Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๑๑. โสตาปตฺติสํยุตฺตํ
11. Sotāpattisaṃyuttaṃ
๑. เวฬุทฺวารวโคฺค
1. Veḷudvāravaggo
๑. จกฺกวตฺติราชสุตฺตวณฺณนา
1. Cakkavattirājasuttavaṇṇanā
๙๙๗. อนุคฺคหครหเณสุ นิปาโตติ อนุคฺคณฺหนครหตฺถโชตโก นิปาโตฯ กิเมตฺถ อนุคฺคณฺหาติ, กิํ วา ครหตีติ อาห ‘‘จตุนฺน’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อนุคฺคณฺหโนฺต อนุจฺฉวิกํ กตฺวา คณฺหโนฺตฯ ครหโนฺต นินฺทโนฺตฯ อิสฺสรสีโล อิสฺสโร, ตสฺส ภาโว อิสฺสริยํ, ปภุตาฯ อธีนํ ปติ อธิปติ, ตสฺส ภาโว อาธิปจฺจํ, สามิภาโวติ อาห – ‘‘อิสฺสริยาธิปจฺจ’’นฺติอาทิฯ อนนฺตกานีติ อนฺตรหิตานิฯ
997.Anuggahagarahaṇesunipātoti anuggaṇhanagarahatthajotako nipāto. Kimettha anuggaṇhāti, kiṃ vā garahatīti āha ‘‘catunna’’ntiādi. Tattha anuggaṇhanto anucchavikaṃ katvā gaṇhanto. Garahanto nindanto. Issarasīlo issaro, tassa bhāvo issariyaṃ, pabhutā. Adhīnaṃ pati adhipati, tassa bhāvo ādhipaccaṃ, sāmibhāvoti āha – ‘‘issariyādhipacca’’ntiādi. Anantakānīti antarahitāni.
อเวจฺจปฺปสาเทนาติ วตฺถุตฺตยสฺส คุเณ ยาถาวโต อเวจฺจ ปวิสิตฺวา ปสาโทฯ โส ปน เกนจิ จลนรหิโตติ อาห ‘‘อจลปฺปสาเทนา’’ติฯ มเคฺคนาติ อริยมเคฺคนฯ อาคตปฺปสาโท ตสฺส อธิคเมน ลทฺธปฺปสาโทฯ อปุพฺพํ อจริมนฺติ เอกชฺฌํฯ อริยสาวกานญฺหิ อริยมโคฺค อุปฺปชฺชโนฺตว ตีสุ วตฺถูสุ อเวจฺจปฺปสาทํ อาวหโนฺต เอว อุปฺปชฺชติฯ เตสนฺติ วิสยภูตานํ ติณฺณํ วตฺถูนํ วเสน ติธา วุโตฺตฯ ยสฺมา จ อตฺถโต เอโก, ตสฺมาว นินฺนานากรโณ โหติ ปวตฺตฎฺฐานเภเท สติปิฯ อริยสาวกสฺส หีติอาทินา นเยน ตมตฺถํ วิวรติฯ ปสาโท โอกปฺปนาฯ เปมํ ภตฺติฯ คารวํ ครุกรณํฯ มหนฺตํ อุฬารํฯ เอตํ วิภาเคน นตฺถิ สพฺพตฺถ สมานตฺตาฯ
Aveccappasādenāti vatthuttayassa guṇe yāthāvato avecca pavisitvā pasādo. So pana kenaci calanarahitoti āha ‘‘acalappasādenā’’ti. Maggenāti ariyamaggena. Āgatappasādo tassa adhigamena laddhappasādo. Apubbaṃ acarimanti ekajjhaṃ. Ariyasāvakānañhi ariyamaggo uppajjantova tīsu vatthūsu aveccappasādaṃ āvahanto eva uppajjati. Tesanti visayabhūtānaṃ tiṇṇaṃ vatthūnaṃ vasena tidhā vutto. Yasmā ca atthato eko, tasmāva ninnānākaraṇo hoti pavattaṭṭhānabhede satipi. Ariyasāvakassa hītiādinā nayena tamatthaṃ vivarati. Pasādo okappanā. Pemaṃ bhatti. Gāravaṃ garukaraṇaṃ. Mahantaṃ uḷāraṃ. Etaṃ vibhāgena natthi sabbattha samānattā.
เอวนฺติ ภวนฺตเรปิ อโกปนียตายฯ สทิสวเสนาติ อเญฺญหิ อขณฺฑาทีหิ สทิสวเสนฯ เตนาห ‘‘มุขวฎฺฎิ ยญฺหิ ฉิเนฺน’’ติอาทิฯ ขณฺฑา เอติสฺสา อตฺถีติ ขณฺฑาฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ปาติโมเกฺข อาคตานุกฺกเมน สีลสฺส อาทิมชฺฌวิภาโค เวทิตโพฺพฯ ทฺวินฺนํ วา ติณฺณํ วาติ สีลโกฎฺฐาสานํฯ เอกนฺตรํ ภินฺนนฺติ อภิเนฺนน เอกนฺตรํ หุตฺวา ภินฺนํฯ เตสํ ขณฺฑาทีนํฯ ‘‘ภุชิเสฺสหี’’ติ อุตฺตรปทโลเปน นิเทฺทโสติ อาห ‘‘ภุชิสฺสภาวกเรหี’’ติฯ อิทํ วีติกฺกนฺตนฺติ อิทมฺปิ สีลํ วีติกฺกนฺตํฯ ‘‘อยํ สีลสฺส วีติกฺกโม’’ติ เอวํ ปรามสิตุํ อสกฺกุเณเยฺยหิฯ
Evanti bhavantarepi akopanīyatāya. Sadisavasenāti aññehi akhaṇḍādīhi sadisavasena. Tenāha ‘‘mukhavaṭṭi yañhi chinne’’tiādi. Khaṇḍā etissā atthīti khaṇḍā. Esa nayo sesesupi. Pātimokkhe āgatānukkamena sīlassa ādimajjhavibhāgo veditabbo. Dvinnaṃ vā tiṇṇaṃ vāti sīlakoṭṭhāsānaṃ. Ekantaraṃ bhinnanti abhinnena ekantaraṃ hutvā bhinnaṃ. Tesaṃ khaṇḍādīnaṃ. ‘‘Bhujissehī’’ti uttarapadalopena niddesoti āha ‘‘bhujissabhāvakarehī’’ti. Idaṃvītikkantanti idampi sīlaṃ vītikkantaṃ. ‘‘Ayaṃ sīlassa vītikkamo’’ti evaṃ parāmasituṃ asakkuṇeyyehi.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. จกฺกวตฺติราชสุตฺตํ • 1. Cakkavattirājasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. จกฺกวตฺติราชสุตฺตวณฺณนา • 1. Cakkavattirājasuttavaṇṇanā