Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā)

    ๓. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา

    3. Cakkavattisuttavaṇṇanā

    อตฺตทีปสรณตาวณฺณนา

    Attadīpasaraṇatāvaṇṇanā

    ๘๐. เอวํ เม สุตนฺติ จกฺกวตฺติสุตฺตํฯ ตตฺรายมนุตฺตานปทวณฺณนา – มาตุลายนฺติ เอวํนามเก นคเรฯ ตํ นครํ โคจรคามํ กตฺวา อวิทูเร วนสเณฺฑ วิหรติฯ ‘‘ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสี’’ติ เอตฺถ อยมนุปุพฺพิกถา –

    80.Evaṃme sutanti cakkavattisuttaṃ. Tatrāyamanuttānapadavaṇṇanā – mātulāyanti evaṃnāmake nagare. Taṃ nagaraṃ gocaragāmaṃ katvā avidūre vanasaṇḍe viharati. ‘‘Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesī’’ti ettha ayamanupubbikathā –

    ภควา กิร อิมสฺส สุตฺตสฺส สมุฎฺฐานสมเย ปจฺจูสกาเล มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย โลกํ โวโลเกโนฺต อิมาย อนาคตวํสทีปิกาย สุตฺตนฺตกถาย มาตุลนครวาสีนํ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมยํ ทิสฺวา ปาโตว วีสติภิกฺขุสหสฺสปริวาโร มาตุลนครํ สมฺปโตฺตฯ มาตุลนครวาสิโน ขตฺติยา ‘‘ภควา อาคโต’’ติ สุตฺวา ปจฺจุคฺคมฺม ทสพลํ นิมเนฺตตฺวา มหาสกฺกาเรน นครํ ปเวเสตฺวา นิสชฺชฎฺฐานํ สํวิธาย ภควนฺตํ มหารเห ปลฺลเงฺก นิสีทาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทํสุฯ ภควา ภตฺตกิจฺจํ นิฎฺฐาเปตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘สจาหํ อิมสฺมิํ ฐาเน อิเมสํ มนุสฺสานํ ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, อยํ ปเทโส สมฺพาโธ, มนุสฺสานํ ฐาตุํ วา นิสีทิตุํ วา โอกาโส น ภวิสฺสติ, มหตา โข ปน สมาคเมน ภวิตพฺพ’’นฺติฯ

    Bhagavā kira imassa suttassa samuṭṭhānasamaye paccūsakāle mahākaruṇāsamāpattito vuṭṭhāya lokaṃ volokento imāya anāgatavaṃsadīpikāya suttantakathāya mātulanagaravāsīnaṃ caturāsītiyā pāṇasahassānaṃ dhammābhisamayaṃ disvā pātova vīsatibhikkhusahassaparivāro mātulanagaraṃ sampatto. Mātulanagaravāsino khattiyā ‘‘bhagavā āgato’’ti sutvā paccuggamma dasabalaṃ nimantetvā mahāsakkārena nagaraṃ pavesetvā nisajjaṭṭhānaṃ saṃvidhāya bhagavantaṃ mahārahe pallaṅke nisīdāpetvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ adaṃsu. Bhagavā bhattakiccaṃ niṭṭhāpetvā cintesi – ‘‘sacāhaṃ imasmiṃ ṭhāne imesaṃ manussānaṃ dhammaṃ desessāmi, ayaṃ padeso sambādho, manussānaṃ ṭhātuṃ vā nisīdituṃ vā okāso na bhavissati, mahatā kho pana samāgamena bhavitabba’’nti.

    อถ ราชกุลานํ ภตฺตานุโมทนํ อกตฺวาว ปตฺตํ คเหตฺวา นครโต นิกฺขมิฯ มนุสฺสา จินฺตยิํสุ – ‘‘สตฺถา อมฺหากํ อนุโมทนมฺปิ อกตฺวา คจฺฉติ, อทฺธา ภตฺตคฺคํ อมนาปํ อโหสิ, พุทฺธานํ นาม น สกฺกา จิตฺตํ คเหตุํ, พุเทฺธหิ สทฺธิํ วิสฺสาสกรณํ นาม สมุสฺสิตผณํ อาสีวิสํ คีวาย คหณสทิสํ โหติ; เอถ โภ, ตถาคตํ ขมาเปสฺสามา’’ติฯ สกลนครวาสิโน ภควตา สเหว นิกฺขนฺตาฯ ภควา คจฺฉโนฺตว มคธเกฺขเตฺต ฐิตํ สาขาวิฎปสมฺปนฺนํ สนฺทจฺฉายํ กรีสมตฺตภูมิปตฺถฎํ เอกํ มาตุลรุกฺขํ ทิสฺวา อิมสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา ธเมฺม เทสิยมาเน ‘‘มหาชนสฺส ฐานนิสชฺชโนกาโส ภวิสฺสตี’’ติฯ นิวตฺติตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมภณฺฑาคาริกํ อานนฺทเตฺถรํ โอโลเกสิฯ เถโร โอโลกิตสญฺญาย เอว ‘‘สตฺถา นิสีทิตุกาโม’’ติ ญตฺวา สุคตมหาจีวรํ ปญฺญเปตฺวา อทาสิฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ อถสฺส ปุรโต มนุสฺสา นิสีทิํสุฯ อุโภสุ ปเสฺสสุ ปจฺฉโต จ ภิกฺขุสโงฺฆ, อากาเส เทวตา อฎฺฐํสุ, เอวํ มหาปริสมชฺฌคโต ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิฯ

    Atha rājakulānaṃ bhattānumodanaṃ akatvāva pattaṃ gahetvā nagarato nikkhami. Manussā cintayiṃsu – ‘‘satthā amhākaṃ anumodanampi akatvā gacchati, addhā bhattaggaṃ amanāpaṃ ahosi, buddhānaṃ nāma na sakkā cittaṃ gahetuṃ, buddhehi saddhiṃ vissāsakaraṇaṃ nāma samussitaphaṇaṃ āsīvisaṃ gīvāya gahaṇasadisaṃ hoti; etha bho, tathāgataṃ khamāpessāmā’’ti. Sakalanagaravāsino bhagavatā saheva nikkhantā. Bhagavā gacchantova magadhakkhette ṭhitaṃ sākhāviṭapasampannaṃ sandacchāyaṃ karīsamattabhūmipatthaṭaṃ ekaṃ mātularukkhaṃ disvā imasmiṃ rukkhamūle nisīditvā dhamme desiyamāne ‘‘mahājanassa ṭhānanisajjanokāso bhavissatī’’ti. Nivattitvā maggā okkamma rukkhamūlaṃ upasaṅkamitvā dhammabhaṇḍāgārikaṃ ānandattheraṃ olokesi. Thero olokitasaññāya eva ‘‘satthā nisīditukāmo’’ti ñatvā sugatamahācīvaraṃ paññapetvā adāsi. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Athassa purato manussā nisīdiṃsu. Ubhosu passesu pacchato ca bhikkhusaṅgho, ākāse devatā aṭṭhaṃsu, evaṃ mahāparisamajjhagato tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi.

    เต ภิกฺขูติ ตตฺร อุปวิฎฺฐา ธมฺมปฺปฎิคฺคาหกา ภิกฺขูฯ อตฺตทีปาติ อตฺตานํ ทีปํ ตาณํ เลณํ คติํ ปรายณํ ปติฎฺฐํ กตฺวา วิหรถาติ อโตฺถฯ อตฺตสรณาติ อิทํ ตเสฺสว เววจนํฯ อนญฺญสรณาติ อิทํ อญฺญสรณปฎิเกฺขปวจนํฯ น หิ อโญฺญ อญฺญสฺส สรณํ โหติ, อญฺญสฺส วายาเมน อญฺญสฺส อสุชฺฌนโตฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ, โก หิ นาโถ ปโร สิยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๐)ฯ เตนาห ‘‘อนญฺญสรณา’’ติฯ โก ปเนตฺถ อตฺตา นาม, โลกิยโลกุตฺตโร ธโมฺมฯ เตนาห – ‘‘ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนญฺญสรณา’’ติฯ ‘‘กาเย กายานุปสฺสี’’ติอาทีนิ มหาสติปฎฺฐาเน วิตฺถาริตานิฯ

    Te bhikkhūti tatra upaviṭṭhā dhammappaṭiggāhakā bhikkhū. Attadīpāti attānaṃ dīpaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gatiṃ parāyaṇaṃ patiṭṭhaṃ katvā viharathāti attho. Attasaraṇāti idaṃ tasseva vevacanaṃ. Anaññasaraṇāti idaṃ aññasaraṇapaṭikkhepavacanaṃ. Na hi añño aññassa saraṇaṃ hoti, aññassa vāyāmena aññassa asujjhanato. Vuttampi cetaṃ ‘‘attā hi attano nātho, ko hi nātho paro siyā’’ti (dha. pa. 160). Tenāha ‘‘anaññasaraṇā’’ti. Ko panettha attā nāma, lokiyalokuttaro dhammo. Tenāha – ‘‘dhammadīpā dhammasaraṇā anaññasaraṇā’’ti. ‘‘Kāye kāyānupassī’’tiādīni mahāsatipaṭṭhāne vitthāritāni.

    โคจเรติ จริตุํ ยุตฺตฎฺฐาเนฯ สเกติ อตฺตโน สนฺตเกฯ เปตฺติเก วิสเยติ ปิติโต อาคตวิสเยฯ จรตนฺติ จรนฺตานํฯ ‘‘จรนฺต’’นฺติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ น ลจฺฉตีติ น ลภิสฺสติ น ปสฺสิสฺสติฯ มาโรติ เทวปุตฺตมาโรปิ, มจฺจุมาโรปิ, กิเลสมาโรปิฯ โอตารนฺติ รนฺธํ ฉิทฺทํ วิวรํฯ อยํ ปนโตฺถ เลฑฺฑุฎฺฐานโต นิกฺขมฺม โตรเณ นิสีทิตฺวา พาลาตปํ ตปนฺตํ ลาปํ สกุณํ คเหตฺวาฯ ปกฺขนฺทเสนสกุณวตฺถุนา ทีเปตโพฺพฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Gocareti carituṃ yuttaṭṭhāne. Saketi attano santake. Pettike visayeti pitito āgatavisaye. Caratanti carantānaṃ. ‘‘Caranta’’ntipi pāṭho, ayamevattho. Na lacchatīti na labhissati na passissati. Māroti devaputtamāropi, maccumāropi, kilesamāropi. Otāranti randhaṃ chiddaṃ vivaraṃ. Ayaṃ panattho leḍḍuṭṭhānato nikkhamma toraṇe nisīditvā bālātapaṃ tapantaṃ lāpaṃ sakuṇaṃ gahetvā. Pakkhandasenasakuṇavatthunā dīpetabbo. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สกุณคฺฆิ ลาปํ สกุณํ สหสา อชฺฌปฺปตฺตา อคฺคเหสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ลาโป สกุโณ สกุณคฺฆิยา หริยมาโน เอวํ ปริเทวสิ ‘มยเมวมฺห อลกฺขิกา, มยํ อปฺปปุญฺญา, เย มยํ อโคจเร จริมฺห ปรวิสเย, สเจชฺช มยํ โคจเร จเรยฺยาม สเก เปตฺติเก วิสเย, น มฺยายํ สกุณคฺฆิ อลํ อภวิสฺส ยทิทํ ยุทฺธายา’ติฯ โก ปน เต ลาป โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโยติ? ยทิทํ นงฺคลกฎฺฐกรณํ เลฑฺฑุฎฺฐานนฺติฯ อถ โข, ภิกฺขเว, สกุณคฺฆิ สเก พเล อปตฺถทฺธา สเก พเล อสํวทมานา ลาปํ สกุณํ ปมุญฺจิ คจฺฉ โข ตฺวํ ลาป, ตตฺรปิ คนฺตฺวา น โมกฺขสีติฯ

    ‘‘Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, sakuṇagghi lāpaṃ sakuṇaṃ sahasā ajjhappattā aggahesi. Atha kho, bhikkhave, lāpo sakuṇo sakuṇagghiyā hariyamāno evaṃ paridevasi ‘mayamevamha alakkhikā, mayaṃ appapuññā, ye mayaṃ agocare carimha paravisaye, sacejja mayaṃ gocare careyyāma sake pettike visaye, na myāyaṃ sakuṇagghi alaṃ abhavissa yadidaṃ yuddhāyā’ti. Ko pana te lāpa gocaro sako pettiko visayoti? Yadidaṃ naṅgalakaṭṭhakaraṇaṃ leḍḍuṭṭhānanti. Atha kho, bhikkhave, sakuṇagghi sake bale apatthaddhā sake bale asaṃvadamānā lāpaṃ sakuṇaṃ pamuñci gaccha kho tvaṃ lāpa, tatrapi gantvā na mokkhasīti.

    อถ โข , ภิกฺขเว, ลาโป สกุโณ นงฺคลกฎฺฐกรณํ เลฑฺฑุฎฺฐานํ คนฺตฺวา มหนฺตํ เลฑฺฑุํ อภิรุหิตฺวา สกุณคฺฆิํ วทมาโน อฎฺฐาสิ ‘‘เอหิ โข ทานิ เม สกุณคฺฆิ, เอหิ โข ทานิ เม สกุณคฺฆี’’ติฯ อถ โข สา, ภิกฺขเว, สกุณคฺฆิ สเก พเล อปตฺถทฺธา สเก พเล อสํวทมานา อุโภ ปเกฺข สนฺนยฺห ลาปํ สกุณํ สหสา อชฺฌปฺปตฺตาฯ ยทา โข, ภิกฺขเว, อญฺญาสิ ลาโป สกุโณ พหุอาคตา โข มฺยายํ สกุณคฺฆีติ, อถ โข ตเสฺสว เลฑฺฑุสฺส อนฺตรํ ปจฺจุปาทิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, สกุณคฺฆิ ตเตฺถว อุรํ ปจฺจตาเฬสิฯ เอวญฺหิ ตํ, ภิกฺขเว, โหติ โย อโคจเร จรติ ปรวิสเยฯ

    Atha kho , bhikkhave, lāpo sakuṇo naṅgalakaṭṭhakaraṇaṃ leḍḍuṭṭhānaṃ gantvā mahantaṃ leḍḍuṃ abhiruhitvā sakuṇagghiṃ vadamāno aṭṭhāsi ‘‘ehi kho dāni me sakuṇagghi, ehi kho dāni me sakuṇagghī’’ti. Atha kho sā, bhikkhave, sakuṇagghi sake bale apatthaddhā sake bale asaṃvadamānā ubho pakkhe sannayha lāpaṃ sakuṇaṃ sahasā ajjhappattā. Yadā kho, bhikkhave, aññāsi lāpo sakuṇo bahuāgatā kho myāyaṃ sakuṇagghīti, atha kho tasseva leḍḍussa antaraṃ paccupādi. Atha kho, bhikkhave, sakuṇagghi tattheva uraṃ paccatāḷesi. Evañhi taṃ, bhikkhave, hoti yo agocare carati paravisaye.

    ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, มา อโคจเร จริตฺถ ปรวิสเย, อโคจเร, ภิกฺขเว, จรตํ ปรวิสเย ลจฺฉติ มาโร โอตารํ, ลจฺฉติ มาโร อารมฺมณํฯ โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อโคจโร ปรวิสโย, ยทิทํ ปญฺจ กามคุณาฯ กตเม ปญฺจ? จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, ชิวฺหาวิเญฺญยฺยา รสา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียาฯ อยํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อโคจโร ปรวิสโยฯ

    Tasmātiha, bhikkhave, mā agocare carittha paravisaye, agocare, bhikkhave, carataṃ paravisaye lacchati māro otāraṃ, lacchati māro ārammaṇaṃ. Ko ca, bhikkhave, bhikkhuno agocaro paravisayo, yadidaṃ pañca kāmaguṇā. Katame pañca? Cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, sotaviññeyyā saddā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, ghānaviññeyyā gandhā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, jivhāviññeyyā rasā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā. Ayaṃ, bhikkhave, bhikkhuno agocaro paravisayo.

    โคจเร, ภิกฺขเว, จรถ…เป.… น ลจฺฉติ มาโร อารมฺมณํฯ โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย, ยทิทํ จตฺตาโร สติปฎฺฐานาฯ กตเม จตฺตาโร? อิธ ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ – อยํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโยติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๑)ฯ

    Gocare, bhikkhave, caratha…pe… na lacchati māro ārammaṇaṃ. Ko ca, bhikkhave, bhikkhuno gocaro sako pettiko visayo, yadidaṃ cattāro satipaṭṭhānā. Katame cattāro? Idha bhikkhave, bhikkhu kāye kāyānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ; vedanāsu vedanānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ; citte cittānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ; dhammesu dhammānupassī viharati ātāpī sampajāno satimā, vineyya loke abhijjhādomanassaṃ – ayaṃ, bhikkhave, bhikkhuno gocaro sako pettiko visayoti (saṃ. ni. 5.371).

    กุสลานนฺติ อนวชฺชลกฺขณานํฯ สมาทานเหตูติ สมาทาย วตฺตนเหตุฯ เอวมิทํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ เอวํ อิทํ โลกิยโลกุตฺตรํ ปุญฺญผลํ วฑฺฒติ, ปุญฺญผลนฺติ จ อุปรูปริ ปุญฺญมฺปิ ปุญฺญวิปาโกปิ เวทิตโพฺพฯ

    Kusalānanti anavajjalakkhaṇānaṃ. Samādānahetūti samādāya vattanahetu. Evamidaṃ puññaṃ pavaḍḍhatīti evaṃ idaṃ lokiyalokuttaraṃ puññaphalaṃ vaḍḍhati, puññaphalanti ca uparūpari puññampi puññavipākopi veditabbo.

    ทฬฺหเนมิจกฺกวตฺติราชกถาวณฺณนา

    Daḷhanemicakkavattirājakathāvaṇṇanā

    ๘๑. ตตฺถ ทุวิธํ กุสลํ วฎฺฎคามี จ วิวฎฺฎคามี จฯ ตตฺถ วฎฺฎคามิกุสลํ นาม มาตาปิตูนํ ปุตฺตธีตาสุ ปุตฺตธีตานญฺจ มาตาปิตูสุ สิเนหวเสน มุทุมทฺทวจิตฺตํฯ วิวฎฺฎคามิกุสลํ นาม ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติอาทิเภทา สตฺตติํส โพธิปกฺขิยธมฺมาฯ เตสุ วฎฺฎคามิปุญฺญสฺส ปริโยสานํ มนุสฺสโลเก จกฺกวตฺติสิรีวิภโวฯ วิวฎฺฎคามิกุสลสฺส มคฺคผลนิพฺพานสมฺปตฺติฯ ตตฺถ วิวฎฺฎคามิกุสลสฺส วิปากํ สุตฺตปริโยสาเน ทเสฺสสฺสติฯ

    81. Tattha duvidhaṃ kusalaṃ vaṭṭagāmī ca vivaṭṭagāmī ca. Tattha vaṭṭagāmikusalaṃ nāma mātāpitūnaṃ puttadhītāsu puttadhītānañca mātāpitūsu sinehavasena mudumaddavacittaṃ. Vivaṭṭagāmikusalaṃ nāma ‘‘cattāro satipaṭṭhānā’’tiādibhedā sattatiṃsa bodhipakkhiyadhammā. Tesu vaṭṭagāmipuññassa pariyosānaṃ manussaloke cakkavattisirīvibhavo. Vivaṭṭagāmikusalassa maggaphalanibbānasampatti. Tattha vivaṭṭagāmikusalassa vipākaṃ suttapariyosāne dassessati.

    อิธ ปน วฎฺฎคามิกุสลสฺส วิปากทสฺสนตฺถํ, ภิกฺขเว, ยทา ปุตฺตธีตโร มาตาปิตูนํ โอวาเท น อฎฺฐํสุ, ตทา อายุนาปิ วเณฺณนาปิ อิสฺสริเยนาปิ ปริหายิํสุฯ ยทา ปน อฎฺฐํสุ, ตทา วฑฺฒิํสูติ วตฺวา วฎฺฎคามิกุสลานุสนฺธิวเสน ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว’’ติ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ จกฺกวตฺตีติอาทีนิ มหาปทาเน (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๓) วิตฺถาริตาเนวฯ

    Idha pana vaṭṭagāmikusalassa vipākadassanatthaṃ, bhikkhave, yadā puttadhītaro mātāpitūnaṃ ovāde na aṭṭhaṃsu, tadā āyunāpi vaṇṇenāpi issariyenāpi parihāyiṃsu. Yadā pana aṭṭhaṃsu, tadā vaḍḍhiṃsūti vatvā vaṭṭagāmikusalānusandhivasena ‘‘bhūtapubbaṃ, bhikkhave’’ti desanaṃ ārabhi. Tattha cakkavattītiādīni mahāpadāne (dī. ni. aṭṭha. 2.33) vitthāritāneva.

    ๘๒. โอสกฺกิตนฺติ อีสกมฺปิ อวสกฺกิตํฯ ฐานา จุตนฺติ สพฺพโส ฐานา อปคตํฯ ตํ กิร จกฺกรตนํ อเนฺตปุรทฺวาเร อกฺขาหตํ วิย เวหาสํ อฎฺฐาสิฯ อถสฺส อุโภสุ ปเสฺสสุ เทฺว ขทิรตฺถเมฺภ นิขณิตฺวา จกฺกรตนมตฺถเก เนมิอภิมุขํ เอกํ สุตฺตกํ พนฺธิํสุฯ อโธภาเคปิ เนมิอภิมุขํ เอกํ พนฺธิํสุฯ เตสุ อุปริมสุตฺตโต อปฺปมตฺตกมฺปิ โอคตํ จกฺกรตนํ โอสกฺกิตํ นาม โหติ, เหฎฺฐา สุตฺตสฺส ฐานํ อุปริมโกฎิยา อติกฺกนฺตคตํ ฐานา จุตํ นาม โหติ, ตเทตํ อติพลวโทเส สติ เอวํ โหติฯ สุตฺตมตฺตมฺปิ เอกงฺคุลทฺวงฺคุลมตฺตํ วา ภฎฺฐํ ฐานา จุตเมว โหติฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘โอสกฺกิตํ ฐานา จุต’’นฺติฯ

    82.Osakkitanti īsakampi avasakkitaṃ. Ṭhānā cutanti sabbaso ṭhānā apagataṃ. Taṃ kira cakkaratanaṃ antepuradvāre akkhāhataṃ viya vehāsaṃ aṭṭhāsi. Athassa ubhosu passesu dve khadiratthambhe nikhaṇitvā cakkaratanamatthake nemiabhimukhaṃ ekaṃ suttakaṃ bandhiṃsu. Adhobhāgepi nemiabhimukhaṃ ekaṃ bandhiṃsu. Tesu uparimasuttato appamattakampi ogataṃ cakkaratanaṃ osakkitaṃ nāma hoti, heṭṭhā suttassa ṭhānaṃ uparimakoṭiyā atikkantagataṃ ṭhānā cutaṃ nāma hoti, tadetaṃ atibalavadose sati evaṃ hoti. Suttamattampi ekaṅguladvaṅgulamattaṃ vā bhaṭṭhaṃ ṭhānā cutameva hoti. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ ‘‘osakkitaṃ ṭhānā cuta’’nti.

    อถ เม อาโรเจยฺยาสีติ ตาต, ตฺวํ อชฺช อาทิํ กตฺวา ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ จกฺกรตนสฺส อุปฎฺฐานํ คจฺฉ, เอวํ คจฺฉโนฺต ยทา จกฺกรตนํ อีสกมฺปิ โอสกฺกิตํ ฐานา จุตํ ปสฺสสิ, อถ มยฺหํ อาจิเกฺขยฺยาสิฯ ชีวิตญฺหิ เม ตว หเตฺถ นิกฺขิตฺตนฺติฯ อทฺทสาติ อปฺปมโตฺต ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ คนฺตฺวา โอโลเกโนฺต เอกทิวสํ อทฺทสฯ

    Atha me āroceyyāsīti tāta, tvaṃ ajja ādiṃ katvā divasassa tikkhattuṃ cakkaratanassa upaṭṭhānaṃ gaccha, evaṃ gacchanto yadā cakkaratanaṃ īsakampi osakkitaṃ ṭhānā cutaṃ passasi, atha mayhaṃ ācikkheyyāsi. Jīvitañhi me tava hatthe nikkhittanti. Addasāti appamatto divasassa tikkhattuṃ gantvā olokento ekadivasaṃ addasa.

    ๘๓. อถ โข, ภิกฺขเวติ ภิกฺขเว, อถ ราชา ทฬฺหเนมิ ‘‘จกฺกรตนํ โอสกฺกิต’’นฺติ สุตฺวา อุปฺปนฺนพลวโทมนโสฺส ‘‘น ทานิ มยา จิรํ ชีวิตพฺพํ ภวิสฺสติ, อปฺปาวเสสํ เม อายุ, น เม ทานิ กาเม ปริภุญฺชนกาโล, ปพฺพชฺชากาโล เม อิทานี’’ติ โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา เชฎฺฐปุตฺตํ กุมารํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจฯ สมุทฺทปริยนฺตนฺติ ปริกฺขิตฺตเอกสมุทฺทปริยนฺตเมวฯ อิทํ หิสฺส กุลสนฺตกํฯ จกฺกวาฬปริยนฺตํ ปน ปุญฺญิทฺธิวเสน นิพฺพตฺตํ, น ตํ สกฺกา ทาตุํฯ กุลสนฺตกํ ปน นิยฺยาเตโนฺต ‘‘สมุทฺทปริยนฺต’’นฺติ อาหฯ เกสมสฺสุนฺติ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชนฺตาปิ หิ ปฐมํ เกสมสฺสุํ โอหาเรนฺติฯ ตโต ปฎฺฐาย ปรูฬฺหเกเส พนฺธิตฺวา วิจรนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา’’ติฯ

    83.Athakho, bhikkhaveti bhikkhave, atha rājā daḷhanemi ‘‘cakkaratanaṃ osakkita’’nti sutvā uppannabalavadomanasso ‘‘na dāni mayā ciraṃ jīvitabbaṃ bhavissati, appāvasesaṃ me āyu, na me dāni kāme paribhuñjanakālo, pabbajjākālo me idānī’’ti roditvā paridevitvā jeṭṭhaputtaṃ kumāraṃ āmantāpetvā etadavoca. Samuddapariyantanti parikkhittaekasamuddapariyantameva. Idaṃ hissa kulasantakaṃ. Cakkavāḷapariyantaṃ pana puññiddhivasena nibbattaṃ, na taṃ sakkā dātuṃ. Kulasantakaṃ pana niyyātento ‘‘samuddapariyanta’’nti āha. Kesamassunti tāpasapabbajjaṃ pabbajantāpi hi paṭhamaṃ kesamassuṃ ohārenti. Tato paṭṭhāya parūḷhakese bandhitvā vicaranti. Tena vuttaṃ – ‘‘kesamassuṃ ohāretvā’’ti.

    กาสายานีติ กสายรสปีตานิฯ อาทิโต เอวํ กตฺวา ปจฺฉา วกฺกลานิปิ ธาเรนฺติฯ ปพฺพชีติ ปพฺพชิโตฯ ปพฺพชิตฺวา จ อตฺตโน มงฺคลวนุยฺยาเนเยว วสิฯ ราชิสิมฺหีติ ราชอีสิมฺหิฯ พฺราหฺมณปพฺพชิตา หิ ‘‘พฺราหฺมณิสโย’’ติ วุจฺจนฺติฯ เสตจฺฉตฺตํ ปน ปหาย ราชปพฺพชิตา ราชิสโยติฯ อนฺตรธายีติ อนฺตรหิตํ นิพฺพุตทีปสิขา วิย อภาวํ อุปคตํฯ ปฎิสํเวเทสีติ กนฺทโนฺต ปริเทวโนฺต ชานาเปสิฯ เปตฺติกนฺติ ปิติโต อาคตํ ทายชฺชํ น โหติ, น สกฺกา กุสีเตน หีนวีริเยน ทส อกุสลกมฺมปเถ สมาทาย วตฺตเนฺตน ปาปุณิตุํฯ อตฺตโน ปน สุกตํ กมฺมํ นิสฺสาย ทสวิธํ ทฺวาทสวิธํ วา จกฺกวตฺติวตฺตํ ปูเรเนฺตเนเวตํ ปตฺตพฺพนฺติ ทีเปติฯ อถ นํ วตฺตปฎิปตฺติยํ โจเทโนฺต ‘‘อิงฺฆ ตฺว’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อริเยติ นิโทฺทเสฯ จกฺกวตฺติวเตฺตติ จกฺกวตฺตีนํ วเตฺตฯ

    Kāsāyānīti kasāyarasapītāni. Ādito evaṃ katvā pacchā vakkalānipi dhārenti. Pabbajīti pabbajito. Pabbajitvā ca attano maṅgalavanuyyāneyeva vasi. Rājisimhīti rājaīsimhi. Brāhmaṇapabbajitā hi ‘‘brāhmaṇisayo’’ti vuccanti. Setacchattaṃ pana pahāya rājapabbajitā rājisayoti. Antaradhāyīti antarahitaṃ nibbutadīpasikhā viya abhāvaṃ upagataṃ. Paṭisaṃvedesīti kandanto paridevanto jānāpesi. Pettikanti pitito āgataṃ dāyajjaṃ na hoti, na sakkā kusītena hīnavīriyena dasa akusalakammapathe samādāya vattantena pāpuṇituṃ. Attano pana sukataṃ kammaṃ nissāya dasavidhaṃ dvādasavidhaṃ vā cakkavattivattaṃ pūrentenevetaṃ pattabbanti dīpeti. Atha naṃ vattapaṭipattiyaṃ codento ‘‘iṅgha tva’’ntiādimāha. Tattha ariyeti niddose. Cakkavattivatteti cakkavattīnaṃ vatte.

    จกฺกวตฺติอริยวตฺตวณฺณนา

    Cakkavattiariyavattavaṇṇanā

    ๘๔. ธมฺมนฺติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมํฯ นิสฺสายาติ ตทธิฎฺฐาเนน เจตสา ตเมว นิสฺสยํ กตฺวาฯ ธมฺมํ สกฺกโรโนฺตติ ยถา กโต โส ธโมฺม สุฎฺฐุ กโต โหติ, เอวเมตํ กโรโนฺตฯ ธมฺมํ ครุํ กโรโนฺตติ ตสฺมิํ คารวุปฺปตฺติยา ตํ ครุํ กโรโนฺตฯ ธมฺมํ มาเนโนฺตติ ตเมว ธมฺมํ ปิยญฺจ ภาวนียญฺจ กตฺวา วิหรโนฺตฯ ธมฺมํ ปูเชโนฺตติ ตํ อปทิสิตฺวา คนฺธมาลาทิปูชเนนสฺส ปูชํ กโรโนฺตฯ ธมฺมํ อปจยมาโนติ ตเสฺสว ธมฺมสฺส อญฺชลิกรณาทีหิ นีจวุตฺติตํ กโรโนฺตฯ ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตูติ ตํ ธมฺมํ ธชมิว ปุรกฺขตฺวา เกตุมิว จ อุกฺขิปิตฺวา ปวตฺติยา ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ จ หุตฺวาติ อโตฺถฯ ธมฺมาธิปเตโยฺยติ ธมฺมาธิปติภูโต อาคตภาเวน ธมฺมวเสเนว สพฺพกิริยานํ กรเณน ธมฺมาธิปเตโยฺย หุตฺวาฯ ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหสฺสูติ ธโมฺม อสฺสา อตฺถีติ ธมฺมิกา, รกฺขา จ อาวรณญฺจ คุตฺติ จ รกฺขาวรณคุตฺติ ฯ ตตฺถ ‘‘ปรํ รกฺขโนฺต อตฺตานํ รกฺขตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๘๕) วจนโต ขนฺติอาทโย รกฺขาฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ปรํ รกฺขโนฺต อตฺตานํ รกฺขติฯ ขนฺติยา อวิหิํสาย เมตฺตจิตฺตตา อนุทฺทยตา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๘๕)ฯ นิวาสนปารุปนเคหาทีนํ นิวารณา อาวรณํ, โจราทิอุปทฺทวนิวารณตฺถํ โคปายนา คุตฺติ, ตํ สพฺพมฺปิ สุฎฺฐุ สํวิทหสฺสุ ปวตฺตย ฐเปหีติ อโตฺถฯ อิทานิ ยตฺถ สา สํวิทหิตพฺพา, ตํ ทเสฺสโนฺต อโนฺตชนสฺมินฺติอาทิมาหฯ

    84.Dhammanti dasakusalakammapathadhammaṃ. Nissāyāti tadadhiṭṭhānena cetasā tameva nissayaṃ katvā. Dhammaṃ sakkarontoti yathā kato so dhammo suṭṭhu kato hoti, evametaṃ karonto. Dhammaṃ garuṃ karontoti tasmiṃ gāravuppattiyā taṃ garuṃ karonto. Dhammaṃ mānentoti tameva dhammaṃ piyañca bhāvanīyañca katvā viharanto. Dhammaṃ pūjentoti taṃ apadisitvā gandhamālādipūjanenassa pūjaṃ karonto. Dhammaṃapacayamānoti tasseva dhammassa añjalikaraṇādīhi nīcavuttitaṃ karonto. Dhammaddhajodhammaketūti taṃ dhammaṃ dhajamiva purakkhatvā ketumiva ca ukkhipitvā pavattiyā dhammaddhajo dhammaketu ca hutvāti attho. Dhammādhipateyyoti dhammādhipatibhūto āgatabhāvena dhammavaseneva sabbakiriyānaṃ karaṇena dhammādhipateyyo hutvā. Dhammikaṃ rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidahassūti dhammo assā atthīti dhammikā, rakkhā ca āvaraṇañca gutti ca rakkhāvaraṇagutti . Tattha ‘‘paraṃ rakkhanto attānaṃ rakkhatī’’ti (saṃ. ni. 5.385) vacanato khantiādayo rakkhā. Vuttañhetaṃ ‘‘kathañca, bhikkhave, paraṃ rakkhanto attānaṃ rakkhati. Khantiyā avihiṃsāya mettacittatā anuddayatā’’ti (saṃ. ni. 5.385). Nivāsanapārupanagehādīnaṃ nivāraṇā āvaraṇaṃ, corādiupaddavanivāraṇatthaṃ gopāyanā gutti, taṃ sabbampi suṭṭhu saṃvidahassu pavattaya ṭhapehīti attho. Idāni yattha sā saṃvidahitabbā, taṃ dassento antojanasmintiādimāha.

    ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – อโนฺตชนสงฺขาตํ ตว ปุตฺตทารํ สีลสํวเร ปติฎฺฐเปหิ, วตฺถคนฺธมาลาทีนิ จสฺส เทหิ, สโพฺพปทฺทเว จสฺส นิวาเรหิฯ พลกายาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปน วิเสโส – พลกาโย กาลํ อนติกฺกมิตฺวา ภตฺตเวตนสมฺปทาเนนปิ อนุคฺคเหตโพฺพฯ อภิสิตฺตขตฺติยา ภทฺรสฺสาชาเนยฺยาทิรตนสมฺปทาเนนปิ อุปสงฺคณฺหิตพฺพาฯ อนุยนฺตขตฺติยา เตสํ อนุรูปยานวาหนสมฺปทาเนนปิ ปริโตเสตพฺพาฯ พฺราหฺมณา อนฺนปานวตฺถาทินา เทยฺยธเมฺมนฯ คหปติกา ภตฺตพีชนงฺคลผาลพลิพทฺทาทิสมฺปทาเนนฯ ตถา นิคมวาสิโน เนคมา, ชนปทวาสิโน จ ชานปทาฯ สมิตปาปพาหิตปาปา สมณพฺราหฺมณา สมณปริกฺขารสมฺปทาเนน สกฺกาตพฺพาฯ มิคปกฺขิโน อภยทาเนน สมสฺสาเสตพฺพาฯ

    Tatrāyaṃ saṅkhepattho – antojanasaṅkhātaṃ tava puttadāraṃ sīlasaṃvare patiṭṭhapehi, vatthagandhamālādīni cassa dehi, sabbopaddave cassa nivārehi. Balakāyādīsupi eseva nayo. Ayaṃ pana viseso – balakāyo kālaṃ anatikkamitvā bhattavetanasampadānenapi anuggahetabbo. Abhisittakhattiyā bhadrassājāneyyādiratanasampadānenapi upasaṅgaṇhitabbā. Anuyantakhattiyā tesaṃ anurūpayānavāhanasampadānenapi paritosetabbā. Brāhmaṇā annapānavatthādinā deyyadhammena. Gahapatikā bhattabījanaṅgalaphālabalibaddādisampadānena. Tathā nigamavāsino negamā, janapadavāsino ca jānapadā. Samitapāpabāhitapāpā samaṇabrāhmaṇā samaṇaparikkhārasampadānena sakkātabbā. Migapakkhino abhayadānena samassāsetabbā.

    วิชิเตติ อตฺตโน อาณาปวตฺติฎฺฐาเนฯ อธมฺมกาโรติ อธมฺมกิริยาฯ มา ปวตฺติตฺถาติ ยถา นปฺปวตฺตติ, ตถา นํ ปฎิปาเทหีติ อโตฺถฯ สมณพฺราหฺมณาติ สมิตปาปพาหิตปาปาฯ มทปฺปมาทา ปฎิวิรตาติ นววิธา มานมทา, ปญฺจสุ กามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสชฺชนสงฺขาตา ปมาทา จ ปฎิวิรตาฯ ขนฺติโสรเจฺจ นิวิฎฺฐาติ อธิวาสนขนฺติยญฺจ สุรตภาเว จ ปติฎฺฐิตาฯ เอกมตฺตานนฺติ อตฺตโน ราคาทีนํ ทมนาทีหิ เอกมตฺตานํ ทเมนฺติ สเมนฺติ ปรินิพฺพาเปนฺตีติ วุจฺจนฺติฯ กาเลน กาลนฺติ กาเล กาเล ฯ อภินิวเชฺชยฺยาสีติ คูถํ วิย วิสํ วิย อคฺคิํ วิย จ สุฎฺฐุ วเชฺชยฺยาสิฯ สมาทายาติ สุรภิกุสุมทามํ วิย อมตํ วิย จ สมฺมา อาทาย ปวเตฺตยฺยาสิฯ

    Vijiteti attano āṇāpavattiṭṭhāne. Adhammakāroti adhammakiriyā. Mā pavattitthāti yathā nappavattati, tathā naṃ paṭipādehīti attho. Samaṇabrāhmaṇāti samitapāpabāhitapāpā. Madappamādāpaṭiviratāti navavidhā mānamadā, pañcasu kāmaguṇesu cittavossajjanasaṅkhātā pamādā ca paṭiviratā. Khantisoracce niviṭṭhāti adhivāsanakhantiyañca suratabhāve ca patiṭṭhitā. Ekamattānanti attano rāgādīnaṃ damanādīhi ekamattānaṃ damenti samenti parinibbāpentīti vuccanti. Kālena kālanti kāle kāle . Abhinivajjeyyāsīti gūthaṃ viya visaṃ viya aggiṃ viya ca suṭṭhu vajjeyyāsi. Samādāyāti surabhikusumadāmaṃ viya amataṃ viya ca sammā ādāya pavatteyyāsi.

    อิธ ฐตฺวา วตฺตํ สมาเนตพฺพํฯ อโนฺตชนสฺมิํ พลกาเยปิ เอกํ, ขตฺติเยสุ เอกํ, อนุยเนฺตสุ เอกํ, พฺราหฺมณคหปติเกสุ เอกํ, เนคมชานปเทสุ เอกํ, สมณพฺราหฺมเณสุ เอกํ, มิคปกฺขีสุ เอกํ, อธมฺมการปฺปฎิเกฺขโป เอกํ, อธนานํ ธนานุปฺปทานํ เอกํ สมณพฺราหฺมเณ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหปุจฺฉนํ เอกนฺติ เอวเมตํ ทสวิธํ โหติฯ คหปติเก ปน ปกฺขิชาเต จ วิสุํ กตฺวา คเณนฺตสฺส ทฺวาทสวิธํ โหติฯ ปุเพฺพ อวุตฺตํ วา คเณเนฺตน อธมฺมราคสฺส จ วิสมโลภสฺส จ ปหานวเสน ทฺวาทสวิธํ เวทิตพฺพํฯ อิทํ โข ตาต ตนฺติ อิทํ ทสวิธํ ทฺวาทสวิธญฺจ อริยจกฺกวตฺติวตฺตํ นามฯ วตฺตมานสฺสาติ ปูเรตฺวา วตฺตมานสฺสฯ ตทหุโปสเถติอาทิ มหาสุทสฺสเน วุตฺตํฯ

    Idha ṭhatvā vattaṃ samānetabbaṃ. Antojanasmiṃ balakāyepi ekaṃ, khattiyesu ekaṃ, anuyantesu ekaṃ, brāhmaṇagahapatikesu ekaṃ, negamajānapadesu ekaṃ, samaṇabrāhmaṇesu ekaṃ, migapakkhīsu ekaṃ, adhammakārappaṭikkhepo ekaṃ, adhanānaṃ dhanānuppadānaṃ ekaṃ samaṇabrāhmaṇe upasaṅkamitvā pañhapucchanaṃ ekanti evametaṃ dasavidhaṃ hoti. Gahapatike pana pakkhijāte ca visuṃ katvā gaṇentassa dvādasavidhaṃ hoti. Pubbe avuttaṃ vā gaṇentena adhammarāgassa ca visamalobhassa ca pahānavasena dvādasavidhaṃ veditabbaṃ. Idaṃ kho tāta tanti idaṃ dasavidhaṃ dvādasavidhañca ariyacakkavattivattaṃ nāma. Vattamānassāti pūretvā vattamānassa. Tadahuposathetiādi mahāsudassane vuttaṃ.

    ๙๐. สมเตนาติ อตฺตโน มติยาฯ สุทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ ปสาสตีติ อนุสาสติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โปราณกํ ราชวํสํ ราชปเวณิํ ราชธมฺมํ ปหาย อตฺตโน มติมเตฺต ฐตฺวา ชนปทํ อนุสาสตีติฯ เอวมยํ มฆเทววํสสฺส กฬารชนโก วิย ทฬฺหเนมิวํสสฺส อุปเจฺฉทโก อนฺติมปุริโส หุตฺวา อุปฺปโนฺนฯ ปุเพฺพนาปรนฺติ ปุพฺพกาเลน สทิสา หุตฺวา อปรกาลํฯ ชนปทา น ปพฺพนฺตีติ น วฑฺฒนฺติฯ ยถา ตํ ปุพฺพกานนฺติ ยถา ปุพฺพกานํ ราชูนํ ปุเพฺพ จ ปจฺฉา จ สทิสาเยว หุตฺวา ปพฺพิํสุ, ตถา น ปพฺพนฺติฯ กตฺถจิ สุญฺญา โหนฺติ หตวิลุตฺตา, เตลมธุผาณิตาทีสุ เจว ยาคุภตฺตาทีสุ จ โอชาปิ ปริหายิตฺถาติ อโตฺถฯ

    90.Samatenāti attano matiyā. Sudanti nipātamattaṃ. Pasāsatīti anusāsati. Idaṃ vuttaṃ hoti – porāṇakaṃ rājavaṃsaṃ rājapaveṇiṃ rājadhammaṃ pahāya attano matimatte ṭhatvā janapadaṃ anusāsatīti. Evamayaṃ maghadevavaṃsassa kaḷārajanako viya daḷhanemivaṃsassa upacchedako antimapuriso hutvā uppanno. Pubbenāparanti pubbakālena sadisā hutvā aparakālaṃ. Janapadā na pabbantīti na vaḍḍhanti. Yathā taṃ pubbakānanti yathā pubbakānaṃ rājūnaṃ pubbe ca pacchā ca sadisāyeva hutvā pabbiṃsu, tathā na pabbanti. Katthaci suññā honti hataviluttā, telamadhuphāṇitādīsu ceva yāgubhattādīsu ca ojāpi parihāyitthāti attho.

    อมจฺจา ปาริสชฺชาติ อมจฺจา เจว ปริสาวจรา จฯ คณกมหามตฺตาติ อจฺฉิทฺทกาทิปาฐคณกา เจว มหาอมจฺจา จฯ อนีกฎฺฐาติ หตฺถิอาจริยาทโยฯ โทวาริกาติ ทฺวารรกฺขิโนฯ มนฺตสฺสาชีวิโนติ มนฺตา วุจฺจติ ปญฺญา, ตํ นิสฺสยํ กตฺวา เย ชีวนฺติ ปณฺฑิตา มหามตฺตา, เตสํ เอตํ นามํฯ

    Amaccā pārisajjāti amaccā ceva parisāvacarā ca. Gaṇakamahāmattāti acchiddakādipāṭhagaṇakā ceva mahāamaccā ca. Anīkaṭṭhāti hatthiācariyādayo. Dovārikāti dvārarakkhino. Mantassājīvinoti mantā vuccati paññā, taṃ nissayaṃ katvā ye jīvanti paṇḍitā mahāmattā, tesaṃ etaṃ nāmaṃ.

    อายุวณฺณาทิปริหานิกถาวณฺณนา

    Āyuvaṇṇādiparihānikathāvaṇṇanā

    ๙๑. โน จ โข อธนานนฺติ พลวโลภตฺตา ปน อธนานํ ทลิทฺทมนุสฺสานํ ธนํ นานุปฺปทาสิฯ นานุปฺปทิยมาเนติ อนนุปฺปทิยมาเน, อยเมว วา ปาโฐฯ ทาลิทฺทิยนฺติ ทลิทฺทภาโวฯ อตฺตนา จ ชีวาหีติ สยญฺจ ชีวํ ยาเปหีติ อโตฺถฯ อุทฺธคฺคิกนฺติอาทีสุ อุปรูปริภูมีสุ ผลทานวเสน อุทฺธมคฺคมสฺสาติ อุทฺธคฺคิกาฯ สคฺคสฺส หิตา ตตฺรุปปตฺติชนนโตติ โสวคฺคิกาฯ นิพฺพตฺตฎฺฐาเน สุโข วิปาโก อสฺสาติ สุขวิปากาฯ สุฎฺฐุ อคฺคานํ ทิพฺพวณฺณาทีนํ ทสนฺนํ วิเสสานํ นิพฺพตฺตนโต สคฺคสํวตฺตนิกาฯ เอวรูปํ ทกฺขิณํ ทานํ ปติฎฺฐเปตีติ อโตฺถฯ

    91.Noca kho adhanānanti balavalobhattā pana adhanānaṃ daliddamanussānaṃ dhanaṃ nānuppadāsi. Nānuppadiyamāneti ananuppadiyamāne, ayameva vā pāṭho. Dāliddiyanti daliddabhāvo. Attanā ca jīvāhīti sayañca jīvaṃ yāpehīti attho. Uddhaggikantiādīsu uparūparibhūmīsu phaladānavasena uddhamaggamassāti uddhaggikā. Saggassa hitā tatrupapattijananatoti sovaggikā. Nibbattaṭṭhāne sukho vipāko assāti sukhavipākā. Suṭṭhu aggānaṃ dibbavaṇṇādīnaṃ dasannaṃ visesānaṃ nibbattanato saggasaṃvattanikā. Evarūpaṃ dakkhiṇaṃ dānaṃ patiṭṭhapetīti attho.

    ๙๒. ปวฑฺฒิสฺสตีติ วฑฺฒิสฺสติ พหุํ ภวิสฺสติฯ สุนิเสธํ นิเสเธยฺยนฺติ สุฎฺฐุ นิสิทฺธํ นิเสเธยฺยํฯ มูลฆจฺจนฺติ มูลหตํฯ ขรสฺสเรนาติ ผรุสสเทฺทนฯ ปณเวนาติ วชฺฌเภริยาฯ

    92.Pavaḍḍhissatīti vaḍḍhissati bahuṃ bhavissati. Sunisedhaṃ nisedheyyanti suṭṭhu nisiddhaṃ nisedheyyaṃ. Mūlaghaccanti mūlahataṃ. Kharassarenāti pharusasaddena. Paṇavenāti vajjhabheriyā.

    ๙๓. สีสานิ เนสํ ฉินฺทิสฺสามาติ เยสํ อนฺตมโส มูลกมุฎฺฐิมฺปิ หริสฺสาม, เตสํ ตเถว สีสานิ ฉินฺทิสฺสาม, ยถา โกจิ หฎภาวมฺปิ น ชานิสฺสติ, อมฺหากํ ทานิ กิเมตฺถ ราชาปิ เอวํ อุฎฺฐาย ปรํ มาเรตีติ อยํ เนสํ อธิปฺปาโยฯ อุปกฺกมิํสูติ อารภิํสุฯ ปนฺถทุหนนฺติ ปนฺถฆาตํ, ปเนฺถ ฐตฺวา โจรกมฺมํฯ

    93.Sīsāninesaṃ chindissāmāti yesaṃ antamaso mūlakamuṭṭhimpi harissāma, tesaṃ tatheva sīsāni chindissāma, yathā koci haṭabhāvampi na jānissati, amhākaṃ dāni kimettha rājāpi evaṃ uṭṭhāya paraṃ māretīti ayaṃ nesaṃ adhippāyo. Upakkamiṃsūti ārabhiṃsu. Panthaduhananti panthaghātaṃ, panthe ṭhatvā corakammaṃ.

    ๙๔. น หิ, เทวาติ โส กิร จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ ราชา สจฺจํ เทวาติ มุขปฎิญฺญาย ทินฺนาย มาราเปติ, หนฺทาหํ มุสาวาทํ กโรมี’’ติ, มรณภยา ‘‘น หิ เทวา’’ติ อโวจฯ

    94.Na hi, devāti so kira cintesi – ‘‘ayaṃ rājā saccaṃ devāti mukhapaṭiññāya dinnāya mārāpeti, handāhaṃ musāvādaṃ karomī’’ti, maraṇabhayā ‘‘na hi devā’’ti avoca.

    ๙๖. เอกิทนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ, เอเก สตฺตาติ อโตฺถฯ จาริตฺตนฺติ มิจฺฉาจารํฯ อภิชฺฌาพฺยาปาทาติ อภิชฺฌา จ พฺยาปาโท จฯ มิจฺฉาทิฎฺฐีติ นตฺถิ ทินฺนนฺติอาทิกา อนฺตคฺคาหิกา ปจฺจนีกทิฎฺฐิฯ

    96.Ekidanti ettha idanti nipātamattaṃ, eke sattāti attho. Cārittanti micchācāraṃ. Abhijjhābyāpādāti abhijjhā ca byāpādo ca. Micchādiṭṭhīti natthi dinnantiādikā antaggāhikā paccanīkadiṭṭhi.

    ๑๐๑. อธมฺมราโคติ มาตา มาตุจฺฉา ปิตุจฺฉา มาตุลานีติอาทิเก อยุตฺตฎฺฐาเน ราโคฯ วิสมโลโภติ ปริโภคยุเตฺตสุปิ ฐาเนสุ อติพลวโลโภฯ มิจฺฉาธโมฺมติ ปุริสานํ ปุริเสสุ อิตฺถีนญฺจ อิตฺถีสุ ฉนฺทราโคฯ

    101.Adhammarāgoti mātā mātucchā pitucchā mātulānītiādike ayuttaṭṭhāne rāgo. Visamalobhoti paribhogayuttesupi ṭhānesu atibalavalobho. Micchādhammoti purisānaṃ purisesu itthīnañca itthīsu chandarāgo.

    อมเตฺตยฺยตาติอาทีสุ มาตุ หิโต มเตฺตโยฺย, ตสฺส ภาโว มเตฺตยฺยตา, มาตริ สมฺมา ปฎิปตฺติยา เอตํ นามํฯ ตสฺสา อภาโว เจว ตปฺปฎิปกฺขตา จ อมเตฺตยฺยตาฯ อเปเตฺตยฺยตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ น กุเล เชฎฺฐาปจายิตาติ กุเล เชฎฺฐานํ อปจิติยา นีจวุตฺติยา อกรณภาโวฯ

    Amatteyyatātiādīsu mātu hito matteyyo, tassa bhāvo matteyyatā, mātari sammā paṭipattiyā etaṃ nāmaṃ. Tassā abhāvo ceva tappaṭipakkhatā ca amatteyyatā. Apetteyyatādīsupi eseva nayo. Na kule jeṭṭhāpacāyitāti kule jeṭṭhānaṃ apacitiyā nīcavuttiyā akaraṇabhāvo.

    ทสวสฺสายุกสมยวณฺณนา

    Dasavassāyukasamayavaṇṇanā

    ๑๐๓. ยํ อิเมสนฺติ ยสฺมิํ สมเย อิเมสํฯ อลํปเตยฺยาติ ปติโน ทาตุํ ยุตฺตาฯ อิมานิ รสานีติ อิมานิ โลเก อคฺครสานิฯ อติพฺยาทิปฺปิสฺสนฺตีติ อติวิย ทิปฺปิสฺสนฺติ, อยเมว วา ปาโฐฯ กุสลนฺติปิ น ภวิสฺสตีติ กุสลนฺติ นามมฺปิ น ภวิสฺสติ, ปญฺญตฺติมตฺตมฺปิ น ปญฺญายิสฺสตีติ อโตฺถฯ ปุชฺชา จ ภวิสฺสนฺติ ปาสํสา จาติ ปูชารหา จ ภวิสฺสนฺติ ปสํสารหา จฯ ตทา กิร มนุสฺสา ‘‘อสุเกน นาม มาตา ปหตา, ปิตา ปหโต, สมณพฺราหฺมณา ชีวิตา โวโรปิตา, กุเล เชฎฺฐานํ อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาติ, อโห ปุริโส’’ติ ตเมว ปูเชสฺสนฺติ เจว ปสํสิสฺสนฺติ จฯ

    103.Yaṃ imesanti yasmiṃ samaye imesaṃ. Alaṃpateyyāti patino dātuṃ yuttā. Imāni rasānīti imāni loke aggarasāni. Atibyādippissantīti ativiya dippissanti, ayameva vā pāṭho. Kusalantipi na bhavissatīti kusalanti nāmampi na bhavissati, paññattimattampi na paññāyissatīti attho. Pujjā ca bhavissanti pāsaṃsā cāti pūjārahā ca bhavissanti pasaṃsārahā ca. Tadā kira manussā ‘‘asukena nāma mātā pahatā, pitā pahato, samaṇabrāhmaṇā jīvitā voropitā, kule jeṭṭhānaṃ atthibhāvampi na jānāti, aho puriso’’ti tameva pūjessanti ceva pasaṃsissanti ca.

    ภวิสฺสติ มาตาติ วาติ อยํ มยฺหํ มาตาติ ครุจิตฺตํ น ภวิสฺสติฯ เคเห มาตุคามํ วิย นานาวิธํ อสพฺภิกถํ กถยมานา อคารวุปจาเรน อุปสงฺกมิสฺสนฺติฯ มาตุจฺฉาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ มาตุจฺฉาติ มาตุภคินีฯ มาตุลานีติ มาตุลภริยาฯ อาจริยภริยาติ สิปฺปายตนานิ สิกฺขาปกสฺส อาจริยสฺส ภริยาฯ ครูนํ ทาราติ จูฬปิตุมหาปิตุอาทีนํ ภริยาฯ สเมฺภทนฺติ มิสฺสีภาวํ, มริยาทเภทํ วาฯ

    Nabhavissati mātāti vāti ayaṃ mayhaṃ mātāti garucittaṃ na bhavissati. Gehe mātugāmaṃ viya nānāvidhaṃ asabbhikathaṃ kathayamānā agāravupacārena upasaṅkamissanti. Mātucchādīsupi eseva nayo. Ettha ca mātucchāti mātubhaginī. Mātulānīti mātulabhariyā. Ācariyabhariyāti sippāyatanāni sikkhāpakassa ācariyassa bhariyā. Garūnaṃ dārāti cūḷapitumahāpituādīnaṃ bhariyā. Sambhedanti missībhāvaṃ, mariyādabhedaṃ vā.

    ติโพฺพ อาฆาโต ปจฺจุปฎฺฐิโต ภวิสฺสตีติ พลวโกโป ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติวเสน ปจฺจุปฎฺฐิโต ภวิสฺสติฯ อปรานิ เทฺว เอตเสฺสว เววจนานิฯ โกโป หิ จิตฺตํ อาฆาเตตีติ อาฆาโตฯ อตฺตโน จ ปรสฺส จ หิตสุขํ พฺยาปาเทตีติ พฺยาปาโทฯ มโนปทูสนโต มโนปโทโสติ วุจฺจติฯ ติพฺพํ วธกจิตฺตนฺติ ปิยมานสฺสาปิ ปรํ มารณตฺถาย วธกจิตฺตํฯ ตสฺส วตฺถุํ ทเสฺสตุํ มาตุปิ ปุตฺตมฺหีติอาทิ วุตฺตํฯ มาควิกสฺสาติ มิคลุทฺทกสฺสฯ

    Tibbo āghāto paccupaṭṭhito bhavissatīti balavakopo punappunaṃ uppattivasena paccupaṭṭhito bhavissati. Aparāni dve etasseva vevacanāni. Kopo hi cittaṃ āghātetīti āghāto. Attano ca parassa ca hitasukhaṃ byāpādetīti byāpādo. Manopadūsanato manopadosoti vuccati. Tibbaṃ vadhakacittanti piyamānassāpi paraṃ māraṇatthāya vadhakacittaṃ. Tassa vatthuṃ dassetuṃ mātupi puttamhītiādi vuttaṃ. Māgavikassāti migaluddakassa.

    ๑๐๔. สตฺถนฺตรกโปฺปติ สเตฺถน อนฺตรกโปฺปฯ สํวฎฺฎกปฺปํ อปฺปตฺวา อนฺตราว โลกวินาโสฯ อนฺตรกโปฺป จ นาเมส ทุพฺภิกฺขนฺตรกโปฺป โรคนฺตรกโปฺป สตฺถนฺตรกโปฺปติ ติวิโธฯ ตตฺถ โลภุสฺสทาย ปชาย ทุพฺภิกฺขนฺตรกโปฺป โหติฯ โมหุสฺสทาย โรคนฺตรกโปฺปฯ โทสุสฺสทาย สตฺถนฺตรกโปฺปฯ ตตฺถ ทุพฺภิกฺขนฺตรกเปฺปน นฎฺฐา เยภุเยฺยน เปตฺติวิสเย อุปปชฺชนฺติฯ กสฺมา? อาหารนิกนฺติยา พลวตฺตาฯ โรคนฺตรกเปฺปน นฎฺฐา เยภุเยฺยน สเคฺค นิพฺพตฺตนฺติ กสฺมา? เตสญฺหิ ‘‘อโห วตเญฺญสํ สตฺตานํ เอวรูโป โรโค น ภเวยฺยา’’ติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติฯ สตฺถนฺตรกเปฺปน นฎฺฐา เยภุเยฺยน นิรเย อุปปชฺชนฺติฯ กสฺมา? อญฺญมญฺญํ พลวาฆาตตายฯ

    104.Satthantarakappoti satthena antarakappo. Saṃvaṭṭakappaṃ appatvā antarāva lokavināso. Antarakappo ca nāmesa dubbhikkhantarakappo rogantarakappo satthantarakappoti tividho. Tattha lobhussadāya pajāya dubbhikkhantarakappo hoti. Mohussadāya rogantarakappo. Dosussadāya satthantarakappo. Tattha dubbhikkhantarakappena naṭṭhā yebhuyyena pettivisaye upapajjanti. Kasmā? Āhāranikantiyā balavattā. Rogantarakappena naṭṭhā yebhuyyena sagge nibbattanti kasmā? Tesañhi ‘‘aho vataññesaṃ sattānaṃ evarūpo rogo na bhaveyyā’’ti mettacittaṃ uppajjatīti. Satthantarakappena naṭṭhā yebhuyyena niraye upapajjanti. Kasmā? Aññamaññaṃ balavāghātatāya.

    มิคสญฺญนฺติ ‘‘อยํ มิโค, อยํ มิโค’’ติ สญฺญํฯ ติณฺหานิ สตฺถานิ หเตฺถสุ ปาตุภวิสฺสนฺตีติ เตสํ กิร หเตฺถน ผุฎฺฐมตฺตํ ยํกิญฺจิ อนฺตมโส ติณปณฺณํ อุปาทาย อาวุธเมว ภวิสฺสติฯ มา จ มยํ กญฺจีติ มยํ กญฺจิ เอกปุริสมฺปิ ชีวิตา มา โวโรปยิมฺหฯ มา จ อเมฺห โกจีติ อเมฺหปิ โกจิ เอกปุริโส ชีวิตา มา โวโรปยิตฺถฯ ยํนูน มยนฺติ อยํ โลกวินาโส ปจฺจุปฎฺฐิโต, น สกฺกา ทฺวีหิ เอกฎฺฐาเน ฐิเตหิ ชีวิตํ ลทฺธุนฺติ มญฺญมานา เอวํ จินฺตยิํสุฯ วนคหนนฺติ วนสงฺขาเตหิ ติณคุมฺพลตาทีหิ คหนํ ทุปฺปเวสฎฺฐานํฯ รุกฺขคหนนฺติ รุเกฺขหิ คหนํ ทุปฺปเวสฎฺฐานํฯ นทีวิทุคฺคนฺติ นทีนํ อนฺตรทีปาทีสุ ทุคฺคมนฎฺฐานํฯ ปพฺพตวิสมนฺติ ปพฺพเตหิ วิสมํ, ปพฺพเตสุปิ วา วิสมฎฺฐานํฯ สภาคายิสฺสนฺตีติ ยถา อหํ ชีวามิ ทิฎฺฐา โภ สตฺตา, ตฺวมฺปิ ตถา ชีวสีติ เอวํ สโมฺมทนกถาย อตฺตนา สภาเค กริสฺสนฺติฯ

    Migasaññanti ‘‘ayaṃ migo, ayaṃ migo’’ti saññaṃ. Tiṇhāni satthāni hatthesu pātubhavissantīti tesaṃ kira hatthena phuṭṭhamattaṃ yaṃkiñci antamaso tiṇapaṇṇaṃ upādāya āvudhameva bhavissati. Mā ca mayaṃ kañcīti mayaṃ kañci ekapurisampi jīvitā mā voropayimha. Mā ca amhe kocīti amhepi koci ekapuriso jīvitā mā voropayittha. Yaṃnūna mayanti ayaṃ lokavināso paccupaṭṭhito, na sakkā dvīhi ekaṭṭhāne ṭhitehi jīvitaṃ laddhunti maññamānā evaṃ cintayiṃsu. Vanagahananti vanasaṅkhātehi tiṇagumbalatādīhi gahanaṃ duppavesaṭṭhānaṃ. Rukkhagahananti rukkhehi gahanaṃ duppavesaṭṭhānaṃ. Nadīvidugganti nadīnaṃ antaradīpādīsu duggamanaṭṭhānaṃ. Pabbatavisamanti pabbatehi visamaṃ, pabbatesupi vā visamaṭṭhānaṃ. Sabhāgāyissantīti yathā ahaṃ jīvāmi diṭṭhā bho sattā, tvampi tathā jīvasīti evaṃ sammodanakathāya attanā sabhāge karissanti.

    อายุวณฺณาทิวฑฺฒนกถาวณฺณนา

    Āyuvaṇṇādivaḍḍhanakathāvaṇṇanā

    ๑๐๕. อายตนฺติ มหนฺตํฯ ปาณาติปาตา วิรเมยฺยามาติ ปาณาติปาตโต โอสเกฺกยฺยามฯ ปาณาติปาตํ วิรเมยฺยามาติปิ สชฺฌายนฺติ, ตตฺถ ปาณาติปาตํ ปชเหยฺยามาติ อโตฺถฯ วีสติวสฺสายุกาติ มาตาปิตโร ปาณาติปาตา ปฎิวิรตา, ปุตฺตา กสฺมา วีสติวสฺสายุกา อเหสุนฺติ เขตฺตวิสุทฺธิยาฯ เตสญฺหิ มาตาปิตโร สีลวโนฺต ชาตาฯ อิติ สีลคเพฺภ วฑฺฒิตตฺตา อิมาย เขตฺตวิสุทฺธิยา ทีฆายุกา อเหสุํฯ เย ปเนตฺถ กาลํ กตฺวา ตเตฺถว นิพฺพตฺตา, เต อตฺตโนว สีลสมฺปตฺติยา ทีฆายุกา อเหสุํฯ

    105.Āyatanti mahantaṃ. Pāṇātipātā virameyyāmāti pāṇātipātato osakkeyyāma. Pāṇātipātaṃ virameyyāmātipi sajjhāyanti, tattha pāṇātipātaṃ pajaheyyāmāti attho. Vīsativassāyukāti mātāpitaro pāṇātipātā paṭiviratā, puttā kasmā vīsativassāyukā ahesunti khettavisuddhiyā. Tesañhi mātāpitaro sīlavanto jātā. Iti sīlagabbhe vaḍḍhitattā imāya khettavisuddhiyā dīghāyukā ahesuṃ. Ye panettha kālaṃ katvā tattheva nibbattā, te attanova sīlasampattiyā dīghāyukā ahesuṃ.

    อสฺสามาติ ภเวยฺยามฯ จตฺตารีสวสฺสายุกาติอาทโย โกฎฺฐาสา อทินฺนาทานาทีหิ ปฎิวิรตานํ วเสน เวทิตพฺพาฯ

    Assāmāti bhaveyyāma. Cattārīsavassāyukātiādayo koṭṭhāsā adinnādānādīhi paṭiviratānaṃ vasena veditabbā.

    สงฺขราชอุปฺปตฺติวณฺณนา

    Saṅkharājauppattivaṇṇanā

    ๑๐๖. อิจฺฉาติ มยฺหํ ภตฺตํ เทถาติ เอวํ อุปฺปชฺชนกตณฺหาฯ อนสนนฺติ น อสนํ อวิปฺผาริกภาโว กายาลสิยํ, ภตฺตํ ภุตฺตานํ ภตฺตสมฺมทปจฺจยา นิปชฺชิตุกามตาชนโก กายทุพฺพลภาโวติ อโตฺถฯ ชราติ ปากฎชราฯ กุกฺกุฎสมฺปาติกาติ เอกคามสฺส ฉทนปิฎฺฐโต อุปฺปติตฺวา อิตรคามสฺส ฉทนปิเฎฺฐ ปตนสงฺขาโต กุกฺกุฎสมฺปาโตฯ เอตาสุ อตฺถีติ กุกฺกุฎสมฺปาติกาฯ ‘‘กุกฺกุฎสมฺปาทิกา’’ติปิ ปาโฐ, คามนฺตรโต คามนฺตรํ กุกฺกุฎานํ ปทสา คมนสงฺขาโต กุกฺกุฎสมฺปาโท เอตาสุ อตฺถีติ อโตฺถฯ อุภยเมฺปตํ ฆนนิวาสตํเยว ทีเปติฯ อวีจิ มเญฺญ ผุโฎ ภวิสฺสตีติ อวีจิมหานิรโย วิย นิรนฺตรปูริโต ภวิสฺสติฯ

    106.Icchāti mayhaṃ bhattaṃ dethāti evaṃ uppajjanakataṇhā. Anasananti na asanaṃ avipphārikabhāvo kāyālasiyaṃ, bhattaṃ bhuttānaṃ bhattasammadapaccayā nipajjitukāmatājanako kāyadubbalabhāvoti attho. Jarāti pākaṭajarā. Kukkuṭasampātikāti ekagāmassa chadanapiṭṭhato uppatitvā itaragāmassa chadanapiṭṭhe patanasaṅkhāto kukkuṭasampāto. Etāsu atthīti kukkuṭasampātikā. ‘‘Kukkuṭasampādikā’’tipi pāṭho, gāmantarato gāmantaraṃ kukkuṭānaṃ padasā gamanasaṅkhāto kukkuṭasampādo etāsu atthīti attho. Ubhayampetaṃ ghananivāsataṃyeva dīpeti. Avīci maññe phuṭo bhavissatīti avīcimahānirayo viya nirantarapūrito bhavissati.

    ๑๐๗. ‘‘อสีติวสฺสสหสฺสายุเกสุ, ภิกฺขเว, มนุเสฺสสุ เมเตฺตโยฺย นาม ภควา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ น วฑฺฒมานกวเสน วุตฺตํฯ น หิ พุทฺธา วฑฺฒมาเน อายุมฺหิ นิพฺพตฺตนฺติ, หายมาเน ปน นิพฺพตฺตนฺติฯ ตสฺมา ยทา ตํ อายุ วฑฺฒิตฺวา อสเงฺขยฺยตํ ปตฺวา ปุน หายมานํ อสีติวสฺสสหสฺสกาเล ฐสฺสติ, ตทา อุปฺปชฺชิสฺสตีติ อโตฺถฯ ปริหริสฺสตีติ อิทํ ปน ปริวาเรตฺวา วิจรนฺตานํ วเสน วุตฺตํฯ ยูโปติ ปาสาโทฯ รญฺญา มหาปนาเทน การาปิโตติ รญฺญา เหตุภูเตน ตสฺสตฺถาย สเกฺกน เทวราเชน วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ เปเสตฺวา การาปิโตฯ ปุเพฺพ กิร เทฺว ปิตาปุตฺตา นฬการา ปเจฺจกพุทฺธสฺส นเฬหิ จ อุทุมฺพเรหิ จ ปณฺณสาลํ การาเปตฺวา ตํ ตตฺถ วาสาเปตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐหิํสุฯ เต กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตาฯ เตสุ ปิตา เทวโลเกเยว อฎฺฐาสิฯ ปุโตฺต เทวโลกา จวิตฺวา สุรุจิสฺส รโญฺญ เทวิยา สุเมธาย กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพโตฺตฯ มหาปนาโท นาม กุมาโร อโหสิฯ โส อปรภาเค ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา มหาปนาโท นาม ราชา ชาโตฯ อถสฺส ปุญฺญานุภาเวน สโกฺก เทวราชา วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ รโญฺญ ปาสาทํ กโรหีติ ปหิณิ โส ตสฺส ปาสาทํ นิมฺมินิ ปญฺจวีสติโยชนุเพฺพธํ สตฺตรตนมยํ สตภูมกํฯ ยํ สนฺธาย ชาตเก วุตฺตํ –

    107. ‘‘Asītivassasahassāyukesu, bhikkhave, manussesu metteyyo nāma bhagavā loke uppajjissatī’’ti na vaḍḍhamānakavasena vuttaṃ. Na hi buddhā vaḍḍhamāne āyumhi nibbattanti, hāyamāne pana nibbattanti. Tasmā yadā taṃ āyu vaḍḍhitvā asaṅkheyyataṃ patvā puna hāyamānaṃ asītivassasahassakāle ṭhassati, tadā uppajjissatīti attho. Pariharissatīti idaṃ pana parivāretvā vicarantānaṃ vasena vuttaṃ. Yūpoti pāsādo. Raññā mahāpanādena kārāpitoti raññā hetubhūtena tassatthāya sakkena devarājena vissakammadevaputtaṃ pesetvā kārāpito. Pubbe kira dve pitāputtā naḷakārā paccekabuddhassa naḷehi ca udumbarehi ca paṇṇasālaṃ kārāpetvā taṃ tattha vāsāpetvā catūhi paccayehi upaṭṭhahiṃsu. Te kālaṃ katvā devaloke nibbattā. Tesu pitā devalokeyeva aṭṭhāsi. Putto devalokā cavitvā surucissa rañño deviyā sumedhāya kucchismiṃ nibbatto. Mahāpanādo nāma kumāro ahosi. So aparabhāge chattaṃ ussāpetvā mahāpanādo nāma rājā jāto. Athassa puññānubhāvena sakko devarājā vissakammadevaputtaṃ rañño pāsādaṃ karohīti pahiṇi so tassa pāsādaṃ nimmini pañcavīsatiyojanubbedhaṃ sattaratanamayaṃ satabhūmakaṃ. Yaṃ sandhāya jātake vuttaṃ –

    ‘‘ปนาโท นาม โส ราชา, ยสฺส ยูโป สุวณฺณโย;

    ‘‘Panādo nāma so rājā, yassa yūpo suvaṇṇayo;

    ติริยํ โสฬสุเพฺพโธ, อุทฺธมาหุ สหสฺสธาฯ

    Tiriyaṃ soḷasubbedho, uddhamāhu sahassadhā.

    สหสฺสกโณฺฑ สตเคณฺฑุ, ธชาลุ หริตามโย;

    Sahassakaṇḍo satageṇḍu, dhajālu haritāmayo;

    อนจฺจุํ ตตฺถ คนฺธพฺพา, ฉ สหสฺสานิ สตฺตธาฯ

    Anaccuṃ tattha gandhabbā, cha sahassāni sattadhā.

    เอวเมตํ ตทา อาสิ, ยถา ภาสสิ ภทฺทชิ;

    Evametaṃ tadā āsi, yathā bhāsasi bhaddaji;

    สโกฺก อหํ ตทา อาสิํ, เวยฺยาวจฺจกโร ตวา’’ติฯ (ชา. ๕.๓.๔๒);

    Sakko ahaṃ tadā āsiṃ, veyyāvaccakaro tavā’’ti. (jā. 5.3.42);

    โส ราชา ตตฺถ ยาวตายุกํ วสิตฺวา กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติฯ ตสฺมิํ เทวโลเก นิพฺพเตฺต โส ปาสาโท มหาคงฺคาย อนุโสตํ ปติฯ ตสฺส ธุรโสปานสมฺมุขฎฺฐาเน ปยาคปติฎฺฐานํ นาม นครํ มาปิตํฯ ถุปิกาสมฺมุขฎฺฐาเน โกฎิคาโม นามฯ อปรภาเค อมฺหากํ ภควโต กาเล โส นฬการเทวปุโตฺต เทวโลกโต จวิตฺวา มนุสฺสปเถ ภทฺทชิเสฎฺฐิ นาม หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ โส นาวาย คงฺคาตรณทิวเส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ตํ ปาสาทํ ทเสฺสตีติ วตฺถุ วิตฺถาเรตพฺพํฯ กสฺมา ปเนส ปาสาโท น อนฺตรหิโตติ? อิตรสฺส อานุภาวาฯ เตน สทฺธิํ ปุญฺญํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตกุลปุโตฺต อนาคเต สโงฺข นาม ราชา ภวิสฺสติฯ ตสฺส ปริโภคตฺถาย โส ปาสาโท อุฎฺฐหิสฺสติ, ตสฺมา น อนฺตรหิโตติฯ

    So rājā tattha yāvatāyukaṃ vasitvā kālaṃ katvā devaloke nibbatti. Tasmiṃ devaloke nibbatte so pāsādo mahāgaṅgāya anusotaṃ pati. Tassa dhurasopānasammukhaṭṭhāne payāgapatiṭṭhānaṃ nāma nagaraṃ māpitaṃ. Thupikāsammukhaṭṭhāne koṭigāmo nāma. Aparabhāge amhākaṃ bhagavato kāle so naḷakāradevaputto devalokato cavitvā manussapathe bhaddajiseṭṭhi nāma hutvā satthu santike pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇi. So nāvāya gaṅgātaraṇadivase bhikkhusaṅghassa taṃ pāsādaṃ dassetīti vatthu vitthāretabbaṃ. Kasmā panesa pāsādo na antarahitoti? Itarassa ānubhāvā. Tena saddhiṃ puññaṃ katvā devaloke nibbattakulaputto anāgate saṅkho nāma rājā bhavissati. Tassa paribhogatthāya so pāsādo uṭṭhahissati, tasmā na antarahitoti.

    ๑๐๘. อุสฺสาเปตฺวาติ ตํ ปาสาทํ อุฎฺฐาเปตฺวาฯ อชฺฌาวสิตฺวาติ ตตฺถ วสิตฺวาฯ ตํ ทตฺวา วิสฺสชฺชิตฺวาติ ตํ ปาสาทํ ทานวเสน ทตฺวา นิรเปโกฺข ปริจฺจาควเสน จ วิสฺสชฺชิตฺวาฯ กสฺส จ เอวํ ทตฺวาติ? สมณาทีนํฯ เตนาห – ‘‘สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานํ ทานํ ทตฺวา’’ติฯ กถํ ปน โส เอกํ ปาสาทํ พหูนํ ทสฺสตีติ? เอวํ กิรสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชิสฺสติ ‘‘อยํ ปาสาโท วิปฺปกิริยตู’’ติฯ โส ขณฺฑขณฺฑโส วิปฺปกิริสฺสติฯ โส ตํ อลคฺคมาโนว หุตฺวา ‘‘โย ยตฺตกํ อิจฺฉติ, โส ตตฺตกํ คณฺหตู’’ติ ทานวเสน วิสฺสชฺชิสฺสติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ทานํ ทตฺวา เมเตฺตยฺยสฺส ภควโต…เป.… วิหริสฺสตี’’ติฯ เอตฺตเกน ภควา วฎฺฎคามิกุสลสฺส อนุสนฺธิํ ทเสฺสติฯ

    108.Ussāpetvāti taṃ pāsādaṃ uṭṭhāpetvā. Ajjhāvasitvāti tattha vasitvā. Taṃ datvā vissajjitvāti taṃ pāsādaṃ dānavasena datvā nirapekkho pariccāgavasena ca vissajjitvā. Kassa ca evaṃ datvāti? Samaṇādīnaṃ. Tenāha – ‘‘samaṇabrāhmaṇakapaṇaddhikavanibbakayācakānaṃ dānaṃ datvā’’ti. Kathaṃ pana so ekaṃ pāsādaṃ bahūnaṃ dassatīti? Evaṃ kirassa cittaṃ uppajjissati ‘‘ayaṃ pāsādo vippakiriyatū’’ti. So khaṇḍakhaṇḍaso vippakirissati. So taṃ alaggamānova hutvā ‘‘yo yattakaṃ icchati, so tattakaṃ gaṇhatū’’ti dānavasena vissajjissati. Tena vuttaṃ – ‘‘dānaṃ datvā metteyyassa bhagavato…pe… viharissatī’’ti. Ettakena bhagavā vaṭṭagāmikusalassa anusandhiṃ dasseti.

    ๑๐๙. อิทานิ วิวฎฺฎคามิกุสลสฺส อนุสนฺธิํ ทเสฺสโนฺต ปุน อตฺตทีปา, ภิกฺขเว, วิหรถาติอาทิมาหฯ

    109. Idāni vivaṭṭagāmikusalassa anusandhiṃ dassento puna attadīpā, bhikkhave, viharathātiādimāha.

    ภิกฺขุโน อายุวณฺณาทิวฑฺฒนกถาวณฺณนา

    Bhikkhuno āyuvaṇṇādivaḍḍhanakathāvaṇṇanā

    ๑๑๐. อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อายุสฺมินฺติ ภิกฺขเว ยํ โว อหํ อายุนาปิ วฑฺฒิสฺสถาติ อโวจํ, ตตฺถ อิทํ ภิกฺขุโน อายุสฺมิํ อิทํ อายุการณนฺติ อโตฺถฯ ตสฺมา ตุเมฺหหิ อายุนา วฑฺฒิตุกาเมหิ อิเม จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาเวตพฺพาติ ทเสฺสติฯ

    110.Idaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno āyusminti bhikkhave yaṃ vo ahaṃ āyunāpi vaḍḍhissathāti avocaṃ, tattha idaṃ bhikkhuno āyusmiṃ idaṃ āyukāraṇanti attho. Tasmā tumhehi āyunā vaḍḍhitukāmehi ime cattāro iddhipādā bhāvetabbāti dasseti.

    วณฺณสฺมินฺติ ยํ โว อหํ วเณฺณนปิ วฑฺฒิสฺสถาติ อโวจํ, อิทํ ตตฺถ วณฺณการณํฯ สีลวโต หิ อวิปฺปฎิสาราทีนํ วเสน สรีรวโณฺณปิ กิตฺติวเสน คุณวโณฺณปิ วฑฺฒติฯ ตสฺมา ตุเมฺหหิ วเณฺณน วฑฺฒิตุกาเมหิ สีลสมฺปเนฺนหิ ภวิตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ

    Vaṇṇasminti yaṃ vo ahaṃ vaṇṇenapi vaḍḍhissathāti avocaṃ, idaṃ tattha vaṇṇakāraṇaṃ. Sīlavato hi avippaṭisārādīnaṃ vasena sarīravaṇṇopi kittivasena guṇavaṇṇopi vaḍḍhati. Tasmā tumhehi vaṇṇena vaḍḍhitukāmehi sīlasampannehi bhavitabbanti dasseti.

    สุขสฺมินฺติ ยํ โว อหํ สุเขนปิ วฑฺฒิสฺสถาติ อโวจํ, อิทํ ตตฺถ วิเวกชํ ปีติสุขาทินานปฺปการกํ ฌานสุขํฯ ตสฺมา ตุเมฺหหิ สุเขน วฑฺฒิตุกาเมหิ อิมานิ จตฺตาริ ฌานานิ ภาเวตพฺพานิฯ

    Sukhasminti yaṃ vo ahaṃ sukhenapi vaḍḍhissathāti avocaṃ, idaṃ tattha vivekajaṃ pītisukhādinānappakārakaṃ jhānasukhaṃ. Tasmā tumhehi sukhena vaḍḍhitukāmehi imāni cattāri jhānāni bhāvetabbāni.

    โภคสฺมินฺติ ยํ โว อหํ โภเคนปิ วฑฺฒิสฺสถาติ อโวจํ, อยํ โส อปฺปมาณานํ สตฺตานํ อปฺปฎิกูลตาวโห สุขสยนาทิ เอกาทสานิสํโส สพฺพทิสาวิปฺผาริตพฺรหฺมวิหารโภโคฯ ตสฺมา ตุเมฺหหิ โภเคน วฑฺฒิตุกาเมหิ อิเม พฺรหฺมวิหารา ภาเวตพฺพาฯ

    Bhogasminti yaṃ vo ahaṃ bhogenapi vaḍḍhissathāti avocaṃ, ayaṃ so appamāṇānaṃ sattānaṃ appaṭikūlatāvaho sukhasayanādi ekādasānisaṃso sabbadisāvipphāritabrahmavihārabhogo. Tasmā tumhehi bhogena vaḍḍhitukāmehi ime brahmavihārā bhāvetabbā.

    พลสฺมินฺติ ยํ โว อหํ พเลนปิ วฑฺฒิสฺสถาติ อโวจํ, อิทํ อาสวกฺขยปริโยสาเน อุปฺปนฺนํ อรหตฺตผลสงฺขาตํ พลํฯ ตสฺมา ตุเมฺหหิ พเลน วฑฺฒิตุกาเมหิ อรหตฺตปฺปตฺติยา โยโค กรณีโยฯ

    Balasminti yaṃ vo ahaṃ balenapi vaḍḍhissathāti avocaṃ, idaṃ āsavakkhayapariyosāne uppannaṃ arahattaphalasaṅkhātaṃ balaṃ. Tasmā tumhehi balena vaḍḍhitukāmehi arahattappattiyā yogo karaṇīyo.

    ยถยิทํ, ภิกฺขเว, มารพลนฺติ ยถา อิทํ เทวปุตฺตมารมจฺจุมารกิเลสมารานํ พลํ ทุปฺปสหํ ทุรภิสมฺภวํ, เอวํ อญฺญํ โลเก เอกพลมฺปิ น สมนุปสฺสามิฯ ตมฺปิ พลํ อิทเมว อรหตฺตผลํ ปสหติ อภิภวติ อโชฺฌตฺถรติฯ ตสฺมา เอเตฺถว โยโค กรณีโยติ ทเสฺสติฯ

    Yathayidaṃ, bhikkhave, mārabalanti yathā idaṃ devaputtamāramaccumārakilesamārānaṃ balaṃ duppasahaṃ durabhisambhavaṃ, evaṃ aññaṃ loke ekabalampi na samanupassāmi. Tampi balaṃ idameva arahattaphalaṃ pasahati abhibhavati ajjhottharati. Tasmā ettheva yogo karaṇīyoti dasseti.

    เอวมิทํ ปุญฺญนฺติ เอวํ อิทํ โลกุตฺตรปุญฺญมฺปิ ยาว อาสวกฺขยา ปวฑฺฒตีติ วิวฎฺฎคามิกุสลานุสนฺธิํ นิฎฺฐเปโนฺต อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐเปสิฯ สุตฺตปริโยสาเน วีสติ ภิกฺขุสหสฺสานิ อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ อมตปานํ ปิวิํสูติฯ

    Evamidaṃ puññanti evaṃ idaṃ lokuttarapuññampi yāva āsavakkhayā pavaḍḍhatīti vivaṭṭagāmikusalānusandhiṃ niṭṭhapento arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhapesi. Suttapariyosāne vīsati bhikkhusahassāni arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Caturāsīti pāṇasahassāni amatapānaṃ piviṃsūti.

    สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย

    Sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya

    จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Cakkavattisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๓. จกฺกวตฺติสุตฺตํ • 3. Cakkavattisuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๓. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา • 3. Cakkavattisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact