Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๕๑] ๑๓. จกฺกวากชาตกวณฺณนา
[451] 13. Cakkavākajātakavaṇṇanā
วณฺณวา อภิรูโปสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร จีวราทีหิ อติโตฺต ‘‘กหํ สงฺฆภตฺตํ, กหํ นิมนฺตน’’นฺติ ปริเยสโนฺต วิจรติ, อามิสกถายเมว อภิรมติฯ อถเญฺญ เปสลา ภิกฺขู ตสฺสานุคฺคเหน สตฺถุ อาโรเจสุํฯ สตฺถา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โลโล’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขุ กสฺมา เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา โลโล อโหสิ, โลลภาโว จ นาม ปาปโก, ปุเพฺพปิ ตฺวํ โลลภาวํ นิสฺสาย พาราณสิยํ หตฺถิกุณปาทีหิ อติโตฺต มหาอรญฺญํ ปวิโฎฺฐ’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Vaṇṇavāabhirūposīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ lolabhikkhuṃ ārabbha kathesi. So kira cīvarādīhi atitto ‘‘kahaṃ saṅghabhattaṃ, kahaṃ nimantana’’nti pariyesanto vicarati, āmisakathāyameva abhiramati. Athaññe pesalā bhikkhū tassānuggahena satthu ārocesuṃ. Satthā taṃ pakkosāpetvā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu lolo’’ti pucchitvā ‘‘saccaṃ, bhante’’ti vutte ‘‘bhikkhu kasmā evarūpe niyyānikasāsane pabbajitvā lolo ahosi, lolabhāvo ca nāma pāpako, pubbepi tvaṃ lolabhāvaṃ nissāya bārāṇasiyaṃ hatthikuṇapādīhi atitto mahāaraññaṃ paviṭṭho’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต เอโก โลลกาโก พาราณสิยํ หตฺถิกุณปาทีหิ อติโตฺต ‘‘อรญฺญํ นุ โข กีทิส’’นฺติ อรญฺญํ คนฺตฺวา ตตฺถปิ ผลาผเลหิ อสนฺตุโฎฺฐ คงฺคาย ตีรํ คนฺตฺวา วิจรโนฺต ชยมฺปติเก จกฺกวาเก ทิสฺวา ‘‘อิเม สกุณา อติวิย โสภนฺติ, อิเม อิมสฺมิํ คงฺคาตีเร พหุํ มจฺฉมํสํ ขาทนฺติ มเญฺญ, อิเม ปฎิปุจฺฉิตฺวา มยาปิ อิเมสํ โภชนํ โคจรํ ขาทิตฺวา วณฺณวเนฺตน ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ เตสํ อวิทูเร นิสีทิตฺวา จกฺกวากํ ปุจฺฉโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente eko lolakāko bārāṇasiyaṃ hatthikuṇapādīhi atitto ‘‘araññaṃ nu kho kīdisa’’nti araññaṃ gantvā tatthapi phalāphalehi asantuṭṭho gaṅgāya tīraṃ gantvā vicaranto jayampatike cakkavāke disvā ‘‘ime sakuṇā ativiya sobhanti, ime imasmiṃ gaṅgātīre bahuṃ macchamaṃsaṃ khādanti maññe, ime paṭipucchitvā mayāpi imesaṃ bhojanaṃ gocaraṃ khāditvā vaṇṇavantena bhavituṃ vaṭṭatī’’ti tesaṃ avidūre nisīditvā cakkavākaṃ pucchanto dve gāthā abhāsi –
๑๓๕.
135.
‘‘วณฺณวา อภิรูโปสิ, ฆโน สญฺชาตโรหิโต;
‘‘Vaṇṇavā abhirūposi, ghano sañjātarohito;
จกฺกวาก สุรูโปสิ, วิปฺปสนฺนมุขินฺทฺริโยฯ
Cakkavāka surūposi, vippasannamukhindriyo.
๑๓๖.
136.
‘‘ปาฐีนํ ปาวุสํ มจฺฉํ, พลชํ มุญฺชโรหิตํ;
‘‘Pāṭhīnaṃ pāvusaṃ macchaṃ, balajaṃ muñjarohitaṃ;
คงฺคาย ตีเร นิสิโนฺน, เอวํ ภุญฺชสิ โภชน’’นฺติฯ
Gaṅgāya tīre nisinno, evaṃ bhuñjasi bhojana’’nti.
ตตฺถ ฆโนติ ฆนสรีโรฯ สญฺชาตโรหิโตติ อุตฺตตฺตสุวณฺณํ วิย สุฎฺฐุชาตโรหิตวโณฺณฯ ปาฐีนนฺติ ปาฐีนนามกํ ปาสาณมจฺฉํฯ ปาวุสนฺติ มหามุขมจฺฉํ, ‘‘ปาหุส’’นฺติปิ ปาโฐฯ พลชนฺติ พลชมจฺฉํฯ มุญฺชโรหิตนฺติ มุญฺชมจฺฉญฺจ โรหิตมจฺฉญฺจฯ เอวํ ภุญฺชสีติ เอวรูปํ โภชนํ มเญฺญ ภุญฺชสีติ ปุจฺฉติฯ
Tattha ghanoti ghanasarīro. Sañjātarohitoti uttattasuvaṇṇaṃ viya suṭṭhujātarohitavaṇṇo. Pāṭhīnanti pāṭhīnanāmakaṃ pāsāṇamacchaṃ. Pāvusanti mahāmukhamacchaṃ, ‘‘pāhusa’’ntipi pāṭho. Balajanti balajamacchaṃ. Muñjarohitanti muñjamacchañca rohitamacchañca. Evaṃ bhuñjasīti evarūpaṃ bhojanaṃ maññe bhuñjasīti pucchati.
จกฺกวาโก ตสฺส วจนํ ปฎิกฺขิปโนฺต ตติยํ คาถมาห –
Cakkavāko tassa vacanaṃ paṭikkhipanto tatiyaṃ gāthamāha –
๑๓๗.
137.
‘‘น วาหเมตํ ภุญฺชามิ, ชงฺคลาโนทกานิ วา;
‘‘Na vāhametaṃ bhuñjāmi, jaṅgalānodakāni vā;
อญฺญตฺร เสวาลปณกา, เอตํ เม สมฺม โภชน’’นฺติฯ
Aññatra sevālapaṇakā, etaṃ me samma bhojana’’nti.
ตสฺสโตฺถ – อหํ สมฺม, อญฺญตฺร เสวาลา จ ปณกา จ เสสานิ ชงฺคลานิ วา โอทกานิ วา มํสานิ อาทาย เอตํ โภชนํ น ภุญฺชามิ, ยํ ปเนตํ เสวาลปณกํ, เอตํ เม สมฺม, โภชนนฺติฯ
Tassattho – ahaṃ samma, aññatra sevālā ca paṇakā ca sesāni jaṅgalāni vā odakāni vā maṃsāni ādāya etaṃ bhojanaṃ na bhuñjāmi, yaṃ panetaṃ sevālapaṇakaṃ, etaṃ me samma, bhojananti.
ตโต กาโก เทฺว คาถา อภาสิ –
Tato kāko dve gāthā abhāsi –
๑๓๘.
138.
‘‘น วาหเมตํ สทฺทหามิ, จกฺกวากสฺส โภชนํ;
‘‘Na vāhametaṃ saddahāmi, cakkavākassa bhojanaṃ;
อหมฺปิ สมฺม ภุญฺชามิ, คาเม โลณิยเตลิยํฯ
Ahampi samma bhuñjāmi, gāme loṇiyateliyaṃ.
๑๓๙.
139.
‘‘มนุเสฺสสุ กตํ ภตฺตํ, สุจิํ มํสูปเสจนํ;
‘‘Manussesu kataṃ bhattaṃ, suciṃ maṃsūpasecanaṃ;
น จ เม ตาทิโส วโณฺณ, จกฺกวาก ยถา ตุว’’นฺติฯ
Na ca me tādiso vaṇṇo, cakkavāka yathā tuva’’nti.
ตตฺถ ยถา ตุวนฺติ ยถา ตุวํ โสภคฺคปฺปโตฺต สรีรวโณฺณ, ตาทิโส มยฺหํ วโณฺณ นตฺถิ, เอเตน การเณน อหํ ตว ‘‘เสวาลปณกํ มม โภชน’’นฺติ วทนฺตสฺส วจนํ น สทฺทหามีติฯ
Tattha yathā tuvanti yathā tuvaṃ sobhaggappatto sarīravaṇṇo, tādiso mayhaṃ vaṇṇo natthi, etena kāraṇena ahaṃ tava ‘‘sevālapaṇakaṃ mama bhojana’’nti vadantassa vacanaṃ na saddahāmīti.
อถสฺส จกฺกวาโก ทุพฺพณฺณการณํ กเถตฺวา ธมฺมํ เทเสโนฺต เสสคาถา อภาสิ –
Athassa cakkavāko dubbaṇṇakāraṇaṃ kathetvā dhammaṃ desento sesagāthā abhāsi –
๑๔๐.
140.
‘‘สมฺปสฺสํ อตฺตนิ เวรํ, หิํสยํ มานุสิํ ปชํ;
‘‘Sampassaṃ attani veraṃ, hiṃsayaṃ mānusiṃ pajaṃ;
อุตฺรโสฺต ฆสสี ภีโต, เตน วโณฺณ ตเวทิโสฯ
Utrasto ghasasī bhīto, tena vaṇṇo tavediso.
๑๔๑.
141.
‘‘สพฺพโลกวิรุโทฺธสิ, ธงฺก ปาเปน กมฺมุนา;
‘‘Sabbalokaviruddhosi, dhaṅka pāpena kammunā;
ลโทฺธ ปิโณฺฑ น ปีเณติ, เตน วโณฺณ ตเวทิโสฯ
Laddho piṇḍo na pīṇeti, tena vaṇṇo tavediso.
๑๔๒.
142.
‘‘อหมฺปิ สมฺม ภุญฺชามิ, อหิํสํ สพฺพปาณินํ;
‘‘Ahampi samma bhuñjāmi, ahiṃsaṃ sabbapāṇinaṃ;
อโปฺปสฺสุโกฺก นิราสงฺกี, อโสโก อกุโตภโยฯ
Appossukko nirāsaṅkī, asoko akutobhayo.
๑๔๓.
143.
‘‘โส กรสฺสุ อานุภาวํ, วีติวตฺตสฺสุ สีลิยํ;
‘‘So karassu ānubhāvaṃ, vītivattassu sīliyaṃ;
อหิํสาย จร โลเก, ปิโย โหหิสิ มํมิวฯ
Ahiṃsāya cara loke, piyo hohisi maṃmiva.
๑๔๔.
144.
‘‘โย น หนฺติ น ฆาเตติ, น ชินาติ น ชาปเย;
‘‘Yo na hanti na ghāteti, na jināti na jāpaye;
เมตฺตํโส สพฺพภูเตสุ, เวรํ ตสฺส น เกนจี’’ติฯ
Mettaṃso sabbabhūtesu, veraṃ tassa na kenacī’’ti.
ตตฺถ สมฺปสฺสนฺติ สมฺม กาก ตฺวํ ปเรสุ อุปฺปนฺนํ อตฺตนิ เวรจิตฺตํ สมฺปสฺสมาโน มานุสิํ ปชํ หิํสโนฺต วิเหเฐโนฺตฯ อุตฺรโสฺตติ ภีโตฯ ฆสสีติ ภุญฺชสิฯ เตน เต เอทิโส พีภจฺฉวโณฺณ ชาโตฯ ธงฺกาติ กากํ อาลปติฯ ปิโณฺฑติ โภชนํฯ อหิํสํ สพฺพปาณินนฺติ อหํ ปน สพฺพสเตฺต อหิํสโนฺต ภุญฺชามีติ วทติฯ โส กรสฺสุ อานุภาวนฺติ โส ตฺวมฺปิ วีริยํ กโรหิ, อตฺตโน สีลิยสงฺขาตํ ทุสฺสีลภาวํ วีติวตฺตสฺสุฯ อหิํสายาติ อหิํสาย สมนฺนาคโต หุตฺวา โลเก จรฯ ปิโย โหหิสิ มํมิวาติ เอวํ สเนฺต มยา สทิโสว โลกสฺส ปิโย โหหิสิฯ น ชินาตีติ ธนชานิํ น กโรติฯ น ชาปเยติ อเญฺญปิ น กาเรติฯ เมตฺตํโสติ เมตฺตโกฎฺฐาโส เมตฺตจิโตฺตฯ น เกนจีติ เกนจิ เอกสเตฺตนปิ สทฺธิํ ตสฺส เวรํ นาม นตฺถีติฯ
Tattha sampassanti samma kāka tvaṃ paresu uppannaṃ attani veracittaṃ sampassamāno mānusiṃ pajaṃ hiṃsanto viheṭhento. Utrastoti bhīto. Ghasasīti bhuñjasi. Tena te ediso bībhacchavaṇṇo jāto. Dhaṅkāti kākaṃ ālapati. Piṇḍoti bhojanaṃ. Ahiṃsaṃ sabbapāṇinanti ahaṃ pana sabbasatte ahiṃsanto bhuñjāmīti vadati. So karassu ānubhāvanti so tvampi vīriyaṃ karohi, attano sīliyasaṅkhātaṃ dussīlabhāvaṃ vītivattassu. Ahiṃsāyāti ahiṃsāya samannāgato hutvā loke cara. Piyo hohisi maṃmivāti evaṃ sante mayā sadisova lokassa piyo hohisi. Na jinātīti dhanajāniṃ na karoti. Na jāpayeti aññepi na kāreti. Mettaṃsoti mettakoṭṭhāso mettacitto. Na kenacīti kenaci ekasattenapi saddhiṃ tassa veraṃ nāma natthīti.
ตสฺมา สเจ โลกสฺส ปิโย ภวิตุํ อิจฺฉสิ, สพฺพเวเรหิ วิรมาหีติ เอวํ จกฺกวาโก กากสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ กาโก ‘‘ตุเมฺห อตฺตโน โคจรํ มยฺหํ น กเถถ, กา กา’’ติ วสฺสโนฺต อุปฺปติตฺวา พาราณสิยํ อุกฺการภูมิยเญฺญว โอตริฯ
Tasmā sace lokassa piyo bhavituṃ icchasi, sabbaverehi viramāhīti evaṃ cakkavāko kākassa dhammaṃ desesi. Kāko ‘‘tumhe attano gocaraṃ mayhaṃ na kathetha, kā kā’’ti vassanto uppatitvā bārāṇasiyaṃ ukkārabhūmiyaññeva otari.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฎฺฐหิฯ ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, จกฺกวากี ราหุลมาตา, จกฺกวาโก ปน อหเมว อโหสินฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne lolabhikkhu anāgāmiphale patiṭṭhahi. Tadā kāko lolabhikkhu ahosi, cakkavākī rāhulamātā, cakkavāko pana ahameva ahosinti.
จกฺกวากชาตกวณฺณนา เตรสมาฯ
Cakkavākajātakavaṇṇanā terasamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๕๑. จกฺกวากชาตกํ • 451. Cakkavākajātakaṃ