Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
๓. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา
3. Cakkavattisuttavaṇṇanā
อตฺตทีปสรณตาวณฺณนา
Attadīpasaraṇatāvaṇṇanā
๘๐. อุตฺตานํ วุจฺจติ ปากฎํ, ตปฺปฎิเกฺขเปน อนุตฺตานํ อปากฎํ, ปฎิจฺฉนฺนํ, อปจุรํ, ทุวิเญฺญยฺยญฺจฯ อนุตฺตานานํ ปทานํ วณฺณนา อนุตฺตานปทวณฺณนาฯ อุตฺตานปทวณฺณนาย ปโยชนาภาวโต อนุตฺตานคฺคหณํฯ ‘‘มาตุลา’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนาโม เอโก รุโกฺข, ตสฺสา อาสนฺนปฺปเทเส มาปิตตฺตา นครมฺปิ ‘‘มาตุลา’’ เตฺวว ปญฺญายิตฺถฯ เตน วุตฺตํ ‘‘มาตุลายนฺติ เอวํ นามเก นคเร’’ติฯ อวิทูเรติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเรฯ
80.Uttānaṃ vuccati pākaṭaṃ, tappaṭikkhepena anuttānaṃ apākaṭaṃ, paṭicchannaṃ, apacuraṃ, duviññeyyañca. Anuttānānaṃ padānaṃ vaṇṇanā anuttānapadavaṇṇanā. Uttānapadavaṇṇanāya payojanābhāvato anuttānaggahaṇaṃ. ‘‘Mātulā’’ti itthiliṅgavasena laddhanāmo eko rukkho, tassā āsannappadese māpitattā nagarampi ‘‘mātulā’’ tveva paññāyittha. Tena vuttaṃ ‘‘mātulāyanti evaṃ nāmake nagare’’ti. Avidūreti tassa nagarassa avidūre.
กามเญฺจตฺถ สุเตฺต ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา ทฬฺหเนมิ นาม อโหสี’’ติอาทินา อตีตวํสทีปิกา กถา อาทิโต ปฎฺฐาย อาคตา, ‘‘อฑฺฒเตยฺยวสฺสสตายุกานํ มนุสฺสานํ วสฺสสตายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺตี’’ติอาทินา ปน สวิเสสํ อนาคตตฺถปฎิสํยุตฺตา กถา อาคตาติ วุตฺตํ ‘‘อนาคตวํสทีปิกาย สุตฺตนฺตกถายา’’ติฯ อนาคตตฺถทีปนญฺหิ อจฺฉริยํ, ตตฺถาปิ อนาคตสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฎิปตฺติกิตฺตนํ อจฺฉริยตมํฯ สมาคเมนาติ สนฺนิปาเตนฯ
Kāmañcettha sutte ‘‘bhūtapubbaṃ, bhikkhave, rājā daḷhanemi nāma ahosī’’tiādinā atītavaṃsadīpikā kathā ādito paṭṭhāya āgatā, ‘‘aḍḍhateyyavassasatāyukānaṃ manussānaṃ vassasatāyukā puttā bhavissantī’’tiādinā pana savisesaṃ anāgatatthapaṭisaṃyuttā kathā āgatāti vuttaṃ ‘‘anāgatavaṃsadīpikāya suttantakathāyā’’ti. Anāgatatthadīpanañhi acchariyaṃ, tatthāpi anāgatassa sammāsambuddhassa paṭipattikittanaṃ acchariyatamaṃ. Samāgamenāti sannipātena.
‘‘ภตฺตคฺคํ อมนาป’’นฺติอาทิ เกวลํ เตสํ ปริวิตกฺกมตฺตํฯ อมนาปนฺติ อมนุญฺญํฯ พุเทฺธสุ กโต อปฺปโกปิ อปราโธ อปฺปโก กาโร วิย ครุตรวิปาโกติ อาห ‘‘พุเทฺธหิ สทฺธิํ…เป.… สทิสํ โหตี’’ติฯ ตตฺราติ ตสฺมิํ มาตุลนครสฺส สมีเป, ตสฺสํ วา ปริสายํฯ
‘‘Bhattaggaṃ amanāpa’’ntiādi kevalaṃ tesaṃ parivitakkamattaṃ. Amanāpanti amanuññaṃ. Buddhesu kato appakopi aparādho appako kāro viya garutaravipākoti āha ‘‘buddhehi saddhiṃ…pe… sadisaṃ hotī’’ti. Tatrāti tasmiṃ mātulanagarassa samīpe, tassaṃ vā parisāyaṃ.
อตฺตทีปาติ เอตฺถ กามํ โย ปโร น โหติ, โส อตฺตาติ สสนฺตาโน ‘‘อตฺตา’’ติ วุจฺจติ, หิตสุเขสิภาเวน ปน อตฺตนิพฺพิเสสตฺตา ธโมฺม อิธ ‘‘อตฺตา’’ติ อธิเปฺปโตฯ เตนาห ‘‘อตฺตา นาม โลกิยโลกุตฺตโร ธโมฺม’’ติฯ ทฺวิธา อาโป คโต เอตฺถาติ ทีโป, โอเฆน อนโชฺฌตฺถโต ภูมิภาโคฯ อิธ ปน กาโมฆาทีหิ อนโชฺฌตฺถรณียตฺตา ทีโป วิยาติ ทีโป, อตฺตา ทีโป ปติฎฺฐา เอเตสนฺติ อตฺตทีปาฯ เตนาห ‘‘อตฺตานํ ทีป’’นฺติอาทิฯ ทีปภาโว เจตฺถ ปฎิสรณตาติ อาห ‘‘อิทํ ตเสฺสว เววจน’’นฺติฯ อญฺญสรณปฎิเกฺขปวจนนฺติ อญฺญสรณภาวปฎิเกฺขปวจนํฯ อิทญฺหิ น อญฺญํ สรณํ กตฺวา วิหรณเสฺสว ปฎิเกฺขปวจนํ, อถ โข อญฺญสฺส สรณสภาวเสฺสว ปฎิเกฺขปวจนํ ตปฺปฎิเกฺขเป จ เตน อิตรสฺสาปิ ปฎิเกฺขปสิทฺธิโตฯ เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ สุตฺตนฺตเรน สาเธตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิฯ ยทิ เอตฺถ ปากติโก อตฺตา อิจฺฉิโต, กถํ ตสฺส ทีปสรณภาโว, ตสฺมา อธิปฺปายิโก เอตฺถ อตฺตา ภเวยฺยาติ ปุจฺฉติ ‘‘โก ปเนตฺถ อตฺตา นามา’’ติฯ อิตโร ยถาธิเปฺปตํ อตฺตานํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โลกิยโลกุตฺตโร ธโมฺม’’ติฯ ทุติยวาโรปิ ปฐมวารเสฺสว ปริยายภาเวน เทสิโตติ ทเสฺสตุํ ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Attadīpāti ettha kāmaṃ yo paro na hoti, so attāti sasantāno ‘‘attā’’ti vuccati, hitasukhesibhāvena pana attanibbisesattā dhammo idha ‘‘attā’’ti adhippeto. Tenāha ‘‘attā nāma lokiyalokuttaro dhammo’’ti. Dvidhā āpo gato etthāti dīpo, oghena anajjhotthato bhūmibhāgo. Idha pana kāmoghādīhi anajjhottharaṇīyattā dīpo viyāti dīpo, attā dīpo patiṭṭhā etesanti attadīpā. Tenāha ‘‘attānaṃ dīpa’’ntiādi. Dīpabhāvo cettha paṭisaraṇatāti āha ‘‘idaṃ tasseva vevacana’’nti. Aññasaraṇapaṭikkhepavacananti aññasaraṇabhāvapaṭikkhepavacanaṃ. Idañhi na aññaṃ saraṇaṃ katvā viharaṇasseva paṭikkhepavacanaṃ, atha kho aññassa saraṇasabhāvasseva paṭikkhepavacanaṃ tappaṭikkhepe ca tena itarassāpi paṭikkhepasiddhito. Tenāha ‘‘na hī’’tiādi. Idāni tamevatthaṃ suttantarena sādhetuṃ ‘‘vuttampi ceta’’ntiādi. Yadi ettha pākatiko attā icchito, kathaṃ tassa dīpasaraṇabhāvo, tasmā adhippāyiko ettha attā bhaveyyāti pucchati ‘‘ko panettha attā nāmā’’ti. Itaro yathādhippetaṃ attānaṃ dassento ‘‘lokiyalokuttaro dhammo’’ti. Dutiyavāropi paṭhamavārasseva pariyāyabhāvena desitoti dassetuṃ ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ.
โคจเรติ ภิกฺขูนํ โคจรฎฺฐานภูเตฯ เตนาห ‘‘จริตุํ ยุตฺตฎฺฐาเน’’ติฯ สเกติ กถํ ปนายํ ภิกฺขูนํ สโกติ อาห ‘‘เปตฺติเก วิสเย’’ติฯ ปิติโต สมฺมาสมฺพุทฺธโต อาคตตฺตา ‘‘อยํ ตุมฺหากํ โคจโร’’ติ เตน อุทฺทิฎฺฐตฺตา เปตฺติเก วิสเยติฯ จรนฺตนฺติ สามิอเตฺถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘อยเมวโตฺถ’’ติ, จรนฺตานนฺติ จ อโตฺถ, เตนายํ วิภตฺติวิปลฺลาเสนปิ วจนวิปลฺลาเสนปีติ ทเสฺสติฯ กิเลสมารสฺส โอตาราลาเภเนว อิตรมารานมฺปิ โอตาราลาโภ เวทิตโพฺพฯ อยํ ปนโตฺถติ โคจเร จรณํ สนฺธายาห, วตฺถุ ปน พฺยติเรกมุเขน อาคตํฯ
Gocareti bhikkhūnaṃ gocaraṭṭhānabhūte. Tenāha ‘‘carituṃ yuttaṭṭhāne’’ti. Saketi kathaṃ panāyaṃ bhikkhūnaṃ sakoti āha ‘‘pettike visaye’’ti. Pitito sammāsambuddhato āgatattā ‘‘ayaṃ tumhākaṃ gocaro’’ti tena uddiṭṭhattā pettike visayeti. Carantanti sāmiatthe upayogavacananti āha ‘‘ayamevattho’’ti, carantānanti ca attho, tenāyaṃ vibhattivipallāsenapi vacanavipallāsenapīti dasseti. Kilesamārassa otārālābheneva itaramārānampi otārālābho veditabbo. Ayaṃ panatthoti gocare caraṇaṃ sandhāyāha, vatthu pana byatirekamukhena āgataṃ.
สกุเณ หนฺตีติ สกุณคฺฆิ, มหาเสนสกุโณฯ อชฺฌปฺปตฺตาติ อภิภวนวเสน ปตฺตา อุปคตาฯ น มฺยายนฺติ เม อยํ สกุณคฺฆิ นาลํ อภวิสฺสฯ นงฺคลกฎฺฐกรณนฺติ นงฺคเลน กสิตปฺปเทโสฯ เลฑฺฑุฎฺฐานนฺติ เลฑฺฑูนํ อุฎฺฐปิตฎฺฐานํฯ สเก พเลติ อตฺตโน พลเหตุฯ อปตฺถทฺธาติ อวคาฬฺหตฺถมฺภา สญฺชาตตฺถมฺภาฯ อสฺสรมานาติ อวฺหายนฺตีฯ
Sakuṇe hantīti sakuṇagghi, mahāsenasakuṇo. Ajjhappattāti abhibhavanavasena pattā upagatā. Na myāyanti me ayaṃ sakuṇagghi nālaṃ abhavissa. Naṅgalakaṭṭhakaraṇanti naṅgalena kasitappadeso. Leḍḍuṭṭhānanti leḍḍūnaṃ uṭṭhapitaṭṭhānaṃ. Sake baleti attano balahetu. Apatthaddhāti avagāḷhatthambhā sañjātatthambhā. Assaramānāti avhāyantī.
มหนฺตํ เลฑฺฑุนฺติ นงฺคเลน ภินฺนฎฺฐาเน สุกฺขตาย ติขิณสิงฺคอโยฆนสทิสํ มหนฺตํ เลฑฺฑุํฯ อภิรุหิตฺวาติ ตสฺส อโธภาเคน อตฺตนา ปวิสิตฺวา นิลีนโยคฺคปฺปเทสํ สลฺลเกฺขตฺวา ตสฺสุปริ จงฺกมโนฺต อสฺสรมาโน อฎฺฐาสิฯ ‘‘เอหิ โข’’ติอาทิ ตสฺส อสฺสรมานาการทสฺสนํฯ สนฺนยฺหาติ วาตคฺคหณวเสน อุโภ ปเกฺข สมํ ฐเปตฺวาฯ ปจฺจุปาทีติ ปาวิสิฯ ตเตฺถวาติ ยตฺถ ปุเพฺพ ลาโป ฐิโต, ตเตฺถว เลฑฺฑุมฺหิ ฯ อุรนฺติ อตฺตโน อุรปฺปเทสํฯ ปจฺจตาเฬสีติ ปติ อตาเฬสิ สารมฺภวเสน เวเคน คนฺตฺวา ปหรณโต วิธาเรนฺตี ปตาเฬสิฯ อารมฺมณนฺติ ปจฺจยํฯ ‘‘อวสร’’นฺติ เกจิฯ
Mahantaṃ leḍḍunti naṅgalena bhinnaṭṭhāne sukkhatāya tikhiṇasiṅgaayoghanasadisaṃ mahantaṃ leḍḍuṃ. Abhiruhitvāti tassa adhobhāgena attanā pavisitvā nilīnayoggappadesaṃ sallakkhetvā tassupari caṅkamanto assaramāno aṭṭhāsi. ‘‘Ehi kho’’tiādi tassa assaramānākāradassanaṃ. Sannayhāti vātaggahaṇavasena ubho pakkhe samaṃ ṭhapetvā. Paccupādīti pāvisi. Tatthevāti yattha pubbe lāpo ṭhito, tattheva leḍḍumhi . Uranti attano urappadesaṃ. Paccatāḷesīti pati atāḷesi sārambhavasena vegena gantvā paharaṇato vidhārentī patāḷesi. Ārammaṇanti paccayaṃ. ‘‘Avasara’’nti keci.
‘‘กุสลาน’’นฺติ เอวํ ปวตฺตาย เทสนาย โก อนุสนฺธิ? ยถาอนุสนฺธิ เอวฯ อาทิโต หิ ‘‘อตฺตทีปา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๘๐) เยว อตฺตธมฺมปริยาเยน โลกิยโลกุตฺตรธมฺมา คหิตา, เต เยเวตฺถ กุสลคฺคหเณน คหิตาติฯ อนวชฺชลกฺขณานนฺติ อวชฺชปฎิปกฺขสภาวานํฯ ‘‘อวชฺชรหิตสภาวาน’’นฺติ เกจิฯ ตตฺถ ปุริเม อตฺถวิกเปฺป วิปากธมฺมธมฺมา เอว คหิตา, ทุติเย ปน วิปากธมฺมาปิฯ ยทิ เอวํ, กถํ เตสํ สมาทาย วตฺตนนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฎฺฐพฺพํ ‘‘วิปากธมฺมา สีลาทิ วิย สมาทาย วตฺติตพฺพา’’ติฯ สมาทานนฺติ ปน อตฺตโน สนฺตาเน สมฺมา อาทานํ ปจฺจยวเสน ปวตฺติ เยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิปากธมฺมา หิ ปจฺจยวิเสเสหิ สตฺตสนฺตาเน สมฺมเทว อาหิตา อายุอาทิสมฺปตฺติวิเสสภูตา อุปรูปริกุสลวิเสสุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสยา โหนฺตีติ วทนฺติฯ ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ เอตฺถ ปุญฺญนฺติ อุตฺตรปทโลเปนายํ นิเทฺทโสติ อาห ‘‘ปุญฺญผลํ วฑฺฒตี’’ติฯ ปุญฺญผลนฺติ จ เอกเทสสรูเปกเสเสน วุตฺตํ ‘‘ปุญฺญญฺจ ปุญฺญผลญฺจ ปุญฺญผล’’นฺติ อาห ‘‘อุปรูปริ ปุญฺญมฺปิ ปุญฺญวิปาโกปิ เวทิตโพฺพ’’ติฯ
‘‘Kusalāna’’nti evaṃ pavattāya desanāya ko anusandhi? Yathāanusandhi eva. Ādito hi ‘‘attadīpā, bhikkhave, viharathā’’tiādinā (dī. ni. 3.80) yeva attadhammapariyāyena lokiyalokuttaradhammā gahitā, te yevettha kusalaggahaṇena gahitāti. Anavajjalakkhaṇānanti avajjapaṭipakkhasabhāvānaṃ. ‘‘Avajjarahitasabhāvāna’’nti keci. Tattha purime atthavikappe vipākadhammadhammā eva gahitā, dutiye pana vipākadhammāpi. Yadi evaṃ, kathaṃ tesaṃ samādāya vattananti? Na kho panetaṃ evaṃ daṭṭhabbaṃ ‘‘vipākadhammā sīlādi viya samādāya vattitabbā’’ti. Samādānanti pana attano santāne sammā ādānaṃ paccayavasena pavatti yevāti daṭṭhabbaṃ. Vipākadhammā hi paccayavisesehi sattasantāne sammadeva āhitā āyuādisampattivisesabhūtā uparūparikusalavisesuppattiyā upanissayā hontīti vadanti. Puññaṃ pavaḍḍhatīti ettha puññanti uttarapadalopenāyaṃ niddesoti āha ‘‘puññaphalaṃ vaḍḍhatī’’ti. Puññaphalanti ca ekadesasarūpekasesena vuttaṃ ‘‘puññañca puññaphalañca puññaphala’’nti āha ‘‘uparūpari puññampi puññavipākopi veditabbo’’ti.
‘‘มาตาปิตูน’’นฺติอาทิ นิทสฺสนมตฺตํ, ตสฺมา อญฺญมฺปิ เอวรูปํ เหตูปนิสฺสยํ กุสลํ ทฎฺฐพฺพํฯ สิเนหวเสนาติ อุปนิสฺสยภูตสฺส สิเนหสฺส วเสน, น สมฺปยุตฺตสฺสฯ น หิ สิเนหสมฺปยุตฺตํ นาม กุสลํ อตฺถิฯ มุทุมทฺทวจิตฺตนฺติ เมตฺตาวเสน อติวิย มทฺทวนฺตํ จิตฺตํฯ ยถา มตฺถกปฺปตฺตํ วฎฺฎคามิกุสลํ ทเสฺสตุํ ‘‘มาตาปิตูนํ …เป.… มุทุมทฺทวจิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ มตฺถกปฺปตฺตเมว วิวฎฺฎคามิกุสลํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตฺตาโร สติ…เป.… โพธิปกฺขิยธมฺมา’’ติ วุตฺตํฯ ตทเญฺญปิ ปน ทานสีลาทิธมฺมา วฎฺฎสฺส อุปนิสฺสยภูตา วฎฺฎคามิกุสลํ วิวฎฺฎสฺส อุปนิสฺสยภูตา วิวฎฺฎคามิกุสลนฺติ เวทิตพฺพาฯ ปริโยสานนฺติ ผลวิเสสาวหตาย ผลทาย โกฎิ สิขาปฺปตฺติ, เทวโลเก จ ปวตฺติสิริวิภโวติ ปริโยสานํ ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ วิเสสิตํ, มนุสฺสโลกวเสเนว จายํ เทสนา อาคตาติฯ มคฺคผลนิพฺพานสมฺปตฺติ ปริโยสานนฺติ โยชนาฯ วิวฎฺฎคามิกุสลสฺส วิปากํ สุตฺตปริโยสาเน ทสฺสิสฺสติ ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, สโงฺข นาม ราชา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๐๘)ฯ
‘‘Mātāpitūna’’ntiādi nidassanamattaṃ, tasmā aññampi evarūpaṃ hetūpanissayaṃ kusalaṃ daṭṭhabbaṃ. Sinehavasenāti upanissayabhūtassa sinehassa vasena, na sampayuttassa. Na hi sinehasampayuttaṃ nāma kusalaṃ atthi. Mudumaddavacittanti mettāvasena ativiya maddavantaṃ cittaṃ. Yathā matthakappattaṃ vaṭṭagāmikusalaṃ dassetuṃ ‘‘mātāpitūnaṃ …pe… mudumaddavacitta’’nti vuttaṃ, evaṃ matthakappattameva vivaṭṭagāmikusalaṃ dassetuṃ ‘‘cattāro sati…pe… bodhipakkhiyadhammā’’ti vuttaṃ. Tadaññepi pana dānasīlādidhammā vaṭṭassa upanissayabhūtā vaṭṭagāmikusalaṃ vivaṭṭassa upanissayabhūtā vivaṭṭagāmikusalanti veditabbā. Pariyosānanti phalavisesāvahatāya phaladāya koṭi sikhāppatti, devaloke ca pavattisirivibhavoti pariyosānaṃ ‘‘manussaloke’’ti visesitaṃ, manussalokavaseneva cāyaṃ desanā āgatāti. Maggaphalanibbānasampatti pariyosānanti yojanā. Vivaṭṭagāmikusalassa vipākaṃ suttapariyosāne dassissati ‘‘atha kho, bhikkhave, saṅkho nāma rājā’’tiādinā (dī. ni. 3.108).
ทฬฺหเนมิจกฺกวตฺติราชกถาวณฺณนา
Daḷhanemicakkavattirājakathāvaṇṇanā
๘๑. อิธาติ อิมสฺมิํ ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๑๐) สุตฺตเทสนาย อารทฺธฎฺฐาเน วฎฺฎวิวฎฺฎคามิภาเวน สาธารเณ กุสลคฺคหเณฯ ตตฺถ วฎฺฎคามิกุสลานุสนฺธิวเสน ‘‘ภูตปุพฺพํ ภิกฺขเว’’ติ เทสนํ อารภิ, อารภโนฺต จ เทสิยมานมตฺตํ ฯ ธมฺมปฎิคฺคาหกานํ ภิกฺขูนํ สเงฺขปโต เอวํ ทีเปตฺวา อารภีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ภิกฺขเว’’ติอาทิ วุตฺตํ, ปฐมํ ตถา อทีเปโนฺตปิ ภควา อตฺถโต ทีเปติ วิยาติ อธิปฺปาโยฯ
81.Idhāti imasmiṃ ‘‘kusalānaṃ, bhikkhave, dhammāna’’ntiādinā (dī. ni. 3.110) suttadesanāya āraddhaṭṭhāne vaṭṭavivaṭṭagāmibhāvena sādhāraṇe kusalaggahaṇe. Tattha vaṭṭagāmikusalānusandhivasena ‘‘bhūtapubbaṃ bhikkhave’’ti desanaṃ ārabhi, ārabhanto ca desiyamānamattaṃ . Dhammapaṭiggāhakānaṃ bhikkhūnaṃ saṅkhepato evaṃ dīpetvā ārabhīti dassetuṃ ‘‘bhikkhave’’tiādi vuttaṃ, paṭhamaṃ tathā adīpentopi bhagavā atthato dīpeti viyāti adhippāyo.
๘๒. อีสกมฺปีติ อปฺปมตฺตกมฺปิฯ อวสกฺกิตนฺติ โอคตภฎฺฐํฯ เนมิอภิมุขนฺติ เนมิปฺปเทสสฺส สมฺมุขาฯ พนฺธิํสุ จกฺกรตนสฺส โอสกฺกิตาโนสกฺกิตภาวํ ชานิตุํฯ ตเทตนฺติ ยถาวุตฺตฎฺฐานา จวนํฯ อติพลวโทเสติ รโญฺญ พลวติ อนเตฺถ อุปฎฺฐิเต สติฯ
82.Īsakampīti appamattakampi. Avasakkitanti ogatabhaṭṭhaṃ. Nemiabhimukhanti nemippadesassa sammukhā. Bandhiṃsu cakkaratanassa osakkitānosakkitabhāvaṃ jānituṃ. Tadetanti yathāvuttaṭṭhānā cavanaṃ. Atibalavadoseti rañño balavati anatthe upaṭṭhite sati.
อปฺปมโตฺตติ รโญฺญ อาณาย ปมาทํ อกโรโนฺตฯ
Appamattoti rañño āṇāya pamādaṃ akaronto.
เอกสมุทฺทปริยนฺตเมวาติ ชมฺพุทีปเมว สนฺธาย วทติฯ โส อุตฺตรโต อสฺสกณฺณปพฺพเตน ปริจฺฉินฺนํ หุตฺวา อตฺตานํ ปริกฺขิปิตฺวา ฐิตเอกสมุทฺทปริยโนฺตฯ ปุญฺญิทฺธิวเสนาติ จกฺกวตฺติภาวาวหาย ปุญฺญิทฺธิยา วเสนฯ
Ekasamuddapariyantamevāti jambudīpameva sandhāya vadati. So uttarato assakaṇṇapabbatena paricchinnaṃ hutvā attānaṃ parikkhipitvā ṭhitaekasamuddapariyanto. Puññiddhivasenāti cakkavattibhāvāvahāya puññiddhiyā vasena.
๘๓. เอวํ กตฺวาติ กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวาฯ สุกตํ กมฺมนฺติ ทสกุสลกมฺมปถเมว วทติฯ
83.Evaṃ katvāti kāsāyāni vatthāni acchādetvā. Sukataṃ kammanti dasakusalakammapathameva vadati.
‘‘ทสวิธํ, ทฺวาทสวิธ’’นฺติ จ วุตฺตวิภาโค ปรโต อาคมิสฺสติฯ ปูเรเนฺตเนวาติ ปูเรตฺวา ฐิเตเนวฯ นิโทฺทเสติ จกฺกวตฺติวตฺตสฺส ปฎิปกฺขภูตานํ โทสานํ อปคมเน นิโทฺทเสฯ จกฺกวตฺตีนํ วเตฺตติ จกฺกวตฺติราชูหิ วตฺติตพฺพวเตฺตฯ ภาวินิ ภูเต วิย หิ อุปจาโร ยถา ‘‘อคมา ราชคหํ พุโทฺธ’’ติ (สุ. นิ. ๔๑๐)ฯ อธิคตจกฺกวตฺติภาวาปิ หิ เต ตตฺถ วตฺตเนฺตวาติ ตถา วุตฺตํฯ
‘‘Dasavidhaṃ, dvādasavidha’’nti ca vuttavibhāgo parato āgamissati. Pūrentenevāti pūretvā ṭhiteneva. Niddoseti cakkavattivattassa paṭipakkhabhūtānaṃ dosānaṃ apagamane niddose. Cakkavattīnaṃ vatteti cakkavattirājūhi vattitabbavatte. Bhāvini bhūte viya hi upacāro yathā ‘‘agamā rājagahaṃ buddho’’ti (su. ni. 410). Adhigatacakkavattibhāvāpi hi te tattha vattantevāti tathā vuttaṃ.
จกฺกวตฺติอริยวตฺตวณฺณนา
Cakkavattiariyavattavaṇṇanā
๘๔. อญฺญถา วตฺติตุํ อเทโนฺต โส ธโมฺม อธิฎฺฐานํ เอตสฺสาติ ตทธิฎฺฐานํ, เตน ตทธิฎฺฐาเนน เจตสาฯ สกฺกโรโนฺตติ อาทรกิริยาวเสน กโรโนฺตฯ เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิฯ ครุํ กโรโนฺตติ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกรณวเสน ครุํ กโรโนฺตฯ เตเนวาห ‘‘ตสฺมิํ คารวุปฺปตฺติยา’’ติฯ มาเนโนฺตติ สมฺภาวนาวเสน มเนน ปิยายโนฺตฯ เตนาห ‘‘ตเมวา’’ติอาทิฯ เอวํ ปูชยโต อปจายโต เอวญฺจ ยถาวุตฺตสกฺการาทิสมฺภโวติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตํ อปทิสิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘ธมฺมาธิปติภูโต อาคตภาเวนา’’ติ อิมินา ยถาวุตฺตธมฺมสฺส เชฎฺฐกภาเวน ปุริมปุริมตรอตฺตภาเวสุ สกฺกจฺจ สมุปจิตภาวํ ทเสฺสติฯ ‘‘ธมฺมวเสเนว สพฺพกิริยานํ กรเณนา’’ติ เอเตน ฐานนิสชฺชาทีสุ ยถาวุตฺตธมฺมนินฺนโปณปพฺภารภาวํ ทเสฺสติฯ อสฺสาติ รกฺขาวรณคุตฺติยาฯ ปรํ รกฺขโนฺต อญฺญํ ทิฎฺฐธมฺมิกาทิอนตฺถโต รกฺขโนฺต เตเนว ปรตฺถสาธเนน ขนฺติอาทิคุเณน อตฺตานํ ตโต เอว รกฺขติฯ เมตฺตจิตฺตตาติ เมตฺตจิตฺตตายฯ นิวาสนปารุปนเคหาทีนํ สีตุณฺหาทิปฎิพาหเนน อาวรณํฯ อโนฺต ชนสฺมินฺติ อพฺภนฺตรภูเต ปุตฺตทาราทิชเนฯ
84. Aññathā vattituṃ adento so dhammo adhiṭṭhānaṃ etassāti tadadhiṭṭhānaṃ, tena tadadhiṭṭhānena cetasā. Sakkarontoti ādarakiriyāvasena karonto. Tenāha ‘‘yathā’’tiādi. Garuṃ karontoti pāsāṇacchattaṃ viya garukaraṇavasena garuṃ karonto. Tenevāha ‘‘tasmiṃ gāravuppattiyā’’ti. Mānentoti sambhāvanāvasena manena piyāyanto. Tenāha ‘‘tamevā’’tiādi. Evaṃ pūjayato apacāyato evañca yathāvuttasakkārādisambhavoti taṃ dassetuṃ ‘‘taṃ apadisitvā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Dhammādhipatibhūto āgatabhāvenā’’ti iminā yathāvuttadhammassa jeṭṭhakabhāvena purimapurimataraattabhāvesu sakkacca samupacitabhāvaṃ dasseti. ‘‘Dhammavaseneva sabbakiriyānaṃ karaṇenā’’ti etena ṭhānanisajjādīsu yathāvuttadhammaninnapoṇapabbhārabhāvaṃ dasseti. Assāti rakkhāvaraṇaguttiyā. Paraṃ rakkhanto aññaṃ diṭṭhadhammikādianatthato rakkhanto teneva paratthasādhanena khantiādiguṇena attānaṃ tato eva rakkhati. Mettacittatāti mettacittatāya. Nivāsanapārupanagehādīnaṃ sītuṇhādipaṭibāhanena āvaraṇaṃ. Anto janasminti abbhantarabhūte puttadārādijane.
‘‘สีลสํวเร ปติฎฺฐาเปหี’’ติ อิมินา รกฺขํ ทเสฺสติ, ‘‘วตฺถคนฺธมาลาทีนิ เทหี’’ติ อิมินา อาวรณํ, อิตเรน คุตฺติํฯ ภตฺตเวตนสมฺปทาเนนปีติ ปิ-สเทฺทน สีลสํวเร ปติฎฺฐาปนาทีนิ สมฺปิเณฺฑติฯ เอเสว นโย อิโต ปเรสุปิ ปิ-สทฺทคฺคหเณสุฯ นิคโม นิวาโส เอเตสนฺติ เนคมา, เอวํ ชานปทาติ อาห ‘‘นิคมวาสิโน’’ติอาทิฯ
‘‘Sīlasaṃvare patiṭṭhāpehī’’ti iminā rakkhaṃ dasseti, ‘‘vatthagandhamālādīni dehī’’ti iminā āvaraṇaṃ, itarena guttiṃ. Bhattavetanasampadānenapīti pi-saddena sīlasaṃvare patiṭṭhāpanādīni sampiṇḍeti. Eseva nayo ito paresupi pi-saddaggahaṇesu. Nigamo nivāso etesanti negamā, evaṃ jānapadāti āha ‘‘nigamavāsino’’tiādi.
นววิธา มานมทาติ ‘‘เสโยฺยหมสฺมี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๔.๑๐๘; ธ. ส. ๑๑๒๑; วิภ. ๘๖๖; มหานิ. ๒๑, ๑๗๘) นยปฺปวตฺติยา นววิธา มานสงฺขาตา มทาฯ มาโน เอว เหตฺถ ปมชฺชนากาเรน ปวตฺติยา มานมโทฯ โสภเน กายิกวาจสิกกเมฺม รโตติ สูรโต อุ-การสฺส ทีฆํ กตฺวา, ตสฺส ภาโว โสรจฺจํ, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, สพฺพํ วา กายวจีสุจริตํฯ สุฎฺฐุ โอรโตติ โสรโต, ตสฺส ภาโว โสรจฺจํ, ยถาวุตฺตเมว สุจริตํฯ ราคาทีนนฺติ ราคโทสโมหมานาทีนํฯ ทมนาทีหีติ ทมนสมนปรินิพฺพาปเนหิฯ เอกมตฺตานนฺติ เอกํ จิตฺตํ, เอกจฺจํ อตฺตโน จิตฺตนฺติ อโตฺถฯ ราคาทีนญฺหิ ปุพฺพภาคิยํ ทมนาทิปเจฺจกํ อิจฺฉิตพฺพํ, น มคฺคกฺขเณ วิย เอกชฺฌํ ปฎิสงฺขานมุเขน ปชหนโตฯ เอกมตฺตานนฺติ วา วิเวกวเสน เอกํ เอกากินํ อตฺตานํฯ กาเล กาเลติ เตสํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตเพฺพ กาเล กาเลฯ
Navavidhā mānamadāti ‘‘seyyohamasmī’’tiādi (saṃ. ni. 4.108; dha. sa. 1121; vibha. 866; mahāni. 21, 178) nayappavattiyā navavidhā mānasaṅkhātā madā. Māno eva hettha pamajjanākārena pavattiyā mānamado. Sobhane kāyikavācasikakamme ratoti sūrato u-kārassa dīghaṃ katvā, tassa bhāvo soraccaṃ, kāyikavācasiko avītikkamo, sabbaṃ vā kāyavacīsucaritaṃ. Suṭṭhu oratoti sorato, tassa bhāvo soraccaṃ, yathāvuttameva sucaritaṃ. Rāgādīnanti rāgadosamohamānādīnaṃ. Damanādīhīti damanasamanaparinibbāpanehi. Ekamattānanti ekaṃ cittaṃ, ekaccaṃ attano cittanti attho. Rāgādīnañhi pubbabhāgiyaṃ damanādipaccekaṃ icchitabbaṃ, na maggakkhaṇe viya ekajjhaṃ paṭisaṅkhānamukhena pajahanato. Ekamattānanti vā vivekavasena ekaṃ ekākinaṃ attānaṃ. Kāle kāleti tesaṃ santikaṃ upasaṅkamitabbe kāle kāle.
อิธ ฐตฺวาติ ‘‘อิทํ โข, ตาต, ต’’นฺติ เอวํ นิคมนวเสน วุตฺตฎฺฐาเน ฐตฺวาฯ วตฺตนฺติ อริยจกฺกวตฺติวตฺตํฯ สมาเนตพฺพนฺติ ‘‘ทสวิธํ, ทฺวาทสวิธ’’นฺติ จ เหฎฺฐา วุตฺตคณนาย จ สมานํ กาตพฺพํ อนูนํ อนธิกํ กตฺวา ทเสฺสตพฺพํฯ อธมฺมราคสฺสาติ อยุตฺตฎฺฐาเน ราคสฺสฯ วิสมโลภสฺสาติ ยุตฺตฎฺฐาเนปิ อติวิย พลวภาเวน ปวตฺตโลภสฺสฯ
Idha ṭhatvāti ‘‘idaṃ kho, tāta, ta’’nti evaṃ nigamanavasena vuttaṭṭhāne ṭhatvā. Vattanti ariyacakkavattivattaṃ. Samānetabbanti ‘‘dasavidhaṃ, dvādasavidha’’nti ca heṭṭhā vuttagaṇanāya ca samānaṃ kātabbaṃ anūnaṃ anadhikaṃ katvā dassetabbaṃ. Adhammarāgassāti ayuttaṭṭhāne rāgassa. Visamalobhassāti yuttaṭṭhānepi ativiya balavabhāvena pavattalobhassa.
จกฺกรตนปาตุภาววณฺณนา
Cakkaratanapātubhāvavaṇṇanā
๘๕. วตฺตมานสฺสาติ ปริปุเณฺณ จกฺกวตฺติวเตฺต วตฺตมานสฺส, โน อปริปุเณฺณติ อาห ‘‘ปูเรตฺวา วตฺตมานสฺสา’’ติฯ กิตฺตาวตา ปนสฺส ปาริปูรี โหตีติ? ตตฺถ ‘‘กตาธิการสฺส ตาว เหฎฺฐิมปริเจฺฉเทน ทฺวาทสหิปิ สํวจฺฉเรหิ ปูรติ, ปญฺจวีสติยา, ปญฺญาสาย วา สํวจฺฉเรหิฯ อยญฺจ เภโท ธมฺมจฺฉนฺทสฺสปิ ติกฺขมชฺฌมุทุตาวเสน, อิตรสฺส ตโต ภิโยฺยปี’’ติ วทนฺติฯ
85.Vattamānassāti paripuṇṇe cakkavattivatte vattamānassa, no aparipuṇṇeti āha ‘‘pūretvā vattamānassā’’ti. Kittāvatā panassa pāripūrī hotīti? Tattha ‘‘katādhikārassa tāva heṭṭhimaparicchedena dvādasahipi saṃvaccharehi pūrati, pañcavīsatiyā, paññāsāya vā saṃvaccharehi. Ayañca bhedo dhammacchandassapi tikkhamajjhamudutāvasena, itarassa tato bhiyyopī’’ti vadanti.
ทุติยาทิจกฺกวตฺติกถาวณฺณนา
Dutiyādicakkavattikathāvaṇṇanā
๙๐. อตฺตโน มติยาติ ปรมฺปราคตํ ปุราณํ ตนฺติํ ปเวณิํ ลงฺฆิตฺวา อตฺตโน อิจฺฉิตากาเรนฯ เตนาห ‘‘โปราณก’’นฺติอาทิฯ
90.Attano matiyāti paramparāgataṃ purāṇaṃ tantiṃ paveṇiṃ laṅghitvā attano icchitākārena. Tenāha ‘‘porāṇaka’’ntiādi.
น ปพฺพนฺตีติ สมิทฺธิยา น ปูเรนฺติ, ผีตา น โหนฺตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘น วฑฺฒนฺตี’’ติฯ ตถา จาห ‘‘กตฺถจิ สุญฺญา โหนฺตี’’ติฯ ตตฺถ ตตฺถ ราชกิเจฺจ รญฺญา อมา สห วตฺตนฺตีติ อมจฺจา, เยหิ วินา ราชกิจฺจํ นปฺปวตฺตติฯ ปรมฺปราคตา หุตฺวา รโญฺญ ปริสาย ภวาติ ปาริสชฺชาฯ เตนาห ‘‘ปริสาวจรา’’ติฯ ตสฺมิํ ฐานนฺตเร ฐปิตา หุตฺวา รโญฺญ อายํ, วยญฺจ ยาถาวโต คเณนฺตีติ คณกาฯ ชาติกุลสุตาจาราทิวเสน ปุถุตฺตํ คตตฺตา มหตี มตฺตา เอเตสนฺติ มหามตฺตา, เต ปน มหานุภาวา อมจฺจา เอวาติ อาห ‘‘มหาอมจฺจา’’ติฯ เย รโญฺญ หตฺถานีกาทีสุ อวฎฺฐิตา, เต อนีกฎฺฐาติ อาห ‘‘หตฺถิอาจริยาทโย’’ติ ฯ มนฺตํ ปญฺญํ อสิตา หุตฺวา ชีวนฺตีติ มนฺตสฺสาชีวิโน, มติสชีวาติ อโตฺถ, เย ตตฺถ ตตฺถ ราชกิเจฺจ อุปเทสทายิโนฯ เตนาห ‘‘มนฺตา วุจฺจติ ปญฺญา’’ติอาทิฯ
Napabbantīti samiddhiyā na pūrenti, phītā na hontīti attho. Tenāha ‘‘na vaḍḍhantī’’ti. Tathā cāha ‘‘katthaci suññā hontī’’ti. Tattha tattha rājakicce raññā amā saha vattantīti amaccā, yehi vinā rājakiccaṃ nappavattati. Paramparāgatā hutvā rañño parisāya bhavāti pārisajjā. Tenāha ‘‘parisāvacarā’’ti. Tasmiṃ ṭhānantare ṭhapitā hutvā rañño āyaṃ, vayañca yāthāvato gaṇentīti gaṇakā. Jātikulasutācārādivasena puthuttaṃ gatattā mahatī mattā etesanti mahāmattā, te pana mahānubhāvā amaccā evāti āha ‘‘mahāamaccā’’ti. Ye rañño hatthānīkādīsu avaṭṭhitā, te anīkaṭṭhāti āha ‘‘hatthiācariyādayo’’ti . Mantaṃ paññaṃ asitā hutvā jīvantīti mantassājīvino, matisajīvāti attho, ye tattha tattha rājakicce upadesadāyino. Tenāha ‘‘mantā vuccati paññā’’tiādi.
อายุวณฺณาทิปริหานิกถาวณฺณนา
Āyuvaṇṇādiparihānikathāvaṇṇanā
๙๑. พลวโลภตฺตาติ ‘‘อิมสฺมิํ โลเก อิทานิ ทลิทฺทมนุสฺสา นาม พหู, เตสํ สเพฺพสํ ธเน อนุปฺปทิยมาเน มยฺหํ โกสสฺส ปริกฺขโย โหตี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนพลวโลภตฺตาฯ อุปรูปริภูมีสูติ ฉกามสคฺคสงฺขาตาสุ อุปรูปริกามภูมีสุฯ กมฺมสฺส ผลํ อคฺคํ นาม, ตํ ปเนตฺถ อุทฺธคามีติ อาห ‘‘อุทฺธํ อคฺคํ อสฺสา’’ติฯ สเคฺค นิยุตฺตา, สคฺคปฺปโยชนาติ วา โสวคฺคิกาฯ ทสนฺนํ วิเสสานนฺติ ทิพฺพอายุวณฺณยสสุขอาธิปเตยฺยานเญฺจว ทิพฺพรูปาทีนญฺจ ผลวิเสสานํ ฯ วณฺณคฺคหเณน เจตฺถ สโก อตฺตภาววโณฺณ คหิโต, รูปคฺคหเณน พหิทฺธา รูปารมฺมณํฯ
91.Balavalobhattāti ‘‘imasmiṃ loke idāni daliddamanussā nāma bahū, tesaṃ sabbesaṃ dhane anuppadiyamāne mayhaṃ kosassa parikkhayo hotī’’ti evaṃ uppannabalavalobhattā. Uparūparibhūmīsūti chakāmasaggasaṅkhātāsu uparūparikāmabhūmīsu. Kammassa phalaṃ aggaṃ nāma, taṃ panettha uddhagāmīti āha ‘‘uddhaṃ aggaṃ assā’’ti. Sagge niyuttā, saggappayojanāti vā sovaggikā. Dasannaṃ visesānanti dibbaāyuvaṇṇayasasukhaādhipateyyānañceva dibbarūpādīnañca phalavisesānaṃ . Vaṇṇaggahaṇena cettha sako attabhāvavaṇṇo gahito, rūpaggahaṇena bahiddhā rūpārammaṇaṃ.
๙๒. สุฎฺฐุ นิสิทฺธนฺติ ยถายํ อิมินา อตฺตภาเวน อทินฺนํ อาทาตุํ น สโกฺกติ, เอวํ สมฺมเทว ตโต นิเสธิตํ กตฺวาฯ มูลหตนฺติ ชีวิตา โวโรปเนน มูเล เอว หตํฯ
92.Suṭṭhunisiddhanti yathāyaṃ iminā attabhāvena adinnaṃ ādātuṃ na sakkoti, evaṃ sammadeva tato nisedhitaṃ katvā. Mūlahatanti jīvitā voropanena mūle eva hataṃ.
๙๖. ราควเสน จรณํ จริตฺตํ, จริตฺตเมว จาริตฺตํ, เมถุนนฺติ อธิปฺปาโย, ตํ ปน ‘‘ปเรสํ ทาเรสู’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘มิจฺฉาจาร’’นฺติ อาหฯ
96. Rāgavasena caraṇaṃ carittaṃ, carittameva cārittaṃ, methunanti adhippāyo, taṃ pana ‘‘paresaṃ dāresū’’ti vuttattā ‘‘micchācāra’’nti āha.
๑๐๐. ปจฺจนีกทิฎฺฐีติ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาย (ม. นิ. ๑.๔๔๑; ๒.๙๔; วิภ. ๗๙๓) สมฺมาทิฎฺฐิยา ปฎิปกฺขภูตา ทิฎฺฐิฯ
100.Paccanīkadiṭṭhīti ‘‘atthi dinna’’ntiādikāya (ma. ni. 1.441; 2.94; vibha. 793) sammādiṭṭhiyā paṭipakkhabhūtā diṭṭhi.
๑๐๑. มาตุจฺฉาทิกา อุปริ สยเมว วกฺขติฯ อติพลวโลโภติ อติวิย พลวา พหลกิเลโส, เยน อกาเล, อเทเส จ ปวตฺตติฯ มิจฺฉาธโมฺมติ มิจฺฉา วิปรีโต อวิสภาควตฺถุโก โลภธโมฺมฯ เตนาห ‘‘ปุริสาน’’นฺติอาทิฯ
101.Mātucchādikā upari sayameva vakkhati. Atibalavalobhoti ativiya balavā bahalakileso, yena akāle, adese ca pavattati. Micchādhammoti micchā viparīto avisabhāgavatthuko lobhadhammo. Tenāha ‘‘purisāna’’ntiādi.
ตสฺส ภาโวติ เยน เมตฺตากรุณาปุพฺพงฺคเมน จิเตฺตน ปุคฺคโล ‘‘มเตฺตโยฺย’’ติ วุจฺจติ, โส ตสฺส ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาโท, ตํสมุฎฺฐานา จ กิริยา มเตฺตยฺยตาฯ เตนาห ‘‘มาตริ สมฺมา ปฎิปตฺติยา เอตํ นาม’’นฺติ ฯ ยา สมฺมา ปชฺชิตเพฺพ สมฺมา อปฺปฎิปตฺติ, โสปิ โทโส อคารวกิริยาทิภาวโตฯ วิปฺปฎิปตฺติยํ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘ตสฺสา อภาโว เจว ตปฺปฎิปกฺขตา จ อมเตฺตยฺยตา’’ติฯ กุเล เชฎฺฐานนฺติ อตฺตโน กุเล วุทฺธานํ มหาปิตุจูฬปิตุเชฎฺฐกภาติกาทีนํฯ
Tassa bhāvoti yena mettākaruṇāpubbaṅgamena cittena puggalo ‘‘matteyyo’’ti vuccati, so tassa yathāvuttacittuppādo, taṃsamuṭṭhānā ca kiriyā matteyyatā. Tenāha ‘‘mātari sammā paṭipattiyā etaṃ nāma’’nti . Yā sammā pajjitabbe sammā appaṭipatti, sopi doso agāravakiriyādibhāvato. Vippaṭipattiyaṃ pana vattabbameva natthīti āha ‘‘tassā abhāvo ceva tappaṭipakkhatā ca amatteyyatā’’ti. Kule jeṭṭhānanti attano kule vuddhānaṃ mahāpitucūḷapitujeṭṭhakabhātikādīnaṃ.
ทสวสฺสายุกสมยวณฺณนา
Dasavassāyukasamayavaṇṇanā
๑๐๓. ‘‘ย’’นฺติ อิมินา สมโย อามโฎฺฐ, ภุมฺมเตฺถ เจตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘ยสฺมิํ สมเย’’ติฯ อลํ ปติโนติ อลํปเตยฺยาฯ ตสฺสา ปริยตฺตตา ภริยาภาเวนาติ อาห ‘‘ทาตุํ ยุตฺตา’’ติฯ อคฺครสานีติ มธุรภาเวน, เภสชฺชภาเวน จ อคฺคภูตรสานิฯ
103.‘‘Ya’’nti iminā samayo āmaṭṭho, bhummatthe cetaṃ paccattavacananti āha ‘‘yasmiṃ samaye’’ti. Alaṃ patinoti alaṃpateyyā. Tassā pariyattatā bhariyābhāvenāti āha ‘‘dātuṃ yuttā’’ti. Aggarasānīti madhurabhāvena, bhesajjabhāvena ca aggabhūtarasāni.
ทิปฺปิสฺสนฺตีติ ปฎิปกฺขภาเวน สมุชฺชลิสฺสนฺติฯ เตนาห ‘‘กุสลนฺติปิ น ภวิสฺสตี’’ติ ฯ อโห ปุริโสติ มาตาทีสุปิ อีทิโส, อเญฺญสํ เกสํ กิํ วิสฺสเชฺชสฺสติ, อโห เตชวปุริโสติฯ
Dippissantīti paṭipakkhabhāvena samujjalissanti. Tenāha ‘‘kusalantipi na bhavissatī’’ti . Aho purisoti mātādīsupi īdiso, aññesaṃ kesaṃ kiṃ vissajjessati, aho tejavapurisoti.
เคเห มาตุคามํ วิยาติ อตฺตโน เคเห ทาสิภริยาภูตมาตุคามํ วิยฯ มิสฺสีภาวนฺติ มาตาทีสุ ภริยาย วิย จาริตฺตสงฺกรํฯ
Gehe mātugāmaṃ viyāti attano gehe dāsibhariyābhūtamātugāmaṃ viya. Missībhāvanti mātādīsu bhariyāya viya cārittasaṅkaraṃ.
พลวโกโปติ หนฺตุกามตาวเสน อุปฺปตฺติยา พลวโกโปฯ อาฆาเตตีติ อาหนติ, อตฺตโน กกฺขฬผรุสภาเวน จิตฺตํ วิพาธตีติ อโตฺถฯ นิสฺสยทหนรโส หิ โทโสฯ พฺยาปาเทตีติ วินาเสติ, มโนปทูสนโต มนสฺส ปโกปนโตฯ ติพฺพนฺติ ติกฺขํ, สา ปนสฺส ติกฺขตา สรีเร อวหเนฺตปิ สิเนหวตฺถุํ ลงฺฆิตฺวาปิ ปวตฺติยา เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘ปิยมานสฺสปี’’ติอาทิฯ
Balavakopoti hantukāmatāvasena uppattiyā balavakopo. Āghātetīti āhanati, attano kakkhaḷapharusabhāvena cittaṃ vibādhatīti attho. Nissayadahanaraso hi doso. Byāpādetīti vināseti, manopadūsanato manassa pakopanato. Tibbanti tikkhaṃ, sā panassa tikkhatā sarīre avahantepi sinehavatthuṃ laṅghitvāpi pavattiyā veditabbāti āha ‘‘piyamānassapī’’tiādi.
๑๐๔. กปฺปวินาโส กโปฺป อุตฺตรปทโลเปน, อนฺตราว กโปฺป อนฺตรกโปฺปฯ ตณฺหาทิเภโท กโปฺป เอตสฺส อตฺถีติ กโปฺป, สตฺตโลโกติ อาห ‘‘อนฺตราว โลกวินาโส’’ติฯ สฺวายํ อนฺตรกโปฺป กติวิโธ, กถญฺจสฺส สมฺภโว, กิํ คติโกติ อโนฺตคธํ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อนฺตรกโปฺป จ นามา’’ติอาทิฯ โลภุสฺสทายาติ โลภาธิกาย ปชาย วตฺตมานายฯ
104. Kappavināso kappo uttarapadalopena, antarāva kappo antarakappo. Taṇhādibhedo kappo etassa atthīti kappo, sattalokoti āha ‘‘antarāva lokavināso’’ti. Svāyaṃ antarakappo katividho, kathañcassa sambhavo, kiṃ gatikoti antogadhaṃ codanaṃ sandhāyāha ‘‘antarakappo ca nāmā’’tiādi. Lobhussadāyāti lobhādhikāya pajāya vattamānāya.
เอวํ จินฺตยิํสูติ ปุเพฺพ ยถานุสฺสวานุสฺสรเณน, อตฺตโน จ อายุวิเสสสฺส ลภนโตฯ คุมฺพลตาทีหิ คหนํ ฐานนฺติ คุมฺพลตาทีหิ สญฺฉนฺนตาย คหนภูตํ ฐานํฯ รุเกฺขหิ คหนนฺติ รุเกฺขหิ นิรนฺตรนิจิเตหิ คหนภูตํ ฯ นทีวิทุคฺคนฺติ ฉินฺนตฎาหิ นทีหิ โอรโต, ปารโต จ วิทุคฺคํฯ เตนาห ‘‘นทีน’’นฺติอาทิฯ ปพฺพเตหิ วิสมํ ปพฺพตนฺตรํฯ ปพฺพเตสุ วา ฉินฺนตเฎสุ ทุราโรหํ วิสมฎฺฐานํฯ สภาเคติ ชีวนวเสน สมานภาเค สทิเส กริสฺสนฺติฯ
Evaṃ cintayiṃsūti pubbe yathānussavānussaraṇena, attano ca āyuvisesassa labhanato. Gumbalatādīhi gahanaṃ ṭhānanti gumbalatādīhi sañchannatāya gahanabhūtaṃ ṭhānaṃ. Rukkhehigahananti rukkhehi nirantaranicitehi gahanabhūtaṃ . Nadīvidugganti chinnataṭāhi nadīhi orato, pārato ca viduggaṃ. Tenāha ‘‘nadīna’’ntiādi. Pabbatehi visamaṃ pabbatantaraṃ. Pabbatesu vā chinnataṭesu durārohaṃ visamaṭṭhānaṃ. Sabhāgeti jīvanavasena samānabhāge sadise karissanti.
อายุวณฺณาทิวฑฺฒนกถาวณฺณนา
Āyuvaṇṇādivaḍḍhanakathāvaṇṇanā
๑๐๕. อายตนฺติ วา ทีฆํ จิรกาลิกํฯ มรณวเสน หิ ญาติกฺขโย อายโต อปุนราวตฺตนโต, น ราชภยาทินา อุกฺกมนวเสน ปุนราวตฺติยาปิ ตสฺส ลพฺภนโตฯ โอสเกฺกยฺยามาติ โอรเมยฺยามฯ วิรมณมฺปิ อตฺถโต ปชหนเมว ปริจฺจชนภาวโตติ อาห ‘‘ปชเหยฺยามาติ อโตฺถ’’ติฯ สีลคเพฺภ วฑฺฒิตตฺตาติ มาตุ, ปิตุ จ สีลวนฺตตาย ตทวยวภูเต คเพฺภ วฑฺฒิ ‘‘สีลคเพฺภ วฑฺฒิตา’’ติ วุตฺตา, เอเตน อุตุอาหารสฺส วิย ตทญฺญสฺสาปิ พาหิรสฺส ปจฺจยสฺส วเสน สตฺตสนฺตานสฺส วิเสสาธานํ โหตีติ ทเสฺสติฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลฎีกายํ (ที. นิ. ฎี. ๑.๗) วุตฺตเมวฯ เขตฺตวิสุทฺธิยาติ อธิฎฺฐานภูตวตฺถุวิสุทฺธิยาฯ นนุ จ ตํ วิเสสาธานํ ชายมานํ รูปสนฺตติยา เอว ภเวยฺยาติ? สจฺจเมตํ, รูปสนฺตติยา ปน ตถา อาหิตวิเสสาย อรูปสนฺตติปิ ลทฺธูปการา เอว โหติ ตปฺปฎิพทฺธวุตฺติภาวโตฯ ยถา กพฬีการาหาเรน อุปตฺถมฺภิเต รูปกาเย สโพฺพปิ อตฺตภาโว อนุคฺคหิโต เอว นาม โหติ, ยถา ปน รโญฺญ จกฺกวตฺติโน ปุญฺญวิเสสํ อุปนิสฺสาย ตสฺส อิตฺถิรตนาทีนํ อนญฺญสาธารณา เต เต วิเสสา สมฺภวนฺติ ตพฺภาเว ภาวโต, ตทภาเว จ อภาวโต, เอวเมว ตสฺมิํ กาเล มาตาปิตูนํ ยถาวุตฺตปุญฺญวิเสสํ อุปนิสฺสาย เตสํ ปุตฺตานํ ชายมานานํ ทีฆายุกตา เขตฺตวิสุทฺธิยาว โหตีติ เวทิตพฺพา สํเวคธมฺมฉนฺทาทิสมุปพฺรูหิตาย ตทา เตสํ กุสลเจตนาย ตถา อุฬารภาเวน สมุปฺปชฺชนโตฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ มนุสฺสโลเก, ตตฺถาติ ยถาวุตฺตํ กุสลธมฺมํ สมาทาย วตฺตมาเน สตฺตนิกาเยฯ ตเตฺถวาติ ตสฺมิํเยว สตฺตนิกาเยฯ ‘‘อตฺตโนว สีลสมฺปตฺติยา’’ติ วุตฺตํ สสนฺตติปริยาปนฺนสฺส ธมฺมสฺส ตตฺถ วิเสสปฺปจฺจยภาวโตฯ เขตฺตวิสุทฺธิปิ ปน อิธาปิ ปฎิกฺขิปิตุํ น สกฺกาฯ
105.Āyatanti vā dīghaṃ cirakālikaṃ. Maraṇavasena hi ñātikkhayo āyato apunarāvattanato, na rājabhayādinā ukkamanavasena punarāvattiyāpi tassa labbhanato. Osakkeyyāmāti orameyyāma. Viramaṇampi atthato pajahanameva pariccajanabhāvatoti āha ‘‘pajaheyyāmāti attho’’ti. Sīlagabbhe vaḍḍhitattāti mātu, pitu ca sīlavantatāya tadavayavabhūte gabbhe vaḍḍhi ‘‘sīlagabbhe vaḍḍhitā’’ti vuttā, etena utuāhārassa viya tadaññassāpi bāhirassa paccayassa vasena sattasantānassa visesādhānaṃ hotīti dasseti. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ brahmajālaṭīkāyaṃ (dī. ni. ṭī. 1.7) vuttameva. Khettavisuddhiyāti adhiṭṭhānabhūtavatthuvisuddhiyā. Nanu ca taṃ visesādhānaṃ jāyamānaṃ rūpasantatiyā eva bhaveyyāti? Saccametaṃ, rūpasantatiyā pana tathā āhitavisesāya arūpasantatipi laddhūpakārā eva hoti tappaṭibaddhavuttibhāvato. Yathā kabaḷīkārāhārena upatthambhite rūpakāye sabbopi attabhāvo anuggahito eva nāma hoti, yathā pana rañño cakkavattino puññavisesaṃ upanissāya tassa itthiratanādīnaṃ anaññasādhāraṇā te te visesā sambhavanti tabbhāve bhāvato, tadabhāve ca abhāvato, evameva tasmiṃ kāle mātāpitūnaṃ yathāvuttapuññavisesaṃ upanissāya tesaṃ puttānaṃ jāyamānānaṃ dīghāyukatā khettavisuddhiyāva hotīti veditabbā saṃvegadhammachandādisamupabrūhitāya tadā tesaṃ kusalacetanāya tathā uḷārabhāvena samuppajjanato. Etthāti imasmiṃ manussaloke, tatthāti yathāvuttaṃ kusaladhammaṃ samādāya vattamāne sattanikāye. Tatthevāti tasmiṃyeva sattanikāye. ‘‘Attanova sīlasampattiyā’’ti vuttaṃ sasantatipariyāpannassa dhammassa tattha visesappaccayabhāvato. Khettavisuddhipi pana idhāpi paṭikkhipituṃ na sakkā.
โกฎฺฐาสาติ จตฺตารีสวสฺสายุกาติอาทโย อสีติวสฺสสหสฺสายุกปริโยสานา เอกาทส โกฎฺฐาสาฯ อทินฺนาทานาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน กุเล เชฎฺฐาปจายิกาปริโยสานานํ ทสนฺนํ ปาปโกฎฺฐาสานํ คหณํฯ
Koṭṭhāsāti cattārīsavassāyukātiādayo asītivassasahassāyukapariyosānā ekādasa koṭṭhāsā. Adinnādānādīhīti ādi-saddena kule jeṭṭhāpacāyikāpariyosānānaṃ dasannaṃ pāpakoṭṭhāsānaṃ gahaṇaṃ.
สงฺขราชอุปฺปตฺติวณฺณนา
Saṅkharājauppattivaṇṇanā
๑๐๖. เอวํ อุปฺปชฺชนกตณฺหาติ เอวํ วจีเภทํ ปาปนวเสน ปวตฺตา ภุญฺชิตุกามตาฯ อนสนนฺติ กายิกกิริยาอสมตฺถตาเหตุภูโต สรีรสโงฺกโจฯ เตนาห ‘‘อวิปฺผาริกภาโว’’ติอาทิฯ ฆนนิวาสตนฺติ คามนิคมราชธานีนํ ฆนนิวิฎฺฐตํ อญฺญมญฺญสฺส นาติทูรวตฺติตํฯ นิรนฺตรปูริโตติ นิรนฺตรํ วิย ปุโณฺณ ตตฺรุปคานํ สตฺตานํ พหุภาวโตฯ
106.Evaṃ uppajjanakataṇhāti evaṃ vacībhedaṃ pāpanavasena pavattā bhuñjitukāmatā. Anasananti kāyikakiriyāasamatthatāhetubhūto sarīrasaṅkoco. Tenāha ‘‘avipphārikabhāvo’’tiādi. Ghananivāsatanti gāmanigamarājadhānīnaṃ ghananiviṭṭhataṃ aññamaññassa nātidūravattitaṃ. Nirantarapūritoti nirantaraṃ viya puṇṇo tatrupagānaṃ sattānaṃ bahubhāvato.
เมเตฺตยฺยพุทฺธุปฺปาทวณฺณนา
Metteyyabuddhuppādavaṇṇanā
๑๐๗. กิญฺจาปิ ปุเพฺพ วฑฺฒมานกวเสน เทสนา อาคตํ, อิทํ ปน น วฑฺฒมานกวเสน วุตฺตํฯ กสฺมาติ เจ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ สตฺตานํ วฑฺฒมานายุกกาเล พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ สํสาเร สํเวคสฺส ทุพฺพิภาวนียตฺตา ฯ ตโต วสฺสสตสหสฺสโต โอรเมว พุทฺธุปฺปาทกาโลฯ
107. Kiñcāpi pubbe vaḍḍhamānakavasena desanā āgataṃ, idaṃ pana na vaḍḍhamānakavasena vuttaṃ. Kasmāti ce āha ‘‘na hī’’tiādi. Sattānaṃ vaḍḍhamānāyukakāle buddhā na nibbattanti saṃsāre saṃvegassa dubbibhāvanīyattā . Tato vassasatasahassato orameva buddhuppādakālo.
๑๐๘. สมุสฺสิตเฎฺฐน ยูโป วิยาติ ยูโป, ยูปนฺติ เอตฺถ สตฺตา อเนกภูมิกูฎาคาโรวรกาทิวนฺตตายาติ ยูโป, ปาสาโทฯ รโญฺญ เหตุภูเตนาติ เหตุอเตฺถ กรณวจนนฺติทเสฺสติอุสฺสาหสมฺปตฺติอาทินาฯ มหตา ราชานุภาเวน, มหตา จ กิตฺติสเทฺทน สมนฺนาคตตฺตา จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ มหาชนสฺส รญฺชนโต มหาปนาโท นาม ราชา ชาโตฯ ชาตเกติ มหาปนาทชาตเก (ชา. ๑.๓.๔๐ มหาปนาทชาตเก)ฯ
108. Samussitaṭṭhena yūpo viyāti yūpo, yūpanti ettha sattā anekabhūmikūṭāgārovarakādivantatāyāti yūpo, pāsādo. Rañño hetubhūtenāti hetuatthe karaṇavacanantidassetiussāhasampattiādinā. Mahatā rājānubhāvena, mahatā ca kittisaddena samannāgatattā catūhi saṅgahavatthūhi mahājanassa rañjanato mahāpanādo nāma rājā jāto. Jātaketi mahāpanādajātake (jā. 1.3.40 mahāpanādajātake).
ปนาโท นาม โส ราชาติ ‘‘อตีเต ปนาโท นาม โส ราชา อโสฺสสี’’ติ อตฺตภาวนฺตรตาย อตฺตานํ ปรํ วิย นิทฺทิสติฯ อายสฺมา หิ ภทฺทชิเตฺถโร อตฺตนา อชฺฌาวุตฺถปุพฺพํ สุวณฺณปาสาทํ ทเสฺสตฺวา เอวมาหฯ ยสฺส ยูโป สุวณฺณโยติ ยสฺส รโญฺญ อยํ ยูโป ปาสาโท สุวณฺณโย สุวณฺณมโยฯ ติริยํ โสฬสุเพฺพโธติ วิตฺถารโต โสฬสสรปาตปฺปมาโณ, โส ปน อฑฺฒโยชนปฺปมาโณ โหติฯ อุพฺภมาหุ สหสฺสธาติ อุพฺภํ อุจฺจภาวํ อสฺส ปาสาทสฺส สหสฺสธา สหสฺสกณฺฑปฺปมาณํ อาหุ, โส ปน โยชนโต ปญฺจวีสติโยชนปฺปมาโณ โหติฯ เกจิ ปเนตฺถ คาถาสุขตฺถํ ‘‘อาหู’’ติ ทีฆํ กตํ, อหุ อโหสีติ อตฺถํ วทนฺติฯ
Panādo nāma so rājāti ‘‘atīte panādo nāma so rājā assosī’’ti attabhāvantaratāya attānaṃ paraṃ viya niddisati. Āyasmā hi bhaddajitthero attanā ajjhāvutthapubbaṃ suvaṇṇapāsādaṃ dassetvā evamāha. Yassa yūpo suvaṇṇayoti yassa rañño ayaṃ yūpo pāsādo suvaṇṇayo suvaṇṇamayo. Tiriyaṃ soḷasubbedhoti vitthārato soḷasasarapātappamāṇo, so pana aḍḍhayojanappamāṇo hoti. Ubbhamāhusahassadhāti ubbhaṃ uccabhāvaṃ assa pāsādassa sahassadhā sahassakaṇḍappamāṇaṃ āhu, so pana yojanato pañcavīsatiyojanappamāṇo hoti. Keci panettha gāthāsukhatthaṃ ‘‘āhū’’ti dīghaṃ kataṃ, ahu ahosīti atthaṃ vadanti.
สหสฺสกโณฺฑติ สหสฺสภูมิโก, ‘‘สหสฺสขโณฺฑ’’ ติปิ ปาโฐ, โส เอว อโตฺถฯ สตเคณฺฑูติ อเนกสตนิยูหโกฯ ธชาลูติ ตตฺถ ตตฺถ นิยูหสิขราทีสุ ปติฎฺฐปิเตหิ สตฺติธชวีรงฺคธชาทีหิ ธเชหิ สมฺปโนฺนฯ หริตามโยติ จามีกรสุวณฺณมโยฯ เกจิ ปน หริตามโยติ ‘‘หริตมณิปริกฺขโฎ’’ติ วทนฺติฯ คนฺธพฺพาติ นฎาฯ ฉสหสฺสานิ สตฺตธาติ ฉมตฺตานิ คนฺธพฺพสหสฺสานิ สตฺตธา ตสฺส ปาสาทสฺส สตฺตสุ ฐาเนสุ รโญฺญ อภิรมาปนตฺถํ นจฺจิํสูติ อโตฺถฯ เต เอวํ นจฺจนฺตาปิ กิร ราชานํ หาเสตุํ นาสกฺขิํสุฯ อถ สโกฺก เทวราชา เทวนฎํ เปเสตฺวา สมชฺชํ กาเรสิ, ตทา ราชา หสีติฯ
Sahassakaṇḍoti sahassabhūmiko, ‘‘sahassakhaṇḍo’’ tipi pāṭho, so eva attho. Satageṇḍūti anekasataniyūhako. Dhajālūti tattha tattha niyūhasikharādīsu patiṭṭhapitehi sattidhajavīraṅgadhajādīhi dhajehi sampanno. Haritāmayoti cāmīkarasuvaṇṇamayo. Keci pana haritāmayoti ‘‘haritamaṇiparikkhaṭo’’ti vadanti. Gandhabbāti naṭā. Chasahassāni sattadhāti chamattāni gandhabbasahassāni sattadhā tassa pāsādassa sattasu ṭhānesu rañño abhiramāpanatthaṃ nacciṃsūti attho. Te evaṃ naccantāpi kira rājānaṃ hāsetuṃ nāsakkhiṃsu. Atha sakko devarājā devanaṭaṃ pesetvā samajjaṃ kāresi, tadā rājā hasīti.
โกฎิคาโม นาม มาปิโตฯ วตฺถูติ ภทฺทชิเตฺถรสฺส วตฺถุฯ ตํ เถรคาถาวณฺณนายํ (เถรคา. อฎฺฐ. ภทฺทชิเตฺถรคาถาวณฺณนาย) วิตฺถารโต อาคตเมวฯ อิตรสฺสาติ นฬการเทวปุตฺตสฺสฯ อานุภาวาติ ปุญฺญานุภาวนิมิตฺตํฯ
Koṭigāmo nāma māpito. Vatthūti bhaddajittherassa vatthu. Taṃ theragāthāvaṇṇanāyaṃ (theragā. aṭṭha. bhaddajittheragāthāvaṇṇanāya) vitthārato āgatameva. Itarassāti naḷakāradevaputtassa. Ānubhāvāti puññānubhāvanimittaṃ.
ทานวเสน ทตฺวาติ ตํ ปาสาทํ อตฺตโน ปริคฺคหภาววิโยชเนน ทานมุเข นิโยเชตฺวาฯ วิสฺสเชฺชตฺวาติ จิเตฺตเนว ปริจฺจชนวเสน ทตฺวา ปุน ทกฺขิเณยฺยานํ สนฺตกภาวกรเณน นิรเปกฺขปริจฺจาควเสน วิสฺสเชฺชตฺวาฯ เอตฺตเกนาติ ‘‘ภูตปุพฺพํ ภิกฺขเว’’ติ อาทิํ กตฺวา ยาว ‘‘ปพฺพชิสฺสตี’’ติ ปทํ เอตฺตเกน เทสนามเคฺคนฯ
Dānavasena datvāti taṃ pāsādaṃ attano pariggahabhāvaviyojanena dānamukhe niyojetvā. Vissajjetvāti citteneva pariccajanavasena datvā puna dakkhiṇeyyānaṃ santakabhāvakaraṇena nirapekkhapariccāgavasena vissajjetvā. Ettakenāti ‘‘bhūtapubbaṃ bhikkhave’’ti ādiṃ katvā yāva ‘‘pabbajissatī’’ti padaṃ ettakena desanāmaggena.
ภิกฺขุโน อายุวณฺณาทิวฑฺฒนกถาวณฺณนา
Bhikkhuno āyuvaṇṇādivaḍḍhanakathāvaṇṇanā
๑๑๐. อิทํ ภิกฺขุโน อายุสฺมินฺติ อายุสฺมิํ สาเธตเพฺพ อิทํ ภิกฺขุโน อิจฺฉิตพฺพํ จิรชีวิตาย เหตุภาวโตติฯ เตนาห ‘‘อิทํ อายุการณ’’นฺติฯ
110.Idaṃbhikkhuno āyusminti āyusmiṃ sādhetabbe idaṃ bhikkhuno icchitabbaṃ cirajīvitāya hetubhāvatoti. Tenāha ‘‘idaṃ āyukāraṇa’’nti.
สมฺปนฺนสีลสฺส อวิปฺปฎิสารปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิสุขสมาธิยถาภูตญาณาทิสมฺภวโต ตํสมุฎฺฐานปณีตรูเปหิ กายสฺส ผุฎตฺตา สรีเร วณฺณธาตุ วิปฺปสนฺนา โหติ, กลฺยาโณ จ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉตีติ อาห ‘‘สีลวโต หี’’ติอาทิฯ
Sampannasīlassa avippaṭisārapāmojjapītipassaddhisukhasamādhiyathābhūtañāṇādisambhavato taṃsamuṭṭhānapaṇītarūpehi kāyassa phuṭattā sarīre vaṇṇadhātu vippasannā hoti, kalyāṇo ca kittisaddo abbhuggacchatīti āha ‘‘sīlavato hī’’tiādi.
วิเวกชํ ปีติสุขาทีติ อาทิ-สเทฺทน สมาธิชํ ปีติสุขํ, อปีติชํ กายสุขํ, สติปาริสุทฺธิชํ อุเปกฺขาสุขญฺจ สงฺคณฺหาติฯ
Vivekajaṃ pītisukhādīti ādi-saddena samādhijaṃ pītisukhaṃ, apītijaṃ kāyasukhaṃ, satipārisuddhijaṃ upekkhāsukhañca saṅgaṇhāti.
อปฺปฎิกฺกูลตาวโหติ อปฺปมาณานํ สตฺตานํ, อตฺตโน จ เตสุ อปฺปฎิกฺกูลภาวโตฯ หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺติยา สพฺพทิสาสุ ผรณอปฺปมาณวเสน สพฺพทิสาสุ วิปฺผาริกตาฯ
Appaṭikkūlatāvahoti appamāṇānaṃ sattānaṃ, attano ca tesu appaṭikkūlabhāvato. Hitūpasaṃhārādivasena pavattiyā sabbadisāsu pharaṇaappamāṇavasena sabbadisāsu vipphārikatā.
‘‘อรหตฺตผลสงฺขาตํ พล’’นฺติ วุตฺตํ ตสฺส อกุปฺปธมฺมตาย เกนจิ อนภิภวนียภาวโตฯ
‘‘Arahattaphalasaṅkhātaṃ bala’’nti vuttaṃ tassa akuppadhammatāya kenaci anabhibhavanīyabhāvato.
‘‘โลเก’’ติ อิทํ ยถา ‘‘เอกพลมฺปี’’ติ อิมินา สมฺพนฺธียติ, เอวํ ‘‘ทุปฺปสหํ ทุรภิสมฺภว’’นฺติ อิเมหิปิ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ โลกปริยาปเนฺนเหว หิ ธเมฺมหิ เตสํ พลสฺส ทุปฺปสหตา, ทุรภิสมฺภวตา, น โลกุตฺตเรหีติฯ เอเตฺถวาติ เอตสฺมิํ อรหตฺตผเล เอว, ตทตฺถนฺติ อโตฺถฯ
‘‘Loke’’ti idaṃ yathā ‘‘ekabalampī’’ti iminā sambandhīyati, evaṃ ‘‘duppasahaṃ durabhisambhava’’nti imehipi sambandhitabbaṃ. Lokapariyāpanneheva hi dhammehi tesaṃ balassa duppasahatā, durabhisambhavatā, na lokuttarehīti. Etthevāti etasmiṃ arahattaphale eva, tadatthanti attho.
โลกุตฺตรปุญฺญมฺปีติ โลกุตฺตรปุญฺญมฺปิ ปุญฺญผลมฺปิฯ ยาว อาสวกฺขยา ปวฑฺฒติ วิวฎฺฎคามิกุสลธมฺมานํ สมาทานเหตูติ โยชนาฯ อมตปานํ ปิวิํสุ เหฎฺฐิมมคฺคผลสมธิคมวเสนาติ อธิปฺปาโยฯ
Lokuttarapuññampīti lokuttarapuññampi puññaphalampi. Yāva āsavakkhayā pavaḍḍhati vivaṭṭagāmikusaladhammānaṃ samādānahetūti yojanā. Amatapānaṃ piviṃsu heṭṭhimamaggaphalasamadhigamavasenāti adhippāyo.
จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Cakkavattisuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๓. จกฺกวตฺติสุตฺตํ • 3. Cakkavattisuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๓. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา • 3. Cakkavattisuttavaṇṇanā