Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๗. พุทฺธปูชนปโญฺห
7. Buddhapūjanapañho
๗. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ตถาคเตน ‘อพฺยาวฎา ตุเมฺห, อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติฯ ปุน จ ภณิตํ –
7. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ tathāgatena ‘abyāvaṭā tumhe, ānanda, hotha tathāgatassa sarīrapūjāyā’ti. Puna ca bhaṇitaṃ –
‘‘‘ปูเชถ นํ ปูชนิยสฺส ธาตุํ;
‘‘‘Pūjetha naṃ pūjaniyassa dhātuṃ;
เอวํ กรา สคฺคมิโต คมิสฺสถา’ติฯ
Evaṃ karā saggamito gamissathā’ti.
‘‘ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคเตน ภณิตํ ‘อพฺยาวฎา ตุเมฺห, อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติ, เตน หิ ‘ปูเชถ นํ ปูชนิยสฺส ธาตุํ, เอวํ กรา สคฺคมิโต คมิสฺสถา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘ปูเชถ นํ ปูชนิยสฺส ธาตุํ, เอวํ กรา สคฺคมิโต คมิสฺสถา’ติ, เตน หิ ‘อพฺยาวฎา ตุเมฺห อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
‘‘Yadi, bhante nāgasena, tathāgatena bhaṇitaṃ ‘abyāvaṭā tumhe, ānanda, hotha tathāgatassa sarīrapūjāyā’ti, tena hi ‘pūjetha naṃ pūjaniyassa dhātuṃ, evaṃ karā saggamito gamissathā’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā. Yadi tathāgatena bhaṇitaṃ ‘pūjetha naṃ pūjaniyassa dhātuṃ, evaṃ karā saggamito gamissathā’ti, tena hi ‘abyāvaṭā tumhe ānanda, hotha tathāgatassa sarīrapūjāyā’ti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา ‘อพฺยาวฎา ตุเมฺห, อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติ, ปุน จ ภณิตํ ‘ปูเชถ นํ ปูชนิยสฺส ธาตุํ, เอวํ กรา สคฺคมิโต คมิสฺสถา’ติ, ตญฺจ ปน น สเพฺพสํ ชินปุตฺตานํ เยว อารพฺภ ภณิตํ ‘อพฺยาวฎา ตุเมฺห, อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติฯ อกมฺมํ เหตํ, มหาราช, ชินปุตฺตานํ ยทิทํ ปูชา, สมฺมสนํ สงฺขารานํ, โยนิโส มนสิกาโร, สติปฎฺฐานานุปสฺสนา, อารมฺมณสารคฺคาโห, กิเลสยุทฺธํ, สทตฺถมนุยุญฺชนา, เอตํ ชินปุตฺตานํ กรณียํ, อวเสสานํ เทวมนุสฺสานํ ปูชา กรณียาฯ
‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā ‘abyāvaṭā tumhe, ānanda, hotha tathāgatassa sarīrapūjāyā’ti, puna ca bhaṇitaṃ ‘pūjetha naṃ pūjaniyassa dhātuṃ, evaṃ karā saggamito gamissathā’ti, tañca pana na sabbesaṃ jinaputtānaṃ yeva ārabbha bhaṇitaṃ ‘abyāvaṭā tumhe, ānanda, hotha tathāgatassa sarīrapūjāyā’ti. Akammaṃ hetaṃ, mahārāja, jinaputtānaṃ yadidaṃ pūjā, sammasanaṃ saṅkhārānaṃ, yoniso manasikāro, satipaṭṭhānānupassanā, ārammaṇasāraggāho, kilesayuddhaṃ, sadatthamanuyuñjanā, etaṃ jinaputtānaṃ karaṇīyaṃ, avasesānaṃ devamanussānaṃ pūjā karaṇīyā.
‘‘ยถา, มหาราช, มหิยา ราชปุตฺตานํ หตฺถิอสฺสรถธนุถรุเลขมุทฺทาสิกฺขาขคฺคมนฺตสุติ- สมฺมุติยุทฺธยุชฺฌาปนกิริยา กรณียา, อวเสสานํ ปุถุเวสฺสสุทฺทานํ กสิ วณิชฺชา โครกฺขา กรณียา, เอวเมว โข, มหาราช, อกมฺมํ เหตํ ชินปุตฺตานํ ยทิทํ ปูชา, สมฺมสนํ สงฺขารานํ, โยนิโส มนสิกาโร, สติปฎฺฐานานุปสฺสนา, อารมฺมณสารคฺคาโห, กิเลสยุทฺธํ, สทตฺถมนุยุญฺชนา, เอตํ ชินปุตฺตานํ กรณียํ, อวเสสานํ เทวมนุสฺสานํ ปูชา กรณียาฯ
‘‘Yathā, mahārāja, mahiyā rājaputtānaṃ hatthiassarathadhanutharulekhamuddāsikkhākhaggamantasuti- sammutiyuddhayujjhāpanakiriyā karaṇīyā, avasesānaṃ puthuvessasuddānaṃ kasi vaṇijjā gorakkhā karaṇīyā, evameva kho, mahārāja, akammaṃ hetaṃ jinaputtānaṃ yadidaṃ pūjā, sammasanaṃ saṅkhārānaṃ, yoniso manasikāro, satipaṭṭhānānupassanā, ārammaṇasāraggāho, kilesayuddhaṃ, sadatthamanuyuñjanā, etaṃ jinaputtānaṃ karaṇīyaṃ, avasesānaṃ devamanussānaṃ pūjā karaṇīyā.
‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, พฺราหฺมณมาณวกานํ อิรุเวทํ ยชุเวทํ สามเวทํ อถพฺพณเวทํ ลกฺขณํ อิติหาสํ ปุราณํ นิฆณฺฑุ เกฎุภํ อกฺขรปฺปเภทํ ปทํ เวยฺยากรณํ ภาสมคฺคํ อุปฺปาตํ สุปินํ นิมิตฺตํ ฉฬงฺคํ จนฺทคฺคาหํ สูริยคฺคาหํ สุกฺกราหุจริตํ อุฬุคฺคหยุทฺธํ 1 เทวทุนฺทุภิสฺสรํ โอกฺกนฺติ อุกฺกาปาตํ ภูมิกมฺมํ 2 ทิสาทาหํ ภุมฺมนฺตลิกฺขํ โชติสํ โลกายติกํ สาจกฺกํ มิคจกฺกํ อนฺตรจกฺกํ มิสฺสกุปฺปาทํ สกุณรุตรวิตํ 3 สิกฺขา กรณียา, อวเสสานํ ปุถุเวสฺสสุทฺทานํ กสิ วณิชฺชา โครกฺขา กรณียา, เอวเมว โข, มหาราช, อกมฺมํ เหตํ ชินปุตฺตานํ ยทิทํ ปูชา, สมฺมสนํ สงฺขารานํ, โยนิโส มนสิกาโร, สติปฎฺฐานานุปสฺสนา, อารมฺมณสารคฺคาโห, กิเลสยุทฺธํ, สทตฺถมนุยุญฺชนา, เอตํ ชินปุตฺตานํ กรณียํ, อวเสสานํ เทวมนุสฺสานํ ปูชา กรณียา, ตสฺมา, มหาราช, ตถาคโต ‘มา อิเม อกเมฺม ยุญฺชนฺตุ, กเมฺม อิเม ยุญฺชนฺตู’ติ อาห ‘อพฺยาวฎา ตุเมฺห, อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติฯ ยเทตํ, มหาราช, ตถาคโต น ภเณยฺย, ปตฺตจีวรมฺปิ อตฺตโน ปริยาทาเปตฺวา ภิกฺขู พุทฺธปูชํ เยว กเรยฺยุ’’นฺติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Yathā vā pana, mahārāja, brāhmaṇamāṇavakānaṃ iruvedaṃ yajuvedaṃ sāmavedaṃ athabbaṇavedaṃ lakkhaṇaṃ itihāsaṃ purāṇaṃ nighaṇḍu keṭubhaṃ akkharappabhedaṃ padaṃ veyyākaraṇaṃ bhāsamaggaṃ uppātaṃ supinaṃ nimittaṃ chaḷaṅgaṃ candaggāhaṃ sūriyaggāhaṃ sukkarāhucaritaṃ uḷuggahayuddhaṃ 4 devadundubhissaraṃ okkanti ukkāpātaṃ bhūmikammaṃ 5 disādāhaṃ bhummantalikkhaṃ jotisaṃ lokāyatikaṃ sācakkaṃ migacakkaṃ antaracakkaṃ missakuppādaṃ sakuṇarutaravitaṃ 6 sikkhā karaṇīyā, avasesānaṃ puthuvessasuddānaṃ kasi vaṇijjā gorakkhā karaṇīyā, evameva kho, mahārāja, akammaṃ hetaṃ jinaputtānaṃ yadidaṃ pūjā, sammasanaṃ saṅkhārānaṃ, yoniso manasikāro, satipaṭṭhānānupassanā, ārammaṇasāraggāho, kilesayuddhaṃ, sadatthamanuyuñjanā, etaṃ jinaputtānaṃ karaṇīyaṃ, avasesānaṃ devamanussānaṃ pūjā karaṇīyā, tasmā, mahārāja, tathāgato ‘mā ime akamme yuñjantu, kamme ime yuñjantū’ti āha ‘abyāvaṭā tumhe, ānanda, hotha tathāgatassa sarīrapūjāyā’ti. Yadetaṃ, mahārāja, tathāgato na bhaṇeyya, pattacīvarampi attano pariyādāpetvā bhikkhū buddhapūjaṃ yeva kareyyu’’nti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
พุทฺธปูชนปโญฺห สตฺตโมฯ
Buddhapūjanapañho sattamo.
Footnotes: