Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๒. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา
2. Cakkavattisuttavaṇṇanā
๒๒๓. ทุติเย รโญฺญ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺสาติ เอตฺถ อตฺตโน สิริสมฺปตฺติยา ราชติ, จตูหิ วา สงฺคหวตฺถูหิ โลกํ รเญฺชตีติ ราชา, ตสฺส รโญฺญฯ ‘‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตน’’นฺติ ปุญฺญานุภาเวน อพฺภุคฺคตาย วาจาย โจเทโนฺต จกฺกํ วเตฺตตีติ จกฺกวตฺตี, ตสฺส จกฺกวตฺติสฺสฯ ปาตุภาวาติ ปาตุภาเวนฯ สตฺตนฺนนฺติ คณนปริเจฺฉโทฯ รตนานนฺติ ปริจฺฉินฺนอตฺถทสฺสนํฯ วจนโตฺถ ปเนตฺถ รติชนนเฎฺฐน รตนํฯ อปิจ –
223. Dutiye rañño, bhikkhave, cakkavattissāti ettha attano sirisampattiyā rājati, catūhi vā saṅgahavatthūhi lokaṃ rañjetīti rājā, tassa rañño. ‘‘Pavattatu bhavaṃ cakkaratana’’nti puññānubhāvena abbhuggatāya vācāya codento cakkaṃ vattetīti cakkavattī, tassa cakkavattissa. Pātubhāvāti pātubhāvena. Sattannanti gaṇanaparicchedo. Ratanānanti paricchinnaatthadassanaṃ. Vacanattho panettha ratijananaṭṭhena ratanaṃ. Apica –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆญฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
‘‘Cittīkataṃ mahagghañca, atulaṃ dullabhadassanaṃ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติฯ
Anomasattaparibhogaṃ, ratanaṃ tena vuccatī’’ti.
จกฺกรตนสฺส จ นิพฺพตฺตกาลโต ปฎฺฐาย อญฺญํ เทวฎฺฐานํ นาม น โหติ, สเพฺพว คนฺธปุปฺผาทีหิ ตเสฺสว ปูชญฺจ อภิวาทนาทีนิ จ กโรนฺตีติ จิตฺตีกตเฎฺฐน รตนํฯ จกฺกรตนสฺส จ ‘‘เอตฺตกํ นาม ธนํ อคฺฆตี’’ติ อโคฺฆ นตฺถิ, อิติ มหคฺฆเฎฺฐนาปิ รตนํฯ จกฺกรตนญฺจ อเญฺญหิ โลเก วิชฺชมานรตเนหิ อสทิสนฺติ อตุลเฎฺฐน รตนํฯ ยสฺมา ปน ยสฺมิํ กเปฺป พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ , ตสฺมิํเยว จกฺกวตฺติโน, พุทฺธา จ กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา ทุลฺลภทสฺสนเฎฺฐน รตนํฯ ตเทตํ ชาติรูปกุลอิสฺสริยาทีหิ อโนมสฺส อุฬารสตฺตเสฺสว อุปฺปชฺชติ, น อญฺญสฺสาติ อโนมสตฺตปริโภคเฎฺฐนาปิ รตนํฯ ยถา จ จกฺกรตนํ, เอวํ เสสานิปีติฯ เตน วุตฺตํ –
Cakkaratanassa ca nibbattakālato paṭṭhāya aññaṃ devaṭṭhānaṃ nāma na hoti, sabbeva gandhapupphādīhi tasseva pūjañca abhivādanādīni ca karontīti cittīkataṭṭhena ratanaṃ. Cakkaratanassa ca ‘‘ettakaṃ nāma dhanaṃ agghatī’’ti aggho natthi, iti mahagghaṭṭhenāpi ratanaṃ. Cakkaratanañca aññehi loke vijjamānaratanehi asadisanti atulaṭṭhena ratanaṃ. Yasmā pana yasmiṃ kappe buddhā uppajjanti , tasmiṃyeva cakkavattino, buddhā ca kadāci karahaci uppajjanti, tasmā dullabhadassanaṭṭhena ratanaṃ. Tadetaṃ jātirūpakulaissariyādīhi anomassa uḷārasattasseva uppajjati, na aññassāti anomasattaparibhogaṭṭhenāpi ratanaṃ. Yathā ca cakkaratanaṃ, evaṃ sesānipīti. Tena vuttaṃ –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆญฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
‘‘Cittīkataṃ mahagghañca, atulaṃ dullabhadassanaṃ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติฯ
Anomasattaparibhogaṃ, ratanaṃ tena vuccatī’’ti.
ปาตุภาโว โหตีติ นิพฺพตฺติ โหติฯ ตตฺรายํ โยชนา – จกฺกวตฺติสฺส ปาตุภาวา สตฺตนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโวติ อยุตฺตํฯ อุปฺปนฺนญฺหิ จกฺกํ วเตฺตตฺวา โส จกฺกวตฺตี นาม โหตีติ นายุตฺตํฯ กสฺมา? จกฺกวตฺตนนิยมาเปกฺขตายฯ โย หิ นิยเมน จกฺกํ วเตฺตสฺสติ, โส ปฎิสนฺธิโต ปภุติ ‘‘จกฺกวตฺติ ปาตุภูโต’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติฯ ลทฺธนามสฺส จ ปุริสสฺส มูลุปฺปตฺติวจนโตปิ ยุตฺตเมเวตํฯ โย หิ เอส จกฺกวตฺตีติ ลทฺธนาโม สตฺตวิเสโส, ตสฺส ปฎิสนฺธิสงฺขาโต ปาตุภาโวติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ ตสฺส หิ ปาตุภาวา รตนานิ ปาตุภวนฺติฯ ปาตุภูเตหิ ปน เตหิ สทฺธิํ ปริปเกฺก ปุญฺญสมฺภาเร โส สํยุชฺชติ, ตทา โลกสฺส เตสุ ปาตุภาวจิตฺตํ อุปฺปชฺชติฯ พหุลวจนโต จาปิ ยุตฺตเมเวตํฯ ยทา หิ โลกสฺส เตสุ ปาตุภาวสญฺญา อุปฺปชฺชติ, ตทา เอกเมว ปฐมํ, ปจฺฉา อิตรานิ ฉ ปาตุภวนฺตีติ พหุลวจนโต จาปิ เอตํ ยุตฺตํฯ ปาตุภาวสฺส จ อตฺถเภทโตปิ ยุตฺตเมเวตํฯ น เกวลญฺหิ ปาตุภูตเมว ปาตุภาโว, ปาตุภาวยตีติ ปาตุภาโวฯ อยํ ปาตุภาวสฺส อตฺถเภโทฯ ยสฺมา โย โส ปุญฺญสมฺภาโร ราชานํ จกฺกวตฺติํ ปฎิสนฺธิวเสน ปาตุภาวยติ, ตสฺมา รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ปาตุภาวาฯ น เกวลญฺหิ จกฺกวตฺติเยว, อิมานิ ปน สตฺต รตนานิปิ ปาตุภวนฺตีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ ยเถว หิ โส ปุญฺญสมฺภาโร รโญฺญ ชนกเหตุ, เอวํ รตนานมฺปิ ปริยาเยน อุปนิสฺสยเหตูติ ยุตฺตเมเวตํ ‘‘รโญฺญ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส ปาตุภาวา สตฺตนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว โหตี’’ติฯ
Pātubhāvo hotīti nibbatti hoti. Tatrāyaṃ yojanā – cakkavattissa pātubhāvā sattannaṃ ratanānaṃ pātubhāvoti ayuttaṃ. Uppannañhi cakkaṃ vattetvā so cakkavattī nāma hotīti nāyuttaṃ. Kasmā? Cakkavattananiyamāpekkhatāya. Yo hi niyamena cakkaṃ vattessati, so paṭisandhito pabhuti ‘‘cakkavatti pātubhūto’’ti vattabbataṃ āpajjati. Laddhanāmassa ca purisassa mūluppattivacanatopi yuttamevetaṃ. Yo hi esa cakkavattīti laddhanāmo sattaviseso, tassa paṭisandhisaṅkhāto pātubhāvoti ayamettha attho. Tassa hi pātubhāvā ratanāni pātubhavanti. Pātubhūtehi pana tehi saddhiṃ paripakke puññasambhāre so saṃyujjati, tadā lokassa tesu pātubhāvacittaṃ uppajjati. Bahulavacanato cāpi yuttamevetaṃ. Yadā hi lokassa tesu pātubhāvasaññā uppajjati, tadā ekameva paṭhamaṃ, pacchā itarāni cha pātubhavantīti bahulavacanato cāpi etaṃ yuttaṃ. Pātubhāvassa ca atthabhedatopi yuttamevetaṃ. Na kevalañhi pātubhūtameva pātubhāvo, pātubhāvayatīti pātubhāvo. Ayaṃ pātubhāvassa atthabhedo. Yasmā yo so puññasambhāro rājānaṃ cakkavattiṃ paṭisandhivasena pātubhāvayati, tasmā rañño cakkavattissa pātubhāvā. Na kevalañhi cakkavattiyeva, imāni pana satta ratanānipi pātubhavantīti ayamettha attho. Yatheva hi so puññasambhāro rañño janakahetu, evaṃ ratanānampi pariyāyena upanissayahetūti yuttamevetaṃ ‘‘rañño, bhikkhave, cakkavattissa pātubhāvā sattannaṃ ratanānaṃ pātubhāvo hotī’’ti.
อิทานิ เตสํ รตนานํ สรูปวเสน ทสฺสนตฺถํ กตเมสํ สตฺตนฺนํ จกฺกรตนสฺสาติอาทิมาหฯ ตตฺถ จกฺกรตนสฺสาติอาทีสุ อยํ สเงฺขปาธิปฺปาโย – ทฺวิสหสฺสทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ สิริวิภวํ คเหตฺวา ทาตุํ สมตฺถสฺส จกฺกรตนสฺส ปาตุภาโว โหติ, ตถา ปุเรภตฺตเมว สาครปริยนฺตํ ปถวิํ อนุปริยายนสมตฺถสฺส เวหาสงฺคมสฺส หตฺถิรตนสฺส, ตาทิสเสฺสว อสฺสรตนสฺส, จตุรงฺคสมนฺนาคเตปิ อนฺธกาเร โยชนปฺปมาณํ อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกทสฺสนสมตฺถสฺส มณิรตนสฺส, ฉพฺพิธํ โทสํ วิวเชฺชตฺวา มนาปจาริโน อิตฺถิรตนสฺส, โยชนปฺปมาเณ ปเทเส อโนฺตปถวิคตานํ นิธีนํ ทสฺสนสมตฺถสฺส คหปติรตนสฺส, อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา สกลรชฺชานุสาสนสมตฺถสฺส เชฎฺฐปุตฺตสงฺขาตสฺส ปริณายกรตนสฺส จ ปาตุภาโว โหตีติ ฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปน เตสํ จกฺกรตนาทีนํ ปาตุภาววิธานํ มหาสุทสฺสนาทีสุ สุเตฺตสุ อาคตเมวฯ อโตฺถปิสฺส เตสํ วณฺณนาย สํวณฺณิโตเยวฯ
Idāni tesaṃ ratanānaṃ sarūpavasena dassanatthaṃ katamesaṃ sattannaṃ cakkaratanassātiādimāha. Tattha cakkaratanassātiādīsu ayaṃ saṅkhepādhippāyo – dvisahassadīpaparivārānaṃ catunnaṃ mahādīpānaṃ sirivibhavaṃ gahetvā dātuṃ samatthassa cakkaratanassa pātubhāvo hoti, tathā purebhattameva sāgarapariyantaṃ pathaviṃ anupariyāyanasamatthassa vehāsaṅgamassa hatthiratanassa, tādisasseva assaratanassa, caturaṅgasamannāgatepi andhakāre yojanappamāṇaṃ andhakāraṃ vidhamitvā ālokadassanasamatthassa maṇiratanassa, chabbidhaṃ dosaṃ vivajjetvā manāpacārino itthiratanassa, yojanappamāṇe padese antopathavigatānaṃ nidhīnaṃ dassanasamatthassa gahapatiratanassa, aggamahesiyā kucchimhi nibbattitvā sakalarajjānusāsanasamatthassa jeṭṭhaputtasaṅkhātassa pariṇāyakaratanassa ca pātubhāvo hotīti . Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato pana tesaṃ cakkaratanādīnaṃ pātubhāvavidhānaṃ mahāsudassanādīsu suttesu āgatameva. Atthopissa tesaṃ vaṇṇanāya saṃvaṇṇitoyeva.
สติสโมฺพชฺฌงฺครตนสฺสาติอาทีสุ สริกฺขกตา เอวํ เวทิตพฺพา – ยเถว หิ จกฺกวตฺติโน จกฺกรตนํ สพฺพรตนานํ ปุเรจรํ, เอวํ สติสโมฺพชฺฌงฺครตนํ สเพฺพสํ จตุภูมกธมฺมานํ ปุเรจรนฺติ, ปุเรจรณเฎฺฐน จกฺกวตฺติรโญฺญ จกฺกรตนสทิสํ โหติฯ จกฺกวตฺติโน จ รตเนสุ มหากายูปปนฺนํ อจฺจุคฺคตํ วิปุลํ มหนฺตํ หตฺถิรตนํ, อิทมฺปิ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺครตนํ มหนฺตํ ธมฺมกายูปปนฺนํ อจฺจุคฺคตํ วิปุลํ มหนฺตนฺติ หตฺถิรตนสทิสํ โหติฯ จกฺกวตฺติโน อสฺสรตนํ สีฆํ ลหุ ชวํ, อิทมฺปิ วีริยสโมฺพชฺฌงฺครตนํ สีฆํ ลหุ ชวนฺติ อิมาย สีฆลหุชวตาย อสฺสรตนสทิสํ โหติฯ จกฺกวตฺติโน มณิรตนํ อนฺธการํ วิธมติ, อาโลกํ ทเสฺสติ, อิทมฺปิ ปีติสโมฺพชฺฌงฺครตนํ ตาย เอกนฺตกุสลตฺตา กิเลสนฺธการํ วิธมติ, สหชาตปจฺจยาทิวเสน ญาณาโลกํ ทเสฺสตีติ อิมินา อนฺธการวิธมนอาโลกทสฺสนภาเวน มณิรตนสทิสํ โหติฯ
Satisambojjhaṅgaratanassātiādīsu sarikkhakatā evaṃ veditabbā – yatheva hi cakkavattino cakkaratanaṃ sabbaratanānaṃ purecaraṃ, evaṃ satisambojjhaṅgaratanaṃ sabbesaṃ catubhūmakadhammānaṃ purecaranti, purecaraṇaṭṭhena cakkavattirañño cakkaratanasadisaṃ hoti. Cakkavattino ca ratanesu mahākāyūpapannaṃ accuggataṃ vipulaṃ mahantaṃ hatthiratanaṃ, idampi dhammavicayasambojjhaṅgaratanaṃ mahantaṃ dhammakāyūpapannaṃ accuggataṃ vipulaṃ mahantanti hatthiratanasadisaṃ hoti. Cakkavattino assaratanaṃ sīghaṃ lahu javaṃ, idampi vīriyasambojjhaṅgaratanaṃ sīghaṃ lahu javanti imāya sīghalahujavatāya assaratanasadisaṃ hoti. Cakkavattino maṇiratanaṃ andhakāraṃ vidhamati, ālokaṃ dasseti, idampi pītisambojjhaṅgaratanaṃ tāya ekantakusalattā kilesandhakāraṃ vidhamati, sahajātapaccayādivasena ñāṇālokaṃ dassetīti iminā andhakāravidhamanaālokadassanabhāvena maṇiratanasadisaṃ hoti.
จกฺกวตฺติโน อิตฺถิรตนํ กายจิตฺตทรถํ ปฎิปสฺสเมฺภติ, ปริฬาหํ วูปสเมติฯ อิทมฺปิ ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺครตนํ กายจิตฺตทรถํ ปฎิปสฺสเมฺภติ, ปริฬาหํ วูปสเมตีติ อิตฺถิรตนสทิสํ โหติฯ จกฺกวตฺติโน คหปติรตนํ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ธนทาเนน วิเกฺขปํ ปจฺฉินฺทิตฺวา จิตฺตํ เอกคฺคํ กโรติ, อิทมฺปิ สมาธิสโมฺพชฺฌงฺครตนํ ยถิจฺฉิตาทิวเสน อปฺปนํ สมฺปาเทติ, วิเกฺขปํ ปจฺฉินฺทิตฺวา จิตฺตํ เอกคฺคํ กโรตีติ คหปติรตนสทิสํ โหติฯ จกฺกวตฺติโน จ ปริณายกรตนํ สพฺพตฺถกิจฺจสมฺปาทเนน อโปฺปสฺสุกฺกตํ กโรติฯ อิทมฺปิ อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺครตนํ จิตฺตุปฺปาทํ ลีนุทฺธจฺจโต โมเจตฺวา ปโยคมชฺฌเตฺต ฐปยมานํ อโปฺปสฺสุกฺกตํ กโรตีติ ปริณายกรตนสทิสํ โหติฯ อิติ อิมสฺมิํ สุเตฺต จตุภูมโก สพฺพสงฺคาหิกธมฺมปริเจฺฉโท กถิโตติ เวทิตโพฺพฯ
Cakkavattino itthiratanaṃ kāyacittadarathaṃ paṭipassambheti, pariḷāhaṃ vūpasameti. Idampi passaddhisambojjhaṅgaratanaṃ kāyacittadarathaṃ paṭipassambheti, pariḷāhaṃ vūpasametīti itthiratanasadisaṃ hoti. Cakkavattino gahapatiratanaṃ icchiticchitakkhaṇe dhanadānena vikkhepaṃ pacchinditvā cittaṃ ekaggaṃ karoti, idampi samādhisambojjhaṅgaratanaṃ yathicchitādivasena appanaṃ sampādeti, vikkhepaṃ pacchinditvā cittaṃ ekaggaṃ karotīti gahapatiratanasadisaṃ hoti. Cakkavattino ca pariṇāyakaratanaṃ sabbatthakiccasampādanena appossukkataṃ karoti. Idampi upekkhāsambojjhaṅgaratanaṃ cittuppādaṃ līnuddhaccato mocetvā payogamajjhatte ṭhapayamānaṃ appossukkataṃ karotīti pariṇāyakaratanasadisaṃ hoti. Iti imasmiṃ sutte catubhūmako sabbasaṅgāhikadhammaparicchedo kathitoti veditabbo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. จกฺกวตฺติสุตฺตํ • 2. Cakkavattisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา • 2. Cakkavattisuttavaṇṇanā