Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๒. จกฺขุสุตฺตวณฺณนา
2. Cakkhusuttavaṇṇanā
๖๑. ทุติเย จกฺขูนีติ จกฺขนฺตีติ จกฺขูนิ, สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตานิ วิย ปวตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ อถ วา จกฺขนเฎฺฐน จกฺขูนิฯ กิมิทํ จกฺขนํ นาม? อสฺสาทนํ, ตถา หิ วทนฺติ ‘‘มธุํ จกฺขติ พฺยญฺชนํ จกฺขตี’’ติ อิมานิ จ อารมฺมณรสํ อนุภวนฺตานิ อสฺสาเทนฺตานิ วิย โหนฺตีติ จกฺขนเฎฺฐน จกฺขูนิฯ ตานิ ปน สเงฺขปโต เทฺว จกฺขูนิ – ญาณจกฺขุ, มํสจกฺขุ จาติฯ เตสุ มํสจกฺขุ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ ญาณจกฺขุ ทิพฺพจกฺขุ, ปญฺญาจกฺขูติ อิธ ทฺวิธา กตฺวา วุตฺตํฯ
61. Dutiye cakkhūnīti cakkhantīti cakkhūni, samavisamaṃ ācikkhantāni viya pavattantīti attho. Atha vā cakkhanaṭṭhena cakkhūni. Kimidaṃ cakkhanaṃ nāma? Assādanaṃ, tathā hi vadanti ‘‘madhuṃ cakkhati byañjanaṃ cakkhatī’’ti imāni ca ārammaṇarasaṃ anubhavantāni assādentāni viya hontīti cakkhanaṭṭhena cakkhūni. Tāni pana saṅkhepato dve cakkhūni – ñāṇacakkhu, maṃsacakkhu cāti. Tesu maṃsacakkhu heṭṭhā vuttameva. Ñāṇacakkhu dibbacakkhu, paññācakkhūti idha dvidhā katvā vuttaṃ.
ตตฺถ ทิพฺพจกฺขูติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํฯ เทวตานญฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณคฺคหณสมตฺถํ ทิพฺพํ ปสาทจกฺขุ โหติฯ อิทญฺจาปิ วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตํ ญาณจกฺขุ ตาทิสเมวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ, ทิพฺพวิหารวเสน ปฎิลทฺธตฺตา อตฺตโน จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตา อาโลกปริคฺคเหน มหาชุติกตฺตาฯ ติโรกุฎฺฎาทิคตรูปทสฺสเนน มหาคติกตฺตาปิ ทิพฺพํฯ ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ ทสฺสนเฎฺฐน จกฺขุกิจฺจกรเณน จกฺขุมิวาติปิ จกฺขุ, ทิพฺพญฺจ ตํ จกฺขุ จาติ ทิพฺพจกฺขุฯ
Tattha dibbacakkhūti dibbasadisattā dibbaṃ. Devatānañhi sucaritakammanibbattaṃ pittasemharuhirādīhi apalibuddhaṃ upakkilesavimuttatāya dūrepi ārammaṇaggahaṇasamatthaṃ dibbaṃ pasādacakkhu hoti. Idañcāpi vīriyabhāvanābalanibbattaṃ ñāṇacakkhu tādisamevāti dibbasadisattā dibbaṃ, dibbavihāravasena paṭiladdhattā attano ca dibbavihārasannissitattā ālokapariggahena mahājutikattā. Tirokuṭṭādigatarūpadassanena mahāgatikattāpi dibbaṃ. Taṃ sabbaṃ saddasatthānusārena veditabbaṃ. Dassanaṭṭhena cakkhukiccakaraṇena cakkhumivātipi cakkhu, dibbañca taṃ cakkhu cāti dibbacakkhu.
ปชานาตีติ ปญฺญาฯ กิํ ปชานาติ? จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินาฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Pajānātīti paññā. Kiṃ pajānāti? Cattāri ariyasaccāni ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādinā. Vuttañhetaṃ –
‘‘ปชานาตีติ โข, อาวุโส, ตสฺมา ปญฺญาติ วุจฺจติฯ กิญฺจ ปชานาติ? อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๔๙)ฯ
‘‘Pajānātīti kho, āvuso, tasmā paññāti vuccati. Kiñca pajānāti? Idaṃ dukkha’’ntiādi (ma. ni. 1.449).
อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘ปญฺญาปนวเสน ปญฺญาฯ กินฺติ ปญฺญาเปติ? อนิจฺจนฺติ ปญฺญาเปติ, ทุกฺขนฺติ ปญฺญาเปติ, อนตฺตาติ ปญฺญาเปตี’’ติ วุตฺตํฯ สา ปนายํ ลกฺขณาทิโต ยถาสภาวปฎิเวธลกฺขณา, อกฺขลิตปฎิเวธลกฺขณา วา กุสลิสฺสาสขิตฺตอุสุปฎิเวโธ วิย, วิสโยภาสนรสา ปทีโป วิย, อสโมฺมหปจฺจุปฎฺฐานา อรญฺญคตสุเทสโก วิยฯ วิเสสโต ปเนตฺถ อาสวกฺขยญาณสงฺขาตา ปญฺญา จตุสจฺจทสฺสนเฎฺฐน ปญฺญาจกฺขูติ อธิเปฺปตาฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จกฺขุํ อุทปาทิ, ญาณํ อุทปาทิ, ปญฺญา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาที’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕)ฯ
Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘paññāpanavasena paññā. Kinti paññāpeti? Aniccanti paññāpeti, dukkhanti paññāpeti, anattāti paññāpetī’’ti vuttaṃ. Sā panāyaṃ lakkhaṇādito yathāsabhāvapaṭivedhalakkhaṇā, akkhalitapaṭivedhalakkhaṇā vā kusalissāsakhittausupaṭivedho viya, visayobhāsanarasā padīpo viya, asammohapaccupaṭṭhānā araññagatasudesako viya. Visesato panettha āsavakkhayañāṇasaṅkhātā paññā catusaccadassanaṭṭhena paññācakkhūti adhippetā. Yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘cakkhuṃ udapādi, ñāṇaṃ udapādi, paññā udapādi, vijjā udapādi, āloko udapādī’’ti (saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 15).
เอเตสุ จ มํสจกฺขุ ปริตฺตํ, ทิพฺพจกฺขุ มหคฺคตํ, อิตรํ อปฺปมาณํฯ มํสจกฺขุ รูปํ, อิตรานิ อรูปานิฯ มํสจกฺขุ ทิพฺพจกฺขุ จ โลกิยานิ สาสวานิ รูปวิสยานิ, อิตรํ โลกุตฺตรํ อนาสวํ จตุสจฺจวิสยํฯ มํสจกฺขุ อพฺยากตํ, ทิพฺพจกฺขุ สิยา กุสลํ สิยา อพฺยากตํ, ตถา ปญฺญาจกฺขุฯ มํสจกฺขุ กามาวจรํ, ทิพฺพจกฺขุ รูปาวจรํ, อิตรํ โลกุตฺตรนฺติ เอวมาทิ วิภาคา เวทิตพฺพาฯ
Etesu ca maṃsacakkhu parittaṃ, dibbacakkhu mahaggataṃ, itaraṃ appamāṇaṃ. Maṃsacakkhu rūpaṃ, itarāni arūpāni. Maṃsacakkhu dibbacakkhu ca lokiyāni sāsavāni rūpavisayāni, itaraṃ lokuttaraṃ anāsavaṃ catusaccavisayaṃ. Maṃsacakkhu abyākataṃ, dibbacakkhu siyā kusalaṃ siyā abyākataṃ, tathā paññācakkhu. Maṃsacakkhu kāmāvacaraṃ, dibbacakkhu rūpāvacaraṃ, itaraṃ lokuttaranti evamādi vibhāgā veditabbā.
คาถาสุ อนุตฺตรนฺติ ปญฺญาจกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตญฺหิ อาสวกฺขยญาณภาวโต อนุตฺตรํฯ อกฺขาสิ ปุริสุตฺตโมติ ปุริสานํ อุตฺตโม อโคฺค สมฺมาสมฺพุโทฺธ เทเสสิฯ อุปฺปาโทติ มํสจกฺขุสฺส ปวตฺติฯ มโคฺคติ อุปาโย, ทิพฺพจกฺขุสฺส การณํฯ ปกติจกฺขุมโต เอว หิ ทิพฺพจกฺขุ อุปฺปชฺชติ, ยสฺมา กสิณาโลกํ วเฑฺฒตฺวา ทิพฺพจกฺขุญาณสฺส อุปฺปาทนํ, โส จ กสิณมณฺฑเล อุคฺคหนิมิเตฺตน วินา นตฺถีติฯ ยโตติ ยทาฯ ญาณนฺติ อาสวกฺขยญาณํฯ เตเนวาห ‘‘ปญฺญาจกฺขุ อนุตฺตร’’นฺติฯ ยสฺส จกฺขุสฺส ปฎิลาภาติ ยสฺส อริยสฺส ปญฺญาจกฺขุสฺส อุปฺปตฺติยา ภาวนาย สพฺพสฺมา วฎฺฎทุกฺขโต ปมุจฺจติ ปริมุจฺจตีติฯ
Gāthāsu anuttaranti paññācakkhuṃ sandhāya vuttaṃ. Tañhi āsavakkhayañāṇabhāvato anuttaraṃ. Akkhāsi purisuttamoti purisānaṃ uttamo aggo sammāsambuddho desesi. Uppādoti maṃsacakkhussa pavatti. Maggoti upāyo, dibbacakkhussa kāraṇaṃ. Pakaticakkhumato eva hi dibbacakkhu uppajjati, yasmā kasiṇālokaṃ vaḍḍhetvā dibbacakkhuñāṇassa uppādanaṃ, so ca kasiṇamaṇḍale uggahanimittena vinā natthīti. Yatoti yadā. Ñāṇanti āsavakkhayañāṇaṃ. Tenevāha ‘‘paññācakkhu anuttara’’nti. Yassa cakkhussa paṭilābhāti yassa ariyassa paññācakkhussa uppattiyā bhāvanāya sabbasmā vaṭṭadukkhato pamuccati parimuccatīti.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๒. จกฺขุสุตฺตํ • 2. Cakkhusuttaṃ