Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā |
จมฺมกฺขนฺธกกถาวณฺณนา
Cammakkhandhakakathāvaṇṇanā
๒๖๕๐. เอฬกา จ อชา จ มิคา จาติ วิคฺคโหฯ ปสูนํ ทฺวเนฺท เอกตฺตนปุํสกตฺตสฺส วิภาสิตตฺตา พหุวจนนิเทฺทโสฯ เอฬกานญฺจ อชานญฺจ มิคานํ โรหิเตณิกุรุงฺคานญฺจฯ ปสทา จ มิคมาตา จ ปสทมิคมาตา, ‘‘ปสทมิคมาตุยา’’ติ วตฺตเพฺพ คาถาพนฺธวเสน ‘‘ปสท’’นฺติ นิคฺคหิตาคโมฯ ปสทมิคมาตุยา จ จมฺมํ ภิกฺขุโน วฎฺฎตีติ โยชนาฯ ‘‘มิคาน’’นฺติ อิมินา คหิตานเมเวตฺถ วิภาคทสฺสนํ ‘‘โรหิเตณี’’ติอาทิฯ โรหิตาทโย มิควิภาควิเสสาฯ
2650. Eḷakā ca ajā ca migā cāti viggaho. Pasūnaṃ dvande ekattanapuṃsakattassa vibhāsitattā bahuvacananiddeso. Eḷakānañca ajānañca migānaṃ rohiteṇikuruṅgānañca. Pasadā ca migamātā ca pasadamigamātā, ‘‘pasadamigamātuyā’’ti vattabbe gāthābandhavasena ‘‘pasada’’nti niggahitāgamo. Pasadamigamātuyā ca cammaṃ bhikkhuno vaṭṭatīti yojanā. ‘‘Migāna’’nti iminā gahitānamevettha vibhāgadassanaṃ ‘‘rohiteṇī’’tiādi. Rohitādayo migavibhāgavisesā.
๒๖๕๑. เอเตสํ ยถาวุตฺตสตฺตานํ จมฺมํ ฐเปตฺวา อญฺญํ จมฺมํ ทุกฺกฎาปตฺติยา วตฺถุภูตนฺติ อโตฺถฯ อญฺญนฺติ จ –
2651.Etesaṃ yathāvuttasattānaṃ cammaṃ ṭhapetvā aññaṃ cammaṃ dukkaṭāpattiyā vatthubhūtanti attho. Aññanti ca –
‘‘มกฺกโฎ กาฬสีโห จ, สรโภ กทลีมิโค;
‘‘Makkaṭo kāḷasīho ca, sarabho kadalīmigo;
เย จ วาฬมิคา โหนฺติ, เตสํ จมฺมํ น วฎฺฎตี’’ติฯ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๕๙) –
Ye ca vāḷamigā honti, tesaṃ cammaṃ na vaṭṭatī’’ti. (mahāva. aṭṭha. 259) –
อฎฺฐกถาย ปฎิกฺขิตฺตํ จมฺมมาหฯ มกฺกโฎ นาม สาขมิโคฯ กาฬสีโห นาม มหามุขวานรชาติโกฯ วาฬมิคา นาม สีหพฺยคฺฆาทโยฯ ยถาห – ‘‘ตตฺถ วาฬมิคาติ สีหพฺยคฺฆอจฺฉตรจฺฉา, น เกวลญฺจ เอเตเยว, เยสํ ปน จมฺมํ วฎฺฎตีติ วุตฺตํ, เต ฐเปตฺวา อวเสสา อนฺตมโส โคมหิํสสฺสมิฬาราทโยปิ สเพฺพ อิมสฺมิํ อเตฺถ ‘วาฬมิคา’เตฺวว เวทิตพฺพา’’ติฯ
Aṭṭhakathāya paṭikkhittaṃ cammamāha. Makkaṭo nāma sākhamigo. Kāḷasīho nāma mahāmukhavānarajātiko. Vāḷamigā nāma sīhabyagghādayo. Yathāha – ‘‘tattha vāḷamigāti sīhabyagghaacchataracchā, na kevalañca eteyeva, yesaṃ pana cammaṃ vaṭṭatīti vuttaṃ, te ṭhapetvā avasesā antamaso gomahiṃsassamiḷārādayopi sabbe imasmiṃ atthe ‘vāḷamigā’tveva veditabbā’’ti.
ถวิกา จ อุปาหนา จ ถวิโกปาหนํฯ อมานุสํ มนุสฺสจมฺมรหิตํ สพฺพํ จมฺมํ ถวิโกปาหเน วฎฺฎตีติ โยชนาฯ เอตฺถ ถวิกาติ อุปาหนาทิโกสกสฺส คหณํฯ ยถาห ‘‘มนุสฺสจมฺมํ ฐเปตฺวา เยน เกนจิ จเมฺมน อุปาหนา วฎฺฎติฯ อุปาหนาโกสกสตฺถกโกสกกุญฺชิกาโกสเกสุปิ เอเสว นโย’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๕๙)ฯ
Thavikā ca upāhanā ca thavikopāhanaṃ. Amānusaṃ manussacammarahitaṃ sabbaṃ cammaṃ thavikopāhane vaṭṭatīti yojanā. Ettha thavikāti upāhanādikosakassa gahaṇaṃ. Yathāha ‘‘manussacammaṃ ṭhapetvā yena kenaci cammena upāhanā vaṭṭati. Upāhanākosakasatthakakosakakuñjikākosakesupi eseva nayo’’ti (mahāva. aṭṭha. 259).
๒๖๕๒. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ คุณงฺคุณูปาหน’’นฺติ (มหาว. ๒๕๙) วจนโต ‘‘วฎฺฎนฺติ มชฺฌิเม เทเส, น คุณงฺคุณูปาหนา’’ติ วุตฺตํฯ มชฺฌิเม เทเสติ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม’’ติอาทินา (มหาว. ๒๕๙) วุตฺตสีมาปริเจฺฉเท มชฺฌิมเทเสฯ คุณงฺคุณูปาหนาติ จตุปฎลโต ปฎฺฐาย พหุปฎลา อุปาหนาฯ ยถาห – ‘‘คุณงฺคุณูปาหนาติ จตุปฎลโต ปฎฺฐาย วุจฺจตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๔๕)ฯ มชฺฌิมเทเส คุณงฺคุณูปาหนา น วฎฺฎนฺตีติ โยชนาฯ อโนฺตอาราเมติ เอตฺถ ปกรณโต ‘‘สเพฺพส’’นฺติ ลพฺภติ, คิลานานมิตเรสญฺจ สเพฺพสนฺติ อโตฺถฯ สพฺพตฺถาปิ จาติ อโนฺตอาราเม, พหิ จาติ สพฺพตฺถาปิฯ โรคิโนติ คิลานสฺส วฎฺฎนฺตีติ โยชนาฯ
2652. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, sabbapaccantimesu janapadesu guṇaṅguṇūpāhana’’nti (mahāva. 259) vacanato ‘‘vaṭṭanti majjhime dese, na guṇaṅguṇūpāhanā’’ti vuttaṃ. Majjhime deseti ‘‘puratthimāya disāya gajaṅgalaṃ nāma nigamo’’tiādinā (mahāva. 259) vuttasīmāparicchede majjhimadese. Guṇaṅguṇūpāhanāti catupaṭalato paṭṭhāya bahupaṭalā upāhanā. Yathāha – ‘‘guṇaṅguṇūpāhanāti catupaṭalato paṭṭhāya vuccatī’’ti (mahāva. aṭṭha. 245). Majjhimadese guṇaṅguṇūpāhanā na vaṭṭantīti yojanā. Antoārāmeti ettha pakaraṇato ‘‘sabbesa’’nti labbhati, gilānānamitaresañca sabbesanti attho. Sabbatthāpi cāti antoārāme, bahi cāti sabbatthāpi. Roginoti gilānassa vaṭṭantīti yojanā.
๒๖๕๓. ปุฎพทฺธา ขลฺลกพทฺธาจาติ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํฯ วิเสโส ปเนตาสํ อฎฺฐกถายเมว วุโตฺต ‘‘ปุฎพทฺธาติ โยนกอุปาหนา วุจฺจติ, ยา ยาวชงฺฆโต สพฺพปาทํ ปฎิจฺฉาเทติฯ ขลฺลกพทฺธาติ ปณฺหิปิธานตฺถํ ตเล ขลฺลกํ พนฺธิตฺวา กตา’’ติฯ ปาลิคุณฺฐิมา จ ‘‘ปลิคุณฺฐิตฺวา กตา, ยา อุปริ ปาทมตฺตเมว ปฎิจฺฉาเทติ, น ชงฺฆ’’นฺติ อฎฺฐกถายํ ทสฺสิตาวฯ ตูลปุณฺณาติ ตูลปิจุนา ปูเรตฺวา กตาฯ
2653. Puṭabaddhā khallakabaddhācāti paccekaṃ yojetabbaṃ. Viseso panetāsaṃ aṭṭhakathāyameva vutto ‘‘puṭabaddhāti yonakaupāhanā vuccati, yā yāvajaṅghato sabbapādaṃ paṭicchādeti. Khallakabaddhāti paṇhipidhānatthaṃ tale khallakaṃ bandhitvā katā’’ti. Pāliguṇṭhimā ca ‘‘paliguṇṭhitvā katā, yā upari pādamattameva paṭicchādeti, na jaṅgha’’nti aṭṭhakathāyaṃ dassitāva. Tūlapuṇṇāti tūlapicunā pūretvā katā.
สพฺพาว นีลา สพฺพนีลา, สา อาทิ ยาสํ ตา สพฺพนีลาทโยฯ อาทิ-สเทฺทน มหานามรตฺตปริยนฺตานํ คหณํฯ เอตาสํ สรูปํ อฎฺฐกถายเมว วุตฺตํ ‘‘นีลิกา อุมาปุปฺผวณฺณา โหติ, ปีติกา กณิการปุปฺผวณฺณา, โลหิติกา ชยสุมนปุปฺผวณฺณา, มญฺชิฎฺฐิกา มญฺชิฎฺฐวณฺณา เอว, กณฺหา อทฺทาริฎฺฐกวณฺณา, มหารงฺครตฺตา สตปทิปิฎฺฐิวณฺณา, มหานามรตฺตา สมฺภินฺนวณฺณา โหติ ปณฺฑุปลาสวณฺณาฯ กุรุนฺทิยํ ปน ‘ปทุมปุปฺผวณฺณา’ติ วุตฺต’’นฺติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๔๖)ฯ สพฺพนีลาทโยปิ จาติ อปิ-สเทฺทน นีลาทิวทฺธิกานํ คหณํฯ
Sabbāva nīlā sabbanīlā, sā ādi yāsaṃ tā sabbanīlādayo. Ādi-saddena mahānāmarattapariyantānaṃ gahaṇaṃ. Etāsaṃ sarūpaṃ aṭṭhakathāyameva vuttaṃ ‘‘nīlikā umāpupphavaṇṇā hoti, pītikā kaṇikārapupphavaṇṇā, lohitikā jayasumanapupphavaṇṇā, mañjiṭṭhikā mañjiṭṭhavaṇṇā eva, kaṇhā addāriṭṭhakavaṇṇā, mahāraṅgarattā satapadipiṭṭhivaṇṇā, mahānāmarattā sambhinnavaṇṇā hoti paṇḍupalāsavaṇṇā. Kurundiyaṃ pana ‘padumapupphavaṇṇā’ti vutta’’nti (mahāva. aṭṭha. 246). Sabbanīlādayopi cāti api-saddena nīlādivaddhikānaṃ gahaṇaṃ.
๒๖๕๔. จิตฺราติ วิจิตฺราฯ เมณฺฑวิสาณูปมวทฺธิกาติ เมณฺฑานํ วิสาณสทิสวทฺธิกา, กณฺณิกฎฺฐาเน เมณฺฑสิงฺคสณฺฐาเน วเทฺธ โยเชตฺวา กตาติ อโตฺถฯ ‘‘เมณฺฑวิสาณูปมวทฺธิกา’’ติ อิทํ อชวิสาณูปมวทฺธิกานํ อุปลกฺขณํฯ โมรสฺส ปิเญฺฉน ปริสิพฺพิตาติ ตเลสุ วา วเทฺธสุ วา โมรปิเญฺฉหิ สุตฺตกสทิเสหิ ปริสิพฺพิตาฯ อุปาหนา น จ วฎฺฎนฺตีติ โยชนาฯ
2654.Citrāti vicitrā. Meṇḍavisāṇūpamavaddhikāti meṇḍānaṃ visāṇasadisavaddhikā, kaṇṇikaṭṭhāne meṇḍasiṅgasaṇṭhāne vaddhe yojetvā katāti attho. ‘‘Meṇḍavisāṇūpamavaddhikā’’ti idaṃ ajavisāṇūpamavaddhikānaṃ upalakkhaṇaṃ. Morassa piñchena parisibbitāti talesu vā vaddhesu vā morapiñchehi suttakasadisehi parisibbitā. Upāhanā na ca vaṭṭantīti yojanā.
๒๖๕๕. มชฺชาราติ พิฬาราฯ กาฬกา รุกฺขกณฺฎกาฯ อูลูกา ปกฺขิพิฬาลาฯ สีหาติ เกสรสีหาทโย สีหาฯ อุทฺทาติ จตุปฺปทชาติกาฯ ทีปี สทฺทลาฯ อชินสฺสาติ เอวํนามิกสฺสฯ ปริกฺขฎาติ อุปาหนปริยเนฺต จีวเร อนุวาตํ วิย วุตฺตปฺปการํ จมฺมํ โยเชตฺวา กตาฯ
2655.Majjārāti biḷārā. Kāḷakā rukkhakaṇṭakā. Ūlūkā pakkhibiḷālā. Sīhāti kesarasīhādayo sīhā. Uddāti catuppadajātikā. Dīpī saddalā. Ajinassāti evaṃnāmikassa. Parikkhaṭāti upāhanapariyante cīvare anuvātaṃ viya vuttappakāraṃ cammaṃ yojetvā katā.
๒๖๕๖. สเจ อีทิสา อุปาหนา ลภนฺติ, ตาสํ วฬญฺชนปฺปการํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ปุฎาทิํ อปเนตฺวา’’ติอาทิฯ ปุฎาทิํ สพฺพโส ฉินฺทิตฺวา วา อปเนตฺวา วา อุปาหนา ธาเรตพฺพาติ โยชนาฯ เอวมกตฺวา ลทฺธนีหาเรเนว ธาเรนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ยถาห – ‘‘เอตาสุ ยํ กิญฺจิ ลภิตฺวา สเจ ตานิ ขลฺลกาทีนิ อปเนตฺวา สกฺกา โหนฺติ วฬญฺชิตุํ, วฬเญฺชตพฺพา, เตสุ ปน สติ วฬญฺชนฺตสฺส ทุกฺกฎ’’นฺติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๔๖)ฯ
2656. Sace īdisā upāhanā labhanti, tāsaṃ vaḷañjanappakāraṃ dassetumāha ‘‘puṭādiṃ apanetvā’’tiādi. Puṭādiṃ sabbaso chinditvā vā apanetvā vā upāhanā dhāretabbāti yojanā. Evamakatvā laddhanīhāreneva dhārentassa dukkaṭaṃ. Yathāha – ‘‘etāsu yaṃ kiñci labhitvā sace tāni khallakādīni apanetvā sakkā honti vaḷañjituṃ, vaḷañjetabbā, tesu pana sati vaḷañjantassa dukkaṭa’’nti (mahāva. aṭṭha. 246).
วณฺณเภทํ ตถา กตฺวาติ เอตฺถ ‘‘เอกเทเสนา’’ติ เสโสฯ ‘‘สพฺพโส วา’’ติ อาหริตฺวา สพฺพโส วา เอกเทเสน วา วณฺณเภทํ กตฺวา สพฺพนีลาทโย อุปาหนา ธาเรตพฺพาติ โยชนาฯ ตถา อกตฺวา ธาเรนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ยถาห ‘‘เอตาสุ ยํ กิญฺจิ ลภิตฺวา รชนํ โจฬเกน ปุญฺฉิตฺวา วณฺณํ ภินฺทิตฺวา ธาเรตุํ วฎฺฎติฯ อปฺปมตฺตเกปิ ภิเนฺน วฎฺฎติเยวา’’ติฯ นีลวทฺธิกาทโยปิ วณฺณเภทํ กตฺวา ธาเรตพฺพาฯ
Vaṇṇabhedaṃtathā katvāti ettha ‘‘ekadesenā’’ti seso. ‘‘Sabbaso vā’’ti āharitvā sabbaso vā ekadesena vā vaṇṇabhedaṃ katvā sabbanīlādayo upāhanā dhāretabbāti yojanā. Tathā akatvā dhārentassa dukkaṭaṃ. Yathāha ‘‘etāsu yaṃ kiñci labhitvā rajanaṃ coḷakena puñchitvā vaṇṇaṃ bhinditvā dhāretuṃ vaṭṭati. Appamattakepi bhinne vaṭṭatiyevā’’ti. Nīlavaddhikādayopi vaṇṇabhedaṃ katvā dhāretabbā.
๒๖๕๗. ตตฺถ ฐาเน ปสฺสาวปาทุกา, วจฺจปาทุกา, อาจมนปาทุกาติ ติโสฺส ปาทุกาโย ฐเปตฺวา สพฺพาปิ ปาทุกา ตาลปตฺติกาทิเภทา สพฺพาปิ สงฺกมนียา ปาทุกา ธาเรตุํ น วฎฺฎนฺตีติ โยชนาฯ
2657.Tattha ṭhāne passāvapādukā, vaccapādukā, ācamanapādukāti tisso pādukāyo ṭhapetvā sabbāpi pādukā tālapattikādibhedā sabbāpi saṅkamanīyā pādukā dhāretuṃ na vaṭṭantīti yojanā.
๒๖๕๘. อติกฺกนฺตปมาณํ อุจฺจาสยนสญฺญิตํ อาสนฺทิเญฺจว ปลฺลงฺกญฺจ เสวมานสฺส ทุกฺกฎนฺติ โยชนาฯ อาสนฺที วุตฺตลกฺขณาวฯ ปลฺลโงฺกติ ปาเทสุ อาหริมานิ วาฬรูปานิ ฐเปตฺวา กโต, เอกสฺมิํเยว ทารุมฺหิ กฎฺฐกมฺมวเสน ฉินฺทิตฺวา กตานิ อสํหาริมานิ ตตฺรฎฺฐาเนว วาฬรูปานิ ยสฺส ปาเทสุ สนฺติ, เอวรูโป ปลฺลโงฺก กปฺปตีติ ‘‘อาหริเมนา’’ติ อิมินาว ทีปิตํฯ ‘‘อกปฺปิยรูปกโต อกปฺปิยมโญฺจ ปลฺลโงฺก’’ติ หิ สารสมาเส วุตฺตํฯ
2658. Atikkantapamāṇaṃ uccāsayanasaññitaṃ āsandiñceva pallaṅkañca sevamānassa dukkaṭanti yojanā. Āsandī vuttalakkhaṇāva. Pallaṅkoti pādesu āharimāni vāḷarūpāni ṭhapetvā kato, ekasmiṃyeva dārumhi kaṭṭhakammavasena chinditvā katāni asaṃhārimāni tatraṭṭhāneva vāḷarūpāni yassa pādesu santi, evarūpo pallaṅko kappatīti ‘‘āharimenā’’ti imināva dīpitaṃ. ‘‘Akappiyarūpakato akappiyamañco pallaṅko’’ti hi sārasamāse vuttaṃ.
๒๖๕๙. โคนกนฺติ ทีฆโลมกมหาโกชวํฯ จตุรงฺคุลาธิกานิ กิร ตสฺส โลมานิ, กาฬวณฺณญฺจ โหติฯ ‘‘จตุรงฺคุลโต อูนกปฺปมาณโลโม โกชโว วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ กุตฺตกนฺติ โสฬสนฺนํ นาฎกิตฺถีนํ ฐตฺวา นจฺจนโยคฺคํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ จิตฺตนฺติ ภิตฺติจฺฉิทฺทาทิกวิจิตฺรํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ ปฎิกนฺติ อุณฺณามยํ เสตตฺถรณํฯ ปฎลิกนฺติ ฆนปุปฺผกํ อุณฺณามยํ โลหิตตฺถรณํ, โย ‘‘อามลกปโตฺต’’ติปิ วุจฺจติฯ
2659.Gonakanti dīghalomakamahākojavaṃ. Caturaṅgulādhikāni kira tassa lomāni, kāḷavaṇṇañca hoti. ‘‘Caturaṅgulato ūnakappamāṇalomo kojavo vaṭṭatī’’ti vadanti. Kuttakanti soḷasannaṃ nāṭakitthīnaṃ ṭhatvā naccanayoggaṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. Cittanti bhitticchiddādikavicitraṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. Paṭikanti uṇṇāmayaṃ setattharaṇaṃ. Paṭalikanti ghanapupphakaṃ uṇṇāmayaṃ lohitattharaṇaṃ, yo ‘‘āmalakapatto’’tipi vuccati.
เอกนฺตโลมินฺติ อุภโต อุคฺคตโลมํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ วิกตินฺติ สีหพฺยคฺฆาทิรูปวิจิตฺรํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ ‘‘เอกนฺตโลมีติ เอกโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ ทีฆนิกาฯ ตูลิกนฺติ รุกฺขตูลลตาตูลโปฎกิตูลสงฺขาตานํ ติณฺณํ ตูลานํ อญฺญตรปุณฺณํ ปกติตูลิกํฯ อุทฺทโลมิกนฺติ เอกโต อุคฺคตโลมํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ ‘‘อุทฺทโลมีติ อุภโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ เอกนฺตโลมีติ เอกโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๕) ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ สารสมาเส ปน ‘‘อุทฺทโลมีติ เอกโต อุคฺคตปุปฺผํฯ เอกนฺตโลมีติ อุภโต อุคฺคตปุปฺผ’’นฺติ วุตฺตํฯ
Ekantalominti ubhato uggatalomaṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. Vikatinti sīhabyagghādirūpavicitraṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. ‘‘Ekantalomīti ekatodasaṃ uṇṇāmayattharaṇa’’nti dīghanikā. Tūlikanti rukkhatūlalatātūlapoṭakitūlasaṅkhātānaṃ tiṇṇaṃ tūlānaṃ aññatarapuṇṇaṃ pakatitūlikaṃ. Uddalomikanti ekato uggatalomaṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. ‘‘Uddalomīti ubhatodasaṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. Ekantalomīti ekatodasaṃ uṇṇāmayattharaṇa’’nti (dī. ni. aṭṭha. 1.15) dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Sārasamāse pana ‘‘uddalomīti ekato uggatapupphaṃ. Ekantalomīti ubhato uggatapuppha’’nti vuttaṃ.
๒๖๖๐. กฎฺฎิสฺสนฺติ รตนปริสิพฺพิตํ โกเสยฺยกฎฺฎิสฺสมยํ ปจฺจตฺถรณํฯ ‘‘โกเสยฺยกฎฺฎิสฺสมยนฺติ โกเสยฺยกสฎมย’’นฺติ (ที. นิ. ฎี. ๑.๑๕) อาจริยธมฺมปาลเตฺถเรน วุตฺตํ, กนฺติตโกเสยฺยปุฎมยนฺติ อโตฺถฯ โกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพิตํ โกสิยสุตฺตมยํ ปจฺจตฺถรณํฯ รตนปริสิพฺพนรหิตํ สุทฺธโกเสยฺยํ ปน วฎฺฎติฯ
2660.Kaṭṭissanti ratanaparisibbitaṃ koseyyakaṭṭissamayaṃ paccattharaṇaṃ. ‘‘Koseyyakaṭṭissamayanti koseyyakasaṭamaya’’nti (dī. ni. ṭī. 1.15) ācariyadhammapālattherena vuttaṃ, kantitakoseyyapuṭamayanti attho. Koseyyanti ratanaparisibbitaṃ kosiyasuttamayaṃ paccattharaṇaṃ. Ratanaparisibbanarahitaṃ suddhakoseyyaṃ pana vaṭṭati.
ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ ปเนตฺถ ‘‘ฐเปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ น วฎฺฎนฺตี’’ติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๕) วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘ฐเปตฺวา ตูลิก’’นฺติ เอเตน รตนปริสิพฺพนรหิตาปิ ตูลิกา น วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ ‘‘รตนปริสิพฺพิตานิ น วฎฺฎนฺตี’’ติ อิมินา ปน ยานิ รตนปริสิพฺพิตานิ, ตานิ ภูมตฺถรณวเสน ยถานุรูปํ มญฺจาทีสุ จ อุปเนตุํ วฎฺฎตีติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอตฺถ จ วินยปริยายํ ปตฺวา ครุเก ฐาตพฺพตฺตา อิธ วุตฺตนเยเนเวตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ สุตฺตนฺติกเทสนายํ ปน คหฎฺฐานมฺปิ วเสน วุตฺตตฺตา เนสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ‘‘ฐเปตฺวา ตูลิกํ…เป.… วฎฺฎนฺตีติ วุตฺต’’นฺติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๕) อปเรฯ
Dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ panettha ‘‘ṭhapetvā tūlikaṃ sabbāneva gonakādīni ratanaparisibbitāni na vaṭṭantī’’ti (dī. ni. aṭṭha. 1.15) vuttaṃ. Tattha ‘‘ṭhapetvā tūlika’’nti etena ratanaparisibbanarahitāpi tūlikā na vaṭṭatīti dīpeti. ‘‘Ratanaparisibbitāni na vaṭṭantī’’ti iminā pana yāni ratanaparisibbitāni, tāni bhūmattharaṇavasena yathānurūpaṃ mañcādīsu ca upanetuṃ vaṭṭatīti dīpitanti veditabbaṃ. Ettha ca vinayapariyāyaṃ patvā garuke ṭhātabbattā idha vuttanayenevettha vinicchayo veditabbo. Suttantikadesanāyaṃ pana gahaṭṭhānampi vasena vuttattā nesaṃ saṅgaṇhanatthaṃ ‘‘ṭhapetvā tūlikaṃ…pe… vaṭṭantīti vutta’’nti (dī. ni. aṭṭha. 1.15) apare.
หตฺถิอสฺสรถตฺถรนฺติ หตฺถิปิเฎฺฐ อตฺถริตํ อตฺถรณํ หตฺถตฺถรณํ นามฯ อสฺสรถตฺถเรปิ เอเสว นโยฯ กทลิมิคปวร-ปจฺจตฺถรณกมฺปิ จาติ กทลิมิคจมฺมํ นาม อตฺถิ, เตน กตํ ปวรปจฺจตฺถรณนฺติ อโตฺถฯ ตํ กิร เสตวตฺถสฺส อุปริ กทลิมิคจมฺมํ ปตฺถริตฺวา สิเพฺพตฺวา กโรนฺติฯ ปิ-สเทฺทน อชินปฺปเวณี คหิตาฯ อชินปฺปเวณี นาม อชินจเมฺมหิ มญฺจปมาเณน สิเพฺพตฺวา กตา ปเวณีฯ ตานิ กิร จมฺมานิ สุขุมตรานิ, ตสฺมา ทุปฎฺฎติปฎฺฎานิ กตฺวา สิพฺพนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อชินปฺปเวณี’’ติฯ
Hatthiassarathattharanti hatthipiṭṭhe attharitaṃ attharaṇaṃ hatthattharaṇaṃ nāma. Assarathattharepi eseva nayo. Kadalimigapavara-paccattharaṇakampi cāti kadalimigacammaṃ nāma atthi, tena kataṃ pavarapaccattharaṇanti attho. Taṃ kira setavatthassa upari kadalimigacammaṃ pattharitvā sibbetvā karonti. Pi-saddena ajinappaveṇī gahitā. Ajinappaveṇī nāma ajinacammehi mañcapamāṇena sibbetvā katā paveṇī. Tāni kira cammāni sukhumatarāni, tasmā dupaṭṭatipaṭṭāni katvā sibbanti. Tena vuttaṃ ‘‘ajinappaveṇī’’ti.
๒๖๖๑. รตฺตวิตานสฺส เหฎฺฐาติ กุสุมฺภาทิรตฺตสฺส โลหิตวิตานสฺส เหฎฺฐา กปฺปิยปจฺจตฺถรเณหิ อตฺถตํ สยนาสนญฺจฯ กสาวรตฺตวิตานสฺส ปน เหฎฺฐา กปฺปิยปจฺจตฺถรเณน อตฺถตํ วฎฺฎติฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘เหฎฺฐา อกปฺปิเย’’ติอาทิฯ
2661.Rattavitānassa heṭṭhāti kusumbhādirattassa lohitavitānassa heṭṭhā kappiyapaccattharaṇehi atthataṃ sayanāsanañca. Kasāvarattavitānassa pana heṭṭhā kappiyapaccattharaṇena atthataṃ vaṭṭati. Teneva vakkhati ‘‘heṭṭhā akappiye’’tiādi.
ทฺวิธา รตฺตูปธานกนฺติ สีสปเสฺส, ปาทปเสฺส จาติ อุภโตปเสฺส ปญฺญตฺตรตฺตพิโพฺพหนวนฺตญฺจ สยนาสนํฯ อิทํ สพฺพํ อกปฺปิยํ ปริภุญฺชโต ทุกฺกฎํ โหติฯ ‘‘ยํ ปน เอกเมว อุปธานํ อุโภสุ ปเสฺสสุ รตฺตํ วา โหติ ปทุมวณฺณํ วา วิจิตฺรํ วา, สเจ ปมาณยุตฺตํ, วฎฺฎตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๕๔) อฎฺฐกถาวินิจฺฉโย เอเตเนว พฺยติเรกโต วุโตฺต โหติฯ ‘‘เยภุยฺยรตฺตานิปิ เทฺว พิโพฺพหนานิ น วฎฺฎนฺตี’’ติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ เตเนว เยภุเยฺยน รตฺตวิตานมฺปิ น วฎฺฎตีติ วิญฺญายติฯ
Dvidhārattūpadhānakanti sīsapasse, pādapasse cāti ubhatopasse paññattarattabibbohanavantañca sayanāsanaṃ. Idaṃ sabbaṃ akappiyaṃ paribhuñjato dukkaṭaṃ hoti. ‘‘Yaṃ pana ekameva upadhānaṃ ubhosu passesu rattaṃ vā hoti padumavaṇṇaṃ vā vicitraṃ vā, sace pamāṇayuttaṃ, vaṭṭatī’’ti (mahāva. aṭṭha. 254) aṭṭhakathāvinicchayo eteneva byatirekato vutto hoti. ‘‘Yebhuyyarattānipi dve bibbohanāni na vaṭṭantī’’ti gaṇṭhipade vuttaṃ. Teneva yebhuyyena rattavitānampi na vaṭṭatīti viññāyati.
เอตฺถ จ กิญฺจาปิ ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ ‘‘อโลหิตกานิ เทฺวปิ วฎฺฎนฺติเยว, ตโต อุตฺตริ ลภิตฺวา อเญฺญสํ ทาตพฺพานิ, ทาตุํ อสโกฺกโนฺต มเญฺจ ติริยํ อตฺถริตฺวา อุปริ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ ลภตี’’ติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๕) อวิเสเสน วุตฺตํฯ เสนาสนกฺขนฺธกสํวณฺณนายํ ปน ‘‘อคิลานสฺส สีสูปธานญฺจ ปาทูปธานญฺจาติ ทฺวยเมว วฎฺฎติ, คิลานสฺส พิโพฺพหนานิ สนฺถริตฺวา อุปริ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ วฎฺฎตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๒๙๗) วุตฺตตฺตา คิลาโนเยว มเญฺจ ติริยํ อตฺถริตฺวา นิปชฺชิตุํ ลภตีติ เวทิตพฺพํฯ
Ettha ca kiñcāpi dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ ‘‘alohitakāni dvepi vaṭṭantiyeva, tato uttari labhitvā aññesaṃ dātabbāni, dātuṃ asakkonto mañce tiriyaṃ attharitvā upari paccattharaṇaṃ datvā nipajjitumpi labhatī’’ti (dī. ni. aṭṭha. 1.15) avisesena vuttaṃ. Senāsanakkhandhakasaṃvaṇṇanāyaṃ pana ‘‘agilānassa sīsūpadhānañca pādūpadhānañcāti dvayameva vaṭṭati, gilānassa bibbohanāni santharitvā upari paccattharaṇaṃ datvā nipajjitumpi vaṭṭatī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 297) vuttattā gilānoyeva mañce tiriyaṃ attharitvā nipajjituṃ labhatīti veditabbaṃ.
๒๖๖๒. อุทฺธํ เสตวิตานมฺปิ เหฎฺฐา อกปฺปิเย ปจฺจตฺถรเณ สติ น วฎฺฎตีติ โยชนาฯ ตสฺมินฺติ อกปฺปิยปจฺจตฺถรเณฯ
2662. Uddhaṃ setavitānampi heṭṭhā akappiye paccattharaṇe sati na vaṭṭatīti yojanā. Tasminti akappiyapaccattharaṇe.
๒๖๖๓. ‘‘ฐเปตฺวา’’ติ อิมินา อาสนฺทาทิตฺตยสฺส วฎฺฎนากาโร นตฺถีติ ทีเปติฯ เสสํ สพฺพนฺติ โคนกาทิ ทฺวิธารตฺตูปธานกปริยนฺตํ สพฺพํฯ คิหิสนฺตกนฺติ คิหีนํ สนฺตกํ เตหิเยว ปญฺญตฺตํ, อิมินา ปญฺจสุ สหธมฺมิเกสุ อญฺญตเรน วา เตสํ อาณตฺติยา วา ปญฺญตฺตํ น วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ ลภเตติ นิสีทิตุํ ลภติฯ
2663.‘‘Ṭhapetvā’’ti iminā āsandādittayassa vaṭṭanākāro natthīti dīpeti. Sesaṃ sabbanti gonakādi dvidhārattūpadhānakapariyantaṃ sabbaṃ. Gihisantakanti gihīnaṃ santakaṃ tehiyeva paññattaṃ, iminā pañcasu sahadhammikesu aññatarena vā tesaṃ āṇattiyā vā paññattaṃ na vaṭṭatīti dīpeti. Labhateti nisīdituṃ labhati.
๒๖๖๔. ตํ กตฺถ ลภตีติ ปเทสนิยมํ ทเสฺสตุมาห ‘‘ธมฺมาสเน’’ติอาทิฯ ธมฺมาสเนติ เอตฺถ อฎฺฐกถายํ ‘‘ยทิ ธมฺมาสเน สงฺฆิกมฺปิ โคนกาทิํ ภิกฺขูหิ อนาณตฺตา อารามิกาทโย สยเมว ปญฺญาเปนฺติ เจว นีหรนฺติ จ, เอตํ คิหิวิกตนีหารํ นามฯ อิมินา คิหิวิกตนีหาเรน วฎฺฎตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๓๒๐; วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ปกิณฺณกวินิจฺฉยกถา ๕๖ อตฺถโต สมานํ) วุตฺตํฯ ภตฺตเคฺค วาติ วิหาเร นิสีทาเปตฺวา ปริเวสนฎฺฐาเน วา โภชนสาลายํ วาฯ อปิสเทฺทน คิหีนํ เคเหปิ เตหิ ปญฺญเตฺต โคนกาทิมฺหิ นิสีทิตุํ อนาปตฺตีติ ทีเปติฯ ธมฺมาสนาทิปเทสนิยมเนน ตโต อญฺญตฺถ คิหิปญฺญเตฺตปิ ตตฺถ นิสีทิตุํ น วฎฺฎตีติ พฺยติเรกโต วิญฺญายติฯ
2664. Taṃ kattha labhatīti padesaniyamaṃ dassetumāha ‘‘dhammāsane’’tiādi. Dhammāsaneti ettha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘yadi dhammāsane saṅghikampi gonakādiṃ bhikkhūhi anāṇattā ārāmikādayo sayameva paññāpenti ceva nīharanti ca, etaṃ gihivikatanīhāraṃ nāma. Iminā gihivikatanīhārena vaṭṭatī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 320; vi. saṅga. aṭṭha. pakiṇṇakavinicchayakathā 56 atthato samānaṃ) vuttaṃ. Bhattagge vāti vihāre nisīdāpetvā parivesanaṭṭhāne vā bhojanasālāyaṃ vā. Apisaddena gihīnaṃ gehepi tehi paññatte gonakādimhi nisīdituṃ anāpattīti dīpeti. Dhammāsanādipadesaniyamanena tato aññattha gihipaññattepi tattha nisīdituṃ na vaṭṭatīti byatirekato viññāyati.
ภูมตฺถรณเกติ เอตฺถ ‘‘กเต’’ติ เสโสฯ ตตฺถาติ สงฺฆิเก วา คิหิสนฺตเก วา โคนกาทิมฺหิ สหธมฺมิเกหิ อนาณเตฺตหิ คิหีหิ เอว ภูมตฺถรเณ กเตฯ สยิตุนฺติ อุปริ อตฺตโน ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุํ วฎฺฎติฯ อปิ-สเทฺทน นิสีทิตุมฺปิ วาติ สมุจฺจิโนติฯ ‘‘ภูมตฺถรณเก’’ติ อิมินา คิหีหิ เอว มญฺจาทีสุ สยนตฺถํ อตฺถเต อุปริ อตฺตโน ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา สยิตุํ วา นิสีทิตุํ วา น วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ
Bhūmattharaṇaketi ettha ‘‘kate’’ti seso. Tatthāti saṅghike vā gihisantake vā gonakādimhi sahadhammikehi anāṇattehi gihīhi eva bhūmattharaṇe kate. Sayitunti upari attano paccattharaṇaṃ datvā nipajjituṃ vaṭṭati. Api-saddena nisīditumpi vāti samuccinoti. ‘‘Bhūmattharaṇake’’ti iminā gihīhi eva mañcādīsu sayanatthaṃ atthate upari attano paccattharaṇaṃ datvā sayituṃ vā nisīdituṃ vā na vaṭṭatīti dīpeti.
จมฺมกฺขนฺธกกถาวณฺณนาฯ
Cammakkhandhakakathāvaṇṇanā.