Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๗๒] ๒. พฺยคฺฆชาตกวณฺณนา

    [272] 2. Byagghajātakavaṇṇanā

    เยน มิเตฺตน สํสคฺคาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิฯ โกกาลิกวตฺถุ เตรสกนิปาเต ตกฺการิยชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๑๐๔ อาทโย) อาวิภวิสฺสติฯ โกกาลิโก ปน ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน คเหตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ โกกาลิกรฎฺฐโต เชตวนํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เถเร อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส, โกกาลิกรฎฺฐวาสิโน มนุสฺสา ตุเมฺห ปโกฺกสนฺติ, เอถ คจฺฉามา’’ติ อาหฯ ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, อาวุโส, น มยํ อาคจฺฉามา’’ติฯ โส เถเรหิ ปฎิกฺขิโตฺต สยเมว อคมาสิฯ อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, โกกาลิโก สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิ สหาปิ วินาปิ วตฺติตุํ น สโกฺกติ, สํโยคมฺปิ น สหติ, วิโยคมฺปิ น สหตี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ โกกาลิโก สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิ เนว สห, น วินา วตฺติตุํ สโกฺกตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Yenamittena saṃsaggāti idaṃ satthā jetavane viharanto kokālikaṃ ārabbha kathesi. Kokālikavatthu terasakanipāte takkāriyajātake (jā. 1.13.104 ādayo) āvibhavissati. Kokāliko pana ‘‘sāriputtamoggallāne gahetvā āgamissāmī’’ti kokālikaraṭṭhato jetavanaṃ āgantvā satthāraṃ vanditvā there upasaṅkamitvā ‘‘āvuso, kokālikaraṭṭhavāsino manussā tumhe pakkosanti, etha gacchāmā’’ti āha. ‘‘Gaccha tvaṃ, āvuso, na mayaṃ āgacchāmā’’ti. So therehi paṭikkhitto sayameva agamāsi. Atha bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, kokāliko sāriputtamoggallānehi sahāpi vināpi vattituṃ na sakkoti, saṃyogampi na sahati, viyogampi na sahatī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi kokāliko sāriputtamoggallānehi neva saha, na vinā vattituṃ sakkotī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อญฺญตรสฺมิํ อรญฺญายตเน รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺส วิมานโต อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ วนปฺปติเชฎฺฐเก อญฺญา รุกฺขเทวตา วสติฯ ตสฺมิํ วนสเณฺฑ สีโห จ พฺยโคฺฆ จ วสนฺติฯ เตสํ ภเยน โกจิ ตตฺถ น เขตฺตํ กโรติ, น รุกฺขํ ฉินฺทติ, นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิฯ เต ปน สีหพฺยคฺฆา นานปฺปกาเร มิเค วธิตฺวา ขาทนฺติ, ขาทิตาวเสสํ ตเตฺถว ปหาย คจฺฉนฺติฯ เตน โส วนสโณฺฑ อสุจิกุณปคโนฺธ โหติฯ อถ อิตรา รุกฺขเทวตา อนฺธพาลา การณาการณํ อชานมานา เอกทิวสํ โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘สมฺม, เอเต โน สีหพฺยเคฺฆ นิสฺสาย วนสโณฺฑ อสุจิกุณปคโนฺธ ชาโต, อหํ เอเต ปลาเปมี’’ติฯ โพธิสโตฺต ‘‘สมฺม, อิเม เทฺว นิสฺสาย อมฺหากํ วิมานานิ รกฺขิยนฺติ, เอเตสุ ปลายเนฺตสุ วิมานานิ โน วินสฺสิสฺสนฺติ, สีหพฺยคฺฆานํ ปทํ อปสฺสนฺตา มนุสฺสา สพฺพํ วนํ ฉินฺทิตฺวา เอกงฺคณํ กตฺวา เขตฺตานิ กริสฺสนฺติ, มา เต เอวํ รุจฺจี’’ติ วตฺวา ปุริมา เทฺว คาถา อโวจ –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto aññatarasmiṃ araññāyatane rukkhadevatā hutvā nibbatti. Tassa vimānato avidūre aññatarasmiṃ vanappatijeṭṭhake aññā rukkhadevatā vasati. Tasmiṃ vanasaṇḍe sīho ca byaggho ca vasanti. Tesaṃ bhayena koci tattha na khettaṃ karoti, na rukkhaṃ chindati, nivattitvā oloketuṃ samattho nāma natthi. Te pana sīhabyagghā nānappakāre mige vadhitvā khādanti, khāditāvasesaṃ tattheva pahāya gacchanti. Tena so vanasaṇḍo asucikuṇapagandho hoti. Atha itarā rukkhadevatā andhabālā kāraṇākāraṇaṃ ajānamānā ekadivasaṃ bodhisattaṃ āha – ‘‘samma, ete no sīhabyagghe nissāya vanasaṇḍo asucikuṇapagandho jāto, ahaṃ ete palāpemī’’ti. Bodhisatto ‘‘samma, ime dve nissāya amhākaṃ vimānāni rakkhiyanti, etesu palāyantesu vimānāni no vinassissanti, sīhabyagghānaṃ padaṃ apassantā manussā sabbaṃ vanaṃ chinditvā ekaṅgaṇaṃ katvā khettāni karissanti, mā te evaṃ ruccī’’ti vatvā purimā dve gāthā avoca –

    ๖๔.

    64.

    ‘‘เยน มิเตฺตน สํสคฺคา, โยคเกฺขโม วิหิยฺยติ;

    ‘‘Yena mittena saṃsaggā, yogakkhemo vihiyyati;

    ปุเพฺพวชฺฌาภวํ ตสฺส, รเกฺข อกฺขีว ปณฺฑิโตฯ

    Pubbevajjhābhavaṃ tassa, rakkhe akkhīva paṇḍito.

    ๖๕.

    65.

    ‘‘เยน มิเตฺตน สํสคฺคา, โยคเกฺขโม ปวฑฺฒติ;

    ‘‘Yena mittena saṃsaggā, yogakkhemo pavaḍḍhati;

    กเรยฺยตฺตสมํ วุตฺติํ, สพฺพกิเจฺจสุ ปณฺฑิโต’’ติฯ

    Kareyyattasamaṃ vuttiṃ, sabbakiccesu paṇḍito’’ti.

    ตตฺถ เยน มิเตฺตน สํสคฺคาติ เยน ปาปมิเตฺตน สทฺธิํ สํสคฺคเหตุ สํสคฺคการณา, เยน สทฺธิํ ทสฺสนสํสโคฺค สวนสํสโคฺค กายสํสโคฺค สมุลฺลปนสํสโคฺค ปริโภคสํสโคฺคติ อิมสฺส ปญฺจวิธสฺส สํสคฺคสฺส กตตฺตาติ อโตฺถฯ โยคเกฺขโมติ กายจิตฺตสุขํฯ ตญฺหิ ทุกฺขโยคโต เขมตฺตา อิธ โยคเกฺขโมติ อธิเปฺปตํฯ วิหิยฺยตีติ ปริหายติฯ ปุเพฺพวชฺฌาภวํ ตสฺส, รเกฺข อกฺขีว ปณฺฑิโตติ ตสฺส ปาปมิตฺตสฺส อชฺฌาภวํ เตน อภิภวิตพฺพํ อตฺตโน ลาภยสชีวิตํ, ยถา นํ โส น อชฺฌาภวติ, ตถา ปฐมตรเมว อตฺตโน อกฺขี วิย ปณฺฑิโต ปุริโส รเกฺขยฺยฯ

    Tattha yena mittena saṃsaggāti yena pāpamittena saddhiṃ saṃsaggahetu saṃsaggakāraṇā, yena saddhiṃ dassanasaṃsaggo savanasaṃsaggo kāyasaṃsaggo samullapanasaṃsaggo paribhogasaṃsaggoti imassa pañcavidhassa saṃsaggassa katattāti attho. Yogakkhemoti kāyacittasukhaṃ. Tañhi dukkhayogato khemattā idha yogakkhemoti adhippetaṃ. Vihiyyatīti parihāyati. Pubbevajjhābhavaṃ tassa, rakkhe akkhīva paṇḍitoti tassa pāpamittassa ajjhābhavaṃ tena abhibhavitabbaṃ attano lābhayasajīvitaṃ, yathā naṃ so na ajjhābhavati, tathā paṭhamatarameva attano akkhī viya paṇḍito puriso rakkheyya.

    ทุติยคาถาย เยนาติ เยน กลฺยาณมิเตฺตน สห สํสคฺคการณาฯ โยคเกฺขโม ปวฑฺฒตีติ กายจิตฺตสุขํ วฑฺฒติฯ กเรยฺยตฺตสมํ วุตฺตินฺติ ตสฺส กลฺยาณมิตฺตสฺส สพฺพกิเจฺจสุ ปณฺฑิโต ปุริโส ยถา อตฺตโน ชีวิตวุตฺติญฺจ อุปโภคปริโภควุตฺติญฺจ กโรติ, เอวเมตํ สพฺพํ กเรยฺย, อธิกมฺปิ กเรยฺย, หีนํ ปน น กเรยฺยาติฯ

    Dutiyagāthāya yenāti yena kalyāṇamittena saha saṃsaggakāraṇā. Yogakkhemo pavaḍḍhatīti kāyacittasukhaṃ vaḍḍhati. Kareyyattasamaṃ vuttinti tassa kalyāṇamittassa sabbakiccesu paṇḍito puriso yathā attano jīvitavuttiñca upabhogaparibhogavuttiñca karoti, evametaṃ sabbaṃ kareyya, adhikampi kareyya, hīnaṃ pana na kareyyāti.

    เอวํ โพธิสเตฺตน การเณ กถิเตปิ สา พาลเทวตา อนุปธาเรตฺวา เอกทิวสํ เภรวรูปารมฺมณํ ทเสฺสตฺวา เต สีหพฺยเคฺฆ ปลาเปสิฯ มนุสฺสา เตสํ ปทวลญฺชํ อทิสฺวา ‘‘สีหพฺยคฺฆา อญฺญํ วนสณฺฑํ คตา’’ติ ญตฺวา วนสณฺฑสฺส เอกปสฺสํ ฉินฺทิํสุฯ เทวตา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ, สมฺม, ตว วจนํ อกตฺวา เต ปลาเปสิํ, อิทานิ เตสํ คตภาวํ ญตฺวา มนุสฺสา วนสณฺฑํ ฉินฺทนฺติ, กิํ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘อิทานิ เต อสุกวนสเณฺฑ นาม วสนฺติ, คนฺตฺวา เต อาเนหี’’ติ วุตฺตา ตตฺถ คนฺตฺวา เตสํ ปุรโต ฐตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ตติยํ คาถมาห –

    Evaṃ bodhisattena kāraṇe kathitepi sā bāladevatā anupadhāretvā ekadivasaṃ bheravarūpārammaṇaṃ dassetvā te sīhabyagghe palāpesi. Manussā tesaṃ padavalañjaṃ adisvā ‘‘sīhabyagghā aññaṃ vanasaṇḍaṃ gatā’’ti ñatvā vanasaṇḍassa ekapassaṃ chindiṃsu. Devatā bodhisattaṃ upasaṅkamitvā ‘‘ahaṃ, samma, tava vacanaṃ akatvā te palāpesiṃ, idāni tesaṃ gatabhāvaṃ ñatvā manussā vanasaṇḍaṃ chindanti, kiṃ nu kho kātabba’’nti vatvā ‘‘idāni te asukavanasaṇḍe nāma vasanti, gantvā te ānehī’’ti vuttā tattha gantvā tesaṃ purato ṭhatvā añjaliṃ paggayha tatiyaṃ gāthamāha –

    ๖๖.

    66.

    ‘‘เอถ พฺยคฺฆา นิวตฺตโวฺห, ปจฺจุเปถ มหาวนํ;

    ‘‘Etha byagghā nivattavho, paccupetha mahāvanaṃ;

    มา วนํ ฉินฺทิ นิพฺยคฺฆํ, พฺยคฺฆา มาเหสุ นิพฺพนา’’ติฯ

    Mā vanaṃ chindi nibyagghaṃ, byagghā māhesu nibbanā’’ti.

    ตตฺถ พฺยคฺฆาติ อุโภปิ เต พฺยคฺฆนาเมเนวาลปนฺตี อาหฯ นิวตฺตโวฺหติ นิวตฺตถฯ ปจฺจุเปถ มหาวนนฺติ ตํ มหาวนํ ปจฺจุเปถ ปุน อุปคจฺฉถ, อยเมว วา ปาโฐฯ มา วนํ ฉินฺทิ นิพฺยคฺฆนฺติ อมฺหากํ วสนกวนสณฺฑํ อิทานิ ตุมฺหากํ อภาเวน นิพฺยคฺฆํ มนุสฺสา มา ฉินฺทิํสุฯ พฺยคฺฆา มาเหสุ นิพฺพนาติ ตุมฺหาทิสา จ พฺยคฺฆราชาโน อตฺตโน วสนฎฺฐานา ปลายิตตฺตา นิพฺพนา วสนฎฺฐานภูเตน วเนน วิรหิตา มา อเหสุํฯ เต เอวํ ตาย เทวตาย ยาจิยมานาปิ ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, น มยํ อาคมิสฺสามา’’ติ ปฎิกฺขิปิํสุเยวฯ เทวตา เอกิกาว วนสณฺฑํ ปจฺจาคญฺฉิฯ มนุสฺสาปิ กติปาเหเนว สพฺพํ วนํ ฉินฺทิตฺวา เขตฺตานิ กริตฺวา กสิกมฺมํ กริํสุฯ

    Tattha byagghāti ubhopi te byagghanāmenevālapantī āha. Nivattavhoti nivattatha. Paccupetha mahāvananti taṃ mahāvanaṃ paccupetha puna upagacchatha, ayameva vā pāṭho. Mā vanaṃ chindi nibyagghanti amhākaṃ vasanakavanasaṇḍaṃ idāni tumhākaṃ abhāvena nibyagghaṃ manussā mā chindiṃsu. Byagghā māhesu nibbanāti tumhādisā ca byaggharājāno attano vasanaṭṭhānā palāyitattā nibbanā vasanaṭṭhānabhūtena vanena virahitā mā ahesuṃ. Te evaṃ tāya devatāya yāciyamānāpi ‘‘gaccha tvaṃ, na mayaṃ āgamissāmā’’ti paṭikkhipiṃsuyeva. Devatā ekikāva vanasaṇḍaṃ paccāgañchi. Manussāpi katipāheneva sabbaṃ vanaṃ chinditvā khettāni karitvā kasikammaṃ kariṃsu.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อปณฺฑิตา เทวตา โกกาลิโก อโหสิ, สีโห สาริปุโตฺต, พฺยโคฺฆ โมคฺคลฺลาโน, ปณฺฑิตเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā apaṇḍitā devatā kokāliko ahosi, sīho sāriputto, byaggho moggallāno, paṇḍitadevatā pana ahameva ahosi’’nti.

    พฺยคฺฆชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ

    Byagghajātakavaṇṇanā dutiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๗๒. พฺยคฺฆชาตกํ • 272. Byagghajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact