Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๔. จกฺกวตฺติสุตฺตํ
4. Cakkavattisuttaṃ
๑๔. ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา โสปิ น อราชกํ จกฺกํ วเตฺตตี’’ติฯ เอวํ วุเตฺต อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก ปน, ภเนฺต, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ธมฺมิกสฺส ธมฺมรโญฺญ ราชา’’ติ 1? ‘‘ธโมฺม, ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘อิธ, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย 2 ธมฺมํ สกฺกโรโนฺต ธมฺมํ ครุํ กโรโนฺต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตโยฺย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหติ อโนฺตชนสฺมิํ’’ฯ
14. ‘‘Yopi so, bhikkhave, rājā cakkavattī dhammiko dhammarājā sopi na arājakaṃ cakkaṃ vattetī’’ti. Evaṃ vutte aññataro bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ko pana, bhante, rañño cakkavattissa dhammikassa dhammarañño rājā’’ti 3? ‘‘Dhammo, bhikkhū’’ti bhagavā avoca – ‘‘idha, bhikkhu, rājā cakkavattī dhammiko dhammarājā dhammaṃyeva nissāya 4 dhammaṃ sakkaronto dhammaṃ garuṃ karonto dhammaṃ apacāyamāno dhammaddhajo dhammaketu dhammādhipateyyo dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahati antojanasmiṃ’’.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรโนฺต ธมฺมํ ครุํ กโรโนฺต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตโยฺย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหติ ขตฺติเยสุ, อนุยเนฺตสุ 5, พลกายสฺมิํ, พฺราหฺมณคหปติเกสุ , เนคมชานปเทสุ, สมณพฺราหฺมเณสุ, มิคปกฺขีสุฯ ส โข โส ภิกฺขุ ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรโนฺต ธมฺมํ ครุํ กโรโนฺต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตโยฺย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหิตฺวา อโนฺตชนสฺมิํ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหิตฺวา ขตฺติเยสุ, อนุยเนฺตสุ, พลกายสฺมิํ, พฺราหฺมณคหปติเกสุ, เนคมชานปเทสุ, สมณพฺราหฺมเณสุ, มิคปกฺขีสุ, ธเมฺมเนว จกฺกํ วเตฺตติฯ ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินาฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhu, rājā cakkavattī dhammiko dhammarājā dhammaṃyeva nissāya dhammaṃ sakkaronto dhammaṃ garuṃ karonto dhammaṃ apacāyamāno dhammaddhajo dhammaketu dhammādhipateyyo dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahati khattiyesu, anuyantesu 6, balakāyasmiṃ, brāhmaṇagahapatikesu , negamajānapadesu, samaṇabrāhmaṇesu, migapakkhīsu. Sa kho so bhikkhu rājā cakkavattī dhammiko dhammarājā dhammaṃyeva nissāya dhammaṃ sakkaronto dhammaṃ garuṃ karonto dhammaṃ apacāyamāno dhammaddhajo dhammaketu dhammādhipateyyo dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahitvā antojanasmiṃ, dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahitvā khattiyesu, anuyantesu, balakāyasmiṃ, brāhmaṇagahapatikesu, negamajānapadesu, samaṇabrāhmaṇesu, migapakkhīsu, dhammeneva cakkaṃ vatteti. Taṃ hoti cakkaṃ appaṭivattiyaṃ kenaci manussabhūtena paccatthikena pāṇinā.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขุ 7, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรโนฺต ธมฺมํ ครุํ กโรโนฺต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตโยฺย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหติ กายกมฺมสฺมิํ – ‘เอวรูปํ กายกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ กายกมฺมํ น เสวิตพฺพ’’’นฺติฯ
‘‘Evamevaṃ kho, bhikkhu 8, tathāgato arahaṃ sammāsambuddho dhammiko dhammarājā dhammaṃyeva nissāya dhammaṃ sakkaronto dhammaṃ garuṃ karonto dhammaṃ apacāyamāno dhammaddhajo dhammaketu dhammādhipateyyo dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahati kāyakammasmiṃ – ‘evarūpaṃ kāyakammaṃ sevitabbaṃ, evarūpaṃ kāyakammaṃ na sevitabba’’’nti.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรโนฺต ธมฺมํ ครุํ กโรโนฺต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตโยฺย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหติ วจีกมฺมสฺมิํ – ‘เอวรูปํ วจีกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ วจีกมฺมํ น เสวิตพฺพ’นฺติ…เป.… มโนกมฺมสฺมิํ – ‘เอวรูปํ มโนกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ มโนกมฺมํ น เสวิตพฺพ’’’นฺติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhu, tathāgato arahaṃ sammāsambuddho dhammiko dhammarājā dhammaṃyeva nissāya dhammaṃ sakkaronto dhammaṃ garuṃ karonto dhammaṃ apacāyamāno dhammaddhajo dhammaketu dhammādhipateyyo dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahati vacīkammasmiṃ – ‘evarūpaṃ vacīkammaṃ sevitabbaṃ, evarūpaṃ vacīkammaṃ na sevitabba’nti…pe… manokammasmiṃ – ‘evarūpaṃ manokammaṃ sevitabbaṃ, evarūpaṃ manokammaṃ na sevitabba’’’nti.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรโนฺต ธมฺมํ ครุํ กโรโนฺต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตโยฺย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหิตฺวา กายกมฺมสฺมิํ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหิตฺวา วจีกมฺมสฺมิํ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหิตฺวา มโนกมฺมสฺมิํ, ธเมฺมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตติฯ ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติฯ จตุตฺถํฯ
‘‘Sa kho so, bhikkhu, tathāgato arahaṃ sammāsambuddho dhammiko dhammarājā dhammaṃyeva nissāya dhammaṃ sakkaronto dhammaṃ garuṃ karonto dhammaṃ apacāyamāno dhammaddhajo dhammaketu dhammādhipateyyo dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahitvā kāyakammasmiṃ, dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahitvā vacīkammasmiṃ, dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahitvā manokammasmiṃ, dhammeneva anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavatteti. Taṃ hoti cakkaṃ appaṭivattiyaṃ samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmi’’nti. Catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา • 4. Cakkavattisuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๔. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา • 4. Cakkavattisuttavaṇṇanā