Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๔. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา
4. Cakkavattisuttavaṇṇanā
๑๔. จตุเตฺถ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ รเญฺชตีติ ราชาฯ จกฺกํ วเตฺตตีติ จกฺกวตฺตีฯ วตฺติตํ วา อเนน จกฺกนฺติ จกฺกวตฺตีฯ ธโมฺม อสฺส อตฺถีติ ธมฺมิโกฯ ธเมฺมเนว ทสวิเธน จกฺกวตฺติวเตฺตน ราชา ชาโตติ ธมฺมราชาฯ โสปิ น อราชกนฺติ โสปิ อญฺญํ นิสฺสยราชานํ อลภิตฺวา จกฺกํ นาม วเตฺตตุํ น สโกฺกตีติ อโตฺถฯ อิติ สตฺถา เทสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ยถานุสนฺธิํ อปาเปตฺวาว ตุณฺหี อโหสิฯ กสฺมา? อนุสนฺธิกุสลา อุฎฺฐหิตฺวา อนุสนฺธิํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ, พหู หิ อิมสฺมิํ ฐาเน ตถารูปา ภิกฺขู, อถาหํ เตหิ ปุโฎฺฐ เทสนํ วเฑฺฒสฺสามีติฯ อเถโก อนุสนฺธิกุสโล ภิกฺขุ ภควนฺตํ ปุจฺฉโนฺต โก ปน, ภเนฺตติอาทิมาหฯ ภควาปิสฺส พฺยากโรโนฺต ธโมฺม ภิกฺขูติอาทิมาหฯ
14. Catutthe catūhi saṅgahavatthūhi janaṃ rañjetīti rājā. Cakkaṃ vattetīti cakkavattī. Vattitaṃ vā anena cakkanti cakkavattī. Dhammo assa atthīti dhammiko. Dhammeneva dasavidhena cakkavattivattena rājā jātoti dhammarājā. Sopi na arājakanti sopi aññaṃ nissayarājānaṃ alabhitvā cakkaṃ nāma vattetuṃ na sakkotīti attho. Iti satthā desanaṃ paṭṭhapetvā yathānusandhiṃ apāpetvāva tuṇhī ahosi. Kasmā? Anusandhikusalā uṭṭhahitvā anusandhiṃ pucchissanti, bahū hi imasmiṃ ṭhāne tathārūpā bhikkhū, athāhaṃ tehi puṭṭho desanaṃ vaḍḍhessāmīti. Atheko anusandhikusalo bhikkhu bhagavantaṃ pucchanto ko pana, bhantetiādimāha. Bhagavāpissa byākaronto dhammo bhikkhūtiādimāha.
ตตฺถ ธโมฺมติ ทสกุสลกมฺมปถธโมฺมฯ ธมฺมนฺติ ตเมว วุตฺตปฺปการํ ธมฺมํฯ นิสฺสายาติ ตทธิฎฺฐาเนน เจตสา ตเมว นิสฺสยํ กตฺวาฯ ธมฺมํ สกฺกโรโนฺตติ ยถา กโต โส ธโมฺม สุฎฺฐุ กโต โหติ, เอวเมตํ กโรโนฺตฯ ธมฺมํ ครุํ กโรโนฺตติ ตสฺมิํ คารวุปฺปตฺติยา ตํ ครุกโรโนฺตฯ ธมฺมํ อปจายมาโนติ ตเสฺสว ธมฺมสฺส อญฺชลิกรณาทีหิ นีจวุตฺติตํ กโรโนฺตฯ ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตูติ ตํ ธมฺมํ ธชมิว ปุรกฺขตฺวา เกตุมิว อุกฺขิปิตฺวา ปวตฺติยา ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ จ หุตฺวาติ อโตฺถฯ ธมฺมาธิปเตโยฺยติ ธมฺมาธิปติภูตาคตภาเวน ธมฺมวเสเนว จ สพฺพกิริยานํ กรเณน ธมฺมาธิปเตโยฺย หุตฺวาฯ ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหตีติ ธโมฺม อสฺสา อตฺถีติ ธมฺมิกา, รกฺขา จ อาวรณญฺจ คุตฺติ จ รกฺขาวรณคุตฺติฯ ตตฺถ ‘‘ปรํ รกฺขโนฺต อตฺตานํ รกฺขตี’’ติ วจนโต ขนฺติอาทโย รกฺขาฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ปรํ รกฺขโนฺต อตฺตานํ รกฺขติฯ ขนฺติยา อวิหิํสาย เมตฺตจิตฺตตาย อนุทฺทยายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๘๕)ฯ นิวาสนปารุปนเคหาทีนิ อาวรณํฯ โจราทิอุปทฺทวนิวารณตฺถํ โคปายนา คุตฺติฯ ตํ สพฺพมฺปิ สุฎฺฐุ วิทหติ ปวเตฺตติ ฐเปตีติ อโตฺถฯ
Tattha dhammoti dasakusalakammapathadhammo. Dhammanti tameva vuttappakāraṃ dhammaṃ. Nissāyāti tadadhiṭṭhānena cetasā tameva nissayaṃ katvā. Dhammaṃ sakkarontoti yathā kato so dhammo suṭṭhu kato hoti, evametaṃ karonto. Dhammaṃ garuṃ karontoti tasmiṃ gāravuppattiyā taṃ garukaronto. Dhammaṃ apacāyamānoti tasseva dhammassa añjalikaraṇādīhi nīcavuttitaṃ karonto. Dhammaddhajo dhammaketūti taṃ dhammaṃ dhajamiva purakkhatvā ketumiva ukkhipitvā pavattiyā dhammaddhajo dhammaketu ca hutvāti attho. Dhammādhipateyyoti dhammādhipatibhūtāgatabhāvena dhammavaseneva ca sabbakiriyānaṃ karaṇena dhammādhipateyyo hutvā. Dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahatīti dhammo assā atthīti dhammikā, rakkhā ca āvaraṇañca gutti ca rakkhāvaraṇagutti. Tattha ‘‘paraṃ rakkhanto attānaṃ rakkhatī’’ti vacanato khantiādayo rakkhā. Vuttañhetaṃ – ‘‘kathañca, bhikkhave, paraṃ rakkhanto attānaṃ rakkhati. Khantiyā avihiṃsāya mettacittatāya anuddayāyā’’ti (saṃ. ni. 5.385). Nivāsanapārupanagehādīni āvaraṇaṃ. Corādiupaddavanivāraṇatthaṃ gopāyanā gutti. Taṃ sabbampi suṭṭhu vidahati pavatteti ṭhapetīti attho.
อิทานิ ยตฺถ สา สํวิทหิตพฺพา, ตํ ทเสฺสโนฺต อโนฺตชนสฺมินฺติอาทิมาหฯ ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – อโนฺตชนสงฺขาตํ ปุตฺตทารํ สีลสํวเร ปติฎฺฐาเปโนฺต วตฺถคนฺธมาลาทีนิ จสฺส ททมาโน สโพฺพปทฺทเว จสฺส นิวารยมาโน ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหติ นามฯ ขตฺติยาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – อภิสิตฺตขตฺติยา ภทฺรอสฺสาชานียาทิรตนสมฺปทาเนนปิ อุปคณฺหิตพฺพา, อนุยนฺตา ขตฺติยา เตสํ อนุรูปยานวาหนสมฺปทาเนนปิ ปริโตเสตพฺพา, พลกาโย กาลํ อนติกฺกเมตฺวา ภตฺตเวตนสมฺปทาเนนปิ อนุคฺคเหตโพฺพ, พฺราหฺมณา อนฺนปานวตฺถาทินา เทยฺยธเมฺมน, คหปติกา ภตฺตพีชนงฺคลพลิพทฺทาทิสมฺปทาเนน, ตถา นิคมวาสิโน เนคมา ชนปทวาสิโน จ ชานปทาฯ สมิตปาปพาหิตปาปา ปน สมณพฺราหฺมณา สมณปริกฺขารสมฺปทาเนน สกฺกาตพฺพา, มิคปกฺขิโน อภยทาเนน สมสฺสาเสตพฺพาฯ
Idāni yattha sā saṃvidahitabbā, taṃ dassento antojanasmintiādimāha. Tatrāyaṃ saṅkhepattho – antojanasaṅkhātaṃ puttadāraṃ sīlasaṃvare patiṭṭhāpento vatthagandhamālādīni cassa dadamāno sabbopaddave cassa nivārayamāno dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahati nāma. Khattiyādīsupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – abhisittakhattiyā bhadraassājānīyādiratanasampadānenapi upagaṇhitabbā, anuyantā khattiyā tesaṃ anurūpayānavāhanasampadānenapi paritosetabbā, balakāyo kālaṃ anatikkametvā bhattavetanasampadānenapi anuggahetabbo, brāhmaṇā annapānavatthādinā deyyadhammena, gahapatikā bhattabījanaṅgalabalibaddādisampadānena, tathā nigamavāsino negamā janapadavāsino ca jānapadā. Samitapāpabāhitapāpā pana samaṇabrāhmaṇā samaṇaparikkhārasampadānena sakkātabbā, migapakkhino abhayadānena samassāsetabbā.
ธเมฺมเนว จกฺกํ วเตฺตตีติ ทสกุสลกมฺมปถธเมฺมเนว จกฺกํ ปวเตฺตติฯ ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติยนฺติ ตํ เตน เอวํ ปวตฺติตํ อาณาจกฺกํ อปฺปฎิวตฺติยํ โหติฯ เกนจิ มนุสฺสภูเตนาติ เทวตา นาม อตฺตนา อิจฺฉิติจฺฉิตเมว กโรนฺติ, ตสฺมา ตา อคฺคณฺหิตฺวา ‘‘มนุสฺสภูเตนา’’ติ วุตฺตํฯ ปจฺจตฺถิเกนาติ ปฎิอตฺถิเกน, ปฎิสตฺตุนาติ อโตฺถฯ ธมฺมิโกติ จกฺกวตฺตี ทสกุสลกมฺมปถวเสน ธมฺมิโก, ตถาคโต ปน นวโลกุตฺตรธมฺมวเสนฯ ธมฺมราชาติ นวหิ โลกุตฺตรธเมฺมหิ มหาชนํ รเญฺชตีติ ธมฺมราชาฯ ธมฺมํเยวาติ นวโลกุตฺตรธมฺมเมว นิสฺสาย ตเมว สกฺกโรโนฺต ตํ ครุกโรโนฺต ตํ อปจายมาโนฯ โสวสฺส ธโมฺม อพฺภุคฺคตเฎฺฐน ธโชติ ธมฺมทฺธโชฯ โสวสฺส เกตูติ ธมฺมเกตุฯ ตเมว อธิปติํ เชฎฺฐกํ กตฺวา วิหรตีติ ธมฺมาธิปเตโยฺยฯ ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตินฺติ โลกิยโลกุตฺตรธมฺมทายิกรกฺขญฺจ อาวรณญฺจ คุตฺติญฺจฯ สํวิทหตีติ ฐเปติ ปญฺญเปติฯ เอวรูปนฺติ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ น เสวิตพฺพํ, สุจริตํ เสวิตพฺพนฺติ เอวํ สพฺพตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สํวิทหิตฺวาติ ฐเปตฺวา กเถตฺวาฯ ธเมฺมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตีติ นวโลกุตฺตรธเมฺมเนว อสทิสํ ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตติฯ ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฎิวตฺติยนฺติ ตํ เอวํ ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ เอเตสุ สมณาทีสุ เอเกนปิ ปฎิวเตฺตตุํ ปฎิพาหิตุํ น สกฺกาฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Dhammeneva cakkaṃ vattetīti dasakusalakammapathadhammeneva cakkaṃ pavatteti. Taṃ hoti cakkaṃ appaṭivattiyanti taṃ tena evaṃ pavattitaṃ āṇācakkaṃ appaṭivattiyaṃ hoti. Kenacimanussabhūtenāti devatā nāma attanā icchiticchitameva karonti, tasmā tā aggaṇhitvā ‘‘manussabhūtenā’’ti vuttaṃ. Paccatthikenāti paṭiatthikena, paṭisattunāti attho. Dhammikoti cakkavattī dasakusalakammapathavasena dhammiko, tathāgato pana navalokuttaradhammavasena. Dhammarājāti navahi lokuttaradhammehi mahājanaṃ rañjetīti dhammarājā. Dhammaṃyevāti navalokuttaradhammameva nissāya tameva sakkaronto taṃ garukaronto taṃ apacāyamāno. Sovassa dhammo abbhuggataṭṭhena dhajoti dhammaddhajo. Sovassa ketūti dhammaketu. Tameva adhipatiṃ jeṭṭhakaṃ katvā viharatīti dhammādhipateyyo. Dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttinti lokiyalokuttaradhammadāyikarakkhañca āvaraṇañca guttiñca. Saṃvidahatīti ṭhapeti paññapeti. Evarūpanti tividhaṃ kāyaduccaritaṃ na sevitabbaṃ, sucaritaṃ sevitabbanti evaṃ sabbattha attho veditabbo. Saṃvidahitvāti ṭhapetvā kathetvā. Dhammeneva anuttaraṃ dhammacakkaṃ pavattetīti navalokuttaradhammeneva asadisaṃ dhammacakkaṃ pavatteti. Taṃ hoti cakkaṃ appaṭivattiyanti taṃ evaṃ pavattitaṃ dhammacakkaṃ etesu samaṇādīsu ekenapi paṭivattetuṃ paṭibāhituṃ na sakkā. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๔. จกฺกวตฺติสุตฺตํ • 4. Cakkavattisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๔. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา • 4. Cakkavattisuttavaṇṇanā