’’ติ จ วุตฺตตฺตา มุนีติ อเสกฺขมุนิ อิธาธิเปฺปโตติ อาห ‘‘อรหตฺตญาณโมเนเยฺยน สมนฺนาคโต’’ติฯ
394. Ekanīhāreneva aṭṭha pañhe byākaronto. ‘‘Pubbenivāsaṃ…pe… pavuccatī’’ti iminā pubbenivāsassa viditakāraṇaṃ vuttanti āha ‘‘tassa pubbenivāso pākaṭo’’ti. Dibbacakkhuñāṇaṃ kathitaṃ tassa paribhaṇḍañāṇabhāvato yathākammūpagañāṇassa. ‘‘Jātikkhayaṃ patto, abhiññā vosito’’ti ca vuttattā munīti asekkhamuni idhādhippetoti āha ‘‘arahattañāṇamoneyyena samannāgato’’ti.
กิเลสราเคหิ กิเลสวิวณฺณตาหิฯ ชาติกฺขยปฺปตฺตตฺตา ‘‘อโถ ชาติกฺขยํ ปโตฺต’’ติ วุตฺตตฺตาฯ อภิชานิตฺวาติ อภิวิสิฎฺฐตาย อคฺคมคฺคปญฺญาย ญตฺวาฯ อิทานิ ปฎิสมฺภิทายํ อาคตนเยน ปริญฺญาปหานภาวนาสจฺฉิกิริยาสมาปตฺตีนํ ปารคมเนน ปารคูติ อยเมตฺถ อโตฺถติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปารคูติ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อภิเญฺญยฺยธมฺมานํ ชานนวเสน อภิญฺญาปารคูฯ ตาทิโสติ ยาทิโส ‘‘ปารคู สพฺพธมฺมาน’’นฺติ ปททฺวเยน วุโตฺต, ตาทิโสฯ ฉหิ อากาเรหีติ ปชานนาทีหิ ยถาวุเตฺตหิ ฉหิ อากาเรหิฯ
Kilesarāgehi kilesavivaṇṇatāhi. Jātikkhayappattattā ‘‘atho jātikkhayaṃ patto’’ti vuttattā. Abhijānitvāti abhivisiṭṭhatāya aggamaggapaññāya ñatvā. Idāni paṭisambhidāyaṃ āgatanayena pariññāpahānabhāvanāsacchikiriyāsamāpattīnaṃ pāragamanena pāragūti ayamettha atthoti dassetuṃ ‘‘pāragūti vā’’tiādi vuttaṃ. Abhiññeyyadhammānaṃ jānanavasena abhiññāpāragū. Tādisoti yādiso ‘‘pāragū sabbadhammāna’’nti padadvayena vutto, tādiso. Chahi ākārehīti pajānanādīhi yathāvuttehi chahi ākārehi.
กามเญฺจตฺถ เทฺว เอว ปุจฺฉาคาถา เทฺว จ วิสฺสชฺชนาคาถา, ปุจฺฉาปฎิปาฎิยา ปน อสงฺกรโต จ วิสฺสชฺชนํ ปวตฺตติ, ตํ นิทฺธาเรตุํ กิํ ปนาติอาทิ วุตฺตํฯ เวเทหิ คตตฺตาติ เวเทหิ มคฺคญาเณหิ ปารงฺคตตฺตาฯ ปุเพฺพนิวาสนฺติอาทีหิ วิชฺชานํ อตฺถิตาย โพธิตตฺตาฯ ปาปธมฺมานนฺติ ฉตฺติํสปาปธมฺมานํ โสตฺถานํ มคฺคํ ปาปเนน นิเสฺสสโต โสธิตตฺตาฯ
Kāmañcettha dve eva pucchāgāthā dve ca vissajjanāgāthā, pucchāpaṭipāṭiyā pana asaṅkarato ca vissajjanaṃ pavattati, taṃ niddhāretuṃ kiṃ panātiādi vuttaṃ. Vedehi gatattāti vedehi maggañāṇehi pāraṅgatattā. Pubbenivāsantiādīhi vijjānaṃ atthitāya bodhitattā. Pāpadhammānanti chattiṃsapāpadhammānaṃ sotthānaṃ maggaṃ pāpanena nissesato sodhitattā.
๓๙๕. ธโมฺม นาม อรหตฺตมโคฺค กุสลธเมฺมสุ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสนฯ ตสฺส อนุรูปธมฺมภาวโต อนุธโมฺม นาม เหฎฺฐิมมคฺคผลธมฺมาฯ โย สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ยถานุสิฎฺฐํ น ปฎิปชฺชติ, โส ตถาคตํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเฐติ นามฯ โย ปน ปฎิปชฺชโนฺต จ ทนฺธาภิญฺญตาย กมฺมฎฺฐานโสธนตฺถํ อนฺตรนฺตรา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อเนกวารํ กถาเปติ, โส เอตฺตาวตา ธมฺมาธิกรณํ ตถาคตํ วิเหเฐตีติ น วตฺตโพฺพฯ น หิ ภควโต ธมฺมเทสนาย ปริสฺสโม อตฺถิ, อยญฺจ อโตฺถ มหาสุทสฺสนสุตฺตาทีหิ (ที. นิ. ๒.๒๔๑ อาทโย) ทีเปตโพฺพ, ตสฺมา – ‘‘สจฺจธมฺมสฺส อนุธมฺม’’นฺติ วตฺตเพฺพ วุตฺตเมว พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตตฺถ ปรินิพฺพายีติ ปรกาเล เจตฺถ ปรินิพฺพานมฺปิ สงฺคยฺหติ, ตํ ปน อิมสฺมิํ คหิตเมว โหตีติ อาห ‘‘เทสนาย อรหเตฺตเนว กูฎํ คหิต’’นฺติฯ
395.Dhammonāma arahattamaggo kusaladhammesu ukkaṃsapāramippattiyā ukkaṭṭhaniddesena. Tassa anurūpadhammabhāvato anudhammo nāma heṭṭhimamaggaphaladhammā. Yo satthu santike dhammaṃ sutvā yathānusiṭṭhaṃ na paṭipajjati, so tathāgataṃ dhammādhikaraṇaṃ viheṭheti nāma. Yo pana paṭipajjanto ca dandhābhiññatāya kammaṭṭhānasodhanatthaṃ antarantarā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā anekavāraṃ kathāpeti, so ettāvatā dhammādhikaraṇaṃ tathāgataṃ viheṭhetīti na vattabbo. Na hi bhagavato dhammadesanāya parissamo atthi, ayañca attho mahāsudassanasuttādīhi (dī. ni. 2.241 ādayo) dīpetabbo, tasmā – ‘‘saccadhammassa anudhamma’’nti vattabbe vuttameva byatirekamukhena vibhāvetuṃ ‘‘na ca maṃ dhammādhikaraṇaṃ vihesesī’’ti vuttanti daṭṭhabbaṃ. Tattha parinibbāyīti parakāle cettha parinibbānampi saṅgayhati, taṃ pana imasmiṃ gahitameva hotīti āha ‘‘desanāya arahatteneva kūṭaṃ gahita’’nti.
พฺรหฺมายุสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Brahmāyusuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. พฺรหฺมายุสุตฺตํ • 1. Brahmāyusuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. พฺรหฺมายุสุตฺตวณฺณนา • 1. Brahmāyusuttavaṇṇanā