Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๓. จกฺกวตฺติสุตฺตํ
3. Cakkavattisuttaṃ
อตฺตทีปสรณตา
Attadīpasaraṇatā
๘๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา มคเธสุ วิหรติ มาตุลายํฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทฺทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘อตฺตทีปา, ภิกฺขเว, วิหรถ อตฺตสรณา อนญฺญสรณา, ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนญฺญสรณาฯ กถญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตทีโป วิหรติ อตฺตสรโณ อนญฺญสรโณ, ธมฺมทีโป ธมฺมสรโณ อนญฺญสรโณ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี…เป.… จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี…เป.… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตทีโป วิหรติ อตฺตสรโณ อนญฺญสรโณ, ธมฺมทีโป ธมฺมสรโณ อนญฺญสรโณฯ
80. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā magadhesu viharati mātulāyaṃ. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhaddante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘attadīpā, bhikkhave, viharatha attasaraṇā anaññasaraṇā, dhammadīpā dhammasaraṇā anaññasaraṇā. Kathañca pana, bhikkhave, bhikkhu attadīpo viharati attasaraṇo anaññasaraṇo, dhammadīpo dhammasaraṇo anaññasaraṇo? Idha, bhikkhave, bhikkhu kāye kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Vedanāsu vedanānupassī…pe… citte cittānupassī…pe… dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu attadīpo viharati attasaraṇo anaññasaraṇo, dhammadīpo dhammasaraṇo anaññasaraṇo.
‘‘โคจเร, ภิกฺขเว, จรถ สเก เปตฺติเก วิสเยฯ โคจเร, ภิกฺขเว, จรตํ สเก เปตฺติเก วิสเย น ลจฺฉติ มาโร โอตารํ, น ลจฺฉติ มาโร อารมฺมณํ 1ฯ กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒติฯ
‘‘Gocare, bhikkhave, caratha sake pettike visaye. Gocare, bhikkhave, carataṃ sake pettike visaye na lacchati māro otāraṃ, na lacchati māro ārammaṇaṃ 2. Kusalānaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ samādānahetu evamidaṃ puññaṃ pavaḍḍhati.
ทฬฺหเนมิจกฺกวตฺติราชา
Daḷhanemicakkavattirājā
๘๑. ‘‘ภูตปุพฺพํ , ภิกฺขเว, ราชา ทฬฺหเนมิ นาม อโหสิ จกฺกวตฺตี 3 ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรโนฺต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต สตฺตรตนสมนฺนาคโตฯ ตสฺสิมานิ สตฺต รตนานิ อเหสุํ เสยฺยถิทํ – จกฺกรตนํอุ หตฺถิรตนํ อสฺสรตนํ มณิรตนํ อิตฺถิรตนํ คหปติรตนํ ปริณายกรตนเมว สตฺตมํฯ ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา อเหสุํ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนาฯ โส อิมํ ปถวิํ สาครปริยนฺตํ อทเณฺฑน อสเตฺถน ธเมฺมน 4 อภิวิชิย อชฺฌาวสิฯ
81. ‘‘Bhūtapubbaṃ , bhikkhave, rājā daḷhanemi nāma ahosi cakkavattī 5 dhammiko dhammarājā cāturanto vijitāvī janapadatthāvariyappatto sattaratanasamannāgato. Tassimāni satta ratanāni ahesuṃ seyyathidaṃ – cakkaratanaṃu hatthiratanaṃ assaratanaṃ maṇiratanaṃ itthiratanaṃ gahapatiratanaṃ pariṇāyakaratanameva sattamaṃ. Parosahassaṃ kho panassa puttā ahesuṃ sūrā vīraṅgarūpā parasenappamaddanā. So imaṃ pathaviṃ sāgarapariyantaṃ adaṇḍena asatthena dhammena 6 abhivijiya ajjhāvasi.
๘๒. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ทฬฺหเนมิ พหุนฺนํ วสฺสานํ พหุนฺนํ วสฺสสตานํ พหุนฺนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ – ‘ยทา ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, ปเสฺสยฺยาสิ ทิพฺพํ จกฺกรตนํ โอสกฺกิตํ ฐานา จุตํ, อถ เม อาโรเจยฺยาสี’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, โส ปุริโส รโญฺญ ทฬฺหเนมิสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, โส ปุริโส พหุนฺนํ วสฺสานํ พหุนฺนํ วสฺสสตานํ พหุนฺนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน ทิพฺพํ จกฺกรตนํ โอสกฺกิตํ ฐานา จุตํ, ทิสฺวาน เยน ราชา ทฬฺหเนมิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ ทฬฺหเนมิํ เอตทโวจ – ‘ยเคฺฆ, เทว, ชาเนยฺยาสิ, ทิพฺพํ เต จกฺกรตนํ โอสกฺกิตํ ฐานา จุต’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ทฬฺหเนมิ เชฎฺฐปุตฺตํ กุมารํ อามนฺตาเปตฺวา 7 เอตทโวจ – ‘ทิพฺพํ กิร เม, ตาต กุมาร, จกฺกรตนํ โอสกฺกิตํ ฐานา จุตํฯ สุตํ โข ปน เมตํ – ยสฺส รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ โอสกฺกติ ฐานา จวติ, น ทานิ เตน รญฺญา จิรํ ชีวิตพฺพํ โหตีติฯ ภุตฺตา โข ปน เม มานุสกา กามา, สมโย ทานิ เม ทิเพฺพ กาเม ปริเยสิตุํฯ เอหิ ตฺวํ, ตาต กุมาร, อิมํ สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ ปฎิปชฺชฯ อหํ ปน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามี’ติฯ
82. ‘‘Atha kho, bhikkhave, rājā daḷhanemi bahunnaṃ vassānaṃ bahunnaṃ vassasatānaṃ bahunnaṃ vassasahassānaṃ accayena aññataraṃ purisaṃ āmantesi – ‘yadā tvaṃ, ambho purisa, passeyyāsi dibbaṃ cakkaratanaṃ osakkitaṃ ṭhānā cutaṃ, atha me āroceyyāsī’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, so puriso rañño daḷhanemissa paccassosi. Addasā kho, bhikkhave, so puriso bahunnaṃ vassānaṃ bahunnaṃ vassasatānaṃ bahunnaṃ vassasahassānaṃ accayena dibbaṃ cakkaratanaṃ osakkitaṃ ṭhānā cutaṃ, disvāna yena rājā daḷhanemi tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rājānaṃ daḷhanemiṃ etadavoca – ‘yagghe, deva, jāneyyāsi, dibbaṃ te cakkaratanaṃ osakkitaṃ ṭhānā cuta’nti. Atha kho, bhikkhave, rājā daḷhanemi jeṭṭhaputtaṃ kumāraṃ āmantāpetvā 8 etadavoca – ‘dibbaṃ kira me, tāta kumāra, cakkaratanaṃ osakkitaṃ ṭhānā cutaṃ. Sutaṃ kho pana metaṃ – yassa rañño cakkavattissa dibbaṃ cakkaratanaṃ osakkati ṭhānā cavati, na dāni tena raññā ciraṃ jīvitabbaṃ hotīti. Bhuttā kho pana me mānusakā kāmā, samayo dāni me dibbe kāme pariyesituṃ. Ehi tvaṃ, tāta kumāra, imaṃ samuddapariyantaṃ pathaviṃ paṭipajja. Ahaṃ pana kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāmī’ti.
๘๓. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ทฬฺหเนมิ เชฎฺฐปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รเชฺช สมนุสาสิตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิฯ สตฺตาหปพฺพชิเต โข ปน, ภิกฺขเว, ราชิสิมฺหิ ทิพฺพํ จกฺกรตนํ อนฺตรธายิฯ
83. ‘‘Atha kho, bhikkhave, rājā daḷhanemi jeṭṭhaputtaṃ kumāraṃ sādhukaṃ rajje samanusāsitvā kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbaji. Sattāhapabbajite kho pana, bhikkhave, rājisimhi dibbaṃ cakkaratanaṃ antaradhāyi.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, อญฺญตโร ปุริโส เยน ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต 9 เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ ขตฺติยํ มุทฺธาภิสิตฺตํ เอตทโวจ – ‘ยเคฺฆ, เทว, ชาเนยฺยาสิ, ทิพฺพํ จกฺกรตนํ อนฺตรหิต’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต ทิเพฺพ จกฺกรตเน อนฺตรหิเต อนตฺตมโน อโหสิ, อนตฺตมนตญฺจ ปฎิสํเวเทสิฯ โส เยน ราชิสิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชิสิํ เอตทโวจ – ‘ยเคฺฆ, เทว, ชาเนยฺยาสิ, ทิพฺพํ จกฺกรตนํ อนฺตรหิต’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต, ภิกฺขเว, ราชิสิ ราชานํ ขตฺติยํ มุทฺธาภิสิตฺตํ เอตทโวจ – ‘มา โข ตฺวํ, ตาต, ทิเพฺพ จกฺกรตเน อนฺตรหิเต อนตฺตมโน อโหสิ, มา อนตฺตมนตญฺจ ปฎิสํเวเทสิ, น หิ เต, ตาต, ทิพฺพํ จกฺกรตนํ เปตฺติกํ ทายชฺชํฯ อิงฺฆ ตฺวํ, ตาต, อริเย จกฺกวตฺติวเตฺต วตฺตาหิฯ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ เต อริเย จกฺกวตฺติวเตฺต วตฺตมานสฺส ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาตสฺส 10 อุโปสถิกสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุภวิสฺสติ สหสฺสารํ สเนมิกํ สนาภิกํ สพฺพาการปริปูร’นฺติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, aññataro puriso yena rājā khattiyo muddhābhisitto 11 tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rājānaṃ khattiyaṃ muddhābhisittaṃ etadavoca – ‘yagghe, deva, jāneyyāsi, dibbaṃ cakkaratanaṃ antarahita’nti. Atha kho, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto dibbe cakkaratane antarahite anattamano ahosi, anattamanatañca paṭisaṃvedesi. So yena rājisi tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rājisiṃ etadavoca – ‘yagghe, deva, jāneyyāsi, dibbaṃ cakkaratanaṃ antarahita’nti. Evaṃ vutte, bhikkhave, rājisi rājānaṃ khattiyaṃ muddhābhisittaṃ etadavoca – ‘mā kho tvaṃ, tāta, dibbe cakkaratane antarahite anattamano ahosi, mā anattamanatañca paṭisaṃvedesi, na hi te, tāta, dibbaṃ cakkaratanaṃ pettikaṃ dāyajjaṃ. Iṅgha tvaṃ, tāta, ariye cakkavattivatte vattāhi. Ṭhānaṃ kho panetaṃ vijjati, yaṃ te ariye cakkavattivatte vattamānassa tadahuposathe pannarase sīsaṃnhātassa 12 uposathikassa uparipāsādavaragatassa dibbaṃ cakkaratanaṃ pātubhavissati sahassāraṃ sanemikaṃ sanābhikaṃ sabbākāraparipūra’nti.
จกฺกวตฺติอริยวตฺตํ
Cakkavattiariyavattaṃ
๘๔. ‘‘‘กตมํ ปน ตํ, เทว, อริยํ จกฺกวตฺติวตฺต’นฺติ ? ‘เตน หิ ตฺวํ, ตาต, ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรโนฺต ธมฺมํ ครุํ กโรโนฺต 13 ธมฺมํ มาเนโนฺต ธมฺมํ ปูเชโนฺต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตโยฺย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหสฺสุ อโนฺตชนสฺมิํ พลกายสฺมิํ ขตฺติเยสุ อนุยเนฺตสุ 14 พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคมชานปเทสุ สมณพฺราหฺมเณสุ มิคปกฺขีสุฯ มา จ เต, ตาต, วิชิเต อธมฺมกาโร ปวตฺติตฺถฯ เย จ เต, ตาต, วิชิเต อธนา อสฺสุ, เตสญฺจ ธนมนุปฺปเทยฺยาสิ 15ฯ เย จ เต, ตาต, วิชิเต สมณพฺราหฺมณา มทปฺปมาทา ปฎิวิรตา ขนฺติโสรเจฺจ นิวิฎฺฐา เอกมตฺตานํ ทเมนฺติ, เอกมตฺตานํ สเมนฺติ, เอกมตฺตานํ ปรินิพฺพาเปนฺติ, เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุเจฺฉยฺยาสิ ปริคฺคเณฺหยฺยาสิ – ‘‘กิํ, ภเนฺต, กุสลํ, กิํ อกุสลํ, กิํ สาวชฺชํ, กิํ อนวชฺชํ, กิํ เสวิตพฺพํ, กิํ น เสวิตพฺพํ, กิํ เม กรียมานํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย อสฺส, กิํ วา ปน เม กรียมานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อสฺสา’’ติ? เตสํ สุตฺวา ยํ อกุสลํ ตํ อภินิวเชฺชยฺยาสิ, ยํ กุสลํ ตํ สมาทาย วเตฺตยฺยาสิฯ อิทํ โข, ตาต, ตํ อริยํ จกฺกวตฺติวตฺต’นฺติฯ
84. ‘‘‘Katamaṃ pana taṃ, deva, ariyaṃ cakkavattivatta’nti ? ‘Tena hi tvaṃ, tāta, dhammaṃyeva nissāya dhammaṃ sakkaronto dhammaṃ garuṃ karonto 16 dhammaṃ mānento dhammaṃ pūjento dhammaṃ apacāyamāno dhammaddhajo dhammaketu dhammādhipateyyo dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahassu antojanasmiṃ balakāyasmiṃ khattiyesu anuyantesu 17 brāhmaṇagahapatikesu negamajānapadesu samaṇabrāhmaṇesu migapakkhīsu. Mā ca te, tāta, vijite adhammakāro pavattittha. Ye ca te, tāta, vijite adhanā assu, tesañca dhanamanuppadeyyāsi 18. Ye ca te, tāta, vijite samaṇabrāhmaṇā madappamādā paṭiviratā khantisoracce niviṭṭhā ekamattānaṃ damenti, ekamattānaṃ samenti, ekamattānaṃ parinibbāpenti, te kālena kālaṃ upasaṅkamitvā paripuccheyyāsi pariggaṇheyyāsi – ‘‘kiṃ, bhante, kusalaṃ, kiṃ akusalaṃ, kiṃ sāvajjaṃ, kiṃ anavajjaṃ, kiṃ sevitabbaṃ, kiṃ na sevitabbaṃ, kiṃ me karīyamānaṃ dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya assa, kiṃ vā pana me karīyamānaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya assā’’ti? Tesaṃ sutvā yaṃ akusalaṃ taṃ abhinivajjeyyāsi, yaṃ kusalaṃ taṃ samādāya vatteyyāsi. Idaṃ kho, tāta, taṃ ariyaṃ cakkavattivatta’nti.
จกฺกรตนปาตุภาโว
Cakkaratanapātubhāvo
๘๕. ‘‘‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต ราชิสิสฺส ปฎิสฺสุตฺวา อริเย จกฺกวตฺติวเตฺต 19 วตฺติฯ ตสฺส อริเย จกฺกวตฺติวเตฺต วตฺตมานสฺส ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาตสฺส อุโปสถิกสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุรโหสิ สหสฺสารํ สเนมิกํ สนาภิกํ สพฺพาการปริปูรํฯ ทิสฺวาน รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘สุตํ โข ปน เมตํ – ยสฺส รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาตสฺส อุโปสถิกสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุภวติ สหสฺสารํ สเนมิกํ สนาภิกํ สพฺพาการปริปูรํ , โส โหติ ราชา จกฺกวตฺตี’ติฯ อสฺสํ นุ โข อหํ ราชา จกฺกวตฺตีติฯ
85. ‘‘‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto rājisissa paṭissutvā ariye cakkavattivatte 20 vatti. Tassa ariye cakkavattivatte vattamānassa tadahuposathe pannarase sīsaṃnhātassa uposathikassa uparipāsādavaragatassa dibbaṃ cakkaratanaṃ pāturahosi sahassāraṃ sanemikaṃ sanābhikaṃ sabbākāraparipūraṃ. Disvāna rañño khattiyassa muddhābhisittassa etadahosi – ‘sutaṃ kho pana metaṃ – yassa rañño khattiyassa muddhābhisittassa tadahuposathe pannarase sīsaṃnhātassa uposathikassa uparipāsādavaragatassa dibbaṃ cakkaratanaṃ pātubhavati sahassāraṃ sanemikaṃ sanābhikaṃ sabbākāraparipūraṃ , so hoti rājā cakkavattī’ti. Assaṃ nu kho ahaṃ rājā cakkavattīti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตราสงฺคํ กริตฺวา วาเมน หเตฺถน ภิงฺการํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริ – ‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตนํ, อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตน’นฺติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ utarāsaṅgaṃ karitvā vāmena hatthena bhiṅkāraṃ gahetvā dakkhiṇena hatthena cakkaratanaṃ abbhukkiri – ‘pavattatu bhavaṃ cakkaratanaṃ, abhivijinātu bhavaṃ cakkaratana’nti.
‘‘อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, จกฺกรตนํ ปุรตฺถิมํ ทิสํ ปวตฺติ, อนฺวเทว ราชา จกฺกวตฺตี สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ ยสฺมิํ โข ปน, ภิกฺขเว, ปเทเส จกฺกรตนํ ปติฎฺฐาสิ, ตตฺถ ราชา จกฺกวตฺตี วาสํ อุปคจฺฉิ สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ เย โข ปน, ภิกฺขเว, ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฎิราชาโน, เต ราชานํ จกฺกวตฺติํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘เอหิ โข, มหาราช, สฺวาคตํ เต 21 มหาราช, สกํ เต, มหาราช, อนุสาส, มหาราชา’ติฯ ราชา จกฺกวตฺตี เอวมาห – ‘ปาโณ น หนฺตโพฺพ, อทินฺนํ นาทาตพฺพํ, กาเมสุมิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภาสิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ, ยถาภุตฺตญฺจ ภุญฺชถา’ติฯ เย โข ปน, ภิกฺขเว, ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฎิราชาโน, เต รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อนุยนฺตา 22 อเหสุํฯ
‘‘Atha kho taṃ, bhikkhave, cakkaratanaṃ puratthimaṃ disaṃ pavatti, anvadeva rājā cakkavattī saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Yasmiṃ kho pana, bhikkhave, padese cakkaratanaṃ patiṭṭhāsi, tattha rājā cakkavattī vāsaṃ upagacchi saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Ye kho pana, bhikkhave, puratthimāya disāya paṭirājāno, te rājānaṃ cakkavattiṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘ehi kho, mahārāja, svāgataṃ te 23 mahārāja, sakaṃ te, mahārāja, anusāsa, mahārājā’ti. Rājā cakkavattī evamāha – ‘pāṇo na hantabbo, adinnaṃ nādātabbaṃ, kāmesumicchā na caritabbā, musā na bhāsitabbā, majjaṃ na pātabbaṃ, yathābhuttañca bhuñjathā’ti. Ye kho pana, bhikkhave, puratthimāya disāya paṭirājāno, te rañño cakkavattissa anuyantā 24 ahesuṃ.
๘๖. ‘‘อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, จกฺกรตนํ ปุรตฺถิมํ สมุทฺทํ อโชฺฌคาเหตฺวา 25 ปจฺจุตฺตริตฺวา ทกฺขิณํ ทิสํ ปวตฺติ…เป.… ทกฺขิณํ สมุทฺทํ อโชฺฌคาเหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา ปจฺฉิมํ ทิสํ ปวตฺติ, อนฺวเทว ราชา จกฺกวตฺตี สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ ยสฺมิํ โข ปน, ภิกฺขเว, ปเทเส จกฺกรตนํ ปติฎฺฐาสิ, ตตฺถ ราชา จกฺกวตฺตี วาสํ อุปคจฺฉิ สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ เย โข ปน, ภิกฺขเว, ปจฺฉิมาย ทิสาย ปฎิราชาโน, เต ราชานํ จกฺกวตฺติํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘เอหิ โข, มหาราช, สฺวาคตํ เต, มหาราช, สกํ เต, มหาราช, อนุสาส, มหาราชา’ติฯ ราชา จกฺกวตฺตี เอวมาห – ‘ปาโณ น หนฺตโพฺพ, อทินฺนํ นาทาตพฺพํ, กาเมสุมิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภาสิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ, ยถาภุตฺตญฺจ ภุญฺชถา’ติฯ เย โข ปน, ภิกฺขเว, ปจฺฉิมาย ทิสาย ปฎิราชาโน, เต รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อนุยนฺตา อเหสุํฯ
86. ‘‘Atha kho taṃ, bhikkhave, cakkaratanaṃ puratthimaṃ samuddaṃ ajjhogāhetvā 26 paccuttaritvā dakkhiṇaṃ disaṃ pavatti…pe… dakkhiṇaṃ samuddaṃ ajjhogāhetvā paccuttaritvā pacchimaṃ disaṃ pavatti, anvadeva rājā cakkavattī saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Yasmiṃ kho pana, bhikkhave, padese cakkaratanaṃ patiṭṭhāsi, tattha rājā cakkavattī vāsaṃ upagacchi saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Ye kho pana, bhikkhave, pacchimāya disāya paṭirājāno, te rājānaṃ cakkavattiṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘ehi kho, mahārāja, svāgataṃ te, mahārāja, sakaṃ te, mahārāja, anusāsa, mahārājā’ti. Rājā cakkavattī evamāha – ‘pāṇo na hantabbo, adinnaṃ nādātabbaṃ, kāmesumicchā na caritabbā, musā na bhāsitabbā, majjaṃ na pātabbaṃ, yathābhuttañca bhuñjathā’ti. Ye kho pana, bhikkhave, pacchimāya disāya paṭirājāno, te rañño cakkavattissa anuyantā ahesuṃ.
๘๗. ‘‘อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, จกฺกรตนํ ปจฺฉิมํ สมุทฺทํ อโชฺฌคาเหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา อุตฺตรํ ทิสํ ปวตฺติ, อนฺวเทว ราชา จกฺกวตฺตี สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ ยสฺมิํ โข ปน, ภิกฺขเว, ปเทเส จกฺกรตนํ ปติฎฺฐาสิ, ตตฺถ ราชา จกฺกวตฺตี วาสํ อุปคจฺฉิ สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ เย โข ปน, ภิกฺขเว, อุตฺตราย ทิสาย ปฎิราชาโน, เต ราชานํ จกฺกวตฺติํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘เอหิ โข, มหาราช, สฺวาคตํ เต, มหาราช , สกํ เต, มหาราช, อนุสาส, มหาราชา’ติฯ ราชา จกฺกวตฺตี เอวมาห – ‘ปาโณ น หนฺตโพฺพ, อทินฺนํ นาทาตพฺพํ, กาเมสุมิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภาสิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ, ยถาภุตฺตญฺจ ภุญฺชถา’ติฯ เย โข ปน, ภิกฺขเว, อุตฺตราย ทิสาย ปฎิราชาโน, เต รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อนุยนฺตา อเหสุํฯ
87. ‘‘Atha kho taṃ, bhikkhave, cakkaratanaṃ pacchimaṃ samuddaṃ ajjhogāhetvā paccuttaritvā uttaraṃ disaṃ pavatti, anvadeva rājā cakkavattī saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Yasmiṃ kho pana, bhikkhave, padese cakkaratanaṃ patiṭṭhāsi, tattha rājā cakkavattī vāsaṃ upagacchi saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Ye kho pana, bhikkhave, uttarāya disāya paṭirājāno, te rājānaṃ cakkavattiṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘ehi kho, mahārāja, svāgataṃ te, mahārāja , sakaṃ te, mahārāja, anusāsa, mahārājā’ti. Rājā cakkavattī evamāha – ‘pāṇo na hantabbo, adinnaṃ nādātabbaṃ, kāmesumicchā na caritabbā, musā na bhāsitabbā, majjaṃ na pātabbaṃ, yathābhuttañca bhuñjathā’ti. Ye kho pana, bhikkhave, uttarāya disāya paṭirājāno, te rañño cakkavattissa anuyantā ahesuṃ.
‘‘อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, จกฺกรตนํ สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ อภิวิชินิตฺวา ตเมว ราชธานิํ ปจฺจาคนฺตฺวา รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อเนฺตปุรทฺวาเร อตฺถกรณปมุเข 27 อกฺขาหตํ มเญฺญ อฎฺฐาสิ รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อเนฺตปุรํ อุปโสภยมานํฯ
‘‘Atha kho taṃ, bhikkhave, cakkaratanaṃ samuddapariyantaṃ pathaviṃ abhivijinitvā tameva rājadhāniṃ paccāgantvā rañño cakkavattissa antepuradvāre atthakaraṇapamukhe 28 akkhāhataṃ maññe aṭṭhāsi rañño cakkavattissa antepuraṃ upasobhayamānaṃ.
ทุติยาทิจกฺกวตฺติกถา
Dutiyādicakkavattikathā
๘๘. ‘‘ทุติโยปิ โข, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี…เป.… ตติโยปิ โข, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี… จตุโตฺถปิ โข, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี… ปญฺจโมปิ โข, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี… ฉโฎฺฐปิ โข, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี… สตฺตโมปิ โข, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี พหุนฺนํ วสฺสานํ พหุนฺนํ วสฺสสตานํ พหุนฺนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ – ‘ยทา ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, ปเสฺสยฺยาสิ ทิพฺพํ จกฺกรตนํ โอสกฺกิตํ ฐานา จุตํ, อถ เม อาโรเจยฺยาสี’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, โส ปุริโส รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ อทฺทสา โข , ภิกฺขเว, โส ปุริโส พหุนฺนํ วสฺสานํ พหุนฺนํ วสฺสสตานํ พหุนฺนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน ทิพฺพํ จกฺกรตนํ โอสกฺกิตํ ฐานา จุตํฯ ทิสฺวาน เยน ราชา จกฺกวตฺตี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ จกฺกวตฺติํ เอตทโวจ – ‘ยเคฺฆ , เทว, ชาเนยฺยาสิ, ทิพฺพํ เต จกฺกรตนํ โอสกฺกิตํ ฐานา จุต’นฺติ?
88. ‘‘Dutiyopi kho, bhikkhave, rājā cakkavattī…pe… tatiyopi kho, bhikkhave, rājā cakkavattī… catutthopi kho, bhikkhave, rājā cakkavattī… pañcamopi kho, bhikkhave, rājā cakkavattī… chaṭṭhopi kho, bhikkhave, rājā cakkavattī… sattamopi kho, bhikkhave, rājā cakkavattī bahunnaṃ vassānaṃ bahunnaṃ vassasatānaṃ bahunnaṃ vassasahassānaṃ accayena aññataraṃ purisaṃ āmantesi – ‘yadā tvaṃ, ambho purisa, passeyyāsi dibbaṃ cakkaratanaṃ osakkitaṃ ṭhānā cutaṃ, atha me āroceyyāsī’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, so puriso rañño cakkavattissa paccassosi. Addasā kho , bhikkhave, so puriso bahunnaṃ vassānaṃ bahunnaṃ vassasatānaṃ bahunnaṃ vassasahassānaṃ accayena dibbaṃ cakkaratanaṃ osakkitaṃ ṭhānā cutaṃ. Disvāna yena rājā cakkavattī tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rājānaṃ cakkavattiṃ etadavoca – ‘yagghe , deva, jāneyyāsi, dibbaṃ te cakkaratanaṃ osakkitaṃ ṭhānā cuta’nti?
๘๙. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี เชฎฺฐปุตฺตํ กุมารํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘ทิพฺพํ กิร เม, ตาต กุมาร, จกฺกรตนํ โอสกฺกิตํ, ฐานา จุตํ, สุตํ โข ปน เมตํ – ยสฺส รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ โอสกฺกติ, ฐานา จวติ, น ทานิ เตน รญฺญา จิรํ ชีวิตพฺพํ โหตีติฯ ภุตฺตา โข ปน เม มานุสกา กามา, สมโย ทานิ เม ทิเพฺพ กาเม ปริเยสิตุํ, เอหิ ตฺวํ, ตาต กุมาร, อิมํ สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ ปฎิปชฺช ฯ อหํ ปน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามี’ติฯ
89. ‘‘Atha kho, bhikkhave, rājā cakkavattī jeṭṭhaputtaṃ kumāraṃ āmantāpetvā etadavoca – ‘dibbaṃ kira me, tāta kumāra, cakkaratanaṃ osakkitaṃ, ṭhānā cutaṃ, sutaṃ kho pana metaṃ – yassa rañño cakkavattissa dibbaṃ cakkaratanaṃ osakkati, ṭhānā cavati, na dāni tena raññā ciraṃ jīvitabbaṃ hotīti. Bhuttā kho pana me mānusakā kāmā, samayo dāni me dibbe kāme pariyesituṃ, ehi tvaṃ, tāta kumāra, imaṃ samuddapariyantaṃ pathaviṃ paṭipajja . Ahaṃ pana kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajissāmī’ti.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี เชฎฺฐปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รเชฺช สมนุสาสิตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิฯ สตฺตาหปพฺพชิเต โข ปน, ภิกฺขเว, ราชิสิมฺหิ ทิพฺพํ จกฺกรตนํ อนฺตรธายิฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, rājā cakkavattī jeṭṭhaputtaṃ kumāraṃ sādhukaṃ rajje samanusāsitvā kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbaji. Sattāhapabbajite kho pana, bhikkhave, rājisimhi dibbaṃ cakkaratanaṃ antaradhāyi.
๙๐. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, อญฺญตโร ปุริโส เยน ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ ขตฺติยํ มุทฺธาภิสิตฺตํ เอตทโวจ – ‘ยเคฺฆ, เทว, ชาเนยฺยาสิ, ทิพฺพํ จกฺกรตนํ อนฺตรหิต’นฺติ? อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต ทิเพฺพ จกฺกรตเน อนฺตรหิเต อนตฺตมโน อโหสิฯ อนตฺตมนตญฺจ ปฎิสํเวเทสิ; โน จ โข ราชิสิํ อุปสงฺกมิตฺวา อริยํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ปุจฺฉิฯ โส สมเตเนว สุทํ ชนปทํ ปสาสติฯ ตสฺส สมเตน ชนปทํ ปสาสโต ปุเพฺพนาปรํ ชนปทา น ปพฺพนฺติ, ยถา ตํ ปุพฺพกานํ ราชูนํ อริเย จกฺกวตฺติวเตฺต วตฺตมานานํฯ
90. ‘‘Atha kho, bhikkhave, aññataro puriso yena rājā khattiyo muddhābhisitto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rājānaṃ khattiyaṃ muddhābhisittaṃ etadavoca – ‘yagghe, deva, jāneyyāsi, dibbaṃ cakkaratanaṃ antarahita’nti? Atha kho, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto dibbe cakkaratane antarahite anattamano ahosi. Anattamanatañca paṭisaṃvedesi; no ca kho rājisiṃ upasaṅkamitvā ariyaṃ cakkavattivattaṃ pucchi. So samateneva sudaṃ janapadaṃ pasāsati. Tassa samatena janapadaṃ pasāsato pubbenāparaṃ janapadā na pabbanti, yathā taṃ pubbakānaṃ rājūnaṃ ariye cakkavattivatte vattamānānaṃ.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, อมจฺจา ปาริสชฺชา คณกมหามตฺตา อนีกฎฺฐา โทวาริกา มนฺตสฺสาชีวิโน สนฺนิปติตฺวา ราชานํ ขตฺติยํ มุทฺธาภิสิตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘น โข เต, เทว, สมเตน (สุทํ) ชนปทํ ปสาสโต ปุเพฺพนาปรํ ชนปทา ปพฺพนฺติ, ยถา ตํ ปุพฺพกานํ ราชูนํ อริเย จกฺกวตฺติวเตฺต วตฺตมานานํฯ สํวิชฺชนฺติ โข เต, เทว, วิชิเต อมจฺจา ปาริสชฺชา คณกมหามตฺตา อนีกฎฺฐา โทวาริกา มนฺตสฺสาชีวิโน มยเญฺจว อเญฺญ จ 29 เย มยํ อริยํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ธาเรมฯ อิงฺฆ ตฺวํ, เทว, อเมฺห อริยํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ปุจฺฉฯ ตสฺส เต มยํ อริยํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ปุฎฺฐา พฺยากริสฺสามา’ติฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, amaccā pārisajjā gaṇakamahāmattā anīkaṭṭhā dovārikā mantassājīvino sannipatitvā rājānaṃ khattiyaṃ muddhābhisittaṃ etadavocuṃ – ‘na kho te, deva, samatena (sudaṃ) janapadaṃ pasāsato pubbenāparaṃ janapadā pabbanti, yathā taṃ pubbakānaṃ rājūnaṃ ariye cakkavattivatte vattamānānaṃ. Saṃvijjanti kho te, deva, vijite amaccā pārisajjā gaṇakamahāmattā anīkaṭṭhā dovārikā mantassājīvino mayañceva aññe ca 30 ye mayaṃ ariyaṃ cakkavattivattaṃ dhārema. Iṅgha tvaṃ, deva, amhe ariyaṃ cakkavattivattaṃ puccha. Tassa te mayaṃ ariyaṃ cakkavattivattaṃ puṭṭhā byākarissāmā’ti.
อายุวณฺณาทิปริยานิกถา
Āyuvaṇṇādipariyānikathā
๙๑. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต อมเจฺจ ปาริสเชฺช คณกมหามเตฺต อนีกเฎฺฐ โทวาริเก มนฺตสฺสาชีวิโน สนฺนิปาเตตฺวา อริยํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ปุจฺฉิฯ ตสฺส เต อริยํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ปุฎฺฐา พฺยากริํสุฯ เตสํ สุตฺวา ธมฺมิกญฺหิ โข รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหิ, โน จ โข อธนานํ ธนมนุปฺปทาสิฯ อธนานํ ธเน อนนุปฺปทิยมาเน ทาลิทฺทิยํ เวปุลฺลมคมาสิฯ ทาลิทฺทิเย เวปุลฺลํ คเต อญฺญตโร ปุริโส ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิฯ ตเมนํ อคฺคเหสุํฯ คเหตฺวา รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส ทเสฺสสุํ – ‘อยํ, เทว, ปุริโส ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยี’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต ตํ ปุริสํ เอตทโวจ – ‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยี’ติ 31? ‘สจฺจํ, เทวา’ติฯ ‘กิํ การณา’ติ? ‘น หิ, เทว, ชีวามี’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต ตสฺส ปุริสสฺส ธนมนุปฺปทาสิ – ‘อิมินา ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, ธเนน อตฺตนา จ ชีวาหิ, มาตาปิตโร จ โปเสหิ, ปุตฺตทารญฺจ โปเสหิ, กมฺมเนฺต จ ปโยเชหิ, สมณพฺราหฺมเณสุ 32 อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฎฺฐาเปหิ โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิก’นฺติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, โส ปุริโส รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ
91. ‘‘Atha kho, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto amacce pārisajje gaṇakamahāmatte anīkaṭṭhe dovārike mantassājīvino sannipātetvā ariyaṃ cakkavattivattaṃ pucchi. Tassa te ariyaṃ cakkavattivattaṃ puṭṭhā byākariṃsu. Tesaṃ sutvā dhammikañhi kho rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahi, no ca kho adhanānaṃ dhanamanuppadāsi. Adhanānaṃ dhane ananuppadiyamāne dāliddiyaṃ vepullamagamāsi. Dāliddiye vepullaṃ gate aññataro puriso paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyi. Tamenaṃ aggahesuṃ. Gahetvā rañño khattiyassa muddhābhisittassa dassesuṃ – ‘ayaṃ, deva, puriso paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyī’ti. Evaṃ vutte, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto taṃ purisaṃ etadavoca – ‘saccaṃ kira tvaṃ, ambho purisa, paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyī’ti 33? ‘Saccaṃ, devā’ti. ‘Kiṃ kāraṇā’ti? ‘Na hi, deva, jīvāmī’ti. Atha kho, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto tassa purisassa dhanamanuppadāsi – ‘iminā tvaṃ, ambho purisa, dhanena attanā ca jīvāhi, mātāpitaro ca posehi, puttadārañca posehi, kammante ca payojehi, samaṇabrāhmaṇesu 34 uddhaggikaṃ dakkhiṇaṃ patiṭṭhāpehi sovaggikaṃ sukhavipākaṃ saggasaṃvattanika’nti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, so puriso rañño khattiyassa muddhābhisittassa paccassosi.
‘‘อญฺญตโรปิ โข, ภิกฺขเว, ปุริโส ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิฯ ตเมนํ อคฺคเหสุํฯ คเหตฺวา รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส ทเสฺสสุํ – ‘อยํ, เทว, ปุริโส ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยี’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต ตํ ปุริสํ เอตทโวจ – ‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยี’ติ? ‘สจฺจํ, เทวา’ติฯ ‘กิํ การณา’ติ? ‘น หิ, เทว, ชีวามี’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต ตสฺส ปุริสสฺส ธนมนุปฺปทาสิ – ‘อิมินา ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, ธเนน อตฺตนา จ ชีวาหิ, มาตาปิตโร จ โปเสหิ, ปุตฺตทารญฺจ โปเสหิ, กมฺมเนฺต จ ปโยเชหิ, สมณพฺราหฺมเณสุ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฎฺฐาเปหิ โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิก’นฺติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, โส ปุริโส รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสิ ฯ
‘‘Aññataropi kho, bhikkhave, puriso paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyi. Tamenaṃ aggahesuṃ. Gahetvā rañño khattiyassa muddhābhisittassa dassesuṃ – ‘ayaṃ, deva, puriso paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyī’ti. Evaṃ vutte, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto taṃ purisaṃ etadavoca – ‘saccaṃ kira tvaṃ, ambho purisa, paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyī’ti? ‘Saccaṃ, devā’ti. ‘Kiṃ kāraṇā’ti? ‘Na hi, deva, jīvāmī’ti. Atha kho, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto tassa purisassa dhanamanuppadāsi – ‘iminā tvaṃ, ambho purisa, dhanena attanā ca jīvāhi, mātāpitaro ca posehi, puttadārañca posehi, kammante ca payojehi, samaṇabrāhmaṇesu uddhaggikaṃ dakkhiṇaṃ patiṭṭhāpehi sovaggikaṃ sukhavipākaṃ saggasaṃvattanika’nti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, so puriso rañño khattiyassa muddhābhisittassa paccassosi .
๙๒. ‘‘อโสฺสสุํ โข, ภิกฺขเว, มนุสฺสา – ‘เย กิร, โภ, ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยนฺติ, เตสํ ราชา ธนมนุปฺปเทตี’ติฯ สุตฺวาน เตสํ เอตทโหสิ – ‘ยํนูน มยมฺปิ ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิเยยฺยามา’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, อญฺญตโร ปุริโส ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิฯ ตเมนํ อคฺคเหสุํฯ คเหตฺวา รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส ทเสฺสสุํ – ‘อยํ, เทว, ปุริโส ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยี’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต ตํ ปุริสํ เอตทโวจ – ‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยี’ติ? ‘สจฺจํ, เทวา’ติฯ ‘กิํ การณา’ติ? ‘น หิ, เทว, ชีวามี’ติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘สเจ โข อหํ โย โย ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิสฺสติ, ตสฺส ตสฺส ธนมนุปฺปทสฺสามิ, เอวมิทํ อทินฺนาทานํ ปวฑฺฒิสฺสติฯ ยํนูนาหํ อิมํ ปุริสํ สุนิเสธํ นิเสเธยฺยํ, มูลฆจฺจํ 35 กเรยฺยํ, สีสมสฺส ฉิเนฺทยฺย’นฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต ปุริเส อาณาเปสิ – ‘เตน หิ, ภเณ, อิมํ ปุริสํ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ 36 คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส สุนิเสธํ นิเสเธถ, มูลฆจฺจํ กโรถ, สีสมสฺส ฉินฺทถา’ติฯ ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, เต ปุริสา รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ตํ ปุริสํ ทฬฺหาย รชฺชุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ขรสฺสเรน ปณเวน รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฎเกน สิงฺฆาฎกํ ปริเนตฺวา ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณโต นครสฺส สุนิเสธํ นิเสเธสุํ, มูลฆจฺจํ อกํสุ, สีสมสฺส ฉินฺทิํสุฯ
92. ‘‘Assosuṃ kho, bhikkhave, manussā – ‘ye kira, bho, paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyanti, tesaṃ rājā dhanamanuppadetī’ti. Sutvāna tesaṃ etadahosi – ‘yaṃnūna mayampi paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyeyyāmā’ti. Atha kho, bhikkhave, aññataro puriso paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyi. Tamenaṃ aggahesuṃ. Gahetvā rañño khattiyassa muddhābhisittassa dassesuṃ – ‘ayaṃ, deva, puriso paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyī’ti. Evaṃ vutte, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto taṃ purisaṃ etadavoca – ‘saccaṃ kira tvaṃ, ambho purisa, paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyī’ti? ‘Saccaṃ, devā’ti. ‘Kiṃ kāraṇā’ti? ‘Na hi, deva, jīvāmī’ti. Atha kho, bhikkhave, rañño khattiyassa muddhābhisittassa etadahosi – ‘sace kho ahaṃ yo yo paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyissati, tassa tassa dhanamanuppadassāmi, evamidaṃ adinnādānaṃ pavaḍḍhissati. Yaṃnūnāhaṃ imaṃ purisaṃ sunisedhaṃ nisedheyyaṃ, mūlaghaccaṃ 37 kareyyaṃ, sīsamassa chindeyya’nti. Atha kho, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto purise āṇāpesi – ‘tena hi, bhaṇe, imaṃ purisaṃ daḷhāya rajjuyā pacchābāhaṃ 38 gāḷhabandhanaṃ bandhitvā khuramuṇḍaṃ karitvā kharassarena paṇavena rathikāya rathikaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ parinetvā dakkhiṇena dvārena nikkhamitvā dakkhiṇato nagarassa sunisedhaṃ nisedhetha, mūlaghaccaṃ karotha, sīsamassa chindathā’ti. ‘Evaṃ, devā’ti kho, bhikkhave, te purisā rañño khattiyassa muddhābhisittassa paṭissutvā taṃ purisaṃ daḷhāya rajjuyā pacchābāhaṃ gāḷhabandhanaṃ bandhitvā khuramuṇḍaṃ karitvā kharassarena paṇavena rathikāya rathikaṃ siṅghāṭakena siṅghāṭakaṃ parinetvā dakkhiṇena dvārena nikkhamitvā dakkhiṇato nagarassa sunisedhaṃ nisedhesuṃ, mūlaghaccaṃ akaṃsu, sīsamassa chindiṃsu.
๙๓. ‘‘อโสฺสสุํ โข, ภิกฺขเว, มนุสฺสา – ‘เย กิร, โภ, ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยนฺติ, เต ราชา สุนิเสธํ นิเสเธติ, มูลฆจฺจํ กโรติ, สีสานิ เตสํ ฉินฺทตี’ติฯ สุตฺวาน เตสํ เอตทโหสิ – ‘ยํนูน มยมฺปิ ติณฺหานิ สตฺถานิ การาเปสฺสาม 39, ติณฺหานิ สตฺถานิ การาเปตฺวา เยสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิสฺสาม, เต สุนิเสธํ นิเสเธสฺสาม, มูลฆจฺจํ กริสฺสาม, สีสานิ เตสํ ฉินฺทิสฺสามา’ติฯ เต ติณฺหานิ สตฺถานิ การาเปสุํ, ติณฺหานิ สตฺถานิ การาเปตฺวา คามฆาตมฺปิ อุปกฺกมิํสุ กาตุํ, นิคมฆาตมฺปิ อุปกฺกมิํสุ กาตุํ, นครฆาตมฺปิ อุปกฺกมิํสุ กาตุํ, ปนฺถทุหนมฺปิ 40 อุปกฺกมิํสุ กาตุํฯ เยสํ เต อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยนฺติ, เต สุนิเสธํ นิเสเธนฺติ, มูลฆจฺจํ กโรนฺติ, สีสานิ เตสํ ฉินฺทนฺติฯ
93. ‘‘Assosuṃ kho, bhikkhave, manussā – ‘ye kira, bho, paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyanti, te rājā sunisedhaṃ nisedheti, mūlaghaccaṃ karoti, sīsāni tesaṃ chindatī’ti. Sutvāna tesaṃ etadahosi – ‘yaṃnūna mayampi tiṇhāni satthāni kārāpessāma 41, tiṇhāni satthāni kārāpetvā yesaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyissāma, te sunisedhaṃ nisedhessāma, mūlaghaccaṃ karissāma, sīsāni tesaṃ chindissāmā’ti. Te tiṇhāni satthāni kārāpesuṃ, tiṇhāni satthāni kārāpetvā gāmaghātampi upakkamiṃsu kātuṃ, nigamaghātampi upakkamiṃsu kātuṃ, nagaraghātampi upakkamiṃsu kātuṃ, panthaduhanampi 42 upakkamiṃsu kātuṃ. Yesaṃ te adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyanti, te sunisedhaṃ nisedhenti, mūlaghaccaṃ karonti, sīsāni tesaṃ chindanti.
๙๔. ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อธนานํ ธเน อนนุปฺปทิยมาเน ทาลิทฺทิยํ เวปุลฺลมคมาสิ, ทาลิทฺทิเย เวปุลฺลํ คเต อทินฺนาทานํ เวปุลฺลมคมาสิ, อทินฺนาทาเน เวปุลฺลํ คเต สตฺถํ เวปุลฺลมคมาสิ, สเตฺถ เวปุลฺลํ คเต ปาณาติปาโต เวปุลฺลมคมาสิ, ปาณาติปาเต เวปุลฺลํ คเต เตสํ สตฺตานํ อายุปิ ปริหายิ, วโณฺณปิ ปริหายิฯ เตสํ อายุนาปิ ปริหายมานานํ วเณฺณนปิ ปริหายมานานํ อสีติวสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ จตฺตารีสวสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา อเหสุํฯ
94. ‘‘Iti kho, bhikkhave, adhanānaṃ dhane ananuppadiyamāne dāliddiyaṃ vepullamagamāsi, dāliddiye vepullaṃ gate adinnādānaṃ vepullamagamāsi, adinnādāne vepullaṃ gate satthaṃ vepullamagamāsi, satthe vepullaṃ gate pāṇātipāto vepullamagamāsi, pāṇātipāte vepullaṃ gate tesaṃ sattānaṃ āyupi parihāyi, vaṇṇopi parihāyi. Tesaṃ āyunāpi parihāyamānānaṃ vaṇṇenapi parihāyamānānaṃ asītivassasahassāyukānaṃ manussānaṃ cattārīsavassasahassāyukā puttā ahesuṃ.
‘‘จตฺตารีสวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ อญฺญตโร ปุริโส ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิฯ ตเมนํ อคฺคเหสุํฯ คเหตฺวา รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส ทเสฺสสุํ – ‘อยํ, เทว, ปุริโส ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยี’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิโตฺต ตํ ปุริสํ เอตทโวจ – ‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยี’ติ? ‘น หิ, เทวา’ติ สมฺปชานมุสา อภาสิฯ
‘‘Cattārīsavassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu aññataro puriso paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyi. Tamenaṃ aggahesuṃ. Gahetvā rañño khattiyassa muddhābhisittassa dassesuṃ – ‘ayaṃ, deva, puriso paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyī’ti. Evaṃ vutte, bhikkhave, rājā khattiyo muddhābhisitto taṃ purisaṃ etadavoca – ‘saccaṃ kira tvaṃ, ambho purisa, paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyī’ti? ‘Na hi, devā’ti sampajānamusā abhāsi.
๙๕. ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อธนานํ ธเน อนนุปฺปทิยมาเน ทาลิทฺทิยํ เวปุลฺลมคมาสิฯ ทาลิทฺทิเย เวปุลฺลํ คเต อทินฺนาทานํ เวปุลฺลมคมาสิ, อทินฺนาทาเน เวปุลฺลํ คเต สตฺถํ เวปุลฺลมคมาสิฯ สเตฺถ เวปุลฺลํ คเต ปาณาติปาโต เวปุลฺลมคมาสิ, ปาณาติปาเต เวปุลฺลํ คเต มุสาวาโท เวปุลฺลมคมาสิ , มุสาวาเท เวปุลฺลํ คเต เตสํ สตฺตานํ อายุปิ ปริหายิ, วโณฺณปิ ปริหายิฯ เตสํ อายุนาปิ ปริหายมานานํ วเณฺณนปิ ปริหายมานานํ จตฺตารีสวสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ วีสติวสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา อเหสุํฯ
95. ‘‘Iti kho, bhikkhave, adhanānaṃ dhane ananuppadiyamāne dāliddiyaṃ vepullamagamāsi. Dāliddiye vepullaṃ gate adinnādānaṃ vepullamagamāsi, adinnādāne vepullaṃ gate satthaṃ vepullamagamāsi. Satthe vepullaṃ gate pāṇātipāto vepullamagamāsi, pāṇātipāte vepullaṃ gate musāvādo vepullamagamāsi , musāvāde vepullaṃ gate tesaṃ sattānaṃ āyupi parihāyi, vaṇṇopi parihāyi. Tesaṃ āyunāpi parihāyamānānaṃ vaṇṇenapi parihāyamānānaṃ cattārīsavassasahassāyukānaṃ manussānaṃ vīsativassasahassāyukā puttā ahesuṃ.
‘‘วีสติวสฺสสหสฺสายุเกสุ , ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ อญฺญตโร ปุริโส ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิฯ ตเมนํ อญฺญตโร ปุริโส รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส อาโรเจสิ – ‘อิตฺถนฺนาโม, เทว, ปุริโส ปเรสํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยี’ติ เปสุญฺญมกาสิฯ
‘‘Vīsativassasahassāyukesu , bhikkhave, manussesu aññataro puriso paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyi. Tamenaṃ aññataro puriso rañño khattiyassa muddhābhisittassa ārocesi – ‘itthannāmo, deva, puriso paresaṃ adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyī’ti pesuññamakāsi.
๙๖. ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อธนานํ ธเน อนนุปฺปทิยมาเน ทาลิทฺทิยํ เวปุลฺลมคมาสิฯ ทาลิทฺทิเย เวปุลฺลํ คเต อทินฺนาทานํ เวปุลฺลมคมาสิ, อทินฺนาทาเน เวปุลฺลํ คเต สตฺถํ เวปุลฺลมคมาสิ, สเตฺถ เวปุลฺลํ คเต ปาณาติปาโต เวปุลฺลมคมาสิ, ปาณาติปาเต เวปุลฺลํ คเต มุสาวาโท เวปุลฺลมคมาสิ, มุสาวาเท เวปุลฺลํ คเต ปิสุณา วาจา เวปุลฺลมคมาสิ, ปิสุณาย วาจาย เวปุลฺลํ คตาย เตสํ สตฺตานํ อายุปิ ปริหายิ, วโณฺณปิ ปริหายิฯ เตสํ อายุนาปิ ปริหายมานานํ วเณฺณนปิ ปริหายมานานํ วีสติวสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ ทสวสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา อเหสุํฯ
96. ‘‘Iti kho, bhikkhave, adhanānaṃ dhane ananuppadiyamāne dāliddiyaṃ vepullamagamāsi. Dāliddiye vepullaṃ gate adinnādānaṃ vepullamagamāsi, adinnādāne vepullaṃ gate satthaṃ vepullamagamāsi, satthe vepullaṃ gate pāṇātipāto vepullamagamāsi, pāṇātipāte vepullaṃ gate musāvādo vepullamagamāsi, musāvāde vepullaṃ gate pisuṇā vācā vepullamagamāsi, pisuṇāya vācāya vepullaṃ gatāya tesaṃ sattānaṃ āyupi parihāyi, vaṇṇopi parihāyi. Tesaṃ āyunāpi parihāyamānānaṃ vaṇṇenapi parihāyamānānaṃ vīsativassasahassāyukānaṃ manussānaṃ dasavassasahassāyukā puttā ahesuṃ.
‘‘ทสวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ เอกิทํ สตฺตา วณฺณวโนฺต โหนฺติ, เอกิทํ สตฺตา ทุพฺพณฺณาฯ ตตฺถ เย เต สตฺตา ทุพฺพณฺณา, เต วณฺณวเนฺต สเตฺต อภิชฺฌายนฺตา ปเรสํ ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิํสุฯ
‘‘Dasavassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu ekidaṃ sattā vaṇṇavanto honti, ekidaṃ sattā dubbaṇṇā. Tattha ye te sattā dubbaṇṇā, te vaṇṇavante satte abhijjhāyantā paresaṃ dāresu cārittaṃ āpajjiṃsu.
๙๗. ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อธนานํ ธเน อนนุปฺปทิยมาเน ทาลิทฺทิยํ เวปุลฺลมคมาสิฯ ทาลิทฺทิเย เวปุลฺลํ คเต…เป.… กาเมสุมิจฺฉาจาโร เวปุลฺลมคมาสิ, กาเมสุมิจฺฉาจาเร เวปุลฺลํ คเต เตสํ สตฺตานํ อายุปิ ปริหายิ, วโณฺณปิ ปริหายิฯ เตสํ อายุนาปิ ปริหายมานานํ วเณฺณนปิ ปริหายมานานํ ทสวสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ ปญฺจวสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา อเหสุํฯ
97. ‘‘Iti kho, bhikkhave, adhanānaṃ dhane ananuppadiyamāne dāliddiyaṃ vepullamagamāsi. Dāliddiye vepullaṃ gate…pe… kāmesumicchācāro vepullamagamāsi, kāmesumicchācāre vepullaṃ gate tesaṃ sattānaṃ āyupi parihāyi, vaṇṇopi parihāyi. Tesaṃ āyunāpi parihāyamānānaṃ vaṇṇenapi parihāyamānānaṃ dasavassasahassāyukānaṃ manussānaṃ pañcavassasahassāyukā puttā ahesuṃ.
๙๘. ‘‘ปญฺจวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว , มนุเสฺสสุ เทฺว ธมฺมา เวปุลฺลมคมํสุ – ผรุสาวาจา สมฺผปฺปลาโป จฯ ทฺวีสุ ธเมฺมสุ เวปุลฺลํ คเตสุ เตสํ สตฺตานํ อายุปิ ปริหายิ, วโณฺณปิ ปริหายิฯ เตสํ อายุนาปิ ปริหายมานานํ วเณฺณนปิ ปริหายมานานํ ปญฺจวสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ อเปฺปกเจฺจ อฑฺฒเตยฺยวสฺสสหสฺสายุกา, อเปฺปกเจฺจ เทฺววสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา อเหสุํฯ
98. ‘‘Pañcavassasahassāyukesu, bhikkhave , manussesu dve dhammā vepullamagamaṃsu – pharusāvācā samphappalāpo ca. Dvīsu dhammesu vepullaṃ gatesu tesaṃ sattānaṃ āyupi parihāyi, vaṇṇopi parihāyi. Tesaṃ āyunāpi parihāyamānānaṃ vaṇṇenapi parihāyamānānaṃ pañcavassasahassāyukānaṃ manussānaṃ appekacce aḍḍhateyyavassasahassāyukā, appekacce dvevassasahassāyukā puttā ahesuṃ.
๙๙. ‘‘อฑฺฒเตยฺยวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ อภิชฺฌาพฺยาปาทา เวปุลฺลมคมํสุฯ อภิชฺฌาพฺยาปาเทสุ เวปุลฺลํ คเตสุ เตสํ สตฺตานํ อายุปิ ปริหายิ, วโณฺณปิ ปริหายิฯ เตสํ อายุนาปิ ปริหายมานานํ วเณฺณนปิ ปริหายมานานํ อฑฺฒเตยฺยวสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ วสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา อเหสุํฯ
99. ‘‘Aḍḍhateyyavassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu abhijjhābyāpādā vepullamagamaṃsu. Abhijjhābyāpādesu vepullaṃ gatesu tesaṃ sattānaṃ āyupi parihāyi, vaṇṇopi parihāyi. Tesaṃ āyunāpi parihāyamānānaṃ vaṇṇenapi parihāyamānānaṃ aḍḍhateyyavassasahassāyukānaṃ manussānaṃ vassasahassāyukā puttā ahesuṃ.
๑๐๐. ‘‘วสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ มิจฺฉาทิฎฺฐิ เวปุลฺลมคมาสิฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิยา เวปุลฺลํ คตาย เตสํ สตฺตานํ อายุปิ ปริหายิ, วโณฺณปิ ปริหายิฯ เตสํ อายุนาปิ ปริหายมานานํ วเณฺณนปิ ปริหายมานานํ วสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ ปญฺจวสฺสสตายุกา ปุตฺตา อเหสุํฯ
100. ‘‘Vassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu micchādiṭṭhi vepullamagamāsi. Micchādiṭṭhiyā vepullaṃ gatāya tesaṃ sattānaṃ āyupi parihāyi, vaṇṇopi parihāyi. Tesaṃ āyunāpi parihāyamānānaṃ vaṇṇenapi parihāyamānānaṃ vassasahassāyukānaṃ manussānaṃ pañcavassasatāyukā puttā ahesuṃ.
๑๐๑. ‘‘ปญฺจวสฺสสตายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ ตโย ธมฺมา เวปุลฺลมคมํสุฯ อธมฺมราโค วิสมโลโภ มิจฺฉาธโมฺมฯ ตีสุ ธเมฺมสุ เวปุลฺลํ คเตสุ เตสํ สตฺตานํ อายุปิ ปริหายิ, วโณฺณปิ ปริหายิฯ เตสํ อายุนาปิ ปริหายมานานํ วเณฺณนปิ ปริหายมานานํ ปญฺจวสฺสสตายุกานํ มนุสฺสานํ อเปฺปกเจฺจ อฑฺฒเตยฺยวสฺสสตายุกา, อเปฺปกเจฺจ เทฺววสฺสสตายุกา ปุตฺตา อเหสุํฯ
101. ‘‘Pañcavassasatāyukesu, bhikkhave, manussesu tayo dhammā vepullamagamaṃsu. Adhammarāgo visamalobho micchādhammo. Tīsu dhammesu vepullaṃ gatesu tesaṃ sattānaṃ āyupi parihāyi, vaṇṇopi parihāyi. Tesaṃ āyunāpi parihāyamānānaṃ vaṇṇenapi parihāyamānānaṃ pañcavassasatāyukānaṃ manussānaṃ appekacce aḍḍhateyyavassasatāyukā, appekacce dvevassasatāyukā puttā ahesuṃ.
‘‘อฑฺฒเตยฺยวสฺสสตายุเกสุ, ภิกฺขเว , มนุเสฺสสุ อิเม ธมฺมา เวปุลฺลมคมํสุฯ อมเตฺตยฺยตา อเปเตฺตยฺยตา อสามญฺญตา อพฺรหฺมญฺญตา น กุเล เชฎฺฐาปจายิตาฯ
‘‘Aḍḍhateyyavassasatāyukesu, bhikkhave , manussesu ime dhammā vepullamagamaṃsu. Amatteyyatā apetteyyatā asāmaññatā abrahmaññatā na kule jeṭṭhāpacāyitā.
๑๐๒. ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อธนานํ ธเน อนนุปฺปทิยมาเน ทาลิทฺทิยํ เวปุลฺลมคมาสิฯ ทาลิทฺทิเย เวปุลฺลํ คเต อทินฺนาทานํ เวปุลฺลมคมาสิฯ อทินฺนาทาเน เวปุลฺลํ คเต สตฺถํ เวปุลฺลมคมาสิฯ สเตฺถ เวปุลฺลํ คเต ปาณาติปาโต เวปุลฺลมคมาสิฯ ปาณาติปาเต เวปุลฺลํ คเต มุสาวาโท เวปุลฺลมคมาสิฯ มุสาวาเท เวปุลฺลํ คเต ปิสุณา วาจา เวปุลฺลมคมาสิฯ ปิสุณาย วาจาย เวปุลฺลํ คตาย กาเมสุมิจฺฉาจาโร เวปุลฺลมคมาสิฯ กาเมสุมิจฺฉาจาเร เวปุลฺลํ คเต เทฺว ธมฺมา เวปุลฺลมคมํสุ, ผรุสา วาจา สมฺผปฺปลาโป จฯ ทฺวีสุ ธเมฺมสุ เวปุลฺลํ คเตสุ อภิชฺฌาพฺยาปาทา เวปุลฺลมคมํสุฯ อภิชฺฌาพฺยาปาเทสุ เวปุลฺลํ คเตสุ มิจฺฉาทิฎฺฐิ เวปุลฺลมคมาสิฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิยา เวปุลฺลํ คตาย ตโย ธมฺมา เวปุลฺลมคมํสุ, อธมฺมราโค วิสมโลโภ มิจฺฉาธโมฺมฯ ตีสุ ธเมฺมสุ เวปุลฺลํ คเตสุ อิเม ธมฺมา เวปุลฺลมคมํสุ, อมเตฺตยฺยตา อเปเตฺตยฺยตา อสามญฺญตา อพฺรหฺมญฺญตา น กุเล เชฎฺฐาปจายิตาฯ อิเมสุ ธเมฺมสุ เวปุลฺลํ คเตสุ เตสํ สตฺตานํ อายุปิ ปริหายิ, วโณฺณปิ ปริหายิฯ เตสํ อายุนาปิ ปริหายมานานํ วเณฺณนปิ ปริหายมานานํ อฑฺฒเตยฺยวสฺสสตายุกานํ มนุสฺสานํ วสฺสสตายุกา ปุตฺตา อเหสุํฯ
102. ‘‘Iti kho, bhikkhave, adhanānaṃ dhane ananuppadiyamāne dāliddiyaṃ vepullamagamāsi. Dāliddiye vepullaṃ gate adinnādānaṃ vepullamagamāsi. Adinnādāne vepullaṃ gate satthaṃ vepullamagamāsi. Satthe vepullaṃ gate pāṇātipāto vepullamagamāsi. Pāṇātipāte vepullaṃ gate musāvādo vepullamagamāsi. Musāvāde vepullaṃ gate pisuṇā vācā vepullamagamāsi. Pisuṇāya vācāya vepullaṃ gatāya kāmesumicchācāro vepullamagamāsi. Kāmesumicchācāre vepullaṃ gate dve dhammā vepullamagamaṃsu, pharusā vācā samphappalāpo ca. Dvīsu dhammesu vepullaṃ gatesu abhijjhābyāpādā vepullamagamaṃsu. Abhijjhābyāpādesu vepullaṃ gatesu micchādiṭṭhi vepullamagamāsi. Micchādiṭṭhiyā vepullaṃ gatāya tayo dhammā vepullamagamaṃsu, adhammarāgo visamalobho micchādhammo. Tīsu dhammesu vepullaṃ gatesu ime dhammā vepullamagamaṃsu, amatteyyatā apetteyyatā asāmaññatā abrahmaññatā na kule jeṭṭhāpacāyitā. Imesu dhammesu vepullaṃ gatesu tesaṃ sattānaṃ āyupi parihāyi, vaṇṇopi parihāyi. Tesaṃ āyunāpi parihāyamānānaṃ vaṇṇenapi parihāyamānānaṃ aḍḍhateyyavassasatāyukānaṃ manussānaṃ vassasatāyukā puttā ahesuṃ.
ทสวสฺสายุกสมโย
Dasavassāyukasamayo
๑๐๓. ‘‘ภวิสฺสติ , ภิกฺขเว, โส สมโย, ยํ อิเมสํ มนุสฺสานํ ทสวสฺสายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติฯ ทสวสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ ปญฺจวสฺสิกา 43 กุมาริกา อลํปเตยฺยา ภวิสฺสนฺติฯ ทสวสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ อิมานิ รสานิ อนฺตรธายิสฺสนฺติ, เสยฺยถิทํ, สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ โลณํฯ ทสวสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ กุทฺรูสโก อคฺคํ โภชนานํ 44 ภวิสฺสติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, เอตรหิ สาลิมํโสทโน อคฺคํ โภชนานํ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ทสวสฺสายุเกสุ มนุเสฺสสุ กุทฺรูสโก อคฺคํ โภชนานํ ภวิสฺสติฯ
103. ‘‘Bhavissati , bhikkhave, so samayo, yaṃ imesaṃ manussānaṃ dasavassāyukā puttā bhavissanti. Dasavassāyukesu, bhikkhave, manussesu pañcavassikā 45 kumārikā alaṃpateyyā bhavissanti. Dasavassāyukesu, bhikkhave, manussesu imāni rasāni antaradhāyissanti, seyyathidaṃ, sappi navanītaṃ telaṃ madhu phāṇitaṃ loṇaṃ. Dasavassāyukesu, bhikkhave, manussesu kudrūsako aggaṃ bhojanānaṃ 46 bhavissati. Seyyathāpi, bhikkhave, etarahi sālimaṃsodano aggaṃ bhojanānaṃ; evameva kho, bhikkhave, dasavassāyukesu manussesu kudrūsako aggaṃ bhojanānaṃ bhavissati.
‘‘ทสวสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ ทส กุสลกมฺมปถา สเพฺพน สพฺพํ อนฺตรธายิสฺสนฺติ, ทส อกุสลกมฺมปถา อติพฺยาทิปฺปิสฺสนฺติ 47ฯ ทสวสฺสายุเกสุ , ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ กุสลนฺติปิ น ภวิสฺสติ, กุโต ปน กุสลสฺส การโกฯ ทสวสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ เย เต ภวิสฺสนฺติ อมเตฺตยฺยา อเปเตฺตยฺยา อสามญฺญา อพฺรหฺมญฺญา น กุเล เชฎฺฐาปจายิโน, เต ปุชฺชา จ ภวิสฺสนฺติ ปาสํสา จฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, เอตรหิ มเตฺตยฺยา เปเตฺตยฺยา สามญฺญา พฺรหฺมญฺญา กุเล เชฎฺฐาปจายิโน ปุชฺชา จ ปาสํสา จ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ทสวสฺสายุเกสุ มนุเสฺสสุ เย เต ภวิสฺสนฺติ อมเตฺตยฺยา อเปเตฺตยฺยา อสามญฺญา อพฺรหฺมญฺญา น กุเล เชฎฺฐาปจายิโน, เต ปุชฺชา จ ภวิสฺสนฺติ ปาสํสา จฯ
‘‘Dasavassāyukesu, bhikkhave, manussesu dasa kusalakammapathā sabbena sabbaṃ antaradhāyissanti, dasa akusalakammapathā atibyādippissanti 48. Dasavassāyukesu , bhikkhave, manussesu kusalantipi na bhavissati, kuto pana kusalassa kārako. Dasavassāyukesu, bhikkhave, manussesu ye te bhavissanti amatteyyā apetteyyā asāmaññā abrahmaññā na kule jeṭṭhāpacāyino, te pujjā ca bhavissanti pāsaṃsā ca. Seyyathāpi, bhikkhave, etarahi matteyyā petteyyā sāmaññā brahmaññā kule jeṭṭhāpacāyino pujjā ca pāsaṃsā ca; evameva kho, bhikkhave, dasavassāyukesu manussesu ye te bhavissanti amatteyyā apetteyyā asāmaññā abrahmaññā na kule jeṭṭhāpacāyino, te pujjā ca bhavissanti pāsaṃsā ca.
‘‘ทสวสฺสายุเกสุ , ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ น ภวิสฺสติ มาตาติ วา มาตุจฺฉาติ วา มาตุลานีติ วา อาจริยภริยาติ วา ครูนํ ทาราติ วาฯ สเมฺภทํ โลโก คมิสฺสติ ยถา อเชฬกา กุกฺกุฎสูกรา โสณสิงฺคาลา 49ฯ
‘‘Dasavassāyukesu , bhikkhave, manussesu na bhavissati mātāti vā mātucchāti vā mātulānīti vā ācariyabhariyāti vā garūnaṃ dārāti vā. Sambhedaṃ loko gamissati yathā ajeḷakā kukkuṭasūkarā soṇasiṅgālā 50.
‘‘ทสวสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ เตสํ สตฺตานํ อญฺญมญฺญมฺหิ ติโพฺพ อาฆาโต ปจฺจุปฎฺฐิโต ภวิสฺสติ ติโพฺพ พฺยาปาโท ติโพฺพ มโนปโทโส ติพฺพํ วธกจิตฺตํฯ มาตุปิ ปุตฺตมฺหิ ปุตฺตสฺสปิ มาตริ; ปิตุปิ ปุตฺตมฺหิ ปุตฺตสฺสปิ ปิตริ; ภาตุปิ ภคินิยา ภคินิยาปิ ภาตริ ติโพฺพ อาฆาโต ปจฺจุปฎฺฐิโต ภวิสฺสติ ติโพฺพ พฺยาปาโท ติโพฺพ มโนปโทโส ติพฺพํ วธกจิตฺตํฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มาควิกสฺส มิคํ ทิสฺวา ติโพฺพ อาฆาโต ปจฺจุปฎฺฐิโต โหติ ติโพฺพ พฺยาปาโท ติโพฺพ มโนปโทโส ติพฺพํ วธกจิตฺตํ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ทสวสฺสายุเกสุ มนุเสฺสสุ เตสํ สตฺตานํ อญฺญมญฺญมฺหิ ติโพฺพ อาฆาโต ปจฺจุปฎฺฐิโต ภวิสฺสติ ติโพฺพ พฺยาปาโท ติโพฺพ มโนปโทโส ติพฺพํ วธกจิตฺตํฯ มาตุปิ ปุตฺตมฺหิ ปุตฺตสฺสปิ มาตริ; ปิตุปิ ปุตฺตมฺหิ ปุตฺตสฺสปิ ปิตริ; ภาตุปิ ภคินิยา ภคินิยาปิ ภาตริ ติโพฺพ อาฆาโต ปจฺจุปฎฺฐิโต ภวิสฺสติ ติโพฺพ พฺยาปาโท ติโพฺพ มโนปโทโส ติพฺพํ วธกจิตฺตํฯ
‘‘Dasavassāyukesu, bhikkhave, manussesu tesaṃ sattānaṃ aññamaññamhi tibbo āghāto paccupaṭṭhito bhavissati tibbo byāpādo tibbo manopadoso tibbaṃ vadhakacittaṃ. Mātupi puttamhi puttassapi mātari; pitupi puttamhi puttassapi pitari; bhātupi bhaginiyā bhaginiyāpi bhātari tibbo āghāto paccupaṭṭhito bhavissati tibbo byāpādo tibbo manopadoso tibbaṃ vadhakacittaṃ. Seyyathāpi, bhikkhave, māgavikassa migaṃ disvā tibbo āghāto paccupaṭṭhito hoti tibbo byāpādo tibbo manopadoso tibbaṃ vadhakacittaṃ; evameva kho, bhikkhave, dasavassāyukesu manussesu tesaṃ sattānaṃ aññamaññamhi tibbo āghāto paccupaṭṭhito bhavissati tibbo byāpādo tibbo manopadoso tibbaṃ vadhakacittaṃ. Mātupi puttamhi puttassapi mātari; pitupi puttamhi puttassapi pitari; bhātupi bhaginiyā bhaginiyāpi bhātari tibbo āghāto paccupaṭṭhito bhavissati tibbo byāpādo tibbo manopadoso tibbaṃ vadhakacittaṃ.
๑๐๔. ‘‘ทสวสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ สตฺตาหํ สตฺถนฺตรกโปฺป ภวิสฺสติฯ เต อญฺญมญฺญมฺหิ มิคสญฺญํ ปฎิลภิสฺสนฺติฯ เตสํ ติณฺหานิ สตฺถานิ หเตฺถสุ ปาตุภวิสฺสนฺติฯ เต ติเณฺหน สเตฺถน ‘เอส มิโค เอส มิโค’ติ อญฺญมญฺญํ ชีวิตา โวโรเปสฺสนฺติฯ
104. ‘‘Dasavassāyukesu, bhikkhave, manussesu sattāhaṃ satthantarakappo bhavissati. Te aññamaññamhi migasaññaṃ paṭilabhissanti. Tesaṃ tiṇhāni satthāni hatthesu pātubhavissanti. Te tiṇhena satthena ‘esa migo esa migo’ti aññamaññaṃ jīvitā voropessanti.
‘‘อถ โข เตสํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอกจฺจานํ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘มา จ มยํ กญฺจิ 51, มา จ อเมฺห โกจิ, ยํนูน มยํ ติณคหนํ วา วนคหนํ วา รุกฺขคหนํ วา นทีวิทุคฺคํ วา ปพฺพตวิสมํ วา ปวิสิตฺวา วนมูลผลาหารา ยาเปยฺยามา’ติฯ เต ติณคหนํ วา วนคหนํ วา รุกฺขคหนํ วา นทีวิทุคฺคํ วา ปพฺพตวิสมํ วา 52 ปวิสิตฺวา สตฺตาหํ วนมูลผลาหารา ยาเปสฺสนฺติฯ เต ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ติณคหนา วนคหนา รุกฺขคหนา นทีวิทุคฺคา ปพฺพตวิสมา นิกฺขมิตฺวา อญฺญมญฺญํ อาลิงฺคิตฺวา สภาคายิสฺสนฺติ สมสฺสาสิสฺสนฺติ – ‘ทิฎฺฐา, โภ, สตฺตา ชีวสิ, ทิฎฺฐา, โภ, สตฺตา ชีวสี’ติฯ
‘‘Atha kho tesaṃ, bhikkhave, sattānaṃ ekaccānaṃ evaṃ bhavissati – ‘mā ca mayaṃ kañci 53, mā ca amhe koci, yaṃnūna mayaṃ tiṇagahanaṃ vā vanagahanaṃ vā rukkhagahanaṃ vā nadīviduggaṃ vā pabbatavisamaṃ vā pavisitvā vanamūlaphalāhārā yāpeyyāmā’ti. Te tiṇagahanaṃ vā vanagahanaṃ vā rukkhagahanaṃ vā nadīviduggaṃ vā pabbatavisamaṃ vā 54 pavisitvā sattāhaṃ vanamūlaphalāhārā yāpessanti. Te tassa sattāhassa accayena tiṇagahanā vanagahanā rukkhagahanā nadīviduggā pabbatavisamā nikkhamitvā aññamaññaṃ āliṅgitvā sabhāgāyissanti samassāsissanti – ‘diṭṭhā, bho, sattā jīvasi, diṭṭhā, bho, sattā jīvasī’ti.
อายุวณฺณาทิวฑฺฒนกถา
Āyuvaṇṇādivaḍḍhanakathā
๑๐๕. ‘‘อถ โข เตสํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘มยํ โข อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวรูปํ อายตํ ญาติกฺขยํ ปตฺตาฯ ยํนูน มยํ กุสลํ กเรยฺยามฯ กิํ กุสลํ กเรยฺยาม? ยํนูน มยํ ปาณาติปาตา วิรเมยฺยาม, อิทํ กุสลํ ธมฺมํ สมาทาย วเตฺตยฺยามา’ติฯ เต ปาณาติปาตา วิรมิสฺสนฺติ, อิทํ กุสลํ ธมฺมํ สมาทาย วตฺติสฺสนฺติฯ เต กุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ อายุนาปิ วฑฺฒิสฺสนฺติ, วเณฺณนปิ วฑฺฒิสฺสนฺติ ฯ เตสํ อายุนาปิ วฑฺฒมานานํ วเณฺณนปิ วฑฺฒมานานํ ทสวสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ วีสติวสฺสายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติฯ
105. ‘‘Atha kho tesaṃ, bhikkhave, sattānaṃ evaṃ bhavissati – ‘mayaṃ kho akusalānaṃ dhammānaṃ samādānahetu evarūpaṃ āyataṃ ñātikkhayaṃ pattā. Yaṃnūna mayaṃ kusalaṃ kareyyāma. Kiṃ kusalaṃ kareyyāma? Yaṃnūna mayaṃ pāṇātipātā virameyyāma, idaṃ kusalaṃ dhammaṃ samādāya vatteyyāmā’ti. Te pāṇātipātā viramissanti, idaṃ kusalaṃ dhammaṃ samādāya vattissanti. Te kusalānaṃ dhammānaṃ samādānahetu āyunāpi vaḍḍhissanti, vaṇṇenapi vaḍḍhissanti . Tesaṃ āyunāpi vaḍḍhamānānaṃ vaṇṇenapi vaḍḍhamānānaṃ dasavassāyukānaṃ manussānaṃ vīsativassāyukā puttā bhavissanti.
‘‘อถ โข เตสํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘มยํ โข กุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ อายุนาปิ วฑฺฒาม, วเณฺณนปิ วฑฺฒามฯ ยํนูน มยํ ภิโยฺยโสมตฺตาย กุสลํ กเรยฺยามฯ กิํ กุสลํ กเรยฺยาม? ยํนูน มยํ อทินฺนาทานา วิรเมยฺยาม… กาเมสุมิจฺฉาจารา วิรเมยฺยาม… มุสาวาทา วิรเมยฺยาม… ปิสุณาย วาจาย วิรเมยฺยาม… ผรุสาย วาจาย วิรเมยฺยาม… สมฺผปฺปลาปา วิรเมยฺยาม… อภิชฺฌํ ปชเหยฺยาม… พฺยาปาทํ ปชเหยฺยาม… มิจฺฉาทิฎฺฐิํ ปชเหยฺยาม… ตโย ธเมฺม ปชเหยฺยาม – อธมฺมราคํ วิสมโลภํ มิจฺฉาธมฺมํ… ยํนูน มยํ มเตฺตยฺยา อสฺสาม เปเตฺตยฺยา สามญฺญา พฺรหฺมญฺญา กุเล เชฎฺฐาปจายิโน, อิทํ กุสลํ ธมฺมํ สมาทาย วเตฺตยฺยามา’ติฯ เต มเตฺตยฺยา ภวิสฺสนฺติ เปเตฺตยฺยา สามญฺญา พฺรหฺมญฺญา กุเล เชฎฺฐาปจายิโน, อิทํ กุสลํ ธมฺมํ สมาทาย วตฺติสฺสนฺติฯ
‘‘Atha kho tesaṃ, bhikkhave, sattānaṃ evaṃ bhavissati – ‘mayaṃ kho kusalānaṃ dhammānaṃ samādānahetu āyunāpi vaḍḍhāma, vaṇṇenapi vaḍḍhāma. Yaṃnūna mayaṃ bhiyyosomattāya kusalaṃ kareyyāma. Kiṃ kusalaṃ kareyyāma? Yaṃnūna mayaṃ adinnādānā virameyyāma… kāmesumicchācārā virameyyāma… musāvādā virameyyāma… pisuṇāya vācāya virameyyāma… pharusāya vācāya virameyyāma… samphappalāpā virameyyāma… abhijjhaṃ pajaheyyāma… byāpādaṃ pajaheyyāma… micchādiṭṭhiṃ pajaheyyāma… tayo dhamme pajaheyyāma – adhammarāgaṃ visamalobhaṃ micchādhammaṃ… yaṃnūna mayaṃ matteyyā assāma petteyyā sāmaññā brahmaññā kule jeṭṭhāpacāyino, idaṃ kusalaṃ dhammaṃ samādāya vatteyyāmā’ti. Te matteyyā bhavissanti petteyyā sāmaññā brahmaññā kule jeṭṭhāpacāyino, idaṃ kusalaṃ dhammaṃ samādāya vattissanti.
‘‘เต กุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ อายุนาปิ วฑฺฒิสฺสนฺติ, วเณฺณนปิ วฑฺฒิสฺสนฺติฯ เตสํ อายุนาปิ วฑฺฒมานานํ วเณฺณนปิ วฑฺฒมานานํ วีสติวสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ จตฺตารีสวสฺสายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ… จตฺตารีสวสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ อสีติวสฺสายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ… อสีติวสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ สฎฺฐิวสฺสสตายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ… สฎฺฐิวสฺสสตายุกานํ มนุสฺสานํ วีสติติวสฺสสตายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ… วีสติติวสฺสสตายุกานํ มนุสฺสานํ จตฺตารีสฉพฺพสฺสสตายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติฯ จตฺตารีสฉพฺพสฺสสตายุกานํ มนุสฺสานํ เทฺววสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ… เทฺววสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ จตฺตาริวสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ… จตฺตาริวสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ อฎฺฐวสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ… อฎฺฐวสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ วีสติวสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ… วีสติวสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ จตฺตารีสวสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ… จตฺตารีสวสฺสสหสฺสายุกานํ มนุสฺสานํ อสีติวสฺสสหสฺสายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ… อสีติวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ ปญฺจวสฺสสติกา กุมาริกา อลํปเตยฺยา ภวิสฺสนฺติฯ
‘‘Te kusalānaṃ dhammānaṃ samādānahetu āyunāpi vaḍḍhissanti, vaṇṇenapi vaḍḍhissanti. Tesaṃ āyunāpi vaḍḍhamānānaṃ vaṇṇenapi vaḍḍhamānānaṃ vīsativassāyukānaṃ manussānaṃ cattārīsavassāyukā puttā bhavissanti… cattārīsavassāyukānaṃ manussānaṃ asītivassāyukā puttā bhavissanti… asītivassāyukānaṃ manussānaṃ saṭṭhivassasatāyukā puttā bhavissanti… saṭṭhivassasatāyukānaṃ manussānaṃ vīsatitivassasatāyukā puttā bhavissanti… vīsatitivassasatāyukānaṃ manussānaṃ cattārīsachabbassasatāyukā puttā bhavissanti. Cattārīsachabbassasatāyukānaṃ manussānaṃ dvevassasahassāyukā puttā bhavissanti… dvevassasahassāyukānaṃ manussānaṃ cattārivassasahassāyukā puttā bhavissanti… cattārivassasahassāyukānaṃ manussānaṃ aṭṭhavassasahassāyukā puttā bhavissanti… aṭṭhavassasahassāyukānaṃ manussānaṃ vīsativassasahassāyukā puttā bhavissanti… vīsativassasahassāyukānaṃ manussānaṃ cattārīsavassasahassāyukā puttā bhavissanti… cattārīsavassasahassāyukānaṃ manussānaṃ asītivassasahassāyukā puttā bhavissanti… asītivassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu pañcavassasatikā kumārikā alaṃpateyyā bhavissanti.
สงฺขราชอุปฺปตฺติ
Saṅkharājauppatti
๑๐๖. ‘‘อสีติวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ ตโย อาพาธา ภวิสฺสนฺติ, อิจฺฉา, อนสนํ, ชราฯ อสีติวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ อยํ ชมฺพุทีโป อิโทฺธ เจว ภวิสฺสติ ผีโต จ, กุกฺกุฎสมฺปาติกา คามนิคมราชธานิโย 55ฯ อสีติวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ อยํ ชมฺพุทีโป อวีจิ มเญฺญ ผุโฎ ภวิสฺสติ มนุเสฺสหิ, เสยฺยถาปิ นฬวนํ วา สรวนํ 56 วาฯ อสีติวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ อยํ พาราณสี เกตุมตี นาม ราชธานี ภวิสฺสติ อิทฺธา เจว ผีตา จ พหุชนา จ อากิณฺณมนุสฺสา จ สุภิกฺขา จฯ อสีติวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ อิมสฺมิํ ชมฺพุทีเป จตุราสีตินครสหสฺสานิ ภวิสฺสนฺติ เกตุมตีราชธานีปมุขานิฯ อสีติวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ เกตุมติยา ราชธานิยา สโงฺข นาม ราชา อุปฺปชฺชิสฺสติ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรโนฺต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปโตฺต สตฺตรตนสมนฺนาคโตฯ ตสฺสิมานิ สตฺต รตนานิ ภวิสฺสนฺติ, เสยฺยถิทํ, จกฺกรตนํ หตฺถิรตนํ อสฺสรตนํ มณิรตนํ อิตฺถิรตนํ คหปติรตนํ ปริณายกรตนเมว สตฺตมํฯ ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนาฯ โส อิมํ ปถวิํ สาครปริยนฺตํ อทเณฺฑน อสเตฺถน ธเมฺมน อภิวิชิย อชฺฌาวสิสฺสติฯ
106. ‘‘Asītivassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu tayo ābādhā bhavissanti, icchā, anasanaṃ, jarā. Asītivassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu ayaṃ jambudīpo iddho ceva bhavissati phīto ca, kukkuṭasampātikā gāmanigamarājadhāniyo 57. Asītivassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu ayaṃ jambudīpo avīci maññe phuṭo bhavissati manussehi, seyyathāpi naḷavanaṃ vā saravanaṃ 58 vā. Asītivassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu ayaṃ bārāṇasī ketumatī nāma rājadhānī bhavissati iddhā ceva phītā ca bahujanā ca ākiṇṇamanussā ca subhikkhā ca. Asītivassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu imasmiṃ jambudīpe caturāsītinagarasahassāni bhavissanti ketumatīrājadhānīpamukhāni. Asītivassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu ketumatiyā rājadhāniyā saṅkho nāma rājā uppajjissati cakkavattī dhammiko dhammarājā cāturanto vijitāvī janapadatthāvariyappatto sattaratanasamannāgato. Tassimāni satta ratanāni bhavissanti, seyyathidaṃ, cakkaratanaṃ hatthiratanaṃ assaratanaṃ maṇiratanaṃ itthiratanaṃ gahapatiratanaṃ pariṇāyakaratanameva sattamaṃ. Parosahassaṃ kho panassa puttā bhavissanti sūrā vīraṅgarūpā parasenappamaddanā. So imaṃ pathaviṃ sāgarapariyantaṃ adaṇḍena asatthena dhammena abhivijiya ajjhāvasissati.
เมเตฺตยฺยพุทฺธุปฺปาโท
Metteyyabuddhuppādo
๑๐๗. ‘‘อสีติวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ เมเตฺตโยฺย นาม ภควา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควาฯ เสยฺยถาปาหเมตรหิ โลเก อุปฺปโนฺน อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควาฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทสฺสติ, เสยฺยถาปาหเมตรหิ อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทมิฯ โส ธมฺมํ เทเสสฺสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสสฺสติ; เสยฺยถาปาหเมตรหิ ธมฺมํ เทเสมิ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสมิฯ โส อเนกสหสฺสํ 59 ภิกฺขุสํฆํ ปริหริสฺสติ, เสยฺยถาปาหเมตรหิ อเนกสตํ ภิกฺขุสํฆํ ปริหรามิฯ
107. ‘‘Asītivassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu metteyyo nāma bhagavā loke uppajjissati arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā. Seyyathāpāhametarahi loke uppanno arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedessati, seyyathāpāhametarahi imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedemi. So dhammaṃ desessati ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsessati; seyyathāpāhametarahi dhammaṃ desemi ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsemi. So anekasahassaṃ 60 bhikkhusaṃghaṃ pariharissati, seyyathāpāhametarahi anekasataṃ bhikkhusaṃghaṃ pariharāmi.
๑๐๘. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, สโงฺข นาม ราชา โย โส ยูโป รญฺญา มหาปนาเทน การาปิโตฯ ตํ ยูปํ อุสฺสาเปตฺวา อชฺฌาวสิตฺวา ตํ ทตฺวา วิสฺสชฺชิตฺวา สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ ทานํ ทตฺวา เมเตฺตยฺยสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติฯ โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติฯ
108. ‘‘Atha kho, bhikkhave, saṅkho nāma rājā yo so yūpo raññā mahāpanādena kārāpito. Taṃ yūpaṃ ussāpetvā ajjhāvasitvā taṃ datvā vissajjitvā samaṇabrāhmaṇakapaṇaddhikavaṇibbakayācakānaṃ dānaṃ datvā metteyyassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa santike kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajissati. So evaṃ pabbajito samāno eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissati.
๑๐๙. ‘‘อตฺตทีปา, ภิกฺขเว, วิหรถ อตฺตสรณา อนญฺญสรณา, ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนญฺญสรณาฯ กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตทีโป วิหรติ อตฺตสรโณ อนญฺญสรโณ ธมฺมทีโป ธมฺมสรโณ อนญฺญสรโณ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี…เป.… จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี…เป.… ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตทีโป วิหรติ อตฺตสรโณ อนญฺญสรโณ ธมฺมทีโป ธมฺมสรโณ อนญฺญสรโณฯ
109. ‘‘Attadīpā, bhikkhave, viharatha attasaraṇā anaññasaraṇā, dhammadīpā dhammasaraṇā anaññasaraṇā. Kathañca, bhikkhave, bhikkhu attadīpo viharati attasaraṇo anaññasaraṇo dhammadīpo dhammasaraṇo anaññasaraṇo? Idha, bhikkhave, bhikkhu kāye kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Vedanāsu vedanānupassī…pe… citte cittānupassī…pe… dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu attadīpo viharati attasaraṇo anaññasaraṇo dhammadīpo dhammasaraṇo anaññasaraṇo.
ภิกฺขุโนอายุวณฺณาทิวฑฺฒนกถา
Bhikkhunoāyuvaṇṇādivaḍḍhanakathā
๑๑๐. ‘‘โคจเร, ภิกฺขเว, จรถ สเก เปตฺติเก วิสเยฯ โคจเร, ภิกฺขเว, จรนฺตา สเก เปตฺติเก วิสเย อายุนาปิ วฑฺฒิสฺสถ, วเณฺณนปิ วฑฺฒิสฺสถ, สุเขนปิ วฑฺฒิสฺสถ, โภเคนปิ วฑฺฒิสฺสถ, พเลนปิ วฑฺฒิสฺสถฯ
110. ‘‘Gocare, bhikkhave, caratha sake pettike visaye. Gocare, bhikkhave, carantā sake pettike visaye āyunāpi vaḍḍhissatha, vaṇṇenapi vaḍḍhissatha, sukhenapi vaḍḍhissatha, bhogenapi vaḍḍhissatha, balenapi vaḍḍhissatha.
‘‘กิญฺจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อายุสฺมิํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, วีริยสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, จิตฺตสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติฯ โส อิเมสํ จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา อากงฺขมาโน กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วาฯ อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อายุสฺมิํฯ
‘‘Kiñca , bhikkhave, bhikkhuno āyusmiṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu chandasamādhipadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti, vīriyasamādhipadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti, cittasamādhipadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti, vīmaṃsāsamādhipadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāveti. So imesaṃ catunnaṃ iddhipādānaṃ bhāvitattā bahulīkatattā ākaṅkhamāno kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā. Idaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno āyusmiṃ.
‘‘กิญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วณฺณสฺมิํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน, อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วณฺณสฺมิํฯ
‘‘Kiñca, bhikkhave, bhikkhuno vaṇṇasmiṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu sīlavā hoti, pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno, aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī, samādāya sikkhati sikkhāpadesu. Idaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno vaṇṇasmiṃ.
‘‘กิญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน สุขสฺมิํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ…เป.… ตติยํ ฌานํ…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน, สุขสฺมิํฯ
‘‘Kiñca, bhikkhave, bhikkhuno sukhasmiṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ…pe… tatiyaṃ jhānaṃ…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Idaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno, sukhasmiṃ.
‘‘กิญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โภคสฺมิํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ ตถา ทุติยํฯ ตถา ตติยํฯ ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหรติฯ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป.… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป.… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติฯ ตถา ทุติยํฯ ตถา ตติยํฯ ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหรติฯ อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โภคสฺมิํฯ
‘‘Kiñca, bhikkhave, bhikkhuno bhogasmiṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati tathā dutiyaṃ. Tathā tatiyaṃ. Tathā catutthaṃ. Iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena pharitvā viharati. Karuṇāsahagatena cetasā…pe… muditāsahagatena cetasā…pe… upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati. Tathā dutiyaṃ. Tathā tatiyaṃ. Tathā catutthaṃ. Iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena pharitvā viharati. Idaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno bhogasmiṃ.
‘‘กิญฺจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน พลสฺมิํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน พลสฺมิํฯ
‘‘Kiñca , bhikkhave, bhikkhuno balasmiṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Idaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno balasmiṃ.
‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อญฺญํ เอกพลมฺปิ สมนุปสฺสามิ ยํ เอวํ ทุปฺปสหํ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, มารพลํฯ กุสลานํ , ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒตี’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
‘‘Nāhaṃ, bhikkhave, aññaṃ ekabalampi samanupassāmi yaṃ evaṃ duppasahaṃ, yathayidaṃ, bhikkhave, mārabalaṃ. Kusalānaṃ , bhikkhave, dhammānaṃ samādānahetu evamidaṃ puññaṃ pavaḍḍhatī’’ti. Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
จกฺกวตฺติสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ
Cakkavattisuttaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๓. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา • 3. Cakkavattisuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๓. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา • 3. Cakkavattisuttavaṇṇanā