Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    พุทฺธาจิณฺณกถา

    Buddhāciṇṇakathā

    ๒๒. อนุธมฺมตาติ โลกุตฺตรธมฺมานุคโต ธโมฺมฯ อนปโลเกตฺวาติ ปทสฺส วิวรณํ ‘‘อนาปุจฺฉิตฺวา’’ติฯ ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท คมฺยมานตาย น วุโตฺต, เอวํ อญฺญตฺถาปิ อีทิเสสุ ฐาเนสุฯ ตตฺถ ชนปทจาริกนฺติ ชนปเทสุ จรณํ, จรณํ วา จาโร, โส เอว จาริกา, ชนปเทสุ จาริกา ชนปทจาริกาฯ ตํ ปกฺกมนฺติ, ชนปทคมนํ คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ ปกฺกมนฺติเยวาติ อวธารเณน โน น ปกฺกมนฺตีติ ทเสฺสติฯ ‘‘ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺตี’’ติ เอตฺถ ฐตฺวา ภควโต จาริกาปกฺกมนวิธิํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ชนปทจาริกํ จรนฺตา จา’’ติอาทิฯ จาริกา จ นาเมสา (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๕๔; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๕๔) ทุวิธา ตุริตจาริกา เจว อตุริตจาริกา จฯ ตตฺถ ทูเรปิ โพธเนยฺยปุคฺคลํ ทิสฺวา ตสฺส โพธนตฺถาย สหสา คมนํ ตุริตจาริกา นาม, สา มหากสฺสปเตฺถรปจฺจุคฺคมนาทีสุ ทฎฺฐพฺพาฯ ภควา หิ มหากสฺสปเตฺถรํ ปจฺจุคฺคจฺฉโนฺต มุหุเตฺตน ติคาวุตมคมาสิ, อาฬวกสฺสตฺถาย ติํสโยชนํ, ตถา องฺคุลิมาลสฺส, ปุกฺกุสาติสฺส ปน ปญฺจจตฺตาลีสโยชนํ, มหากปฺปินสฺส วีสโยชนสตํ, ธนิยสฺสตฺถาย สตฺตโยชนสตานิ อคมาสิ, ธมฺมเสนาปติโน สทฺธิวิหาริกสฺส วนวาสีติสฺสสามเณรสฺส ติคาวุตาธิกํ วีสโยชนสตํ อคมาสิ, อยํ ตุริตจาริกาฯ ยํ ปน คามนิคมนครปฎิปาฎิยา เทวสิกํ โยชนอฑฺฒโยชนวเสน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺตสฺส คมนํ, อยํ อตุริตจาริกา นามฯ อิมํ ปน จาริกํ จรโนฺต ภควา มหามณฺฑลํ มชฺฌิมมณฺฑลํ อนฺติมมณฺฑลนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ มณฺฑลานํ อญฺญตรสฺมิํ จรติฯ ตตฺถ ‘‘ชนปทจาริก’’นฺติ วุตฺตตฺตา อตุริตจาริกาว อิธาธิเปฺปตาฯ ตเมว วิภชิตฺวา ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘มหามณฺฑลํ มชฺฌิมมณฺฑล’’นฺติอาทิฯ

    22.Anudhammatāti lokuttaradhammānugato dhammo. Anapaloketvāti padassa vivaraṇaṃ ‘‘anāpucchitvā’’ti. Janapadacārikaṃ pakkamantīti ettha iti-saddo gamyamānatāya na vutto, evaṃ aññatthāpi īdisesu ṭhānesu. Tattha janapadacārikanti janapadesu caraṇaṃ, caraṇaṃ vā cāro, so eva cārikā, janapadesu cārikā janapadacārikā. Taṃ pakkamanti, janapadagamanaṃ gacchantīti attho. Pakkamantiyevāti avadhāraṇena no na pakkamantīti dasseti. ‘‘Janapadacārikaṃ pakkamantī’’ti ettha ṭhatvā bhagavato cārikāpakkamanavidhiṃ dassento āha ‘‘janapadacārikaṃ carantā cā’’tiādi. Cārikā ca nāmesā (dī. ni. aṭṭha. 1.254; ma. ni. aṭṭha. 1.254) duvidhā turitacārikā ceva aturitacārikā ca. Tattha dūrepi bodhaneyyapuggalaṃ disvā tassa bodhanatthāya sahasā gamanaṃ turitacārikā nāma, sā mahākassapattherapaccuggamanādīsu daṭṭhabbā. Bhagavā hi mahākassapattheraṃ paccuggacchanto muhuttena tigāvutamagamāsi, āḷavakassatthāya tiṃsayojanaṃ, tathā aṅgulimālassa, pukkusātissa pana pañcacattālīsayojanaṃ, mahākappinassa vīsayojanasataṃ, dhaniyassatthāya sattayojanasatāni agamāsi, dhammasenāpatino saddhivihārikassa vanavāsītissasāmaṇerassa tigāvutādhikaṃ vīsayojanasataṃ agamāsi, ayaṃ turitacārikā. Yaṃ pana gāmanigamanagarapaṭipāṭiyā devasikaṃ yojanaaḍḍhayojanavasena piṇḍapātacariyādīhi lokaṃ anuggaṇhantassa gamanaṃ, ayaṃ aturitacārikā nāma. Imaṃ pana cārikaṃ caranto bhagavā mahāmaṇḍalaṃ majjhimamaṇḍalaṃ antimamaṇḍalanti imesaṃ tiṇṇaṃ maṇḍalānaṃ aññatarasmiṃ carati. Tattha ‘‘janapadacārika’’nti vuttattā aturitacārikāva idhādhippetā. Tameva vibhajitvā dassento āha ‘‘mahāmaṇḍalaṃ majjhimamaṇḍala’’ntiādi.

    ตตฺถ อนฺติมมณฺฑลนฺติ ขุทฺทกมณฺฑลํ, อิตเรสํ วา มณฺฑลานํ อโนฺตคธตฺตา อนฺติมมณฺฑลํ, อพฺภนฺตริมมณฺฑลนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อิเมสํ ปน มณฺฑลานํ กิํ ปมาณนฺติ อาห ‘‘ตตฺถ มหามณฺฑลํ นวโยชนสติก’’นฺติอาทิฯ นวโยชนสติกมฺปิ ฐานํ มชฺฌิมเทสปริยาปนฺนเมว, ตโต ปรํ นาธิเปฺปตํ ตุริตจาริกาวเสน อคมนโตฯ ยสฺมา นิกฺขนฺตกาลโต ปฎฺฐาย คตคตฎฺฐานสฺส จตูสุ ปเสฺสสุ สมนฺตโต โยชนสตํ เอกโกลาหลํ โหติ, ปุริมํ ปุริมํ อาคตา นิมเนฺตตุํ ลภนฺติ, อิตเรสุ ทฺวีสุ มณฺฑเลสุ สกฺกาโร มหามณฺฑลํ โอสรติ, ตตฺถ พุทฺธา ภควโนฺต เตสุ เตสุ คามนิคเมสุ เอกาหํ ทฺวีหํ วสนฺตา มหาชนํ อามิสปฎิคฺคเหน อนุคฺคณฺหนฺติ, ธมฺมทาเนน จ วิวฎฺฎูปนิสฺสิตํ กุสลํ วเฑฺฒนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘คามนิคมาทีสุ มหาชนํ อามิสปฎิคฺคเหน อนุคฺคณฺหนฺตา’’ติอาทิฯ สมถวิปสฺสนา ตรุณา โหนฺตีติ เอตฺถ ตรุณา วิปสฺสนาติ สงฺขารปริเจฺฉทเน ญาณํ กงฺขาวิตรเณ ญาณํ สมฺมสเน ญาณํ มคฺคามเคฺค ญาณนฺติ จตุนฺนํ ญาณานํ อธิวจนํฯ สมถสฺส ตรุณภาโว ปน อุปจารสมาธิวเสน เวทิตโพฺพฯ ‘‘สเจ ปน อโนฺตวเสฺส ภิกฺขูนํ สมถวิปสฺสนา ตรุณา โหนฺตี’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อเญฺญนปิ มชฺฌิมมณฺฑเล เวเนยฺยานํ ญาณปริปากาทิการเณน มชฺฌิมมณฺฑเล จาริกํ จริตุกามา จาตุมาสํ วสิตฺวาว นิกฺขมนฺติฯ

    Tattha antimamaṇḍalanti khuddakamaṇḍalaṃ, itaresaṃ vā maṇḍalānaṃ antogadhattā antimamaṇḍalaṃ, abbhantarimamaṇḍalanti vuttaṃ hoti. Imesaṃ pana maṇḍalānaṃ kiṃ pamāṇanti āha ‘‘tattha mahāmaṇḍalaṃ navayojanasatika’’ntiādi. Navayojanasatikampi ṭhānaṃ majjhimadesapariyāpannameva, tato paraṃ nādhippetaṃ turitacārikāvasena agamanato. Yasmā nikkhantakālato paṭṭhāya gatagataṭṭhānassa catūsu passesu samantato yojanasataṃ ekakolāhalaṃ hoti, purimaṃ purimaṃ āgatā nimantetuṃ labhanti, itaresu dvīsu maṇḍalesu sakkāro mahāmaṇḍalaṃ osarati, tattha buddhā bhagavanto tesu tesu gāmanigamesu ekāhaṃ dvīhaṃ vasantā mahājanaṃ āmisapaṭiggahena anuggaṇhanti, dhammadānena ca vivaṭṭūpanissitaṃ kusalaṃ vaḍḍhenti, tasmā vuttaṃ ‘‘gāmanigamādīsu mahājanaṃ āmisapaṭiggahena anuggaṇhantā’’tiādi. Samathavipassanā taruṇā hontīti ettha taruṇā vipassanāti saṅkhāraparicchedane ñāṇaṃ kaṅkhāvitaraṇe ñāṇaṃ sammasane ñāṇaṃ maggāmagge ñāṇanti catunnaṃ ñāṇānaṃ adhivacanaṃ. Samathassa taruṇabhāvo pana upacārasamādhivasena veditabbo. ‘‘Sace pana antovasse bhikkhūnaṃ samathavipassanā taruṇā hontī’’ti idaṃ nidassanamattanti daṭṭhabbaṃ. Aññenapi majjhimamaṇḍale veneyyānaṃ ñāṇaparipākādikāraṇena majjhimamaṇḍale cārikaṃ caritukāmā cātumāsaṃ vasitvāva nikkhamanti.

    ปวารณาสงฺคหํ ทตฺวาติ อนุมติทานวเสน ทตฺวาฯ มาคสิรสฺส ปฐมทิวเสติ มาคสิรมาสสฺส ปฐมทิวเสฯ อิทเญฺจตรหิ ปวตฺตโวหารวเสน กตฺติกมาสสฺส อปรปกฺขปาฎิปททิวสํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตสนฺติ เตสํ พุทฺธานํฯ เตหิ วิเนตพฺพตฺตา ‘‘เตสํ วิเนยฺยสตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ วิเนยฺยสตฺตาติ จ จาริกาย วิเนตพฺพสตฺตาฯ มาคสิรมาสมฺปิ ตเตฺถว วสิตฺวา ผุสฺสมาสสฺส ปฐมทิวเสติ อิทมฺปิ นิทสฺสนมตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ จตุมาสวุตฺถานมฺปิ พุทฺธานํ วิเนยฺยสตฺตา อปริปกฺกินฺทฺริยา โหนฺติ, เตสํ อินฺทฺริยปริปากํ อาคมยมานา อปรมฺปิ เอกมาสํ วา ทฺวิติจตุมาสํ วา ตเตฺถววสิตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวารา นิกฺขมิตฺวา ปุริมนเยเนว โลกํ อนุคฺคณฺหนฺตา สตฺตหิ วา ฉหิ วา ปญฺจหิ วา จตูหิ วา มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปนฺติฯ เวเนยฺยวเสเนวาติ อวธารเณน น จีวราทิเหตุ จรนฺตีติ ทเสฺสติฯ ตถา หิ อิเมสุ ตีสุ มณฺฑเลสุ ยตฺถ กตฺถจิ จาริกํ จรนฺตา น จีวราทิเหตุ จรนฺติ, อถ โข เย ทุคฺคตพาลชิณฺณพฺยาธิกา, เต ‘‘กทา ตถาคตํ อาคนฺตฺวา ปสฺสิสฺสนฺติ, มยิ ปน จาริกํ จรเนฺต มหาชโน ตถาคตทสฺสนํ ลภิสฺสติ, ตตฺถ เกจิ จิตฺตานิ ปสาเทสฺสนฺติ, เกจิ มาลาทีหิ ปูเชสฺสนฺติ, เกจิ กฎจฺฉุภิกฺขํ ทสฺสนฺติ, เกจิ มิจฺฉาทสฺสนํ ปหาย สมฺมาทิฎฺฐิกา ภวิสฺสนฺติ, ตํ เนสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ เอวํ โลกานุกมฺปาย จาริกํ จรนฺติฯ

    Pavāraṇāsaṅgahaṃ datvāti anumatidānavasena datvā. Māgasirassa paṭhamadivaseti māgasiramāsassa paṭhamadivase. Idañcetarahi pavattavohāravasena kattikamāsassa aparapakkhapāṭipadadivasaṃ sandhāya vuttaṃ. Tesanti tesaṃ buddhānaṃ. Tehi vinetabbattā ‘‘tesaṃ vineyyasattā’’ti vuttaṃ. Vineyyasattāti ca cārikāya vinetabbasattā. Māgasiramāsampi tattheva vasitvā phussamāsassa paṭhamadivaseti idampi nidassanamattanti daṭṭhabbaṃ. Catumāsavutthānampi buddhānaṃ vineyyasattā aparipakkindriyā honti, tesaṃ indriyaparipākaṃ āgamayamānā aparampi ekamāsaṃ vā dviticatumāsaṃ vā tatthevavasitvā mahābhikkhusaṅghaparivārā nikkhamitvā purimanayeneva lokaṃ anuggaṇhantā sattahi vā chahi vā pañcahi vā catūhi vā māsehi cārikaṃ pariyosāpenti. Veneyyavasenevāti avadhāraṇena na cīvarādihetu carantīti dasseti. Tathā hi imesu tīsu maṇḍalesu yattha katthaci cārikaṃ carantā na cīvarādihetu caranti, atha kho ye duggatabālajiṇṇabyādhikā, te ‘‘kadā tathāgataṃ āgantvā passissanti, mayi pana cārikaṃ carante mahājano tathāgatadassanaṃ labhissati, tattha keci cittāni pasādessanti, keci mālādīhi pūjessanti, keci kaṭacchubhikkhaṃ dassanti, keci micchādassanaṃ pahāya sammādiṭṭhikā bhavissanti, taṃ nesaṃ bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti evaṃ lokānukampāya cārikaṃ caranti.

    อปิจ จตูหิ การเณหิ พุทฺธา ภควโนฺต จาริกํ จรนฺติ ชงฺฆวิหารวเสน สรีรผาสุกตฺถาย, อฎฺฐุปฺปตฺติกาลาภิกงฺขนตฺถาย, ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทปญฺญาปนตฺถาย, ตตฺถ ตตฺถ ปริปากคตินฺทฺริเย โพธเนยฺยสเตฺต โพธนตฺถายาติฯ อปเรหิปิ จตูหิ การเณหิ พุทฺธา ภควโนฺต จาริกํ จรนฺติ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ วา, ธมฺมํ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ วา, มหตา ธมฺมวเสฺสน จตโสฺส ปริสา สนฺตเปฺปสฺสามาติ วาฯ อปเรหิปิ ปญฺจหิ การเณหิ พุทฺธา ภควโนฺต จาริกํ จรนฺติ ปาณาติปาตา วิรมิสฺสนฺตีติ วา, อทินฺนาทานา, กาเมสุมิจฺฉาจารา, มุสาวาทา, สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา วิรมิสฺสนฺตีติ วาฯ อปเรหิปิ อฎฺฐหิ การเณหิ พุทฺธา ภควโนฺต จาริกํ จรนฺติ ปฐมํ ฌานํ ปฎิลภิสฺสนฺตีติ วา, ทุติยํ…เป.… เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติํ ปฎิลภิสฺสนฺตีติ วาฯ อปเรหิปิ อฎฺฐหิ การเณหิ พุทฺธา ภควโนฺต จาริกํ จรนฺติ โสตาปตฺติมคฺคํ อธิคมิสฺสนฺตีติ วา, โสตาปตฺติผลํ…เป.… อรหตฺตผลํ สจฺฉิกริสฺสนฺตีติ วาติฯ

    Apica catūhi kāraṇehi buddhā bhagavanto cārikaṃ caranti jaṅghavihāravasena sarīraphāsukatthāya, aṭṭhuppattikālābhikaṅkhanatthāya, bhikkhūnaṃ sikkhāpadapaññāpanatthāya, tattha tattha paripākagatindriye bodhaneyyasatte bodhanatthāyāti. Aparehipi catūhi kāraṇehi buddhā bhagavanto cārikaṃ caranti buddhaṃ saraṇaṃ gacchissantīti vā, dhammaṃ, saṅghaṃ saraṇaṃ gacchissantīti vā, mahatā dhammavassena catasso parisā santappessāmāti vā. Aparehipi pañcahi kāraṇehi buddhā bhagavanto cārikaṃ caranti pāṇātipātā viramissantīti vā, adinnādānā, kāmesumicchācārā, musāvādā, surāmerayamajjapamādaṭṭhānā viramissantīti vā. Aparehipi aṭṭhahi kāraṇehi buddhā bhagavanto cārikaṃ caranti paṭhamaṃ jhānaṃ paṭilabhissantīti vā, dutiyaṃ…pe… nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiṃ paṭilabhissantīti vā. Aparehipi aṭṭhahi kāraṇehi buddhā bhagavanto cārikaṃ caranti sotāpattimaggaṃ adhigamissantīti vā, sotāpattiphalaṃ…pe… arahattaphalaṃ sacchikarissantīti vāti.

    ปุปฺผานิ โอจินนฺตา วิย จรนฺตีติ อิมินา ยถา มาลากาโร พหุํ ปุปฺผคจฺฉํ ทิสฺวา ตตฺถ จิรมฺปิ ฐตฺวา ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปุปฺผสุญฺญํ คจฺฉํ ทิสฺวา ตตฺถ ปปญฺจํ อกตฺวา ตํ ปหาย อญฺญตฺถ คนฺตฺวา ปุปฺผานิ โอจินโนฺต วิจรติ, เอวเมว พุทฺธาปิ ยตฺถ คามนิคมาทีสุ วิเนยฺยสตฺตา พหู โหนฺติ, ตตฺถ จิรมฺปิ วสนฺตา เต วิเนตฺวา วิเนยฺยสุญฺญคามาทีสุ ปปญฺจํ อกตฺวา ตํ ปหาย อญฺญตฺถ พหุวิเนยฺยเกสุ คามาทีสุ วสนฺตา วิจรนฺตีติ ทเสฺสติฯ ตโตเยว จ อติขุทฺทเกปิ อนฺติมมณฺฑเล อุปนิสฺสยวนฺตานํ พหุภาวโต ตาว พหุมฺปิ กาลํ สตฺตมาสปริยนฺตํ จาริกํ จรนฺติฯ

    Pupphāni ocinantā viya carantīti iminā yathā mālākāro bahuṃ pupphagacchaṃ disvā tattha cirampi ṭhatvā pupphāni ocinitvā pupphasuññaṃ gacchaṃ disvā tattha papañcaṃ akatvā taṃ pahāya aññattha gantvā pupphāni ocinanto vicarati, evameva buddhāpi yattha gāmanigamādīsu vineyyasattā bahū honti, tattha cirampi vasantā te vinetvā vineyyasuññagāmādīsu papañcaṃ akatvā taṃ pahāya aññattha bahuvineyyakesu gāmādīsu vasantā vicarantīti dasseti. Tatoyeva ca atikhuddakepi antimamaṇḍale upanissayavantānaṃ bahubhāvato tāva bahumpi kālaṃ sattamāsapariyantaṃ cārikaṃ caranti.

    สนฺตสภาวตฺตา กิเลสสมณเหตุตาย วา สนฺตํ นิพฺพานํ, สุขการณตาย จ สุขนฺติ อาห ‘‘สนฺตํ สุขํ นิพฺพานมารมฺมณํ กตฺวา’’ติฯ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬติ ชาติเกฺขตฺตภูตาย ทสสหสฺสิโลกธาตุยาฯ อิทญฺจ เทวพฺรหฺมานํ วเสน วุตฺตํ, มนุสฺสา ปน อิมสฺมิํเยว จกฺกวาเฬ โพธเนยฺยา โหนฺติฯ โพธเนยฺยสตฺตสมวโลกนนฺติ ปฐมํ มหากรุณาย ผริตฺวา ปจฺฉา สพฺพญฺญุตญฺญาณชาลํ ปตฺถริตฺวา ตสฺส อโนฺต ปวิฎฺฐานํ โพธเนยฺยสตฺตานํ สโมโลกนํฯ พุทฺธา กิร มหากรุณาสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฎฺฐาย ‘‘เย สตฺตา ภพฺพา ปริปากญาณา อชฺชเยว มยา วิเนตพฺพา, เต มยฺหํ ญาณสฺส อุปฎฺฐหนฺตู’’ติ จิตฺตํ อธิฎฺฐาย สมนฺนาหรนฺติฯ เตสํ สห สมนฺนาหารา เอโก วา เทฺว วา พหู วา ตทา วินยูปคา เวเนยฺยา สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส อาปาถมาคจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ พุทฺธานุภาโวฯ เอวํ อาปาถมาคตานํ ปน เนสํ อุปนิสฺสยํ ปุพฺพจริยํ ปุพฺพเหตุํ สมฺปติวตฺตมานญฺจ ปฎิปตฺติํ โอโลเกนฺติฯ เวเนยฺยสตฺตปริคฺคณฺหนตฺถญฺหิ สมนฺนาหาเร กเต ปฐมํ เนสํ เวเนยฺยภาเวเนว อุปฎฺฐานํ โหติฯ อถ ‘‘กิํ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ สรณคมนาทิวเสน กญฺจิ นิปฺผตฺติํ วีมํสมานา ปุพฺพุปนิสฺสยานิ โอโลเกนฺติฯ

    Santasabhāvattā kilesasamaṇahetutāya vā santaṃ nibbānaṃ, sukhakāraṇatāya ca sukhanti āha ‘‘santaṃ sukhaṃ nibbānamārammaṇaṃ katvā’’ti. Dasasahassacakkavāḷeti jātikkhettabhūtāya dasasahassilokadhātuyā. Idañca devabrahmānaṃ vasena vuttaṃ, manussā pana imasmiṃyeva cakkavāḷe bodhaneyyā honti. Bodhaneyyasattasamavalokananti paṭhamaṃ mahākaruṇāya pharitvā pacchā sabbaññutaññāṇajālaṃ pattharitvā tassa anto paviṭṭhānaṃ bodhaneyyasattānaṃ samolokanaṃ. Buddhā kira mahākaruṇāsamāpattiṃ samāpajjitvā tato vuṭṭhāya ‘‘ye sattā bhabbā paripākañāṇā ajjayeva mayā vinetabbā, te mayhaṃ ñāṇassa upaṭṭhahantū’’ti cittaṃ adhiṭṭhāya samannāharanti. Tesaṃ saha samannāhārā eko vā dve vā bahū vā tadā vinayūpagā veneyyā sabbaññutaññāṇassa āpāthamāgacchanti, ayamettha buddhānubhāvo. Evaṃ āpāthamāgatānaṃ pana nesaṃ upanissayaṃ pubbacariyaṃ pubbahetuṃ sampativattamānañca paṭipattiṃ olokenti. Veneyyasattapariggaṇhanatthañhi samannāhāre kate paṭhamaṃ nesaṃ veneyyabhāveneva upaṭṭhānaṃ hoti. Atha ‘‘kiṃ nu kho bhavissatī’’ti saraṇagamanādivasena kañci nipphattiṃ vīmaṃsamānā pubbupanissayāni olokenti.

    โอติเณฺณติ อาโรจิเต, ปริสมชฺฌํ วา โอติเณฺณฯ ทฺวิกฺขตฺตุนฺติ เอกสฺมิํ สํวจฺฉเร ทฺวิกฺขตฺตุํฯ พุทฺธกาเล กิร เอเกกสฺมิํ สํวจฺฉเร เทฺว วาเร ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ อุปกฎฺฐวสฺสูปนายิกกาเล จ ปวารณากาเล จฯ อุปกฎฺฐาย วสฺสูปนายิกาย ทสปิ วีสมฺปิ ติํสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปญฺญาสมฺปิ ภิกฺขู วคฺควคฺคา หุตฺวา กมฺมฎฺฐานตฺถาย อาคจฺฉนฺติฯ ภควา เตหิ สทฺธิํ สโมฺมทิตฺวา ‘‘กสฺมา, ภิกฺขเว, อุปกฎฺฐาย วสฺสูปนายิกาย วิจรถา’’ติ ปุจฺฉติฯ อถ เต ‘‘ภควา กมฺมฎฺฐานตฺถํ อาคตมฺห, กมฺมฎฺฐานํ โน เทถา’’ติ ยาจนฺติฯ สตฺถา เตสํ จริยวเสน ราคจริตสฺส อสุภกมฺมฎฺฐานํ เทติ, โทสจริตสฺส เมตฺตากมฺมฎฺฐานํ, โมหจริตสฺส ‘‘อุเทฺทโส ปริปุจฺฉา กาเลน ธมฺมสฺสวนํ กาเลน ธมฺมสากจฺฉา อิทํ ตุยฺหํ สปฺปาย’’นฺติ อาจิกฺขติฯ กิญฺจาปิ หิ โมหจริตสฺส อานาปานสฺสติกมฺมฎฺฐานํ สปฺปายํ, กมฺมฎฺฐานภาวนาย ปน ภาชนภูตํ กาตุํ สโมฺมหวิคมาย ปฐมํ อุเทฺทสปริปุจฺฉาธมฺมสฺสวนธมฺมสากจฺฉาสุ นิโยเชติฯ วิตกฺกจริตสฺส อานาปานสฺสติกมฺมฎฺฐานํ เทติฯ สทฺธาจริตสฺส วิเสสโต ปุริมา ฉ อนุสฺสติโย สปฺปายา, ตาสํ ปน อนุยุญฺชเน อยํ ปุพฺพภาคปฎิปตฺตีติ ทเสฺสตุํ ปสาทนียสุตฺตเนฺตน พุทฺธสุโพธิตํ ธมฺมสุธมฺมตํ สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติญฺจ ปกาเสติฯ ญาณจริตสฺส ปน มรณสฺสติ อุปสมานุสฺสติ จตุธาตุววตฺถานํ อาหาเรปฎิกูลสญฺญา วิเสสโต สปฺปายา, เตสํ อุปการธมฺมทสฺสนตฺถํ อนิจฺจตาทิปฎิสํยุเตฺต คมฺภีเร สุตฺตเนฺต กเถติฯ เต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา สเจ สปฺปายํ โหติ, สตฺถุ สนฺติเก เอว วสนฺติฯ โน เจ โหติ, สปฺปายํ เสนาสนํ ปุจฺฉนฺตา คจฺฉนฺติฯ เตปิ ตตฺถ วสนฺตา เตมาสิกํ ปฎิปทํ คเหตฺวา ฆเฎนฺตา วายมนฺตา โสตาปนฺนาปิ โหนฺติ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ อรหโนฺตปิฯ ตโต วุตฺถวสฺสา ปวาเรตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภควา อหํ ตุมฺหากํ สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปโตฺต…เป.… อหํ อคฺคผลํ อรหตฺต’’นฺติ ปฎิลทฺธคุณํ อาโรเจนฺติ, อุปริ อนธิคตสฺส อธิคมาย กมฺมฎฺฐานญฺจ ยาจนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปุเร วสฺสูปนายิกาย จ กมฺมฎฺฐานคฺคหณตฺถํ…เป.… อุปริ กมฺมฎฺฐานคฺคหณตฺถญฺจา’’ติฯ

    Otiṇṇeti ārocite, parisamajjhaṃ vā otiṇṇe. Dvikkhattunti ekasmiṃ saṃvacchare dvikkhattuṃ. Buddhakāle kira ekekasmiṃ saṃvacchare dve vāre bhikkhū sannipatanti upakaṭṭhavassūpanāyikakāle ca pavāraṇākāle ca. Upakaṭṭhāya vassūpanāyikāya dasapi vīsampi tiṃsampi cattālīsampi paññāsampi bhikkhū vaggavaggā hutvā kammaṭṭhānatthāya āgacchanti. Bhagavā tehi saddhiṃ sammoditvā ‘‘kasmā, bhikkhave, upakaṭṭhāya vassūpanāyikāya vicarathā’’ti pucchati. Atha te ‘‘bhagavā kammaṭṭhānatthaṃ āgatamha, kammaṭṭhānaṃ no dethā’’ti yācanti. Satthā tesaṃ cariyavasena rāgacaritassa asubhakammaṭṭhānaṃ deti, dosacaritassa mettākammaṭṭhānaṃ, mohacaritassa ‘‘uddeso paripucchā kālena dhammassavanaṃ kālena dhammasākacchā idaṃ tuyhaṃ sappāya’’nti ācikkhati. Kiñcāpi hi mohacaritassa ānāpānassatikammaṭṭhānaṃ sappāyaṃ, kammaṭṭhānabhāvanāya pana bhājanabhūtaṃ kātuṃ sammohavigamāya paṭhamaṃ uddesaparipucchādhammassavanadhammasākacchāsu niyojeti. Vitakkacaritassa ānāpānassatikammaṭṭhānaṃ deti. Saddhācaritassa visesato purimā cha anussatiyo sappāyā, tāsaṃ pana anuyuñjane ayaṃ pubbabhāgapaṭipattīti dassetuṃ pasādanīyasuttantena buddhasubodhitaṃ dhammasudhammataṃ saṅghasuppaṭipattiñca pakāseti. Ñāṇacaritassa pana maraṇassati upasamānussati catudhātuvavatthānaṃ āhārepaṭikūlasaññā visesato sappāyā, tesaṃ upakāradhammadassanatthaṃ aniccatādipaṭisaṃyutte gambhīre suttante katheti. Te kammaṭṭhānaṃ gahetvā sace sappāyaṃ hoti, satthu santike eva vasanti. No ce hoti, sappāyaṃ senāsanaṃ pucchantā gacchanti. Tepi tattha vasantā temāsikaṃ paṭipadaṃ gahetvā ghaṭentā vāyamantā sotāpannāpi honti sakadāgāminopi anāgāminopi arahantopi. Tato vutthavassā pavāretvā satthu santikaṃ gantvā ‘‘bhagavā ahaṃ tumhākaṃ santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā sotāpattiphalaṃ patto…pe… ahaṃ aggaphalaṃ arahatta’’nti paṭiladdhaguṇaṃ ārocenti, upari anadhigatassa adhigamāya kammaṭṭhānañca yācanti. Tena vuttaṃ ‘‘pure vassūpanāyikāya ca kammaṭṭhānaggahaṇatthaṃ…pe… upari kammaṭṭhānaggahaṇatthañcā’’ti.

    อายามาติ เอตฺถ อา-สโทฺท ‘‘อาคจฺฉา’’ติ อิมินา สมานโตฺถติ อาห ‘‘อายามาติ อาคจฺฉ ยามา’’ติ, เอหิ คจฺฉามาติ อโตฺถฯ อานนฺทาติ ภควา สนฺติกาวจรตฺตา เถรํ อาลปติ, น ปน ตทา สตฺถุ สนฺติเก วสนฺตานํ ภิกฺขูนํ อภาวโตฯ ปญฺจสตปริมาโณ หิ ตทา ภควโต สนฺติเก ภิกฺขุสโงฺฆฯ เถโร ปน ‘‘คณฺหถาวุโส ปตฺตจีวรานิ, ภควา อสุกฎฺฐานํ คนฺตุกาโม’’ติ ภิกฺขูนํ อาโรเจติฯ ‘‘อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ภควโต ปจฺจโสฺสสี’’ติ อิธ ภควโตติ สามิวจนํ อามนฺตนวจนเมว สมฺพนฺธีอนฺตรํ อเปกฺขตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘ภควโต วจนํ ปฎิอโสฺสสี’’ติ วุตฺตํฯ ภควโตติ ปน อิทํ ปติสฺสวสมฺพเนฺธน สมฺปทานวจนํ ยถา ‘‘เทวทตฺตสฺส ปฎิสฺสุโณตี’’ติฯ ปจฺจโสฺสสีติ เอตฺถ ปฎิ-สโทฺท อภิมุขวจโนติ อาห ‘‘อภิมุโข หุตฺวา สุณี’’ติฯ ภควโต มุขาภิมุโข หุตฺวา อธิวาเสตฺวา สุณิ, น อุทาสิโน หุตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ

    Āyāmāti ettha ā-saddo ‘‘āgacchā’’ti iminā samānatthoti āha ‘‘āyāmāti āgaccha yāmā’’ti, ehi gacchāmāti attho. Ānandāti bhagavā santikāvacarattā theraṃ ālapati, na pana tadā satthu santike vasantānaṃ bhikkhūnaṃ abhāvato. Pañcasataparimāṇo hi tadā bhagavato santike bhikkhusaṅgho. Thero pana ‘‘gaṇhathāvuso pattacīvarāni, bhagavā asukaṭṭhānaṃ gantukāmo’’ti bhikkhūnaṃ āroceti. ‘‘Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesī’’ti vuttattā ‘‘bhagavato paccassosī’’ti idha bhagavatoti sāmivacanaṃ āmantanavacanameva sambandhīantaraṃ apekkhatīti iminā adhippāyena ‘‘bhagavato vacanaṃ paṭiassosī’’ti vuttaṃ. Bhagavatoti pana idaṃ patissavasambandhena sampadānavacanaṃ yathā ‘‘devadattassa paṭissuṇotī’’ti. Paccassosīti ettha paṭi-saddo abhimukhavacanoti āha ‘‘abhimukho hutvā suṇī’’ti. Bhagavato mukhābhimukho hutvā adhivāsetvā suṇi, na udāsino hutvāti adhippāyo.

    ตสฺส ปาฎิหาริยสฺส อาคนฺตุกวเสน กตตฺตา วุตฺตํ ‘‘นครทฺวารโต ปฎฺฐายา’’ติฯ สุวณฺณรสปิญฺชราหิ รสฺมีหีติ เอตฺถ รส-สโทฺท อุทกปริยาโย, ปิญฺชร-สโทฺท เหมวณฺณปริยาโย, ตสฺมา สุวณฺณชลธารา วิย สุวณฺณวณฺณาหิ รสฺมีหีติ อโตฺถฯ สมุโชฺชตยมาโนติ โอภาสยมาโนฯ อสฺสาติ เวรญฺชสฺส พฺราหฺมณสฺสฯ ภควนฺตํ อุปนิสีทิตุกาโมติ ภควนฺตํ อุปคนฺตฺวา นิสีทิตุกาโม, ภควโต สมีเป นิสีทิตุกาโมติ วุตฺตํ โหติฯ

    Tassa pāṭihāriyassa āgantukavasena katattā vuttaṃ ‘‘nagaradvārato paṭṭhāyā’’ti. Suvaṇṇarasapiñjarāhi rasmīhīti ettha rasa-saddo udakapariyāyo, piñjara-saddo hemavaṇṇapariyāyo, tasmā suvaṇṇajaladhārā viya suvaṇṇavaṇṇāhi rasmīhīti attho. Samujjotayamānoti obhāsayamāno. Assāti verañjassa brāhmaṇassa. Bhagavantaṃ upanisīditukāmoti bhagavantaṃ upagantvā nisīditukāmo, bhagavato samīpe nisīditukāmoti vuttaṃ hoti.

    พฺราหฺมณ ตยา นิมนฺติตา วสฺสํวุตฺถา อมฺหาติ ปาฬิยํ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ทาตโพฺพ อสฺสาติ ทาตโพฺพ ภเวยฺยฯ โน อสโนฺตติ เนว อวิชฺชมาโน, กินฺตุ วิชฺชมาโนเยวาติ ทีเปติฯ วินา วา ลิงฺควิปลฺลาเสเนตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพติ อาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิฯ อิมินา สามญฺญวจนโต เอตฺถ นปุํสกลิงฺคนิเทฺทโสติ ทเสฺสติฯ โน นตฺถีติ โน อมฺหากํ นตฺถิฯ โนติ วา เอตสฺส วิวรณํ นตฺถีติฯ เกสํ อทาตุกามตา วิยาติ อาห ‘‘ยถา’’ติอาทิฯ ปหูตวิตฺตูปกรณานนฺติ เอตฺถ วิตฺตีติ ตุฎฺฐิ, วิตฺติยา อุปกรณํ วิตฺตูปกรณํ, ตุฎฺฐิการณนฺติ อโตฺถฯ ปหูตํ ธนธญฺญชาตรูปรชตนานาวิธาลงฺการสุวณฺณภาชนาทิเภทํ วิตฺตูปกรณเมเตสนฺติ ปหูตวิตฺตูปกรณา, เตสํ ปหูตวิตฺตูปกรณานํ มจฺฉรีนํ ยถา อทาตุกามตา, เอวํ โน อทาตุกามตาปิ นตฺถีติ สมฺพโนฺธฯ ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ เอตฺถ นฺติ ตํ การณํ, ตํ กิจฺจํ วาฯ เอตฺถาติ ฆราวาเสฯ ทุติเย ปน อตฺถวิกเปฺป นฺติ เทยฺยธมฺมสฺส ปรามสนํฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ เตมาสพฺภนฺตเรติ อโตฺถฯ นฺติ เยน การเณน, กิริยาปรามสนํ วาฯ ทุติเย ปน อตฺถวิกเปฺป นฺติ ยํ เทยฺยธมฺมนฺติ อโตฺถฯ

    Brāhmaṇa tayā nimantitā vassaṃvutthā amhāti pāḷiyaṃ sambandho veditabbo. Dātabbo assāti dātabbo bhaveyya. No asantoti neva avijjamāno, kintu vijjamānoyevāti dīpeti. Vinā vā liṅgavipallāsenettha attho daṭṭhabboti āha ‘‘atha vā’’tiādi. Iminā sāmaññavacanato ettha napuṃsakaliṅganiddesoti dasseti. No natthīti no amhākaṃ natthi. Noti vā etassa vivaraṇaṃ natthīti. Kesaṃ adātukāmatā viyāti āha ‘‘yathā’’tiādi. Pahūtavittūpakaraṇānanti ettha vittīti tuṭṭhi, vittiyā upakaraṇaṃ vittūpakaraṇaṃ, tuṭṭhikāraṇanti attho. Pahūtaṃ dhanadhaññajātarūparajatanānāvidhālaṅkārasuvaṇṇabhājanādibhedaṃ vittūpakaraṇametesanti pahūtavittūpakaraṇā, tesaṃ pahūtavittūpakaraṇānaṃ maccharīnaṃ yathā adātukāmatā, evaṃ no adātukāmatāpi natthīti sambandho. Taṃ kutettha labbhāti ettha tanti taṃ kāraṇaṃ, taṃ kiccaṃ vā. Etthāti gharāvāse. Dutiye pana atthavikappe tanti deyyadhammassa parāmasanaṃ. Etthāti imasmiṃ temāsabbhantareti attho. Yanti yena kāraṇena, kiriyāparāmasanaṃ vā. Dutiye pana atthavikappe yanti yaṃ deyyadhammanti attho.

    อลํ ฆราวาสปลิโพธจินฺตายาติ สญฺญาเปตฺวาติ พฺราหฺมณ เนตํ ฆราวาสปลิโพเธน กตํ, อถ โข มาราวฎฺฎเนนาติ พฺราหฺมณํ สญฺญาเปตฺวาฯ ตงฺขณานุรูปายาติ ยาทิสี ตทา ตสฺส อชฺฌาสยปฺปวตฺติ, ตทนุรูปายาติ อโตฺถฯ ตสฺส ตทา ตาทิสสฺส วิวฎฺฎสนฺนิสฺสิตสฺส ญาณปริปากสฺส อภาวโต เกวลํ อพฺภนฺตรสนฺนิสฺสิโต เอว อโตฺถ ทสฺสิโตติ อาห ‘‘ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ สนฺทเสฺสตฺวา’’ติ, ปจฺจกฺขโต วิภาเวตฺวาติ อโตฺถฯ กุสเล ธเมฺมติ เตภูมเก กุสเล ธเมฺมฯ ตตฺถาติ กุสลธเมฺม ยถาสมาทปิเตฯ นฺติ พฺราหฺมณํฯ สมุเตฺตเชตฺวาติ สมฺมเทว อุปรูปริ นิเวเสตฺวา ปุญฺญกิริยาย ติกฺขวิสทภาวํ อาปาเทตฺวาฯ ตํ ปน อตฺถโต ตสฺส อุสฺสาหชนนํ โหตีติ อาห ‘‘สอุสฺสาหํ กตฺวา’’ติฯ เอวํ ปุญฺญกิริยาย สอุสฺสาหโต เอวรูปคุณสมงฺคิตา จ นิยมโต ทิฎฺฐธมฺมิกาทิอตฺถสมฺปาทนนฺติ เอวํ สอุสฺสาหตาย อเญฺญหิ จ ตสฺมิํ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา สมฺมเทว หฎฺฐตุฎฺฐภาวํ อาปาเทตฺวาฯ

    Alaṃ gharāvāsapalibodhacintāyāti saññāpetvāti brāhmaṇa netaṃ gharāvāsapalibodhena kataṃ, atha kho mārāvaṭṭanenāti brāhmaṇaṃ saññāpetvā. Taṅkhaṇānurūpāyāti yādisī tadā tassa ajjhāsayappavatti, tadanurūpāyāti attho. Tassa tadā tādisassa vivaṭṭasannissitassa ñāṇaparipākassa abhāvato kevalaṃ abbhantarasannissito eva attho dassitoti āha ‘‘diṭṭhadhammikasamparāyikaṃ atthaṃ sandassetvā’’ti, paccakkhato vibhāvetvāti attho. Kusale dhammeti tebhūmake kusale dhamme. Tatthāti kusaladhamme yathāsamādapite. Nanti brāhmaṇaṃ. Samuttejetvāti sammadeva uparūpari nivesetvā puññakiriyāya tikkhavisadabhāvaṃ āpādetvā. Taṃ pana atthato tassa ussāhajananaṃ hotīti āha ‘‘saussāhaṃ katvā’’ti. Evaṃ puññakiriyāya saussāhato evarūpaguṇasamaṅgitā ca niyamato diṭṭhadhammikādiatthasampādananti evaṃ saussāhatāya aññehi ca tasmiṃ vijjamānaguṇehi sampahaṃsetvā sammadeva haṭṭhatuṭṭhabhāvaṃ āpādetvā.

    ยทิ ภควา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสิ, อถ กสฺมา โส วิเสสํ นาธิคจฺฉิ? อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา อภาวโตฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ภควา ตสฺส ตถา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสีติ? วุจฺจเต – ยทิปิ ตสฺส วิเสสาธิคโม นตฺถิ, อายติํ ปน นิพฺพานาธิคมตฺถาย วาสนาภาคิยา จ สพฺพา ปุริมปจฺฉิมธมฺมกถา อโหสีติ ทฎฺฐพฺพาฯ น หิ ภควโต นิรตฺถกา ธมฺมเทสนา อตฺถิฯ เตมาสิโกปิ เทยฺยธโมฺมติ เตมาสํ ทาตโพฺพปิ เทยฺยธโมฺมฯ ยํ ทิวสนฺติ ยสฺมิํ ทิวเสฯ

    Yadi bhagavā dhammaratanavassaṃ vassi, atha kasmā so visesaṃ nādhigacchi? Upanissayasampattiyā abhāvato. Yadi evaṃ kasmā bhagavā tassa tathā dhammaratanavassaṃ vassīti? Vuccate – yadipi tassa visesādhigamo natthi, āyatiṃ pana nibbānādhigamatthāya vāsanābhāgiyā ca sabbā purimapacchimadhammakathā ahosīti daṭṭhabbā. Na hi bhagavato niratthakā dhammadesanā atthi. Temāsikopi deyyadhammoti temāsaṃ dātabbopi deyyadhammo. Yaṃ divasanti yasmiṃ divase.

    ๒๓. พุทฺธปริณายกนฺติ พุโทฺธ ปริณายโก เอตสฺสาติ พุทฺธปริณายโก, ภิกฺขุสโงฺฆฯ ตํ พุทฺธปริณายกํ, พุทฺธเชฎฺฐกนฺติ อโตฺถฯ ยาวทตฺถํ กตฺวาติ ยาว อโตฺถ, ตาว โภชเนน ตทา กตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ทาตุํ อุปนีตภิกฺขาย ปฎิเกฺขโป นาม หตฺถสญฺญาย มุขวิกาเรน วจีเภเทน วา โหตีติ อาห ‘‘หตฺถสญฺญายา’’ติอาทิฯ โอนีตปตฺตปาณินฺติ เอตฺถ โอนีโต ปตฺตโต ปาณิ เอตสฺสาติ โอนีตปตฺตปาณีติ ภินฺนาธิกรณวิสโยยํ สโทฺท พาหิรตฺถสมาโสติ อาห ‘‘ปตฺตโต โอนีตปาณิ’’นฺติอาทิฯ ‘‘โอนิตฺตปตฺตปาณิ’’นฺติปิ ปาโฐ, ตสฺสโตฺถ โอนิตฺตํ นานาภูตํ วินาภูตํ อามิสาปนยเนน วา สุจิกตํ ปตฺตํ ปาณิโต อสฺสาติ โอนิตฺตปตฺตปาณิ , ตํ โอนิตฺตปตฺตปาณิํ, หเตฺถ จ ปตฺตญฺจ โธวิตฺวา เอกมเนฺต ปตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺนนฺติ อโตฺถฯ ปตฺตุณฺณปฎฺฎปเฎ จาติ ปตฺตุณฺณปเฎ จ ปฎฺฎปเฎ จฯ ตตฺถ ปตฺตุณฺณปเทเส ภวา ปตฺตุณฺณา, โกสิยวิเสสาติปิ วทนฺติฯ ปฎฺฎานิ ปน จีนปฎานิฯ อาโยคาทีสุ อาโยโคติ ปฎิอาโยโค, อํสพทฺธกํ ปตฺตตฺถวิกาทีสุฯ เภสชฺชเตลานนฺติ เภสชฺชสมฺปาเกน สาธิตเตลานํฯ ตุมฺพานีติ จมฺมมยเตลภาชนานิฯ เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน สหสฺสคฺฆนกํ เตลมทาสีติ สมฺพโนฺธฯ

    23.Buddhapariṇāyakanti buddho pariṇāyako etassāti buddhapariṇāyako, bhikkhusaṅgho. Taṃ buddhapariṇāyakaṃ, buddhajeṭṭhakanti attho. Yāvadatthaṃ katvāti yāva attho, tāva bhojanena tadā katanti adhippāyo. Dātuṃ upanītabhikkhāya paṭikkhepo nāma hatthasaññāya mukhavikārena vacībhedena vā hotīti āha ‘‘hatthasaññāyā’’tiādi. Onītapattapāṇinti ettha onīto pattato pāṇi etassāti onītapattapāṇīti bhinnādhikaraṇavisayoyaṃ saddo bāhiratthasamāsoti āha ‘‘pattato onītapāṇi’’ntiādi. ‘‘Onittapattapāṇi’’ntipi pāṭho, tassattho onittaṃ nānābhūtaṃ vinābhūtaṃ āmisāpanayanena vā sucikataṃ pattaṃ pāṇito assāti onittapattapāṇi , taṃ onittapattapāṇiṃ, hatthe ca pattañca dhovitvā ekamante pattaṃ nikkhipitvā nisinnanti attho. Pattuṇṇapaṭṭapaṭe cāti pattuṇṇapaṭe ca paṭṭapaṭe ca. Tattha pattuṇṇapadese bhavā pattuṇṇā, kosiyavisesātipi vadanti. Paṭṭāni pana cīnapaṭāni. Āyogādīsu āyogoti paṭiāyogo, aṃsabaddhakaṃ pattatthavikādīsu. Bhesajjatelānanti bhesajjasampākena sādhitatelānaṃ. Tumbānīti cammamayatelabhājanāni. Ekamekassa bhikkhuno sahassagghanakaṃ telamadāsīti sambandho.

    มหายาคํ ยชิตฺวาติ มหาทานํ ทตฺวาฯ สปุตฺตทารํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนนฺติ ปุตฺตทาเรหิ สทฺธิํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํฯ เตมาสนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํฯ ‘‘เตมาสํ โสตพฺพธมฺมํ อเชฺชว สุณิสฺสามี’’ติ นิสินฺนสฺส ตํ อชฺฌาสยํ ปูเรตฺวา เทสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปริปุณฺณสงฺกปฺปํ กุรุมาโน’’ติฯ อนุพนฺธิตฺวาติ อนุคนฺตฺวาฯ

    Mahāyāgaṃ yajitvāti mahādānaṃ datvā. Saputtadāraṃ vanditvā nisinnanti puttadārehi saddhiṃ vanditvā nisinnaṃ. Temāsanti accantasaṃyoge upayogavacanaṃ. ‘‘Temāsaṃ sotabbadhammaṃ ajjeva suṇissāmī’’ti nisinnassa taṃ ajjhāsayaṃ pūretvā desitattā vuttaṃ ‘‘paripuṇṇasaṅkappaṃ kurumāno’’ti. Anubandhitvāti anugantvā.

    พุทฺธานํ อนภิรติปริตสฺสิตา นาม นตฺถีติ อาห ‘‘ยถาชฺฌาสยํ ยถารุจิตํ วาสํ วสิตฺวา’’ติฯ อภิรนฺตํ อภิรตีติ หิ อตฺถโต เอกํฯ อภิรนฺตสโทฺท จายํ อภิรุจิปริยาโย, น อสฺสาทปริยาโยฯ อสฺสาทวเสน จ กตฺถจิ วสนฺตสฺส อสฺสาทวตฺถุวิคมเนน สิยา ตสฺส ตตฺถ อนภิรติ, ตยิทํ ขีณาสวานํ นตฺถิ, ปเคว พุทฺธานํ, ตสฺมา อภิรติวเสน กตฺถจิ วสิตฺวา ตทภาวโต อญฺญตฺถ คมนํ นาม พุทฺธานํ นตฺถิ, วิเนยฺยวินยนตฺถํ ปน กตฺถจิ วสิตฺวา ตสฺมิํ สิเทฺธ วิเนยฺยวินยตฺถเมว ตโต อญฺญตฺถ คจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ ยถารุจิฯ โสเรยฺยาทีนิ อนุปคมฺมาติ มหามณฺฑลจาริกาย วีถิภูตานิ โสเรยฺยนคราทีนิ อนุปคนฺตฺวาฯ ปยาคปติฎฺฐานนฺติ คามสฺสปิ อธิวจนํ ติตฺถสฺสปิฯ คงฺคํ นทินฺติ คงฺคํ นาม นทิํฯ ตทวสรีติ เอตฺถ นฺติ กรณเตฺถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘เตน อวสริ ตทวสรี’’ติฯ

    Buddhānaṃ anabhiratiparitassitā nāma natthīti āha ‘‘yathājjhāsayaṃ yathārucitaṃ vāsaṃ vasitvā’’ti. Abhirantaṃ abhiratīti hi atthato ekaṃ. Abhirantasaddo cāyaṃ abhirucipariyāyo, na assādapariyāyo. Assādavasena ca katthaci vasantassa assādavatthuvigamanena siyā tassa tattha anabhirati, tayidaṃ khīṇāsavānaṃ natthi, pageva buddhānaṃ, tasmā abhirativasena katthaci vasitvā tadabhāvato aññattha gamanaṃ nāma buddhānaṃ natthi, vineyyavinayanatthaṃ pana katthaci vasitvā tasmiṃ siddhe vineyyavinayatthameva tato aññattha gacchanti, ayamettha yathāruci. Soreyyādīni anupagammāti mahāmaṇḍalacārikāya vīthibhūtāni soreyyanagarādīni anupagantvā. Payāgapatiṭṭhānanti gāmassapi adhivacanaṃ titthassapi. Gaṅgaṃ nadinti gaṅgaṃ nāma nadiṃ. Tadavasarīti ettha tanti karaṇatthe upayogavacananti āha ‘‘tena avasari tadavasarī’’ti.

    พุทฺธาจิณฺณกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Buddhāciṇṇakathā niṭṭhitā.

    สมนฺตปาสาทิกายาติ สมนฺตโต สพฺพโส ปสาทํ ชเนตีติ สมนฺตปาสาทิกา, ตสฺสา สมนฺตปาสาทิกายฯ ตตฺริทํ สมนฺตปาสาทิกาย สมนฺตปาสาทิกตฺตสฺมินฺติ เอตฺถ ตตฺราติ ปุริมวจนาเปกฺขํ, อิทนฺติ วกฺขมานการณวจนาเปกฺขํฯ ตตฺรายํ โยชนา – ยํ วุตฺตํ ‘‘สมนฺตปาสาทิกาย วินยสํวณฺณนายา’’ติ, ตตฺร ยา สา สมนฺตปาสาทิกาติ สํวณฺณนา วุตฺตา , ตสฺสา สมนฺตปาสาทิกาย สํวณฺณนาย สมนฺตปาสาทิกตฺตสฺมิํ สมนฺตปาสาทิกภาเว สพฺพโส ปสาทชนกเตฺต อิทํ โหติฯ กิํ โหตีติ อาห ‘‘อาจริยปรมฺปรโต’’ติอาทิฯ

    Samantapāsādikāyāti samantato sabbaso pasādaṃ janetīti samantapāsādikā, tassā samantapāsādikāya. Tatridaṃ samantapāsādikāya samantapāsādikattasminti ettha tatrāti purimavacanāpekkhaṃ, idanti vakkhamānakāraṇavacanāpekkhaṃ. Tatrāyaṃ yojanā – yaṃ vuttaṃ ‘‘samantapāsādikāya vinayasaṃvaṇṇanāyā’’ti, tatra yā sā samantapāsādikāti saṃvaṇṇanā vuttā , tassā samantapāsādikāya saṃvaṇṇanāya samantapāsādikattasmiṃ samantapāsādikabhāve sabbaso pasādajanakatte idaṃ hoti. Kiṃ hotīti āha ‘‘ācariyaparamparato’’tiādi.

    อาจริยปรมฺปรโตติ ‘‘อุปาลิ ทาสโก’’ติอาทินา (ปริ. ๓)ฯ วุตฺตอาจริยปรมฺปรโตฯ นิทานวตฺถุปฺปเภททีปนโตติ นิทานปฺปเภททีปนโต วตฺถุปฺปเภททีปนโต จฯ ตตฺถ พาหิรนิทานอพฺภนฺตรนิทานสิกฺขาปทนิทานทสฺสนวเสน นิทานปฺปเภททีปนํ เวทิตพฺพํ, เถรวาทปฺปกาสนํ ปน วตฺถุปฺปเภททีปนํฯ ปรสมยวิวชฺชนโตติ ‘‘สกาย ปฎิญฺญาย เมตฺติยํ ภิกฺขุนิํ นาเสถา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๘๔) มิจฺฉาปฎิปนฺนานํ ปเรสํ ลทฺธินิรากรณโต, ตโตเยว จ อตฺตโน สมยปติฎฺฐาปเนน สกสมยวิสุทฺธิโตฯ

    Ācariyaparamparatoti ‘‘upāli dāsako’’tiādinā (pari. 3). Vuttaācariyaparamparato. Nidānavatthuppabhedadīpanatoti nidānappabhedadīpanato vatthuppabhedadīpanato ca. Tattha bāhiranidānaabbhantaranidānasikkhāpadanidānadassanavasena nidānappabhedadīpanaṃ veditabbaṃ, theravādappakāsanaṃ pana vatthuppabhedadīpanaṃ. Parasamayavivajjanatoti ‘‘sakāya paṭiññāya mettiyaṃ bhikkhuniṃ nāsethā’’tiādīsu (pārā. 384) micchāpaṭipannānaṃ paresaṃ laddhinirākaraṇato, tatoyeva ca attano samayapatiṭṭhāpanena sakasamayavisuddhito.

    พฺยญฺชนปริโสธนโตติ ปาฐโสธเนน พฺยญฺชนปริโสธนํ เวทิตพฺพํ, สทฺทสตฺถานุสาเรน วา นิพฺพจนํ ทเสฺสตฺวา ปทนิปฺผตฺติทสฺสนํ พฺยญฺชนปริโสธนํฯ วิภงฺคนยเภททสฺสนโตติ ‘‘ติโสฺส อิตฺถิโย’’ติอาทิปทภาชนสฺส อนุรูปวเสน นยเภททสฺสนโตฯ สมฺปสฺสตนฺติ ญาณจกฺขุนา สมฺมา ปสฺสนฺตานํ, อุปปริกฺขนฺตานนฺติ อโตฺถฯ อปาสาทิกนฺติ อปฺปสาทาวหํฯ เอตฺถาติ สมนฺตปาสาทิกายฯ สมฺปสฺสตํ วิญฺญูนนฺติ สมฺพโนฺธฯ ตสฺมา อยํ สํวณฺณนา สมนฺตปาสาทิกาเตฺวว ปวตฺตาติ โยเชตพฺพํฯ กสฺส เกน เทสิตสฺส สํวณฺณนาติ อาห ‘‘วินยสฺสา’’ติอาทิฯ

    Byañjanaparisodhanatoti pāṭhasodhanena byañjanaparisodhanaṃ veditabbaṃ, saddasatthānusārena vā nibbacanaṃ dassetvā padanipphattidassanaṃ byañjanaparisodhanaṃ. Vibhaṅganayabhedadassanatoti ‘‘tisso itthiyo’’tiādipadabhājanassa anurūpavasena nayabhedadassanato. Sampassatanti ñāṇacakkhunā sammā passantānaṃ, upaparikkhantānanti attho. Apāsādikanti appasādāvahaṃ. Etthāti samantapāsādikāya. Sampassataṃ viññūnanti sambandho. Tasmā ayaṃ saṃvaṇṇanā samantapāsādikātveva pavattāti yojetabbaṃ. Kassa kena desitassa saṃvaṇṇanāti āha ‘‘vinayassā’’tiādi.

    อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถาย สารตฺถทีปนิยํ

    Iti samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāya sāratthadīpaniyaṃ

    เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา สมตฺตาฯ

    Verañjakaṇḍavaṇṇanā samattā.

    ปฐโม ภาโค นิฎฺฐิโตฯ

    Paṭhamo bhāgo niṭṭhito.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / เวรญฺชกณฺฑํ • Verañjakaṇḍaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / พุทฺธาจิณฺณกถา • Buddhāciṇṇakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อุปาสกตฺตปฎิเวทนากถาวณฺณนา • Upāsakattapaṭivedanākathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / วินยปญฺญตฺติยาจนกถาวณฺณนา • Vinayapaññattiyācanakathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact